คู่หมั้น
10.0
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 22.13 น.
10 ตอน
24 วิจารณ์
21.97K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 16.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) สมุดโน้ตปริศนา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเช้านี้ก็เหมือนเช่นเคยที่เมรียาและสุมลรัตน์ต้องเดินทางมาเรียนด้วยกัน เมื่อมาถึงด้านหน้ามหาวิทยาลัย ทั้งสองก็ไปนั่งรอเข้าเรียนที่ม้าหินอ่อนตัวโปรดซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเธอทั้งคู่
แต่สิ่งที่แปลกไปกว่าทุกวันก็คือ วันนี้มีสมุดบันทึกเล่มหนึ่งวางอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่สองสาวชอบมานั่งเป็นประจำ
สุมลรัตน์จึงอุทานขึ้นด้วยความสงสัยว่า
“ เอ๊ะ! ใครมาลืมสมุดอะไรไว้ที่นี่เนี่ย หรือว่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลในสมุดเล่มนั้นเนี่ยยัยเมย์”
เมรียาจึงพูดขึ้นมาบ้างว่า
“เค้าอาจจะลืมเอาไว้ก็ได้นะยัยส้ม ป่านนี้คงกำลังตามหาอยู่ ฉันจะเอาไปคืนเค้า ถ้าฉันรู้ว่าสมุดเล่มนี้เป็นของใคร หรือว่าเราจะเปิดดูดีล่ะ เผื่อเค้าอาจจะเขียนชื่อเอาไว้ด้านในสมุดก็ได้”
สุมลรัตน์หรือยัยส้มเพื่อนของเมย์หรือเมรียา จึงพยักหน้าหงึกหงักเป็นสัญญาณว่าสนับสนุนให้เพื่อนเปิดดูอย่างที่ว่า
เมื่อเป็นดังนั้นเมรียาจึงค่อยๆ เปิดเข้าไปดูภายในสมุดโน้ตเล่มนั้น แต่น่าแปลกที่มันไม่ได้มีการบันทึกสิ่งใดๆ ไว้เลยแม้แต่หน้าเดียว
ขณะที่กำลังเปิดดูอยู่ จู่ๆ ก็มีรูปถ่ายแผ่นหนึ่งหล่นออกมาจากสมุดโน้ตเล่มนั้นตกลงไปที่พื้น
เมื่อสุมลรัตน์หยิบขึ้นมาดูก็พบว่า มันเป็นรูปม้านั่งที่อยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่ทั้งสองสาวรู้จักเป็นอย่างดี
เมื่อพลิกดูด้านหลังรูปก็พบข้อความที่ถูกเขียนด้วยปากกาเอาไว้ว่า “สถานที่แห่งความทรงจำ”
เมรียาและสุมลรัตน์ต่างมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
สุมลรัตน์จึงเอ่ยขึ้นตามนิสัยอยากรู้อยากเห็นว่า
“ฉันคิดว่า เจ้าของสมุดโน้ตปริศนาเล่มนี้ เขาต้องไปที่นี่แน่ๆ เลย เลิกเรียนแล้วเราเอาไปคืนเขากันเถอะ ฉันอยากรู้ว่าเค้าเป็นใคร แต่ก็แปลกนะที่เค้ายังไม่ได้บันทึกอะไรลงไปเลย ไม่ได้ลงชื่อ แต่สอดรูปถ่ายเอาไว้แค่แผ่นเดียว แปลกจริงๆ”
เมรียา ได้แต่พูดว่า
“จะดีเหรอยัยส้ม มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดก็ได้ บางทีเค้าอาจไม่ได้ไปที่นั่น แล้วมันก็อาจจะไม่ดีถ้าเราไปที่นั่น ฉันรู้สึกแปลกๆ นะ ดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจเลยยัยส้ม”
สุมลรัตน์ ได้แต่ส่ายหน้าตามนิสัย
“คงไม่มีอะไรหรอกยัยเมย์ คิดมากน่า ไม่ลองก็ไม่รู้ ฉันว่าเราควรเอาไปคืนเค้านั่นแหละดีแล้ว เชื่อฉันเถอะ ฉันคิดว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายอย่างที่เธอคิดหรอก ได้เวลาเข้าเรียนแล้วนี่ ไปกันเถอะ”
ว่าแล้วสุมลรัตน์ก็ดึงแขนเพื่อนให้เดินตามเธอไปเข้าห้องเรียน
เมรียาจึงไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธอะไรได้อีก ทั้งที่ในใจก็ยังอดแปลกใจและสงสัยในสมุดโน้ตปริศนาเล่มนี้อยู่ไม่น้อย
หลังเลิกเรียน สุมลรัตน์ต้องรีบกลับเนื่องจากทางบ้านโทรมามีธุระด่วนเลยต้องรีบกลับไป ก่อนไปเธอยังกำชับเมรียาว่าอย่าลืมเอาสมุดโน้ตไปคืนเจ้าของด้วย
โดยให้เหตุผลว่ามันอาจจะสำคัญมากสำหรับเขาคนนั้นก็ได้ เธอจึงบอกให้เมรียาไปที่สวนสาธารณะตามรูปเพื่อจะได้เอาสมุดโน้ตไปให้เจ้าของตามที่ตั้งใจไว้แต่ทีแรก
ส่วนตัวสุมลรัตน์หลังจากขอโทษขอโพยเพื่อนเสร็จสรรพก็รีบกลับไปทำธุระของเธอทันที ทิ้งให้เมรียา ต้องตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ไปที่นั่นดี
ด้วยไม่มั่นใจว่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเปล่ากับเจ้าสมุดโน้ตปริศนาเล่มนี้
แต่ด้วยจิตใต้สำนึกแห่งความมีน้ำใจของเธอเป็นฝ่ายชนะ เมรียาจึงตัดสินใจไปที่สวนสาธารณะแห่งนั้น หลังจากเธอมองหาอยู่นานก็พบจุดที่มีม้านั่งเหมือนกับในรูปถ่าย หล่อนจึงรีบสาวเท้าเข้าไปทันที
เมื่อมาถึง เธอพบใครคนหนึ่งกำลังยืนหันหลังอยู่ ดูเหมือนว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับการจ้องมองแม่น้ำเบื้องหน้าของเขาอยู่
เมื่อเมรียาเดินมาถึง เธอหยุดอยู่เบื้องหลังของชายคนนั้นด้วยความไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาคนนี้จะใช่เจ้าของสมุดโน้ตปริศนาที่เธอจะนำมาคืนหรือไม่
เธอนิ่งอยู่สักพักก่อนตัดสินใจหันหลังกลับไป เพราะจุดนี้ดูเงียบสงบเกินกว่าที่เธอจะอยู่กับคนแปลกหน้าที่เป็นผู้ชายสองต่อสองแบบนี้
ขณะที่หญิงสาวกำลังจะก้าวเท้าจากไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเบื้องหลังเธอ
“เดี๋ยวก่อนสิเมย์ เราไม่ได้พบกันตั้งนาน คิดจะกลับไปโดยที่ไม่ทักทายเจ้าของสมุดโน้ตที่คุณตั้งใจจะเอามาคืนสักคำเลยเหรอครับ”
เมรียาหันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงนั้น เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเขาจริงๆ
“ภูมี” เธอจำเขาได้แม่นยำ จำได้ไม่มีวันลืม แต่มีบางอย่าง บางอย่างจริงๆ ที่ทำให้เธอพูดขึ้นว่า
“อ้อ คุณนั่นเองที่เป็นเจ้าของสมุดโน้ตเล่มนี้ ขอโทษทีนะคะ ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นคุณจึงกำลังจะกลับไปพอดี แต่ถ้าคุณยืนยันเช่นนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็...นี่สมุดโน้ตของคุณค่ะ”
เมรียายื่นสมุดโน้ตให้ชายหนุ่มโดยไม่มองหน้าเขา และเตรียมที่จะเดินออกไปจากที่นั่นทันที
แต่ทว่าชายหนุ่มเจ้าของสมุดโน้ตไม่รอช้า เขารีบเดินปรี่ไปขวางหน้าหญิงสาวเอาไว้
“โถ่เมย์ อย่าทำแบบนี้สิ ที่คุณทำเหมือนไม่รู้จักผม มันก็แย่มากพออยู่แล้ว นี่คุณยังจะเดินหนีผมไปอีก ผมขอร้องล่ะ ให้ผมได้พูดกับคุณสักพักได้มั้ย”
“ขอโทษนะคะ ถ้าใครที่รู้จักฉันจริงๆ จะรู้ว่าฉันไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้านานๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันว่าเราคงไม่มีอะไรต้องคุยกัน คุณก็ได้สมุดโน้ตของคุณคืนไปแล้วนี่คะ ถ้าอย่างนั้นฉันต้องขอตัวก่อนค่ะ”
หญิงสาวทำท่าจะผละไปจริงๆ ุชายหนุ่มจึงตัดสินใจรั้งเธอเอาไว้ด้วยการฉุดข้อมือหญิงสาวไว้ก่อนที่เธอจะเดินหนีเขาไป
เมรียาหันกลับมาพูด ด้วยความไม่พอใจว่า
“นี่คุณภู คุณทำอย่างนี้ต้องการอะไรกันแน่ คุณกลับมาทำไม ในเมื่อคุณเป็นฝ่ายทิ้งฉันไปก่อน แล้วคุณยังต้องการอะไรจากฉันอีก”
หญิงสาวพูดในขณะที่พยายามสะบัดข้อมือให้หลุดเป็นอิสระ แต่ไม่เป็นผล
“ถ้าฉันรู้ว่าคุณใช้สมุดโน้ตปริศนาเล่มนี้และยังให้เพื่อนของฉันช่วยเหลือคุณ เพื่อให้ฉันมาพบกับคุณที่นี่ ถ้ารู้แต่แรก ฉันคงไม่มีทางมาที่นี่แน่ๆ”
ภูมียังคงยึดข้อมือหญิงสาวอดีตคนรักเอาไว้แน่นด้วยรู้นิสัยเธอดีว่าไม่มีทางใดที่เธอจะอยู่คุยกับเขาได้นานกว่านี้อีกแล้ว
“ผมขอโทษ ผมจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ เพราะผมรู้ว่าคุณไม่มีทางออกมาพบผมแน่ ที่ผมต้องการพบกับคุณในวันนี้ เพราะผมได้ข่าวว่าคุณมีคู่หมั้นและกำลังจะหมั้นเร็วๆ นี้แล้ว ผมรู้สึกว่ากำลังจะสูญเสียคนที่ผมรักมากที่ี่สุดไป นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับผม ผมขอโทษที่เคยทิ้งคุณไป และทำให้คุณต้องเสียใจ ผมรู้ว่าคุณรักผมมากและผมก็รักคุณมากเช่นกัน"
"แล้วตอนนี้ผมก็ได้รับบทลงโทษแล้ว เพราะผู้หญิงที่เคยบอกว่ารักผมมาก เค้าได้ทิ้งผมไปแต่งงานกับคนอื่น และคุณก็กำลังจะไปหมั้นกับคนอื่นอีก ผมเสียใจที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งผมไป แต่ไม่มากเท่ากับที่คุณกำลังจะทิ้งผมไปหมั้นกับคนอื่นแบบนี้"
"เพราะคุณเป็นผู้หญิงที่ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าคุณสำคัญกับชีวิตผม ีและเป็นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดเพียงคนเดียวเท่านั้น...เมรียา”
ประโยคต่างๆ ที่พรั่งพรูออกมาจากปากของชายหนุ่มผู้นี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้หญิงสาวคงจะซาบซึ้งกับมันมากมายทีเดียว
แต่ในตอนนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว เพราะความทรงจำอันเลวร้ายต่างๆ ที่เขาได้ทำไว้กับเธอ มันสอนให้เธอเข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
และเธอบอกกับตัวเองไว้ตั้งแต่วันที่เขาทิ้งเธอไปหาผู้หญิงคนใหม่ว่า เธอต้องยืนหยัดอยู่ด้วยตัวเองให้ได้แม้ไม่มีเขาก็ตาม
และเธอไม่มีวันที่จะเดินถอยหลังกลับไปใช้ชีวิตอย่างทนทุกข์เหมือนในอดีตที่ผ่านมาอีกเป็นอันขาด
ดังนั้นเธอจึงเพียงแค่จ้องมองคนตรงหน้าตรงๆ และตอบเขากลับไปว่า
“ขอโทษนะคะคุณภูมี ที่คุณพูดมามันก็ถูก แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้วล่ะค่ะ คนเราควรจะอยู่กับปัจจุบันไม่ใช่เหรอคะ"
"ฉันอยากจะขอแนะนำอะไรคุณสักหน่อยนะคะ เมื่อไหร่ที่คุณเป็นคนที่มีจิตใจมั่นคงมากกว่านี้ วันนั้นคุณจะได้พบกับคนที่รักคุณจริงๆ และเธอคนนั้นคงยินดีที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคุณตลอดไปค่ะ"
"แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ฉันแน่นอน ดังนั้นกรุณาปล่อยมือฉันได้แล้วค่ะ”
คำตอบของเธอ ทำให้ชายหนุ่มอึ้งไปนานทีเดียว เพราะเมรียาที่เขาเคยรู้จักไม่ใช่คนที่ตัดสินใจอะไรเด็ดขาดเช่นนี้ เมื่อก่อนเมรียาเป็นคนมองโลกในแง่ดีและพร้อมที่จะให้อภัยทุกคนรอบๆ ตัวเธอที่ทำผิดได้เสมอ
แต่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ ไม่ใช่เลยสักนิดเดียว แต่อะไรกันล่ะที่ทำให้เขาตัดสินใจพูดขึ้นว่า
“เมย์ ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณจากผมไปแน่ๆ ผมไม่ยอมสูญเสียคุณไปหรอก คุณจะไม่มีวันได้หมั้นหรือแต่งงานกับใครหน้าไหนทั้งนั้น นอกจากผมคนนี้คนเดียว"
"คุณต้องไปกับผม ผมจะทำทุกวิถีทางให้คุณกลับมารักผมเหมือนเดิมให้ได้เมรียา ผมขอโทษที่ต้องทำแบบนี้”
พูดจบชายหนุ่มก็อาศัยความไวจับข้อมือหญิงสาวทั้งสองข้างรวบเข้ามาหากัน พร้อมจัดการล็อคกุญแจมือหญิงสาวทันที และใช้ผ้าปิดปากหญิงสาวไว้ไม่ให้ส่งเสียงร้องได้
จากนั้นภูมีพาหญิงสาวขึ้นรถของเขาและขับออกไปจากที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
โดยที่เมรียาไม่มีโอกาสแม้แต่จะต่อสู้ดิ้นรนหรืออ้อนวอนเรียกร้องสิ่งใดจากเขาได้เลย
เธอได้แต่นึกในใจว่าลางสังหรณ์ของเธอคงจะเป็นจริง เพราะก่อนหน้าที่เธอจะมาที่นี่ เธอรู้สึกหวั่นใจแปลกๆ ชอบกล
ซึ่งนั่นก็คงเป็นลางบอกเหตุว่าอันตรายกำลังจะมาถึงตัวเธอในวันนี้นั่นเอง
ตอนนี้เธอได้แต่พยายามตั้งสติ เพื่อที่จะคิดหาทางเอาตัวรอดออกจากการถูกควบคุมตัวของชายผู้เป็นอดีตคนรักของเธอคนนี้ให้จงได้
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
แต่สิ่งที่แปลกไปกว่าทุกวันก็คือ วันนี้มีสมุดบันทึกเล่มหนึ่งวางอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่สองสาวชอบมานั่งเป็นประจำ
สุมลรัตน์จึงอุทานขึ้นด้วยความสงสัยว่า
“ เอ๊ะ! ใครมาลืมสมุดอะไรไว้ที่นี่เนี่ย หรือว่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลในสมุดเล่มนั้นเนี่ยยัยเมย์”
เมรียาจึงพูดขึ้นมาบ้างว่า
“เค้าอาจจะลืมเอาไว้ก็ได้นะยัยส้ม ป่านนี้คงกำลังตามหาอยู่ ฉันจะเอาไปคืนเค้า ถ้าฉันรู้ว่าสมุดเล่มนี้เป็นของใคร หรือว่าเราจะเปิดดูดีล่ะ เผื่อเค้าอาจจะเขียนชื่อเอาไว้ด้านในสมุดก็ได้”
สุมลรัตน์หรือยัยส้มเพื่อนของเมย์หรือเมรียา จึงพยักหน้าหงึกหงักเป็นสัญญาณว่าสนับสนุนให้เพื่อนเปิดดูอย่างที่ว่า
เมื่อเป็นดังนั้นเมรียาจึงค่อยๆ เปิดเข้าไปดูภายในสมุดโน้ตเล่มนั้น แต่น่าแปลกที่มันไม่ได้มีการบันทึกสิ่งใดๆ ไว้เลยแม้แต่หน้าเดียว
ขณะที่กำลังเปิดดูอยู่ จู่ๆ ก็มีรูปถ่ายแผ่นหนึ่งหล่นออกมาจากสมุดโน้ตเล่มนั้นตกลงไปที่พื้น
เมื่อสุมลรัตน์หยิบขึ้นมาดูก็พบว่า มันเป็นรูปม้านั่งที่อยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่ทั้งสองสาวรู้จักเป็นอย่างดี
เมื่อพลิกดูด้านหลังรูปก็พบข้อความที่ถูกเขียนด้วยปากกาเอาไว้ว่า “สถานที่แห่งความทรงจำ”
เมรียาและสุมลรัตน์ต่างมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
สุมลรัตน์จึงเอ่ยขึ้นตามนิสัยอยากรู้อยากเห็นว่า
“ฉันคิดว่า เจ้าของสมุดโน้ตปริศนาเล่มนี้ เขาต้องไปที่นี่แน่ๆ เลย เลิกเรียนแล้วเราเอาไปคืนเขากันเถอะ ฉันอยากรู้ว่าเค้าเป็นใคร แต่ก็แปลกนะที่เค้ายังไม่ได้บันทึกอะไรลงไปเลย ไม่ได้ลงชื่อ แต่สอดรูปถ่ายเอาไว้แค่แผ่นเดียว แปลกจริงๆ”
เมรียา ได้แต่พูดว่า
“จะดีเหรอยัยส้ม มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดก็ได้ บางทีเค้าอาจไม่ได้ไปที่นั่น แล้วมันก็อาจจะไม่ดีถ้าเราไปที่นั่น ฉันรู้สึกแปลกๆ นะ ดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจเลยยัยส้ม”
สุมลรัตน์ ได้แต่ส่ายหน้าตามนิสัย
“คงไม่มีอะไรหรอกยัยเมย์ คิดมากน่า ไม่ลองก็ไม่รู้ ฉันว่าเราควรเอาไปคืนเค้านั่นแหละดีแล้ว เชื่อฉันเถอะ ฉันคิดว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายอย่างที่เธอคิดหรอก ได้เวลาเข้าเรียนแล้วนี่ ไปกันเถอะ”
ว่าแล้วสุมลรัตน์ก็ดึงแขนเพื่อนให้เดินตามเธอไปเข้าห้องเรียน
เมรียาจึงไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธอะไรได้อีก ทั้งที่ในใจก็ยังอดแปลกใจและสงสัยในสมุดโน้ตปริศนาเล่มนี้อยู่ไม่น้อย
หลังเลิกเรียน สุมลรัตน์ต้องรีบกลับเนื่องจากทางบ้านโทรมามีธุระด่วนเลยต้องรีบกลับไป ก่อนไปเธอยังกำชับเมรียาว่าอย่าลืมเอาสมุดโน้ตไปคืนเจ้าของด้วย
โดยให้เหตุผลว่ามันอาจจะสำคัญมากสำหรับเขาคนนั้นก็ได้ เธอจึงบอกให้เมรียาไปที่สวนสาธารณะตามรูปเพื่อจะได้เอาสมุดโน้ตไปให้เจ้าของตามที่ตั้งใจไว้แต่ทีแรก
ส่วนตัวสุมลรัตน์หลังจากขอโทษขอโพยเพื่อนเสร็จสรรพก็รีบกลับไปทำธุระของเธอทันที ทิ้งให้เมรียา ต้องตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ไปที่นั่นดี
ด้วยไม่มั่นใจว่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเปล่ากับเจ้าสมุดโน้ตปริศนาเล่มนี้
แต่ด้วยจิตใต้สำนึกแห่งความมีน้ำใจของเธอเป็นฝ่ายชนะ เมรียาจึงตัดสินใจไปที่สวนสาธารณะแห่งนั้น หลังจากเธอมองหาอยู่นานก็พบจุดที่มีม้านั่งเหมือนกับในรูปถ่าย หล่อนจึงรีบสาวเท้าเข้าไปทันที
เมื่อมาถึง เธอพบใครคนหนึ่งกำลังยืนหันหลังอยู่ ดูเหมือนว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับการจ้องมองแม่น้ำเบื้องหน้าของเขาอยู่
เมื่อเมรียาเดินมาถึง เธอหยุดอยู่เบื้องหลังของชายคนนั้นด้วยความไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาคนนี้จะใช่เจ้าของสมุดโน้ตปริศนาที่เธอจะนำมาคืนหรือไม่
เธอนิ่งอยู่สักพักก่อนตัดสินใจหันหลังกลับไป เพราะจุดนี้ดูเงียบสงบเกินกว่าที่เธอจะอยู่กับคนแปลกหน้าที่เป็นผู้ชายสองต่อสองแบบนี้
ขณะที่หญิงสาวกำลังจะก้าวเท้าจากไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเบื้องหลังเธอ
“เดี๋ยวก่อนสิเมย์ เราไม่ได้พบกันตั้งนาน คิดจะกลับไปโดยที่ไม่ทักทายเจ้าของสมุดโน้ตที่คุณตั้งใจจะเอามาคืนสักคำเลยเหรอครับ”
เมรียาหันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงนั้น เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเขาจริงๆ
“ภูมี” เธอจำเขาได้แม่นยำ จำได้ไม่มีวันลืม แต่มีบางอย่าง บางอย่างจริงๆ ที่ทำให้เธอพูดขึ้นว่า
“อ้อ คุณนั่นเองที่เป็นเจ้าของสมุดโน้ตเล่มนี้ ขอโทษทีนะคะ ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นคุณจึงกำลังจะกลับไปพอดี แต่ถ้าคุณยืนยันเช่นนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็...นี่สมุดโน้ตของคุณค่ะ”
เมรียายื่นสมุดโน้ตให้ชายหนุ่มโดยไม่มองหน้าเขา และเตรียมที่จะเดินออกไปจากที่นั่นทันที
แต่ทว่าชายหนุ่มเจ้าของสมุดโน้ตไม่รอช้า เขารีบเดินปรี่ไปขวางหน้าหญิงสาวเอาไว้
“โถ่เมย์ อย่าทำแบบนี้สิ ที่คุณทำเหมือนไม่รู้จักผม มันก็แย่มากพออยู่แล้ว นี่คุณยังจะเดินหนีผมไปอีก ผมขอร้องล่ะ ให้ผมได้พูดกับคุณสักพักได้มั้ย”
“ขอโทษนะคะ ถ้าใครที่รู้จักฉันจริงๆ จะรู้ว่าฉันไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้านานๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันว่าเราคงไม่มีอะไรต้องคุยกัน คุณก็ได้สมุดโน้ตของคุณคืนไปแล้วนี่คะ ถ้าอย่างนั้นฉันต้องขอตัวก่อนค่ะ”
หญิงสาวทำท่าจะผละไปจริงๆ ุชายหนุ่มจึงตัดสินใจรั้งเธอเอาไว้ด้วยการฉุดข้อมือหญิงสาวไว้ก่อนที่เธอจะเดินหนีเขาไป
เมรียาหันกลับมาพูด ด้วยความไม่พอใจว่า
“นี่คุณภู คุณทำอย่างนี้ต้องการอะไรกันแน่ คุณกลับมาทำไม ในเมื่อคุณเป็นฝ่ายทิ้งฉันไปก่อน แล้วคุณยังต้องการอะไรจากฉันอีก”
หญิงสาวพูดในขณะที่พยายามสะบัดข้อมือให้หลุดเป็นอิสระ แต่ไม่เป็นผล
“ถ้าฉันรู้ว่าคุณใช้สมุดโน้ตปริศนาเล่มนี้และยังให้เพื่อนของฉันช่วยเหลือคุณ เพื่อให้ฉันมาพบกับคุณที่นี่ ถ้ารู้แต่แรก ฉันคงไม่มีทางมาที่นี่แน่ๆ”
ภูมียังคงยึดข้อมือหญิงสาวอดีตคนรักเอาไว้แน่นด้วยรู้นิสัยเธอดีว่าไม่มีทางใดที่เธอจะอยู่คุยกับเขาได้นานกว่านี้อีกแล้ว
“ผมขอโทษ ผมจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ เพราะผมรู้ว่าคุณไม่มีทางออกมาพบผมแน่ ที่ผมต้องการพบกับคุณในวันนี้ เพราะผมได้ข่าวว่าคุณมีคู่หมั้นและกำลังจะหมั้นเร็วๆ นี้แล้ว ผมรู้สึกว่ากำลังจะสูญเสียคนที่ผมรักมากที่ี่สุดไป นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับผม ผมขอโทษที่เคยทิ้งคุณไป และทำให้คุณต้องเสียใจ ผมรู้ว่าคุณรักผมมากและผมก็รักคุณมากเช่นกัน"
"แล้วตอนนี้ผมก็ได้รับบทลงโทษแล้ว เพราะผู้หญิงที่เคยบอกว่ารักผมมาก เค้าได้ทิ้งผมไปแต่งงานกับคนอื่น และคุณก็กำลังจะไปหมั้นกับคนอื่นอีก ผมเสียใจที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งผมไป แต่ไม่มากเท่ากับที่คุณกำลังจะทิ้งผมไปหมั้นกับคนอื่นแบบนี้"
"เพราะคุณเป็นผู้หญิงที่ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าคุณสำคัญกับชีวิตผม ีและเป็นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดเพียงคนเดียวเท่านั้น...เมรียา”
ประโยคต่างๆ ที่พรั่งพรูออกมาจากปากของชายหนุ่มผู้นี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้หญิงสาวคงจะซาบซึ้งกับมันมากมายทีเดียว
แต่ในตอนนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว เพราะความทรงจำอันเลวร้ายต่างๆ ที่เขาได้ทำไว้กับเธอ มันสอนให้เธอเข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
และเธอบอกกับตัวเองไว้ตั้งแต่วันที่เขาทิ้งเธอไปหาผู้หญิงคนใหม่ว่า เธอต้องยืนหยัดอยู่ด้วยตัวเองให้ได้แม้ไม่มีเขาก็ตาม
และเธอไม่มีวันที่จะเดินถอยหลังกลับไปใช้ชีวิตอย่างทนทุกข์เหมือนในอดีตที่ผ่านมาอีกเป็นอันขาด
ดังนั้นเธอจึงเพียงแค่จ้องมองคนตรงหน้าตรงๆ และตอบเขากลับไปว่า
“ขอโทษนะคะคุณภูมี ที่คุณพูดมามันก็ถูก แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้วล่ะค่ะ คนเราควรจะอยู่กับปัจจุบันไม่ใช่เหรอคะ"
"ฉันอยากจะขอแนะนำอะไรคุณสักหน่อยนะคะ เมื่อไหร่ที่คุณเป็นคนที่มีจิตใจมั่นคงมากกว่านี้ วันนั้นคุณจะได้พบกับคนที่รักคุณจริงๆ และเธอคนนั้นคงยินดีที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคุณตลอดไปค่ะ"
"แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ฉันแน่นอน ดังนั้นกรุณาปล่อยมือฉันได้แล้วค่ะ”
คำตอบของเธอ ทำให้ชายหนุ่มอึ้งไปนานทีเดียว เพราะเมรียาที่เขาเคยรู้จักไม่ใช่คนที่ตัดสินใจอะไรเด็ดขาดเช่นนี้ เมื่อก่อนเมรียาเป็นคนมองโลกในแง่ดีและพร้อมที่จะให้อภัยทุกคนรอบๆ ตัวเธอที่ทำผิดได้เสมอ
แต่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ ไม่ใช่เลยสักนิดเดียว แต่อะไรกันล่ะที่ทำให้เขาตัดสินใจพูดขึ้นว่า
“เมย์ ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณจากผมไปแน่ๆ ผมไม่ยอมสูญเสียคุณไปหรอก คุณจะไม่มีวันได้หมั้นหรือแต่งงานกับใครหน้าไหนทั้งนั้น นอกจากผมคนนี้คนเดียว"
"คุณต้องไปกับผม ผมจะทำทุกวิถีทางให้คุณกลับมารักผมเหมือนเดิมให้ได้เมรียา ผมขอโทษที่ต้องทำแบบนี้”
พูดจบชายหนุ่มก็อาศัยความไวจับข้อมือหญิงสาวทั้งสองข้างรวบเข้ามาหากัน พร้อมจัดการล็อคกุญแจมือหญิงสาวทันที และใช้ผ้าปิดปากหญิงสาวไว้ไม่ให้ส่งเสียงร้องได้
จากนั้นภูมีพาหญิงสาวขึ้นรถของเขาและขับออกไปจากที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
โดยที่เมรียาไม่มีโอกาสแม้แต่จะต่อสู้ดิ้นรนหรืออ้อนวอนเรียกร้องสิ่งใดจากเขาได้เลย
เธอได้แต่นึกในใจว่าลางสังหรณ์ของเธอคงจะเป็นจริง เพราะก่อนหน้าที่เธอจะมาที่นี่ เธอรู้สึกหวั่นใจแปลกๆ ชอบกล
ซึ่งนั่นก็คงเป็นลางบอกเหตุว่าอันตรายกำลังจะมาถึงตัวเธอในวันนี้นั่นเอง
ตอนนี้เธอได้แต่พยายามตั้งสติ เพื่อที่จะคิดหาทางเอาตัวรอดออกจากการถูกควบคุมตัวของชายผู้เป็นอดีตคนรักของเธอคนนี้ให้จงได้
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ