Epidemia: Epic World on Fire
24) Nuclear Winter [Part 1] (2/2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในขณะที่คิวโอเอและกลุ่มทหารที่อาสาร่วมบุกรักษาพื้นที่หลบหลังชนฝาในอาคารข้างทางและขดตัวอยู่ในคูน้ำ ทหารราบฝ่ายเจ้าบ้านก็เคลื่อนกำลังเข้าประชิดพร้อมกับกราดปืนเลเซอร์และพลาสมาในมือกดหัวเอาไว้ ซ้ำร้าย ‘ซาเวจ’ จำนวนหนึ่งก็แล่นวนเวียนคอยยิงไล่ให้ออกจากที่หลบออกไปเผชิญกับทหารราบ พลอาวุธหนักหลายคนพยายามยกปืนพลาสมาต่อต้านยานเกราะขึ้นยิงแต่ก็ไม่มีใครยิงโดนแม้แต่นัดเดียวเนื่องจากสมรภูมิไม่ได้กว้างขวางอะไรนัก ส่วน ‘ซาเวจ’ เองก็วิ่งเร็วปานสายลมกว่ากระสุนพลาสมายาวเป็นขบวนรถไฟจะพุ่งไปถึง พวกมันก็แล่นลับมุมตึกไปแล้ว ไรซ่าเห็นท่าไม่ดีจึงรีบแจ้งไปยังผู้บัญชาการกองพลน้อยจำเป็นทันที
“ควีนออฟแอสแซสซิน ถึง เพียวริไฟเออร์ เราเจอปัญหาใหญ่แล้ว มีรถถังของพวกป่าเถื่อนไร้ศาสนามาวิ่งเพ่นพ่านอยู่ในเขตของเรา”
“นี่เพียวริไฟเออร์ พวกมันหน้าตาเป็นยังไง”
ผิดกับน้ำเสียงของไรซ่าที่ฟังดูร้อนรน น้ำเสียงของอาคูนัสกลับฟังดูเรียบเฉยราวกับคนที่กำลังควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างเอาไว้ในกำมือของตน
“ดูกระจอก ด้อยประสิทธิภาพ และล้าหลัง แต่พวก...”
ยังไม่ทันขาดคำ อีกฝ่ายก็ร้องเสียงหลงตอบกลับมา ก่อนตามด้วยเสียงสั่งการรัวเป็นน้ำไหลไฟดับผสมกับเสียงรายงานสถานการณ์และเสียงขานรับคำสั่งที่แทบจะตีกันมั่วจนกระทั่งเงียบไป จีแอลสาวก็พยายามเรียกซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกระทั่งผู้บัญชาการกองพลน้อยจำเป็นตอบกลับมา ทว่ากลับไม่ใช่เสียงพูด แต่เป็นเสียงหอบหายใจหนักหน่วง
“ระยำ... ไวเป็นปรอทเลย อำนาจการยิงก็สูง เห็นเกราะเหมือนบางๆแต่ต้องเอาปืนพลาสมารุมยิงตั้ง 7-8 นัดกว่าจะทำลายได้ นี่ยังไม่รวมเกราะพลังงานอีก นี่มันรถถังปีศาจชัดๆ”
เสียงด่าทอที่ตอบกลับมาทำเอาไรซ่าใจเสียไปบ้างเหมือนกัน แต่เธอก็พยายามทำใจดีเอาไว้ ก่อนถามไถ่เกี่ยวกับสถานการณ์ของอีกฝ่ายต่อไป
“แล้วท่านเป็นยังไงบ้าง”
“พวกรถถังที่ท่านแจ้งมาบุกเข้ามา 3 คัน เราสามารถทำลายได้หมด แต่เราเสียเทมพล่า 3,4,6,7 และ 8 ไป กองร้อยนาวิกโยธินที่ 49 และ 71 เสียกำลังพลไปครึ่งหนึ่ง”
แม้จีแอลสาวจะไม่ตกใจกับผลการรายงานสถานการณ์ที่ตอบมาเท่าใดนัก แต่ความกังวลก็ยังไม่หมดไปจากจิตใจของเธอ และเธอก็นึกได้อีกเรื่องหนึ่งจึงบอกกับผู้บัญชาการกองพลน้อยจำเป็นไปก่อนที่จะถามวิธีการปราบรถถังซาเวจ
“นั่นแค่ปีศาจชั้นต่ำ ข้าว่าพวกเราต้องเตรียมรับมือกับปีศาจชั้นสูงกับเทพปีศาจเอาไว้ด้วย สำหรับตอนนี้ท่านปราบรถถังพวกนั้นยังไง”
คำเตือนของไรซ่าทำเอาร้อยโทอาคูนัสถึงกับตาเหลือก ...ไอ้ 3 คันนั่นแค่ปีศาจชั้นต่ำเหรอ... ร้อยโทผู้บัญชาการรถถังสเปียร์เฮดนึกอย่างสยองใจ จากนั้นจึงติดต่อไปยังห้องวางแผนของดราก้อนไนท์เกี่ยวกับเรื่องที่จีแอลสาวได้เตือนมา
เซอร์คอเช่ ชูเน่ วาคานะ และการ์เซีย มองหน้ากันแต่พูดอะไรไม่ออกเหมือนจะถามความกันเองว่ามีใครรู้เรื่องบ้าง ฝ่ายดราก้อนไนท์และสายลับชาวโนเบิลมีแต่จะหนาวสันหลัง ส่วนฝ่ายสายลับเอไพด์เมียร์ได้แต่ร้องโอ้โหในใจ เมื่อไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับ ‘ปีศาจชั้นสูง’ และ ‘เทพปีศาจ’ แห่งกองทัพ ‘พวกป่าเถื่อนไร้ศาสนา’ ชูเน่จึงเป็นตัวแทนตอบกลับไปว่า
“ไม่ต้องกลัวหมวด ถ้ามันมีจริงกว่ามันจะมาถึงกำลังเสริมของพวกท่านก็มาถึงก่อนแล้ว และถ้าไม่ไหวยังไงพวกเราจะช่วยพวกท่านอย่างเต็มความสามารถ”
ทุกคนในห้องวางแผนรู้ว่าหัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการฟรีด้อมตอบไปทั้งที่รู้ว่าแม้กำลังเสริมจะมาถึงอย่างมากคงได้แค่ทัดเทียม เพราะถ้า ‘ปีศาจชั้นต่ำ’ แค่ 3 คัน สามารถทำลายกองกำลังโนเบิลที่เทียบแล้วมากกว่าตนร่วม 5-6 เท่าได้ แล้วระดับ ‘ปีศาจชั้นสูง’ และ ‘เทพปีศาจ’ จะขนาดไหน
ดูจากภาพที่ส่งมาจากกล้องของยานไร้นักบินที่ได้เข้าแทรกแซงการควบคุมเอาไว้ พันตรีซูเปอร์โซลเจอร์เดาว่ามันเป็นรถถังหลักของกองทัพใดกองทัพหนึ่งในห้วงจักรวาลที่ไกลออกไป ซึ่งน่าจะถูกคุกคามโดยโนเบิลมาก่อน และกำลังตามแกะรอยไปยังดาวบ้านเกิดของพวกโนเบิลโดยบังเอิญผ่านมาทางเอไพด์เมียร์ก่อน ยิ่งได้เห็นประสิทธิภาพการรบของมันโดยพลประจำรถถังของแห่งกองทัพบกฟรีแรนเซอร์เขาก็ยิ่งแน่ใจว่า ความร้ายกาจที่เห็นยังไม่ได้ครึ่งของพลประจำของกองทัพผู้ใช้หลัก ซึ่งก็คือพวกที่ถูกเรียกอย่างดูหมิ่นโดยพวกโนเบิลว่า ‘พวกป่าเถื่อนไร้ศาสนา’ ...ดูเหมือนว่ากระแสสงครามจะเปลี่ยนเร็วกว่าที่คิด... เซอร์คอเช่นึกอย่างได้ใจ
เวลาผ่านไปหลายนาที การรบแย่งชิงจุดยุทธศาสตร์กลายเป็นการรบที่ยืดเยื้อ กองกำลังฝั่งสเปียร์ก็โถมโจมตีอย่างเกรี้ยวกราด ในขณะที่การกระชับวงของฝั่งแฮมเมอร์ก็ไม่ได้คืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น เพราะกองกำลังโนเบิลสามารถยึดพื้นที่ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และบางพื้นที่ก็มีการยึดกันไปยึดกันมาหลายรอบ เป้าหมายการถ่วงเวลาของผู้บัญชาการตัวจริงใกล้ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่งพลจัตวา ริโก้ แวน ไดค์ ต้องสั่งกองกำลังยานเกราะหนักของเขาเข้าร่วมโจมตีด้วยและมันก็เป็นไปตามที่เขาได้คาดการณ์ไว้ ยานเกราะหนักที่เคลื่อนที่ได้เชื่องช้าเมื่อเทียบกับของริคเคนตกเป็นเป้าโจมตีของปืนพลาสมาต่อต้านยานเกราะของศัตรูอย่างง่ายดาย แต่ในขณะเดียวกันมันก็ช่วยให้สถานการณ์พลิกผันขึ้นมาได้บ้าง ความกดดันของร้อยโทอาคูนัส บราคานูเคส ดาส ฟูน่า จึงเพิ่มขึ้นโดยปริยาย
“เพียวริไฟเออร์ถึงกองยานจู่โจมที่ 16 เพียวริไฟเออร์ถึงกองยานจู่โจมที่ 16 พวกท่านได้ยินข้าไหม ตอบด้วย”
ผู้บัญชาการกองพลน้อยจำเป็นร้องเรียกกำลังเสริมซ้ำๆอย่างร้อนรนด้วยความหวังที่กำลังริบหรี่ลงทุกขณะ เขายังคงพยายามเรียกอย่างไม่ท้อถอย แม้ส่วนหนึ่งของจิตใจเขาจะบอกว่า “เตรียมตัวตายได้” ก็ตาม
ในขณะนี้อาคูนัสเหลือเพียงรถถังที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่ และหน่วยรถถังของเขาถูกทำลายไปหมดแล้ว เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขาก็ได้รับแจ้งว่าไจโรเพลนลำสุดท้ายถูกยิงตกผ่านทางเสียงแหกปากร้องอย่างหวาดกลัวของนักบิน แต่ในขณะเดียวกันก็มีรายงานว่ากองกำลังของศัตรูก็ลดจำนวนลงไปมากเช่นกัน เขาไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรดี จะหมดกำลังใจก็ยังเร็วไป จะได้ใจก็ไม่ดีเพราะการติดต่อกับกำลังเสริมยังทำไม่ได้
“เพียวริไฟเออร์ถึงกองยานจู่โจมที่ 16 เพียวริไฟเออร์ถึงกองยานจู่โจมที่...”
ผู้บัญชาการกองพลน้อยจำเป็นพยายามเรียกอีกครั้งหลังจากที่พยายามเรียกมาตลอด แต่คราวนี้แทนที่จะเงียบกลับมาเสียงตอบกลับมาอย่างชัดเจน
“ได้ยินแล้วเพียวริไฟเออร์ เกิดอะไรขึ้นที่นั่น”
ร้อยโทอาคูนัสแทบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างตื้นตันใจ เมื่อสิ้นคำถามเขาจึงบอกถึงสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ในทันทีอย่างรัวเป็นปืนกล
“เรากำลังถูกพวกสวะตีกระหนาบ ขอกำลังสนับสนุนโดยด่วนที่สุด เราเสียกำลังพลไปมาก และกำลังจะเสียพื้นที่ไปด้วย”
“ท่านเป็นใคร”
“ข้าร้อยโทอาคูนัส บราคานูเคส ดาส ฟูน่า ผู้บัญชาการรถถังสเปียร์เฮด หัวหน้าหมวดยานเกราะที่ 43 กองทัพบกโนเบิล ตอนนี้ข้าคุมกองพลน้อยผสมฉุกเฉินอยู่”
สิ้นเสียงอีกฝ่ายก็เงียบไปครู่หนึ่ง อาคูนัสก็หายใจไม่ทั่วท้อง ในใจของเขาก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า ...มีอะไรหรือเปล่า... แต่ก็โล่งใจเมื่อได้ยินคำถามต่อไป
“แล้วนายทหารยศสูงกว่านี้อยู่ไหน”
“ตายหมดแล้ว หน่วยรบพิเศษพวกสวะฆ่าพวกเขาหมดแล้ว ตอนนี้ยศระดับข้าสูงที่สุดแล้ว ข้าจึงอาสาสั่งการเอง”
“ทราบแล้ว ยันให้ได้อีกสัก 2 มานิคนะ”
“จนกว่าจะเลือดหยดสุดท้ายเลยครับ เลิกกัน”
กำลังใจของผู้บัญชาการกองพลน้อยจำเป็นกลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง เขารีบแจ้งไปยังทุกหน่วยที่เหลืออยู่ทันที จากนั้นก็มีเสียงขานตอบกลับมาอย่างแข็งขันและหมดสิ้นซึ่งความเสียขวัญ และทันใดนั้นเองพันตรีซูเปอร์โซลเจอร์ก็ติดต่อเข้ามาเพื่อวัดกำลังใจ
“ยังสู้ไหวไหมหมวด”
“อีก 2 มานิค”
คำตอบที่ส่งมาจากรถถังคันหนึ่งที่เป็นศูนย์สั่งการเคลื่อนที่ที่กำลังจะแหลกเป็นเสี่ยงๆทำให้ทุกคนในห้องวางแผนในศูนย์บัญชาการของกลุ่มปฏิบัติการดราก้อนไนท์ยิ้มออกมาได้ แม้ข้อความที่ได้รับจะฟังดูเหมือนเวลาที่กำลังใจจะหมด แต่น้ำเสียงที่แสดงออกมานั้นแสดงถึงขวัญกำลังใจที่กลับมาอย่างเต็มเปี่ยม
“สำเร็จไหม”
วาคานะถามขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ แม้จะพยายามทำเสียงให้นิ่งเรียบขนาดไหนก็ตาม แต่ทุกคนรู้ว่าสายลับโนเบิลสาวกำลังร้อนใจแทบเดือดพล่าน เซอร์คอเช่แอบยิ้มและหัวเราะในใจแล้วหันไปตอบอย่างเป็นกลางว่า
“ยังบอกไม่ได้ เรายังไม่รู้ว่าฝ่ายรัฐบาลจะเล่นอะไรในระหว่าง 4 นาทีนี้”
ทางด้านคู่หูพลจัตวาที่นั่งรอผลการจู่โจมอย่างใจจดใจจ่อด้วยสีหน้าที่นิ่งแต่เดือดพล่านราวกับกำลังอยู่ในภวังค์ เพ่งสมาธิไปที่สิ่งเดียว สิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้นเมื่อมีข้อความจากเบื้องบนมาให้ถอนกำลังพร้อมด้วยข้อความที่เข้ารหัสมาอย่างง่ายๆ ทั้งสเปียร์และแฮมเมอร์อึ้งไปพักหนึ่งเหมือนคนสติหลุดลอย แล้วริโก้ก็บอกกับริคเคนไปว่า
“แกถอนออกไปก่อนแล้วกัน แล้วฉันจะตามไป”
“เฮ้ย แบบนี้มันไม่ถูกนะ”
“ฉันก็ว่างั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้เราทำอะไรได้”
สิ้นเสียงของแฮมเมอร์ สเปียร์ก็สั่งถอนกำลังทันที ทั้งคู่รู้สึกขัดใจไม่น้อยกับข้อความเข้ารหัสนั้น
การถอนกำลังเป็นไปอย่างทุลักทุเลเนื่องจากการถูกยิงจากทหารแห่งเผ่าพันธุ์ผู้ประเสริฐ ซึ่งไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์มาก่อน และยังไม่มีปืนใหญ่หรือจรวดจากฝั่งแฮมเมอร์คอยยิงสนับสนุน ทางด้านเหล่าทหารโนเบิลเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรจึงไล่ยิงอย่างเอาเป็นเอาตาย จนกระทั่งมีข่าวดีแจ้งมาจากผู้บัญชาการตัวจริงผ่านทางผู้บัญชาการกองพลน้อยจำเป็นเรื่องการถอนกำลังของศัตรู พอดีกันกับที่กองยานจู่โจมที่ 16 เริ่มปรากฏแก่สายตาหลังฉากหมอกหนาทึบไกลออกไป กำลังใจที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็พุ่งพรวดทะลุเพดาน
หลังจากกองกำลังฝ่ายศัตรูถอนกำลังออกไปหมด เหล่าทหารหาญที่ตรึงกำลังยึดพื้นที่ไว้อย่างเหนียวแน่นก็เฮลั่นราวกับฉลองสงครามจบ บางคนถึงกับน้ำตาเล็ดด้วยความปลื้มปีติ ไม่เว้นแม้แต่จีแอลสาวสุดระห่ำอย่างคิวโอเอที่แทบจะโถมเข้ากอดนักรบข้างกาย ทว่าบรรยากาศแห่งความปลื้มปีติก็อยู่ได้ไม่นาน
ทันใดนั้นก็มีลูกไฟสีออกส้มๆ ดิ่งลงมาจากฟากฟ้าเหนือกองยานกำลังเสริม เสียงเฮก็เงียบลงในบันดล ความตื่นตระหนกและความสยดสยองเข้าแทนที่เมื่อลูกไฟลูกนั้นกลายเป็นดวงตะวันประจักษ์แก่สายตาของทั้งเหล่านักรบโนเบิลและเหล่าสมาชิกกลุ่มกบฏดราก้อนไนท์พร้อมกับเสียงที่แผดดังสนั่น กองยานที่ดูเกรียงไกรค่อยๆ ลอยเข้าหากองกำลังผสมฉุกเฉินอย่างสง่างามถูกคลื่นกระแทกมหาศาลจากหัวรบนิวเคลียร์จากเบื้องบน ยานลำเล็กๆ นั้นถูกซัดร่วงลงพื้นในทันที ในขณะที่ลำที่ใหญ่กว่าค่อยๆ ถูกอัดทำลายแล้วหล่นลงไปไถกับพื้นตามลำดับ จนถึงยานบัญชาการที่ลำใหญ่ที่สุดและอยู่ใกล้จุดที่หัวรบจุดระเบิดมากที่สุด
คลื่นช็อคที่ปล่อยออกมาทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนยานเสียหายไปหมด สะพานเดินเรือถูกบี้ยับภายในไม่กี่วินาทีแรก ต่อด้วยอาวุธประจำยานที่ถูกทำลายเละไม่มีชิ้นดี จากนั้นก็เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกรังสีความร้อนอุณหภูมินับพันองศาแผดเผาจนระเบิดกระจุย เมื่อยานลำยักษ์ไม่เหลืออะไรนอกจากชิ้นส่วนวัสดุที่ใช้สร้างมันก็ร่วงลงพื้นไปเหมือนลำอื่นๆก่อนหน้า และตรงเข้าหากองกำลังโนเบิลที่ยึดพื้นที่อยู่อย่างไร้การควบคุม เหล่านักรบโนเบิลที่อยู่บนพื้นต่างวิ่งหลบกันอย่างโกลาหล หลีกทางให้ซากยานยักษ์ร่อนลงไถกับพื้นก่อนระเบิดอย่างรุนแรงเป็นวงกว้างกินพื้นที่ส่วนมากของจุดยุทธศาสตร์คร่าชีวิตของนักรบโนเบิลไปมากมาย การติดต่อระหว่างกองกำลังโนเบิลและกลุ่มปฏิบัติการดราก้อนไนท์ก็ขาดลงในทันที
แม้วาคานะจะเคยเห็นการระเบิดของนิวเคลียร์มาบ้าง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นกองยานแห่งผู้ประเสริฐอันเกรียงไกรถูกทำลายด้วยระเบิดลูกเดียว เธอตะลึงนิ่งจนพูดไม่ออกทำอะไรไม่ถูก ...พวกสวะทำลายกองยานของเราได้ด้วยระเบิดลูกเดียว พวกสวะทำลายกองยานของเราได้ด้วยระเบิดลูกเดียว พวกสวะทำลายกองยานของเราได้ด้วยระเบิดลูกเดียว พวกสวะทำลายกองยานของเราได้ด้วย... ข้อความในใจของสายลับสาวดังก้องซ้ำไปซ้ำมาอย่างคนเสียสติ ชูเน่หันมาเรียกเท่าใดก็ไม่ตอบ ในขณะที่เซอร์คอเช่และการ์เซียกลับหัวเราะงอหายในใจถึงปฏิกิริยาของสายลับแห่งหน่วยข่าวกรองผู้ประเสริฐ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ