คู่หมั้น
10.0
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 22.13 น.
10 ตอน
24 วิจารณ์
21.99K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 16.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ไอ้โรคจิต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในเวลาเที่ยงตรง ทั้งสองสาว เมรียาและสุมนรัตน์หรือส้มก็เดินออกมาจากห้องเรียนและกำลังจะตรงไปที่โรงอาหารเพื่อกินข้าวกลางวันเหมือนเช่นเคยทุกวัน
ปกติแล้วเมรียาเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก ไม่ใช่ว่าเธอหยิ่งหรือไม่มีมนุษย์สัมพันธ์กับใคร เพียงแต่เธอถือคติที่ว่า มากคนมากความ เธอจึงมีเพื่อนสนิทไม่กี่คน
และหนึ่งในนั้นที่เธอมักจะไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ ก็คือสุมนรัตน์หรือยัยส้มซึ่งเป็นเสมือนคู่หูของเธอที่แทบจะติดสอยห้อยตามกันไปแทบทุกแห่งเหมือนเป็นคู่ปลาท่องโก๋กันไปแล้ว
ถึงแม้ทั้งสองจะนิสัยต่างกัน เมรียาเป็นคนนิ่งๆ และใจเย็นมากกว่าสุมนรัตน์ที่มักจะใจร้อน ตื่นเต้น ตกใจง่าย และเป็นคนทันสมัยและนำแฟชั่น รวมถึงช่างพูดช่างคุย
ขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกันเพลินอยู่ ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินตามสองสาวมาด้วยความเร่งรีบ เนื่องจากเขามองเห็นเธอแล้ว คนที่เขาตามหามาตลอดเช้า
และเมื่อถึงตอนเที่ยงเขาคิดว่าจะแวะพักกินมื้อเที่ยงเสียก่อน จึงจะตามหา “เป้าหมาย” ของเขาต่อ แต่โชคก็เข้าข้างเขา เมื่อเขาเหลือบไปเห็นสองสาวที่กำลังเดินคุยกันอย่างเพลิดเพลินอยู่เบื้องหน้าของเขา
เขาจึงรีบสาวเท้าตามมาทันที ด้วยเกรงว่าจะต้องคลาดกันกับเธอ เพราะเขาแน่ใจอย่างมาก ว่าหญิงสาวสูงโปร่งตรงหน้าเขา คือ เธอ “เมรียา” อย่างแน่นอน
จังหวะที่เขารีบสาวเท้ามาเกือบจะทันกับหญิงสาวทั้งสองนั้น แต่แล้วเขาก็พบว่าหญิงสาวกำลังฉุดแขนเพื่อนเธอให้เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น และรีบตรงเข้าไปในห้องน้ำหญิงในที่สุด
เขาได้แต่เดินตามมาและต้องหยุดด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าห้องน้ำหญิง ใจหนึ่งเขาอยากตามเธอเข้าไป แต่สถานที่และสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมาทำให้เขาไม่อาจทำตามความต้องการของตัวเองได้
เขาจึงต้องเลี่ยงออกไปให้ห่างจากด้านหน้าห้องน้ำหญิงและคอยจับตามองผู้คนที่ผ่านออกมาจากห้องน้ำหญิงอย่างใจจดใจจ่อ
ภายในห้องน้ำหญิง หลังจากที่เมรียารีบฉุดแขนเพื่อนสาวให้รีบตามเธอมาที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็วนั้น เมื่อเข้ามาภายในห้องน้ำแล้ว สุมนรัตน์ก็โวยวายเป็นการใหญ่
“นี่ยัยเมย์ ทำไมเธอต้องรีบมาห้องน้ำด่วนจี๋เลยเนี่ย ลากแขนฉันมาเดินตามแทบไม่ทันแน่ะ แล้วไหงพอมาถึงกลับไม่เข้าห้องน้ำซะงั้น ถามจริงเหอะ เธอหนีใครมาหรือเปล่าเนี่ย ยัยเมย์”
เมรียาจึงพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเบากว่าปกติว่า
“ใช่ถูกของเธอยัยส้ม ความจริงฉันไม่ได้รีบลากเธอมาเพื่อเข้าห้องน้ำหรอก แต่ฉันกำลังหนีใครคนหนึ่งที่เค้ากำลังสะกดรอยตามพวกเราอยู่ ฉันคิดว่าเขาคงไม่ใช่คนดีแน่ๆ”
เมื่อได้ฟังดังนั้น สุมลรัตน์ถึงกับทำหน้าสยองทันที
“เฮ้ย! จริงดิ ยัยเมย์ นี่หมายความว่ามีพวกโรคจิตสะกดรอยตามเราอยู่ใช่มั้ย โห! น่ากลัวจังเลยอ่ะ”
เมรียาได้แต่ปลอบเพื่อนว่า
“ใจเย็นๆ ยัยส้ม อาจจะไม่ร้ายแรงขนาดนั้น แต่เราจะทำยังไงดีล่ะ ถ้าขืนเราโผล่ออกไปตอนนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะยังดักรอเราอยู่แถวหน้าห้องน้ำหรือเปล่านะ”
เธอพูดจบก็นิ่งคิดสักครู่ เมื่อเห็นเพื่อนนิ่งคิด สุมลรัตน์ก็รู้ทันทีว่าตอนนี้ต้องเงียบไว้ก่อน คงต้องช่วยกันคิดแก้ไขปัญหาก่อน เพราะขืนโวยวายไปก็ไร้ประโยชน์เปล่าๆ
แต่ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยังคิดไม่ออก ในขณะที่ในห้องน้ำก็ไม่มีใครอยู่แล้ว มีเพียงสองสาวเท่านั้น ในที่สุดด้วยความอึดอัดในบรรยากาศแสนเงียบเชียบมานาน
สุมลรัตน์จึงพูดขึ้นว่า
“เอาน่ายัยเมย์ เป็นไงเป็นกัน เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่ ยังไงเราก็ซ่อนตัวอยู่แบบนี้ทั้งวันไม่ได้แน่ แล้วตอนนี้ฉันก็หิวมากแล้วด้วย เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ"
"ถึงยังไงตอนนี้ก็ยังมีผู้คนเยอะอยู่ แล้วอีกอย่างก็เป็นช่วงกลางวันด้วย ถ้าเขาจะทำร้ายเรา เราก็ร้องตะโกนให้คนช่วยซะเลย เราออกไปกันเถอะยัยเมย์ ใกล้จะหมดเวลาพักเที่ยงแล้วด้วยเนี่ย”
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เมรียาจึงตกลงตามที่สุมลรัตน์บอก ทั้งสองสาวจับมือกันแน่นและค่อยๆ ก้าวออกมาจากหองน้ำหญิงพร้อมๆ กัน
และเป็นจริงดังคาด ทันทีที่สองสาวก้าวพ้นออกจากหน้าประตูห้องน้ำหญิง ชายหนุ่มก็รีบปรี่เข้ามาหาสองสาวทันที โดยเขาจงใจที่จะยืนขวางสองสาวเอาไว้ไม่ให้หลบเลี่ยงเขาได้อีก
เพราะเขายืนรออยู่นานจนปวดแข้งปวดขาไปหมดแล้ว เมื่อเห็นสองสาวโผล่ออกมา เขาจึงรีบตรงเข้าไปหาทันทีโดยไม่ยอมให้โอกาสหลุดลอยไปได้อีก
ทันทีที่สุมลรัตน์เห็นหน้าชายหนุ่ม เธอก็พูดขึ้นว่า
“อ้าว! คุณคนเมื่อเช้าที่มาถามหายัยเมย์นี่นา นี่ยัยเมย์คุณคนนี้แหละที่มาถามหาเธอ ที่ฉันเล่าให้ฟังไง”
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
ปกติแล้วเมรียาเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก ไม่ใช่ว่าเธอหยิ่งหรือไม่มีมนุษย์สัมพันธ์กับใคร เพียงแต่เธอถือคติที่ว่า มากคนมากความ เธอจึงมีเพื่อนสนิทไม่กี่คน
และหนึ่งในนั้นที่เธอมักจะไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ ก็คือสุมนรัตน์หรือยัยส้มซึ่งเป็นเสมือนคู่หูของเธอที่แทบจะติดสอยห้อยตามกันไปแทบทุกแห่งเหมือนเป็นคู่ปลาท่องโก๋กันไปแล้ว
ถึงแม้ทั้งสองจะนิสัยต่างกัน เมรียาเป็นคนนิ่งๆ และใจเย็นมากกว่าสุมนรัตน์ที่มักจะใจร้อน ตื่นเต้น ตกใจง่าย และเป็นคนทันสมัยและนำแฟชั่น รวมถึงช่างพูดช่างคุย
ขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกันเพลินอยู่ ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินตามสองสาวมาด้วยความเร่งรีบ เนื่องจากเขามองเห็นเธอแล้ว คนที่เขาตามหามาตลอดเช้า
และเมื่อถึงตอนเที่ยงเขาคิดว่าจะแวะพักกินมื้อเที่ยงเสียก่อน จึงจะตามหา “เป้าหมาย” ของเขาต่อ แต่โชคก็เข้าข้างเขา เมื่อเขาเหลือบไปเห็นสองสาวที่กำลังเดินคุยกันอย่างเพลิดเพลินอยู่เบื้องหน้าของเขา
เขาจึงรีบสาวเท้าตามมาทันที ด้วยเกรงว่าจะต้องคลาดกันกับเธอ เพราะเขาแน่ใจอย่างมาก ว่าหญิงสาวสูงโปร่งตรงหน้าเขา คือ เธอ “เมรียา” อย่างแน่นอน
จังหวะที่เขารีบสาวเท้ามาเกือบจะทันกับหญิงสาวทั้งสองนั้น แต่แล้วเขาก็พบว่าหญิงสาวกำลังฉุดแขนเพื่อนเธอให้เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น และรีบตรงเข้าไปในห้องน้ำหญิงในที่สุด
เขาได้แต่เดินตามมาและต้องหยุดด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าห้องน้ำหญิง ใจหนึ่งเขาอยากตามเธอเข้าไป แต่สถานที่และสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมาทำให้เขาไม่อาจทำตามความต้องการของตัวเองได้
เขาจึงต้องเลี่ยงออกไปให้ห่างจากด้านหน้าห้องน้ำหญิงและคอยจับตามองผู้คนที่ผ่านออกมาจากห้องน้ำหญิงอย่างใจจดใจจ่อ
ภายในห้องน้ำหญิง หลังจากที่เมรียารีบฉุดแขนเพื่อนสาวให้รีบตามเธอมาที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็วนั้น เมื่อเข้ามาภายในห้องน้ำแล้ว สุมนรัตน์ก็โวยวายเป็นการใหญ่
“นี่ยัยเมย์ ทำไมเธอต้องรีบมาห้องน้ำด่วนจี๋เลยเนี่ย ลากแขนฉันมาเดินตามแทบไม่ทันแน่ะ แล้วไหงพอมาถึงกลับไม่เข้าห้องน้ำซะงั้น ถามจริงเหอะ เธอหนีใครมาหรือเปล่าเนี่ย ยัยเมย์”
เมรียาจึงพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเบากว่าปกติว่า
“ใช่ถูกของเธอยัยส้ม ความจริงฉันไม่ได้รีบลากเธอมาเพื่อเข้าห้องน้ำหรอก แต่ฉันกำลังหนีใครคนหนึ่งที่เค้ากำลังสะกดรอยตามพวกเราอยู่ ฉันคิดว่าเขาคงไม่ใช่คนดีแน่ๆ”
เมื่อได้ฟังดังนั้น สุมลรัตน์ถึงกับทำหน้าสยองทันที
“เฮ้ย! จริงดิ ยัยเมย์ นี่หมายความว่ามีพวกโรคจิตสะกดรอยตามเราอยู่ใช่มั้ย โห! น่ากลัวจังเลยอ่ะ”
เมรียาได้แต่ปลอบเพื่อนว่า
“ใจเย็นๆ ยัยส้ม อาจจะไม่ร้ายแรงขนาดนั้น แต่เราจะทำยังไงดีล่ะ ถ้าขืนเราโผล่ออกไปตอนนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะยังดักรอเราอยู่แถวหน้าห้องน้ำหรือเปล่านะ”
เธอพูดจบก็นิ่งคิดสักครู่ เมื่อเห็นเพื่อนนิ่งคิด สุมลรัตน์ก็รู้ทันทีว่าตอนนี้ต้องเงียบไว้ก่อน คงต้องช่วยกันคิดแก้ไขปัญหาก่อน เพราะขืนโวยวายไปก็ไร้ประโยชน์เปล่าๆ
แต่ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยังคิดไม่ออก ในขณะที่ในห้องน้ำก็ไม่มีใครอยู่แล้ว มีเพียงสองสาวเท่านั้น ในที่สุดด้วยความอึดอัดในบรรยากาศแสนเงียบเชียบมานาน
สุมลรัตน์จึงพูดขึ้นว่า
“เอาน่ายัยเมย์ เป็นไงเป็นกัน เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่ ยังไงเราก็ซ่อนตัวอยู่แบบนี้ทั้งวันไม่ได้แน่ แล้วตอนนี้ฉันก็หิวมากแล้วด้วย เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ"
"ถึงยังไงตอนนี้ก็ยังมีผู้คนเยอะอยู่ แล้วอีกอย่างก็เป็นช่วงกลางวันด้วย ถ้าเขาจะทำร้ายเรา เราก็ร้องตะโกนให้คนช่วยซะเลย เราออกไปกันเถอะยัยเมย์ ใกล้จะหมดเวลาพักเที่ยงแล้วด้วยเนี่ย”
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เมรียาจึงตกลงตามที่สุมลรัตน์บอก ทั้งสองสาวจับมือกันแน่นและค่อยๆ ก้าวออกมาจากหองน้ำหญิงพร้อมๆ กัน
และเป็นจริงดังคาด ทันทีที่สองสาวก้าวพ้นออกจากหน้าประตูห้องน้ำหญิง ชายหนุ่มก็รีบปรี่เข้ามาหาสองสาวทันที โดยเขาจงใจที่จะยืนขวางสองสาวเอาไว้ไม่ให้หลบเลี่ยงเขาได้อีก
เพราะเขายืนรออยู่นานจนปวดแข้งปวดขาไปหมดแล้ว เมื่อเห็นสองสาวโผล่ออกมา เขาจึงรีบตรงเข้าไปหาทันทีโดยไม่ยอมให้โอกาสหลุดลอยไปได้อีก
ทันทีที่สุมลรัตน์เห็นหน้าชายหนุ่ม เธอก็พูดขึ้นว่า
“อ้าว! คุณคนเมื่อเช้าที่มาถามหายัยเมย์นี่นา นี่ยัยเมย์คุณคนนี้แหละที่มาถามหาเธอ ที่ฉันเล่าให้ฟังไง”
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ