นาฏ...รัก
10.0
2) ตัวตน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“พร้อม! ตื่นได้แล้ว” ฉัตรชนกมาถึงรถคันหรูขณะที่เจ้าพร้อม
กำลังหลับสบาย
“อ้าว! ผิดคาดแฮะ...นึกว่าคุณหนูจะค้างที่โรงแรมซะอีก” คนบน
รถตื่นด้วยอาการงัวเงีย แต่ยังไม่วายส่งเสียงแซวแถมยักคิ้วแผล็บอย่าง
ทะเล้น เมื่อเหลือบไปเห็นร่างสะคราญของโฉมเฉลาที่วิ่งกระหืดกระหอบตาม
หลังฉัตรชนกมาติด ๆ
“ลงมา...แล้วก็เข้าไปนั่งด้านโน้นซะด้วย” เขาสั่งเจ้าคนสนิทด้วย
สำเนียงเร่งเร้า ขณะเดียวกันโฉมเฉลาก็มาถึงรถในเวลาไล่เลี่ยกับฉัตรชนก
“ไม่ต้อง! แกมานั่งข้างหลังนี่เลย เดี๋ยวฉันจะไปนั่งข้างหน้ากับฉัตร
เอง” หล่อนรีบกะเกณฑ์เมื่อทันมาได้ยินที่ฉัตรชนกสั่ง
“นั่งอยู่ตรงนั้นนะ...ห้ามลงไปไหนเด็ดขาด” เขาสั่งสำทับด้วย
สำเนียงเอาเรื่อง ‘เหมือนตีวัวกระทบคราด’ โฉมเฉลาหน้างอง้ำอย่างไม่สบ
อารมณ์นัก
“เร็วสิ! จะขึ้นหรือไม่ขึ้น ถ้าไม่ผมจะได้เรียกแท็กซี่ให้”
“ฉัตรน่ะ...ใจร้ายที่สุดเลย” หล่อนก้าวขึ้นรถด้วยกิริยากระแทก
กระทั้น
“ยิ้มอะไรยะ!...” หันไปแหวเจ้าพร้อมที่นั่งยิ้มกริ่มเหมือนทองไม่รู้
ร้อนด้วยอารมณ์พาล ๆ
“ผมน่ะ...ถึงฝนจะตกฟ้าจะร้องแค่ไหนก็ยิ้มได้ขอรับ”
“บ้า! อย่ามาตีฝีปากกับฉันนะ” หล่อนกระฟัดกระเฟียดอย่างคั่ง
แค้นใจ โกรธฉัตรชนกเป็นที่สุด ดูทีรึ...เขาปล่อยให้คนรับใช้มาต่อปากต่อคำ
กับหล่อนโดยไม่คิดจะห้ามปราม คอยดูไปเถอะ...หากหล่อนเข้าไปยังบ้าน
‘โรจนากาญจน์’ ในฐานะ ‘นายหญิง’ ได้เมื่อใดหล่อนจะเฉดหัว ‘เจ้าคนไม่
เจียมตน’ เช่นเจ้าพร้อมเป็นคนแรก
“ผมไม่ลงไปส่งนะ” เขาบอกเมื่อรถมาจอดที่หน้าประตูบ้าน
แล้วออกรถอีกครั้งเมื่อเห็นโฉมเฉลาก้าวลงไปเรียบร้อยแล้ว ยังทันเห็น
หล่อนกระทืบเท้าเร่า ๆ อย่างหัวเสีย ช่วยไม่ได้ที่เจ้าหล่อนกระทำตัวให้เขา
ต้องหมดความอดทนในการทำหน้าที่สุภาพบุรุษต่อไป
เมื่อพ้นจากปากซอยได้ไม่นานชายหนุ่มก็จอดรถข้าง ๆ ทาง พลาง
ปลดสายนิรภัยออกจากตัว ปากก็ร้องสั่งคนสนิท
“ลงไป”
“เฮ้อ! นึกว่าจะสบายซักวัน ไอ้พร้อมเอ๊ย!”
“ไม่ต้องพูดมากลงไปเลย”
“ไอ้เรามันก็ตัวกันชน”
“เออ! รู้แล้วก็รีบลงไป ขืนชักช้ากว่านี้ฉันจะส่งแกลงไปเอง”
“แหะ!...แหะ!...จะรีบลงไปเดี๋ยวนี้ละคร้าบ...เสียดายที่พร้อมมันรูป
ไม่หล่อ แถมเตี้ยม่อต้อยังกับตอไฟลน ไม่อย่างนั้นละก็...” บ่นพึมพำ
กระปอดกระแปดอย่างไม่จริงจังนัก
“แกจะไปทำอะไรเขา...เจ้าพร้อม”
“ไม่ทำอะไรหร๊อก แต่จะเอาไปปล่อยเกาะ อย่างน้อย ๆ เจ้าหล่อน
คงเห็นพร้อมหล่อกว่าต้นมะพร้าวละกัน”
เจ้าพร้อมออกรถนิ่ม ๆ เมื่อเห็นฉัตรชนกหลับตาอย่างผ่อนพัก ชาย
หนุ่มปรับพนักให้เอนไปด้านหลังเล็กน้อยพอสบาย
“นี่! พร้อม ถ้าสมมุติว่าแกเป็นผู้หญิงแกจะมาตามพะเน้าพะนอฉัน
อย่างผู้หญิงพวกนั้นมั้ย” เขาถามทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“โอ๊ะ! ฟ้าผ่าตายเลยคุณหนู” เจ้าพร้อมหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่าง
ทะเล้นไม่วาย
“ฉันสมมุติ…โว้ย! ชะ! เจ้านี่...เห็นทีจะต้องให้โดนสักครั้งจะได้
หายทะลึ่ง” คนพูดก็ได้แต่พูดเท่านั้น แต่มิได้เงื้อง่าอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งเสีย
จริง ๆ เพราะเนื้อแท้แล้วเขาได้รับการอบรมบ่มนิสัยตั้งแต่เด็ก ๆ มาแล้วจาก
คุณหญิงฉัตรฑริกาผู้เป็นมารดา
‘ข้าทาสบริวารนี่สำคัญนะลูก เขาทำงานให้เราก็เหนื่อยพอแรง
แล้ว หากเราจะโขกสับใช้อำนาจบาตรใหญ่กับเขา แม่ว่าไม่ยุติธรรมเลย
ถ้าเราอยากได้ใจเขาเราก็ต้องให้ใจเขาก่อน ความเมตตาและเข้าใจผู้อื่นนี่
หละ...ที่จะเป็นคุณสมบัติที่ดีติดตัวลูกไปตลอด’ คำพูดของผู้เป็นมารดายัง
คงก้องอยู่ในมโนสำนึกเสมอมา...
“โธ่! คุณหนู ๆ มีทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติออกปานนี้ ผู้หญิงที่ไหน
ๆ ก็ย่อมหมายปองเป็นของธรรมดา”
“แล้วถ้าไม่มีอย่างที่แกว่าล่ะ เขาจะยังต้องการอยู่อีกมั้ย”
“ก็อาจจะมีบ้างที่จะรักคุณหนูจริง ๆ”
“แต่ฉันว่าไม่นะ...ขื้นชื่อว่า ‘ผู้หญิง’ ย่อมเห็นเงินเป็นพระเจ้าแทบ
ทั้งนั้น”
“อ้าว! เจ้านายจะดูถูกผู้หญิงไปรึเปล่าคร้าบ...แต่เอาเถอะ...สักวัน
คุณหนูอาจจะเจอคนที่พร้อมพูดบ้างก็ได้ ถึงคราวนั้น ‘เงิน’ ของคุณหนูอาจจะ
ซื้อความรักความภักดีจากเธอไม่ได้”
“ขนาดนั้นเลยเรอะ...แล้วฉันจะคอยวันที่แกพูดมาถึงจะได้รู้ว่า
ระหว่างทฤษฎีของแกกับของฉันของใครจะถูกกว่ากัน” เขาพูดด้วยความ
เชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง แต่ถ้าหากฉัตรชนกจะล่วงรู้อนาคตสักนิด
เขาจะต้องเก็บคำพูดของเขาในครั้งนี้ให้มิดชิดเลยทีเดียว...
“ไปส่งแก้วเขาก่อนดีกว่าคุณลุง บ้านเขาอยู่ในซอยลึก” รสิ
การ้องบอกมาจากด้านหลัง ผู้สูงวัยพยักหน้ารับพลางขับไปตาม
เส้นทางที่กังสดาลบอก เพียงชั่วครู่รถตู้ก็มาจอดตรงหน้ารั้วระแนง
เก่า ๆ ที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้เลื้อยต่าง ๆ พาดพันจนดูรกครึ้ม
“ไปนะจ้ะ...ขอบคุณมากค่ะคุณลุง” ตอนท้ายหันไปยกมือไหว้ผู้สูง
วัยอย่างนอบน้อม คนทั้งสามรอจนกังสดาลไขกุญแจเข้าไปในบ้านเรียบร้อย
แล้ว จึงได้กลับรถตู้มุ่งสู่ถนนใหญ่อีกครั้ง แสงไฟและเสียงฝีจักร ลอดออกมา
จากบ้านหลังเล็ก
“โธ่! แม่จวนจะห้าทุ่มแล้ว ยังไม่นอนอีกเหรอจ้ะ” เอ่ยถามพร้อมกับ
เดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง เพื่อเอารองเท้าเข้าไปเก็บ
“เขาเร่งงานน่ะสิลูก อีกอย่างแก้วยังไม่กลับแม่เป็นห่วงก็เลยนั่งทำ
งานรอไปก่อน เอ๊ะ! เมื่อกี้ได้ยินเสียงรถ ใครมาส่งเหรอลูก”
“พี่พิมเขาให้รถของโรงแรมมาส่งน่ะจ้ะ”
“แล้วกินข้าวกินปลามารึยัง ฮึ! ลูก” หล่อนถามทั้งที่ยังง่วนอยู่กับ
งานตรงหน้า
“ทางโรงแรมเขาจัดเลี้ยงหมดเลยจ้ะแม่ไม่ต้องห่วงนะ...แก้วไม่
อยากให้แม่รอเลย แม่น่าจะพักสายตาบ้างนั่งจักรมาทั้งวัน” หล่อนเข้าไปโอบ
ผู้เป็นมารดาทางข้างหลังด้วยความอาทร
“ไม่เป็นไรหรอกลูก...แม่ยังแข็งแรงยังมีกำลังที่จะทำ ไว้ให้แก้ว
เรียนจบแล้วมีงานทำก่อนสิ ถึงวันนั้นแม่จะนั่งจะนอนให้แก้วเลี้ยงอย่างสบาย
ดีมั้ยลูก” หล่อนเขย่าหัวลูกสาวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู กังสดาลน้ำตาคลอ
ทำไมหญิงสาวจะไม่รู้ว่าทุกหยาดเหงื่อแรงกายของแม่ไม่ได้ทำเพื่อใครเลย
นอกจากตัวเธอคนเดียวเท่านั้น
“ไปอาบน้ำไป๊! ดูสิตัวเหนียวเหนอะเชียว...เหนื่อยมั้ยลูกไอ้งาน
พิเศษนี่น่ะ” ช่อแก้วละงานตรงหน้าเอี้ยวตัวมาถามบุตรสาว พลางลูบผม
สลวยนั้นอย่างเอ็นดู
“ไม่เหนื่อยเลยจ้ะ เป็นงานที่แก้วชอบด้วย บางทีนะแม่พี่พิมอาจจะ
ให้แก้วกับเพื่อน ๆ ไปทำประจำก็ได้ เพราะตอนนี้พี่พิมเขากำลังทำเรื่องเสนอ
กับทางโรงแรมอยู่” บอกเสร็จก็คว้ากระเป๋าใบเล็กมาเปิดแล้วหยิบซองเล็ก ๆ
ยื่นส่งให้ผู้เป็นมารดา
“ค่าเหนื่อยแก้วจ้ะ แก้วอยากให้แม่เก็บเอาไว้”
“ไม่เอาลูก แก้วเก็บเอาไว้เองสิ...เผื่ออยากจะซื้ออะไร ๆ บ้าง แม่
ทำงานอยู่กับบ้านไม่จำเป็นจะใช้อะไรนักหนานี่ลูก...ไปไป๊! รีบอาบน้ำแล้วก็
เข้านอนซะ เดี๋ยวแม่ขอทำต่ออีกหน่อย” หญิงสาวผละจากผู้เป็นมารดาอย่าง
ว่าง่าย หล่อนว่าหล่อนทันได้เห็นน้ำใส ๆ คลอคลองหน่วยตาของแม่ ๆ ผู้เข้ม
แข็ง ไม่เคยอ่อนแอ หรือท้อแท้ให้กังสดาลได้เห็นนับตั้งแต่ผู้เป็นบิดาผละหนี
จากความรับผิดชอบทั้งหมดทั้งมวล เพื่อไปหารวงรังใหม่ที่มีพร้อมชนิดที่ได้
ชื่อว่า ‘ตกถังข้าวสาร’ ทำนองนั้น...เท่าที่จำความได้ ‘ชาย’ ที่ได้ชื่อว่า ‘พ่อ’
จัดได้ว่าเป็นผู้ชายรูปร่างหน้าตาดี กังสดาลเองคงได้ส่วนผสมของพ่อมาไม่
น้อยเลยทีเดียว...
...ฝ่ายโฉมเฉลาหลังจากรถของฉัตรชนกกลับไปแล้ว
หล่อนเดินเข้าบ้านด้วยฝีเท้าหนัก ๆ ยังผลให้ร่างที่ฟุบอยู่บน
เคาน์เตอร์เครื่องดื่มผงกศีรษะขึ้นมอง สายตาหรี่ปรือด้วยฤทธิ์เมรัย
“กลับมาแล้วเหรอยะ...แม่นางแบบหญ่าย...ฉันนึกว่าเขาจะหิ้วแก
ไปค้างด้วยซะอีก”
“โฮ๊ย! อย่าพูดเลยแม่ โฉมยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่ด้วย” หล่อน
วางกระเป๋าปึงปังอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ทำมาย...แกหมดหนทางที่จะบริหารเสน่ห์ของตัวเองแล้วรึไง อย่า
ลืมนะผู้หญิงเราน่ะเขาให้มารยามาหลายร้อยเล่มเกวียน ขุดมาใช้ให้หมดสิ...
เสียดายที่นังสายมันแก่ซะก่อน”
“แม่ก็ดีแต่พูดน่ะแหละ...โฉมไม่เห็นใครจะหลงแม่หัวปักหัวปำซะที
ไอ้เด็กหนุ่ม ๆ ของแม่ที่ผ่านมาก็ล้วนแต่ติดปีกสีทองทั้งนั้น ดีที่สมบัติของ
คุณพ่อน่ะเหลือเอาไว้เยอะ ไม่งั้นป่านนี้แม่กับโฉมมิต้องไปนั่งขอทานตาม
สะพานลอยกันแล้วมั๊ง” หล่อนตอบโต้อย่างไม่ลดละ ก่อนจะวิ่งตึง ๆ ขึ้นไป
ข้างบน ทันได้ยินเสียงแก้วกระทบกับพื้นไล่หลังมา
“หนอย! นังโฉม นังลูกเวร ฉันเลี้ยงแกมาไม่ได้ให้แกมาต่อปากต่อ
คำอย่างนี้นะ!...” เมื่ออารมณ์ถึงขีดสุดคำบริภาษต่าง ๆ ก็หลุดออกมาอย่าง
ง่ายดาย
“จวน! นังจวน! มัวไปมุดหัวอยู่ไหน เอาแก้วใหม่มาให้เดี่ยวนี้”
เสียงโวยวายลั่นนั้นทำเอาสาวใช้ที่กำลังเก็บของอยู่ด้านหลังบ้านบ่นพึมพำ
“เฮ้อ! พอกันทั้งแม่ทั้งลูก สงสารวิญญาณคุณผู้ชาย
จริงๆ” หล่อนเลยเลี่ยงเข้าห้องไป เรื่องอะไรที่จะต้องเสนอตัวเข้า
ไปรองรับอารมณ์ขณะนี้ของคุณสายสุดา ดีไม่ดีจะโดนลูกหลงซะ
อีก เอาไว้ตอนเช้าค่อยไปเก็บกวาดอีกครั้ง เหนื่อย ๆ เข้าเจ้าหล่อน
ก็คงจะเข้านอนเองนั่นแหละ...หรือไม่ก็เมาฟุบอยู่ตรงเคาน์เตอร์นั่น
เหมือนบางครั้งที่ผ่านมา...
ขอขอบพระคุณภาพสวย ๆ ประกอบเรื่อง ของ อาจารย์จักรพันธ์ โปษยกฤต จาก google.com มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ