เพราะร้าย.. ถึงรัก
8) ตอนที่ 8
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันนี้ เป็นอีกหนึ่งวันที่หญิงสาวตื่นขึ้นมาตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง จะให้เธอนอนตื่นสายได้อย่างไรกัน ก็นี่เป็นวันทำงานวันแรกในชีวิต แถมยังเป็นการไปทำงานกับชายหนุ่มที่เธอหลงรัก นี่จึงเป็นที่มาของสาเหตุที่ทำให้ห้องทั้งห้อง เต็มไปด้วยเสื้อผ้า เพราะสาวเจ้าเล่นเอามาลองแล้วไม่ถูกใจ เปลี่ยนชุดนั้นถอดชุดนี้ใส่ชุดโน้น เดือดร้อนสาวใช้ในบ้าน ที่ต้องตามเก็บให้
“หนูนัญขอโทษนะคะพี่แมว เพิ่มงานให้พี่แมวเลย ยังไงเดี๋ยวตอนเย็นหนูนัญมาเก็บเองก็ได้นะคะ แต่ตอนนี หนูนัญต้องไปก่อนแล้ว สายแล้วๆ ตายๆจะทันมั๊ยนะ” หลังจากขอโทษขอโพยพี่เลี้ยงสาวที่ต้องมาเก็บเสื้อผ้าที่เธอรื้อมากองไว้มากมายแล้ว ก็วิ่งลงบันไดเสียงดัง ก็นี่จะเจ็ดนาฬิกาแล้ว และวันนี้ชายหนุ่มในดวงใจนัดไว้ตอนแปดนาฬิกา เขาไม่ชอบคนไม่รักษาเวลา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องดีนัก ที่จะไปทำงานสายตั้งแต่วันแรก ด้วยเหตุผลที่ว่า เธอเลือกเสื้อผ้านานไปหน่อย
“อะไรกันลูก ทำไมวิ่งลงบันไดเสียงดังแบบนั้น” เมื่อเห็นลูกสาวของตนวิ่งกระหืดกระหอบผ่านหน้าไป จึงต้องตักเตือนกันเสียหน่อย
“ขอโทษค่ะคุณแม่ แต่หนูนัญรีบจริงๆค่ะ แต่เอ๊ะ คุณพ่อกับคุณแม่จะไปไหนกันแต่เช้าคะ” เมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างประจำสำหรับเธอ ก็เห็นว่า วันนี้บิดามารดาแต่งกายเหมือนจะออกไปข้างนอก
“วันนี้ พ่อกับแม่มีธุระจ๊ะ” หลังจากเห็นว่าวันนี้บุตรสาวแต่งกายด้วยชุดแซคสีคลีม คาดทับด้วยเข็มขัดเส้นโตสีน้ำตาล ผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มถูกรวบด้วยโบว์มัดผมอันโตตามแบบที่วัยรุ่นสมัยนี้ใช้กัน และแต่งหน้าอ่อนๆ ขับให้หญิงสาวแลดูอ่อนกว่าวัย และโด่ดเด่นมากยิ่งขึ้น
“ผมว่า วันนี้ลูกสาวเราสวยผิดหูผิดตานะ คุณทับทิมว่ามั๊ย”
“คุณพ่อก็ ชมกันแบบนี้ หนูเขินนะคะ ว่าแต่ สวยจริงๆนะคะ”
“เอาๆ ชมกันไปมา เดี๋ยวก็สายกันพอดี รีบๆทานลูก จะได้ไปทำงานสักที วันแรกด้วยอย่าให้สายเลย”
“ตายแล้ว หนูนัญลืมไป ถ้าอย่างนั้น หนูไปก่อนนะคะคุณพ่อคุณแม่” เมื่อกล่าวจบจึงลุกขึ้นแทบจะวิ่งออกไปขึ้นรถ แต่
“เดี๋ยวสิลูก ไปด้วยกันพร้อมพ่อกับแม่นะวันนี้ จะได้ไม่ต้องเอารถออกหลายคัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อคุณแม่จะได้ไปทำธุระกันเลย ไม่ต้องแวะไปส่งหนูนัญอีก เสียเวลาเปล่าๆค่ะ”
“เสียเวลาอะไรกันลูก ก็วันนี้ พ่อกับแม่จะไปธุระที่บริษัท อมรพิริยะ คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป แล้วเราจะไปด้วยกันได้หรือยังจ๊ะ สายแล้วนะ”
“เอ๊ะ ธุระอะไรกันคะ”
“เอาๆ พ่อว่า เราไปคุยกันในรถดีกว่านะ ออกช้ากว่านี้ รับรองได้เลย ได้เข้างานสายตั้งแต่วันแรกแน่ๆลูก” ว่าแล้วคุณพิภพก็เดินนำขึ้นรถเป็นคนแรก ทำให้สาวน้อยจอมวุ่นต้องรีบสวมรองเท้าและเร่งเดินตามไปขึ้นรถในทันที
“ตกลงนี่คุณพ่อคุณแม่จะไม่ยอมบอกหนูนัญจริงๆหรอคะ ว่าจะไปทำไมที่นั่น มีธุระกับลุงเกริกหรอคะ แต่เอ๊ะ ตอนนี้ลุงเกริกก็ไม่ได้เข้าบริษัทแล้วนี่คะ หรือว่า...”
“เอาๆ ตกลงจะถามเอาคำตอบ หรือว่าจะถามลอยๆกันหึลูก ไม่เห็นจะเว้นวรรคให้พ่อกับแม่ตอบบ้างเลย” ยังไม่ทันพูดจบ บิดาของหญิงสาวก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ก็..งั้นคุณพ่อก็บอกมาสิคะว่าไปทำไม” ในเมื่อหาเหตุผลมาเถียงไม่ได้แล้ว จึงได้แต่ออกอาการงอนเล็กน้อย รอฟังคำตอบ
“ก็วันนี้ลูกสาวคนสวยจะไปฝึกงานนี่นา พ่อกับแม่ก็เลยจะขอไปดูสถานที่ฝึกงานสักหน่อย ว่าตกลงแล้ว ลูกพ่อได้ฝึกงานในตำแหน่งอะไรกัน” ในเมื่อออกอาการงอนแบบนี้ ยังไงเสียก็คงต้องบอกเสียแล้ว เขาและภรรยาไม่เคยใจแข็งได้สักที กับอาการงอนของบุตรสาว ก็จะให้เขาใจแข็งได้แค่ไหนกันเชียว นี่บุตรสาวคนเดียวของเขานะ เขาก็รักก็หลงเป็นธรรมดา
“โห ขนาดนั้นเลยหรอคะ แล้วแบบนี้ ใครจะกล้าใช้ให้หนูนัญทำงานจริงๆล่ะค่ะ ในเมื่อคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยแบบนี้ คงกลัวกันหมด” เมื่อทราบเหตุผลของบิดามารดา แทนที่จะดีใจ กลับสร้างความหนักใจให้แก่หญิงสาวเพิ่มขึ้น เดิมแค่ไปฝึกงานด้วยเส้นสายของท่านประธานก็แย่พอแล้ว นี่ยังมีบิดามารดาไปส่งเองแบบนี้ ไม่ได้ฝึกงานกันพอดี ใครๆก็รู้กัน ว่าบิดามารดาของเธอเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของบริษัทนั้น ยังไงซะ ก็ต้องเกรงใจเธอกันเป็นธรรมดา เมื่อก่อนแค่เพียงเธอเข้าไป ก็เกร็งกันจะแย่ แล้วนี่ดูสิ
“ไม่หรอกลูก ถ้าหนูวางตัวดี ตั้งใจทำงาน ยังไงซะ เขาก็ต้องสอนงานหนู ไม่เห็นต้องกังวลไปเลย”
“ค่ะ ยังไงซะ หนูนัญได้โอกาสแล้ว ก็ต้องเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด” เมื่อฟังคำของบิดาแล้ว ก็เกิดกำลังใจอย่างมากในการทำงานขึ้นมา คราวนี้ไม่เพียงแต่ความตั้งใจลึกๆของหัวใจแล้ว เธอยังต้องได้เรียนรู้การทำงานจริงๆสักครั้ง เพื่ออนาคตของตนเอง
“อ่ะ ถึงแล้ว ลงไปกันได้แล้วล่ะ” เมื่อรถจอดสนิทที่หน้าประตูทางเข้าบริษัท อมรพิริยะสกุล คอนสตรัคชั่น เรียบร้อยแล้ว คุณพิภพก็ลงจากรถตามด้วยภรรยายังสาว และบุตรสาวคนสวย เพื่อขึ้นไปยังห้องทำงานของท่านประธานหนุ่ม ที่บัดนี้หาได้อยู่คนเดียวเหมือนเช่นเคย เพราะบิดามารดาของชายหนุ่มได้ออกจากบ้าน มาถึงที่นี้แล้วเช่นกัน
“สวัสดีค่ะคุณพิภพ คุณทับทิม คุณนัญ ท่านรออยู่ที่ห้องท่านประธานแล้วค่ะ เชิญค่ะ” ประชาสัมพันธ์สาวคนสวยรายงานทันทีที่เห็นครอบครัวกิติสกุลก้าวผ่านประตูเข้ามา พร้อมทั้งเชิญทั้งสามขึ้นลิฟต์สำหรับผู้บริหารเท่านั้น
“สวัสดีค่ะ ท่านรออยู่แล้วค่ะ บอกว่าถ้ามาถึงแล้วก็ให้เชิญได้เลยค่ะ” เลขาสาวคนสวยของท่านประธานกล่าวพร้อมหันมามองชนัญธิดาด้วยรอยยิ้มหวานเป็นมิตร นั่นทำให้ความประหม่าของสาวน้อยลดลงไปกว่าครึ่ง
ก๊อกๆๆ
“ขอประทานโทษค่ะ ท่านพิภพมาถึงแล้วค่ะ” เลขาสาวคนสวยเอ่ย หลังจากเคาะส่งสัญญาณและเปิดประตูนำเข้าไป
“เชิญเลยๆ” เสียงของคุณกริกศักดิ์เป็นผู้อนุญาต พร้อมทั้งเดินออกมารับด้วยตัวเอง
“สวัสดีครับคุณอา” หลังจากไหว้ทำความเคารพผู้ใหญ่ทั้งสอง ชายหนุ่มถึงกับยืนนิ่ง เมื่อพบสาวน้อยแสนหวานที่วันนี้สวยผิดหูผิดตา ทั้งเครื่องแต่งกายบวกกับการแต่งหน้าทำผมแบบนี้ ยิ่งทำให้หนูนัญของเขาดูสวยหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เขามองสาวน้อยตรงหน้า ว่าเป็นเพียงแค่เด็กซนคนหนึ่งเท่านั้น นี่เขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า หนูนัญคิดถึงจังเลยค่ะ” เมื่อเอ่ยจบ สาวน้อยก็ได้รับอ้อมกอดแสนอบอุ่นจากคุณแก้วกานดา ผู้ที่หล่อนเรียกขานว่าคุณป้า หรือมารดาของเจ้าของห้องนี่เอง หลังจากเดินตามบิดามารดาเข้ามาในห้องทำงานของท่านประธานแล้ว สาวน้อยถึงกับวางตัวไม่ถูก เธอไม่ได้มาที่นี่นานแค่ไหนแล้วนะ เมื่อก่อน ห้องนี้เป็นของคุณเกริกศักดิ์ และเธอเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยแสนซน ที่วิ่งเล่นซนไปตามประสาเด็กไม่ต้องคิดอะไรมากมาย แต่ในวันนี้ ห้องนี้ได้เปลี่ยนเจ้าของไปเสียแล้ว ดังนั้น เมื่อหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ จึงต้องหันไปหาตัวช่วย
“คิดถึงป้า แต่ไม่เห็นแวะไปหากันบ้างเลย” แม้จะพูดเหมือนน้อยใจ แต่อ้อมกอดที่มอบให้กลับอบอุ่นและบอกว่าคิดถึงเช่นกัน
“เอ่อ คือว่า...” นั่นสินะ เธอไม่ได้แวะไปหาคุณลุงกับคุณป้านานแค่ไหนแล้วนะ เพราะส่วนใหญ่แล้ว เธอก็จะได้เจอทั้งสองตามงานเลี้ยงต่างๆ ที่มารดาของเธอบังคับให้ไปด้วยเท่านั้น
“เอาๆ พอแล้วคุณแก้ว หนูนัญตอบไม่ถูกแล้ว หลานคงยุ่งๆนั่นแหละ คุณก็เห็นแล้วนี่ หลานสาวเราจบปริญญาตรีมาคะแนนสูงลิ่วเชียว” หลังจากเห็นหลานสาวคนสวยอ้ำอึ้ง ตอบคำถามไม่ถูก จึงนึกสงสาร จนต้องออกโรงปกป้องกันเล็กน้อย
“เอาๆ ท่านประธาน เป็นอะไรไป เงียบเชียว แล้วตกลงว่ายังไง จะให้น้องทำงานตำแหน่งอะไรล่ะ” หลังจากเห็นบุตรชายเงียบไปตั้งแต่ครอบครัวกิติสกุลก้าวเข้ามา จึงทำให้อดแปลกใจไม่ได้ เมื่อตะกี้ยังคุยกันดีๆอยู่เลย ทำไมอยู่ดีๆ ก็เงียบลงไป
“เปล่าครับคุณพ่อ ผมก็แค่ฟังทุกๆคนคุยกัน ไม่รู้จะแทรกตรงไหน ส่วนเรื่องงาน ไม่รู้ว่าหนูนัญจะมาทำนานแค่ไหน แต่คงจะให้ไปดูงานกับทุกแผนกก่อนล่ะครับ แล้วยังไงจะให้มาช่วยงานผม จะได้เรียนรู้วิธีการทำงานทุกส่วน หรือคุณพ่อคิดว่ายังไงครับ” หลังจากอธิบายรายละเอียดคร่าวๆตามที่เขาคิดแล้ว จึงหันไปสอบถามความคิดเห็นจากบิดาอีกที
“พ่อว่า ก็ดีนะ เพราะยังไงๆ หนูนัญก็ต้องมาช่วยบริหารงานอยู่แล้ว เรียนรู้ไปเลยจะได้พร้อมสำหรับการทำงานจริงๆด้วย พอไหวหรือเปล่าลูก” หลังจากฟังความคิดของบุตรชายแล้ว คุณเกริกศักดิ์ก็เห็นด้วยกับความคิดของเขา แต่ก็ยังไม่วายหันไปถามความสมัครใจของหลานสาวคนสวยอีกครั้ง เพราะยังไงเสีย เขาก็อยากให้หลานสาวคนสวยทำงานอย่างที่ต้องการจะทำจริงๆ ไม่ต้องการฝืนใจ
“ยังไงก็ได้ค่ะ หนูนัญไม่เรื่องมากอยู่แล้ว” เอ่ยเสียงใส หลังจากความประหม่าเมื่อครู่ ลดลงจนเกือบเป็นปกติ “แค่เพียงได้ทำงานใกล้ๆพี่ดิศ หนูนัญยังไงก็ไหว” ไม่ได้พูดออกไปหรอก แค่เพียงคิดในใจ ก็ทำให้ยิ้มได้อีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้น วันนี้ก็ไปเดินเล่นเที่ยวบริษัทลุงกันดีกว่า จะได้รู้ด้วยว่าแผนกไหนอยู่ตรงไหน ส่วนเรื่องงาน ไว้พรุ่งนี้ค่อยเริ่มจริงๆจังๆแล้วกันนะ
อ่านจบแล้ว เม้นท์ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ