The Legend ตำนานสุดท้ายแห่งเลือดนิรันดร์
9.0
1) บทนำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอนาคต : ค.ศ.2500 น่านฟ้าประเทศสหรัฐอเมริกา
ในวิหารที่สว่างไสวอันงดงามแห่งหนึ่ง ร่างของชายผมสีทองดั่งทองคำนั้นนั่งอยู่บนบัลลังก์ในชุดคลุมสีขาวยาวจรดพื้น ปักดิ้นทองดูเรียบง่ายแต่กลับดูหรูหราในคราเดียวกัน ดวงตาสีครามจ้องมองไปยังหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นอย่างประเมิน ก่อนเสียงทุ้มทรงพลังกังวานจะดังขึ้น
“เจ้าตัดสินใจจะรับหน้าที่นี้แล้วใช่ไหม”
“ใช่”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองชายผมทอง ดวงตาสีเลือดฉายแววหนักแน่น เรือนผมสีดำสนิทพลิ้วไหวไปตามแรงลม เธอช่างต่างกับชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ราวฟ้ากับดิน
หากเขาคือแสงสว่าง เธอคือความมืด...
หากเขาคือผู้สร้าง เธอคือผู้ทำลาย....
“หากเจ้าแน่ใจอย่างนั้นข้าก็ไม่ขัด แต่จงอย่าลืมจากนี้เป็นต้นไปทุกคนที่เจ้ารู้จักจะเกลียดชังเจ้า จะไม่มีใครอยู่เคียงข้างเจ้า เจ้าจะถูกผู้คนทั้งโลกสาปแช่ง เจ้าจะไม่เหลือใครในโลกใบนี้ เจ้าจะเหลือเพียงความเดียวดายเป็นสหาย ทุกคนที่เจ้ารัก ทุกคนที่เจ้าเกลียด ทุกคนที่เจ้าไว้ใจ ทุกคนที่เจ้าเคารพ ทุกคนจะกลายเป็นศัตรูของเจ้า สักวันหนึ่งเจ้าอาจตายด้วยน้ำมือของสหายคนใดคนหนึ่งของเจ้าและเจ้า...จะไม่อาจเปลี่ยนใจ”กระแสคุกคามแผ่ออกมาจากตัวของพระผู้เป็นเจ้า
หญิงสาวเม้มปากแน่นในหัวฉายภาพผู้คนที่เธอนับถือ เชื่อใจ รัก และเกลียดชัง
“ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้าเป็นคนยื่นข้อเสนอนี้ให้ข้าเองไม่ใช่หรือ”หญิงสาวย้อน ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มจางๆ เธอคือคนที่เหมาะสมที่สุด หลังจากเขาเฝ้ามองมนุษย์นับล้านล้านชีวิต เธอคือสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ที่เข้าใจมนุษย์มากที่สุด รับรู้ถึงชีวิตนี้มากจนพอใจ และแข็งแกร่งพอจะรับความเกลียดชังของคนบนโลกนี้ได้
“ใช่...เจ้าแน่ใจนะ”ชาย ผมทองลุกเดินเข้ามาใกล้ เขามองเธออย่างชั่งใจ เธอส่งยิ้มปลอบประโลมมาให้
“เจ้าเป็นคนบอกข้าเองไม่ใช่เหรอว่า หากข้าตกลงผู้คนที่ข้ารู้จักจะกลับมาเหล่าเทพจะยอมฝ่าฝืนข้อห้ามของวัฏสงสาร เพื่อนำพวกเขามาฆ่าข้า...ข้าอยากจะพบพวกเขาอีกสักครั้ง”ชายผมทองยิ้มจางๆ ผู้หญิงตรงหน้าเขาไม่ได้ทำเพื่อเขาหรือทำเพื่อโลกใบนี้แต่ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อความปรารถนาที่อยากพบกับเพื่อนของเธออีกครั้ง
มือหนาเอื้อมไปสัมผัสศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเรือนผมสีดำ ไร้สิ้นซึ้งความลังเล ใจ
“จากนี้ไปใน นามแห่งพระเจ้า เจ้าคือผู้ทำลายโลก”
ครืน!
ราวกับโลกทั้งใบกำลังสั่นสะเทือน ตอบรับการกำเนิดแห่งผู้ทำลาย เนตรสีเลือดลืมตามขึ้นมองพระเจ้าผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่ง ดวงเนตรสีแดงฉายแววหม่นเศร้าลงเล็กน้อยแต่เธอก็ได้เลือกแล้วและไม่มีทางที่ จะหันหลังกลับได้ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้มีเพียงการก้าวต่อไปข้างหน้าเท่านั้น
“จาก นี้ไปนามของเจ้าคือฟิเวอร์(จุดจบ)”
“รู้แล้วน่าซินเยอร์(พระ เจ้า)”
สายลม พัดผ่านอย่างแผ่วเบา ร่างของบุรุษที่ได้ชื่อว่าพระเจ้าผู้สร้างโลกหายไปพร้อมกับสายลม หญิงสาวลุกขึ้นยืน ดวงตาสีเลือดทอดมองลงไปเบื้องล่างทะลุม่านเมฆ มองเห็นภาพอาคารสูงระฟ้ามากมาย อากาศ เต็มไปด้วยหมอกอันเกิดจากควันพิษ สภาพของโลกที่นับวันจะยิ่งเสื่อมโทรมเข้าไปทุกที
แต่งบางทีนะ ซินเยอร์แม้เจ้าจะเป็นคนสร้างโลกใบนี้ขึ้นมาแต่เจ้าก็ไม่อาจไขปริศนาของโลก ใบนี้ได้หรอก โลกน่ะงดงามมากเลยนะ......แม้มันจะดูเน่าเฟะก็ตาม...
ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยน เศร้าสร้อยและดูว่างเปล่าในคราวเดียวกัน...
ในวิหารที่สว่างไสวอันงดงามแห่งหนึ่ง ร่างของชายผมสีทองดั่งทองคำนั้นนั่งอยู่บนบัลลังก์ในชุดคลุมสีขาวยาวจรดพื้น ปักดิ้นทองดูเรียบง่ายแต่กลับดูหรูหราในคราเดียวกัน ดวงตาสีครามจ้องมองไปยังหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นอย่างประเมิน ก่อนเสียงทุ้มทรงพลังกังวานจะดังขึ้น
“เจ้าตัดสินใจจะรับหน้าที่นี้แล้วใช่ไหม”
“ใช่”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองชายผมทอง ดวงตาสีเลือดฉายแววหนักแน่น เรือนผมสีดำสนิทพลิ้วไหวไปตามแรงลม เธอช่างต่างกับชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ราวฟ้ากับดิน
หากเขาคือแสงสว่าง เธอคือความมืด...
หากเขาคือผู้สร้าง เธอคือผู้ทำลาย....
“หากเจ้าแน่ใจอย่างนั้นข้าก็ไม่ขัด แต่จงอย่าลืมจากนี้เป็นต้นไปทุกคนที่เจ้ารู้จักจะเกลียดชังเจ้า จะไม่มีใครอยู่เคียงข้างเจ้า เจ้าจะถูกผู้คนทั้งโลกสาปแช่ง เจ้าจะไม่เหลือใครในโลกใบนี้ เจ้าจะเหลือเพียงความเดียวดายเป็นสหาย ทุกคนที่เจ้ารัก ทุกคนที่เจ้าเกลียด ทุกคนที่เจ้าไว้ใจ ทุกคนที่เจ้าเคารพ ทุกคนจะกลายเป็นศัตรูของเจ้า สักวันหนึ่งเจ้าอาจตายด้วยน้ำมือของสหายคนใดคนหนึ่งของเจ้าและเจ้า...จะไม่อาจเปลี่ยนใจ”กระแสคุกคามแผ่ออกมาจากตัวของพระผู้เป็นเจ้า
หญิงสาวเม้มปากแน่นในหัวฉายภาพผู้คนที่เธอนับถือ เชื่อใจ รัก และเกลียดชัง
“ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้าเป็นคนยื่นข้อเสนอนี้ให้ข้าเองไม่ใช่หรือ”หญิงสาวย้อน ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มจางๆ เธอคือคนที่เหมาะสมที่สุด หลังจากเขาเฝ้ามองมนุษย์นับล้านล้านชีวิต เธอคือสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ที่เข้าใจมนุษย์มากที่สุด รับรู้ถึงชีวิตนี้มากจนพอใจ และแข็งแกร่งพอจะรับความเกลียดชังของคนบนโลกนี้ได้
“ใช่...เจ้าแน่ใจนะ”ชาย ผมทองลุกเดินเข้ามาใกล้ เขามองเธออย่างชั่งใจ เธอส่งยิ้มปลอบประโลมมาให้
“เจ้าเป็นคนบอกข้าเองไม่ใช่เหรอว่า หากข้าตกลงผู้คนที่ข้ารู้จักจะกลับมาเหล่าเทพจะยอมฝ่าฝืนข้อห้ามของวัฏสงสาร เพื่อนำพวกเขามาฆ่าข้า...ข้าอยากจะพบพวกเขาอีกสักครั้ง”ชายผมทองยิ้มจางๆ ผู้หญิงตรงหน้าเขาไม่ได้ทำเพื่อเขาหรือทำเพื่อโลกใบนี้แต่ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อความปรารถนาที่อยากพบกับเพื่อนของเธออีกครั้ง
มือหนาเอื้อมไปสัมผัสศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเรือนผมสีดำ ไร้สิ้นซึ้งความลังเล ใจ
“จากนี้ไปใน นามแห่งพระเจ้า เจ้าคือผู้ทำลายโลก”
ครืน!
ราวกับโลกทั้งใบกำลังสั่นสะเทือน ตอบรับการกำเนิดแห่งผู้ทำลาย เนตรสีเลือดลืมตามขึ้นมองพระเจ้าผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่ง ดวงเนตรสีแดงฉายแววหม่นเศร้าลงเล็กน้อยแต่เธอก็ได้เลือกแล้วและไม่มีทางที่ จะหันหลังกลับได้ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้มีเพียงการก้าวต่อไปข้างหน้าเท่านั้น
“จาก นี้ไปนามของเจ้าคือฟิเวอร์(จุดจบ)”
“รู้แล้วน่าซินเยอร์(พระ เจ้า)”
สายลม พัดผ่านอย่างแผ่วเบา ร่างของบุรุษที่ได้ชื่อว่าพระเจ้าผู้สร้างโลกหายไปพร้อมกับสายลม หญิงสาวลุกขึ้นยืน ดวงตาสีเลือดทอดมองลงไปเบื้องล่างทะลุม่านเมฆ มองเห็นภาพอาคารสูงระฟ้ามากมาย อากาศ เต็มไปด้วยหมอกอันเกิดจากควันพิษ สภาพของโลกที่นับวันจะยิ่งเสื่อมโทรมเข้าไปทุกที
แต่งบางทีนะ ซินเยอร์แม้เจ้าจะเป็นคนสร้างโลกใบนี้ขึ้นมาแต่เจ้าก็ไม่อาจไขปริศนาของโลก ใบนี้ได้หรอก โลกน่ะงดงามมากเลยนะ......แม้มันจะดูเน่าเฟะก็ตาม...
ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยน เศร้าสร้อยและดูว่างเปล่าในคราวเดียวกัน...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ