To love before เคยรัก
8.3
เขียนโดย ไดโน
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 07.37 น.
4 ตอน
2 วิจารณ์
5,537 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2562 09.30 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
4) จดหมายปริศนา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความไม่กี่วันก่อนเปิดเรียนซัมเมอร์
ในตอนเช้าของทุกวันฉันมักจะนั่งอยู่ใกล้ๆกับบานหน้าต่างเพื่อรอพบกับดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเช้าวันใหม่ ซึ่งวันนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ต่างอะไรจากทุกวันสักเท่าไหร่ ฉันเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าสีครามเพื่อรอพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อเหม่อมองไปยังพื้นหน้าประตู สายตาก็เหลือบไปเห็นซองจดหมายสีดำซึ่งไม่ควรจะไปอยู่ตรงนั้น อาจจะเป็นของคุณพ่อ ฉันคิดอย่างนั้นนะ ฉันก้มลงเก็บซองจดหมายนั้นขึ้นมา แต่ทันทีที่นิ้วของฉันเอื้อมไปหยิบมันก็บังเอิญโดนซองจดหมายเจ้าปัญหานั่นบาดเข้าที่นิ้วจนได้
“อะไรจะยุ่งยากขนาดนี้กัน” ฉันชักจะหงุดหงิดขึ้นหน่อยแล้วสิ ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น โยนซองนั่นทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี และเดินหันหลังให้มันซะ
ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว ซองนั่นทำให้อดดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า หึ ช่างไร้ประโยชน์
พรึบ แกร๊บ ซองจดหมายสีดำนั้นเปิดขึ้นพร้อมทั้งกระดาษข้างในได้คลี่ออก
หือ? นี่ใครเล่นตลกอะไรอีกกันเนี่ย ฉันหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู
.....ถึงคุณการ์ดเนอร์ คุณคงได้ทำการสังเวยเลือดให้กับดอร่าแล้วสินะ ทางโรงเรียนได้ส่งภูตตัวน้อยไปที่บ้านของคุณเพื่อที่จะเชิญคุณมาเข้าเรียนที่โรงเรียนเซนส์ รอยอล ของเรา ทางเราเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความร่วมมือของคุณที่ตอบตกลงในการเข้าเรียนที่โรงเรียนของเรา เราจะมาชี้แจงเรื่องต่างๆภายในโรงเรียนให้คุณได้ทราบโดยดอร่าจะตอบทุกคำถามที่คุณสงสัย
ขอบคุณเป็นอย่างมากกับความร่วมมือ.....
“หือ ดอร่า? ” ใครคือดอร่าแล้วนี่มันจดหมายบ้าบออะไร ใครเป็นคนไปตอบ
ตกลงว่าจะเรียนที่โรงเรียนบ้านั่นกันล่ะหรือว่า ท่านพ่อ!!
“ท่านพ่อ ไอ้โรงเรียนบ้านี่มันอะไรกันคะ” ฉันถือกระดาษไปโยนลงตรงหน้าท่านพ่อที่นั่งจิบชาอย่างสบายใจ
“ก็โรงเรียนของแกยังไงล่ะ ซัมเมอร์ แกต้องเรียนที่นั่น มันเป็นโอกาสดีนะที่โรงเรียนนั่นรู้เรื่องของแกแล้วส่งคำเชิญมาพอดีเลย ฉันเลยตอบตกลงไปซะ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แล้วจิบชาต่ออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ทำไมล่ะ...” เด็กสาวจ้องมองไปที่บิดาของตนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดใจ พลันทำให้ถ้วยชาในมือของชายตรงหน้าสั่นสะท้าน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจวางถ้วยชาลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวตรงหน้า
“เพราะพลังของแกมันเกินควบคุมแล้วยังไงล่ะ แกเองน่าจะรู้ตัวนะว่าบางสิ่งในตัวแกได้ถูกเปิดขึ้นมาแล้วหน่ะ คงไม่ต้องให้ฉันบอกก็ได้ล่ะมั้ง มองดูตัวแกเองตอนนี้สิซัมเมอร์ แม้แต่ฉันเองก็คงจะเอาแกไม่อยู่แล้ว” เด็กสาวก้มมองบนโต๊ะกระจกที่สะท้อนเงาของตนเอง จากดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วก็เบิกกว้างขึ้นไปอีก เงาของเธอ ดวงตาข้างขวาของเธอเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง
เคร้งงงง เด็กสาวปัดสิ่งของบนโต๊ะให้ล่วงหล่นลงกับพื้น ไม่เชื่อในสายตาตัวเอง
“นี่ฉันเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับฉัน” ฉันโวยวายตรงไปกระชากคอเสื้อของผู้เป็นพ่ออย่างแรง พลันสายตาของผู้เป็นพ่อเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วความรู้สึกเจ็บแปร๊บที่หัวใจก็เกิดขึ้นทันใดทำให้ฉันปล่อยมือจากคอเสื้อของคนตรงหน้าแล้วย้ายมากุมอยู่ที่หน้าอกตัวเองแทน
“แกเองก็น่าจะรู้ตัวได้แล้วนะ แกไม่สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้ แกถึงต้องเข้าไปเรียนที่นั่น และนี่คือคำสั่ง อย่าไว้ใจคนที่นั่น อย่าให้คนที่นั่นควบคุมแกได้ และฉันคงไม่ต้องห่วงอะไรมากนักหรอก เลิกสังเวยเลือดซะ แกคงจะเห็นมันใช่มั้ยไอ้ปีศาจในตัวแกหน่ะ มันหลอกให้แกสังเวยเลือดให้มัน
เห้อ ไอ้อัตลักษณ์บ้านั่น มันเกิดจากการที่แกสร้างมันขึ้นมา” ผู้เป็นพ่อกุมขมับตัวเองอย่างคนวิตกกังวล
“ทำไมฉันถึงได้เป็นแบบนี้”ฉันพึมพำถามไปพยายามบังคับให้ตัวเองใจเย็นลง เรื่องตรงหน้ามันสับสนไปหมด มันเกิดอะไรขึ้น
“ไอ้ดวงตาเหมือนกับตายไปแล้วของแกทำฉันหงุดหงิดนะซัมเมอร์
แกปลุกอัตลักษณ์ในตัวแกขึ้นมายังไงล่ะ อัตลักษณ์ที่แช่แข็งหัวใจนั่นหน่ะ เมื่อกี้แกก็เกือบจะฆ่าฉันแล้วนะ ดีที่มันยังไม่แข็งแกร่งมากนัก แกไม่เหมือนคนอื่น” ฉันเบิกดวงตากว้างขึ้นแต่แล้วก็รีบหลับตาเพราะกลัวจะเป็นอันตรายกับชายตรงหน้าอีก
“ฉันจะทำยังไงดี ฉันควรทำยังไงดีคะ” ฉันก้มหน้าแล้วส่ายหัว จิตใจตอนนี้สับสนไปหมดแล้ว อัตลักษณ์อะไรล่ะนั่น มันคืออะไร จิตใจของฉันเหมือนลอยล่องในทะเลที่มาพายุโหมกระหน่ำ ไม่มีที่เกาะหรือยึดเหนี่ยว
“นั่งลงก่อนเถอะ เธอต้องควบคุมมันให้ได้ และโรงเรียนนั่นจะช่วยเธอ พ่อรู้ว่าลูกทำได้นะ” ชายตรงหน้าแทนตัวเองว่าพ่อ ซึ่งไม่ค่อยจะทำเท่าไหร่นัก มันอาจดูธรรมดาสำหรับคนอื่นนะแต่สำหรับฉันมันดูอบอุ่นมากๆเลยล่ะ ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆท่าน
“แล้วดอร่าคือใครคะ” ฉันถามถึงเนื้อความในจดหมายประหลาดนั่น
“อืม ภูตรับใช้หรอ ไม่รู้สิเธอต้องเรียกมันออกมา แล้วทำพันธะสัญญากับมันล่ะมั้ง เหมือนในละครไง”ชายตรงหน้าพูดติดตลกออกมา ในเวลาซีเรียจอย่างนี้เนี่ยนะ ยังไงซะท่านพ่อก็ยังเป็นท่านพ่ออยู่วันยังค่ำแหละน่า
“ดอร่า จงออกมา”ฉันคิดเล่นตลกตามชายตรงหน้าเลยเรียกชื่อดอร่าให้ออกมาจากกระดาษจดหมาย แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แน่สิจะไปมีได้ยังไงล่ะนั่น
“ไร้สาระ” ฉันโยนกระดาษทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ ซึ่งชายตรงหน้าก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นักแล้วยื่นจานโทส มาให้ฉัน ซึ่งฉันก็รับมาอย่างเต็มใจ นั่นสิฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นะ
วิ้งๆๆๆๆๆๆ
“หื้ม” ชายตรงหน้าหันไปมองที่กระดาษที่ฉันโยนทิ้งไปแล้วเบิกตากว้างขึ้น
“อะไรอีกล่ะ” ฉันว่าอย่างรำคาญแต่พอหันไปมองตามมันก็ได้เบิกตากว้างอย่างนิ่งอึ้ง
“น่ะ นี่มันตัวอะไรฟระ” ชายตรงหน้าลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ มองไอ้ตัวประหลาดที่ครึ่งนึงเป็นสีเหลืองอีกครึ่งเป็นสีขาวอย่างประหลาด
“โอฮาโย วาตาชิ ดอร่าเดสสส” ตัวประหลาดนั่นบินขึ้นมาแล้วก้มหัวพร้อมแนะนำตัวเอง
“มะ ม่ะ มันมีปีกด้วยอ่ะซัม เหมือนแมลงวันเลยอ่ะ อึ๋ยย ขนลุกว่ะ” ชายตรงหน้ากระโดดมาหลบข้างหลังฉัน
“เห้อ ทำตัวอย่างกับเด็กๆไปได้ ช่วยทำตัวให้สมกับเป็นพ่อหน่อยได้มั้ยล่ะนั่นน่ะ” ฉันส่ายหัวให้ชายที่ยืนข้างหลังอย่างเหนื่อยใจ ยังไงซะท่านก็ยังไม่เปลี่ยนไปได้หรอก เห้ออออออออ
“เอ๋ พูดไทยได้หรอคะเนี่ย ดอร่ากังวลแทบแย่ว่าจะพูดคุยกันไม่รู้เรื่องเสียแล้วนะคะ กี้” ดอร่าตัวนั้นพูดขึ้นมาแล้วบินลงไปยืนอยู่ที่โต๊ะกินข้าวแล้วเริ่มค้นกระเป๋าหยิบหนังสืออะไรสักอยากออกมากาง
“ฉันไม่ใช่คนญี่ปุ่นซะหน่อยนะ แค่ชื่อก็ไม่ใช่ญี่ปุ่นแล้วแหละ” ฉันว่าพรางดันคนเป็นพ่อให้ออกห่างตัว ก็เล่นเกาะหลังซะแน่นขนาดนี้น่ารำคาญ
“อี๋ แหยะ เสื้อฉันเปื้อนหมดแล้ว” ฉันจ้องเขม็งไปยังคนเป็นพ่อ
“อ่า ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่นา ฉันไม่ถูกกับแมลงเธอก็รู้นี่” ฉันจ้องด้วยสายตาไม่พอใจใส่คนเป็นพ่อ ก็เล่นเกาะหลังฉันจนเหงื่อที่มือออกซะแฉะขนาดนี้
“เอ่อ อ่า ฉันชื่อดอร่านะคะ เป็นภูตประจำตัวของคุณซัมเองค่ะ ฉันจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอยากรู้และจะตอบคำถามของคุณในส่วนที่ฉันบอกได้เท่านั้นนะคะ” ดอร่าที่ดูเหมือนจะโดนเมินพูดขึ้นมาอย่างเป็นการเป็นงาน
“เอ่อฉันชื่อว่า ไอแซค นะ เป็นป่ะป๊าของซัมจังเองแหละ” ชายหนุ่มแนะนำตัวพรางยิ้มไปด้วย หึ สยองจะตาย
“อ่า ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ ฉันชื่อซัมเมอร์ การ์ดเนอร์ ค่ะ ส่วนนี่ไอแซค การ์ดเนอร์ เป็นพ่อของฉันเองค่ะ” ฉันแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับดอร่า เห้อ เรื่องนี้ชักจะบ้าไปกันใหญ่
“เอ่อ แล้วคุณ เรเชล การ์ดเนอร์ไม่อยู่หรอคะ” ดอร่าถามหาแม่ของฉัน แสดงว่าเธอก็คงจะรู้จักและรู้เรื่องของครอบครัวฉันอยู่แล้วหน่ะสิ แล้วยังมาทำเป็นไร้เดียงสา โหย
“เธอก็น่าจะรู้นี่ ว่าครอบครัวของเราเป็นยังไง รู้มาละเอียดเลยไม่ใช่รึไงนั่นน่ะ เนอะ ดอร่าจางงงง” ไอแซคพูดด้วยน้ำเสียงชวนขนลุกแต่อยู่ในสภาพที่ยังยิ้มแป้นอยู่เลย คนอะไรน่าขนลุกชะมัด ฉันถอยห่างมาจากตัวของผู้ชายคนนั้นก้าวนึง
ดอร่าพยักหน้าแล้วเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นจริงจังทันที เริ่มแล้วสินะ
“อืมๆ ก็ใช่ค่ะ อย่างที่รู้ๆกันในวงการนี้เลยน้า คุณไอแซคผู้มีดวงตา
แห่งอัตลักษณ์สีเหลือง มีศักยภาพคือความร้อน หรือว่าไฟ หรืออะไรกันนั้น
ไม่มีใครรู้ความสามารถที่แท้จริงเลยล่ะน้าส่วนคุณเรเชลที่เป็นภรรยานั้นก็มีดวงตาแห่งอัตลักษณ์สีดำสนิท ความสามารถของมันยังคงเป็นตำนานสินะ ที่บอกว่าแค่จ้องมองก็สามารถทำให้หัวใจหยุดนิ่งได้เลยนั่นน่ะ และซึ่งคนที่มีดวงตาพิเศษสองคนเกิดตกหลุมรักกันและให้กำเนิดลูกสาวแสนน่ารักคนหนึ่ง”ดอร่าพูดสิ่งที่ฉันก็เพิ่งจะได้รู้ออกมา ดอร่ามองมาที่ฉันพรางยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำไมเรื่องแบบนี้ท่านพ่อถึงไม่เคยเล่าให้เราฟังบ้างเลย แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องดีที่จะมาพูดเอาตอนนี้ ฉันไม่ใช่คนที่จะวู่วามขนาดนั้น
“เธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่ล่ะ บอกจุดประสงค์มาซะเถอะ” ไอแซคที่กระวนกระวายอย่างผิดสังเกตตะคอกใส่ดอร่า ดวงตาของไอแซคเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทันใด ดอร่าตัวนั้นก็เหมือนจะทรุดลงไปกับโต๊ะ
“ท่านพ่อ!!” ฉันตะโกนเรียกสติไอแซคอย่างตกใจ ได้ผลไอแซคทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้อย่างหมดแรงแล้วดูเหมือนดอร่าจะปลอดภัยแล้ว
“หยุด!! หลับตาลงเธอกำลังจะ จะ ขะ ฆ่า ทุกคนอยู่นะ” ฉันสะดุ้ง ดอร่าตะเบ็งเสียงใส่ฉัน ฉันซึ่งไม่เข้าใจสิ่งต่างๆกำลังสับสนไปมา อะไรกันอีกเนี่ย“ซัมเมอร์!!!! หลับตาซะ!!!!” ไอแซคตะโกนเสียงดัง ฉันสะดุ้งสุดตัว
จึงปิดเปลือกตาไว้แน่น หรือว่าฉันจะเผลอใช้มันอีกแล้วงั้นหรอ โธ่เว้ย!!! เรื่องบ้าไรนักเนี่ย
“เฮือก เกือบตายแล้วไหมล่ะ แต่ก็ได้เห็นพลังแห่งตำนานล่ะนะ ว่าตำนานหน่ะมีอยู่จริง หึหึ แต่ดูเหมือนจะไม่สมบูรณ์นะ เพราะมัน....แค่ข้างเดียว” ดอร่าพูดขึ้นมาอย่างกับผู้ได้รับชัยชนะ ฉันจึงค่อยๆลืมตาของตัวเองขึ้นช้าๆ แต่ไอแซค ลุกเดินมาจับหัวฉันก้มลงอีกที ฉันซึ่งไม่เข้าใจอะไรหลายอย่างได้แต่ทำตัวเป็นเด็กดีไม่ขัดขืนอะไรแม้แต่อย่างเดียว ทำตัวว่าง่ายไว้ก่อนไง
“เอาล่ะ บอกธุระของเธอคืออะไรกันแน่ล่ะ ดอร่า” ไม่มีท่าทางทีเล่นทีจริงในตัวไอแซคอีกแล้ว บรรยากาศ ตึงเครียดขึ้นมาทันใด ทำเอาขนลุกเลย
“อ่า ใจเย็นๆน้า ก็แค่จะช่วยจัดการทุกอย่างให้กับคุณการ์ดเนอร์ให้พร้อมกับการเรียนที่เซนส์ รอยอล นี่คือเครื่องแบบ ตำราเรียน และกุญแจหอ” ดอร่าสาธยายเจื้อยแจ้วพร้อมทั้งหยิบของต่างๆออกมาวางกองมากมาย บนโต๊ะ
“ฉันไม่นอนหอ…”ฉันพยายามพูดออกไปทั้งที่ยังโดนไอแซคกดหัวเอาไว้อยู่
“อ่า...ตะ แต่นักเรียนเซนส์ รอยอล ทุกคนต้องนอนหอเพื่อมิตรภาพที่แสนสวยงา.....”
“ฉันไม่เห็นด้วย กับการต้องนอนหอเหมือนกัน เพราะงั้นซัมเมอร์จะไม่นอนหอ”
ไอแซคว่าอย่างจริงจัง พออยู่ในโหมดนี้แล้วก็เลยไม่มีใครกล้าขัดใจไอแซคเลยสักคนเดียว
“อ่า...งะ งั้นก็ถ้าวันไหนมีงานที่โรงเรียนคุณการ์ดเนอร์ก็สามารถใช้หอได้ตามสบาย ทางเราจะไม่บังคับแล้วกันนะคะ” ดอร่าวางกุญแจหอไว้ที่โต๊ะอย่างว่าง่าย
“หมดธุระแล้วใช่มั้ย” ไอแซคออกท่าทางไล่ดอร่าอย่างไม่คำนึงถึงมารยาทที่ควรปฏิบัติต่อแขกผู้มาเยือนแม้แต่น้อย ทำเอาดอร่าเหวอไปเลยอ่ะ
“โอเค ฉันยอมแล้ว อีกสองอาทิตย์จะเริ่มเรียนปรับสภาพนะคะ ทางเราหวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือนะคะ งั้นดอร่าลานะคะ” ดอร่าบินขึ้นจากโต๊ะ กล่าวลาแล้วบินไปที่ประตู โดยมีพ่อบ้านเดินไปส่ง ไอแซคไม่คิดจะไปส่งแขกแม้แต่น้อย
“อ้อ ลืมบอกไป เลือดของคุณการ์ดเนอร์รสชาติเยี่ยมมากค่ะ ขอบคุณนะคะ” ดอร่าหันมากล่าวแล้วจึงบินออกประตูไป
“ฮู่วว เกือบไปๆ” ไอแซคเอามือออกจากหัวฉันแล้วล้มลงนั่งที่โต๊ะ ถอนหายใจอย่างโล่งใจ
“เกือบไปอะไรหรอไอแซค” ฉันขมวดคิ้วพลางนวดไหล่ แหมก็เล่นกดหัวไว้ซะแน่นเลย เมื่อยชะมัด
“ก็เกือบเห็นตาของเธอแล้วหน่ะสิ ยัยดอร่านั้นเข้าใจผิดว่าพลังของเธอยังไม่สมบูรณ์เพราะปรากฎตาสีเหลืองแค่ข้างเดียว แต่จริงๆแล้วมันมีข้างเดียวมาตั้งแต่แรกและพลังของเธอก็สมบูรณ์ที่สุดเลยล่ะซัมเมอร์” ไอแซคเอื้อมมือมาลูบแก้มฉันอย่างแผ่วเบา ท่าทางภูมิใจยิ่งนัก
“ห้ะ อะไรนะ” ฉันมองเงาสะท้อนของฉันในดวงตาของไอแซค ดวงตาของฉันกลับเป็นสีน้ำตาบเข้มดังเดิมแล้ว
“พลังของเธอเกิดจากฉันและเรเชล และเพราะการผสมกันอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเลยเกิดเป็นเธอยังไงล่ะ ดวงตาที่มีพลังถึงสองพลังในคนเดียวแบบสมบูรณ์แบบนิ้ ข้างนึงเป็นพลังของฉัน(สีเหลือง) ส่วนอีกข้างเป็นของเรเชล(สีดำ) มันคือความสมบูรณ์แบบ และด้วยความปลอดภัยเรายังไม่ควรจะให้คนพวกนั้นรู้ เธอก็ยังต้องระวังตัวไว้ด้วยนะซัมเมอร์ อีกไม่นานเรเชลแม่ของลูกก็คงจะกลับมาแล้วล่ะ แล้วก็เตรียมตัวไปเรียนปรับสภาพด้วยล่ะ” หรือนี่อาจเป็นเหตุผลที่ต้องกดหัวฉันไว้ เพราะไม่อยากให้ดอร่าเห็นตาอีกข้างอย่างนั้นหรอ แต่ว่านะ รุนแรงไปมั้ยเนี่ย เล่นเอาซะปวดไหล่ปวดคอเลย
“จะยังไงก็ช่าง ฉันเลือกอะไรได้ด้วยหรือยังไงกันล่ะ ฉันขอตัวไปพักก่อนแล้วกันนะ ส่วนพวกเครื่องแบบพวกนี้หน่ะก็จัดการให้ด้วยแล้วกันนะคุณพ่อ” ฉันพูดยาวจนจบประโยคแล้วเดินหันหลังกลับมาที่ห้องอาบน้ำทันที ต้องแช่น้ำอุ่น ซักหน่อยคงจะทำให้ผ่อนคลายจากความตึงเครียดและความเมื่อยล้านี้ลงได้บ้างนะ เห้อ ไม่รู้สิ เช้านี้มีเรื่องวุ่นวายมากมายเกินกว่าจะรับไหว คงต้องค่อยๆเรียงลำดับทั้งหมดในหัวเพื่อทำความเข้าใจอีกครั้งล่ะนะ ทำไมมันช่างชวนปวดหัวแบบนี้ล่ะเนี่ย แย่จริง
ง้าาาา ยอมรับผิดว่าหายไปนาน แล้วก็ๆๆๆๆๆ ใกล้จะเปิดเทอมเเล้ว เอาเป็ฯจะมาลงอาทิตย์ล้ะตอนล้ะกันน้าาาา บทนี้เลยเขียนยาวๆๆๆๆ มากอ่ะ ใช้เวลาพิมพ์นานมากเช่นกันเพราะไรท์ดอง งื้อออ สารภาพผิดเลยงั้บ
ในตอนเช้าของทุกวันฉันมักจะนั่งอยู่ใกล้ๆกับบานหน้าต่างเพื่อรอพบกับดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเช้าวันใหม่ ซึ่งวันนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ต่างอะไรจากทุกวันสักเท่าไหร่ ฉันเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าสีครามเพื่อรอพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อเหม่อมองไปยังพื้นหน้าประตู สายตาก็เหลือบไปเห็นซองจดหมายสีดำซึ่งไม่ควรจะไปอยู่ตรงนั้น อาจจะเป็นของคุณพ่อ ฉันคิดอย่างนั้นนะ ฉันก้มลงเก็บซองจดหมายนั้นขึ้นมา แต่ทันทีที่นิ้วของฉันเอื้อมไปหยิบมันก็บังเอิญโดนซองจดหมายเจ้าปัญหานั่นบาดเข้าที่นิ้วจนได้
“อะไรจะยุ่งยากขนาดนี้กัน” ฉันชักจะหงุดหงิดขึ้นหน่อยแล้วสิ ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น โยนซองนั่นทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี และเดินหันหลังให้มันซะ
ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว ซองนั่นทำให้อดดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า หึ ช่างไร้ประโยชน์
พรึบ แกร๊บ ซองจดหมายสีดำนั้นเปิดขึ้นพร้อมทั้งกระดาษข้างในได้คลี่ออก
หือ? นี่ใครเล่นตลกอะไรอีกกันเนี่ย ฉันหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู
.....ถึงคุณการ์ดเนอร์ คุณคงได้ทำการสังเวยเลือดให้กับดอร่าแล้วสินะ ทางโรงเรียนได้ส่งภูตตัวน้อยไปที่บ้านของคุณเพื่อที่จะเชิญคุณมาเข้าเรียนที่โรงเรียนเซนส์ รอยอล ของเรา ทางเราเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความร่วมมือของคุณที่ตอบตกลงในการเข้าเรียนที่โรงเรียนของเรา เราจะมาชี้แจงเรื่องต่างๆภายในโรงเรียนให้คุณได้ทราบโดยดอร่าจะตอบทุกคำถามที่คุณสงสัย
ขอบคุณเป็นอย่างมากกับความร่วมมือ.....
“หือ ดอร่า? ” ใครคือดอร่าแล้วนี่มันจดหมายบ้าบออะไร ใครเป็นคนไปตอบ
ตกลงว่าจะเรียนที่โรงเรียนบ้านั่นกันล่ะหรือว่า ท่านพ่อ!!
“ท่านพ่อ ไอ้โรงเรียนบ้านี่มันอะไรกันคะ” ฉันถือกระดาษไปโยนลงตรงหน้าท่านพ่อที่นั่งจิบชาอย่างสบายใจ
“ก็โรงเรียนของแกยังไงล่ะ ซัมเมอร์ แกต้องเรียนที่นั่น มันเป็นโอกาสดีนะที่โรงเรียนนั่นรู้เรื่องของแกแล้วส่งคำเชิญมาพอดีเลย ฉันเลยตอบตกลงไปซะ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แล้วจิบชาต่ออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ทำไมล่ะ...” เด็กสาวจ้องมองไปที่บิดาของตนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดใจ พลันทำให้ถ้วยชาในมือของชายตรงหน้าสั่นสะท้าน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจวางถ้วยชาลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวตรงหน้า
“เพราะพลังของแกมันเกินควบคุมแล้วยังไงล่ะ แกเองน่าจะรู้ตัวนะว่าบางสิ่งในตัวแกได้ถูกเปิดขึ้นมาแล้วหน่ะ คงไม่ต้องให้ฉันบอกก็ได้ล่ะมั้ง มองดูตัวแกเองตอนนี้สิซัมเมอร์ แม้แต่ฉันเองก็คงจะเอาแกไม่อยู่แล้ว” เด็กสาวก้มมองบนโต๊ะกระจกที่สะท้อนเงาของตนเอง จากดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วก็เบิกกว้างขึ้นไปอีก เงาของเธอ ดวงตาข้างขวาของเธอเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง
เคร้งงงง เด็กสาวปัดสิ่งของบนโต๊ะให้ล่วงหล่นลงกับพื้น ไม่เชื่อในสายตาตัวเอง
“นี่ฉันเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับฉัน” ฉันโวยวายตรงไปกระชากคอเสื้อของผู้เป็นพ่ออย่างแรง พลันสายตาของผู้เป็นพ่อเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วความรู้สึกเจ็บแปร๊บที่หัวใจก็เกิดขึ้นทันใดทำให้ฉันปล่อยมือจากคอเสื้อของคนตรงหน้าแล้วย้ายมากุมอยู่ที่หน้าอกตัวเองแทน
“แกเองก็น่าจะรู้ตัวได้แล้วนะ แกไม่สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้ แกถึงต้องเข้าไปเรียนที่นั่น และนี่คือคำสั่ง อย่าไว้ใจคนที่นั่น อย่าให้คนที่นั่นควบคุมแกได้ และฉันคงไม่ต้องห่วงอะไรมากนักหรอก เลิกสังเวยเลือดซะ แกคงจะเห็นมันใช่มั้ยไอ้ปีศาจในตัวแกหน่ะ มันหลอกให้แกสังเวยเลือดให้มัน
เห้อ ไอ้อัตลักษณ์บ้านั่น มันเกิดจากการที่แกสร้างมันขึ้นมา” ผู้เป็นพ่อกุมขมับตัวเองอย่างคนวิตกกังวล
“ทำไมฉันถึงได้เป็นแบบนี้”ฉันพึมพำถามไปพยายามบังคับให้ตัวเองใจเย็นลง เรื่องตรงหน้ามันสับสนไปหมด มันเกิดอะไรขึ้น
“ไอ้ดวงตาเหมือนกับตายไปแล้วของแกทำฉันหงุดหงิดนะซัมเมอร์
แกปลุกอัตลักษณ์ในตัวแกขึ้นมายังไงล่ะ อัตลักษณ์ที่แช่แข็งหัวใจนั่นหน่ะ เมื่อกี้แกก็เกือบจะฆ่าฉันแล้วนะ ดีที่มันยังไม่แข็งแกร่งมากนัก แกไม่เหมือนคนอื่น” ฉันเบิกดวงตากว้างขึ้นแต่แล้วก็รีบหลับตาเพราะกลัวจะเป็นอันตรายกับชายตรงหน้าอีก
“ฉันจะทำยังไงดี ฉันควรทำยังไงดีคะ” ฉันก้มหน้าแล้วส่ายหัว จิตใจตอนนี้สับสนไปหมดแล้ว อัตลักษณ์อะไรล่ะนั่น มันคืออะไร จิตใจของฉันเหมือนลอยล่องในทะเลที่มาพายุโหมกระหน่ำ ไม่มีที่เกาะหรือยึดเหนี่ยว
“นั่งลงก่อนเถอะ เธอต้องควบคุมมันให้ได้ และโรงเรียนนั่นจะช่วยเธอ พ่อรู้ว่าลูกทำได้นะ” ชายตรงหน้าแทนตัวเองว่าพ่อ ซึ่งไม่ค่อยจะทำเท่าไหร่นัก มันอาจดูธรรมดาสำหรับคนอื่นนะแต่สำหรับฉันมันดูอบอุ่นมากๆเลยล่ะ ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆท่าน
“แล้วดอร่าคือใครคะ” ฉันถามถึงเนื้อความในจดหมายประหลาดนั่น
“อืม ภูตรับใช้หรอ ไม่รู้สิเธอต้องเรียกมันออกมา แล้วทำพันธะสัญญากับมันล่ะมั้ง เหมือนในละครไง”ชายตรงหน้าพูดติดตลกออกมา ในเวลาซีเรียจอย่างนี้เนี่ยนะ ยังไงซะท่านพ่อก็ยังเป็นท่านพ่ออยู่วันยังค่ำแหละน่า
“ดอร่า จงออกมา”ฉันคิดเล่นตลกตามชายตรงหน้าเลยเรียกชื่อดอร่าให้ออกมาจากกระดาษจดหมาย แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แน่สิจะไปมีได้ยังไงล่ะนั่น
“ไร้สาระ” ฉันโยนกระดาษทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ ซึ่งชายตรงหน้าก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นักแล้วยื่นจานโทส มาให้ฉัน ซึ่งฉันก็รับมาอย่างเต็มใจ นั่นสิฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นะ
วิ้งๆๆๆๆๆๆ
“หื้ม” ชายตรงหน้าหันไปมองที่กระดาษที่ฉันโยนทิ้งไปแล้วเบิกตากว้างขึ้น
“อะไรอีกล่ะ” ฉันว่าอย่างรำคาญแต่พอหันไปมองตามมันก็ได้เบิกตากว้างอย่างนิ่งอึ้ง
“น่ะ นี่มันตัวอะไรฟระ” ชายตรงหน้าลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ มองไอ้ตัวประหลาดที่ครึ่งนึงเป็นสีเหลืองอีกครึ่งเป็นสีขาวอย่างประหลาด
“โอฮาโย วาตาชิ ดอร่าเดสสส” ตัวประหลาดนั่นบินขึ้นมาแล้วก้มหัวพร้อมแนะนำตัวเอง
“มะ ม่ะ มันมีปีกด้วยอ่ะซัม เหมือนแมลงวันเลยอ่ะ อึ๋ยย ขนลุกว่ะ” ชายตรงหน้ากระโดดมาหลบข้างหลังฉัน
“เห้อ ทำตัวอย่างกับเด็กๆไปได้ ช่วยทำตัวให้สมกับเป็นพ่อหน่อยได้มั้ยล่ะนั่นน่ะ” ฉันส่ายหัวให้ชายที่ยืนข้างหลังอย่างเหนื่อยใจ ยังไงซะท่านก็ยังไม่เปลี่ยนไปได้หรอก เห้ออออออออ
“เอ๋ พูดไทยได้หรอคะเนี่ย ดอร่ากังวลแทบแย่ว่าจะพูดคุยกันไม่รู้เรื่องเสียแล้วนะคะ กี้” ดอร่าตัวนั้นพูดขึ้นมาแล้วบินลงไปยืนอยู่ที่โต๊ะกินข้าวแล้วเริ่มค้นกระเป๋าหยิบหนังสืออะไรสักอยากออกมากาง
“ฉันไม่ใช่คนญี่ปุ่นซะหน่อยนะ แค่ชื่อก็ไม่ใช่ญี่ปุ่นแล้วแหละ” ฉันว่าพรางดันคนเป็นพ่อให้ออกห่างตัว ก็เล่นเกาะหลังซะแน่นขนาดนี้น่ารำคาญ
“อี๋ แหยะ เสื้อฉันเปื้อนหมดแล้ว” ฉันจ้องเขม็งไปยังคนเป็นพ่อ
“อ่า ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่นา ฉันไม่ถูกกับแมลงเธอก็รู้นี่” ฉันจ้องด้วยสายตาไม่พอใจใส่คนเป็นพ่อ ก็เล่นเกาะหลังฉันจนเหงื่อที่มือออกซะแฉะขนาดนี้
“เอ่อ อ่า ฉันชื่อดอร่านะคะ เป็นภูตประจำตัวของคุณซัมเองค่ะ ฉันจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอยากรู้และจะตอบคำถามของคุณในส่วนที่ฉันบอกได้เท่านั้นนะคะ” ดอร่าที่ดูเหมือนจะโดนเมินพูดขึ้นมาอย่างเป็นการเป็นงาน
“เอ่อฉันชื่อว่า ไอแซค นะ เป็นป่ะป๊าของซัมจังเองแหละ” ชายหนุ่มแนะนำตัวพรางยิ้มไปด้วย หึ สยองจะตาย
“อ่า ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ ฉันชื่อซัมเมอร์ การ์ดเนอร์ ค่ะ ส่วนนี่ไอแซค การ์ดเนอร์ เป็นพ่อของฉันเองค่ะ” ฉันแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับดอร่า เห้อ เรื่องนี้ชักจะบ้าไปกันใหญ่
“เอ่อ แล้วคุณ เรเชล การ์ดเนอร์ไม่อยู่หรอคะ” ดอร่าถามหาแม่ของฉัน แสดงว่าเธอก็คงจะรู้จักและรู้เรื่องของครอบครัวฉันอยู่แล้วหน่ะสิ แล้วยังมาทำเป็นไร้เดียงสา โหย
“เธอก็น่าจะรู้นี่ ว่าครอบครัวของเราเป็นยังไง รู้มาละเอียดเลยไม่ใช่รึไงนั่นน่ะ เนอะ ดอร่าจางงงง” ไอแซคพูดด้วยน้ำเสียงชวนขนลุกแต่อยู่ในสภาพที่ยังยิ้มแป้นอยู่เลย คนอะไรน่าขนลุกชะมัด ฉันถอยห่างมาจากตัวของผู้ชายคนนั้นก้าวนึง
ดอร่าพยักหน้าแล้วเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นจริงจังทันที เริ่มแล้วสินะ
“อืมๆ ก็ใช่ค่ะ อย่างที่รู้ๆกันในวงการนี้เลยน้า คุณไอแซคผู้มีดวงตา
แห่งอัตลักษณ์สีเหลือง มีศักยภาพคือความร้อน หรือว่าไฟ หรืออะไรกันนั้น
ไม่มีใครรู้ความสามารถที่แท้จริงเลยล่ะน้าส่วนคุณเรเชลที่เป็นภรรยานั้นก็มีดวงตาแห่งอัตลักษณ์สีดำสนิท ความสามารถของมันยังคงเป็นตำนานสินะ ที่บอกว่าแค่จ้องมองก็สามารถทำให้หัวใจหยุดนิ่งได้เลยนั่นน่ะ และซึ่งคนที่มีดวงตาพิเศษสองคนเกิดตกหลุมรักกันและให้กำเนิดลูกสาวแสนน่ารักคนหนึ่ง”ดอร่าพูดสิ่งที่ฉันก็เพิ่งจะได้รู้ออกมา ดอร่ามองมาที่ฉันพรางยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำไมเรื่องแบบนี้ท่านพ่อถึงไม่เคยเล่าให้เราฟังบ้างเลย แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องดีที่จะมาพูดเอาตอนนี้ ฉันไม่ใช่คนที่จะวู่วามขนาดนั้น
“เธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่ล่ะ บอกจุดประสงค์มาซะเถอะ” ไอแซคที่กระวนกระวายอย่างผิดสังเกตตะคอกใส่ดอร่า ดวงตาของไอแซคเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทันใด ดอร่าตัวนั้นก็เหมือนจะทรุดลงไปกับโต๊ะ
“ท่านพ่อ!!” ฉันตะโกนเรียกสติไอแซคอย่างตกใจ ได้ผลไอแซคทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้อย่างหมดแรงแล้วดูเหมือนดอร่าจะปลอดภัยแล้ว
“หยุด!! หลับตาลงเธอกำลังจะ จะ ขะ ฆ่า ทุกคนอยู่นะ” ฉันสะดุ้ง ดอร่าตะเบ็งเสียงใส่ฉัน ฉันซึ่งไม่เข้าใจสิ่งต่างๆกำลังสับสนไปมา อะไรกันอีกเนี่ย“ซัมเมอร์!!!! หลับตาซะ!!!!” ไอแซคตะโกนเสียงดัง ฉันสะดุ้งสุดตัว
จึงปิดเปลือกตาไว้แน่น หรือว่าฉันจะเผลอใช้มันอีกแล้วงั้นหรอ โธ่เว้ย!!! เรื่องบ้าไรนักเนี่ย
“เฮือก เกือบตายแล้วไหมล่ะ แต่ก็ได้เห็นพลังแห่งตำนานล่ะนะ ว่าตำนานหน่ะมีอยู่จริง หึหึ แต่ดูเหมือนจะไม่สมบูรณ์นะ เพราะมัน....แค่ข้างเดียว” ดอร่าพูดขึ้นมาอย่างกับผู้ได้รับชัยชนะ ฉันจึงค่อยๆลืมตาของตัวเองขึ้นช้าๆ แต่ไอแซค ลุกเดินมาจับหัวฉันก้มลงอีกที ฉันซึ่งไม่เข้าใจอะไรหลายอย่างได้แต่ทำตัวเป็นเด็กดีไม่ขัดขืนอะไรแม้แต่อย่างเดียว ทำตัวว่าง่ายไว้ก่อนไง
“เอาล่ะ บอกธุระของเธอคืออะไรกันแน่ล่ะ ดอร่า” ไม่มีท่าทางทีเล่นทีจริงในตัวไอแซคอีกแล้ว บรรยากาศ ตึงเครียดขึ้นมาทันใด ทำเอาขนลุกเลย
“อ่า ใจเย็นๆน้า ก็แค่จะช่วยจัดการทุกอย่างให้กับคุณการ์ดเนอร์ให้พร้อมกับการเรียนที่เซนส์ รอยอล นี่คือเครื่องแบบ ตำราเรียน และกุญแจหอ” ดอร่าสาธยายเจื้อยแจ้วพร้อมทั้งหยิบของต่างๆออกมาวางกองมากมาย บนโต๊ะ
“ฉันไม่นอนหอ…”ฉันพยายามพูดออกไปทั้งที่ยังโดนไอแซคกดหัวเอาไว้อยู่
“อ่า...ตะ แต่นักเรียนเซนส์ รอยอล ทุกคนต้องนอนหอเพื่อมิตรภาพที่แสนสวยงา.....”
“ฉันไม่เห็นด้วย กับการต้องนอนหอเหมือนกัน เพราะงั้นซัมเมอร์จะไม่นอนหอ”
ไอแซคว่าอย่างจริงจัง พออยู่ในโหมดนี้แล้วก็เลยไม่มีใครกล้าขัดใจไอแซคเลยสักคนเดียว
“อ่า...งะ งั้นก็ถ้าวันไหนมีงานที่โรงเรียนคุณการ์ดเนอร์ก็สามารถใช้หอได้ตามสบาย ทางเราจะไม่บังคับแล้วกันนะคะ” ดอร่าวางกุญแจหอไว้ที่โต๊ะอย่างว่าง่าย
“หมดธุระแล้วใช่มั้ย” ไอแซคออกท่าทางไล่ดอร่าอย่างไม่คำนึงถึงมารยาทที่ควรปฏิบัติต่อแขกผู้มาเยือนแม้แต่น้อย ทำเอาดอร่าเหวอไปเลยอ่ะ
“โอเค ฉันยอมแล้ว อีกสองอาทิตย์จะเริ่มเรียนปรับสภาพนะคะ ทางเราหวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือนะคะ งั้นดอร่าลานะคะ” ดอร่าบินขึ้นจากโต๊ะ กล่าวลาแล้วบินไปที่ประตู โดยมีพ่อบ้านเดินไปส่ง ไอแซคไม่คิดจะไปส่งแขกแม้แต่น้อย
“อ้อ ลืมบอกไป เลือดของคุณการ์ดเนอร์รสชาติเยี่ยมมากค่ะ ขอบคุณนะคะ” ดอร่าหันมากล่าวแล้วจึงบินออกประตูไป
“ฮู่วว เกือบไปๆ” ไอแซคเอามือออกจากหัวฉันแล้วล้มลงนั่งที่โต๊ะ ถอนหายใจอย่างโล่งใจ
“เกือบไปอะไรหรอไอแซค” ฉันขมวดคิ้วพลางนวดไหล่ แหมก็เล่นกดหัวไว้ซะแน่นเลย เมื่อยชะมัด
“ก็เกือบเห็นตาของเธอแล้วหน่ะสิ ยัยดอร่านั้นเข้าใจผิดว่าพลังของเธอยังไม่สมบูรณ์เพราะปรากฎตาสีเหลืองแค่ข้างเดียว แต่จริงๆแล้วมันมีข้างเดียวมาตั้งแต่แรกและพลังของเธอก็สมบูรณ์ที่สุดเลยล่ะซัมเมอร์” ไอแซคเอื้อมมือมาลูบแก้มฉันอย่างแผ่วเบา ท่าทางภูมิใจยิ่งนัก
“ห้ะ อะไรนะ” ฉันมองเงาสะท้อนของฉันในดวงตาของไอแซค ดวงตาของฉันกลับเป็นสีน้ำตาบเข้มดังเดิมแล้ว
“พลังของเธอเกิดจากฉันและเรเชล และเพราะการผสมกันอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเลยเกิดเป็นเธอยังไงล่ะ ดวงตาที่มีพลังถึงสองพลังในคนเดียวแบบสมบูรณ์แบบนิ้ ข้างนึงเป็นพลังของฉัน(สีเหลือง) ส่วนอีกข้างเป็นของเรเชล(สีดำ) มันคือความสมบูรณ์แบบ และด้วยความปลอดภัยเรายังไม่ควรจะให้คนพวกนั้นรู้ เธอก็ยังต้องระวังตัวไว้ด้วยนะซัมเมอร์ อีกไม่นานเรเชลแม่ของลูกก็คงจะกลับมาแล้วล่ะ แล้วก็เตรียมตัวไปเรียนปรับสภาพด้วยล่ะ” หรือนี่อาจเป็นเหตุผลที่ต้องกดหัวฉันไว้ เพราะไม่อยากให้ดอร่าเห็นตาอีกข้างอย่างนั้นหรอ แต่ว่านะ รุนแรงไปมั้ยเนี่ย เล่นเอาซะปวดไหล่ปวดคอเลย
“จะยังไงก็ช่าง ฉันเลือกอะไรได้ด้วยหรือยังไงกันล่ะ ฉันขอตัวไปพักก่อนแล้วกันนะ ส่วนพวกเครื่องแบบพวกนี้หน่ะก็จัดการให้ด้วยแล้วกันนะคุณพ่อ” ฉันพูดยาวจนจบประโยคแล้วเดินหันหลังกลับมาที่ห้องอาบน้ำทันที ต้องแช่น้ำอุ่น ซักหน่อยคงจะทำให้ผ่อนคลายจากความตึงเครียดและความเมื่อยล้านี้ลงได้บ้างนะ เห้อ ไม่รู้สิ เช้านี้มีเรื่องวุ่นวายมากมายเกินกว่าจะรับไหว คงต้องค่อยๆเรียงลำดับทั้งหมดในหัวเพื่อทำความเข้าใจอีกครั้งล่ะนะ ทำไมมันช่างชวนปวดหัวแบบนี้ล่ะเนี่ย แย่จริง
ง้าาาา ยอมรับผิดว่าหายไปนาน แล้วก็ๆๆๆๆๆ ใกล้จะเปิดเทอมเเล้ว เอาเป็ฯจะมาลงอาทิตย์ล้ะตอนล้ะกันน้าาาา บทนี้เลยเขียนยาวๆๆๆๆ มากอ่ะ ใช้เวลาพิมพ์นานมากเช่นกันเพราะไรท์ดอง งื้อออ สารภาพผิดเลยงั้บ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
✓ เรื่องนี้ไม่มีเจตนาทำให้บุคคลที่อ้างถึงเสียชื่อเสียง และฉันจะยอมรับผิดเมื่อบุคคลนั้นตำหนิหรือเตื่อนมา
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ