หนึ่งดวงใจ
-
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 16.41 น.
10 ตอน
26 วิจารณ์
19.45K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2562 09.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) คอนเสิร์ตกลางแจ้ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเช้านี้อากาศแจ่มใส วรรณวิฬาร์ตื่นแต่เช้าเพื่อมารับอากาศบริสุทธิ์
แต่น่าเสียดายหอพักที่เธออยู่แทบจะหาอากาศบริสุทธิ์ได้ยาก เนื่องจากมีหอพักที่อยู่แออัดกันจำนวนมาก
หญิงสาวตัดสินใจปั่นจักรยานออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่สวนสาธารณะใกล้ๆ แทน
ขณะที่หญิงสาวกำลังวิ่งจ๊อกกิ้งเบาๆ อยู่ใน “สวนสาธารณะสราญรมย์” นั้น
ตลอดทางผู้คนจับกลุ่มซุบซิบนินทากันและหันมามองดูเธอ แล้วอดหัวเราะไม่ได้
ทำให้เธอชักสงสัยตะหงิดๆ ขึ้นมา แล้วเธอก็ถึงบางอ้อ เมื่อเดินมาเข้าห้องน้ำและส่องกระจกดู
“ตายแล้ว! ยัยวรรณเอ๊ย ไม่น่าเลย นี่เธอลืมไปได้ไงเนี่ย ว่าเมื่อคืนพอกหน้าเอาไว้”
หญิงสาวจัดการล้างหน้าล้างตาออกเป็นการด่วน แล้วจึงค่อยๆ เดินออกมาจากห้องน้ำแวะนั่งพักที่ม้านั่งข้างหลังต้นไม้ใหญ่ซึ่งเป็นม้านั่งคู่อยู่คนละด้านของต้นไม้
หญิงสาวนั่งเช็ดหน้าเช็ดตาและนั่งพักสักครู่หนึ่ง
แต่อยู่ๆ เธอก็นึกสนุกขึ้นมา จึงได้ลุกขึ้น กำมือทำเป็นไมค์ แล้วออกท่าทางร้องเพลงเลียนแบบนักร้องมืออาชีพ
เธอคิดว่าแถวนี้เงียบสงบไม่มีใครอยู่นอกจากเธอ โดยเพลงที่เธอร้องก็หนีไม่พ้นเพลงแนวที่เธอชอบฟัง
“…ดั่งฟ้าที่แค่เพียงต้องการแกล้งกัน ให้ฉันต้องพบเจอแต่ความเจ็บช้ำใจ จนไม่รู้ว่ารักแท้หน้าตาเป็นเช่นไร ก็ยังไม่พบเจอใครที่รักกันจริงสักที
*จะมีไหม สักคนมาเปลี่ยนชีวิตของฉัน เธอคือใคร ที่จะรักจริง ไม่ทอดทิ้งกัน อยากจะรู้ จะมีไหมสักใจจะได้เจอเธอ อยากรู้เธอคือใคร ที่จะเป็นรักสุดท้ายของฉันจริงๆสักที…”
หลังจากการวาดลวดลายบนเวทีของตัวเองจบลง เธอก็ปรบมือให้ตัวเองเบาๆ
หญิงสาวรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งได้ออกกำลังกายและได้ทดสอบพลังเสียงไปด้วยเรียกได้ว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีก
วรรณวิฬาร์นั่งพักสักครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกเดินไปขึ้นขี่จักรยานและปั่นกลับหอพัก โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามีใครคนหนึ่งแอบยิ้มขำอยู่บนม้านั่งด้านหลังต้นไม้อีกด้านหนึ่ง
วันนี้เป็นวันเสาร์ หญิงสาวจึงไม่ต้องกระหืดกระหอบไปเรียนเหมือนเช่นทุกวัน
วรรณวิฬาร์เรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 ปัจจุบันเธอยังโสดสนิท และได้เช่าหอพักอยู่คนเดียว
เมื่อกลับมาถึงห้อง อาหารเช้าที่ทานเป็นประจำ คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตามแบบฉบับของเด็กหออย่างเธอ
แม้จะรู้ว่ามันไม่ได้ให้พลังงานมากเท่ากับการกินข้าวก็ตามทีเถอะ
หลังอาหารมื้อเช้าผ่านไป วันนี้หญิงสาวยังไม่มีโปรแกรมจะไปที่ไหน
เธอจึงตัดสินใจไปตลาดนัดสินค้ามือสองที่อยู่ใกล้ๆ กับหอพักของเธอเอง
ร้านขายหนังสือมือสองเป็นร้านโปรดที่เธอแวะมาประจำ วันนี้ก็เช่นเดียวกัน
เธอแวะมาในช่วงสายๆ เดินดูหนังสือเก่าๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจซื้อเล่มใดเป็นพิเศษ
จนกระทั่งเวลาเที่ยงวัน หญิงสาวแวะกินก๋วยเตี๋ยวเฝ๋อที่ร้านอร่อยเจ้าประจำของเธอ
ขณะนั่งรอก๋วยเตี๋ยวอยู่นั้น วิทยุที่ทางร้านเปิดเพลงเอาไว้ก็มีเสียงดีเจพูดว่า
“สำหรับเพลงต่อไป คนขอไม่ได้บอกชื่อนะครับ แต่บอกว่ามอบให้กับผู้หญิงคนหนึ่งครับ เอ! ผมก็สงสัยนะครับว่าตกลงจากใครมอบให้ใครกันล่ะเนี่ย แต่ไม่เป็นไรครับ คนขอกับคนฟังเขาคงจะรู้ๆ กันอยู่นะครับ เอ้า! งั้นก็เชิญรับฟังได้แล้วครับ”
"…แค่ขอดูแลไม่มีเงื่อนไข ให้เธอลืมเรื่องที่เจอ จะรอฟังคำว่ารัก ที่มาจากใจของเธอ จากวันนี้เธอคอยดู แล้วจะรู้เธอมีค่าขนาดไหน
*จะรักให้เธอลืมผู้ชายทุกคน ที่เคยทำให้เธอเสียใจ รักจริงเป็นยังไงจะทำให้เธอได้รู้ จะรักให้เธอลืมคนอื่นเลยนะ ไม่เชื่ออยากให้ลองดู สะกดคำว่าผู้ชายใหม่ คนนี้ที่รักเธออยู่ไม่เจ้าชู้และดีแสนดี ไม่มีวันทำร้ายเธอ"
.....................................
ณ เวที กลางแจ้งที่สวนสาธารณะสราญรมย์ วันนี้มีงานคอนเสิร์ตของนักดนตรีมือสมัครเล่นจากมหาวิทยาลัยที่วรรณวิฬาร์เรียนอยู่มาจัดแสดง
หญิงสาวบังเอิญเดินผ่านมา หลังจากแวะไปซื้อของใช้ที่ร้านสะดวกซื้อ เห็นคอนเสิร์ตกำลังเริ่มต้น เธอจึงเดินเข้ามาดูด้วยความสนใจ ผู้คนเริ่มทะยอยเข้ามาเรื่อยๆ
ที่หน้าเวที ติดโปสเตอร์ตัวใหญ่ว่า
“In My Heart”
หญิงสาวรู้สึกคุ้นๆ ชื่อ และในที่สุดก็ถึงบางอ้อ เมื่อทราบว่าเป็นวงดนตรีประจำมหาวิทยาลัยของเธอนั่นเอง
เธอแหวกผู้คนจำนวนมากเข้ามายืนดูอยู่แถวหน้า แม้ไม่รู้จักใครในวงนี้เป็นพิเศษ แต่ที่อยากมาดู เพราะคิดว่ามาฟังคอนเสิร์ตสนุกๆ บ้างก็ดีเหมือนกัน จึงแวะเข้ามาดูใกล้ๆ ขอบเวที
บนเวทีนักร้องนำเป็นหนุ่มหล่อหน้าตี๋ ที่สาวๆ ด้านล่างเวทีให้ความสนใจกันมากเป็นพิเศษ
ยกเว้นแต่วรรณวิฬาร์ เนื่องจากเธอตั้งใจมาฟังเพลงมากกว่ามากรี๊ดนักร้องหรือสมาชิกในวง
“กรี๊ดๆๆๆ พี่ดลน่ารักที่สุด กรี๊ดๆๆๆ”
เสียงกรี๊ดดังมาเป็นระยะๆ จนบางครั้งวรรณวิฬาร์ ต้องแอบใช้มืออุดหู
หญิงสาวรู้สึกแปลกใจ แถวๆ ที่เธอยืนอยู่มีอะไรนักหนานะ นายนักร้องนำหน้าตี๋นั่นถึงได้ชำเลืองมองมาบ่อยๆ
ขณะที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีหมอนั่นยังมีท่าทางเหมือนกำลังยิ้มขำอะไรอยู่ด้วยก็ไม่รู้
หลังจากเพลงเปิดตัวเพลงแรกจบลงก็เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้อีกชุดใหญ่จากสาวๆ ด้านล่างเวที ยกเว้นวรรณวิฬาร์คนเดียวเท่านั้น
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
แต่น่าเสียดายหอพักที่เธออยู่แทบจะหาอากาศบริสุทธิ์ได้ยาก เนื่องจากมีหอพักที่อยู่แออัดกันจำนวนมาก
หญิงสาวตัดสินใจปั่นจักรยานออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่สวนสาธารณะใกล้ๆ แทน
ขณะที่หญิงสาวกำลังวิ่งจ๊อกกิ้งเบาๆ อยู่ใน “สวนสาธารณะสราญรมย์” นั้น
ตลอดทางผู้คนจับกลุ่มซุบซิบนินทากันและหันมามองดูเธอ แล้วอดหัวเราะไม่ได้
ทำให้เธอชักสงสัยตะหงิดๆ ขึ้นมา แล้วเธอก็ถึงบางอ้อ เมื่อเดินมาเข้าห้องน้ำและส่องกระจกดู
“ตายแล้ว! ยัยวรรณเอ๊ย ไม่น่าเลย นี่เธอลืมไปได้ไงเนี่ย ว่าเมื่อคืนพอกหน้าเอาไว้”
หญิงสาวจัดการล้างหน้าล้างตาออกเป็นการด่วน แล้วจึงค่อยๆ เดินออกมาจากห้องน้ำแวะนั่งพักที่ม้านั่งข้างหลังต้นไม้ใหญ่ซึ่งเป็นม้านั่งคู่อยู่คนละด้านของต้นไม้
หญิงสาวนั่งเช็ดหน้าเช็ดตาและนั่งพักสักครู่หนึ่ง
แต่อยู่ๆ เธอก็นึกสนุกขึ้นมา จึงได้ลุกขึ้น กำมือทำเป็นไมค์ แล้วออกท่าทางร้องเพลงเลียนแบบนักร้องมืออาชีพ
เธอคิดว่าแถวนี้เงียบสงบไม่มีใครอยู่นอกจากเธอ โดยเพลงที่เธอร้องก็หนีไม่พ้นเพลงแนวที่เธอชอบฟัง
“…ดั่งฟ้าที่แค่เพียงต้องการแกล้งกัน ให้ฉันต้องพบเจอแต่ความเจ็บช้ำใจ จนไม่รู้ว่ารักแท้หน้าตาเป็นเช่นไร ก็ยังไม่พบเจอใครที่รักกันจริงสักที
*จะมีไหม สักคนมาเปลี่ยนชีวิตของฉัน เธอคือใคร ที่จะรักจริง ไม่ทอดทิ้งกัน อยากจะรู้ จะมีไหมสักใจจะได้เจอเธอ อยากรู้เธอคือใคร ที่จะเป็นรักสุดท้ายของฉันจริงๆสักที…”
หลังจากการวาดลวดลายบนเวทีของตัวเองจบลง เธอก็ปรบมือให้ตัวเองเบาๆ
หญิงสาวรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งได้ออกกำลังกายและได้ทดสอบพลังเสียงไปด้วยเรียกได้ว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีก
วรรณวิฬาร์นั่งพักสักครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกเดินไปขึ้นขี่จักรยานและปั่นกลับหอพัก โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามีใครคนหนึ่งแอบยิ้มขำอยู่บนม้านั่งด้านหลังต้นไม้อีกด้านหนึ่ง
วันนี้เป็นวันเสาร์ หญิงสาวจึงไม่ต้องกระหืดกระหอบไปเรียนเหมือนเช่นทุกวัน
วรรณวิฬาร์เรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 ปัจจุบันเธอยังโสดสนิท และได้เช่าหอพักอยู่คนเดียว
เมื่อกลับมาถึงห้อง อาหารเช้าที่ทานเป็นประจำ คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตามแบบฉบับของเด็กหออย่างเธอ
แม้จะรู้ว่ามันไม่ได้ให้พลังงานมากเท่ากับการกินข้าวก็ตามทีเถอะ
หลังอาหารมื้อเช้าผ่านไป วันนี้หญิงสาวยังไม่มีโปรแกรมจะไปที่ไหน
เธอจึงตัดสินใจไปตลาดนัดสินค้ามือสองที่อยู่ใกล้ๆ กับหอพักของเธอเอง
ร้านขายหนังสือมือสองเป็นร้านโปรดที่เธอแวะมาประจำ วันนี้ก็เช่นเดียวกัน
เธอแวะมาในช่วงสายๆ เดินดูหนังสือเก่าๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจซื้อเล่มใดเป็นพิเศษ
จนกระทั่งเวลาเที่ยงวัน หญิงสาวแวะกินก๋วยเตี๋ยวเฝ๋อที่ร้านอร่อยเจ้าประจำของเธอ
ขณะนั่งรอก๋วยเตี๋ยวอยู่นั้น วิทยุที่ทางร้านเปิดเพลงเอาไว้ก็มีเสียงดีเจพูดว่า
“สำหรับเพลงต่อไป คนขอไม่ได้บอกชื่อนะครับ แต่บอกว่ามอบให้กับผู้หญิงคนหนึ่งครับ เอ! ผมก็สงสัยนะครับว่าตกลงจากใครมอบให้ใครกันล่ะเนี่ย แต่ไม่เป็นไรครับ คนขอกับคนฟังเขาคงจะรู้ๆ กันอยู่นะครับ เอ้า! งั้นก็เชิญรับฟังได้แล้วครับ”
"…แค่ขอดูแลไม่มีเงื่อนไข ให้เธอลืมเรื่องที่เจอ จะรอฟังคำว่ารัก ที่มาจากใจของเธอ จากวันนี้เธอคอยดู แล้วจะรู้เธอมีค่าขนาดไหน
*จะรักให้เธอลืมผู้ชายทุกคน ที่เคยทำให้เธอเสียใจ รักจริงเป็นยังไงจะทำให้เธอได้รู้ จะรักให้เธอลืมคนอื่นเลยนะ ไม่เชื่ออยากให้ลองดู สะกดคำว่าผู้ชายใหม่ คนนี้ที่รักเธออยู่ไม่เจ้าชู้และดีแสนดี ไม่มีวันทำร้ายเธอ"
.....................................
ณ เวที กลางแจ้งที่สวนสาธารณะสราญรมย์ วันนี้มีงานคอนเสิร์ตของนักดนตรีมือสมัครเล่นจากมหาวิทยาลัยที่วรรณวิฬาร์เรียนอยู่มาจัดแสดง
หญิงสาวบังเอิญเดินผ่านมา หลังจากแวะไปซื้อของใช้ที่ร้านสะดวกซื้อ เห็นคอนเสิร์ตกำลังเริ่มต้น เธอจึงเดินเข้ามาดูด้วยความสนใจ ผู้คนเริ่มทะยอยเข้ามาเรื่อยๆ
ที่หน้าเวที ติดโปสเตอร์ตัวใหญ่ว่า
“In My Heart”
หญิงสาวรู้สึกคุ้นๆ ชื่อ และในที่สุดก็ถึงบางอ้อ เมื่อทราบว่าเป็นวงดนตรีประจำมหาวิทยาลัยของเธอนั่นเอง
เธอแหวกผู้คนจำนวนมากเข้ามายืนดูอยู่แถวหน้า แม้ไม่รู้จักใครในวงนี้เป็นพิเศษ แต่ที่อยากมาดู เพราะคิดว่ามาฟังคอนเสิร์ตสนุกๆ บ้างก็ดีเหมือนกัน จึงแวะเข้ามาดูใกล้ๆ ขอบเวที
บนเวทีนักร้องนำเป็นหนุ่มหล่อหน้าตี๋ ที่สาวๆ ด้านล่างเวทีให้ความสนใจกันมากเป็นพิเศษ
ยกเว้นแต่วรรณวิฬาร์ เนื่องจากเธอตั้งใจมาฟังเพลงมากกว่ามากรี๊ดนักร้องหรือสมาชิกในวง
“กรี๊ดๆๆๆ พี่ดลน่ารักที่สุด กรี๊ดๆๆๆ”
เสียงกรี๊ดดังมาเป็นระยะๆ จนบางครั้งวรรณวิฬาร์ ต้องแอบใช้มืออุดหู
หญิงสาวรู้สึกแปลกใจ แถวๆ ที่เธอยืนอยู่มีอะไรนักหนานะ นายนักร้องนำหน้าตี๋นั่นถึงได้ชำเลืองมองมาบ่อยๆ
ขณะที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีหมอนั่นยังมีท่าทางเหมือนกำลังยิ้มขำอะไรอยู่ด้วยก็ไม่รู้
หลังจากเพลงเปิดตัวเพลงแรกจบลงก็เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้อีกชุดใหญ่จากสาวๆ ด้านล่างเวที ยกเว้นวรรณวิฬาร์คนเดียวเท่านั้น
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ