[Fanfic] Phantasy Star Online 2: Another Episode Part 1

-

เขียนโดย LunaRRabbit

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.10 น.

  5 บท
  0 วิจารณ์
  6,305 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 13.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) ความลับ[Gore warning]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

สุดท้ายผมก็ได้กลับมารวมกลุ่มกับอาฟินและมาโตอิ พวกเราอยู่ในโพรงถ้ำเล็กๆจุดกองไฟกองหนึ่งเพื่อให้ความอบอุ่นท่ามกลางหิมะหนาวเย็นที่ตอนนี้กลายเป็นพายุลูกใหญ่อีกครั้ง อาฟินขดตัวอยู่ใกล้ๆกองไฟส่วนมาโตอิกับมาโกะก็หลับปุ๋ยไปแล้ว ผมยังคงตื่นอยู่ในฐานะยามรักษาความปลอดภัยกับอาฟินเพื่อไม่ให้พวกDarkerเข้ามาทำร้ายพวกเราและด้วยสภาพอากาศแบบนี้การตามหาคุณเดวิดก็เลยถูกชะงักไว้ก่อน อีกอย่างคือ...ที่พวกเราติดแหง่กอยู่แบบนี้ก้เพราะคำขอยกเลิกภารกิจถูกปฏิเสธเนี่ยสิ...

"หาว...."

ผมหาวออกมาวอดใหญ่ ผมนึกคิดไปถึงเรื่องของคุโระว่าในสภาพอากาศแบบนี้ตัวเขาเพียงตัวคนเดียวจะสามารถเอาตัวรอดได้หรือไม่แต่ว่าถ้าพายุลูกแรกเขาผ่านมาได้พายุลูกที่สองก็คงผ่านได้เหมือนกันแหละ...

"นี่คู่หู คิดว่าพายุจะสงบลงเมื่อไหร่หรอ?"

อาฟินทำลายความเงียบด้วยคำถามน้ำเสียงสั่นๆของเขา

"คงอีกพักใหญ่ๆเลยมั้ง?"

ผมตอบอาฟินในขณะที่ใส่ฟืนที่พอจะเก็บมาได้เข้าไปในกองไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้มากขึ้นในขณะนั้นก็ถามออกไป

"นี่อาฟินทำไมตอนที่ฉันตกลงไปด้านล่างไม่มีใครติดต่อมาเลยล่ะ?"

"อ๋อ เรื่องนั้นน่ะพวกเราพยายามติดต่อนายแล้วแต่ว่าติดต่อไม่ได้เลยเหมือนจะเชื่อมต่อไม่ได้อะไรแบบนั้น"

"เชื่อมต่อไม่ได้?"

ผมขมวดคิ้วมุ่น ทั้งๆที่ระบบการสื่อสารก็สามารถติดต่อกันได้ทั้งดาวแต่ว่าสัญญาณของผมกับอาฟินกลับเชื่อมต่อกันไม่ได้เนี่ยนะ? ผมได้แต่สงสัยแต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่าบางทีที่ที่ผมตกลงไปอาจจะเป็นพื้นที่อับสัญญาณก็ได้

เสียงสายลมหวนไม่มีท่าทีจะหยุดลง อาฟินเริ่มที่จะเหนื่อยล้าไม่ต่างจากผมในตอนนี้ท้องฟ้าเองก็ปกคลุมด้วยเมฆจนมืดไปหมดพวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เป็นกลางวันหรือกลางคืน ผมมองออกไปด้านนอกแล้ว....

"นั่นมัน..."

ร่างของใครบางคนยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ แม้จะมองไม่ชัดมากแต่ก็มั่นใจได้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือคุโระไม่ผิดแน่ ไปยืนอยู่กลางพายุหิมะแบบนั้นมันอันตรายแท้ๆยิ่งรายนั้นเป้นคนแปลกๆอยู่ก็จริงแต่แบบนี้มนไม่ใช่

"โอย! คุโระยินอยู่กลางหิมะแบบนั้นไม่ได้นะ!!"

ผมลุกขึ้นกำลังจะออกไปพาเจ้านั่นมาหลบพายุให้ได้แต่ว่า

"เดี๋ยวก่อนคู่หูจะไปไหนน่ะ!"

อาฟินพูดท้วงขึ้นมาด้วยความตกใจ

"คนรู้จักน่ะไปยืนอยู่กลางพายุแบบนั้นต้องพามาที่นี่ก่อน!"

ผมอธิบายแล้ววิ่งออกไปหวังจะพาเจ้านั่นเข้ามาหลบในโพรงถ้ำให้ได้

"เดี๋ยวก่อนสิคูหู! ตรงนั้นน่ะ! ฉัน..มองไม่เห็น..ใคร...เลย..นะ...วิ่งไปแล้ว เฮ้อ!"

ถึงอาฟินจะพูดออกมาแต่ในตอนนี้ผมก็อยู่ห่าเกินไปที่จะได้ยินแล้ว ผมวิ่งออกไปทั้งๆที่ลมพายุก็ยังไม่สงบแถมมีท่าทีจะแรงขึ้นผมยกแขนบังใบหน้าของตัวเองจากลมหนาวเอาไว้ เงาของคนที่รู้จักเริ่มใกล้ขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ผมย่ำเท้าลงไปบนพื้นหิมะแต่ว่าเขากลับหันหน้าไปทางอื่นแล้วก้เริ่มเดินออกไป

"จะไปไหนน่ะ!"

ผมตะโกนออกไป ในตอนนี้ผมควรที่จะหยุดเดินแล้วกลับไปหาพวกอาฟินแต่ว่าสัญชาตญาณมันบอกให้ผมเดินตามคุโระไปด้วยเหตุผลอะไรผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันแต่ถึงแบบนั้นผมก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะกลับไปหรือจะตามไป แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับสัญชาตญาณของตัวเองที่บอกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ต้องตามเขาไป

ผมย้ำเท้าลงบนพื้นหิมะนุ่มอย่างมั่นคงเพื่อไม่ให้ตัวเองปลิวไปกับพายุหิมะ มันหนาวเย็นก็จริงแต่มันกลับหยุดความต้องการที่จะเดินหน้าของผมไปไม่ได้เลยขอแค่สองเท้ายังมีแรงเดินไปตามพื้นิมะนี่ก็พอ เงาของคุโระไกลออกไปเรื่อยๆผมเองก็พยายามตามไปสุดความสามารถจนกระทั่งผมเข้าใกล้เงาของเขาเรื่อยๆก็พบกับบางสิ่งที่ผิดปรกติ รอยสีแดงตัดกับสีขาวบนพื้นหิมะผมมองตามมันไปผมก็พบกับบางอย่างที่ไม่น่ามอง มันคือส่วนแขนที่ถูกตัดออกมามันยังคงกำอาวุธเอาไว้แน่นมันคือDouble Saberที่พังแล้วถัดไปคือร่างของคนที่รู้จัก ร่างที่ถูกของมีคนฟันจนขาดเป็นท่อนเหมือนกับตุ๊กตาที่ถูกแยกส่วน ใบหน้าของเจ้าของร่างยังคงค้างอยู่ในสภาพหวาดกลัวสุดขีด ใช่แล้ว นั่นคือศพที่ถูกหันเป็นชิ้นๆของคุณเดวิด หัวหน้าทีมของพวกเราในวันนี้

"อุ๊บ!"

สภาพที่ไม่น่ามองนั่นทำเอาผมแทบอาเจียน ผมจึงพยายามไม่มองมันแล้วมองไปทางอื่นแทน ที่หางตาของผมเห็นอะไรบางอย่างขยับแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรมันไวเสียจนมองไม่ทัน...ไม่สิต้องเรียกว่ามันหายไปอย่างรวดเร็วแต่กระนั้นไม่ว่ามันคืออะไรก็ตามมันทำให้ผมเห้นร่างของคุโระที่ดูสะบักสะบอมไม่เหมือนในตอนแรกที่เจอกันเขายืนอยู่ที่หน้าปากถ้ำมือของเขายกขึ้นช้าๆชี้ไปทางปากถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเขา

"คุโระ อะไรน่ะเดี๋ยวก่อนสิ!"

ผมตะโกนออกไป สายลมกรรโชกแรงขึ้นวูบใหญ่ผมต้องเอาแขนทั้งสองข้ากันใบหน้าของตนหลับตาให้แน่นเพื่อป้องกันสายตาของตนเองไม่นานนักลมก็สงบลง ผมค่อยๆลดแขนลงแล้วลืมตาขึ้น

ชายหนุ่มสีดำที่ชื่อว่า คุโระ ก็หายไปแล้ว

"ประหลาดชะมัด...หนีหลบด้านในแล้วหรือยังไงนะ...?"

ผมคิดว่าเขาคงอยากให้ผมเข้าไปหลบกับเขาหรืออะไรสักอย่าง แต่ว่าถ้าแบบนั้นคงไม่เอาแต่ใจไปหน่อยหรือยังไง?ตอนนี้ผมไม่มีทางเลือกคือต้องเข้าไปเพราะผมอยู่ห่างจากจุดของพวกอาฟินมากเกินไปแล้ว ผมเลยตัดสินใจเดินเข้าไปในถ้ำนั่น มันใหญ่มากกว่าถ้ำทั่วไปที่ผมเจอแถมความลึกก็ลึกมากกว่าด้วย และใช่ในที่นี่สัญชาตญาณของผมมันก็บอกให้ผมเดินเข้าไปด้านในให้ลึกขึ้นกว่าเดิมราวกับว่ามีอะไรดึงดูดผมให้เข้าไป ไม่สิ ความรู้สึกต่างๆบอกผมว่าผม'ต้อง'เข้าไปด้านใน ผมเดินเข้าไปลึกขึ้นลึกขึ้นตามสัญชาตญาณของตัวเองและสิ่งที่ผมได้พบ คือคริสตัลขนาดใหญ่และคุโระที่ดูเหมือนไม่ใช่คุโระ สีของเส้นผมหรือดวงตาก็เหมือนกันแต่ว่าที่แก้มซ้ายลงไปถึงคอของเขามีรอยแผลเป็นและเสื้อผ้าของเขาบางส่วนมีรอยขาดอยู่ที่สำคัญชุดนั่นไม่ใช่ชุดที่คุโระใส่ในตอนแรกที่ผมเจอกันมันเป็นชุดฮากามะสีดำขาวดูโทรมๆ ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์และจ้องมองมาที่ผมด้วยดวงตาสีม่วงว่างเปล่าก่อนจะหันไปมองที่คริสตัลนั่น

"นี่นาย...อยากให้ฉัน...?"

ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น เขามองมาที่ผมอกครั้งโดยที่ไม่พูดอะไรแต่ผมกลับพอจะเดาได้ว่าเขาอยากให้ผมทำอะไรกับเจ้าคริสตัลสีฟ้าส่องสว่างนี่ เขาคงอยากให้ผมเข้าไปใกล้มันมากกว่านี้ซึ่งมันคงจะมีวิธีเดียวผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสคริสตัลนั่น มันส่องสว่างจนผมต้องหลับตาหนีเมื่อผมลืมตาเจ้าสิ่งนั้นมันก็กลายเป็นอาวุธประเภทไม้เท้าสีขาาวที่ส่วนยอกของมันเป็นทรงกลมภายในบรรจุคริสตัลสีฟ้าเล็กๆเอาไว้ดูแล้วรูปทรงมันคล้ายกับดาวเคราะห์ที่มีแกนกลางเป็นคริสตัลนั่น ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนอาวุธที่แปลกขนาดนี้ ผมถือมันแล้วก็พบว่าสิ่งนี้มันใช้งานไม่ได้เหมือนว่าจะพังแล้ว

"คุโระนี่นายให้ฉัน...?"

ผมกำลังจะหันไปถามคนที่อยู่ใกล้ๆก่อนหน้านี้แต่ก็พบว่าเขาหายไปเสียแล้ว ผลจึงถอนหายใจแล้วคิดว่าตัวเองน่าจะโดนเจ้าที่ไม่ก็อะไรหลอกแบบที่มาโกะเคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้วแน่ๆ ในขณะที่ผมเดินออกไปยังปากถ้ำพร้อมกับเจ้าอาวุธขนาดใหญ่นี่ผมก็พบว่าพายุสงบลงแล้วแม้ท้องฟ้าจะมีเมฆบังอยู่บ้างแต่ก็บอกได้ว่ามันยังเป็นตอนเช้า ผมน่าจะใช้เวลาออกมานานมากจนตอนนี้เช้าเสียแล้วไม่ก็มันอาจจะเช้าแบบนี้ตั้งแต่แรกก็ได้ผมเองก็ไม่มั่นใจแต่ที่รู้ๆคือเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นและมันมาจากอาฟิน

["คู่หู! ในที่สุดก็ติดต่อได้!"]

เสียงของอาฟินดูโล่งใจเมื่อติดต่อผมได้แต่เบื้อหลังเสียงของอาฟินผมได้ยอนเสียงของมาโกะกำลังโวยวายอะไรบางอย่างอยู่ เพราะว่าผมเข้าไปในถ้ำกระมังเขาจึงติดต่อผมไม่ได้?

"ขอโทษด้วยนะพอดีว่าเดินตามเจ้านั่นไปแล้วเจอกับอาวุธแปลกๆที่พังแล้วเข้าให้..."

["เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนแล้วคุณเดวิดล่ะ?"]

อาฟินพูดต่อด้วยน้ำเสียงรีบร้อนเสียงของมาโกะก็เริ่มโวยวายชัดขึ้นและดังขึ้นเหมือนว่าจะมีอะไรหายไป?

"เจอตัวแล้วแต่ว่า..เขาไม่รอด... แล้วมาโกะล่ะ?"

["ไม่นะ...มันทำให้ตอนนี้แย่กว่าเดิมอีก เหวอ!!"]

อาฟินร้องเหวอออกมาลั่นมีเสียงกุกกักเล็กน้อยมีเสียงของมาโกะกับอาฟินแทรกมาเป็นระยะๆไม่ได้ศัพท์

"อาฟินเกิดอะไรขึ้น?"

ผมถามออกไปแต่ครั้งนี้คนที่ตอบกลับไม่ใช่อาฟิน แต่เป็นมาโกะ

["เจ้าพี่บ้า! หายหัวไปแล้วปล่อยให้พวกหนูอยู่ลำพังแถมตอนนี้ก็เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!]

เธอพูดด้วยน้ำเสียงปนโมโหแถมตะคอกใส่ผมเสียงดังอีกต่างหาก

"เดี๋ยวก่อนมาโกะใจเย็นๆค่อยๆพูดกันก็ได้"

["ใจเย็นกับผีสิพี่! มาโตอิหายตัวไปแล้ว!!"]

"ห๊ะ!?"

มาโกะพูดด้วยอารมณ์โกรธจัดก่อนจะกลายเป็นเสียงของเธอที่ห่างออกไปเหมือนกำลังโวยวายเรื่องนี้อยู่ ผมเองก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

"แล้วติดต่อเธอได้ไหม?"

["ไม่เลยคู่หูติดต่อไม่ได้เลย"]

คราวนี้อาฟินตอบผมแทนมาโกะที่กำลังหัวเสีย ทางเดียวที่จะทำได้ตอนนี้คือต้องรีบตามหามาโตอิ

"นี่ไม่ใช่เวลามาหัวเสียกันนะ รีบแยกย้ายกันหามาโตอิกันก่อน!"

ผมกล่าวกับทั้งสองคนผ่านเครื่องมือสื่อสารซึ่งอาฟินก็เห็นด้วย

["นะ-นั่นสิ! คู่หูมาโกะรีบไปหามาโตอิกันก่อน!!!"]

สายก็ถูกตัดไปตัวผมก็รีบวิ่งออกจากถ้ำไปได้แต่ภาวนาว่าผมจะจำทางที่วิ่งมาได้ ผมวิ่งออกไปเป็นเส้นตรงตามสัญชาตญาณที่นำทางผมไป วิ่งไปบนทุ่งสีขาวโพลนเปิดแผนที่ขึ้นมาตามเส้นทางไปผ่านโพรงถ้ำที่พวกอาฟินเคยอยู่ ผมติดต่ออาฟินและมาโกะกันเป็นระยะๆแต่กลับไม่มีความคืบหน้าอะไร ผมไม่รู้ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนั้นจะไปที่ไหนกัน

"อะไรกัน..."

สัญญาณของแผนที่ถูกตัดผมไม่สามารถใช้แผนที่ได้อีกต่อไป ตอนนี้ผมอยู่ท่ามกลางทุ่งน้ำแข็งที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรที่สามารถใช้เป็นจุดสังเกตได้เลยแม้แต่น้อย

มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมสัญญาณถึงไม่มีกัน

เสียงเท้าของใครบางคนก้าวเข้ามาใกล้ ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจคนที่อยู่ตรงหน้านั่นผมสีขาวและใบหน้าหวานที่คุ้นเคยเธอคนนั้นคือมาโตอิไม่ผิดแน่

"มาโตอิ!!!!"

ผมตะโกนเรียกเธอแต่เหมือนว่าเธอจะไม่ได้ยิน เธอดูเหม่อลอยไม่เหมือนทุกครั้งไม่รอช้าผมรีบวิ่งตามเธอไป ระหว่างนั้นผมก็สังเกตได้ว่าที่เดินอยู่ตรงนั้นไม่ใช่เธอคนเดียวแต่มีคนอื่นๆอยู่ด้วยARKSที่เหลือมีอาการเหมือนเธอพวกเขาเหม่อลอยบางคนก็ล้มลงแน่นิ่งตรงนั้น

แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ

ผมกำลังจะคว้าตัวมาโตอิเอาไว้แต่เธอก็หลุดเข้าไปในทิวทัศน์ราวกับเข้าไปอีกมิติหนึ่งและใช่...ผมก็หลุดเข้าไปด้วยแถมเกือบล้มหน้าคะมำเพราะพื้นที่ต่างระดับอีกต่างหาก รอบๆตัวผมในตอนนี้คือโบรณสถานที่อยู่ท่ามกลางน้ำมีหญ้าและดอกไม้ปกคลุมตรงกลางคือเส้าประหลาดหลากสีสันรูปร่างของมันเหมือนกับต้นไม้สูงเสียดฟ้าเรียกได้ว่าในตอนนี้มันเหมือนกับผมอยู่คนละที่กับทุนดร้าในตอนแรก

"มาโตอิ!"

ผมจับไหล่เล็กของเธอเพื่อให้เธอได้สติ เธอสะดุ้งแล้วมองไปรอบๆด้วความตกใจ

"ม-มิโคโตะ? แล้วฉันมาที่นี่ได้ยังไงกัน?"

"เดี๋ยวค่อยอธิบายทีหลังตอนนี้กลับกันก่อนเถอะ"

"อะ อืม"

ในขณะที่ผมกำลังจะพามาโตอิออกไป เธอก็มีอาการเหม่อลอยอีกครั้งเธอจ้องมองไปยังเสาต้นใหญ่ที่ตั้งอยู่เบื้อหน้าเส้าที่เหมือนกับต้นไม้นั่นไม่วางตา

"มาโตอิ? เป็นอะไรไปรับไปกันเถอะ"

ผมเดินเข้าไปใกล้มาโตอิแต่เธอกลับเดินห่างออกไปจากผมเข้าใกล้เจ้าเสานั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางจะไม่ดีแน่ๆผมพยายามตามเธอไปแต่ว่า...

ผัวะ!

อะไรบางอย่าง...ไม่สิใครบางคนโจมตีใส่เธอด้วยการฟาดเข้าที่ท้ายทอย ร่างนั่นคือแคสต์บอดีสีเหลืองพาร์ทผมสีน้ำเงินใส่ผ้าปิดปากสีดำ

"มาโตอิ!!!!"

ผมร้องออกมาสุดเสียงด้วยความตกใจถ้าเธอคนนั้นเป็นอะไรไปโดยที่ผมทำอะไรไม่ได้นี่มัน... ผมรีบคว้าหอกออกมาแต่แคสต์คนนั้นก็ใช้หอกของเธอรับหอกของผมไว้ได้พอดี ฝีมือแบบนี้นี่มันอะไรกัน

"แค่ทำให้เธอสลบไปเท่านั้น วางอาวุธลงซะ"

ถ้าในสถานการณ์แบบนี้กับแรงกดดันที่ออกมาจากแคสต์คนนั้นผมต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่นอน...แต่ด้วยความหัวดื้อของผมไม่มีทางหรอกที่ผมจะลดอาวุธลง

"คุณเป็นใครกัน?"

"นั่นเป็นคำถามของฉันมากกว่า นายน่ะก็เป็นARKSไม่ใช่หรืออย่างไร?"

พอได้ยินเช่นนั้นผมก็รู้ได้ว่าเธอคนนี้ไม่ได้อยากสู้กับผมเท่าไหร่เหมือนกันแม้ความกดดันนั่นจะไม่ลดลงเลยก็ตามพอเป็นเช่นนั้นผมและเธอจงยอมลดอาวุธลงเพราะต่างฝ่ายก็ไม่อยากต่อสู้เช่นกัน แคสต์ตอนนั้นเป็นคนเริ่มถาม

"เธอเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร? รับคำสั่งจากใครมาหรือ?"

"ผมหลงทางเข้ามาที่นี่ ไม่มีใครสั่งผมหรอก"

ผมตอบไปตามความเป็นจริงซึ่งเธอก็ถามผมอีกครั้ง

"เป็นไปไม่ได้ ที่นี่น่ะไม่มีใครสามารถเข้ามาได้...หืม?"

เธอมองไปยังมาโตอิแล้วทำทีเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่ว่าทำไมต้องมาโตอิล่ะ?

"ถ้าแบบนั้นก็คงเป็นเพราะเจ้านั่นพาพวกเธอมาที่นี่สินะ"

เธอก้มลงแล้วอุ้มมาโตอิขึ้นมาก่อนจะมองไปยังเสาขนาดใหญ่นั่น

"ถ้ามาช้าไปกว่านี้เด็กคนนี้น่ะก็คง..."

ผมมองตามเธอไป ผมเห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนนั่นเนื้อแท้ของเจ้าเสารูปต้นไม้ที่ดูสวยงามนั่นคือรูปร่างของมนุษย์จำนวนมาที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวราวกับตะเกียดตะกายไปยังยอดของต้นไม้นั่น

ถ้าผมช้ากว่านี้มาโตอิคงเป็นหนึ่งในนั้น...

"ที่นี่มัน...อะไรกันน่ะ"

"ฉันคงปิดความลับอะไม่ได้...แล้วก็ชื่อน่ะคือ มาเรีย เป็นหนึ่งใน6เสาหลักของARKS"

เหมือนว่าผมจะพาตัวเองมาเจออะไรที่ไม่ควรเจอจนได้แถมคนตรงหน้ายังเป็นหนึ่งใน6เสาหลักอีก เรื่องราวของ6เสาหลักที่เคยฟังเมื่อนานมาแล้วคือการปราบDark Falz(ดาร์ก ฟอลซ์)ลงได้อย่างสมบูรณ์แบบมันคือตำนานของARKSผู้สมบูรณ์พร้อมทุกประการเป็นARKSในอุดมคติของหลายๆคน และตอนนี้หนึ่งในนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม

"ในเมื่อรู้ขนาดนี้แล้วจะเล่าให้ฟัง ที่นี่คือผนึกหินที่สร้างขึ้นเมื่อ40ปีก่อนแน่นอนว่าคือเรื่องที่พวกเราต่อสู้กับDark FalzสละชีพARKSไปมากมายจนได้รับชัยชนะมา แต่ว่านั่นไม่ใช่ความจริงหรอก"

"ไม่ใช่...ความจริง?"

"ความจริงก็คือพวกเราไม่เคยชนะDark Falzแต่ทำได้เพียงผนึกมันไว้เท่านั้น ส่วนเสานี่คือผลลัพธ์จากการที่มันเรียกARKSทั้งหมดมาหลอมรวมกันเป็นพลังเก็บไว้จนกว่ามันจะคืนชีพ"

แต่ว่าในเมื่อเรื่องอันตรายขนาดนั้น...

"ทำไมถึงไม่พูดความจริงกันล่ะครับ?"

"ก็เพราะตำนานของ6เสาหลักหรือARKSที่สมบูรณ์แบบ จะพังทลายยังไงล่ะเจ้าหนู"

มาเรียตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมเองก็พูดไม่ออกเมื่อได้ยินแบบนั้น

Dark Falzยังมีชีวิตอยู่ ยังคงรอวันที่จะได้หวนคืนสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง ยังคงรอจนถึงตอนนี้....

ในขณะที่พวกเรากำลังจะกลับออกไปด้านนอกโดยมาเรียอาสาจะช่วยพามาโตอิออกไปจากที่นี่เอง ผมก็ได้พบกับชายหนุ่มสีดำที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมอีกครั้ง ปากของเขาขยับเป็นคำพูดอะไรบางอย่าง

ไป หา _____

ผมไม่สามารถแกะคำพูดสุดท้ายได้ก่อนที่เขาจะหายไปในพริบตาเดียว....คนคนนั้นคือคุโระอย่างนั้นหรือ?หรือว่าจะเป็นน้องชายที่เขาพูดถึง ในขณะที่ผมกำลังกลับไปรวมกลุ่มกับทุกคนผมก็ได้แต่คิดคำถามนี้ซ้ำไปซ้ำมา.....

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

✓ เรื่องนี้ไม่มีเจตนาทำให้บุคคลที่อ้างถึงเสียชื่อเสียง และฉันจะยอมรับผิดเมื่อบุคคลนั้นตำหนิหรือเตื่อนมา

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายฟิคชั่นเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา