365 วัน มหัศจรรย์แห่งรัก
10.0
2) มกราคม (ตอน ความลับที่เปลี่ยนมือ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ภายในห้องวินิจฉัยโรค หมอใหญ่อ่านผลตรวจร่างกายของคนไข้อย่างละเอียด
สีหน้าดูหดหู่อยู่ไม่น้อย
"คุณพิมชนก มีโรคประจำตัวอะไรอยู่รึเปล่าครับ" เขาปิดแฟ้มประวัติ ขยับแว่นตา
เล็กน้อย
"ไม่มีนี่ค่ะ ลูกสาวดิฉันแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวแน่นอน หมอถามทำไมหรือ
ค่ะ "
"คือผลการตรวจที่ออกมา ลูกคุณเป็นมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลืองชนิดรุนแรงครับ ที่
สำคัญคืออยู่ในระยะสุดท้ายแล้วด้วย"
"คุณหมอตรวจผิดหรือเปล่าค่ะ อาจจะมีอะไรผิดผลาดก็ได้ หรืออย่างน้อยถ้าแก
เป็นจริงๆ แกก็น่าจะบอกดิฉัน ลองตรวจใหม่อีกครั้งดีไหมค่ะคุณหมอ" เธอ
ภาวนาอย่าให้มันเป็นจริง
"ไม่จำเป็นหรอกครับ คือ...เราตรวจเจอสารสังเคราะห์ แอนติบอดิ ซึ่งไว้ใช้ใน
การรักษาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งนะครับ หมอคิดว่าคนไข้คงรู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองเป็น
อะไร และมีเวลาเหลืออยู่เท่าไหร่ อืม....หมอคิดว่าเธอคงเพิ่งมาตรวจเจอ
เพราะว่าโรคนี้ถ้าคนไข้ที่เริ่มเป็น แล้วรีบเข้ารับการรักษา ก็มีโอกาสหายขาดได้
แต่นี่....เชื้อมันลุกลามมาเยอะแล้ว หมอคิดว่าเธอน่าจะมีเวลาไม่เกินปีนี้ ญาติคง
ต้องทำใจไว้ด้วยนะครับ " หมดคำพูด ผู้เป็นแม่น้ำตาไหลอาบข้างแก้มปริ่มใจจะ
ขาด สร้างความสะเทือนใจให้กับหมอที่นั่งอยู่ตรงหน้านัก
เช้าวันต่อมา ความจริงอันแสนโหดร้ายได้ถลาโถมซ้ำเติมไม่จบสิ้น เมื่อผลตรวจออก
มาว่าคนไข้ได้สูญเสียความทรงจำก่อนหน้านี้ทั้งหมด
"จำแม่ไม่ได้หรือลูก แม่คนที่อยู่กับหนูมา 25 ปีเต็ม แม่คนที่พร้อมจะตายแทน
พิมได้ แม่คนนี้ขอสัญญา ว่าจะปกป้องลูกของแม่จนวันตาย ฮือ ฮือ เทวดา
เจ้าขา ให้ทุกอย่างมันมาลงที่อิฉันได้ไหมเจ้าค่ะ ให้เราสองคนแลกชีวิตกันได้
ไหม ฮือ ฮือ "
"คุณเป็นแม่ของหนูใช่ไหมค่ะ คุณคงจะเสียใจมากที่หนูจำคุณไม่ได้ แต่คุณ
อย่าร้องไห้อีกเลยนะค่ะ เพราะมันทำให้หนู.....เจ็บตรงหัวใจยังไงก็ไม่รู้ " ทั้งที่ตัว
เธอเองจำอะไรไม่ได้ แต่พิมก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
"เอ่อ สวัสดีครับคุณป้า นี่เธอรู้สึกตัวแล้วหรือครับ เป็นข่าวดีทีเดียว เมื่อวาน
ผมถือวิสาสะจัดการเรื่องการเงินไปบางส่วนแล้ว หวังว่าคุณป้าจะไม่โกรธผมนะครับ
ส่วนช่วงเย็นๆวันนี้ จะมีพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลลูกคุณป้าตลอด 24 ชั่วโมงนะ
ครับ "
"ใครต้องการมิทราบ ฉันเป็นแม่ ฉันดูแลลูกของฉันเองได้" เสียงกร้าวเล็กน้อย
"แต่คุณป้าครับ ถ้าเรามีนางพยาบาลพิเศษดูแลเธอตลอด มันจะเป็นการดีถ้าเผื่อ
เกิดเธอเจ็บตรงไหนขึ้นมาจะได้รักษาทันการ คุณป้าไม่อยากให้เธอหายไวไวหรอ
ครับ" เขาพยายามชักแม่น้ำ หว่านล้อมเหตุผลให้คนเป็นแม่หมดทางปฎิเสษ ยอม
จำนนไปโดยปริยาย ชายหนุ่มเหลียวมองพิมด้วยความรู้สึกผิด เมื่อเห็นสภาพเธอดู
อิดโรย ตัวขาวซีด มีผ้าพันอยู่รอบศรีษะ
"คุณเป็นใครหรอค่ะ ฉันจำไม่ได้" พิมถามขึ้น
"คุณจะจำผมได้ยังไงล่ะ ก็เราไม่เคยเจอกันมาก่อน ผมเป็นน้าชายของรถคันที่
ชนคุณน่ะครับ ผมคงไม่มีอะไรแก้ตัวนอกจากคำว่าเสียใจ ที่ทำให้คุณต้องมาเจ็บ
แบบนี้ "
"ช่างเถอะค่ะ มันผ่านไปแล้ว อีกอย่างฉันก็จำอะไรไม่ได้ด้วย"
"ขอบคุณมากนะครับ ที่ไม่เอาเรื่องกับหลานผม คือเค้าเป็นเด็กใจร้อนไม่ค่อยฟัง
ใคร ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองผิดทั้งที่มันเป็นอย่างนั้น แม่เจ้าหลานชายผม
หมายถึงพี่สาวผมน่ะครับ เธอเลี้ยงลูกตามใจใครแตะไม่ได้ ผมเองจะตักเตือนดุ
ด่ายังทำไม่ได้เลย" ชายหนุ่มส่ายหัวเอือมระอา
"ดีจริง เลี้ยงลูกให้เป็นเทวดา" มารดาพูดแทรก
"อืม...ผมรบกวนเวลาพักผ่อนคนไข้นานล่ะ คงต้องกลับสักที ไว้พรุ่งนี้จะมาเยี่ยม
ใหม่นะครับ....คุณ เ่อ่อ....คุณชื่อ..."
"คุณป้าค่ะ เออะ...แม่ค่ะหนูชื่อพิม ใช่ไหมค่ะ หนูได้ยินที่แม่เรียกหนูว่า พิม"
"ใช่ลูก หนูชื่อ พิม พิมชนก" แม่จับมือลูกสาวบีบเบาๆ
"นี่พ่อหนุ่ม ลูกฉันน่ะสูญเสียความทรงจำเพราะสมองถูกกระทบกระเทือน เธอจำ
อะไรไม่ได้เลย แม้กระทั่งชื่อตัวเอง" เสียงเริ่มสั่นเครืออีกครั้ง
"แล้วคุณล่ะ คุณชื่ออะไร ฉันจะได้เรียกถูก" พิมจ้องหน้าเค้าอยู่นานเพื่อรอคำตอบ
"คุณค่ะ...คุณ ได้ยินที่ฉันถามรึเปล่า"
"เอ่อครับ....ครับ ขอโทษครับ คือไม่คิดว่าคุณจะ...จะไม่สบายขนาดนี้ เเอ่อ ผม
ชื่อภาคภูมิ...ครับคุณพิม"
"ฉันไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ ถ้าอาการดีขึ้นก็คงจะจำอะไรๆได้เอง"
"เอ่อ พ่อหนุ่ม ฉันฝากดูพิมสักประเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันมา" แม่ของพิมเดินไปทำ
อะไรบางอย่าง
พิมผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว ภาคภูมินั่งเฝ้าอยู่ห่างๆ ปล่อยให้สายตาจับจ้องสำรวจ
หญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่สามารถยับยั้งชั่งใจ แม้ตอนนี้เธอจะดูขาวซีด ใบหน้าที่เปลือย
เปล่าปราศจากเครื่องสำอางค์ แต่เขาก็มองออกว่าพิมเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง ทั้ง
ผิวพรรณที่ดูหมดจด ผมยาวสลวยเป็นลอนโค้งขนานข้างแก้ม ริมฝีปากนูนกลมเป็นกระจับ
ยิ่งมองก็ยิ่งละสายตาได้ยาก
ชั้นหนึ่งของโรงพยาบาล เสียงรองเท้าส้นสูงปลายแหลมดังกังวาลไป
ทั่ว ทำให้เป็นจุดสนใจยิ่งนัก ดาหันซ้ายขวาสลับไปมาปากก็บ่นอุบ ว่าที่นี่สร้างลิฟท์
หรือสร้างลายแทงสมบัติกันแน่สลับซับซ้อนซะจริง ลิฟท์ตัวที่สองกำลังจะปิดลง
"เดี๋ยวค่ะ รอด้วยค่ะ" เมื่อประตูเปิด ผู้ชายที่อยู่ข้างในยืนจังก้า ท่าทางยียวนกวน
ประสาท
"นี่คุณ จะขึ้นรึเปล่าคร้าบ ยืนจ้องผมอยู่ได้" ชายหนุ่มสอดมือเข้ากระเป๋ากางเกง
"ถ้าไม่ขึ้นแล้วฉันจะตะโกนให้รอทำไมล่ะ ไม่น่าถาม " ดาเชิดหน้าพูด
"ก็ถ้าจะขึ้น ทำไมไม่รีบเข้ามาล่ะคร้าบบ" เขาเริ่มลากเสียง
"นี่นาย รอนิดรอหน่อยไม่ได้เลยรึไง ไม่มีน้ำใจ" เธอรีบก้าว
"นี่ผมกดลิฟท์รอคุณยังหาว่าไม่มีน้ำใจอีก หรือจะต้องอุ้มคุณผู้หญิงเข้ามาด้วยไหม
ถึงจะเรียกว่ามีน้ำใจน่ะ " ชายหนุ่มประชิดตัว จนอีกฝ่ายถอยลู่ชิดมุม
"จะทำอะไรน่ะ ถอยไปนะ ฉันสู้คนนะจะบอกให้"
"จุ๊ จุ๊ จุ๊ เก่งซะด้วย" เขาโน้มหน้าลงจ้องเธอ มือสองข้างยันผนังลิฟท์
"นี่แน่ะ !! " ดากระทุ้งส้นสูงลงบนฝ่าเท้า ต่อด้วยยกเข่าเสยขึ้นกระแทกจุดยุทธศาสตร์
ทันที ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า มือกุมประสานที่เป้ากางเกงแน่น ประจวบเหมาะ
กับลิฟท์ที่เปิดจอดพอดี
"ถึงฉันจะสวย แต่ฉันก็ไม่โง่นะย่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า สมน้ำหน้าไอ้โรคจิต"
"ฝากไว้ก่อนนะแม่ตัวดี อูยส์ ถ้าเจออีกทีนะ จะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลยคอยดู"
เขาจะชี้หน้าต่อว่า แต่เธอก็เดินไปไกลแล้ว
ดาค่อยๆบรรจงเปิดประตูห้องผู้ป่วย
"รูปหล่อคนนี้ใครกัน ทำไมไม่เคยเห็นหน้า ไหนขอดูใกล้ๆหน่อยสิ"
ภาคภูมิรู้สึกเหมือนมีคนยื่นหน้าเข้ามา ด้วยสัญชาตญาณเขารีบลืมตาทันที
"เหวอ!! คุณเป็นใครน่ะ มาจ้องหน้าผมทำไม ตกใจหมดเลย" เด้งตัวชิด
กำแพง
"ฉันสิ ต้องเป็นคนถามมากกว่า ว่าคุณเข้ามาในห้องเพื่อนฉันทำไม" คิ้วขมวด
เพราะแน่ใจว่าญาติพิมทุกคนไม่มีใครที่เธอไม่รู้จัก ดายืนกอดอกรอฟังคำตอบ
"คือ...ผม ผม...เป็นน้าชายคนที่ขับชนเธอน่ะครับ พอดีคุณป้าออกไปทำธุระ
ผมจึงอยู่เฝ้าแทน "
"อ๋อ หลานคุณคือคนก่อเรื่องนั่นเอง นี่ดีนะที่เพื่อนฉันไม่ตาย ก็ยังดีที่คุณน้า
ชายยังพอมีมโนธรรม รับผิดชอบอยู่บ้าง " เธอหรี่ตามอง คิดว่าคงไม่ใช่คนเลว
ร้ายอะไรนัก
"เราไปคุยกันในห้องรับแขกดีกว่าครับ เสียงดังเดี๋ยวเธอจะตื่น" ชายหนุ่มผายมือนำ
เดินไปเปิดประตูให้
"ขอบคุณค่ะ ที่เปิดประตูให้ อย่างน้อยโลกนี้ก็ยังมีสุภาพบุรุษหลงเหลืออยู่บ้าง
ไม่เหมือนกับ......" ดาหยีหน้า เมื่อย้อนคิดถึงเหตุการณ์ในลิฟท์
"ไม่เหมือนกับอะไรหรอครับ"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ไอ้พวกโรคจิตวิตถาร คิดไปก็เปลืองเมมโมรี่เปล่าๆ" เธอยัก
ไหล่
สีหน้าดูหดหู่อยู่ไม่น้อย
"คุณพิมชนก มีโรคประจำตัวอะไรอยู่รึเปล่าครับ" เขาปิดแฟ้มประวัติ ขยับแว่นตา
เล็กน้อย
"ไม่มีนี่ค่ะ ลูกสาวดิฉันแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวแน่นอน หมอถามทำไมหรือ
ค่ะ "
"คือผลการตรวจที่ออกมา ลูกคุณเป็นมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลืองชนิดรุนแรงครับ ที่
สำคัญคืออยู่ในระยะสุดท้ายแล้วด้วย"
"คุณหมอตรวจผิดหรือเปล่าค่ะ อาจจะมีอะไรผิดผลาดก็ได้ หรืออย่างน้อยถ้าแก
เป็นจริงๆ แกก็น่าจะบอกดิฉัน ลองตรวจใหม่อีกครั้งดีไหมค่ะคุณหมอ" เธอ
ภาวนาอย่าให้มันเป็นจริง
"ไม่จำเป็นหรอกครับ คือ...เราตรวจเจอสารสังเคราะห์ แอนติบอดิ ซึ่งไว้ใช้ใน
การรักษาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งนะครับ หมอคิดว่าคนไข้คงรู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองเป็น
อะไร และมีเวลาเหลืออยู่เท่าไหร่ อืม....หมอคิดว่าเธอคงเพิ่งมาตรวจเจอ
เพราะว่าโรคนี้ถ้าคนไข้ที่เริ่มเป็น แล้วรีบเข้ารับการรักษา ก็มีโอกาสหายขาดได้
แต่นี่....เชื้อมันลุกลามมาเยอะแล้ว หมอคิดว่าเธอน่าจะมีเวลาไม่เกินปีนี้ ญาติคง
ต้องทำใจไว้ด้วยนะครับ " หมดคำพูด ผู้เป็นแม่น้ำตาไหลอาบข้างแก้มปริ่มใจจะ
ขาด สร้างความสะเทือนใจให้กับหมอที่นั่งอยู่ตรงหน้านัก
เช้าวันต่อมา ความจริงอันแสนโหดร้ายได้ถลาโถมซ้ำเติมไม่จบสิ้น เมื่อผลตรวจออก
มาว่าคนไข้ได้สูญเสียความทรงจำก่อนหน้านี้ทั้งหมด
"จำแม่ไม่ได้หรือลูก แม่คนที่อยู่กับหนูมา 25 ปีเต็ม แม่คนที่พร้อมจะตายแทน
พิมได้ แม่คนนี้ขอสัญญา ว่าจะปกป้องลูกของแม่จนวันตาย ฮือ ฮือ เทวดา
เจ้าขา ให้ทุกอย่างมันมาลงที่อิฉันได้ไหมเจ้าค่ะ ให้เราสองคนแลกชีวิตกันได้
ไหม ฮือ ฮือ "
"คุณเป็นแม่ของหนูใช่ไหมค่ะ คุณคงจะเสียใจมากที่หนูจำคุณไม่ได้ แต่คุณ
อย่าร้องไห้อีกเลยนะค่ะ เพราะมันทำให้หนู.....เจ็บตรงหัวใจยังไงก็ไม่รู้ " ทั้งที่ตัว
เธอเองจำอะไรไม่ได้ แต่พิมก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
"เอ่อ สวัสดีครับคุณป้า นี่เธอรู้สึกตัวแล้วหรือครับ เป็นข่าวดีทีเดียว เมื่อวาน
ผมถือวิสาสะจัดการเรื่องการเงินไปบางส่วนแล้ว หวังว่าคุณป้าจะไม่โกรธผมนะครับ
ส่วนช่วงเย็นๆวันนี้ จะมีพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลลูกคุณป้าตลอด 24 ชั่วโมงนะ
ครับ "
"ใครต้องการมิทราบ ฉันเป็นแม่ ฉันดูแลลูกของฉันเองได้" เสียงกร้าวเล็กน้อย
"แต่คุณป้าครับ ถ้าเรามีนางพยาบาลพิเศษดูแลเธอตลอด มันจะเป็นการดีถ้าเผื่อ
เกิดเธอเจ็บตรงไหนขึ้นมาจะได้รักษาทันการ คุณป้าไม่อยากให้เธอหายไวไวหรอ
ครับ" เขาพยายามชักแม่น้ำ หว่านล้อมเหตุผลให้คนเป็นแม่หมดทางปฎิเสษ ยอม
จำนนไปโดยปริยาย ชายหนุ่มเหลียวมองพิมด้วยความรู้สึกผิด เมื่อเห็นสภาพเธอดู
อิดโรย ตัวขาวซีด มีผ้าพันอยู่รอบศรีษะ
"คุณเป็นใครหรอค่ะ ฉันจำไม่ได้" พิมถามขึ้น
"คุณจะจำผมได้ยังไงล่ะ ก็เราไม่เคยเจอกันมาก่อน ผมเป็นน้าชายของรถคันที่
ชนคุณน่ะครับ ผมคงไม่มีอะไรแก้ตัวนอกจากคำว่าเสียใจ ที่ทำให้คุณต้องมาเจ็บ
แบบนี้ "
"ช่างเถอะค่ะ มันผ่านไปแล้ว อีกอย่างฉันก็จำอะไรไม่ได้ด้วย"
"ขอบคุณมากนะครับ ที่ไม่เอาเรื่องกับหลานผม คือเค้าเป็นเด็กใจร้อนไม่ค่อยฟัง
ใคร ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองผิดทั้งที่มันเป็นอย่างนั้น แม่เจ้าหลานชายผม
หมายถึงพี่สาวผมน่ะครับ เธอเลี้ยงลูกตามใจใครแตะไม่ได้ ผมเองจะตักเตือนดุ
ด่ายังทำไม่ได้เลย" ชายหนุ่มส่ายหัวเอือมระอา
"ดีจริง เลี้ยงลูกให้เป็นเทวดา" มารดาพูดแทรก
"อืม...ผมรบกวนเวลาพักผ่อนคนไข้นานล่ะ คงต้องกลับสักที ไว้พรุ่งนี้จะมาเยี่ยม
ใหม่นะครับ....คุณ เ่อ่อ....คุณชื่อ..."
"คุณป้าค่ะ เออะ...แม่ค่ะหนูชื่อพิม ใช่ไหมค่ะ หนูได้ยินที่แม่เรียกหนูว่า พิม"
"ใช่ลูก หนูชื่อ พิม พิมชนก" แม่จับมือลูกสาวบีบเบาๆ
"นี่พ่อหนุ่ม ลูกฉันน่ะสูญเสียความทรงจำเพราะสมองถูกกระทบกระเทือน เธอจำ
อะไรไม่ได้เลย แม้กระทั่งชื่อตัวเอง" เสียงเริ่มสั่นเครืออีกครั้ง
"แล้วคุณล่ะ คุณชื่ออะไร ฉันจะได้เรียกถูก" พิมจ้องหน้าเค้าอยู่นานเพื่อรอคำตอบ
"คุณค่ะ...คุณ ได้ยินที่ฉันถามรึเปล่า"
"เอ่อครับ....ครับ ขอโทษครับ คือไม่คิดว่าคุณจะ...จะไม่สบายขนาดนี้ เเอ่อ ผม
ชื่อภาคภูมิ...ครับคุณพิม"
"ฉันไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ ถ้าอาการดีขึ้นก็คงจะจำอะไรๆได้เอง"
"เอ่อ พ่อหนุ่ม ฉันฝากดูพิมสักประเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันมา" แม่ของพิมเดินไปทำ
อะไรบางอย่าง
พิมผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว ภาคภูมินั่งเฝ้าอยู่ห่างๆ ปล่อยให้สายตาจับจ้องสำรวจ
หญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่สามารถยับยั้งชั่งใจ แม้ตอนนี้เธอจะดูขาวซีด ใบหน้าที่เปลือย
เปล่าปราศจากเครื่องสำอางค์ แต่เขาก็มองออกว่าพิมเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง ทั้ง
ผิวพรรณที่ดูหมดจด ผมยาวสลวยเป็นลอนโค้งขนานข้างแก้ม ริมฝีปากนูนกลมเป็นกระจับ
ยิ่งมองก็ยิ่งละสายตาได้ยาก
ชั้นหนึ่งของโรงพยาบาล เสียงรองเท้าส้นสูงปลายแหลมดังกังวาลไป
ทั่ว ทำให้เป็นจุดสนใจยิ่งนัก ดาหันซ้ายขวาสลับไปมาปากก็บ่นอุบ ว่าที่นี่สร้างลิฟท์
หรือสร้างลายแทงสมบัติกันแน่สลับซับซ้อนซะจริง ลิฟท์ตัวที่สองกำลังจะปิดลง
"เดี๋ยวค่ะ รอด้วยค่ะ" เมื่อประตูเปิด ผู้ชายที่อยู่ข้างในยืนจังก้า ท่าทางยียวนกวน
ประสาท
"นี่คุณ จะขึ้นรึเปล่าคร้าบ ยืนจ้องผมอยู่ได้" ชายหนุ่มสอดมือเข้ากระเป๋ากางเกง
"ถ้าไม่ขึ้นแล้วฉันจะตะโกนให้รอทำไมล่ะ ไม่น่าถาม " ดาเชิดหน้าพูด
"ก็ถ้าจะขึ้น ทำไมไม่รีบเข้ามาล่ะคร้าบบ" เขาเริ่มลากเสียง
"นี่นาย รอนิดรอหน่อยไม่ได้เลยรึไง ไม่มีน้ำใจ" เธอรีบก้าว
"นี่ผมกดลิฟท์รอคุณยังหาว่าไม่มีน้ำใจอีก หรือจะต้องอุ้มคุณผู้หญิงเข้ามาด้วยไหม
ถึงจะเรียกว่ามีน้ำใจน่ะ " ชายหนุ่มประชิดตัว จนอีกฝ่ายถอยลู่ชิดมุม
"จะทำอะไรน่ะ ถอยไปนะ ฉันสู้คนนะจะบอกให้"
"จุ๊ จุ๊ จุ๊ เก่งซะด้วย" เขาโน้มหน้าลงจ้องเธอ มือสองข้างยันผนังลิฟท์
"นี่แน่ะ !! " ดากระทุ้งส้นสูงลงบนฝ่าเท้า ต่อด้วยยกเข่าเสยขึ้นกระแทกจุดยุทธศาสตร์
ทันที ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า มือกุมประสานที่เป้ากางเกงแน่น ประจวบเหมาะ
กับลิฟท์ที่เปิดจอดพอดี
"ถึงฉันจะสวย แต่ฉันก็ไม่โง่นะย่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า สมน้ำหน้าไอ้โรคจิต"
"ฝากไว้ก่อนนะแม่ตัวดี อูยส์ ถ้าเจออีกทีนะ จะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลยคอยดู"
เขาจะชี้หน้าต่อว่า แต่เธอก็เดินไปไกลแล้ว
ดาค่อยๆบรรจงเปิดประตูห้องผู้ป่วย
"รูปหล่อคนนี้ใครกัน ทำไมไม่เคยเห็นหน้า ไหนขอดูใกล้ๆหน่อยสิ"
ภาคภูมิรู้สึกเหมือนมีคนยื่นหน้าเข้ามา ด้วยสัญชาตญาณเขารีบลืมตาทันที
"เหวอ!! คุณเป็นใครน่ะ มาจ้องหน้าผมทำไม ตกใจหมดเลย" เด้งตัวชิด
กำแพง
"ฉันสิ ต้องเป็นคนถามมากกว่า ว่าคุณเข้ามาในห้องเพื่อนฉันทำไม" คิ้วขมวด
เพราะแน่ใจว่าญาติพิมทุกคนไม่มีใครที่เธอไม่รู้จัก ดายืนกอดอกรอฟังคำตอบ
"คือ...ผม ผม...เป็นน้าชายคนที่ขับชนเธอน่ะครับ พอดีคุณป้าออกไปทำธุระ
ผมจึงอยู่เฝ้าแทน "
"อ๋อ หลานคุณคือคนก่อเรื่องนั่นเอง นี่ดีนะที่เพื่อนฉันไม่ตาย ก็ยังดีที่คุณน้า
ชายยังพอมีมโนธรรม รับผิดชอบอยู่บ้าง " เธอหรี่ตามอง คิดว่าคงไม่ใช่คนเลว
ร้ายอะไรนัก
"เราไปคุยกันในห้องรับแขกดีกว่าครับ เสียงดังเดี๋ยวเธอจะตื่น" ชายหนุ่มผายมือนำ
เดินไปเปิดประตูให้
"ขอบคุณค่ะ ที่เปิดประตูให้ อย่างน้อยโลกนี้ก็ยังมีสุภาพบุรุษหลงเหลืออยู่บ้าง
ไม่เหมือนกับ......" ดาหยีหน้า เมื่อย้อนคิดถึงเหตุการณ์ในลิฟท์
"ไม่เหมือนกับอะไรหรอครับ"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ไอ้พวกโรคจิตวิตถาร คิดไปก็เปลืองเมมโมรี่เปล่าๆ" เธอยัก
ไหล่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ