ผู้พิทักษ์

9.8

เขียนโดย Mawmeaw

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.40 น.

  11 ตอน
  63 วิจารณ์
  20.66K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2562 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ภารกิจเริ่มต้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

อารดาหรือดา เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เธอเรียนคณะมนุษยศาสตร์  สาขาวรรณกรรมและงานเขียน

 

ความใฝ่ฝันของนักศึกษาปีสุดท้ายอย่างเธอ ก็คือ การเป็นนักเขียน เธอชอบอ่านนวนิยายและบทความประเภทให้กำลังใจจากนิตยสารรายสัปดาห์เป็นประจำ

 

รวมทั้งชอบเขียนนวนิยายและบทความต่างๆ เก็บเอาไว้อ่านเล่นเมื่อยามว่างเสมอ

 

และที่มหาวิทยาลัยของเธอ ทุกๆ สัปดาห์จะมีการจัดประกวดบทความดีเด่นของนักศึกษาจากทุกคณะ

 

เธอก็เป็นคนหนึ่งที่ได้ส่งบทความเข้าประกวดในครั้งนี้ด้วย

 

บทความที่เธอส่งเข้าประกวดเป็นบทความประเภทให้กำลังใจ

 

ซึ่งเธอตั้งชื่อบทความนี้ว่า “ยิ่งมืดก็ยิ่งใกล้สว่าง

 

วันนี้ในตอนบ่าย เธอได้นำต้นฉบับบทความนี้ไปส่งที่กองประกวดด้วยความมุ่งหวังว่าผลงานของเธออาจจะผ่านเข้ารอบและมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลใหญ่ นั่นก็คือ เงินสด จำนวน 5,000 บาท

 

พร้อมกับได้รับการตีพิมพ์บทความของตนเองลงในนิตยสารรายสัปดาห์ชื่อดังฉบับหนึ่งที่เธอชอบอ่านเป็นประจำด้วย

 

ดังนั้นหลังจากส่งผลงานไปแล้วเธอก็ได้นำสำเนาที่เธอถ่ายสำเนาเอาไว้มาแอบอ่านด้วยตัวเองอีกครั้งบนดาดฟ้าของตึกหอสมุดของมหาวิทยาลัย

 

เนื่องจากต้องการสร้างความมั่นใจว่าผลงานเขียนที่เธออุตส่าห์นั่งเขียนทั้งวันทั้งคืนก่อนจะนำไปส่งเข้าประกวดนั้นจะสมบูรณ์แบบดังที่เธอต้องการ

 

หลังจากที่อารดาแอบไปอ่านทบทวนบทความของตนเองจนจบอีกเป็นรอบสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว

 

หญิงสาวพบว่าฟ้าเริ่มมืดมากแล้ว เธอต้องรีบเดินกลับหอพักของเธอ ทำให้ไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งแอบติดตามเธอมาจากบนดาดฟ้า

 

และเขาคนนั้นก็ได้ยินเธออ่านบทความซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของเธออย่างชัดเจนทุกประโยค

 

อารดารู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาอย่างกะทันหันขณะที่เธอกำลังรีบสาวเท้าเพื่อให้ถึงหอพักของเธอโดยเร็ว

 

อาการนี้ทำให้เธอต้องลดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน และใครบางคนที่แอบตามเธอมาก็ต้องหลบวูบเข้าบังข้างกำแพงอย่างกะทันหันเช่นกัน

 

อีกไม่กี่เมตรก็จะถึงหอพักของเธอแล้ว แต่ทว่าอารดาต้องหยุดเดินแทบจะทันที

 

เธอใช้มือกุมท้องก่อนจะค่อยๆ ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นพร้อมทั้งพูดกับตัวเองว่า

 

"โอ๊ยตายแล้ว! ยัยดาเอ๊ย! ทำงัยดีล่ะเนี่ย ทำไมหิวข้าวอย่างนี้นะ ทำงัยดีหว่า ไม่มีใครอยู่แถวนี้ซะด้วยสิ"

 

"เธอจะตายอยู่ตรงนี้จริงๆ เหรอเนี่ย ยัยดาเอ๊ย! ไม่นะ ยัยดาลุกขึ้นสิ แข็งใจหน่อย อีกนิดเดียวก็ถึงห้องของเธอแล้วนะ เธอต้องทำได้สิ"

 

เนื่องจากเธอลงมือมุ่งมั่นทุ่มเทกับบทความนี้มากจนแทบจะไม่ได้กินอะไรเลยเกือบตลอดทั้งวัน

 

ทำให้อาการของโรคกระเพาะของเธอกำเริบขึ้นมาอย่างกระทันหันหญิงสาวพยายามกัดฟันทนและดันตัวเองเพื่อจะลุกขึ้นให้ได้

 

เนื่องจากถนนในซอยที่เธอนั่งอยู่ค่อนข้างมืดและเปลี่ยวไม่มีผู้คนสัญจรไปมาแม้แต่คนเดียว

 

ทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ แต่อาการปวดท้องที่กำเริบหนักขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้เธอต้องทรุดลงไปกองกับพื้นอีกรอบ

 

สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวอยู่ในสายตาของสนธยาทั้งหมด เขารู้สึกเป็นห่วงอารดาจับใจ

 

แต่เขาก็ยังคงหลบมุมอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับตัวหรือส่งเสียงใดๆ ให้หญิงสาวรู้ตัว

 

อารดารู้สึกว่าพื้นถนนที่เธอนั่งอยู่เริ่มจะหมุนเป็นวงกลม

 

ตาสองข้างของเธอเริ่มจะหรี่แสงลงเรื่อยๆ คล้ายจะปิดลงในไม่ช้านี้แล้ว

 

ตัวเธอที่นั่งอยู่บนพื้นเริ่มโงนเงนไปมา สำนึกสุดท้ายก่อนที่จะดับวูบไป

 

เธอรู้สึกเหมือนมีใครคนหนึ่งเข้ามารับตัวเธอเอาไว้ก่อนที่หัวเธอจะล้มลงฟาดพื้น จากนั้นเธอก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย

 

   ................................

 

อารดาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ อย่างยากลำบาก

 

แสงไฟจ้าจากบนเพดานทำให้เธอต้องหรี่ตาลงและใช้มือบังแสงไฟไว้ก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างเต็มที่อีกครั้ง

 

เมื่อเธอหันไปมองรอบๆ ห้องก็พบว่าที่นี่เป็นห้องนอนของเธอเอง

 

หญิงสาวใช้มืออีกข้างมากุมหัวไว้ เนื่องจากยังรู้สึกมึนๆ อยู่

 

หลังจากนั้นเธอก็ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง อาการวิงเวียนและมึนหัวเริ่มลดลงจนหายไปมากแล้วเมื่อเธอนั่งนิ่งๆบนเตียงสักครู่

 

จากนั้นหญิงสาวก็ค่อยๆ คิดทบทวนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เธอแปลกใจมาก ว่าตนเองมานอนอยู่บนเตียงได้อย่างไร

 

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอจำได้ว่าเธอปวดท้องและนั่งกุมท้องอยู่บนถนนหน้าปากซอยก่อนจะถึงหอพักของเธออีกเพียงไม่กี่เมตร

 

แล้วจากนั้นเธอก็หมดสติไป จึงคิดว่า

 

"เอ! เรามาถึงห้องได้ยังงัยกันนะ ใครเป็นคนพาเรากลับมาที่ห้องนี้ ถ้าเป็นเพื่อนเราคงไม่ใช่ เพราะไม่มีใครอยู่หอแถวนี้นี่นา"

 

"แล้วอีกอย่างเราก็ไม่ได้โทรเรียกใครมาช่วยเราเลย เพราะเราลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องนี่นา"

 

"ถ้าจะเป็นแม่บ้านหรือยามรักษาการณ์ประจำหอพักก็ไม่น่าใช่ เพราะเราก็ไม่ได้หมดสติอยู่แถวๆ หน้าหอพักซะด้วย"

 

"โอ๊ย! งงไปหมดแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเราเอากุญแจห้องซ่อนไว้ที่ไหนด้วย หรือว่า…"

 

พอคิดมาถึงตอนนี้ หญิงสาวรีบเปิดสมุดโน้ตหน้าที่ซ่อนกุญแจเอาไว้ออกมาดู

 

ก็พบว่ามันยังอยู่ในลักษณะเดิม ไม่มีอะไรผิดปกติไปจากเดิม นั่นยิ่งสร้างความงุนงงสงสัยให้กับหญิงสาวมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

เธอจึงพูดกับตัวเองว่า

 

“เอ๊ะ! หรือว่าเธอจะฝันไปนะยัยดา หรือไม่ก็โดนผีหลอก บรื๋อ!! น่ากลัวๆๆ ”

 

พูดจบหญิงสาวก็รีบคว้าผ้าห่มมาคลุมไว้ทั้งตัวด้วยความกลัว และซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนนั้นไม่กล้าโผล่หน้าออกมาอีกเลย

 

เนื่องจากอารดาอยู่ห้องคนเดียวและบังเอิญว่าห้องของเธอมีกุญแจอยู่ดอกเดียวไม่มีกุญแจสำรองอีก

 

และเธอเป็นคนมีจินตนาการค่อนข้างสูง จึงรู้สึกกลัวมากเมื่อมีอะไรแปลกๆ ที่หาคำตอบไม่ได้เกิดขึ้นกับเธอ

 

ดังนั้นเรื่องที่เธอกลับมาอยู่ที่ห้องได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เธอหมดสติอยู่ข้างถนน สิ่งนี้จึงยังเป็นปริศนาคาใจเธอเป็นอย่างมาก

 

ในขณะที่บริเวณริมระเบียงด้านนอกห้องของเธอ ปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งยืนเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ

 

เขาแอบยิ้มขำในกิริยาท่าทางของหญิงสาวเมื่อสักครู่จนเกือบกลั้นหัวเราะเอาไว้แทบไม่อยู่

 

พร้อมๆ กันนั้นเขาได้หยิบบางอย่างขึ้นมาเพ่งพินิจดู มันก็คือกุญแจดอกหนึ่ง

 

ซึ่งมีลักษณะคล้ายหรือเรียกว่าเกือบจะเหมือนกับกุญแจห้องของอารดาที่แอบซ่อนเอาไว้ในสมุดโน้ตเปี๊ยบ!!

 

( โปรดติดตามตอนต่อไป )   

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา