Epidemia: Epic World on Fire

7.9

เขียนโดย MiG360Vampire

วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.33 น.

  25 ตอน
  32 วิจารณ์
  37.58K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

23) Nuclear Winter [Part 1] (1/2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เสียงกัมปนาถดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วสารทิศ ดวงอาทิตย์อีกดวงส่องแสงสว่างจ้าอาบไปทั่วภูมิประเทศเปลี่ยนช่วงเวลากลางคืนกลายเป็นกลางวัน พื้นดินสะเทือนด้วยพลังมหาศาลจนหิมะที่ปกคลุมอยู่ถึงกับกระดอนขึ้นมาก่อนจะถูกแรงอัดอภิมหาศาลเป่าจนลอยคว้างไปไกล พร้อมๆ กับระเหยเป็นไออย่างรวดเร็วด้วยรังสีความร้อนอุณหภูมินับพันๆ องศา เปลี่ยนบรรยากาศอันหนาวยะเยือกให้กลายเป็นการเผาไหม้ดั่งเพลิงบรรลัยกัลป์จากนรก พร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณกว้างที่ถูกลมร้อนพัดจนพินาศไปพร้อมๆ กับถูกเผาไหม้เป็นจุล ปุยเมฆเบื้องบนก็ถูกกวาดออกเป็นวงแหวนยักษ์อย่างสมมาตรพอๆ กับพื้นดินที่ถูกแรงอัดกระแทกมหาศาลจนเกิดเป็นระรอกคลื่นกระจายออกไป ท้องฟ้ายามกลางวันที่ควรจะเป็นสีฟ้า กลับกลายเป็นสีส้มสว่างรวมทั้งบรรยากาศรอบๆ ด้วย และที่เด่นชัดที่สุด คือ กลุ่มควันรูปดอกเห็ดขนาดมโหฬารตรงกลาง พื้นที่รอบๆ ศูนย์กลางการระเบิดหลายกิโลเมตรถูกกวาดราบเป็นหน้ากลอง พื้นตรงกลางก็ยุบลงไปเป็นบ่อกว้าง ตามด้วยขี้เถ้าที่โปรยลงมาจากท้องฟ้าที่ลุกไหม้แทนปุยหิมะ

 

ห่างออกไปอีกหลายกิโลเมตรก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่มองดูเหมือนกลุ่มผู้อพยพ ยืนมองเหตุการณ์การระเบิดของหัวรบเทอร์โมนิวเคลียร์ตาไม่กระพริบหลังแสงจ้าได้ลดลงจนไม่เป็นอันตรายต่อดวงตาแล้ว ทุกคนมีความรู้สึกแต่งต่างกันไป บางคนน้ำตาคลอเบ้านั่งสะอื้นด้วยความรู้สึกสะเทือนใจอย่างที่สุด บางคนถึงกลับปล่อยโฮออกมา เอาแต่ครวญครางออกมาอย่างสติแตกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

 

“บ้านของเรา บ้านของเรา”

 

ในขณะเดียวกันบางคนก็ยืนตัวแข็งสั่นเหมือนเป็นโรคประสาทบางประเภท บางคนก็ตะโกนด่าสาปแช่งเหมือนคนบ้าด้วยความเคียดแค้นเกินบรรยาย คงมีแต่หัวหน้าคณะเท่านั้นที่ยังคงความสุขุมได้อยู่ เขาก็คือ ชูเน่ กรันเทอร์ นั่นเอง แม้ว่าจริงๆ เขานั้นเคียดแค้นมากกว่าใครๆ ก็ตาม เพราะเขารู้ดีกว่าใครว่าคนที่ทำแบบนี้หรือคนที่ให้ข้อมูลเรื่องฐานปฏิบัติการไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอดีตเพื่อนของเขา ริคเคน เจนส์เซ่น และ ริโก้ แวน ไดค์ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นผู้บัญชาการทหารฝ่ายรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ในขณะเดียวกัน ภาพของนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีลูกแรกที่ระเบิดขึ้นบนพื้นผิวเอไพด์เมียร์ก็ถูกถ่ายไว้ด้วยกล้องประจำยานรบของทัพอวกาศโนเบิลลำหนึ่ง และภาพนี้ก็ได้แพร่ออกไปยังยานทุกลำ เหล่าทหารประจำยานไม่ว่าจะยศตำแหน่งใด ต่างมองดูด้วยความเสียวสยองและตกตะลึง แม้จะรู้ว่าสิ่งที่พวกสวะยิงขึ้นมาสกัดกองยานของพวกตนนั้นคืออะไร แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า แค่นอกกับในชั้นบรรยากาศอำนาจการทำลายล้างจะต่างกันถึงเพียงนี้ และดูมันจะเหนือชั้นกว่าที่เคยเห็นในภาพแอนิเมชั่นสาธิต วิงค์ ออฟ ไลท์บริงเกอร์ ลิบลับ ในยานทุกลำมีแต่เสียงซุบซิบคุยกันถึงแต่เรื่องสิ่งที่พวกสวะเรียกว่า ‘โอเวอร์บูมเมอร์’ ซึ่งมันทำให้ขวัญกำลังใจของเหล่ากำลังทหารที่จะลงไปสมทบกับชุดก่อนหน้าถึงกับตกฮวบ และบางรายถึงกับสติแตกด้วยความกลัว

 

กลับสู่เวลาปัจจุบัน หน่วยรบพิเศษสาวชาวโนเบิลนาม ไรซ่ากำลังถูกบีบให้ตัดสินใจด้วยเวลาจำกัด ชูเน่ที่ยืนดูอยู่ก็เสนอตัวขึ้นกับคิวโอเอด้วยภาษาโนเบิลพร้อมกับมายืนเคียงพันตรีซูเปอร์โซลเจอร์

 

“ข้าจะช่วยอีกแรง ยังไงซะข้าก็รู้จักการสองคนนั่นดีทีเดียว ถ้าเขาเก่งจริง ข้าก็พร้อมจะสนับสนุนเรื่องคำแนะนำกับเขา”

 

ไรซ่าใช้เวลาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลงด้วยความกดดัน จากนั้นเธอก็เดินจากไปร้องเรียกผู้บัญชาการกองกำลังให้มาคุยกับวาคานะและการ์เซีย ในระหว่างนั้น ชูเน่ก็คุยกับเซอร์คอเช่ด้วยเสียงกระซิบเป็นภาษาฟรีแรนเซอร์

 

“ที่ผมทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะผมไว้ใจคุณหรอกนะผู้พัน แต่พอดีผมมีแค้นต้องชำระ ในสองคนนั้นใครคนหนึ่งมันแฉเรื่องฐานปฏิบัติการของผมให้ตาเฒ่า ‘เดธคีธ’ ฟัง หลังจากนั้นฐานของผมก็ถูกหัวรบแทนเดมโอเวอร์บูมเมอร์ล้างบางไปพร้อมๆ กับกองกำลังโนเบิลที่อยู่ข้างบน พวกเราทำได้แค่หนีหัวซุกหัวซุน แล้วก็มาจบที่นี่”

 

“แต่ยังไงผมก็ขอบคุณ บอกตรงๆ ว่าผมไม่รู้จักสองคนนั่นดีเท่าคุณ ผมถูกเจ๊โมริคาวะคาดคั้นเอาคำตอบจนต้องให้คำมั่นว่าจะชนะในศึกที่ฝ่ายเราเสียเปรียบเต็มประตู และที่ผมเป็นห่วงมากก็คือรถถังรุ่นใหม่พวกนั่น ผมไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการพัฒนายานเกราะใหม่ๆ เลยตั้งแต่ก่อนถูกจับ ผมเลยคิดว่าน่าจะออกมาจากโครงการลับสุดยอด”

 

“คุณพอมีแผนอะไรเด็ดๆ บ้างรึยัง”

 

“ก็พอมีอยู่ และมันออกจะบ้าระห่ำมากๆ แต่ก่อนอื่นผมต้องการข้อมูลเกี่ยวกับกำลังพลของโนเบิลก่อน ผมไม่อยากออกคำสั่งแบบสุ่มสี่สุ่มห้า”

 

“คุณรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับสองคนนั่น”

 

ชูเน่ถามพลางเหล่ตามอง ในขณะที่เซอร์คอเช่ยักไหล่โคลงหัวอย่างกลุ้มๆ

 

“รู้แค่ว่าการจัดกำลังพื้นๆ ของทั้งคู่เป็นยังไง ก็แค่พอเดากลยุทธ์พื้นๆ ออกเท่านั้นเอง”

 

“งั้นก็เตรียมใจเอาไว้ได้เลย เพราะว่าหลังงานนี้ไมเกรนถามหาคุณแน่นอน”

 

“แล้วคุณเคยรบ เอ่อ... เคยซ้อมรบกับสองคนนั่นมาก่อนรึเปล่า”

 

“เคย แต่ผมไม่เคยตามกลยุทธ์ของพวกเขาทันสักที ไม่ว่าจะเล่นเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือดราก้อนไนท์ ผมบอกได้แค่ว่า พวกเขาจะนำคุณอยู่ 1 ก้าวเสมอ”

 

“คุณจะบอกว่า อย่าก้าวตามพวกเขาใช่รึเปล่า...”

 

เซอร์คอเช่หันไปถามชูเน่บ้าง ซึ่งหัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการฟรีด้อมก็พยักหน้าตอบให้

 

“นั่นแหละที่ผมจะทำ แต่มันก็น่าเสียวไส้เหมือนกัน ตรงที่ว่ากองกำลังโนเบิลจะทำอย่างที่ผมต้องการได้รึเปล่า จุดสำคัญคือการทำลายการประสานงาน คุณมีแผนอะไรดีๆ เกี่ยวกับการทำแบบนั้นบ้างรึเปล่า”

 

“เรื่องนั้นผมคิดมาตลอดนั่นแหละ แต่ก็มาติดเรื่องรถถังแบบใหม่เหมือนคุณ ไม่รู้ว่ารถถังพวกนั้นมันทำอะไรได้บ้าง ประกาศในโฆษณาเครือข่ายความมั่นคงเอไพด์เมียร์ก็ไม่มี”

 

“แมร่งโคตรเสียเปรียบเลยว่ะ”

 

พันตรีซูเปอร์โซลเจอร์เปรยจนหัวหน้ากลุ่มฟรีด้อมตัวหัวเราะออกมาอย่างเห็นด้วย

 

“ใช่ แมร่งโคตรเสียเปรียบเลย”

 

และแล้วการเจรจาก็จบลง วาคานะก็โบกมือมาทางเซอร์คอเช่แล้วให้ทั้งคู่แนะนำตัวซึ่งกันและกันโดยเซอร์คอเช่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนโดยใช้ภาษาของผู้บุกรุก

 

“ข้าชื่อ เซอร์คอเช่ อาบาโคล่า อดีตพันตรี หน่วยซูเปอร์โซลเจอร์ กองทัพบกฟรีแรนเซอร์”

 

พันตรีออร์คแนะนำตัวด้วยท่าทางสบายๆ ในขณะที่ผู้นำกองกำลังโนเบิลยืนตรงตะเบะในท่าเปิดหมวกอัศวินอย่างแข็งแรงโดยเอาหลังมือหันไปด้านหน้าแล้วแนะนำตัวเสียงดังฉะฉานแต่ในขณะเดียวกันก็นอบน้อมอย่างที่แสดงต่อนายทหารยศสูงกว่า

 

“ข้า ร้อยโทอาคูนัส บราคานูเคส ดาส ฟูน่า ผู้บัญชาการรถถังสเปียร์เฮด หัวหน้าหมวดยานเกราะที่ 43 กองทัพบกโนเบิล ยินดีรับใช้ครับ”

 

“ยินดีรับใช้เหรอ”

 

พันตรีซูเปอร์โซลเจอร์ทวนคำท้ายประโยคก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขบขันจนร้อยโทผู้บัญชาการรถถังต้องเป็นงง

 

“นี่ท่าทางพวกท่านจะหมดหวังจริงๆ ใช่รึเปล่าหมวด ว่าแต่พวกนายทหารยศสูงๆ ไปไหนหมดล่ะ”

 

ประโยคหลังเซอร์คอเช่ถามอย่างเป็นงานเป็นการ ในขณะที่อาคูนัสตีหน้าเศร้าก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อยว่า

 

“พวกนายทหารที่ยศสูงกว่าข้าถูกกองกำลังพิเศษฝ่ายรัฐบาลลอบฆ่าตายหมดแล้ว ส่วนที่พอๆ กับข้าก็ตายเกือบหมดครับ”

 

“ฟังนะหมวด สำหรับตอนนี้ข้าอยากให้ท่านสั่งกำลังพลทั้งหมดเข้าที่กำบังให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะอีกเดี๋ยวจะมีการระดมยิงด้วยปืนใหญ่และจรวด และที่กำบังจะต้องมิดชิดพอที่จะไม่มีสะเก็ดระเบิดสาดเข้าไปในที่กำบังได้ และที่ข้าอยากรู้อีกอย่าง คือ ตอนนี้กำลังพลในบัญชาท่านมีอะไรและเป็นยังไงบ้าง ข้าต้องการทั้งหมด”

 

ทันทีที่สิ้นเสียงของพันตรีเซอร์คอเช่ก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวผ่านออกมาทางลำโพงข้างมอนิเตอร์ และตามด้วยอีกหลายตูม ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเครื่องยนต์จรวดจำนวนมากลอยมาแต่ไกล ร้อยโทอาคูนัสรวบรวมสติที่มีทั้งหมดเปลี่ยนจากการสื่อสารกับกลุ่มปฏิบัติการกบฏไปเป็นการออกคำสั่งด้วยเสียงที่แทบจะเป็นตะโกน จากนั้นเขาจึงวิ่งเข้าไปหลบในอาคารหลังหนึ่งพร้อมกับกำเครื่องมือสื่อสารที่กำลังติดต่อกับกลุ่มปฏิบัติการดราก้อนไนท์ติดตัวเข้าไปด้วย และทันใดนั้นเองก็มีกระสุนปืนใหญ่นัดหนึ่งตกลงตรงบริเวณที่เขาเพิ่งยืนคุยอยู่เมื่อไม่นานมานี้ เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนคนในห้องวางแผนถึงกับสะดุ้งเฮือก ส่วนผู้บัญชาการกองพลจำเป็นเองก็ล้มกลิ้งตีลังกาหนึ่งตลบลงไปนอนแผ่

 

“หมวด! เป็นอะไรไหมหมวด ตอบด้วยหมวด!”

 

เซอร์คอเช่แหกปากเรียกอาคูนัสแข่งกับเสียงระดมยิงของปืนใหญ่และจรวดที่สาดเข้ามาจากระยะไกลเป็นห่าฝน เวลาผ่านไปครู่หนึ่งจึงมีเสียงของผู้บัญชาการกองพลจำเป็นดังผ่านลำโพงมา ทว่าเขาไม่ได้ตอบกับพันตรีซูเปอร์โซลเจอร์ แต่เป็นการเรียกตรวจกำลังพลขณะที่กำลังนอนแผ่หรา มุมกล้องจากเครื่องมือสื่อสารในมือก็หันขึ้นเพดาน แต่ทันใดนั้นเองภาพก็ดับลงแล้วติดใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้กลับปรากฏรูปใบหน้าของนายทหารฝ่ายรัฐบาลยศพลจัตวา 2 คนโดยมีเส้นคั่นกลาง คนหนึ่งเป็นเอลฟ์ส่วนอีกคนเป็นครึ่งดวอร์ฟก็อบลิน ชูเน่เหลือบขึ้นมองก็เอ่ยทักทายขึ้นอย่างเย็นชาพร้อมคำด่าว่า

 

“มีธุระอะไรไอ้พวกเศษเดนทรยศ”

 

“ว้าว รอดมาได้ด้วยเหรอ เป็นไงดอกไม้ไฟสวยดีไหม”

 

เจ้าของเสียงเยาะเย้ยเป็นของเอลฟ์ทางขวาที่กำลังทำหน้าเหมือนกำลังตกใจราวกับเห็นวิญญาณอาฆาตผ่านจอ ในขณะที่ดวอร์ฟขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วว่าด้วยน้ำเสียงติติง ทว่าเป้าหมายแท้จริงก็ไม่ต่างจากพลจัตวาเอลฟ์เท่าใดนัก

 

“อะไรกัน ชูเน่ ไม่ได้เจอกันนานทักทายกันแบบนี้เหรอ แต่เอ๊ะ... นี่อย่าบอกนะว่าแกคิดจะขัดขวางเราด้วยกองกำลังผู้ดีจอมปลอมที่กำลังเสียขวัญอย่างแรงนั่น”

 

ว่าจบก็ตามด้วยเสียงหัวเราะเล็กน้อย แล้วฝ่ายเอลฟ์ก็พูดต่อทันที

 

“อะไรก็ช่าง เข้ามาเลย เรารู้จักแกทะลุปรุโปร่ง ไม่ว่าแกจะมาไม้ไหนเราก็พร้อมรับมืออยู่แล้ว”

 

ชูเน่ฉีกยิ้มเล็กน้อยทำใจดีพร้อมหัวเราะกลบเกลื่อนอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่าน ก่อนบอกความจริงไปพร้อมกับเอื้อมมือเข้ากอดคอพันตรีออร์คเอาไว้

 

“ไม่ ฉันจะไม่ทำอย่างนั้น แต่คนที่จะทำคือเขา แกอาจจะรู้จักฉันแต่แกไม่รู้จักเขา และที่สำคัญฉันก็รู้จักพวกแกมากทีเดียว ฉันจะแฉพวกแกให้หมดเหมือนที่พวกแกแฉเรื่องฐานปฏิบัติการของฉัน เอาล่ะ ขอให้โชคดีนะท่านนายพล หมดเรื่องคุยกันแล้ว เลิกกัน”

 

ในตอนท้ายจากรอยยิ้มเล็กน้อยนั้นกลายเป็นยิ้มกว้างเหมือนมีความมั่นใจสูงว่าจะชนะ ในขณะที่เจ้าหน้าที่สื่อสารตัดสัญญาณไป เซอร์คอเช่ก็หันมากระซิบว่า

 

“ดูคุณมั่นใจจังนะ”

 

“เก๊กไปงั้นแหละ เป็นวิธีการตอบโต้กลยุทธ์ยั่วโมโหอย่างหนึ่ง ถ้าพวกแม่งมั่นใจว่าจะชนะได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แม่งไม่ติดต่อเข้ามาเจรจาหรอก หรืออีกนัยหนึ่ง ติดต่อเข้ามาเพื่อยั่วโมโห เพื่อให้ผู้บัญชาการฝ่ายข้าศึกเดือดจนขาดสติ”

 

ชูเน่กระซิบตอบ ในขณะที่เซอร์คอเช่ยิ้ม

 

“ดีนะที่ผมไม่ใช่พวกเดือดง่าย แล้วทำไมไม่ติดต่อไปหาพวกโนเบิลโดยตรงเลยล่ะ”

 

“ก็เพราะว่าพวกแม่งรู้ว่าผมยังไม่ตาย แล้วก็รู้ว่าผมจะต้องเข้าหาฐานปฏิบัติการที่ไหนสักแห่งหนึ่งที่สามารถติดต่อให้ความช่วยเหลือกองกำลังโนเบิลในพื้นที่แถบนี้ได้โดยสะดวก แล้วผู้นำที่นั่นก็จะให้ผมเป็นผู้ออกคำสั่ง เพราะว่าในแถบนี้ไม่มีใครเก่งกว่าผม”

 

“ว้าว”

 

เซอร์คอเช่ครางอย่างทึ่งๆ จากใจจริงพร้อมกันนั้นในใจก็เกิดความกลัวที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ว่าจะเคยต้องเป็นผู้นำกองกำลังอยู่บ้าง แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องเผชิญกับผู้บัญชาการฝ่ายข้าศึกที่ฉลาดแบบนี้ แถมยังต้องอยู่ฝ่ายที่เสียเปรียบแทบทุกด้าน

 

“หัวหน้าลูเวน่าเตือนคุณเรื่องกฎพื้นฐานของเรารึยัง”

 

ชูเน่ถาม เซอร์คอเช่ทำหน้างง แล้วถามกลับว่า

 

“เรื่องอะไร”

 

“ไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหน คุณต้องพูดภาษากลางของที่นั่น ทั้งเราทั้งโนเบิลที่อยู่ที่นี่ต้องยึดกฎนั้น”

 

“ผมเผลอพูดภาษาโนเบิลไปซะเยอะกับเจ๊โมริคาวะ ขอโทษนะ”

 

“ไม่เป็นไร ตอนนั้นคุณไม่รู้ แต่ก็มีข้อยกเว้นก็ตรงต้องติดต่อกับทหารโนเบิล”

 

เกือบจะทันทีที่สิ้นเสียง เจ้าหน้าที่สื่อสารก็ร้องรายงานว่าติดต่อกับผู้บัญชาการกองกำลังโนเบิลได้แล้ว และทันทีที่สิ้นเสียง เสียงการระดมยิงด้วยอาวุธหนักจากฝ่ายรัฐบาลก็ยังคงดังระงมอย่างต่อเนื่องจนสะเทือนไปถึงทรวงของทุกคนที่อยู่ในห้องวางแผน วาคานะเองก็ไม่คุ้นเคยกับรูปแบบการรบแบบนี้จึงร้องถามแข่งกับเสียงระเบิดว่า

 

“เมื่อไหร่จะจบสักที”

 

“ไม่รู้ มันไม่แน่นอน บางครั้งอาจจะแค่ไม่กี่นาที แต่บางครั้งก็ทั้งวันทั้งคืน”

 

การ์เซียร้องตอบ ในขณะที่เซอร์คอเช่พยายามร้องเรียกร้อยโทอาคูนัสจนกระทั่งมุมกล้องหมุนมาจับที่ใบหน้าที่สวมหมวกรบปิดไว้แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าบุคคลภายใต้หมวกรบนั้นเป็นใคร แต่เสียงที่เปล่งออกมาก็ทำให้แน่ใจได้ว่าเป็นผู้บัญชาการจำเป็นคนเดิม ซึ่งก็เป็นคำถามเดียวกับที่ วาคานะ ได้ถามไปเมื่อครู่

 

“การระดมยิงแต่ละครั้งมีจุดประสงค์ไม่เหมือนกัน บ้างก็ไม่นานมากนัก แต่บ้างก็ทั้งวันทั้งคืน แต่ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าการระดมยิงครั้งนี้เป็นการบั่นทอนกำลังและขวัญกำลังใจของข้าศึก ดังนั้นอีกไม่กี่มานิคก็น่าจะจบ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตอบคำถามที่ค้างไว้มาเลยดีกว่า”

 

พันตรีซูเปอร์โซลเจอร์ว่าจบ ร้อยโทโนเบิลก็เริ่มให้ข้อมูลเรื่องกองกำลังที่เขากำลังคุมอยู่ทันทีโดยตะโกนแข่งกับเสียงการระดมยิง

 

“ตอนนี้ทหารราบยังระบุอะไรไม่ได้ แต่มีอยู่ไม่น้อยกว่าสามพัน รถถัง 61 คัน ไจโรเพลนโจมตี 13 ลำ กันชิป 34 ลำ ปืนใหญ่โปรตอนขนาดกลางแบบลากจูง 14 หน่วย ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานอัตตาจร 7 คัน ยานยนต์สนับสนุนการสื่อสาร 3 คัน และ กลอรี่ลิเบอเรเทอร์ 1 คน”

 

พันตรีออร์คยืนฟังอยู่ด้วยท่าทีพอใจ หูฟังไปพลางก็คิดแผนการไปอย่างระมัดระวัง ในขณะที่หัวหน้ากลุ่มฟรีด้อมหลังจบการรายงานเขาก็เอ่ยปากเตือนผู้บัญชาการกองพลน้อยจำเป็นโดยพยายามไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียขวัญว่า

 

“ฟังนะหมวด ก่อนอื่นท่านป้องกันการดักสัญญาณไว้รึยัง ถ้ายังก็รีบทำเลย เพราะท่านเองก็คงไม่อยากให้ศัตรูได้ยินเราคุยกัน”

 

“เรียบร้อยแล้วครับ”

 

อาคูนัสขานรับสุดเสียง จากนั้นชูเน่ก็ว่าต่อ

 

“ตั้งแต่กองพลน้อยทั้งสองกองพลนั่นเข้าประชิดพวกท่าน กิจกรรมของท่านทุกอย่างในที่โล่งก็ตกอยู่ในสายตาของผู้บัญชาการทั้งสองคนนั่นแล้ว แต่...”

 

ยังไม่ทันขาดคำอาคูนัสก็สวนขึ้นมาก่อนด้วยความตกใจและสงสัย

 

“พวกมันสอดแนมพวกข้าอยู่เหรอ ได้ยังไง ได้ยินว่าดาวเทียมของฝ่ายรัฐบาลถูกทำลายหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”

 

“ใจเย็นๆ หมวด ที่สอดแนมพวกท่านอยู่ไม่ใช่ดาวเทียม แต่เป็นยานไร้นักบิน บนจอเรดาร์ของพวกท่านอาจจะไม่เห็นมัน แต่เราส่งตำแหน่งของพวกมันไปให้ท่านได้...”

 

ขาดคำชูเน่ก็หันไปพูดกับเจ้าหน้าที่ประจำห้องวางแผนก่อนจะหันกลับมาพูดกับอาคูนัสต่อ

 

“เจาะระบบยานไร้นักบินพวกนั้นให้เร็วที่สุด แล้วส่งตำแหน่งไปให้พวกเขาทันที... หลังการระดมยิงหยุดลงให้ทำลายยานไร้นักบินพวกนั้นให้หมด”

 

“อย่าดีกว่า คนของข้าเก่งเรื่องสงครามอิเล็กทรอนิกส์ติด 5 อันดับดราก้อนไนท์เลยนะ จะเจาะระบบทั้งทีก็ให้แทรกแซงระบบของยานไร้นักบินพวกนั้นแล้วเอามันมาใช้เองดีกว่า”

 

ทว่าการ์เซียก็แย้งขึ้นเป็นภาษาโนเบิลโดยพูดกับอาคูนัสโดยตรง พร้อมทั้งอวดอ้างกิตติศัพท์จนทั้งชูเน่และเซอร์คอเช่หันมามองที่หัวหน้าลูเวน่าเป็นตาเดียว พันตรีซูเปอร์โซลเจอร์ผิวปากหวืออย่างอึ้งๆ แม้จะรู้ว่าเสียงผิวปากจะถูกเสียงระเบิดกลบหมดก็ตาม ก่อนจะบอกกับผู้บัญชาการกองพลน้อยจำเป็นไปว่า

 

“งั้นเปลี่ยนแผน หลังการระดมยิงและเราได้แทรกแซงระบบยานไร้นักบินทุกลำแล้วให้...”

 

อีกด้านหนึ่งพลจัตวาเอลฟ์หลังได้รับรายงานว่าสัญญาณที่แทรกเข้าไปเพื่อดักฝังถูกกั้นและต่อใหม่ไม่ได้ก็เกิดหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย ตัวก็นั่งไม่ติดเบาะ เขารู้สึกกังวลไม่น้อยกับคำพูดของอดีตเพื่อนที่ว่า “แกอาจจะรู้จักฉันแต่แกไม่รู้จักเขา และที่สำคัญฉันก็รู้จักพวกแกมากทีเดียว ฉันจะแฉพวกแกให้หมดเหมือนที่พวกแกแฉเรื่องฐานปฏิบัติการของฉัน” จากนั้นเขาก็เริ่มคิดวิเคราะห์อย่างเร็ว ...เอาล่ะ งานนี้อาจจะไม่ได้ชนะง่ายๆอย่างที่ผ่านๆมา อย่างแรกเราไม่รู้จักออร์คนั่น อย่างที่สองไอ่ชูเน่มันรู้จักเราหมดเปลือก อย่างที่สาม เราไม่รู้ว่าดราก้อนไนท์กลุ่มนี้มีดีอะไรบ้าง แต่อย่างน้อยเราก็ได้เปรียบเรื่องกำลังพล และตอนนี้เรากำลังบั่นทอนกำลังพลศัตรูอยู่ น่าจะได้เปรียบขึ้นอีกนิด แล้วแมร่งก็ไม่มีหุ่นยนต์บ้าพวกนั้นอยู่ แถมเรามีรถถังแบบที่พวกแมร่งไม่รู้จัก... คิดได้เสร็จสรรพเขาก็หันไปหาเจ้าหน้าที่สื่อสารก่อนออกคำสั่งไปว่า

 

“เริ่มปิดล้อมได้แล้ว เว้นที่ไว้ให้กองกำลังของพลจัตวาเจนส์เซ่นบุกได้สะดวกๆก็พอ แล้วก็ติดต่อพลจัตวาเจนส์เซ่นที”

 

“ครับผม”

 

เจ้าหน้าที่สื่อสารขานตอบเรียบๆ ก่อนจะหันไปกดที่ปุ่มๆหนึ่งที่แผงควบคุมตรงหน้าแล้วตามด้วยเลขรหัสชุดหนึ่ง ภาพของพลจัตวาดวอร์ฟก็ปรากฏขึ้นที่จอภาพใหญ่เบื้องหน้าเหนือศีรษะขึ้นไปเล็กน้อย บุคคลที่ริโก้กำลังจะคุยด้วยกำลังวางท่าทีที่เยือกเย็นเหมือนนั่งทอดอารมณ์อยู่บนเก้าอี้หมุนบุนวมโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างและกำลังหันข้างให้เขาอยู่

 

“ว่าจะติดต่อไปหาแกอยู่พอดีเลย ริโก้”

 

ริคเคนพูดพลางหันมาเผชิญหน้า แม้ภายนอกจะดูสงบขนาดไหนแต่เมื่อมองตากันก็รู้ว่ากำลังเครียดพอๆกัน

 

“คิดเหมือนกันใช่ไหม ริคเคน”

 

พลจัตวาเอลฟ์หยั่งถาม

 

“แหงล่ะ ฉันกลัวว่าออร์คนั่นจะสั่งการแผลงๆแบบที่เราคาดไม่ถึง ประกอบกับจุดอ่อนของเราอยู่กับไอ้ชูเน่ เราควรปรับแผนใหม่ว่างั้นไหม”

 

“ถ้างั้นฉันจะเลื่อนกำหนดหยุดยิงออกไปก่อน แต่ยังไงก็คิดให้ไวแล้วกัน ต้องถล่มมันให้ราบก่อนที่กำลังเสริมพวกแม่งจะมาถึง”

 

ริโก้หันไปสั่งการเรื่องการเลื่อนกำหนดระงับการระดมยิง แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็เงียบไป เอาแต่มองกันเหมือนกำลังอ่านใจอีกฝ่ายจนเวลาล่วงเลยไปไม่น้อยกว่าสิบนาที พลจัตวาเอลฟ์จึงเริ่มบอกแผนการของตนก่อน

 

“เอาแบบนี้ไหม ฉันจะสั่งให้ลดตำบลการยิงลงทีละบล็อกแล้วแกก็เข้ายึดทีละบล็อก พอเสร็จแล้วแกก็ส่งสัญญาณให้ฉัน แล้วฉันก็จะเปิดทางให้อีกบล็อก”

 

ทว่าริคเคนกลับแย้ง แล้วเสนอความคิดของตนไปแทน

 

“ไม่ได้ เสียเวลาเกินไป กว่าจะไปกันได้กำลังเสริมของพวกแม่งก็คงมาถึงพอดี ฉันว่าเราน่าจะสลับหน้าที่กัน ฉันจะปิดล้อม ส่วนแกก็ทุ่มกำลังยานเกราะหนักเข้าโจมตี พวกแม่งคงไม่ได้เตรียมรับมือกับรถถังหนักของแกหรอก”

 

ริโก้ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยก่อนจะให้เหตุผลว่า

 

“อย่าดีกว่า กองกำลังฝ่ายฉันโดยรวมแล้วเคลื่อนที่ได้ไม่เร็วอะไรนัก พวกโนเบิลก็ถนัดการรบตามแบบซะด้วย ยุทโธปกรณ์ของพวกแม่งแต่ละอย่างออกแบบมาเพื่อการรบเผชิญหน้า ยิ่งเป็นการรบในที่แคบที่มีผู้บัญชาการตัวจริงเป็นดราก้อนไนท์ด้วย ดังนั้นการเข้าโจมตีจึงต้องการกองกำลังที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วและอัดได้หนักหน่วง”

 

พลจัตวาดวอร์ฟพยักหน้าเนิบๆอย่างเห็นด้วยแล้วเสนอความคิดต่อ

 

“งั้นคงต้องดำเนินตามแผนเดิมแล้วค่อยปรับเปลี่ยนเอาเฉพาะหน้า”

 

“เอาอย่างนั้นก็ได้”

 

พลจัตวาเอลฟ์ตอบตกลงแล้วหันไปสั่งให้ระงับการระดมยิงกะทันหัน ในขณะที่เพื่อนซี้หันไปสั่งให้บุกด้วยกำลังครึ่งหนึ่ง และทันใดนั้นเองเหล่าพลบังคับยานไร้นักบินก็ร้องเสียงหลง ริโก้รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ เมื่อได้มองที่จอภาพที่ต่อกับกล้องประจำยานไร้นักบินก็เห็นมันบินไปตามทางของมันเองราวกับมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของมันเอง ไม่ว่าจะพยายามโยกคันบังคับไปทางไหนก็ไม่มีการตอบสนอง และเมื่อสังเกตไปสักระยะหนึ่งก็พบว่ายานไร้นักบินพวกนั้นกำลังบินวนตรงเข้าหาที่ตั้งกองกำลังที่พวกมันสังกัด

 

“ยูเอวีของเราถูกแทรกแซงสัญญาณจากภายนอก รีบยิงพวกมันให้หมด แล้วให้หน่วยจอมเวทสร้างหมอกปิดบังที่ตั้งกองกำลังของเราให้เร็วที่สุด”

 

พลจัตวาสมญานาม ‘แฮมเมอร์’ ร้องสั่งเร็วปรื๋อ ครู่หนึ่งก็เกิดเสียงแห่งความโกลาหลดังมาจากภายนอกเต็นท์บัญชาการ เป็นเสียงของล้อสายพานยานเกราะหลายคันวิ่งสับสนไปหมด ก่อนจะตามด้วยเสียงปืนต่อสู้อากาศยานที่แผดรัวหูดับตับไหม้ ริโก้บ่นกับตัวเองอย่างหงุดหงิดว่า ...ถ้าไม่มีไอ้แท่งบ้านั่นอยู่ในพื้นที่ฉันสั่งยิงลูกนิวเคลียร์ถล่มเละไปแล้ว... เขาถอนหายใจเบาๆแล้วเดินไปหาเจ้าหน้าที่สื่อสารยื่นมือขอไมโครโฟนก่อนจะกรอกคำสั่งลงไปด้วยตัวเอง

 

“สตรองโฮล ถึงทุกหน่วยต่อไปนี้เราจะดำเนินตามแผน ผมจะไม่พูดซ้ำ ทุกหน่วยฟังให้ดี ทีมเอสกอเปียว รอฟังคำร้องขอการยิงสนับสนุนจากหน่วยบุกทะลวงของพลจัตวา ริคเคน เจนส์เซ่น ให้ดี...”

 

สิ้นเสียงก็มีเสียงหญิงสาวตอบกลับมา

 

“รับทราบค่ะ พวกเราพร้อมเสมอ”

 

“บาร์เรร์ 1 ถึง 5 เตรียมกระชับวงตามคำสั่งผม...”

 

“ได้เลยครับ ท่านนายพล”

 

“หน่วยต่อสู้อากาศยานทั้งหมด ขยายแนวเฝ้าระวังออกไป มีความเป็นไปได้สูงที่ข้าศึกจะปล่อยการโจมตีทางอากาศ ยกเว้น เลนตาอันซา ให้มาประจำอยู่บริเวณเต็นท์บัญชาการ พวกหน่วยก่อกวนดราก้อนไนท์อาจใช้ขีปนาวุธร่อนทหารราบของชทัมม่ายิงใส่เต็นท์นี่ก็เป็นได้...”

 

“เดี๋ยวนี้เลยครับ”

 

“ส่วนหน่วยจอมเวทให้คงหมอกนี้เอาไว้ก่อนจนกว่าจะมีสั่งใหม่”

 

“เต็มที่เลยค่ะ”

 

ด้านริคเคนเองหลังจากที่เขาสั่งบุกโจมตีด้วยกองกำลังครึ่งหนึ่งผ่านไปได้ไม่เกิน 5 นาทีเขาก็ออกคำสั่งอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ควบคุมยานไร้นักบินสบถออกมาอย่างหัวเสียพลางร้องเรียกตน

 

“เกรทเคฟ ถึงหน่วยเบอร์เซิร์กเกอร์”

 

“เบอร์เซิร์กเกอร์พร้อม”

 

เสียงที่ตอบกลับมาเป็นเสียงเรียบๆแต่แฝงไปด้วยพลังอันอธิบายไม่ถูกของชายวัยกลางคน ซึ่งฟังดูจะแก่กว่าตัวผู้บัญชาการเองด้วยซ้ำ

 

“จัดตั้งกำลังโจมตี 15 คัน แบ่งเป็นห้ากลุ่มเท่าๆกัน จัดกระบวนรูปลิ่ม เคลื่อนเข้าไปเป็นรูปลิ่ม ถล่มให้ราบ”

 

“ได้เลยท่านนายพล เอาล่ะสาวๆ แสดงพลังของนักรบบ้าเลือดให้พวกผู้ดีพวกนั้นดูหน่อย ได้เวลาร็อคแอนด์โรลแล้ว ลุย!”

 

สิ้นเสียงของผู้บัญชาการกองรถถังวัยกลางคนก็ตามมาด้วยเสียงเฮลั่นอย่างฮึกเหิม ซึ่งมาพร้อมกับเสียงเร่งเครื่องดังกระหึ่มราวกับรถแข่ง ครู่หนึ่งก็ออกตัวกันส่งเสียงเขย่าแก้วหูก่อนที่การสื่อสารจะถูกตัด แต่ก็ทำเอาทุกคนในเต็นท์บัญชาการต้องหน้ายับยู่ยี่ไปตามๆกัน จากนั้นริคเคนก็หันไปที่ต้นเสียงร้องเรียกแล้วเอ่ยถามห้วนๆ ว่า

 

“มีอะไร”

 

“ยานไร้นักบินของพวกเราถูกแทรกแซงการควบคุมแล้ว...”

 

ยังไม่ทันขาดคำพลจัตวาดวอร์ฟก็คำรามคำสบถออกจากลำคอแล้วพูดขัดขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงเกือบตวาด

 

“ยิงทิ้งให้หมด เร็ว! แล้วก็ให้ทุกหน่วยกระจายตัวออกไป”

 

จากนั้นครู่หนึ่งเสียงปืนต่อสู้อากาศยานนับสิบกระบอกก็เปิดฉากรัวขึ้นฟ้าแบบไม่เลี้ยง ภาพที่ส่งมาจากกล้องบนยานไร้นักบินบนจอค่อยๆหายไปทีละจอ

 

ในขณะที่พลจัตวาริคเคน เจนส์เซ่น และผู้ใต้บังคับบัญชากำลังง่วนอยู่ก็มีบุคลากรกลุ่มหนึ่งเปิดช่องทางสื่อสารเอาไว้เฉพาะกับหน่วยเบอร์เซิร์กเกอร์ คอยป้อนคำถามกับผู้บัญชาการกองรถถังเป็นระยะๆ ซึ่งส่วนมากนั้นจะเกี่ยวกับสมรรถนะ บางคำตอบที่ได้มาทำเอาเจ้าหน้าที่บางคนถึงกับสะดุ้งโหยง

 

“ความเร็วตอนนี้... เรากำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 4 ใน 5 ก็ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บอกตรงๆนะ แรกเห็นดูมันคล้ายรถถังตกรุ่นที่ทัพบกโวลก้าปลดประจำการไปเมื่อ 80 ปีก่อน แต่พลขับยืนยันว่าสมรรถนะของมันนั้นเหนือชั้นกว่ายานหุ้มเกราะแบบล้อสายพานทุกแบบของที่นี่มาก รู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในรถแข่งมากกว่ารถถัง แหม ผมขอขอคารวะ ‘เพื่อน’ ของเราเลย พวกเขาสุดยอดจริงๆ”

 

“แล้วอาวุธล่ะ”

 

เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลออร์คหญิงถามขึ้น

 

“เห็นตอนส่งมอบเขาบอกว่า ปืนหลักลำกล้องเกลียวขนาด 152 มิลลิเมตร สามารถยิงได้ 30 นัดต่อนาที ถ้าเป็นเมื่อ 80 ปีก่อนน่ะเร็วมากสำหรับอาวุธวัตถุ แต่ตอนนี้มันก็งั้นๆ แต่สิ่งที่ทำให้มันสุดยอดไม่ได้อยู่ที่อัตราการยิง แต่มันอยู่ที่ความแม่นยำ มีสถิติแบบไม่เป็นทางการบอกว่ายิง 1,000 นัด ที่ระยะ 15 กิโลเมตร พลาดไม่เกิน 5 นัด ป้อมก็หันได้เร็วมาก กระสุนที่ใช้ก็หลากหลาย ทั้งระเบิดสาดสะเก็ด ระเบิดแรงสูง ลูกดอกเจาะเกราะ ระเบิดแรงสูงต่อต้านยานเกราะแบบซ้อนหัว แล้วก็จรวดนำวิถีต่อต้านยานเกราะ คาดว่าน่าจะเอาไว้ใช้ยิงอากาศยานเพดานต่ำอย่างพวกกันชิป นอกจากนี้ยังมีป้อมปืนอัตโนมัติสำหรับต่อต้านภัยคุกคามประเภทจรวดนำวิถี แต่มันยังใช้ยิงทหารราบและยานพาหนะหุ้มเกราะเบาได้ด้วย”

 

สิ้นคำตอบก็ตามด้วยคำขอบคุณอันเรียบเฉยจากชายฉกรรจ์เกรย์เอลฟ์แล้วคณะผู้เก็บข้อมูลก็เงียบไปแต่ยังคงยืนอยู่ ณ ที่เดิม เพื่อเก็บข้อมูลการรบต่อ ซึ่งริคเคนได้แต่ปรายตามองอย่างสงสัย แต่ก็ยังคงเพิกเฉยทำเหมือนไม่มีอะไรพิเศษมาตั้งแต่แรก แต่อย่างไรเขาก็คิดไม่ตกว่าทำไมต้องมีคณะเก็บข้อมูล และยังสงสัยอีกว่าตอนส่งมอบไม่มีการเผยข้อมูลอะไรบ้างเลยรึไง นอกจากว่ามันเป็นรถถังขนาดเบาชนิดเล็กพริกขี้หนูของ ‘เพื่อน’ ซึ่งมีประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมอย่างน่ากลัว ...ถ้าไม่มีคำอนุมัติจากเบื้องบนมายืนยันข้าไล่ตะเพิดพวกเอ็งออกไปหมดแล้ว... พลจัตวาดวอร์ฟบ่นในใจอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ทันใดนั้นเองก็มีเสียงติดต่อมาจากหน่วยเบอร์เซิร์กเกอร์ที่แสดงถึงความโกลาหล

 

“ใจเย็นไว้ อย่าแยกกัน อย่าแยกกัน รวมกลุ่มกันไว้แล้วตีมันกลับไป ใครก็ได้ถอยลงไปสกัดมันไว้แล้วค่อยกลับมารวมกลุ่ม”

 

ริคเคนส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาอย่างเคืองใจพลางหันมาสั่งการเร็วปรื๋อ

 

“ห้ามใครถอย กลับเข้ากระบวนเดี่ยวนี้ เกรทเคฟถึงเกรทแบร์ แบ่งกำลังเป็น 3 กลุ่มเรียงหน้ากระดานแล้วดันมันกลับไป”

 

“เกรทแบร์รับทราบ”

 

ทว่าเสียงที่ขานกลับมาเงียบไปได้ครู่เดียวเท่านั้นมันก็ดังขึ้นอีก ซึ่งมันแสดงถึงความหัวเสียของผู้พูดได้อย่างชัดเจน

 

“แย่แล้ว มันเร็วเกินไป หยุดมันไม่ได้ ระวังตัวด้วยเกรทเคฟ”

“ไม่ต้องถอยบุกเข้าไปเลย ปล่อยมันเข้ามา ทุกหน่วยที่ประจำอยู่ที่นี่เตรียมพร้อมไว้ แบทเทิลแคท วอร์วูล์ฟ พวกคุณต้อนพวกมันให้มารวมๆกันไว้ ส่วนเดย์แบทคอยตามเก็บ ที่เหลือคอยไล่ล่าพวกที่พลัดฝูงกับคอยสนับสนุนกลุ่มหลักตามสมควร”

 

สิ้นเสียงก็ตามด้วยเสียงขานรับคำสั่งอย่างแข็งขันของนายทหารทั้งชายและหญิงทีละลำดับ

 

“เซอร์คอเช่ ชูเน่ บอกหน่อยได้รึเปล่าว่าพวกคุณกำลังจะทำอะไร”

 

วาคานะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะเห็นการดำเนินกลยุทธ์ของทั้งคู่ไม่ได้แสดงถึงการเอาชนะอะไรเลยนอกจากจะก่อความวุ่นวายเท่านั้น พันตรีซูเปอร์โซลเจอร์ยิ้มแล้วหันมาตอบเรียบๆว่า

 

“ถ่วงเวลา ชัยชนะครั้งนี้จะได้มาก็ต่อเมื่อกำลังเสริมฝ่ายคุณมาถึง ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่แต่ผมกับกรันเทอร์ปรึกษากันแล้วว่ายังไงก็ไม่มีทางเอาชนะสองคนนี้ด้วยกำลังแค่นั้นได้แน่นอน ดังนั้นเราเลยตกลงกันว่าจะทำให้สองคนนั้นสูญเสียกำลังให้มากที่สุดแล้วล่าถอยไปเองหรือไม่ก็รอให้กำลังเสริมฝ่ายคุณเข้าบดขยี้แทน”

 

คำตอบของพันตรีออร์คทำเอาโนเบิลสาวถึงกับเดือดขึ้นมา ก่อนกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงกึ่งตวาด

 

“แต่ฉันให้คำมั่นกับท่านผู้อาวุโสเอาไว้แล้ว”

 

“ใจเย็นๆ ผู้กอง ผมเชื่อว่าผู้อาวุโสของท่านต้องมีจิตเมตตาอยู่บ้างแหละ บางครั้งชัยชนะของผู้บัญชาการคือการที่ผู้ใต้บังคับบัญชามีชีวิตรอดกลับไปหาครอบครัวนะ หรือว่าคุณอยากให้ผมสั่งให้กองกำลังทั้งหมดดาหน้าบุกโจมตีฝั่งแฮมเมอร์ให้ตายไปข้างล่ะ”

 

วาคานะไม่ตอบ ได้แต่คิดในสิ่งที่ได้ยินในขณะที่อีกฝ่ายหันไปคุมการรบต่อ ชูเน่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับกำหนดการสักอย่างหนึ่ง มันทำให้เธอนึกหวนถึงอดีต ชาวเอไพด์เมียร์ออร์คทั้งคู่นี้ช่างเหมือนกับพ่อของตนไม่มีผิด ผู้ซึ่งในเวลานั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บัญชาการยานรบบนสะพานเดินเรือ และเอาแต่ร้องถามเรื่องกำหนดเวลาอยู่ตลอดในขณะที่ก้มหน้าก้มตาวางแผน ออกคำสั่ง และคำนวณอะไรบางอย่างไปในขณะเดียวกัน จนกระทั่งถูกปลดประจำการและส่งกลับไปเริ่มเรียนใหม่เพียงเพราะการดำเนินกลยุทธ์แบบพวกเศษสวะ (ยุทธวิธีนอกแบบ หรือแบบกองโจร) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บัญชาการชาวโนเบิลไม่พึงกระทำ

 

“แค่ตรึงกำลังเอาไว้คงไม่เป็นอะไรหรอกมั่ง ถึงจะไม่ได้รุกคืบหน้าไปไหนแต่ก็ไม่ได้แพ้นี่ อีกอย่าง คุณก็ได้รับคำยืนยันแล้วว่าตราบใดที่กองกำลังฝ่ายคุณยังตรึงกำลังไว้ที่นั่น จะไม่มีการสั่งยิงอาวุธสุดยอดอย่างแน่นอน”

 

การ์เซียเดินเข้ามาปลอบด้วยท่าทางอ่อนโยนราวกับจะเข้าใจความรู้สึกแท้จริงของจีแอลสาว แต่แท้จริงแล้วเธอรู้สึกเจ็บใจไม่น้อยที่ต้องมาช่วยศัตรู แม้จะมีเหตุผลที่อ้างแล้วหลุดพ้นทุกคดีก็ตาม

 

วาคานะไม่พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้าเออออตามพร้อมกับทำใจดีสู้กับอารมณ์ภายในเอาไว้ โดยหารู้ไม่ว่าท่าทางที่หัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการแสดงต่อหน้าเป็นการเสแสร้งทั้งสิ้น

 

ตัดไปทางด้านกองกำลังโนเบิล ผู้บัญชาการกองพลน้อยจำเป็นที่นั่งอยู่ในรถถังตะคอกสั่งซ้ำไปซ้ำมาเป็นระยะให้ตรึงกำลังอยู่กับที่ไว้ตามคำบอกต่อมาอีกทีของผู้บัญชาการตัวจริงที่อยู่ในฐานของกลุ่มปฏิบัติการกบฏ ในขณะเดียวกันกลอรี่ลิเบอเรเทอร์สาวนามไรซ่าก็พยายามเรียกฉุดกระชากขวัญกำลังใจของทหารที่กำลังถดถอยอย่างเต็มความสามารถร่วมกับทหารหาญกลุ่มหนึ่งโดยการนำการโจมตียึดคืนพื้นที่ๆ ถูกยึดไปโดยกองกำลังฝั่งสเปียร์จนกลายเป็นสนามรบในเขตเมืองที่ยืดเยื้อ

เหล่าทหารโนเบิลทั้งหมดตั้งความหวังว่ารถถังสเปียร์เฮดที่ส่งออกไปโจมตีศูนย์บัญชาการเคลื่อนที่ของศัตรูจะบรรลุเป้าหมาย จากนั้นก็จะเข้าบดขยี้ศัตรูที่กำลังสับสนได้โดยง่าย ทว่ากลับไม่เฉลียวใจเลยว่า แผนการทั้งหมดที่ถูกส่งผ่านมานั้นเป็นเพียงปฏิบัติการเพื่อถ่วงเวลารอให้กำลังเสริมมาถึงเท่านั้น

 

“อีเทอร์นอล ถึง เพียวริไฟเออร์ จากตำแหน่งที่ทางนั้นให้มาข้าคิดว่าเราทำลายอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลหมดแล้ว กำลังจะไปต่อที่ศูนย์บัญชาการเคลื่อนที่ เปลี่ยน”

 

อาคูนัสได้รับการติดต่อจากหน่วยกันชิปที่ส่งออกไปตลบหลังแฮมเมอร์เมื่อการระดมยิงหยุดลง ผู้ส่งสารต้องตะโกนแข่งกับเสียงปืนและเสียงสัญญาณเตือนอาวุธนำวิถี ดังนั้นสารที่ผู้บัญชาการกองพลน้อยจำเป็นได้รับจึงไม่ใช่เพียงเสียงรายงานเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเสียงของปืนต่อสู้อากาศยานที่แผดรัวหูดับตับไหม้และมิสไซล์พื้นสู่อากาศที่แข่งคำรามสะท้านโสตประสาทจนหูชา นอกจากนี้ยังมีเสียงฮึดฮัดและเสียงสูดหายใจ กลั้น และถอนออกอย่างหนักหน่วงของนักบินแบบลุ้นตัวโก่งขณะบินหลบการยิงของระบบป้องกันภัยทางอากาศ

 

“นี่เพียวริไฟเออร์ ไม่อนุมัติ ออกมาเดี๋ยวนี้...”

 

พูดยังไม่ทันขาดคำ นักบินคนเดิมก็สวนขึ้นมาด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยม

 

“พวกเรายังไหว ตอนนี้เราเสีย อีเทอร์นอล 4 กับ 7 ไป ยังเหลืออีก 6 ส่วนที่เหลือยังมี เบลซ อีก 3 ลำ อนุมัติให้เราโจมตีต่อเถอะครับ”

 

“ให้พวกเขาโจมตีต่อไป หมวด ศัตรูจะทำอะไรไม่ถูกถ้าไม่มีสมอง”

 

ทันใดนั้นเสียงนิ่งเนิบแต่ทรงพลังของพันตรีซูเปอร์โซลเจอร์ก็แทรกเข้ามา ยุติการถกเถียงกันลงในบันดล อาคูนัสเองก็หมดปัญญาจะเถียงกับคนที่ยศสูงกว่า (และฉลาดกว่า) จึงรับคำแล้วส่งต่อคำสั่งไปว่า

 

“ก็ได้ แต่ขอให้กลับมาให้ได้ทั้งหมดนะ... เปลี่ยน”

 

“เชื่อใจเราได้เลยผู้การ”

 

การติดต่อถูกตัดไปดื้อๆ หลังคำมั่นของนักบินกันชิป ด้านอาคูนัสเองก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้ตั้งความหวังลมๆ แล้งๆ เขารู้ดีว่ากันชิปทั้งหมดไม่มีทางกลับออกมาได้ เพราะเมื่อได้ฟังเสียงอันน่าขนลุกขนพองจากยานเกราะต่อสู้อากาศยานของฝั่งแฮมเมอร์แล้ว เขาก็พอจะนึกภาพออกว่ามันน่ากลัวเพียงใด

 

ไรซ่าและกลุ่มทหารกล้าที่อาสาร่วมกลุ่มกับเธอกำลังปะทะกับทหารราบอยู่กลางที่โล่ง ในขณะที่เธอกำลังได้เปรียบอยู่นั้น รถถังแบบที่ไม่เคยมีทหารโนเบิลคนใด เคยเห็นมาก่อนก็ปรากฏตัวขึ้น (ในความคิดของดราก้อนไนท์) มันวิ่งเข้าแทรกระหว่างแนวปะทะปานสายฟ้าพลางหันป้อมมาเผชิญกับกลุ่มทหารโนเบิลด้วยความเร็วอันน่าตกใจของทหารทั้งสองฝ่ายก่อนเปิดฉากยิงกดหัวชุดหนึ่งด้วยปืนกล 2 กระบอก (แท่นปืนเหนือป้อมและปืนกลร่วมแกน) แล้วแล่นผ่านไปด้วยความเร็วสูง จากนั้นก็มีอีกสองคันวิ่งเข้ามาทำแบบเดียวกันแล้วผ่านไป ฝ่ายคิวโอเอทำอะไรไม่ได้นอกจากวิ่งหลบเข้าข้างทาง ข้างหนึ่งเป็นอาคารส่วนอีกข้างเป็นคูน้ำ

 

จีแอลสาวต้องขบฟันกันแน่นอย่างกดดัน เมื่อพิจารณาหน้าตาของรถถังเหล่านั้นเทียบกับความทรงจำเมื่อนึกย้อนไปในเวลาก่อนที่จะเปิดศึกครั้งที่สาม เธอเคยเห็นรถถังพวกนั้นในรูปถ่ายและข้อมูลสมรรถนะคร่าวๆของมันมาก่อน ...ใช่แน่ๆ ในหมู่กองทัพที่ทันสมัยทั่วจักรวาลที่พวกเราเคยไปไม่มีกองทัพไหนอีกแล้วที่ใช้รถถังประเภทนี้เป็นกองกำลังยานเกราะหลัก ซีทีซี-982 ซาเวจ (ZTZ-982 Savage)... ไรซ่านึกย้อนความหลังด้วยความสยองเพราะนอกจากรูปภาพและข้อมูลคร่าวๆ แล้ว เธอยังเคยไปได้ยินนายทหารระดับสูงบางคนบ่นถึงรถถังรุ่นนี้ว่า ...แม้จะดูกระจ้อยร่อยและกระจอกงอกง่อยแต่ประสิทธิภาพของมันนั้นเหลือล้นและยังมาพร้อมกับปริมาณที่ล้นเหลือ ไอ้พวกป่าเถื่อนไร้ศาสนา...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา