FATE/BROKEN SPIRITS (fate fanfiction)
7.3
เขียนโดย gilos
วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.35 น.
7 ตอน
1 วิจารณ์
9,039 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 15.45 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
6) จอกชิ้นที่4
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเริ่มต้นเข้าวันใหม่แสงอาทิตย์เริ่มสาดแสงทุกชีวิตตื่นขึ้นมาเริ่มใช้ชีวิตรวมถึงหนิงด้วย หนิงที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลแต่เป็นห้องรกๆห้องหนึ่งแทน เธอมองไปรอบๆก็ไม่พบอะไรนอกจากกองหนังสือที่วางกระจัดกระจายไปทั่วห้องและคนที่เดินเข้ามาในห้องคนแรกก็คือโทซากะ ริน
“อ้าวตื่นแล้วหรอหนิงจังร่างกายเป็นอย่างไงบ้าง”
“แขนที่เจ็บเบาลงมากแล้วค่ะ คือ...เรื่องเมื่อคืนน่ะ...ไม่ได้ฝันไปสินะคะ”
หนิงหยิบสร้อยขึ้นมาและกุมมันไว้ รินที่เข้ามาก็นำข้าวเช้ามาวางไว้ให้และนั่งลงบนเตียง
“นี่หนิงจัง พอกินข้าวเสร็จอยากไปเดินดูรอบๆหน่อยไหมล่ะ”
“ค่ะ..”
และหลังจากหนิงกินข้าวเสร็จรินก็พาเธอออกไปเดินดูข้างนอก พอเปิดประตูออกไปก็พบกับsaberและassassinในชุดพ่อบ้านที่กำลังทำความสะอาดโถงทางเดินอยู่
“อรุณสวัสดิ์มาสเตอร์ อากาศที่ดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง”
“ดินแดนอาทิตย์อุทัย?ถ้าอย่างงั้นที่นี่คือญี่ปุ่นสินะ”
หนิงไม่ได้แสดงทีท่าตกใจหรือวิตกอะไรเพียงแต่ทำสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รินที่เห็นหนิงก็รู้สึกเป็นห่วงเพราะกลัวว่าหนิงจะกลายเป็นคนจิตใจด้านชาไร้ความรู้สึก
“เธอไม่เป็นอะไรแน่นะ”
“หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะหนูเข้าใจเหตุผลดี เพราะว่าถ้าเป็นอย่างที่คุณรินบอกไว้ล่ะก็ถ้าทิ้งหนูไว้ที่ไทยหนูคงตายและเสียจอกไปสินะคะ เพราะอย่างนั้นพวกของคุณรินจึงต้องเอาหนูมาที่ญี่ปุ่นเพื่อช่วยหนูมันก็ดูจะวินๆกัน2ฝ่ายทั้งนะคะทั้งหนูเองและพวกคุณรินด้วย”
รินก็ตกใจนิดๆที่หนิงเป็นคนที่ฉลาดว่าที่ตัวเองคิด ดังนั้นรินก็ได้ตัดสินใจที่จะพาหนิงไปที่ๆหนึ่งแต่ก็ยังลังเลอยู่เล็กน้อยแต่รินที่พาหนิงเดินดูรอบๆด้วยและได้คุยกันมากขึ้นก็ยิ่งมั่นใจและทั้งคู่ก็เดินมาถึงที่ประตูบานใหญ่ที่อยู่สุดโถงใน
“ที่นี่คือ?”
“ชั้นว่าเธอพร้อมแล้วล่ะหนิงจัง ขอโทษนะที่ชั้นคิดว่าเธอเป็นแค่เด็กธรรมดาน่ะ”
หลังจากพูดจบรินก็เปิดประตูก็พบกับcaster หญิงสาวผมสีทองทรงประหลาดและคุณลุงหน้าตาบูดบึ้งกับชายชาวต่างชาติที่คนเดิมที่โดนตรึงไว้กับพื้นโดยมีวงเวทย์เหมือนกับเขาที่ใช้กับมะลิ
“เอาล่ะที่เหลือก็แค่ส่งแกให้ทางกฎหมายสินะ...อ้าวมิสโทซากะยังเป็นคนที่ชักช้าเหมือนเดิมเลยนะ”
“ลูเวีย...เธอรู้วิธีดึงกรรมสิทธ์จอกได้แล้วหรอ?”
รินถามลูเวียด้วยตวามสงสัย
“ต้องขอบคุณcasterกับอาจารย์ล่ะนะแล้ว...แม่หนูคนนั้นคือคนถือจอกชิ้นที่1สินะ”
พอพูดจบลูเวียก็เดินมาหาหนิงและพยายามทำให้ผมสั่นๆของหนิงเหมือนกับผมของเธอ
“ตายจริง ขอโทษด้วยนะจ้ะนิสัยติดตัวน่ะ”
‘นิสัยติดตัวเนี้ยนะ’ความคิดของหนิงและรินเหมือนกันจนcasterหัวเราะออกมา
“พวกแกเนี้ยเข้ากันดีจริงๆ แล้วแกจะเอาไงต่อ..riderมาสเตอร์”
Casterพูดกับคุณลุงคนนั้น
“ก็บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าอย่าเรียกชั้นแบบนั้นอีกcasterหรือจะให้ชั้นเรียกแกว่าราชาแห่งบาบิโลนล่ะ”
“โห่...เจ้าเด็กอมมือที่ข้าเคยไว้ชีวิต มันกล้าต่อปากต่อคำขนาดนี้เลยหรือ”
ทั้ง2คนดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสนิทกันด้วยเหตุผลบางอย่าง รินที่เห็นแบบนั้นก็เลยตบมือเรียกสติและเรียกsaberและassassinเข้ามาเพื่อฟังแผน
“assassinต่อไปนี้ลูเวียจะเป็นมาสเตอร์ของนาย โอเคไหม”
“ถอนกรรมสิทธ์งั้นหรอ..ข้าไม่ข้องหรอก”
assassinดูเหมือนจะไม่ได้ขัดขืนอะไร
“งั้นชื่อจริงล่ะจะบอกได้หรือป่าว”
assassinลังเลอยู่พักนีงแล้วก็พูดออกมา
“โกยาตเลย์ถ้าเป็นชื่อที่พวกคนขาวตั้งให้ก็เจอโรนิโม้”
รินที่ได้ฟังก็จดลงสมุด แล้วก็มองมาทางหนิง
“ตาเธอแล้วหนิงจัง”
หนิงที่ยังประหม่าก็อ้ำอึ้งๆไม่กล้าพูดแต่พอก้มลงไปมองสร้อยก็ทำให้เธอหายประหม่าทันที
“หนูชื่อหนิงค่ะ..เอ่อ..อะ..ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“saberล่ะ”
รินถามแต่saberก็ไม่ได้ตอบอะไร รินก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร
“โห่...ส่วนข้าราชาแห่งอุรุกกิลกาเมส จงยินดีเสียที่ข้าแนะนำตัวให้พวกแกรู้ฮ่าๆๆ”
“ไม่ได้ถามย่ะ”
แล้วหญิงสาวผมทองกับคุณลุงก็แนะนำตัว “ลอร์ดเอลเมลลอยที่2(เวเวอร์)” “ลูเวีย เซริต้า เอเดลเฟลท์” ทั้ง2คนนั้นเป็นคนที่คอยช่วยเหลือรินและที่ๆทุกคนอยู่ก็คือคฤหาสน์ของลูเวียในญี่ปุ่น หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จทุกคนก็เริ่มวางแผนทันที
“อีก4วันวงจรของจอกชั้นจะทำงาน มีใครเร็วกว่านี้ไหม”
รินที่ถามไปก็ไม่ได้คำตอยเพราะทั้งหนิง ลูเวียและassassinก็ไม่รู้ว่าอีกกี่วันวงจรจอกของตนจะทำงานจนหนิงที่เดินดูรอบๆห้องก็ซนเอามือไปจับที่ลูกโลกบนโต๊ะของลูเวียและแสงที่ทองก็เปล่งออกมาทุกคนที่นั้นต่างรีบวิ่งไปดูที่ลูกโลกนั่น
บนลูกโลกนั้นมีจุดสีทองอยู่7จุดโดยมี5จุดอยู่ที่ญี่ปุ่นและอีก2จุดอยู่ที่ อังกฤษ อิรัก และ ตามลำดับ แต่ที่น่าตกใจคือ2จุดที่อยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นหรือก็คือโอกินาว่า
.
.
.
ในห้องผ่าตัดแสงไฟจากโคมส่องกระทบตาของชายหนุ่มที่กำลังจะตายจากโรคร้าย เขาพยายาม ขัดขืนโรคร้ายนี้มานานต่อสู้กับมันจนถึงวันนี้
“แข็งใจไว้นะได..อย่าตายนะ”
เสียงของหญิงสาวอันเป็นที่รักเป็นเสียงเดียวที่คนใกล้ตายอย่างเขาได้ยินในตอนนี้
‘ขอร้องล่ะ..ถ้าพระเจ้ามีจริงขอให้ผมได้อยู่กับเธอต่อได้ไหม ผมยังไม่อยากตาย”
และในช่วงสติสุดท้ายก่อนที่จะตายจากไปแสงสีทองจากบางสิ่งก็สว่างจ้าขึ้นมา และเขาก็เห็นชายหนุ่มผมแดงยาวมายืนอยู่ข้างๆเขา
“ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าตายเด็ดขาดมาสเตอร์”
EP 6 END
“อ้าวตื่นแล้วหรอหนิงจังร่างกายเป็นอย่างไงบ้าง”
“แขนที่เจ็บเบาลงมากแล้วค่ะ คือ...เรื่องเมื่อคืนน่ะ...ไม่ได้ฝันไปสินะคะ”
หนิงหยิบสร้อยขึ้นมาและกุมมันไว้ รินที่เข้ามาก็นำข้าวเช้ามาวางไว้ให้และนั่งลงบนเตียง
“นี่หนิงจัง พอกินข้าวเสร็จอยากไปเดินดูรอบๆหน่อยไหมล่ะ”
“ค่ะ..”
และหลังจากหนิงกินข้าวเสร็จรินก็พาเธอออกไปเดินดูข้างนอก พอเปิดประตูออกไปก็พบกับsaberและassassinในชุดพ่อบ้านที่กำลังทำความสะอาดโถงทางเดินอยู่
“อรุณสวัสดิ์มาสเตอร์ อากาศที่ดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง”
“ดินแดนอาทิตย์อุทัย?ถ้าอย่างงั้นที่นี่คือญี่ปุ่นสินะ”
หนิงไม่ได้แสดงทีท่าตกใจหรือวิตกอะไรเพียงแต่ทำสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รินที่เห็นหนิงก็รู้สึกเป็นห่วงเพราะกลัวว่าหนิงจะกลายเป็นคนจิตใจด้านชาไร้ความรู้สึก
“เธอไม่เป็นอะไรแน่นะ”
“หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะหนูเข้าใจเหตุผลดี เพราะว่าถ้าเป็นอย่างที่คุณรินบอกไว้ล่ะก็ถ้าทิ้งหนูไว้ที่ไทยหนูคงตายและเสียจอกไปสินะคะ เพราะอย่างนั้นพวกของคุณรินจึงต้องเอาหนูมาที่ญี่ปุ่นเพื่อช่วยหนูมันก็ดูจะวินๆกัน2ฝ่ายทั้งนะคะทั้งหนูเองและพวกคุณรินด้วย”
รินก็ตกใจนิดๆที่หนิงเป็นคนที่ฉลาดว่าที่ตัวเองคิด ดังนั้นรินก็ได้ตัดสินใจที่จะพาหนิงไปที่ๆหนึ่งแต่ก็ยังลังเลอยู่เล็กน้อยแต่รินที่พาหนิงเดินดูรอบๆด้วยและได้คุยกันมากขึ้นก็ยิ่งมั่นใจและทั้งคู่ก็เดินมาถึงที่ประตูบานใหญ่ที่อยู่สุดโถงใน
“ที่นี่คือ?”
“ชั้นว่าเธอพร้อมแล้วล่ะหนิงจัง ขอโทษนะที่ชั้นคิดว่าเธอเป็นแค่เด็กธรรมดาน่ะ”
หลังจากพูดจบรินก็เปิดประตูก็พบกับcaster หญิงสาวผมสีทองทรงประหลาดและคุณลุงหน้าตาบูดบึ้งกับชายชาวต่างชาติที่คนเดิมที่โดนตรึงไว้กับพื้นโดยมีวงเวทย์เหมือนกับเขาที่ใช้กับมะลิ
“เอาล่ะที่เหลือก็แค่ส่งแกให้ทางกฎหมายสินะ...อ้าวมิสโทซากะยังเป็นคนที่ชักช้าเหมือนเดิมเลยนะ”
“ลูเวีย...เธอรู้วิธีดึงกรรมสิทธ์จอกได้แล้วหรอ?”
รินถามลูเวียด้วยตวามสงสัย
“ต้องขอบคุณcasterกับอาจารย์ล่ะนะแล้ว...แม่หนูคนนั้นคือคนถือจอกชิ้นที่1สินะ”
พอพูดจบลูเวียก็เดินมาหาหนิงและพยายามทำให้ผมสั่นๆของหนิงเหมือนกับผมของเธอ
“ตายจริง ขอโทษด้วยนะจ้ะนิสัยติดตัวน่ะ”
‘นิสัยติดตัวเนี้ยนะ’ความคิดของหนิงและรินเหมือนกันจนcasterหัวเราะออกมา
“พวกแกเนี้ยเข้ากันดีจริงๆ แล้วแกจะเอาไงต่อ..riderมาสเตอร์”
Casterพูดกับคุณลุงคนนั้น
“ก็บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าอย่าเรียกชั้นแบบนั้นอีกcasterหรือจะให้ชั้นเรียกแกว่าราชาแห่งบาบิโลนล่ะ”
“โห่...เจ้าเด็กอมมือที่ข้าเคยไว้ชีวิต มันกล้าต่อปากต่อคำขนาดนี้เลยหรือ”
ทั้ง2คนดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสนิทกันด้วยเหตุผลบางอย่าง รินที่เห็นแบบนั้นก็เลยตบมือเรียกสติและเรียกsaberและassassinเข้ามาเพื่อฟังแผน
“assassinต่อไปนี้ลูเวียจะเป็นมาสเตอร์ของนาย โอเคไหม”
“ถอนกรรมสิทธ์งั้นหรอ..ข้าไม่ข้องหรอก”
assassinดูเหมือนจะไม่ได้ขัดขืนอะไร
“งั้นชื่อจริงล่ะจะบอกได้หรือป่าว”
assassinลังเลอยู่พักนีงแล้วก็พูดออกมา
“โกยาตเลย์ถ้าเป็นชื่อที่พวกคนขาวตั้งให้ก็เจอโรนิโม้”
รินที่ได้ฟังก็จดลงสมุด แล้วก็มองมาทางหนิง
“ตาเธอแล้วหนิงจัง”
หนิงที่ยังประหม่าก็อ้ำอึ้งๆไม่กล้าพูดแต่พอก้มลงไปมองสร้อยก็ทำให้เธอหายประหม่าทันที
“หนูชื่อหนิงค่ะ..เอ่อ..อะ..ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“saberล่ะ”
รินถามแต่saberก็ไม่ได้ตอบอะไร รินก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร
“โห่...ส่วนข้าราชาแห่งอุรุกกิลกาเมส จงยินดีเสียที่ข้าแนะนำตัวให้พวกแกรู้ฮ่าๆๆ”
“ไม่ได้ถามย่ะ”
แล้วหญิงสาวผมทองกับคุณลุงก็แนะนำตัว “ลอร์ดเอลเมลลอยที่2(เวเวอร์)” “ลูเวีย เซริต้า เอเดลเฟลท์” ทั้ง2คนนั้นเป็นคนที่คอยช่วยเหลือรินและที่ๆทุกคนอยู่ก็คือคฤหาสน์ของลูเวียในญี่ปุ่น หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จทุกคนก็เริ่มวางแผนทันที
“อีก4วันวงจรของจอกชั้นจะทำงาน มีใครเร็วกว่านี้ไหม”
รินที่ถามไปก็ไม่ได้คำตอยเพราะทั้งหนิง ลูเวียและassassinก็ไม่รู้ว่าอีกกี่วันวงจรจอกของตนจะทำงานจนหนิงที่เดินดูรอบๆห้องก็ซนเอามือไปจับที่ลูกโลกบนโต๊ะของลูเวียและแสงที่ทองก็เปล่งออกมาทุกคนที่นั้นต่างรีบวิ่งไปดูที่ลูกโลกนั่น
บนลูกโลกนั้นมีจุดสีทองอยู่7จุดโดยมี5จุดอยู่ที่ญี่ปุ่นและอีก2จุดอยู่ที่ อังกฤษ อิรัก และ ตามลำดับ แต่ที่น่าตกใจคือ2จุดที่อยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นหรือก็คือโอกินาว่า
.
.
.
ในห้องผ่าตัดแสงไฟจากโคมส่องกระทบตาของชายหนุ่มที่กำลังจะตายจากโรคร้าย เขาพยายาม ขัดขืนโรคร้ายนี้มานานต่อสู้กับมันจนถึงวันนี้
“แข็งใจไว้นะได..อย่าตายนะ”
เสียงของหญิงสาวอันเป็นที่รักเป็นเสียงเดียวที่คนใกล้ตายอย่างเขาได้ยินในตอนนี้
‘ขอร้องล่ะ..ถ้าพระเจ้ามีจริงขอให้ผมได้อยู่กับเธอต่อได้ไหม ผมยังไม่อยากตาย”
และในช่วงสติสุดท้ายก่อนที่จะตายจากไปแสงสีทองจากบางสิ่งก็สว่างจ้าขึ้นมา และเขาก็เห็นชายหนุ่มผมแดงยาวมายืนอยู่ข้างๆเขา
“ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าตายเด็ดขาดมาสเตอร์”
EP 6 END
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
✓ เรื่องนี้ไม่มีเจตนาทำให้บุคคลที่อ้างถึงเสียชื่อเสียง และฉันจะยอมรับผิดเมื่อบุคคลนั้นตำหนิหรือเตื่อนมา
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ