365 วัน มหัศจรรย์แห่งรัก
1) เดือนมกราคม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความมกราคม (ตอน เหลือเวลาเท่าไหร่)
ใต้ร่มเงาหูกวางต้นใหญ่ ที่ยืนตระหง่านแผ่กิ่งก้านสาขาคลุมเป็นบริเวณกว้าง
คอยบังแสงแดดอันร้อนระอุในช่วงต้นปี ให้ผู้คนนั่งพักผ่อนหย่อนใจ มีเก้าอี้ม้าหินสีขาวขุ่น
วางขนาบสองตัว หรือครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสีขาวแวววาวยามจับต้องแสงอาทิตย์ หญิงสาว
หน้าตาเศร้าหมองกับดวงตาอันเศร้าสร้อย นั่งเหม่อลอยโดยไร้จุดหมาย เสียงที่ก้องใน
หัวมันยังคงดังซ้ำๆวนไปวนมา ไม่รู้จบ
"เชื้อมันกระจายไปเกือบหมดแล้วครับ ถ้าคุณมาเร็วกว่านี้เราอาจจะพอรักษาทัน
หมอเสียใจด้วย ภายในปีนี้ถ้าอยากทำอะไรก็ทำเถอะครับ"
ตอนนี้รอบกายเธอดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปทุกอย่าง แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือที่ดังไม่ขาด
สายอยู่เป็นระยะ ก็ไม่อาจทำให้เธอหลุดจากภวังค์ของเสียงสะกดนั้นได้ แสงแดดตอน
กลางวัน ในเวลานี้มันกลายเป็นแสงจันทร์นวลแล้ว ถ้ายามรักษาความปลอดภัยไม่มาเตือน
ว่าสวนสาธารณะใกล้จะปิด เธอก็คงไม่รู้ว่าโลกหมุนมาเป็นเวลากลางคืนตั้งแต่เมื่อไหร่
"ตายจริง นี่มันสองทุ่มกว่าแล้วหรอเนี่ย" หญิงสาวหงายนาฬิกาข้อมือดู
"ครับ สวนกำลังจะปิดให้บริการแล้วครับ"
ร่างอันบอบบางถอนหายใจยาว พยุงตัวลุกเดินออกมาพร้อมกับแหงนหน้ามองท้องฟ้า
ราวกับจะถามว่าทำไมวันหนึ่งๆ จึงหมดไปแค่ชั่วพริบตา ถ้าอย่างนั้นหนึ่งปีที่เหลือคงจะมาถึง
ในไม่ช้านี้ แล้วฉันจะมีเวลาทำใจรับมือกับมันได้อย่างไรกัน
เสียงไขกุญแจประตูหน้าบ้าน ทำเอาเจ้าสาลี่ที่นอนอยู่ เด้งตัวขึ้นทำจมูกฟุตฟิตดมกลิ่น จาก
นั้นก็เริ่มกระดิกหางสั่นริกๆ ส่งเสียงคราง หงิง หงิง วิ่งวนรอบตัวเองเป็นสัญญาณให้รู้ว่า
เจ้านายของมันกลับมาแล้ว
"ทำไมกลับดึกจังล่ะลูก แม่โทรไปก็ไม่รับ เป็นอะไรรึเปล่า แล้ววันนี้ไปโรงพยาบาล
หมอเค้าว่าไงบ้างล่ะ" ผู้เป็นแม่ถามด้วยความเป็นห่วง
"เอ่อ... ไม่มีอะไรค่ะแม่ หมอบอกว่าพิมนอนน้อย ก็เลยมีอาการหน้ามืดบ่อยๆ เดี๋ยว
ทานยาบำรุงสักเดือนสองเดือนก็จะดีขึ้นเองค่ะ" เธอตอบเสียงเรียบ ไม่สบตามารดาด้วยกลัว
จะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะอย่างไรแม่ก็คงทำใจไม่ได้ถ้าหากรู้ว่ากำลังจะเสียลูกสาวไป
อย่างไม่มีวันกลับ
"แล้วนี่ลูกกินอะไรมารึยัง แม่ทำกับข้าวไว้ตั้งหลายอย่าง ไปดูสิลูก ของชอบพิมทั้ง
นั้น" น้ำเสียงอันอบอุ่น ที่สัมผัสได้ว่าแม่รักเธอมากเหลือเกิน
"ค่ะแม่ งั้นเดี๋ยวพิมไปอาบน้ำก่อนนะค่ะ" เสียงที่สั่นเครือ ทำให้รู้ว่าเธอกำลังควบคุมมัน
ไม่ไหว ได้แต่รีบเดินเข้าห้องปิดประตูล็อคกลอนทันที หญิงสาวค่อยๆทรุดตัวลงกับพื้น
ยกมือกุมหน้า น้ำตาล้นทะลักไหลตามร่องมือไม่ขาดสาย ตัวสั่นเทาไปตามแรงสะอื้น ทุก
อย่างดำเนินไปอย่างเงียบเชียบที่สุด เพราะแค่ถอนหายใจแม่ก็อาจได้ยินแล้ว
เช้าวันใหม่ที่สดใสสำหรับใครหลายคน แต่ใครคนนั้นคงไม่ใช่เธอ วันที่หมดไป
แต่ละวันหมายถึงเวลาที่ถูกบั่นทอนน้อยลง พิม ที่อยู่ในวัยเบญจเพศ ผู้หญิงที่เคย ร่าเริง
แจ่มใส ชอบเข้าสังคมเป็นชีวิตจิตใจ ได้เปลี่ยนเป็นคนละคนราวกับไม่ใช่คนเดิม
"นี่ยัยพิม นั่งทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์ไปได้ ผู้ชายทิ้งรึไงย่ะ" ดา เพื่อนซี้ย่ำปึ๊ก ยื่น
หน้าเข้าไปใกล้จนเกือบจะชิด
"ว่าไงล่ะ เป็นอะไรไปเนี่ย หรือว่านึกไม่ออกว่าวันเกิดเธอจะฉลองที่ไหน เดี๋ยวฉันช่วย
หาร้านให้เอาป่ะ" เพื่อนสาวหยอกแกมทำหน้าทะเล้น
"อืม...จริงสินะ เดือนหน้าก็วันเกิดฉันแล้วหนิ ลืมไปเลย มัวแต่คิดเรื่องอื่นอยู่" พิมทำ
หน้าเศร้า
"แล้วเราจะไปไหนกันดีล่ะ หาที่มีแต่หนุ่มๆนะ ฉันจะได้เตรียมหาเสื้อผ้าเว้าหน้าเว้า
หลัง ยั่วผู้ชายให้น้ำลายฟูมปากไปเลย ไม่แน่นะ อาจจะได้กลับบ้านแก้เหงาสักคน
สองคน" พูดไปก็พรางหมุนตัวโพสท่าเหมือนนางแบบ ทำสายตายั่วยวน จนพิมเองยังอด
ขำไม่ได้
"ไม่ล่ะ ฉันว่าจะพาแม่ไปทำบุญน่ะ แล้วอาจจะปาร์ตี้ที่บ้านนิดหน่อย เธอต้องมาด้วย
นะ ไว้ใกล้ๆก่อนค่อยว่ากัน"
"โห หูฉันฝาดหรือว่าอะไรเข้าสิงย่ะ ปกติเข้าวัดแล้วร้อนไม่ใช่หรอ อยากจะรีบๆกลับ
ใจจะขาด " ดาแกล้งประชด
"อ่ะ อ่ะ เข้าวัดก็เข้าวัด ว่าแต่ช่วงนี้มีเรื่องไม่สบายใจรึเปล่า ดูเธอแปลกไปนะ"
"ก็แค่เหนื่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก" พิมตอบปัด ก้มหน้าง่วนกับงานบนโต๊ะต่อ
หลังเลิกงานพิมไม่ไปสังสรรค์กับเพื่อนเหมือนเช่นเคย แต่ออกไปเดินเล่นตามท้องถนนแทน
ดูชีวิตคนเมืองช่างวุ่นวายเดินขวักไขว่ ดูจะรีบร้อนไปซะทุกคน เบื้องหน้ามีเด็กผู้หญิง
หน้าตามอมแมมคนหนึ่ง ในมือถือตระกร้าใส่สมุดลายการ์ตูนอยู่หลายเล่ม เด็กน้อยตรงปรี่
เข้ามาดึงชายเสื้อพิมเบาๆ
"พี่ค่ะ ช่วยซื้อสมุดหน่อยนะค่ะ นะพี่สาวสุดสวย" เธอมองเด็กตรงหน้า พลันเกิดความ
สงสาร
"ได้สิจ๊ะ มีอยู่กี่เล่ม พี่เหมาหมดเลยแล้วกัน"
"โห พี่ใจดีจังเลย" เด็กหญิงทำตาโต ยิ้มแก้มปริ นี่สินะความสุขที่เกิดจากการให้ พิม
เดินยิ้มคนเดียว โดยลืมความทุกข์ไปชั่วขณะ ไม่นานเธอก็คิดได้ว่าเย็นนี้ควรจะซื้อกับข้าวที่
แม่ชอบ แทนที่จะเป็นของโปรดของตัวเอง
"ข้าวเหนียวมะม่วงจ้า ข้าวเหนียวมะม่วง อร่อยหวานนุ่มละมุนลิ้น" สาวใหญ่โฆษณา
เสียงดังแจ้ว แจ้ว พิมน้ำลายสอ เมื่อเห็นเนื้อในมะม่วงอมส้มอวบอิ่ม ถูกหั่นวางไว้แนวขวาง
เป็นระเบียบ โป๊ะบนข้าวเหนียวชุ่มๆสีขาวนวลโรยด้วยงา กะทิราดถูกตักแยกใส่ถุงต่างหาก
"เอาสองชุดค่ะ แม่ค้า" พิมเม้มปากมองอย่างไม่วางตา ห่างไปไม่เท่าไหร่ก็มีน้ำพริกผักสด
ติดกัน ก็แกงอ่อม ผัดหอยลาย ไก่ผัดขิง ของโปรดแม่ทั้งนั้น หลังเดินจ่ายตลาดเสร็จสรรพ
ฟ้าก็ใกล้มืดลงทุกที เธอรีบเดินจ้ำอ้าวข้ามถนนเพื่อเรียกแท็กซี่กลับบ้าน จู่ๆรถเก๋งคันหนึ่ง
ขับพุ่งมาด้วยความเร็ว เกิดแฉลบตัดหน้ารถเมล์กระทันหัน
เอี๊ยด ด ด พลั๊ก!! พลั๊ก!! พลั๊ก!! ตามมาด้วยเสียงคนที่พากันกรีดร้อง พร้อมใครคนหนึ่ง
กระเด็นไถลเกลือกกลิ้งไปกับพื้นถนน ร่างนั้นแน่นิ่งชิดขอบฟุตบาท เลือดสีแดงสดซึมไหล
ออกมาจากศรีษะเป็นทางยาว
.....พิมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังนอนอยู่้ มีคนที่เธอไม่รู้จักยืนมุงล้อมเต็มไปหมด
เสียงเซ็งแซ่ที่ดังก้องกังวาลอยู่รอบๆแต่จับใจความไม่ได้ พลันร่างกายก็เหมือนไร้น้ำ
หนัก หมดเรี่ยวแรงแม้กระทั่งจะกระดิกนิ้ว เปลือกตาค่อยๆบรรจบเข้าหากัน สติก็ดับวูบ
ทันที......
รถพยาบาลจอดเทียบหน้าห้องฉุกเฉิน คนเจ็บถูกนำเข้าห้องไอซียูเป็นการด่วน ร่างที่ไม่
ได้สติมีเครื่องช่วยหายใจครอบไว้ ตามตัวมีรอยถลอกเลือดเปรอะกรัง ศรีษะเกิดแผลฉกรรจ์
ส่งผลให้เลือดออกไม่หยุด พยาบาลช่วยกันตัดเสื้อเชิ๊ตที่หลุดวิ่นออก หมอใหญ่สั่งนำคนเจ็บ
เข้าผ่าตัดโดยด่วน บุรุษพยาบาลเช็คข้อมูลจากบัตรประชาชนในกระเป๋า เพื่อแจ้งข่าวให้
ทางญาติคนเจ็บทราบ
พิมถูกย้ายมาอยู่ห้องปลอดเชื้อหลังจากอยู่ในห้องผ่าตัด นานถึงห้าชั่วโมง นางพยาบาลเข้า
มาเช็คถุงน้ำเกลือและถุงเลือดอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไป สาวน้อยผู้เคราะห์ร้ายค่อยๆ
ลืมตา เธอเริ่มรู้สึกเจ็บไปทั่วร่างจากการผ่าตัด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยาชาเริ่มอ่อนฤทธิ์ลง
หญิงสาวกระพริบตาสองสามที กวาดสายตามองไปรอบๆพร้อมประติดประต่อเรื่องราว ว่า
เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ในความทรงจำที่เหลือคือ ความว่างเปล่า ใครคนหนึ่งนอน
ฟุบหน้าอยู่ข้างๆเริ่มขยับตัว
"พิม พิมฟื้นแล้วหรอลูก พิมฟื้นแล้ว คุณหมอค่ะ คุณหมอ ลูกดิฉันฟื้นแล้วค่ะ" ผู้เป็น
แม่ตะโกนเรียกพยาบาลหน้าห้อง ไม่นานหมอใหญ่และผู้ช่วยก็รีบเดินมาเช็คอาการทันที
"คุณครับ เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนเป็นพิเศษรึเปล่า ไหนลองมองตามมือหมอนะ
เห็นภาพชัดไหมครับ " หมอยกนิ้วชี้เอียงซ้ายเอียงขวาไปมาช้าๆ ให้คนไข้เกลือกตามอง
ตามทิศทางมือ เธอพยักหน้านิดหนึ่ง
"ดีมากครับ เอาล่ะ แสดงว่าประสาทส่วนตาไม่มีปัญหา คราวนี้ลองบอกหมอหน่อยสิ
ว่าคุณชื่ออะไร"
"ฉัน...ชื่อ...ฉัน....ชื่อ...ชื่ออะไร ฉันจำไม่ได้ ทำไมจำไม่ได้ โอ๊ย!!! ปวดหัว ปวดหัว
จัง โอ๊ย!!!" เธอร้องอย่างทรมานด้วยเสียงแหบพร่า
"ใจเย็นๆครับใจเย็น ไม่ต้องคิดแล้วครับ หยุดคิดก่อนนะครับ สูดหายใจลึกๆ ค่อยนับ
1 2 3 ในใจ โอเคดีมาก ดีครับ" หมอดึงสติคนไข้กลับมา ผู้ช่วยรีบเข้าฉีดยานอนหลับ
เพื่อให้เธอได้พักผ่อนต่อ มารดาที่ยืนดูอาการลูกสาวอย่างตกใจ ช็อคไปชั่วขณะ!! น้ำตา
เอ่อคลอเบ้า ในใจเริ่มเป็นกังวล
"คุณหมอ ลูกดิฉันเป็นอะไรค่ะ ทำไมแกถึงจำชื่อตัวเองไม่ได้ล่ะค่ะ ทำไมถึงเป็น
แบบนี้ "
"คุณ คุณครับ ช่วยคุมสติก่อนนะครับ คือ...นี่อาจจะเป็นอาการของผู้ป่วยที่เพิ่งรู้สึก
ตัว สมองของเธอมีการกระแทกกับของแข็งอย่างแรง ถ้าคนไข้อีอาการมึนงง จำ
อะไรไม่ได้ทันที่ที่ฟื้น มันก็ไม่แปลกหรอกครับ แต่หมอก็อยากจะบอกญาติคนไข้
อย่างหนึ่งว่า แม้ภายนอกจะมีแค่อาการบอบช้ำ เกิดแผลถลอกบางส่วน แต่เราไม่
สามารถรับประกันได้ว่าสมองจะไม่เป็นอะไรนะครับ ทางที่ดีเราควรรอให้เธอฟื้นอีก
รอบแล้วค่อยดูอาการกันอีกที " ผู้เป็นแม่ยืนนิ่ง ยกมืออธิฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพร ขอ
ให้ลางสังหรณ์ของเธอไม่เป็นจริง เธอแค่คิดมากไปเอง
ภายในห้องคนไข้ ทุกอย่างนิ่งเงียบไม่ไหวติง ได้ยินแค่เพียงลมหายใจ ก๊อก ก๊อก
เสียงเค๊าะประตูดังขึ้นเบาๆ ใครคนหนึ่งเดินสวบเท้าเข้ามาเป็นจังหวะ ชายหนุ่มท่าทางดีดู
แต่งตัวภูมิฐาน เสื้อผ้าภายนอกบอกได้ถึงคนมีอันจะกิน ใบหน้านั้นคมสัน คิ้วเรียวเข้มได้
รูป จมูกโด่งแต่ไม่ถึงกับเชิดมาก ดวงตามีเสน่ห์รับกับขนตางอน ผมรองทรงสไตล์
คุณชายเหมือนในหนังเกาหลีไม่ผิดเพี้ยน ร่างสูงโปร่ง แต่ดูกำยำ ก้มลงไหว้อย่าง
นอบน้อม
"สวัสดีครับคุณป้า คือ...ผมเป็นน้าชายเจ้าของรถคันที่ชนลูกคุณป้าน่ะครับ"
"แล้วยังไงค่ะ ที่คุณมานี่ เพราะจะมาขอโทษแทนหลาน หรือจะมาขอร้องให้ยอม
ความไม่เอาเรื่องหลานคุณล่ะ"
"โธ่> ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ วันนี้ที่ผมมาก็เพื่อจะมารับผิดชอบทุกอย่าง ตั้งแต่ค่า
รักษาพยาบาล รวมถึงค่าทำขวัญด้วยนะครับ คุณป้าจะเรียกร้องเท่าไหร่ บอกมา
ได้เลยครับ ผมยินดีจะจ่ายให้ทุกบาททุกสตางค์เลยครับ " น้ำเสียงเรียบ แฝงด้วย
ความจริงใจ
"ฉันไม่อยากได้เงินคุณหรอก เก็บไว้ใช้กับคนอื่นเถอะ คุณคิดว่าเงินนี่มันซื้อทุกอย่าง
ได้งั้นหรือ หรือแม้กระทั่งซื้อชีวิตลูกสาวฉันได้ ห๊ะ"
"ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะครับ ผมเพียงแค่คิดว่าเงินนี่มันสำคัญกับลูกคุณป้า
สำหรับไว้ใช้ในการรักษาเธอ แม้จะออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ยังไงก็ต้องพักฟื้น
ต่อที่บ้านไม่ใช่หรอครับ ค่ายาสมัยนี้ไม่ถูกเลย ผมอยากจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย
ทั้งหมด จนกว่าลูกคุณป้าจะหายเป็นปกติ แค่นั้นจริงๆครับ"
เสียงนางพยาบาลเรียกญาติผู้ป่วยเข้าพบหมออีกครั้ง เธอผลุนผลันออกไปอย่างเร่งรีบโดย
ไม่ได้บอกลาเค้าด้วยซ้ำ ก่อนจะกลับเขาถือวิสาสะจัดการเรื่องเงิน ค่ารักษาบางส่วน
และได้สั่งให้ทางโรงพยาบาล จัดหานางพยาบาลพิเศษดูแลพิมตลอด 24 ชั่วโมง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ