หัวใจลูกทุ่ง
8.3
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 00.26 น.
11 ตอน
49 วิจารณ์
20.83K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 เมษายน พ.ศ. 2562 08.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) คำสารภาพ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเขาทำให้เธอต้องโมโหเป็นความผิดของเขาเอง แต่ทำไงได้ เขาได้ตัดสินใจแล้ว วันนี้เป็นไงเป็นกัน
“ผมขอโทษครับคุณน้ำที่ทำให้คุณไม่สบายใจ ผมแค่กลัวว่าคุณอาจจะปฏิเสธและวิ่งหนีผมไปเมื่อผมพูดอะไรออกไป ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมอาจจะเป็นบ้าไปจริงๆ เลยก็ได้”
วาริสาไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาบอก จึงพูดว่า
“นี่นายหมายความว่ายังไงกันแน่ ฉันงงไปหมดแล้วนะ”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วพูดอย่างขึงขังจริงจังว่า
“คุณจะว่ายังไงครับคุณน้ำ ถ้าผมจะบอกว่าผมรักคุณ ผมหลงรักคุณตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ที่คุณเข้าใจผิดว่าผมเป็นตาแก่ขับรถอีแต๋นนั่นแล้วล่ะครับ”
หญิงสาวนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แทบไม่เชื่อหูตัวเอง อาการนิ่งอึ้งของหญิงสาวเช่นนั้น ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหมดหวังและคิดว่ายังไงเธอต้องปฏิเสธเขาแน่
ชายหนุ่มจึงมีอาการคอตกอย่างเห็นได้ชัด เขาก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาหญิงสาวและค่อยๆ หันหลังกลับเพื่อก้าวเข้าไปในบ้าน
แต่ทว่าสิ่งที่เขาได้ยินต่อมา มันทำให้เขาชะงักเท้าเอาไว้ได้ทันและอยากจะตีหัวตัวเองเพื่อจะได้รู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป
“แล้วทำไมเพิ่งจะมาบอกล่ะ ฉันก็รอฟังคำนี้จากนายอยู่เหมือนกัน”
เขาถามย้ำด้วยความไม่แน่ใจนัก
“จริงเหรอครับคุณน้ำ คุณน้ำไม่ได้ล้อผมเล่นใช่มั้ยครับ”
หญิงสาวหัวเราะขำ ทำให้บรรยากาศดีขึ้น
“หรือว่านายอยากให้ฉันล้อเล่นล่ะ ก็ตามใจนายนะ ถ้าพูดความจริงแล้วไม่เชื่อ ฉันคงต้องไปแล้วล่ะ”
ว่าแล้วหญิงสาวก็ก้าวเท้าออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว สิงหาได้แต่ตะโกนตามหลังว่า
“รอผมด้วยครับคุณน้ำๆ”
พูดจบเขาก็วิ่งตามไปจนทันเธอ จากนั้นสองหนุ่มสาวก็ออกเดินไปพร้อมๆ กัน แม้จะไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ แต่ทั้งคู่ก็มีความรู้สึกไม่ต่างกันเลย มีทั้งความสุข ความสดใส และความสบายใจเป็นที่สุด
เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงสถานีอนามัยก็พบว่า หมออาทิตย์มารออยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเจอหน้า สิ่งแรกที่หมอหนุ่มเอ่ยทักรุ่นน้องก็คือ
“แหม คุณน้องน้ำของพี่ ตั้งแต่มาลงพื้นที่อยู่ที่นี่ ดูซูบผอม โทรมไปเยอะเลยนะจ๊ะ พี่ว่าลองย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพฯ ดีกว่ามั้ยจ๊ะ นี่พี่ก็เพิ่งทำเรื่องขอย้าย ช่วงที่เรื่องยังไม่เรียบร้อยเลยต้องมาประจำการไปก่อนสัก 2-3 วัน”
ขณะที่หญิงสาวกำลังจะพูด แต่ไม่ทัน รุ่นพี่พูดแซงขึ้นมาก่อนว่า
”เออ! พี่ลืมบอกคุณน้องไปว่าคุณแม่สุดที่รักของคุณน้องตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลจ้ะ ท่านป่วย แต่ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว หมอบอกว่าต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด เผื่ออาการกำเริบจะได้รักษาได้ทัน แล้วตอนนี้ท่านก็อยากพบคุณน้องน้ำมากเลย กลับไปหาท่านพร้อมกับพี่เลยมั้ยจ๊ะ”
วาริสาเอ่ยขึ้นด้วยสงสัยกึ่งแปลกใจว่า
“เอ๊ะ! คุณแม่ท่านเป็นอะไรไปคะ ปกติท่านก็แข็งแรงดีนี่นา น่าแปลกที่อยู่ๆ ท่านก็เกิดป่วยขึ้นมากระทันหันแบบนี้”
หมออาทิตย์ ตอบหญิงสาวโดยไม่สบตาว่า
“อันนี้พี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนะ พอดีต้องรีบลงมาหาคุณน้องนี่แหละ เลยลืมถามรายละเอียดของทางโน้นไปเลย โทษทีนะจ๊ะ แต่เห็นบอกว่าอาการดีขึ้น พี่ก็เลยโล่งใจ รีบมาแจ้งข่าวคุณน้อง เลยยังไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนคุณหญิงท่านเลยจ้ะ”
หมออาทิตย์พูดแล้วเสมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ หญิงสาวรุ่นน้อง
เขาไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอยากรู้ว่า
“เอ! คุณน้องน้ำ ผู้ชายที่มากับคุณน้องเป็นใครกันน๊า พี่ล่ะสงสั๊ยสงสัย”
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
“ผมขอโทษครับคุณน้ำที่ทำให้คุณไม่สบายใจ ผมแค่กลัวว่าคุณอาจจะปฏิเสธและวิ่งหนีผมไปเมื่อผมพูดอะไรออกไป ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมอาจจะเป็นบ้าไปจริงๆ เลยก็ได้”
วาริสาไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาบอก จึงพูดว่า
“นี่นายหมายความว่ายังไงกันแน่ ฉันงงไปหมดแล้วนะ”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วพูดอย่างขึงขังจริงจังว่า
“คุณจะว่ายังไงครับคุณน้ำ ถ้าผมจะบอกว่าผมรักคุณ ผมหลงรักคุณตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ที่คุณเข้าใจผิดว่าผมเป็นตาแก่ขับรถอีแต๋นนั่นแล้วล่ะครับ”
หญิงสาวนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แทบไม่เชื่อหูตัวเอง อาการนิ่งอึ้งของหญิงสาวเช่นนั้น ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหมดหวังและคิดว่ายังไงเธอต้องปฏิเสธเขาแน่
ชายหนุ่มจึงมีอาการคอตกอย่างเห็นได้ชัด เขาก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาหญิงสาวและค่อยๆ หันหลังกลับเพื่อก้าวเข้าไปในบ้าน
แต่ทว่าสิ่งที่เขาได้ยินต่อมา มันทำให้เขาชะงักเท้าเอาไว้ได้ทันและอยากจะตีหัวตัวเองเพื่อจะได้รู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป
“แล้วทำไมเพิ่งจะมาบอกล่ะ ฉันก็รอฟังคำนี้จากนายอยู่เหมือนกัน”
เขาถามย้ำด้วยความไม่แน่ใจนัก
“จริงเหรอครับคุณน้ำ คุณน้ำไม่ได้ล้อผมเล่นใช่มั้ยครับ”
หญิงสาวหัวเราะขำ ทำให้บรรยากาศดีขึ้น
“หรือว่านายอยากให้ฉันล้อเล่นล่ะ ก็ตามใจนายนะ ถ้าพูดความจริงแล้วไม่เชื่อ ฉันคงต้องไปแล้วล่ะ”
ว่าแล้วหญิงสาวก็ก้าวเท้าออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว สิงหาได้แต่ตะโกนตามหลังว่า
“รอผมด้วยครับคุณน้ำๆ”
พูดจบเขาก็วิ่งตามไปจนทันเธอ จากนั้นสองหนุ่มสาวก็ออกเดินไปพร้อมๆ กัน แม้จะไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ แต่ทั้งคู่ก็มีความรู้สึกไม่ต่างกันเลย มีทั้งความสุข ความสดใส และความสบายใจเป็นที่สุด
เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงสถานีอนามัยก็พบว่า หมออาทิตย์มารออยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเจอหน้า สิ่งแรกที่หมอหนุ่มเอ่ยทักรุ่นน้องก็คือ
“แหม คุณน้องน้ำของพี่ ตั้งแต่มาลงพื้นที่อยู่ที่นี่ ดูซูบผอม โทรมไปเยอะเลยนะจ๊ะ พี่ว่าลองย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพฯ ดีกว่ามั้ยจ๊ะ นี่พี่ก็เพิ่งทำเรื่องขอย้าย ช่วงที่เรื่องยังไม่เรียบร้อยเลยต้องมาประจำการไปก่อนสัก 2-3 วัน”
ขณะที่หญิงสาวกำลังจะพูด แต่ไม่ทัน รุ่นพี่พูดแซงขึ้นมาก่อนว่า
”เออ! พี่ลืมบอกคุณน้องไปว่าคุณแม่สุดที่รักของคุณน้องตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลจ้ะ ท่านป่วย แต่ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว หมอบอกว่าต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด เผื่ออาการกำเริบจะได้รักษาได้ทัน แล้วตอนนี้ท่านก็อยากพบคุณน้องน้ำมากเลย กลับไปหาท่านพร้อมกับพี่เลยมั้ยจ๊ะ”
วาริสาเอ่ยขึ้นด้วยสงสัยกึ่งแปลกใจว่า
“เอ๊ะ! คุณแม่ท่านเป็นอะไรไปคะ ปกติท่านก็แข็งแรงดีนี่นา น่าแปลกที่อยู่ๆ ท่านก็เกิดป่วยขึ้นมากระทันหันแบบนี้”
หมออาทิตย์ ตอบหญิงสาวโดยไม่สบตาว่า
“อันนี้พี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนะ พอดีต้องรีบลงมาหาคุณน้องนี่แหละ เลยลืมถามรายละเอียดของทางโน้นไปเลย โทษทีนะจ๊ะ แต่เห็นบอกว่าอาการดีขึ้น พี่ก็เลยโล่งใจ รีบมาแจ้งข่าวคุณน้อง เลยยังไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนคุณหญิงท่านเลยจ้ะ”
หมออาทิตย์พูดแล้วเสมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ หญิงสาวรุ่นน้อง
เขาไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอยากรู้ว่า
“เอ! คุณน้องน้ำ ผู้ชายที่มากับคุณน้องเป็นใครกันน๊า พี่ล่ะสงสั๊ยสงสัย”
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ