The Legend ตำนานสุดท้ายแห่งเลือดนิรันดร์

9.0

เขียนโดย kaizer

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 17.15 น.

  2 chapter
  10 วิจารณ์
  7,831 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) Legend 1 : ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ไหน ตราบใดที่ยังมีจิต

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Legend 1 : ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ไหน ตราบใดที่ยังมีจิตใจมันก็เหมือนกันนั่นแหละ!

 

           ใบไม้สีเขียวพลิ้วไหวตามแรงลม หมู่นกส่งเสียงร้องขับขานต้อนรับวันใหม่แสงอาทิตย์ส่องแสงแยงตาข้า เทพอพอลโล่เทพเจ้าแห่งดวงตะวันคงออกทำหน้าที่แล้วสินะ ข้ายันกายขึ้นจากพื้นหน้าที่เปียกชื้นจากน้ำค้าง คว้ากระติกน้ำข้างตัวมาเทน้ำล้างหน้า ข้าล้วงกระเป๋าผูกเอวที่วางไว้ข้างๆกระติกน้ำมารวบผมสีเงินสยายของตัวเอง ชื่อของข้าคือเรย์นา เดอ รีนเป็นเทพแห่งดนตรี

 

 

         หน้าที่ของข้าคือเดินทางไปเล่นดนตรีตามเมืองต่างๆเมื่อวินเซนต์จ้าวแห่งสายลมสหายข้าแจ้งข่าวหากเมืองนั้นสำคัญพอที่จะให้ข้าไปเล่นหรือไม่แล้วข้าก็จะส่งตัวแทนของข้าเวียนนาคนสนิทในวิหารเทพดนตรีไปแทน ตอนนี้ข้าอยู่ที่เมืองเอโดะในสมัยโชกุนโทกุงาวะ อิเอะยะสึ*ที่พวกชาวนิปฮง**เรียกว่าสมัยเอโดะ***

     “ท่านเรย์เจ้าค่ะ”ข้าหันไปตามเสียงเรียก ยูเฟียวิญญาณสาวชี้ไม้ชี้มือไปทิศทางที่นางเดินจากมาอย่างกระตือรือร้น ยูเฟียเป็นวิญญาณสาวที่ได้รับอภิสิทธิ์เหนือวิญญาณดวงอื่นให้สามารถปรากฏตัวในยามกลางวันได้โดยไม่ถูกแสงของเทพอพอลโล่แผดเผา  แต่นางไม่มีสิทธิ์ไปเกิดใหม่จนกว่าจะสิ้นสุดศึกยักษ์แร็คนารอคหรือที่พวกมนุษย์ชอบเรียกกันว่าวันสิ้นโลกน่ะแหละ

 

        ยูเฟียเป็นวิญญาณสาวหน้าตาน่ารักนางมีผมสีชมพูอ่อนยาวสลวย ดวงตาสีชมพูเข้มกลมโตใบหน้าอ่อนหวานน่ารัก ผิวขาวซีดตามแบบฉบับของวิญญาณ สาเหตุที่นางถูกสาปนั่นเพราะไปพลั้งมือทำร้ายเพอร์เซโฟนีองค์ราชินีแห่งยมโลกตามคำยุยงของโครนอสบิดาซูสผู้ปกครองเหล่าทวยเทพ ที่ถูกคุมขังไว้ในทาร์ทารัสส่วนที่ลึกที่สุดของเออร์เรบัสโลกแห่งความตายชั่วกัปชั่วกัลป์

 

     “มีอะไรหรอยูเฟีย”

     “ทางนั้นเจ้าค่ะท่านเรย์ทางนั้นมีลำธาร”

 

      ลำธาร! ดีใจจังข้าไม่ได้อาบน้ำมาสองวันแล้วถึงข้าจะเป็นเทพก็เหอะแต่สำหรับเทพที่อยู่กับมนุษย์มาหลายปีแล้วอย่างข้านี่ไม่ได้อาบน้ำมาสองวันนี่ก็สุดๆแล้วนะ

     “ยูเฟียฝากสัมภาระทีข้าจะไปอาบน้ำ”ข้าฝากสัมภาระไว้กับยูเฟีย หยิบอุปกรณ์อาบน้ำที่ไม่ได้ใช้มาตลอดสองวันแล้วตรงดิ่งไปยังทิศทางที่ยูเฟียชี้ทันที

 

 

     เมื่อเดินมาได้ซักพักข้าก็พบลำธารแห่งหนึ่ง มันเป็นลำธารที่ไม่กว้างมากนักรอบๆมีต้นไม้ขึ้นรกครึ้มบดบังแสงอาทิตย์ ข้าไม่รอช้าถอดเสื้อผ้าแล้วเปลี่ยนมานุ่งผ้าถุงแทนปิดท้ายด้วยการร่ายมนต์ภาพลวงตาไว้รอบๆป้องกันอีกชั้นถึงแม้ว่าแถวนี้จะไม่มีคนก็เถอะแต่ป้องกันไว้ก่อนก็ไม่เสียหายนี่นา

 

    ข้าก้มมองเงาในน้ำเป็นผูหญิงคนหนึ่งนางมีผมสีเงินยาวถูกรวบอย่างลวกๆ ดวงตาสีครามฉายแววมีตวามสุข ผิวขาวจนเกือบซีดเปลี่ยนเป็นสีแดงเปล่งปลั่งเมื่อเจ้าตัวหัวเราะอะไรบางอย่างจนตัวโยน

 

    ข้าหน้าซีดทันที ผู้หญิงคนนั้นก็คือข้าแต่ตอนนี้ข้าไม่ได้หัวเราะซักงั้นแสดงว่าข้ากำลังจะซวย!

 

  ทำไมข้าเห็นภาพตัวเองกำลังหัวเราะแล้วจะซวยอย่างนั้นหรอ? คือเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อประมาณ7ปีก่อนตอนงานฉลองวันเกิดของเทพลาแบลล์เทพเจ้าแห่งน้ำวนตอนนั้นข้าตกลงไปในบ่อน้ำวนสังหรณ์ในวิหารน้ำวน ผลจากการตกลงไปในบ่อน้ำวนสังหารณืเลยทำให้เวลาข้ามองเห็นภาพตัวเองหัวเราะในน้ำมันจะเป็นลางบอกเหตุว่าข้าจะโชคร้ายกลับกันถ้าข้าเห็นภาพตัวเองร้องไห้ในน้ำข้าจะโชคดี ถ้าระดับการหัวเราะหรือร้องไห้หนักมากเท่าไหร่ก็แสดงว่าข้าจะโชคร้ายหรือโชคดีมากเท่านั้น

 

     แล้วนี่ภาพที่ข้าเป็นในน้ำคือภาพตัวเองหัวเราะจะเป็นจะตายก็หมายความว่าข้ากำลังจะ ‘ซวย’ สุดๆเลยนะสิ!

 

    เฮ้อ ช่างมันเถอะ ถ้าถึงเวลาข้าดวงตกจริงๆยังไงมันก็หนีไม่พ้นอยู่ดีเว้นแต่ว่าจะไปติดสินบนเทพแฝดแห่งชะตากรรมนารีสกับนาดีสให้ชวยเปลี่ยนดวงให้ข้า อืม...ความคิดนี้ก็ไม่เลวแฮะแต่เอาไว้วันหลังก็แล้วกันตอนนี้ข้าอยากอาบน้ำใจจะขาด

 

     กุบกับ กุบกับ

 

 ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าม้าแต่คงยังอีกไกล...มั้ง ข้าอาบน้ำต่อโดยไม่สนใจ

 

     กุบกับ

 

  ข้าเห็นฝุ่นตลบมาแต่ไกลเอ่อ...ข้าว่าข้ารีบอาบน้ำดีกว่าถึงข้าจะร่ายเวทย์ลวงตาเอาไว้ก็เถอะแต่มันก็ทำได้แค่ลวงตาไม่ได้ลวงประสาทสัมผัส ทำไมตอนนั้นข้าไม่ร่ายมนต์มายาชั้นสูงไปเลยเนี่ย

 

    ถึงจะมานั่งเสียใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ข้ารีบขึ้นจากน้ำใช้เวทย์ลมผสมเวทย์ไฟให้เป็นลมร้อนพัดตัวเองให้แห้งแล้วรีบสวมเสื้อผ้าประจวบกับกองทัพเจ้าของฝีเท้าม้าฝุ่นตลบวิ่งมาหยุดที่ลำธารพอดี ผู้ชายคนหนึ่งที่ขี่ม้านำกองทัพบังคับม้าเข้ามาใกล้ลำธาร เจ้าหมอนี่เป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อจนข้าแอบเช็ดน้ำลายนิดนึง(ที่เหลือไหลลงลำธาร) เจ้าหมอนี่มีผมน้ำเงินเข้มอมเขียวยาวถึงประบ่า ผิวคล้ำนิดๆ ริมฝีปากบางเฉียบจนข้ายังอิจฉา ดวงตาสีเทาราวกับหมอกควันจ้องเขม็งมายังข้าที่พยายามค้นหาสายโอบิหรือผ้าผูกเอวในกองเสื้อผ้า

 

    หมอ หมอนี่คงไม่ใช่พวกเป็นมนุษย์ไม่เต็มร้อยใช่ไหม ข้าเหลือบไปมองพวกที่มากับเจ้าหนุ่มผมน้ำเงิน เฮือก! ผมดำกันหมดเลยมีผมสีไม่กี่คนเอง เอาแล้วไงเจ้าพวกไม่ใช่มนุษย์เต็มร้อยยิ่งมีสัญชาติญาณดีซะด้วย

 

     “เขตอาคม”นั่นไง ถึงเจ้าหนุ่มผมน้ำเงินนี่จะเข้าใจผิดว่าเป็นเขตอาคมก็เถอะ

 

   อ๊ะ นั่นไงสายโอบิของข้า

 

เจ้าหนุ่มผมน้ำเงินลงมาจากหลังม้าเจ้าหมอนี่ต้องคิดทำลายมนต์ลวงตาของข้าแน่ๆ

 

   ข้ารีบคลานไปหาสายโอบิสีม่วงเข้มของข้า

 

เจ้าหนุ่มผมน้ำเงินเดินเข้ามาใกล้เขตมนต์ลวงตาแล้ว

 

   ไม่นะ ข้ารีบคว้าสายโอบิ

 

เจ้าหนุ่มผมน้ำเงินชักดาบที่น่าจะทำลายเขตอาคมได้ออกมา ถ้ามันทำลายเขตอาคมได้ ภาพมนต์ลวงตาของข้าคงไม่เหลือแม้แต่ซากแน่

 

   ข้ารีบผูกสายโอบิ

 

ฉึบ

 

ภาพมนต์ลวงตาของข้าพังราบเป็นหน้ากลองเมื่อเจ้าหนุ่มผมเขียวยกดาบขึ้นฟันเอาล่พตอนนี้ข้าควรจะ...

 

     “กรี๊ดดดดดดดดดดดดด~”ข้าหลับหูหลับตากรี๊ด ยูเฟียจ๋าช่วยได้ยินแล้วมาช่วยข้าทีนะ

 

            เจ้าหนุ่มผมน้ำเงินชะงักไปนิดหน่อยก่อนถามข้าเสียงเรียบ

 

     “เจ้าเป็นมนุษย์รึปล่าว” ข้าหยุดกรี๊ดทันที เวลาพวกผู้ชายเจอผู้หญิงกรี๊ดแบบไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ต้องพูดประมาณว่า ‘หุบปาก’ ไม่ใช่รึไง

 

     “เจ้าคิดว่าข้าเป็นมนุษย์รึปล่าวล่ะ”ข้าย้อนถาม

 

     “ไม่” ข้ารู้สึกคิ้วกระตุกยังไงชอบกลแฮะทำไมหมอนี่ถึงพูดทำนองว่าข้าไม่ใช่มนุษย์ได้หน้าตาเฉยอย่างนี้ฮะ ข้าออกจะคล้ายมนุษย์นะ(เว้ย) อ้าก อยากกระอักเลือดตาย

 

    ไม่ได้ๆเลือดของข้ามีประโยชน์มากเลยนะรู้ไหมมันรักษาเลือดได้สารพัด แถมเอาไว้ใช้แก้คำสาปได้ด้วยนะบางคนบอกว่ามันเอาไปปรุงเป็นยาอมตะได้ด้วย ใช่แล้วเลือดของข้าคือเลือดนิรันดร์ยังไงเล่า!

 

 

   อืม...พวกเจ้าคงยังไม่รู้สินะว่าเลือดนิรันดร์มันเป็นยังไง งั้นข้าก็จะอธิบายให้ฟังก็แล้วกัน เลือดนิรันดร์น่ะเป็นเลือดที่มีคุณสมบัติมากมายจัดว่าเป็นเลือดที่ดีที่สุดและหายากมากที่สุดในโลกใบนี้มันมีคุณสมบัติในการรักษาโรค ถอนคำสาป ใช้เขียนอักขระเวทมนต์ เพิ่มพลัง รักษาความเยาว์วัย ต่อชีวิตฯ เพียงแต่คนที่จะมีเลือดนิรันดร์ได้นั้นจะต้องมีสายเลือดของเทพและปิศาจที่แข็งแกร่งรวมทั้งต้องมีเชื้อสายของมนุษย์เจือปนอยู่เบาบางซึ่งต้องได้สัดส่วนที่ลงตัวด้วย อัตราการเกิดเด็กที่มีเลือดนิรันดร์นั้นมีน้อยมากเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในล้านล้านล้านล้านล้านเลยที่เดียวท่านอาจารย์ของข้าบอกไว้ว่าตั้งแต่ปฐมกาลของโลกใบนี้มีดาฟีอัสหรือผู้สืบเชื้อสายแห่งเลือดนิรันดร์รวมข้าด้วยเพียง13คนเท่านั้นและข้าก็คือคนที่13

 

 

          ข้าช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่โชคดีที่สุดในโลกจริงๆ(ประชด)

 

    เรื่องนี้ต้องขอบคุณเทพแห่งสายลมวินเซนต์ที่ช่วยปิดเรื่องนี้เอาไว้ให้ไม่อย่างงั้นข้าคงโดนตามล่าไปรีดเลือดตั้งนานแล้วล่ะ อ้อ ต้องขอบคุณยูเฟียด้วยที่คอยลบความทรงจำของคนที่เผอิญมารู้เรื่องเลือดของข้าเข้า

 

     ดูเหมือข้าจะคิดอะไรเพลินไปหน่อย เจ้าหนุ่มผมเขียวหันไปให้สัญญาณกับลูกน้องหรือทหารที่ยืนอยู่ข้างหลัง ทหารสองคนลงมาจากม้าพร้อมจูงผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกมัดไว้ด้วยเชือกสีดำสนิท ส่วนอีกคนแบกสัมภาระคุ้นตาข้ามา

 

     ยูเฟีย!!

 

  ผู้หญิงที่โดนทหารจูงมาก็คือยูเฟีย ทำไมยูเฟียถึงแพ้มนุษย์กันนะในเมื่อยูเฟียเก่งจะตาย ในตอนนั้นเองข้าก็เหลือบไปเห็นเชือกสีดำที่มัดยูเฟียเอาไว้

 

   ข้าเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงนั่นมันเชือกวิญญาณนี่! เชือกวิญญาณเกิดจากการนำดวงวิญญาณมาทรมานแล้วขังไว้ในเส้นไหมจากต้นไหมที่ขึ้นอยู่บนหลุมศพคนตายเส้นไหม1เส้นต่อดวงวิญญาณ400ดวง โยนลงไฟนรก4วันจากนั้นนำมาถักเป็นเชือก

 

   เชือกวิญญาณเป็นสิ่งวิเศษที่อันตรายและหายากเป็นอันดับต้นๆของยมโลกมันสามารถพันธนาการยมทูตระดับล่างๆจนถึงระดับกลางไว้ได้ ดังนั้นถึงแม้จะเป็นยมทูตก็ตามการจะต้องต่อกรกับเชือกวิญญาณก็ต้องยุ่งยากอยู่พอดู

 

     แต่ว่ากว่าจะได้เป็นเชือกวิญญาณเส้นใหญ่ขนาดนี้จะต้องสังเวยชีวิตมนุษย์ไปกี่คนกันนะ...

 

     “เจ้า...ปล่อยยูเฟียนะ!”ข้าตะโกนมือกำแน่นจนชาไปหมด ข้าหลับตาลงพยายามข่มอารมณ์พลุ่งพล่านนี้ให้หยุดลง

 

ไม่...ข้าจะฆ่ามนุษย์ไม่ได้

 

     “ข้าจะปล่อยสหายเจ้าถ้าเจ้ายอมช่วยเหลือข้าเรื่องหนึ่ง”

 

     “ช่วย”ข้าพึมพำ เจ้าหนุ่มผมน้ำเงินหันไปให้สัญญาณกับลูกน้องเป็นเชิงว่าให้ถอยหลังไป ดูท่าเจ้าหมอนี่คงไม่อยากให้ลูกน้องรู้เรื่องนี้

 

   เหล่าทหารใต้บังคับบัญชาของเขาต่างถอยหลังไปอย่างพร้อมเพรียงแสดงถึงวินัยที่ได้ฝึกมาอย่างดี

 

     “เจ้าช่วยมาเป็นคนรักของข้าได้ไหม”

 

     “คนรักหรอ อืม...เฮ้ย!”ข้าถอยหลังกรูดๆจ้องมองเจ้าหนุ่มผมเขียวอย่างหวาดๆไม่ใช่ว่าเจ้าหมอนี่หลงรักข้าตั้งแต่แรกพบหรอกนะถึงหมอนี่จะหล่อโดนใจข้าขนาดไหนข้าก็ไม่เอา ข้าล่ะแหยงพวกมีรักแรกพบจริงๆ ข้าว่าเจ้าพวกนี้น่ะไม่ได้รักจริงๆหรอกแค่‘อยาก’รึไม่ก็หลงใหลในรูปรักภายนอกเท่านั้นเองไม่ได้รักในตัวตนที่แท้จริงสักหน่อย

 

    เจ้าหนุ่มผมน้ำเงินกลอกตาขึ้นฟ้า

 

     “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าหมายความว่าให้เจ้ามาเล่นละครเป็นคนรักข้าต่างหาก”

 

   ข้าถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่ก็ไม่ได้ขยับจากที่เดิม

 

     “แล้วทำไมต้องเป็นข้า”

 

     “เทพแห่งโชคชะตากรรมท่านนารีสและท่านนาดีสบอกข้าว่าหญิงสาวที่ข้าพบคนที่144นับจากออกจากปราสาทอาบิจะสามารถช่วยข้าได้”เจ้าหนุ่มผมน้ำเงินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

 

       นารีสกับนาดีส!! พวกนางต้องจงใจแกล้งข้าแน่ๆ พวกนางน่ะขี้เล่นจะตายถึงแม้ข้าจะสนิทกับพวกนางแต่การแกล้งข้าก็เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆอย่างหนึ่งของพวกนาง

 

    ข้าค้อนลม ค้อนฟ้า ค้อนดิน ค้อนเมฆ ค้อนน้ำ ค้อนทุกอย่างเท่าที่จะค้อนได้โดยเฉพาะค้อนลม ข้าจะ

 

ฝากวินเซนต์ไปค้อนพวกนาง แต่คอยดูเหอะแค้นครั้งนี้ต้องชำระ!

 

 

     “แล้วเจ้าแน่ใจได้ไงว่าข้าเป็นคนที่144จริงๆ”ข้าพยายามหาทางบ่ายเบี่ยง

     “ข้ามั่นใจ”

     “ถ้าอย่างนั้นหากข้าช่วยเจ้าแล้วข้าจะได้อะไร”

 

    ตอนนี้ข้ามั่นใจแล้วว่าถึงข้าจำพยายามเลี่ยงไปยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์ นู่น! เจ้าเทพแฝดนารีสและนาดีสโบกมือทักทายข้าอยู่หย็อยๆแล้ว ข้าถลึงตามอพวกนางพยายามส่งข้อความไปบอกพวกนางว่า ‘เจอกันครั้งหน้าพวกเจ้าไม่รอดแน่’ แต่ยัยฝาแฝดนั่นกับยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้แล้วหายตัวไปเลย เอาไว้ข้ากลับไปสวรรค์เมื่อไหร่ข้าจะกระทืบพวกนางให้จมดินเลยคอยดูสิ!!

 

     “ข้าให้เจ้าขออะไรก็ได้หนึ่งอย่างแต่สิ่งนั้นต้องไม่เกินกำลังข้า”แน่ะ ดันฉลาดทำกรอบไว้ก่อนซะได้แย่จริง เอาเถอะไงๆข้าก็ได้ประโยชน์อยู่บ้างอย่างน้อยๆข้าคงไม่ต้องตากแดดตากฝนออกไปตระเวนเล่นดนตรีล่ะนะ…

 

     “ถ้าอย่างนั้นก็...ตกลง”

 

     “ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงต้องการให้ข้าไปเป็นคนรักล่ะ”ข้าเอ่ยถามออกไป ตอนนี้ข้านั่งอยู่บนเกวียนที่กำลังวิ่งปุเลงๆไปตามพื้นขรุขระ รอบๆตัวข้าเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและสิ่งมีค่ามากมาย เรียวบอกว่ามันเป็นสินสงครามที่ได้จากการยึดปราสาทอาบิ เออใช่! ตอนนี้ข้ารู้ชื่อเจ้าหนุ่มผมน้ำเงินแล้วเจ้าหมอนี่ชื่อ‘ยามาโมโตะ เรียว’ เป็นแม่ทัพแห่งปราสาทจิบุน เป็นเทพปิศาจที่มีเชื้อสายมนุษย์เหมอนกับข้าเพียงแต่ เรียวมีเชื้อสายของเทพปิศาจและมนุษย์เท่าๆกัน

 

 

     “พ่อข้าอยากให้ข้าแต่งงาน”เรียวพูดเสียงเรียบเจือความไม่พอใจอยู่นิดๆ

     “เจ้าสาวไม่สวย”ข้าเอ่ยถามเล่นๆ บางทีการที่ผู้ชายไม่อยากแต่งงานด้วยการคลุมถุงชนนั้นก็มีสาเหตุมาจากเจ้าสาวไม่สวยเช่นกัน

     “สวย”

     “อ้าว แล้วทำไมเจ้าไม่แต่งล่ะ”ข้าซักบางทีเรื่องของเรียวเนี่ยอาจเป็นเหมือนในเรื่องที่คาเรลเทพแห่งงานเขียน เขียนขึ้นมาเล่นๆเวลาว่างอย่าง เรียวเห็นว่าที่เจ้าสาวเป็นแค่น้องสาวหรือไม่ก็เพื่อน แต่ว่าที่เจ้าสาวของเรียวกลับหลงรักเรียวก็ได้

     “ข้าเห็นนางเป็นแค่น้องสาวมากกว่า”

     “เฮ้ย!” ข้าเผลอตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เรียวหันมามองข้าอย่างสงสัยแต่ข้ารีบส่ายหน้าเป็นพัลวันเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร

 

  ทำไมมันตรงอย่างนี้เนี่ย ข้าลูบหัวตัวเองเบาๆ ไม่แน่ถ้าจบเรื่องนี้ข้าอาจเอาไปเขียนเป็นหนังสือขายบ้างดีกว่าแต่คงต้องเปลี่ยนชื่อตัวละคร

     “แต่...ก็ยังดีกว่าแต่งงานกับคนที่ไม่รู้เลยไม่ใช่เหรอ”

     “มันก็จริงแต่ข้ายังไม่อยากแต่งงาน”

     “แล้วเมื่อไหร่เจ้าจะอยากแต่งงานกันล่ะ”

     “อีกสัก5-6ปี”

 

  ข้ากลอกตาขึ้นฟ้า อีกตั้ง5-6ปีว่าที่เจ้าสาวของเจ้าก็คงจะรอเจ้าอยู่หรอกนะ

 

     “ตอนนี้เจ้าอายุเท่าไหร่”

     “18ปี”

     “18 งั้นเจ้าก็ตั้งใจจะแต่งงานตอนอายุ23ไม่ก็24ปีสินะ”

     “อืม”เรียวพยักหน้ารับ

     “มันไม่นานไปหน่อยเหรอ”ข้าเอ่ยถามธรรมเนียมของพวกนิปฮงเนี่ยต้องแต่งงานกันตอน18ปีเนี่ยแหละเหมาะสมที่สุด

     “ข้าไม่ใช่มนุษย์”เรียวพูดเสียงเรียบใบหน้าของเขาเหมือนฉาบน้ำแข็งบางๆเอาไว้

      “อ่า ข้าขอโทษ”ข้าเอ่ยขอโทษเบาๆ พวกไม่ใช่มนุษย์เต็มร้อยนั้นบางพวกจะไม่ชอบใจสายเลือดของตัวเอง อาจมีสาเหตุมาจากคนรอบข้างรังเกียจหรือไม่ก็ควบคุมพลังของตนเองไม่ได้จนเผลอทำร้ายคนรอบข้าง

 

     เกวียนหลังนี้จึงตกอยู่ในความเงียบจนได้ยินเสียงฝีเท้าม้าและเสียงพูดคุยของเหล่าทหารจากภายนอก...

 

 

___________________________________________________________________

*โทกุงาวะ อิเอะยะสึคือผู้สถาปนา บากุฟุ (ค่ายทหาร) ที่เมือง เอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) และ โชกุน คนแรกของ ตระกูลโทะกุงะวะ ที่ปกครอง ยุคเอโดะ ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่สิ้นสุด ศึกเซกิงาฮาระ เมื่อปี พ.ศ. 2143 (ค.ศ. 1600) กระทั่งเริ่ม ยุคเมจิ เมื่อปี พ.ศ. 2411 (ค.ศ. 1868)

**นิปฮง ชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการของชาวญี่ปุ่น             

***เอโดะ (江戸) เป็นชื่อเก่าของเมืองโตเกียวในประเทศญี่ปุ่น และ เป็นยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา