(fic undertale) Horror truth
-
เขียนโดย จอมมารไนท์
วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 19.02 น.
6 ตอน
1 วิจารณ์
11.14K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 22.25 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5) You are our family, always
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"เธอจะอยู่กับเราก็ได้นะ.. ถ้านั่นเป็นความต้องการของเธอ" โครงกระดูกตาเดียวกล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบขณะที่น้องชายของเขากำลังคะยั้นคะยอให้เด็กหญิงผู้เป็นทายาทผู้สืบเชื้อสายของฟริกส์ให้ทานสปาเก็ตตี้เนื้อมนุษย์จานที่สองให้หมด หลังจากเขากลับเข้ามาภายในบ้านมาแล้ว
"จะ จริงหรอพี่ชาย? อลิชาอยู่กับเราได้จริงๆ หรอ!!?"
"อือ" แต่ก่อนที่พาไพรัสจะกู่ร้องตะโกนออกมาเพื่อแสดงความดีใจ หรือมนุษย์ตัวน้อยจะได้เอ่ยตอบรับคำชวนหรือว่าปฎิเสธ โครงกระดูกผู้พี่ก็ชิงพูดต่อเสียก่อน
"แต่ถ้าเธออยากกลับไปที่โลกข้างนอกนั่น พวกเราก็ไม่ขัดข้อง.. และถ้าหากว่าเธอเลือกอย่างหลัง ฉันกับแพ๊พสัญญาว่าจะทำทุกวิถีทางทางเพื่อจะพาเธอไปส่งยังทางออกของบาเรียนั่นให้ได้"
"แซนส์! พูดบ้าอะไรของพี่น่ะ!?" โครงกระดูกน้องชายพูดขึ้นขณะที่กอดเด็กมนุษย์รูปร่างผ่ายผอมคนนั้นเอาไว้อย่างแน่นจนเธอถึงกับต้องร้องออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงไม่ผ่อนแรงลงราวกับกลัวว่าเพื่อนมนุษย์ของเขาจะหายไปไหน
โครงกระดูกร่างสูงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ก่อนที่จะพูดขึ้นแทนอลิชาที่ยังคงนิ่งเงียบและเริ่มกินสปาเด็ตตี้ต่อด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
"มนุษย์ต้องอยากอยู่กับพวกเราอยู่แล้วสิ ใช่มั้ยล่ะ.. เจ้ามนุษย์?"
"แพ๊พ.." เจ้าเด็กโข่งกำลังมองมนุษย์ที่มีท่าทีเรียบเฉยสลับกับเขาด้วยสายตาอ้อนวอน แต่คราวนี้แซนส์กลับไม่ตามใจน้องชายสุดที่รักเหมือนทุกที ดวงตาของโครงกระดูกผู้พี่เรืองแสงสีม่วงออกแดงขณะที่เขาใช้พลังแยกทั้งสองออกจากกัน ก่อนที่แซนส์จะเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
"ฉันรู้ว่านายชอบเธอมากแพ๊พ และนายอยากให้เธออยู่ด้วยกันกับเราที่นี่ แต่ว่านะน้องชายนายก็น่าจะรู้นี่ว่าอันเดอร์กราวในตอนนี้มันไม่ปลอดภัยเหมือนกับแต่ก่อนแล้ว.."
"ตะ แต่ว่า"
"พวกเรากิน 'มนุษย์' นะแพ๊พ" ดวงตาสีแดงเลือดของโครงกระดูกร่างเตี้ยเหลือบมองไปยังเด็กน้อยที่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างเงียบๆ ขณะที่เขาพูดข้อเท็จจริงในส่วนนี้ออกมา
"ในตอนนี้พวกเราหลายๆ ตนเริ่มมีอาการเสพติดเนื้อมนุษย์และเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งไปแล้วด้วยซ้ำ และอลิชาก็เป็นมนุษย์ นายเข้าใจใช่มั้ยแพ๊พ ว่าสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อคืออะไร?"
เมื่อโครงกระดูกผู้น้องเมื่อได้ฟังอย่างนั้นก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก จริงสินะ พวกเขาสามารถที่จะ 'เผลอ' กินเธอได้ทุกเมื่อที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องนานเกินไปหรือหากว่าเข้าสู่สภาวะคลั่ง แต่ว่า..
"แซนส์..."
"พี่ขอล่ะแพ๊พ" มอนสเตอร์ผู้พี่เอ่ยปากตัดบทออกมา ดวงตาสีโลหิตที่เหลือเพียงข้างเดียวมองเข้าไปในดวงตาน้อยชายของเขาอย่างขอร้อง "แค่ครั้งนี้เท่านั้น.. ให้อลิชาได้เป็นคนที่ตัดสินใจเองเถอะนะ พาไพรัส"
ท่าทีของโครงกระดูกร่างสูงพลันหมองลงเมื่อได้ยินคำยืนยันที่หนักแน่นเช่นนั้น "เข้าใจแล้ว.. เอาแบบนั้นก็ได้พี่ชาย"
"หนูจะอยู่ที่นี่ค่ะ" แต่แล้ว.. เพียงหนึ่งประโยคสั้นๆ ของมนุษย์เพียงคนเดียวในวงสนทนาก็ทำให้โครงกระดูกที่กำลังห่อเหี่ยวลงไปในคราแรกหันกลับมายิ้มกว้างอย่างมีชีวิตชีวา ท่ามกลางความตกตะลึงปนคาดไม่ถึงของมอนสเตอร์กระดูกผู้พี่
"ว้าววี่ ~ เธอพูดจริงๆ หรอ?" โครงกระดูกร่างสูงรีบดึงตัวมนุษย์ตัวน้อยของเขาเข้ามากอดแนบชุดเกราะตัวเก่งของเขาอย่างรักใคร่ ก่อนที่เขาจะร้องตะโกนออกมาด้วยความยินดีปนตื้นตันใจกับการตัดสินใจของอีกฝ่าย
"ฉัน.. ฉันดีใจที่สุดเลยล่ะเจ้ามนุษย์ ฉัน พาไพรัสผู้ยิ่งใหญ่ ขอสัญญาว่าจะทำให้เธอเป็นมนุษย์ที่มีความสุขที่สุดในอันเดอร์กราวเลย! "
.
.
.
หลังจากนั้นพาไพรัสก็ขอตัวไปเตรียมอาหารเย็นและจัดที่ทางในห้องของเขาให้กับสมาชิกใหม่ของบ้านที่ซึ่งตอนนี้ไม่ได้มีแค่เพียงสองพี่โครงกระดูกอีกต่อไป ทิ้งให้เด็กสาวชาวมนุษย์ให้อยู่กับพี่ชายของเขาสองต่อสอง พร้อมกับกำชับพี่ชายของเขาว่าวันนี้ห้ามชิ่งหนีไปกริลบี้ส์ก่อนมื้อต้อนรับของอลิชาจะจบลงเด็ดขาด
"เฮ้ เธอรู้อะไรมั้ยอลิชา?" ตรงกันข้ามกับน้องชายของเขา แทนที่จะรู้สึกดีใจ.. แต่มอนสเตอร์ตาเดียวผู้เป็นพี่กลับเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวั่นวิตกปนห่วงใยขณะที่เขากับเด็กสาวกำลังนั่งดูรายการของเมตาตอนที่กำลังถ่ายทอดสดหั่นร่างของมนุษย์ตัวๆเป็นๆก่อนที่เขาจะกดปิดไปด้วยท่าทีที่เกร็งไม่น้อย
ถ้าไม่ติดว่าแพ๊พติดรายการทำอาหารของเมตาตอนงอมแงม เขาคงจะเอาขวานมาจามทีวีบ้านี่ทิ้งซะให้จบเรื่องไปนานแล้ว และตอนนี้ก็คงต้องเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาดูใหม่อีกสักรอบถ้าหากเด็กนี่ยังคงดื้อดึงไม่เปลี่ยนใจล่ะก็นะ
...
และพอเขาปิดทีวีปุ๊บ มันก็ทำให้เกิดเดดแอร์ขึ้นมาแทนโดยทันที ซึ่งนี่มันก็ไม่ดีเลย ไม่ดีมากๆ.. ไม่ดีสุดๆ
"เฮ้ อลิชา.." เขาก็เลยตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกมาเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี่ทิ้งซะ และโครงกระดูกหนุ่มก็ได้แต่กรีดร้องในใจอย่างเกรี้ยวกราด เมื่อเด็กคนนั้นหันมาแต่เขากลับไม่รู้จะพูดอะไรต่อเนี่ยสิ!
..และสุดท้ายเพราะว่าไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรเขาก็จึงตัดสินใจรื้อเรื่องที่พึ่งคุยจบกันไปเมื่อสักครู่ขึ้นมาพูดใหม่ เพราะยังไงเขาก็ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของอีกฝ่ายอยู่แล้ว
"เธอไม่จำเป็นต้องมาทนติดแหง็กอยู่ที่นี่ เพียงแค่เพราะว่าสงสารหรือรู้สึกเห็นใจฉันหรือแพ๊พหรอกนะ"
เขาพูดในสิ่งที่เขาคาดเดาว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้อีกฝ่ายตัดสินใจจะปักหลักอยู่ที่นี่ ทว่า.. เด็กน้อยคนนั้นกลับเพียงแค่สั่นหัวดุ๊กดิ๊กไปมาอย่างน่ารัก ก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันมุ่งมั่นชวนให้เขาคิดถึงมนุษย์ตัวน้อยอีกคนที่เป็นแม่ของเด็กคนนี้ขึ้นมาอย่างน่าขัน
"ไม่เลยแซนส์.." เธอยิ้มบางเบาก่อนจะตอบ "ความจริงหนูตัดสินใจไว้ตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ ว่าหลังจากส่งจดหมายให้คุณแม่เสร็จ หนูจะอยู่กับพวกคุณที่นี่เลย ไม่ว่าพวกคุณจะว่ายังไงก็ตาม.."
เพราะไม่ว่ายังไง.. ข้างนอกนั่นก็ไม่มีที่สำหรับเธอมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว..
"เอ่อ.. เธอแน่ใจนะ? " ดวงตาสีเลือดกรอกไปมาขณะที่เขาจะพยายามหาเหตุผลดีๆ สักข้อมาโน้มน้าวให้มนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนใจ
"พูดกันตามตรงนะอลิชา.. ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นไอเดียที่ดีซะเท่าไหร่กับการที่เธอจะมาอยู่กับพวกมอนสเตอร์ที่กินเนื้อมนุษย์อย่างพวกฉั..."
"หนูอยู่ได้ค่ะ.."แต่เด็กหญิงก็ชิงพูดขึ้นก่อนที่โครงกระดูกหนุ่มจะพูดได้จบประโยคดี.. ทั้งๆ ที่ดวงตาคู่นั้นมันปิดสนิทแต่ทำไมมันกลับให้ความรู้สึกเหมือนกับอีกฝ่ายกำลังมองค้อนเขาด้วยความงอนอย่างไรอย่างนั้น.. อ่า เขาต้องเห็นภาพหลอนของฟริกส์ในวันวานซ้อนทับใบหน้าของเด็กคนนี้อีกแล้วแน่ๆ
สายเลือดของผู้หญิงที่เขารักพลันยิ้มกว้างออกมาขณะที่พูดต่อด้วยท่าทีสบายๆ "หนูเชื่อว่าลึกๆ แล้วมนุษย์กับมอนสเตอร์ก็ไม่ต่างกันหรอก พวกเราสามารถที่จะอยู่ด้วยกัน คอยช่วยเหลือห่วงใยและรักกันได้ เหมือนที่ครั้งหนึ่งคุณกับคุณแม่เคยเป็น"
"แต่พวกฉันกินเนื้อมนุษย์ไง.." โครงกระดูกตาเดียวยังคงย้ำคำพูดของเขาอีกครั้งขณะที่ภายในใจของเขากำลังกรีดร้องออกมากับความดื้อด้านของทายาทของคนรักที่ก็หัวดื้อไม่แพ้กับเจ้าตัวน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
"เนื้อมนุษย์นะอลิชา เนื้อมนุษย์ มนุษย์แบบเดียวกับเธอ.. แบบเดียวกับยายของเธอน่ะ!"
ว่ากันตามตรง.. เขาไม่อยากให้เธอต้องมาตายอยู่ที่ขุมนรกแห่งนี้ แถมยังอาจจะตายด้วยน้ำมือของเขาหรือพาไพรัส ที่สักวันหนึ่งก็คงจะคลุ้มคลั่งไปไม่ต่างกับมอนสเตอร์ตนอื่นๆ ที่อยู่ในอันเดอร์กราวแน่.. ขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วเท่านั้น
เขาไม่อยากจะฆ่าคนที่เป็นเหมือนสิ่งสุดท้ายที่คนรักอุตส่าห์เหลือเอาไว้ให้ดูต่างหน้ากับมือของตัวเองหรอกนะ.. ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดหรือเพราะความบ้าคลั่งที่สั่งสมรอวันปะทุขึ้นมาก็ตาม
เขาไม่ต้องการ.. ที่จะทำร้ายเด็กคนนี้
"หนูแน่ใจว่ามันจะไม่เป็นไรค่ะ.." แต่เด็กคนนั้นกลับดื้อและยังคงไม่ยอมแพ้.. เธอเพียงแค่ส่งยิ้มมายังเขา จากนั้นพูดออกมาด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่สะทกสะท้าน
"ขนาดกินแมลงสาบกับหนูหนูยังทำมาแล้วเลย กะอีแค่เนื้อมนุษย์ด้วยกันหนูคิดว่าหนูกินได้ และหนูก็เคยลองกินมาแล้วด้วย"
"..." ดวงตาของแซนส์เบิกกว้าง อย่าบอกนะว่าเด็กนี่ยอมกินสปาเก็ตตี้ของพาไพรัสทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันทำมาจากเนื้อมนุษย์น่ะ?
นี่มัน.. โครตจะลงทุนเลย ให้ตายสิ
"เอ่อ.." ขณะที่แซนส์กำลังช็อกหน้าซีดด้วยความนึกไม่ถึง สาวน้อยอลิชาก็เอ่ยออกมาขณะเกาแก้มด้วยสีหน้าเขินๆ
"แต่อย่างน้อยๆ ขอแค่อย่าให้หนูต้องลงมือหั่นพวกนั้นเองหรือกินมันแบบสดๆ ก็พอค่ะ.."
"ฮะๆ .." มอนสเตอร์หนุ่มได้แต่หัวเราะออกมาแบบเฝื่อนๆ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายว่ามาอย่างนั้นโอเค.. เขายอมแพ้! คนแม่เคยเป็นเด็กน้อยหัวดื้อยังไง คนลูกออกมาก็ดื้อรั้นแบบเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน
สมแล้วล่ะที่เป็นแม่ลูกกัน!
"หนูรู้ว่าหนูไม่ใช่คุณแม่ ผู้หญิงที่คุณรัก.." จู่ๆ ภายในอกของโครงกระดูกตาเดียวรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาอย่างน่าประหลาดเมื่อจู่ๆก็ได้ยินทายาทของคนรักเอ่ยปากพูดถึงคนที่จากไปแล้วแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยขึ้นมา
ทำไมกัน.. ทั้งๆ ที่คิดว่าไม่เป็นอะไรและทำใจยอมรับได้แล้วแท้ๆ เลยเชียว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังเจ็บปวดกับความตายของเธอคนนั้นอย่างนั้นอยู่ดีสินะ?
เขาหลุบตาลงขณะที่หัวเราะในลำคอ ฮะๆ นั่นคงจะ.. น่าสมเพชสินะ?
"แต่ว่านะ แซนส์.." เด็กคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ "คุณพอจะ.. ให้โอกาสหนูได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคุณจะได้มั้ย?
แซนส์ค่อยๆเงยหน้าขึ้น แอบมองท่าทีของเด็กน้อยผู้เป็นทายาทของผู้หญิงที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเขาอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่นั้นไม่แม้แต่จะลืมขึ้นมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ กระนั้นโครงกระดูกหนุ่มกลับรู้สึกได้ถึงสายตาของเด็กสาวที่กำลังมองมาทางเขาด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย.. สงสาร? ห่วงใย? หรือว่าเห็นใจ?
ไม่รู้สิ.. เป็นอีกเรื่องที่เขาไม่สามารถที่จะรู้ แต่ก็พอจะเดาได้
เขายกยิ้มขึ้นอย่างอ่อนล้า ครอบครัว.. งั้นหรอ?
"ได้.. ได้สิ แน่นอนเลยเจ้าหนู" มอนสเตอร์ร่างเล็กยกแขนเสื้อขึ้นปาดน้ำตาเลือดที่ไหลออกมาจากดวงตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวออก ก่อนที่แซนส์ เดอะ สเกลเลตันจะใช้แขนที่มีแต่กระดูกของเขายื่นมือออกไปโอบกอดเด็กสาวร่างผอมโซคนนั้นเอาไว้อย่างทะนุถนอม ราวกับกลัวว่าร่างกายผอมแห้งจนเหมือนกับว่ามีแต่หนังที่หุ้มกระดูกเอาไว้จะแหลกสลายไปด้วยน้ำมือของตนถ้าหากว่าสัมผัสอีกฝ่ายรุนแรงเกินไปแม้เพียงนิด
เขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่อีกฝ่ายพยายามจะสื่อมาให้ถึงใจของเขาที่แตกสลายไปแล้วกับข่าวคราวการตายของผู้หญิงที่เขารัก ว่าแท้จริงมันคืออะไรกันแน่ แต่ถ้าเป็นอีกฝ่าย.. ถ้าหากว่าเป็นสิ่งที่เด็กคนนั้นหลงเหลือเอาไว้ให้เป็นคนหยิบยื่นมาให้เขาแล้วล่ะก็ เขาก็ยินดีที่จะรับมันเอาไว้.. ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม
"ทำไมจะไม่ล่ะ?" โครงกระดูกหนุ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ ออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่ยิ้มมาจากใจเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ไม่มีความบ้าคลั่งและบิดเบี้ยวปนอยู่ ดวงตาสีแดงฉายแววอ่อนโยนออกมาขณะที่มือที่มีแต่กระดูกสีขาวของเขากำลังลูบหัวเด็กน้อยในอ้อมกอดด้วยความทะนุถนอมยิ่งกว่าสิ่งใด
"ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเรานะ เด็กน้อยของฉัน.."
จากนี้ไป จนกว่าสติสุดท้ายจะดับลง ฉันกับแพ๊พจะคอยปกป้องเธอเองเจ้าหนู อยู่ที่นี่เธอจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครหน้าไหนมาทำร้ายเธอได้อีกแล้ว
ฉันสัญญา..
************************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ