ซาตานดีไซน์รัก
8.2
6)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“กิ๊ฟนัดลูกค้าไว้ที่ไหนครับ” วุฒิภัทรถามขึ้นเมื่อขับรถออกจากร้านอาหารมาได้สักพัก
“ร้านคาซา เดลค่ะ”
“คุณชอบร้านนั้นเหรอ”
“ค่ะ พอดีฉันรู้จักเจ้าของร้านน่ะค่ะ”
“คงไปบ่อยล่ะซิ”
“อะไรนะคะ” วริญาถามเมื่อได้ยินที่เขาพูดไม่ชัด
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก ”
‘อะไรของเขา’ วริญาได้แต่สงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเซ้าซี้เมื่อเห็นว่า
คนข้างๆตั้งหน้าตั้งตาขับรถโดยไม่สนใจจะชวนเธอคุยเหมือนตอน
แรก แม้ว่าจะอดรู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเจ้าของรถ
ก็ตาม เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจดหน้าร้านอาหารที่เธอได้นัดกับลูกค้าคน
สำคัญ วริญาก็หันมากล่าวขอบคุณกับคนที่อยู่ดีๆก็นั่งเงียบไม่ยอมคุย
กับเธอเสียดื้อๆทั้งๆที่ในตอนแรกนั้นพยายามที่จะชวนเธอคุยแท้ๆ
“ขอบคุณนะคะที่กรุณามาส่งดิฉัน” วริญากล่าวขอบคุณชายหนุ่มด้วย
น้ำเสียงประชดประชันเพราะอดที่จะหมั่นใส่คนตรงหน้าขึ้นมาเหมือน
กันที่อยู่ดีๆก็มีท่าทางที่เปลี่ยนไปจนเธอเองก็ตามไม่ทัน
เมื่อเห็นหญิงสาวลงจากรถเรียบร้อยแล้ววุฒิภัทรก็ขับรถออก
จากร้านด้วยความเร็วโดยไม่ยอมหันกลับไปมองหญิงสาวที่ยืนแสดง
อาการงงว่าได้ทำอะไรให้เขาไม่พอใจตอนไหนหรือเปล่าถึงแสดงท่า
ทางไม่พอใจขึ้นมาแบบนี้
“คุณครีมเข้ามาพบผมหน่อย”
เสียงของท่านประธานบริษัทที่ดังมาจากเครื่องมือสื่อสารบนโต๊ะทำให้
เลขาสาวต้องรีบลุกจากเก้าอี้ที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่อย่างรีบร้อน
ช่วงนี้เธอรู้สึกว่าท่านประธานอารมณ์ไม่ค่อยจะดีหากทำอะไรให้ไม่ถูก
ใจล่ะก็ได้เป็นเรื่องแน่ ขนาดกวีนคนสนิทของท่านยังโดนเล่นงานแต่
เช้าแล้วนับประสาอะไรกับเลขาหน้าห้องอย่างเธอเล่า เมื่อเธอเดินมา
หยุดอยู่หน้าห้องทำงานที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทแห่งนี้แล้ว จึงยื่นมือ
ออกไปเพื่อเคาะประตูขออนุญาตเจ้าของห้องตามมารยาทที่ดี
“เชิญ”
เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่บอกก็รู้โดยอัตโนมัติว่าคงอารมณ์เสียอยู่แน่
นอนเพราะน้ำเสียงฟังดูห้วนทีเดียวจึงทำให้เลขาสาวเกิดอาการวิตก
ขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจมาบ้างแล้วก็ตาม แล้วจึงรีบยื่นมือออกไป
เปิดประตูเพราะหากเธอชักช้าอาจจะทำให้ท่านประธานอารมณ์เสีย
มากไปกว่านี้ เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องเลขาสาวก็รีบเดินตรง
ไปยังโต๊ะท่านประธานหนุ่มทันที
“วันนี้ผมมีนัดที่ไหนบ้าง” วุฒิภัทรถามเลขาสาวเมื่อเธอเดินเข้ามาถึง
หน้าโต๊ะทำงานของเขา
“ตอนบ่ายนี้ท่านประทานมีนัดทานข้าวกับคุณเกษมค่ะ แล้วก็สองทุ่มมี
งานเลี้ยงเปิดตัวร้านจิวเวอร์รี่ของคุณเทพค่ะ”
“อืม ผมจะออกไปข้างนอกคงไม่กลับเข้ามาอีก”พูดจบวุฒิภัทรก็หยิบ
กระเป๋าเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินออกจากห้องไปทันที
“กิ๊ฟเสร็จหรือยังจ๊ะคุณภูมารอแล้วนะ”
“เสร็จแล้วค่า....”
วริญาตอบพี่สาวขณะที่เดินมาเปิดประตูห้อง วันนี้เธอต้องไป
งานเลี้ยงเปิดร้านจิวเวอร์รี่ที่ภูธนิตย์รับออกแบบร้านให้ อีกทั้งเจ้าของ
ร้านยังรู้จักกับครอบครัวของเธอเป็นอย่างดีอีกด้วยเพราะเป็นเพื่อนกับ
พี่สาวของเธอตั้งแต่สมัยเรียน ในตอนแรกนั้นวริญาคิดว่าจะเปิด
โอกาสให้พี่สาวไปกับภูธนิตย์ เพราะเธอก็ไม่ชอบไปงานแบบนี้อยู่แล้ว
ด้วย แต่พี่สาวของเธอนะซิไม่ยอมไปกับภูธนิตย์เพราะเกิดงอนพี่ภู
ของเธอซะงั้น
'กิ๊ฟไปงานกับพี่นะ'
'พี่กิ่งไปกับพี่ภูเถอะค่ะ กิ๊ฟอยากอยู่บ้านมากกว่าพี่กิ่งก็รู้ว่ากิ๊ฟไม่ชอบ
ไปงานแบบนี้'
'แต่พี่ไม่อยากไปกับคุณภูสองคนนี่นา'
'มีอะไรหรือเปล่าค่ะ ปกติก็ไปด้วยกันนี่นา'
‘เอาเป็นว่าถ้ากิ๊ฟไม่ไปด้วยพี่ก็ไม่ไปเหมือนกัน’ ท่าทางและคำพูด
ของพี่สาวที่พูดกับเธอเมื่อตอนบ่ายนั้นไม่บอกก็รู้ว่าต้องงอนพี่ภูของ
เธออย่างแน่นอน ถึงแม้จะไม่ยอมบอกเธอว่างอนพี่ภูของเธอเพราะ
เรื่องอะไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้ทำให้เธอต้องไปงานเลี้ยงทั้งๆที่เธอไม่
ค่อยอยากจะไปสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่สามารถปฎิเสธได้
“ว้าว...นางฟ้าที่ไหนมายืนอยู่ตรงนี้เนี่ย”
วริญาแซวพี่สาวทันทีที่เปิดประตูออกมาจากห้องของตัวเอง
วันนี้พี่สาวของเธออยู่ในชุดเดรสสีชมพูสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ดู
แล้วเข้ากับใบหน้าที่สวยหวานยิ่งนัก
“ขอบใจจ๊ะ แต่พี่ว่าถ้าเอาแต่ยืนชมกันแบบนี้เดี๋ยวก็ไปงานไม่ทันพอ
ดี”
“อย่าทำหน้าดุสิคะ เดี๋ยวไม่สวยพี่ภูไม่รักน้า....”
“ไม่รักก็ไม่ต้องรักซิ พี่ไม่ได้ง้อให้มารักซักหน่อย”
“ยังไม่หายงอนพี่ภูอีกเหรอคะ”
“พี่ไม่ได้งอนสักหน่อย แล้วจะยืนตรงนี้อีกนานมั้ย”
“ก็ไปซิคะ”
วริญาเดินมาเกาะแขนพี่สาวเพื่อเอาใจ เธอคิดว่าคืนนี้พี่สาวของ
เธอต้องทำให้ภูธนิตย์ต้องตะลึงตาค้างอย่างแน่นอน และก็เป็นอย่าง
ที่คิดจริงๆเมื่อเธอและพี่สาวเดินมาหยุดอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย เธอก็
เห็นภูธนิตย์ที่ตอนแรกนั่งรออยู่ยืนขึ้นแล้วหันมามองพี่สาวของเธอตา
ค้าง ขนาดเดียวกันก็สังเกตุเห็นใบหน้าของคนที่ยืนข้างๆเธอที่ตอนนี้
คงอายมากเพราะใบหน้าหวานนั้นตอนนี้แดงเหมือนลูกตำลึงสุกเลยที
เดียว
“จะมองให้ละลายเลยหรือไงคะพี่ภู”
เสียงของวริญาทำให้ภูธนิตย์รู้สึกตัวว่าเผลอมองคนรักที่วันนี้ดู
สวยหวานเป็นพิเศษจนเขาไม่อยากให้เธอไปงานเลี้ยงเสียแล้ว เมื่อ
คิดว่าผู้ชายในงานจะต้องมองคนรักของเขาอย่างแน่นอนก็ทำให้เกิด
ความหวงขึ้นมา ยิ่งตอนนี้เธอกำลังงอนเขาอยู่ด้วย เมื่อคิดมาถึงเรื่อง
นี้ภูนิตย์ก็ยังไม่รู้จะง้อขอคืนดียังไงดีเห็นทีคงต้องขอตัวช่วยซะแล้วซิ
เมื่อเข้ามาภายในงานก็เป็นอย่างที่ภูธนิตย์คิดไว้ไม่มีผิด ก็
ตอนนี้หนุ่มๆในงานหันมาสนใจสาวสวยที่เดินเข้ามาในงานพร้อมกับ
เขาทั้งสองคน เขารู้สึกว่าไม่ชอบสายตาเหล่านั้นเอาเสียเลยโดย
เฉพาะสายตาหนุ่มๆทั้งหลายที่มองมาทางหญิงสาวที่สวมชุดสีชมพู
หวาน ภูธนิตย์ขยับเข้าไปใกล้คนรักแล้วยื่นมือไปเพื่อโอบเอวเธอไว้
เพื่อต้องการแสดงให้สายตาเหล่านั้นได้เห็นว่าสาวสวยคนนี้มีเจ้าของ
แล้ว
วนิญารู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของภูธนิตย์จึงพยายามที่จะออก
จากวงแขนของเขาแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเพราะยิ่งเธอพยายามจะ
เบี่ยงตัวออกวงแขนของเขาก็ยิ่งกระชับมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าภู
ธนิตย์ไม่ยอมปล่อยเธอจึงหยิกเขาที่เอวของคนรักแต่เขากับทำเป็น
เฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย
วริญาเห็นท่าทางที่ภูธนิตย์แสดงออกมานั้นก็ทำให้อดยิ้มไม่ได้
‘คงจะหึงพี่กิ่งอีกตามเคย ก็พี่กิ่งทั้งสวยทั้งหวานออกแบบนี้นี่น่าหนุ่มๆ
ในงานก็ต้องมองเป็นธรรมดา’
“สวัสดีครับคุณภู”
“สวัสดีครับ” ภูธนิตย์กล่าวทักทายกลับไปบ้างก่อนที่เจ้าของงานจะ
หันไปหยอดคำหวานกับสาวน้อยที่ยืนข้างๆเขา
“ สวัสดีครับน้องกิ๊ฟวันนี้น้องกิ๊ฟดูน่ารักมากเลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” วริญาตอบออกไปด้วยความรู้สึกอายที่ถูกชม
“สบายดีไหมกิ่งไม่เจอกันนานเลยนะ ”
เสียงของเจ้าของงานที่เดินออกมาตอนรับกล่าวทักทายภูธนิตย์
และวริญาด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจก่อนจะหันไปคุยกับวนิญาเพื่อนสาว
คนสนิท
“สบายดีจ๊ะ รวยใหญ่แล้วนะเดี๋ยวนี้”
“รวยอะไรกันล่ะ อ้อ...แล้วเมื่อไหร่เทพจะได้อ่านหนังสือเล่มใหม่ของ
กิ่งสักทีล่ะ”
“ก็เร็วๆนี้ล่ะ ตอนนี้กิ่งกำลังเร่งอยู่ต้นเดือนหน้าก็คงจะเรียบร้อยน่ะ”
“แล้วเทพจะรออ่านนะ ผมว่าไปนั่งกันก่อนดีกว่าไหมครับเชิญทางนี้
เลยผมเตรียมโต๊ะที่ใกล้เวทีไว้ให้เลยนะครับ จะได้เห็นนางแบบชัดๆ
ไงครับ งานนี้ผมเชิญคุณอัยลินนางแบบคิวทองมาเลยนะครับเนี่ย”
พูดจบเจ้าของงานก็เดินนำไปที่โต๊ะด้านหน้าที่ใกล้เวทีอย่างที่
ได้บอกไว้จริงๆเมื่อมาถึงโต๊ะเจ้าของงานก็เชิญแขกนั่ง แล้วก็ขอตัวไป
ตอนรับแขกที่เริ่มทยอยกันเข้ามาภายในงาน
“นึกว่าจะไม่ชวนนั่งซะแล้ว”
เสียงของภูธนิตย์พูดขึ้นเมื่อเจ้าของงานเดินออกไปจากโต๊ะเรียก
สายตาดุจากหญิงสาวที่มีใบหน้าหวานที่นั่งข้างๆได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง
ยังโดนหยิกที่เอวเป็นของแถมอีกหนึ่งที
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงค่ะคุณภูธนิตย์”
“เปล่า ผมก็พูดอย่างที่เห็น”
“เห็นอะไรไม่ทราบคะ”
“ก็เห็นว่าเจ้าของงานเอาแต่คุยกับแฟนชาวบ้านจนลืมว่าจะต้องเชิญแขกนั่งนะซิ”
“เทพเป็นเพื่อนกิ่งนะคะคุณภูธนิตย์”
“ก็นายนั้นคิดว่าคุณเป็นเพื่อนหรือเปล่าล่ะ ดูสายตาที่มันมองคุณซิ”
“คุณภูธนิตย์”
“ไม่มีใครหิวกันเลยเหรอคะ กิ๊ฟหิวแล้วเราไปหาอะไรรองท้องกันดีกว่าไหมคะ”
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มตรึงเครียดวริญาจึงได้เอ่ยชวนทั้งสอง
คนที่ตอนนี้ตั้งหน้าตั้งตาว่าจะทะเลาะกันจนเธอคิดว่าทั้งสองคนคงลืม
ไปแล้วว่าเธอนั่งอยู่ด้วย และก็ได้ผลเมื่อทั้งสองหันมาที่เธอและสุภาพ
บุรุษคนเดียวของโต๊ะเสนอตัวว่าจะไปตักอาหารเอง
“เดี๋ยวพี่ไปตักเองจ๊ะ กิ๊ฟนั่งอยู่เป็นเพื่อนคุณกิ่งที่นี่ล่ะ”
ภูธนิตย์พูดก่อนที่จะเดินไปยังมุมอาหารในงานวริญาจึงหันมา
สนใจพี่สาวของเธอที่ตอนนี้เอาแต่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่เก้าอี้ฝั่งตรง
ข้ามกับเธอ
“งอนเรื่องอะไรค่ะพี่กิ่ง กิ๊ฟเห็นพี่กิ่งไม่ยอมคุยกับพี่ภูตั้งแต่อยู่ในรถ
แล้วยังท่าทางของพี่ภูเมื่อตะกี๋นี้อีก”
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ ก็แค่คนไม่มีเหตุผลน่ะอย่าไปสนใจเลย”
วนิญาตอบน้องสาวที่มองมาทางเธอก่อนที่เธอจะหันหน้าหลบสายตา
ที่มองมาอย่างต้องการคำตอบ
“นั้นไงพูดแบบนี้ต้องทะเลาะกันชัว”
“พี่บอกไม่มีก็ไม่มีซิจ๊ะ”
“โอเคค่ะ ไม่มีก็ไม่มีทำไมต้องดุด้วยล่ะ”
“ขอโทษทีจ๊ะกิ๊ฟพี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ”
“ค่ะ”
พูดจบคนเป็นพี่สาวก็ลุกจากโต๊ะไปปล่อยให้วริญานั่งมองตาม
หลังไปอย่างอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวและพี่ภูของเธอ โดย
เฉพาะท่าทางและคำพูดของคนที่กำลังยืนเลือกอาหารอยู่นั้นยิ่งทำให้
หญิงสาวอยากทราบถึงสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองทะเลาะกันซึ่งเธอไม่เคย
เห็นมาก่อน เพราะปกติพี่ภูของเธอจะเป็นคนที่ใจเย็นมีเหตุผลกับทุก
เรื่อง สุภาพ และยังเป็นผู้ชายที่แสนจะอ่อนโยนในสายตาของเธอ
ไม่เคยมีท่าทางแบบนี้มาก่อนเลย ทางพี่สาวของเธอก็เช่นกันไม่มีครั้ง
ไหนที่จะแสดงออกว่าโกรธพี่ภูของเธอได้เท่าครั้งนี้มาก่อน ที่ผ่านมาก็
แค่งอนโดนง้อนิดเดียวก็ใจอ่อนแล้ว แต่ครั้งนี้ดูต่างจากทุกที
“กิ๊ฟ......กิ๊ฟครับเป็นอะไรหรือเปล่า”
“คะ....อ้อเปล่าค่ะไม่ได้เป็นอะไรพอดีดูบรรยายกาศในงานเพลินไป
หน่อยนะคะ’
เสียงของคนที่เพิ่งจะวางจานอาหารทำให้เธอหลุดจากความคิดมายิ้ม
ให้ ก่อนจะช่วยรับอาหารในมืออีกหนึ่งอย่างแล้วว่างลงบนโต๊ะ
“แล้วพี่สาวกิ๊ฟไปไหนแล้วครับเนี่ย ปล่อยให้สาวน้อยของพี่นั้งอยู่คนเดียว”
“พี่กิ่งไปเข้าห้องน้ำนะคะ”
“เดี๋ยวพี่ไปหยิบน้ำมาให้นะครับ”
“เดี๋ยวกิ๊ฟไปหยิบให้ดีกว่าค่ะ พี่ภูมานั่งดีกว่านะคะ” วริญาเสนอขึ้น
เมื่อเธอหันไปเห็นหน้าสาวๆของพี่สาวที่กำลังเดินกลับมาทางโต๊ะ
“พี่ไปเองดีกว่าจะให้สาวน้อยที่น่ารักไปหยิบมาได้ยังไงกัน”
“กิ๊ฟว่าพี่ภูอยู่เคลียกับสาวสวยที่กำลังเดินมาดีกว่าไหมค่ะ” วริญาพูด
ขึ้นพร้อมทั้งแอบชี้มือไปทางหญิงสาวที่กำลังเดินมายังโต๊ะที่เธอและภู
ธนิตย์นั่งอยู่
“แต่พี่ว่า....”
“เอาแบบนี้แหละคะดีที่สุดแล้ว”
วริญาพูดตัดบทและส่งยิ้มหวานให้กำลังใจพี่ภูของเธอก่อนจะรีบ
เดินออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจกัน และ
ขณะเธอที่กำลังเดินไปทางโต๊ะเครื่องดื่มนั้นก็สังเกตเห็นว่าทุกสายตา
มองไปในทิศทางของประตูอย่างสนใจพร้อมทั้งมีเสียงซุบซิบตามมา
ทำให้เธอหันไปมองในจุดที่ทุกคนในงานกำลังมองจึงได้เห็นภาพชาย
หนุ่มที่เธอเพิ่งได้พบเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เองวันนี้เขาดูสง่าและ
ภูมิฐานในชุดสูตรสีขาวเดินเคียงคู่มากับสาวสวยถ้าเธอจำไม่ผิดน่าจะ
เป็นนางแบบดังที่ชื่ออัยลิน ที่เจ้าของงานบอกว่าเชิญมาเดินแบบใน
คืนนี้เธออยู่ในชุดราตรีสีแดงเพลิงเปิดไหล่ขาวเนียนแถมยังคว้านลึก
ลงไปตรงหน้าอกหน้าใจ จนจะเห็นอะไรๆอยู่แล้วแต่คนในงานคงมอง
ว่าเซ็กซี่และเธอก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน วริญาคิดว่าทั้งสองคนดู
เหมาะสมกันแต่ความรู้สึกของเธอในตอนนี้มันรู้สึกว่าเจ็บแปลบๆตรง
หัวใจซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เช่นกัน
‘ไม่เห็นตัองสนใจเลยก็แค่คนขี้เก๊กชอบว่างมาดตลอดเวลา เชอะ’ วริ
ญาเพียงแค่คิดอยู่ในใจด้วยความหมั่นไส้ชายหนุ่มคนที่อยู่ในชุดสูตรสี
ขาวที่เป็นเป้าสายตาของทุกคนภายในงาน โดยเฉพาะนักข่าวที่ตอน
นี้กำลังตั้งหน้าตั้งตากดถ่ายภาพของทั้งคู่ด้วยความตั้งใจ และเธอคิด
ว่าในวันพรุ่งนี้คงจะมีข่าวของนางแบบสาวและนักธุรกิจหนุ่มสุดหล่อ
ขึ้นหน้าปกหนังสือพิมพ์อย่างแน่นอน
“ร้านคาซา เดลค่ะ”
“คุณชอบร้านนั้นเหรอ”
“ค่ะ พอดีฉันรู้จักเจ้าของร้านน่ะค่ะ”
“คงไปบ่อยล่ะซิ”
“อะไรนะคะ” วริญาถามเมื่อได้ยินที่เขาพูดไม่ชัด
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก ”
‘อะไรของเขา’ วริญาได้แต่สงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเซ้าซี้เมื่อเห็นว่า
คนข้างๆตั้งหน้าตั้งตาขับรถโดยไม่สนใจจะชวนเธอคุยเหมือนตอน
แรก แม้ว่าจะอดรู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเจ้าของรถ
ก็ตาม เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจดหน้าร้านอาหารที่เธอได้นัดกับลูกค้าคน
สำคัญ วริญาก็หันมากล่าวขอบคุณกับคนที่อยู่ดีๆก็นั่งเงียบไม่ยอมคุย
กับเธอเสียดื้อๆทั้งๆที่ในตอนแรกนั้นพยายามที่จะชวนเธอคุยแท้ๆ
“ขอบคุณนะคะที่กรุณามาส่งดิฉัน” วริญากล่าวขอบคุณชายหนุ่มด้วย
น้ำเสียงประชดประชันเพราะอดที่จะหมั่นใส่คนตรงหน้าขึ้นมาเหมือน
กันที่อยู่ดีๆก็มีท่าทางที่เปลี่ยนไปจนเธอเองก็ตามไม่ทัน
เมื่อเห็นหญิงสาวลงจากรถเรียบร้อยแล้ววุฒิภัทรก็ขับรถออก
จากร้านด้วยความเร็วโดยไม่ยอมหันกลับไปมองหญิงสาวที่ยืนแสดง
อาการงงว่าได้ทำอะไรให้เขาไม่พอใจตอนไหนหรือเปล่าถึงแสดงท่า
ทางไม่พอใจขึ้นมาแบบนี้
“คุณครีมเข้ามาพบผมหน่อย”
เสียงของท่านประธานบริษัทที่ดังมาจากเครื่องมือสื่อสารบนโต๊ะทำให้
เลขาสาวต้องรีบลุกจากเก้าอี้ที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่อย่างรีบร้อน
ช่วงนี้เธอรู้สึกว่าท่านประธานอารมณ์ไม่ค่อยจะดีหากทำอะไรให้ไม่ถูก
ใจล่ะก็ได้เป็นเรื่องแน่ ขนาดกวีนคนสนิทของท่านยังโดนเล่นงานแต่
เช้าแล้วนับประสาอะไรกับเลขาหน้าห้องอย่างเธอเล่า เมื่อเธอเดินมา
หยุดอยู่หน้าห้องทำงานที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทแห่งนี้แล้ว จึงยื่นมือ
ออกไปเพื่อเคาะประตูขออนุญาตเจ้าของห้องตามมารยาทที่ดี
“เชิญ”
เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่บอกก็รู้โดยอัตโนมัติว่าคงอารมณ์เสียอยู่แน่
นอนเพราะน้ำเสียงฟังดูห้วนทีเดียวจึงทำให้เลขาสาวเกิดอาการวิตก
ขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจมาบ้างแล้วก็ตาม แล้วจึงรีบยื่นมือออกไป
เปิดประตูเพราะหากเธอชักช้าอาจจะทำให้ท่านประธานอารมณ์เสีย
มากไปกว่านี้ เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องเลขาสาวก็รีบเดินตรง
ไปยังโต๊ะท่านประธานหนุ่มทันที
“วันนี้ผมมีนัดที่ไหนบ้าง” วุฒิภัทรถามเลขาสาวเมื่อเธอเดินเข้ามาถึง
หน้าโต๊ะทำงานของเขา
“ตอนบ่ายนี้ท่านประทานมีนัดทานข้าวกับคุณเกษมค่ะ แล้วก็สองทุ่มมี
งานเลี้ยงเปิดตัวร้านจิวเวอร์รี่ของคุณเทพค่ะ”
“อืม ผมจะออกไปข้างนอกคงไม่กลับเข้ามาอีก”พูดจบวุฒิภัทรก็หยิบ
กระเป๋าเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินออกจากห้องไปทันที
“กิ๊ฟเสร็จหรือยังจ๊ะคุณภูมารอแล้วนะ”
“เสร็จแล้วค่า....”
วริญาตอบพี่สาวขณะที่เดินมาเปิดประตูห้อง วันนี้เธอต้องไป
งานเลี้ยงเปิดร้านจิวเวอร์รี่ที่ภูธนิตย์รับออกแบบร้านให้ อีกทั้งเจ้าของ
ร้านยังรู้จักกับครอบครัวของเธอเป็นอย่างดีอีกด้วยเพราะเป็นเพื่อนกับ
พี่สาวของเธอตั้งแต่สมัยเรียน ในตอนแรกนั้นวริญาคิดว่าจะเปิด
โอกาสให้พี่สาวไปกับภูธนิตย์ เพราะเธอก็ไม่ชอบไปงานแบบนี้อยู่แล้ว
ด้วย แต่พี่สาวของเธอนะซิไม่ยอมไปกับภูธนิตย์เพราะเกิดงอนพี่ภู
ของเธอซะงั้น
'กิ๊ฟไปงานกับพี่นะ'
'พี่กิ่งไปกับพี่ภูเถอะค่ะ กิ๊ฟอยากอยู่บ้านมากกว่าพี่กิ่งก็รู้ว่ากิ๊ฟไม่ชอบ
ไปงานแบบนี้'
'แต่พี่ไม่อยากไปกับคุณภูสองคนนี่นา'
'มีอะไรหรือเปล่าค่ะ ปกติก็ไปด้วยกันนี่นา'
‘เอาเป็นว่าถ้ากิ๊ฟไม่ไปด้วยพี่ก็ไม่ไปเหมือนกัน’ ท่าทางและคำพูด
ของพี่สาวที่พูดกับเธอเมื่อตอนบ่ายนั้นไม่บอกก็รู้ว่าต้องงอนพี่ภูของ
เธออย่างแน่นอน ถึงแม้จะไม่ยอมบอกเธอว่างอนพี่ภูของเธอเพราะ
เรื่องอะไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้ทำให้เธอต้องไปงานเลี้ยงทั้งๆที่เธอไม่
ค่อยอยากจะไปสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่สามารถปฎิเสธได้
“ว้าว...นางฟ้าที่ไหนมายืนอยู่ตรงนี้เนี่ย”
วริญาแซวพี่สาวทันทีที่เปิดประตูออกมาจากห้องของตัวเอง
วันนี้พี่สาวของเธออยู่ในชุดเดรสสีชมพูสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ดู
แล้วเข้ากับใบหน้าที่สวยหวานยิ่งนัก
“ขอบใจจ๊ะ แต่พี่ว่าถ้าเอาแต่ยืนชมกันแบบนี้เดี๋ยวก็ไปงานไม่ทันพอ
ดี”
“อย่าทำหน้าดุสิคะ เดี๋ยวไม่สวยพี่ภูไม่รักน้า....”
“ไม่รักก็ไม่ต้องรักซิ พี่ไม่ได้ง้อให้มารักซักหน่อย”
“ยังไม่หายงอนพี่ภูอีกเหรอคะ”
“พี่ไม่ได้งอนสักหน่อย แล้วจะยืนตรงนี้อีกนานมั้ย”
“ก็ไปซิคะ”
วริญาเดินมาเกาะแขนพี่สาวเพื่อเอาใจ เธอคิดว่าคืนนี้พี่สาวของ
เธอต้องทำให้ภูธนิตย์ต้องตะลึงตาค้างอย่างแน่นอน และก็เป็นอย่าง
ที่คิดจริงๆเมื่อเธอและพี่สาวเดินมาหยุดอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย เธอก็
เห็นภูธนิตย์ที่ตอนแรกนั่งรออยู่ยืนขึ้นแล้วหันมามองพี่สาวของเธอตา
ค้าง ขนาดเดียวกันก็สังเกตุเห็นใบหน้าของคนที่ยืนข้างๆเธอที่ตอนนี้
คงอายมากเพราะใบหน้าหวานนั้นตอนนี้แดงเหมือนลูกตำลึงสุกเลยที
เดียว
“จะมองให้ละลายเลยหรือไงคะพี่ภู”
เสียงของวริญาทำให้ภูธนิตย์รู้สึกตัวว่าเผลอมองคนรักที่วันนี้ดู
สวยหวานเป็นพิเศษจนเขาไม่อยากให้เธอไปงานเลี้ยงเสียแล้ว เมื่อ
คิดว่าผู้ชายในงานจะต้องมองคนรักของเขาอย่างแน่นอนก็ทำให้เกิด
ความหวงขึ้นมา ยิ่งตอนนี้เธอกำลังงอนเขาอยู่ด้วย เมื่อคิดมาถึงเรื่อง
นี้ภูนิตย์ก็ยังไม่รู้จะง้อขอคืนดียังไงดีเห็นทีคงต้องขอตัวช่วยซะแล้วซิ
เมื่อเข้ามาภายในงานก็เป็นอย่างที่ภูธนิตย์คิดไว้ไม่มีผิด ก็
ตอนนี้หนุ่มๆในงานหันมาสนใจสาวสวยที่เดินเข้ามาในงานพร้อมกับ
เขาทั้งสองคน เขารู้สึกว่าไม่ชอบสายตาเหล่านั้นเอาเสียเลยโดย
เฉพาะสายตาหนุ่มๆทั้งหลายที่มองมาทางหญิงสาวที่สวมชุดสีชมพู
หวาน ภูธนิตย์ขยับเข้าไปใกล้คนรักแล้วยื่นมือไปเพื่อโอบเอวเธอไว้
เพื่อต้องการแสดงให้สายตาเหล่านั้นได้เห็นว่าสาวสวยคนนี้มีเจ้าของ
แล้ว
วนิญารู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของภูธนิตย์จึงพยายามที่จะออก
จากวงแขนของเขาแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเพราะยิ่งเธอพยายามจะ
เบี่ยงตัวออกวงแขนของเขาก็ยิ่งกระชับมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าภู
ธนิตย์ไม่ยอมปล่อยเธอจึงหยิกเขาที่เอวของคนรักแต่เขากับทำเป็น
เฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย
วริญาเห็นท่าทางที่ภูธนิตย์แสดงออกมานั้นก็ทำให้อดยิ้มไม่ได้
‘คงจะหึงพี่กิ่งอีกตามเคย ก็พี่กิ่งทั้งสวยทั้งหวานออกแบบนี้นี่น่าหนุ่มๆ
ในงานก็ต้องมองเป็นธรรมดา’
“สวัสดีครับคุณภู”
“สวัสดีครับ” ภูธนิตย์กล่าวทักทายกลับไปบ้างก่อนที่เจ้าของงานจะ
หันไปหยอดคำหวานกับสาวน้อยที่ยืนข้างๆเขา
“ สวัสดีครับน้องกิ๊ฟวันนี้น้องกิ๊ฟดูน่ารักมากเลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” วริญาตอบออกไปด้วยความรู้สึกอายที่ถูกชม
“สบายดีไหมกิ่งไม่เจอกันนานเลยนะ ”
เสียงของเจ้าของงานที่เดินออกมาตอนรับกล่าวทักทายภูธนิตย์
และวริญาด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจก่อนจะหันไปคุยกับวนิญาเพื่อนสาว
คนสนิท
“สบายดีจ๊ะ รวยใหญ่แล้วนะเดี๋ยวนี้”
“รวยอะไรกันล่ะ อ้อ...แล้วเมื่อไหร่เทพจะได้อ่านหนังสือเล่มใหม่ของ
กิ่งสักทีล่ะ”
“ก็เร็วๆนี้ล่ะ ตอนนี้กิ่งกำลังเร่งอยู่ต้นเดือนหน้าก็คงจะเรียบร้อยน่ะ”
“แล้วเทพจะรออ่านนะ ผมว่าไปนั่งกันก่อนดีกว่าไหมครับเชิญทางนี้
เลยผมเตรียมโต๊ะที่ใกล้เวทีไว้ให้เลยนะครับ จะได้เห็นนางแบบชัดๆ
ไงครับ งานนี้ผมเชิญคุณอัยลินนางแบบคิวทองมาเลยนะครับเนี่ย”
พูดจบเจ้าของงานก็เดินนำไปที่โต๊ะด้านหน้าที่ใกล้เวทีอย่างที่
ได้บอกไว้จริงๆเมื่อมาถึงโต๊ะเจ้าของงานก็เชิญแขกนั่ง แล้วก็ขอตัวไป
ตอนรับแขกที่เริ่มทยอยกันเข้ามาภายในงาน
“นึกว่าจะไม่ชวนนั่งซะแล้ว”
เสียงของภูธนิตย์พูดขึ้นเมื่อเจ้าของงานเดินออกไปจากโต๊ะเรียก
สายตาดุจากหญิงสาวที่มีใบหน้าหวานที่นั่งข้างๆได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง
ยังโดนหยิกที่เอวเป็นของแถมอีกหนึ่งที
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงค่ะคุณภูธนิตย์”
“เปล่า ผมก็พูดอย่างที่เห็น”
“เห็นอะไรไม่ทราบคะ”
“ก็เห็นว่าเจ้าของงานเอาแต่คุยกับแฟนชาวบ้านจนลืมว่าจะต้องเชิญแขกนั่งนะซิ”
“เทพเป็นเพื่อนกิ่งนะคะคุณภูธนิตย์”
“ก็นายนั้นคิดว่าคุณเป็นเพื่อนหรือเปล่าล่ะ ดูสายตาที่มันมองคุณซิ”
“คุณภูธนิตย์”
“ไม่มีใครหิวกันเลยเหรอคะ กิ๊ฟหิวแล้วเราไปหาอะไรรองท้องกันดีกว่าไหมคะ”
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มตรึงเครียดวริญาจึงได้เอ่ยชวนทั้งสอง
คนที่ตอนนี้ตั้งหน้าตั้งตาว่าจะทะเลาะกันจนเธอคิดว่าทั้งสองคนคงลืม
ไปแล้วว่าเธอนั่งอยู่ด้วย และก็ได้ผลเมื่อทั้งสองหันมาที่เธอและสุภาพ
บุรุษคนเดียวของโต๊ะเสนอตัวว่าจะไปตักอาหารเอง
“เดี๋ยวพี่ไปตักเองจ๊ะ กิ๊ฟนั่งอยู่เป็นเพื่อนคุณกิ่งที่นี่ล่ะ”
ภูธนิตย์พูดก่อนที่จะเดินไปยังมุมอาหารในงานวริญาจึงหันมา
สนใจพี่สาวของเธอที่ตอนนี้เอาแต่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่เก้าอี้ฝั่งตรง
ข้ามกับเธอ
“งอนเรื่องอะไรค่ะพี่กิ่ง กิ๊ฟเห็นพี่กิ่งไม่ยอมคุยกับพี่ภูตั้งแต่อยู่ในรถ
แล้วยังท่าทางของพี่ภูเมื่อตะกี๋นี้อีก”
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ ก็แค่คนไม่มีเหตุผลน่ะอย่าไปสนใจเลย”
วนิญาตอบน้องสาวที่มองมาทางเธอก่อนที่เธอจะหันหน้าหลบสายตา
ที่มองมาอย่างต้องการคำตอบ
“นั้นไงพูดแบบนี้ต้องทะเลาะกันชัว”
“พี่บอกไม่มีก็ไม่มีซิจ๊ะ”
“โอเคค่ะ ไม่มีก็ไม่มีทำไมต้องดุด้วยล่ะ”
“ขอโทษทีจ๊ะกิ๊ฟพี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ”
“ค่ะ”
พูดจบคนเป็นพี่สาวก็ลุกจากโต๊ะไปปล่อยให้วริญานั่งมองตาม
หลังไปอย่างอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวและพี่ภูของเธอ โดย
เฉพาะท่าทางและคำพูดของคนที่กำลังยืนเลือกอาหารอยู่นั้นยิ่งทำให้
หญิงสาวอยากทราบถึงสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองทะเลาะกันซึ่งเธอไม่เคย
เห็นมาก่อน เพราะปกติพี่ภูของเธอจะเป็นคนที่ใจเย็นมีเหตุผลกับทุก
เรื่อง สุภาพ และยังเป็นผู้ชายที่แสนจะอ่อนโยนในสายตาของเธอ
ไม่เคยมีท่าทางแบบนี้มาก่อนเลย ทางพี่สาวของเธอก็เช่นกันไม่มีครั้ง
ไหนที่จะแสดงออกว่าโกรธพี่ภูของเธอได้เท่าครั้งนี้มาก่อน ที่ผ่านมาก็
แค่งอนโดนง้อนิดเดียวก็ใจอ่อนแล้ว แต่ครั้งนี้ดูต่างจากทุกที
“กิ๊ฟ......กิ๊ฟครับเป็นอะไรหรือเปล่า”
“คะ....อ้อเปล่าค่ะไม่ได้เป็นอะไรพอดีดูบรรยายกาศในงานเพลินไป
หน่อยนะคะ’
เสียงของคนที่เพิ่งจะวางจานอาหารทำให้เธอหลุดจากความคิดมายิ้ม
ให้ ก่อนจะช่วยรับอาหารในมืออีกหนึ่งอย่างแล้วว่างลงบนโต๊ะ
“แล้วพี่สาวกิ๊ฟไปไหนแล้วครับเนี่ย ปล่อยให้สาวน้อยของพี่นั้งอยู่คนเดียว”
“พี่กิ่งไปเข้าห้องน้ำนะคะ”
“เดี๋ยวพี่ไปหยิบน้ำมาให้นะครับ”
“เดี๋ยวกิ๊ฟไปหยิบให้ดีกว่าค่ะ พี่ภูมานั่งดีกว่านะคะ” วริญาเสนอขึ้น
เมื่อเธอหันไปเห็นหน้าสาวๆของพี่สาวที่กำลังเดินกลับมาทางโต๊ะ
“พี่ไปเองดีกว่าจะให้สาวน้อยที่น่ารักไปหยิบมาได้ยังไงกัน”
“กิ๊ฟว่าพี่ภูอยู่เคลียกับสาวสวยที่กำลังเดินมาดีกว่าไหมค่ะ” วริญาพูด
ขึ้นพร้อมทั้งแอบชี้มือไปทางหญิงสาวที่กำลังเดินมายังโต๊ะที่เธอและภู
ธนิตย์นั่งอยู่
“แต่พี่ว่า....”
“เอาแบบนี้แหละคะดีที่สุดแล้ว”
วริญาพูดตัดบทและส่งยิ้มหวานให้กำลังใจพี่ภูของเธอก่อนจะรีบ
เดินออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจกัน และ
ขณะเธอที่กำลังเดินไปทางโต๊ะเครื่องดื่มนั้นก็สังเกตเห็นว่าทุกสายตา
มองไปในทิศทางของประตูอย่างสนใจพร้อมทั้งมีเสียงซุบซิบตามมา
ทำให้เธอหันไปมองในจุดที่ทุกคนในงานกำลังมองจึงได้เห็นภาพชาย
หนุ่มที่เธอเพิ่งได้พบเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เองวันนี้เขาดูสง่าและ
ภูมิฐานในชุดสูตรสีขาวเดินเคียงคู่มากับสาวสวยถ้าเธอจำไม่ผิดน่าจะ
เป็นนางแบบดังที่ชื่ออัยลิน ที่เจ้าของงานบอกว่าเชิญมาเดินแบบใน
คืนนี้เธออยู่ในชุดราตรีสีแดงเพลิงเปิดไหล่ขาวเนียนแถมยังคว้านลึก
ลงไปตรงหน้าอกหน้าใจ จนจะเห็นอะไรๆอยู่แล้วแต่คนในงานคงมอง
ว่าเซ็กซี่และเธอก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน วริญาคิดว่าทั้งสองคนดู
เหมาะสมกันแต่ความรู้สึกของเธอในตอนนี้มันรู้สึกว่าเจ็บแปลบๆตรง
หัวใจซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เช่นกัน
‘ไม่เห็นตัองสนใจเลยก็แค่คนขี้เก๊กชอบว่างมาดตลอดเวลา เชอะ’ วริ
ญาเพียงแค่คิดอยู่ในใจด้วยความหมั่นไส้ชายหนุ่มคนที่อยู่ในชุดสูตรสี
ขาวที่เป็นเป้าสายตาของทุกคนภายในงาน โดยเฉพาะนักข่าวที่ตอน
นี้กำลังตั้งหน้าตั้งตากดถ่ายภาพของทั้งคู่ด้วยความตั้งใจ และเธอคิด
ว่าในวันพรุ่งนี้คงจะมีข่าวของนางแบบสาวและนักธุรกิจหนุ่มสุดหล่อ
ขึ้นหน้าปกหนังสือพิมพ์อย่างแน่นอน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ