สามเกลอ...รอรัก Fic เปลวกนก,หญิงยอ,โสมภา
7.0
เขียนโดย ณัฐพล
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.14 น.
13 ตอน
2 วิจารณ์
16.58K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561 15.30 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
4) อาหารมื้ออร่อย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความท่านชายเกียรติก้อง ลงมาจากรถ พร้อมทำสีหน้าบึ้งตึง ดูไม่ค่อยมีอารมณ์ หญิงยอ ก็หวั่นใจกลัวว่าท่านพ่อของเจ้าหล่อนจะว่าให้คุณแม่ของเจ้าหล่อน แต่พอเอาไปเอามา กลับทำไม่ค่อยลง ส่วนสถานที่จัดงานเลี้ยง ภูบดี เลยถามประภพบิดาของตน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับพ่อ”
“หม่อมเจ้า เกียรติก้อง ไปมีเรื่องกับ เจ้าคำฟ้า” ประภพบอกให้อีกฝ่ายรู้
“มิน่า หญิงยอทำไม ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย” ภูบดีตอบ
แล้วอีกสักพักใหญ่ๆ คุณชายยิ่งศักดิ์ก็ลงมาจากชั้นสองของบ้าน
“คุณพ่อ นี่มันเกิดเรื่องอะไรหรอคะ” โสมภาถามบิดา
“คือว่า ท่านชายเกียรติก้อง ไปมีเรื่องชกต่อยกับ เจ้าคำฟ้า แต่พ่อหึงเจ้าคำฟ้า มีอะไรแบบลับๆ กับฟองแข” คุณชายยิ่งศักดิ์บอก
“มิน่าละ หญิงยอถึงดูเศร้าๆ คุณพ่อ แม่เขาไม่ได้รักเจ้าคำฟ้าเลยนะคะ แม่นะรักพ่อ แม่เคยเล่าให้โสมฟัง แต่โสมก็เข้าใจแม่มากๆ ว่าแม่เจ็บปวดมากๆ แม่รอพ่อกลับมาอยู่ด้วยกันนะคะ” โสมภาบอกพร้อมเล่าเรื่องที่ฟองแขเล่าให้เจ้าหล่อนฟัง
“คุณประภพ งั้นผมขอตัวลากลับวังก่อนนะครับ สวัสดีครับ” คุณชายยิ่งศักดิ์กล่าวลา
“โสมไปก่อนนะคะ พี่ภา” โสมภากล่าวลาอีกคน
ภาคิไนย ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ที่สถานการณ์ที่บ้านกำลังจะมีความสุขได้จัดงานเลี้ยงฉลองแต่กลับต้องมีเหตุการณ์เรื่องชกต่อยกัน ภูบดีเดินมาตบบ่าภาคิไนย พี่ชายของตน
“ชั่งมันเถอะพี่ภา คนที่ผิดไม่ใช่พี่แล้วนี่”
“ก็ใช่นะสิ คนที่ผิดคือผู้ใหญ่นี่ เด็กๆอย่างเราไม่เกี่ยว” ภาคิไนยบอก
“พี่ภา ผมว่า คืนนี้เราเตรียมตัวเก็บสถานที่ดีกว่าไหมครับ” ภูบดีกล่าว
สองหนุ่มพี่น้องก็ช่วยกันเก็บ โดยมีเด็กๆ ในซอยเดียวกันมาช่วยเก็บสถานที่อีกด้วย
“ขอบคุณมากๆ นะ นิวัฒน์” ภาคิไนยกล่าวขอบคุณให้อีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรครับ เราบ้านใกล้เรือนเคียงนี่ เรามีอะไรก็ร่วมด้วยช่วยกัน” นิวัฒน์บอก
ภา ภู และเด็กๆ ในซอยเดียวกัน เก็บสถานที่จนเสร็จก็พากันแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน ภานั้นปาดเหงื่อพร้อมถอนหายใจ ภูก็ปลอบใจภา เจ้าคำฟ้า ก็เดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน เห็นภาคิไนยกับภูบดี กำลังจะขึ้นนอน
“อ้าว ภา ภู จะไปไหนหรอ” เจ้าคำฟ้าถามอย่างเป็นมิตร
“อ๋อ กำลังจะไปอาบน้ำนอนครับเจ้าคำฟ้า ว่าแต่ จะกลับแล้วหรอครับเจ้า” ภูบดีถามอีกฝ่าย
“ใช่ๆ จะกลับแล้วละ ขอโทษนะที่เกิดเรื่องเมื่อครู่นี้” เจ้าคำฟ้าบอกเรื่องชกต่อยกัน
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ เจ้าคำฟ้า” ภาคิไนยตอบ
“งั้นข้ากลับก่อนนะ” เจ้าคำฟ้าบอก
“ครับเจ้า โชคดีนะครับ” ภูบดีบอก
เจ้าคำฟ้าก็เดินออกจากที่สองหนุ่มยืนอยู่ ก่อนที่ประภพจะ ถามและย้ำว่า ให้ไปอาบน้ำแล้วเข้านอนส่วนภานั้นก็ขึ้นเรือน อาบน้ำเสร็จ ก็เห็นดวงจันทร์ สวยงดงาม เลยนั่งมองดวงจันทร์ เขาเอ่ยปากออกมา
“วันนี้พระจันทร์ ดูสวยจังเลย สวยเหมือนหญิงยอเลย” ภาตอบพร้อมเพ้อหา
“พี่ภา ดูดวงจันทร์นี่เพ้อถึงหญิงยอเลยนะ หญิงยอต้องเป็นของผมสิพี่” ภูตอบพร้อมมีสีหน้าที่ดูหวง
“เราไปถามกันตรงๆ ไหมละว่า ระหว่างแกกับฉัน หญิงยอจะเลือกใคร” ภาคิไนยบอก
“ก็ได้พี่ภา งั้นพรุ่งนี้เราไปถามหญิงยอกันเลย ว่าเขาจะเลือกใคร”
“งั้นเราไปนอนกันดีกว่า พรุ่งนี้ต้องมีสิ่งที่อยากจะทำอยู่พอดี”
ภูบดี ล้มตัวนอน ส่วนภานั้น ก็ไม่รู้ใจตัวเอง คอยเก็บหญิงยอเอามาฝัน
วันรุ่งขึ้นของเช้าวันต่อมา ภูบดี ตื่นขึ้นมาแล้วเปรยออกมา
“เช้าวันนี้อากาศดีจังเลย”
ภาคิไนยกำลังจะเดินลงไปข้างล่างของบ้าน ภูบดีเลยเอ่ยถามอีกฝ่าย
“พี่ภา จะไปไหน”
“พี่กำลังจะไปข้างล่างนะสิ เดี๋ยวพ่อก็ใช้ให้พี่ก่อฝืนหรอก” ภาคิไนยบอก
“ส่วนเรื่องก่อฝืน ให้ผมดิพี่” ภูบดีตอบ
“ทำเป็นหรอ” ภาคิไนยถามอีกฝ่าย
“เป็นสิ งั้นเราลงไปข้างล่างก่อนนะ” ทั้งสองบอก
และแล้วทั้งสองก็ลงมาไล่เลี่ยกัน ภาคิไนยก็มองไปที่นาฬิกา
“พ่อ ทำอะไรอยู่หรอ” ภาคิไนยเอ่ยถามบิดา
“อ๋อ เปล่านะ ตาภา ไปช่วยแม่ก่อฝืนสิ” ประภพตอบ
“งั้นผมออกไปข้างนอกก่อนนะครับพ่อ พอดีภูมันทำ” ภาคิไนยบอก
ภาคิไนยก็เดินไปที่สวนสาธารณะของหมู่บ้าน เด็กๆ รุ่นเดียวกันกับภาก็ออกมาเดินเล่น ในขณะนั้น หญิงยอก็ออกมาเดินเล่นเช่นเดียวกัน
“คุณภา อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เจ้าหล่อนทักทายกันตามมารยาท
“อรุณสวัสดิ์ครับ หญิงยอ ว่าแต่เปลวไม่มาหรอครับ” ภาคิไนยกล่าวทักทายให้แก่อีกฝ่าย
“ไม่นี่คะ แล้วคุณภูละคะ ไม่มาด้วยหรอ” เจ้าหล่อนตอบพร้อมถามหาภูบดี
“ไอ้ภูไม่มาหรอก พอดี ภูมันอาสาว่า จะให้ก่อไฟเพราะแม่ภาคินีใช้มันนะ” ภาบอก
“หา ! คุณภูนะหรอ ก่อไฟ เห็นครั้งก่อนยังก่อไฟไม่ติดเลย คราวที่แล้ว คุณภูใส่ถ่านไปเยอะ ส่วนใส่ฝืนก็แค่นิดเดียวจะเอาอะไรไปติด” หญิงยอบอกพร้อมหัวเราะ ที่คนที่พูดถึงทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
“ใช่ จริงเนอะ สงสัยมันไม่เคยเรียนลูกเสือ” ภาบอก
แต่อีกฝ่ายหัวเราะไม่หยุด ก่อนที่จะถามเรื่อง โสมภา
“คุณภูคะ คุณภูยังชอบคุณโสมหรือเปล่าคะ เห็นทุกครั้งไปไหนมาไหนด้วยกัน” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“พี่ไม่รู้สิ เปลวกนกก็ดูน่าสงสาร จน สมกับเป็นลูกทาสรับใช้” ภาบอกพร้อมอมยิ้มอยู่เนืองๆ
ในระหว่างที่คุยกัน ใครอีกคนก็หย่องมาทางด้านหลังสองคน
“นั่นแน่ สองคนนี้กำลังคุยเรื่องอะไรอยู่หรอ” ภูบดีถาม
“คุณภู” หญิงยอเอ่ย
“อ้าว ภู ไปก่อไฟให้แม่เสร็จแล้วหรอ เอ๊ ทำไหมหน้าของนายเป็นแบบนั้นละ ดำจนเปื้อนจมูก” ภาถาม
“อ๋อ คือพอดีว่า เราก่อไม่ติดนะ พอดีแม่เราสอนนะว่า เวลาก่อไฟ ต้องเอาฝืนใส่เยอะๆ ถ้ามีใบไม้ก็เอามาใส่แทนฝืน พอติดก็เอาถ่านใส่ลงไป เหมือนอย่างว่าเนอะ สงสัยเราคงลืมวิชาลูกเสือไปหมดแล้ว” ภูบอก
หญิงยอหัวเราะคิดคัก ที่เห็นสภาพอีกฝ่าย
“คุณภูคะ คงจะเหนื่อยมากๆ เลยนะคะ” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“ก็นิดหน่อยนะหญิง แต่ผมเห็นหน้าหญิงก็หายเหนื่อยแล้ว” ภูบอก
“พี่ภา พ่อนะเขาให้เรามาตามพี่ไปเตรียมอาหารที่โต๊ะนะ” ภูบอกกับพี่ชายของตน
“แล้วบอกพ่อหรือยังว่า อีกสักพักจะเข้าไป”
“ยังเลยนะพี่ภา แม่เขาทำหมูสะเต๊ะพึ่งทำเสร็จไปหยกๆ นะ” ภูบอก
“หมูสะเต๊ะหรอ ชวนหญิงยอขอกินได้ไหมคุณภู”
“นั่นแน่ จะตามพี่ภาละสิท่า” คุณภูหยอดใส่อีกฝ่าย
“ไม่ใช่นะ คุณภู คือว่า หญิงไม่ได้กินหมูสะเต๊ะมานานก็เลยหิว” หญิงยอบอก
“เอาละ งั้นพี่ไปก่อนนะ บายครับหญิงยอ” ภาคิไนยกล่าวลา
“หญิงยอ มานั่งอะไรที่นี่ เข้ามาทานอาหารที่บ้านผมสิ ที่นี่แดดร้อนนะ” ภูบดีบอกพร้อมชักชวนอีกฝ่าย
“คุณภู คือว่า หญิงว่า อย่าเลยค่ะ กลัวท่านพ่อมาตาม” หญิงยอปฏิเสธ
“ถ้างั้น เอาไว้วันหลังนะครับ ผมถึงชวนหญิงยอ” ภูบดีบอก
หญิงยอมีท่าทีว่าเดินเลี่ยงหนีหน้าคุณภู เพราะไม่ค่อยกล้าที่จะสบตาเขาเพียงแค่ก้าวเดียว ภูได้แต่ยืนงง ที่อีกฝ่ายเดินหนีไป ภูตัดสินใจกลับบ้านทันที จริงๆ แล้ว หญิงยอแอบดูปฏิกิริยาของ ภูบดีว่า ‘ถ้าเจ้าหล่อนงอนเขาจะทำยังไง’ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าอีกฝ่าย สนใจเขาแต่ดูงงกับการกระทำของเจ้าหล่อน
“อ้าวภู กลับมาแล้วหรอ” ภาคินีถามอีกฝ่าย
“ครับแม่ แม่ครับ หญิงยอเขาดูงอนๆ ผม ผมไม่เข้าใจเลยว่า เขาทำไมงอน” ภูถามอย่างตรงๆ
“แล้วลูกไปทำอะไรเขาละ” ภาคินีถาม
“คือว่า ผมชวนเขามาทานข้าวบ้านผม เพราะว่าเขาบ่นว่าไม่ได้กินหมูสะเต๊ะมานาน ผมเลยชวนเขาเผื่อหิวแต่เขาปฏิเสธ ผม แล้วเขาเดินหนีไปเลยครับแม่” ภูบอก
“แม่ว่า เขาคงไม่ได้งอนนะ แม่ว่าเขาคงอาจแกล้งลูกอยู่ก็ได้นะ” ภาคินีตอบเรียบๆ
“แกล้ง อ้าวถ้างั้นผมก็เปรียบเหมือนลาตัวหนึ่งหรอครับแม่” ภูบอก
“นี่ ไอ้ภู พี่ว่า แกไม่ใช่ลาแล้วละมั๊ง” ภาคิไนยเสริม
“พ่อครับ ผมไม่เข้าใจเรื่องผู้หญิงเลย” ภูบอก
“นี่ ตอนสมัยหนุ่มๆ นะ พ่อนี่ก็ไปคุยกับแม่แก ตอนนั้นนะ แม่เขาก็งอน พ่อก็เลยหาวิธีที่จะง้อมาคุยกันต่อ จนแต่งงานพ่อก็เลยเข้าใจนะว่า ที่แม่แกทำนะ ทำเพื่อรัก” ประภพเล่าความหลังให้ภูฟัง
“นี่คุณ ยุคสมัยของเรากับ ลูกนะมันคนละยุคนะ” ภาคินีเสริม
“แหม แม่ก็ ถึงแม้ว่าจะคนละยุคแต่ มันก็คล้ายๆกันนั่นแหล่ะ” ประภพบอก
พออีกสักพักก็มีคนกดออดหน้าบ้านของภาคิไนย ขัดจังหวะในการทานข้าว
“ภา แม่ว่า ไปดูก่อนสิ ว่าใครมา” ภาคินีบอก
ภาคิไนยก็ลุกจากโต๊ะแล้วเดินออกไปนอกบ้าน ซึ่งเห็นโสมภา ยืนอยู่นอกรั้วบ้าน
“อ้าว ยัยโสม มาทำไมหรอ” ภาคิไนยถามผู้มาเยือน
“คือว่า มาหาพี่ภา น้องรบกวนพี่ภาหรือเปล่าคะ” โสมภาถามอีกฝ่าย
“พี่กำลังจะกินข้าวอยู่พอดี ถ้าโสมอยากมากินก็มากินด้วยกันสิ” ภาคิไนยตอบแบบเรียบๆ พร้อมปิดประตูรั้วเมื่อผู้มาเยือนเดินเข้ามาในบ้าน
“อ้าว นี่หนูโสมภา ใช่ไหมจ๊ะ” ภาคินีถาม
“สวัสดีค่ะ คุณน้าภาคินี คุณน้าประภพ” โสมภากล่าวทักทายผู้ใหญ่พร้อมยกมือไหว้ตามมารยาท
“อ้าว มากินข้าวด้วยกัน”
โสมภาก็นั่งลง บ้านธนากร ไม่มีคนรับใช้ ภาก็เลยเดินไปหยิบจาน ช้อนและส้อมเอง
“ขอบคุณค่ะ พี่ภา” โสมกล่าวขอบคุณ
“ว่าแต่โสมมาที่นี่คุณนายฟองแขไม่ว่าหรอ” ภาคินีถาม
“ไม่หรอกค่ะ พอดีพี่ศักดิ์เขาดูแลคุณแม่อยู่แล้ว โสมเลยมาหาพี่ภาไงคะ”
“จริงดิ ตาภา อร่อยไหมละ นี่ของโปรดลูกเลยนะ” ภาคินีถาม
“ครับแม่ จริงดิ โสมภา ไม่ได้ไปสปอร์ตคลับหรอ” ภาคิไนยถามอีกฝ่าย
“ก็ไปนะ เห็นว่า เพื่อนพี่ศักดิ์ ชื่อ ธนา มหาทรัพย์ ลูกชายเจ้าของธุรกิจใหญ่ประจำเมืองชลบุรีนี่แหล่ะมั๊ง โสมเองยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย” โสมภา บอก
“พึ่งรู้นะว่า พี่ศักดิ์มีเพื่อนแบบนั้นด้วย” ภูพูดแทรกขึ้น
“พี่ภา หมูสะเต๊ะอร่อยมากๆ เลยค่ะ”
“โสมกินพอดีอิ่มเลยนะ จริงดิโสม ก่อนหน้านั้น หญิงยอเขาก็มาคุยกับพี่ที่สวนนะ” ภาบอก
“แล้วหญิงยอ เขาว่ายังไงบ้างคะ” โสมภาถามอีกฝ่าย
“พี่ก็คุยกันหลายเรื่องนะ แต่ไอ้ภูนะดิ ชวนหญิงยอ มาทานข้าวด้วยซะงั้น แต่สุดท้ายหญิงยอเลยหลบหน้า” ภาบอก
“หรอคะ สงสารหญิงยอเนอะ ที่ไม่ได้กินข้าวมื้อเช้าๆ กับคุณภู” โสมเอ่ย
“คุณโสมครับ ผมว่าสิ่งที่หญิงยอไม่อยากมาร่วมทานข้าว คงคิดว่า ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ พี่ภามั๊ง” ภูบดีบอก
“พี่ภา พี่ทำไมหลายใจ พี่บอกมานะคะว่า ระหว่างหญิงยอ กับ โสม จะเลือกใคร” โสมถามอีกฝ่าย
“คือ ว่า คือ....” ภาอ้ำอึ้ง
“คุณโสม ผมว่าพี่ภาเขายังไม่ด่วนสรุปเลยว่าจะเลือกใคร” ภูแทรก
“ผมเลือกโสมสิครับ” ภารีบตอบทันที
“หนูโสม วันนี้อาหารอร่อยหรือเปล่าจ๊ะ น้าทำเอง”
“อร่อยมากๆ เลยค่ะ ถ้าวันหนึ่ง โสมแต่งงานกับพี่ภา จะเรียนทำอาหารแต่โสมทำเป็นแต่อาหารเหนือ” โสมตอบ
“หรอจ๊ะ”
พอครอบครัวธนากร ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว โสมก็ควงแขนภาคิไนยไม่ยอมปล่อย เจ้าหล่อนมักจะมีลูกออดอ้อนตามประสาเด็ก ภาคิไนยสัญญากับโสมภาว่า ‘ถ้าเรียนจบการศึกษาในเมืองไทยแล้วก็จะส่งเจ้าหล่อนไปเรียนต่อที่ปีนัง’เจ้าหล่อนก็เรียนเก่ง ก็เหลือแต่ หญิงยอที่ต้องเรียนอยู่ในวัง หญิงยอเก่งภาษาอังกฤษมากๆ เปลวมักจะมาเล่นกับหญิงยออยู่เสมอ และในตอนนั้น เปลวก็กำลังเดินทางกลับบ้าน แม่ปลื้มก็ดักมาอยู่หน้าบ้าน
“เป็นไงบ้าง วันนี้ ไปรับใช้คุณนายฟองแข” ปลื้มถามอีกฝ่าย
“ก็อาการก็ดูปกติอยู่นะแม่ นี่แม่ นึกยังไงให้ฉันเนี่ยไปรับใช้คุณนายฟองแขละ” เปลวถามอีกฝ่าย
“เอ็งนี่ไม่รู้อะไร คุณนายฟองแข ดูน่าสงสารจะตาย สุขภาพก็อ่อนแอ ขี้โรคขนาดนั้น ข้าเห็นคุณนายเป็นลมอยู่ที่ตลาด ข้าก็เลยเป็นหนี้บุญคุณ ก็เลยส่งเอ็งไปรับใช้ไง” ปลื้มบอก
“หรอแม่ จริงดิ แล้วอีปริกมันไปไหนละแม่” เปลวถามหาน้องสาวอีกคน
“มันไปเล่นแถวๆ นี้นี่แหล่ะ เห็นไหม น้องมันยังช่วยข้าเลยเห็นไหม”
“แม่อะ แล้วพ่อไปไหนหรอจ๊ะ”
“พ่อเอ็งมันไปกินเหล้าสิวะ ตอนไหนจะเลิกกินเนี่ย ยิ่งจนอยู่ด้วย จนข้าไม่มีอะไรจะกินแล้วเนี่ยวู้” ปลื้มบ่น
อีกสักพักก็เห็นนายฟู่เดินมา กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง
“นี่ไอ้ฟู่ มึงเมามาอีกแล้วใช่ไหม” ปลื้มถาม ด้วยอารมณ์โกรธ
“ใช่แล้วไงวะ นังเปลว เอ็งไปต้มไก่มาให้ข้ากินหน่อยสิวะ ข้าอยากกิน” ฟู่สั่งอีกฝ่าย
“จ๊ะพ่อ” เปลวบอก
“นี่จ๊ะพ่อ กินสิ”
“นังเปลว ไม่ต้องให้มันแดก ให้มันแดกแต่เหล้านี่แหล่ะ วู๊ ข้าเข้าบ้านก่อนละ” ปลื้มบอกพร้อมอารมณ์เสีย
เปลวได้แต่อดสงสารตัวเองไม่ได้ ที่ชีวิตไม่ต่างจากนางซินเดอร์เรลล่าในนิยาย มีพ่อก็พ่อขี้เมา เปลวนั่งคิดแล้วก็สงสารตัวเอง แต่ละวันได้แต่กิน ต้มไก่ ทอดไข่ หรือแม้แต่ไข่เจียวหมูสับ แต่เปลวก็ต้องทนในสิ่งที่เจ้าหล่อนต้องเจอในแต่ละวันเท่านั้นเอง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับพ่อ”
“หม่อมเจ้า เกียรติก้อง ไปมีเรื่องกับ เจ้าคำฟ้า” ประภพบอกให้อีกฝ่ายรู้
“มิน่า หญิงยอทำไม ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย” ภูบดีตอบ
แล้วอีกสักพักใหญ่ๆ คุณชายยิ่งศักดิ์ก็ลงมาจากชั้นสองของบ้าน
“คุณพ่อ นี่มันเกิดเรื่องอะไรหรอคะ” โสมภาถามบิดา
“คือว่า ท่านชายเกียรติก้อง ไปมีเรื่องชกต่อยกับ เจ้าคำฟ้า แต่พ่อหึงเจ้าคำฟ้า มีอะไรแบบลับๆ กับฟองแข” คุณชายยิ่งศักดิ์บอก
“มิน่าละ หญิงยอถึงดูเศร้าๆ คุณพ่อ แม่เขาไม่ได้รักเจ้าคำฟ้าเลยนะคะ แม่นะรักพ่อ แม่เคยเล่าให้โสมฟัง แต่โสมก็เข้าใจแม่มากๆ ว่าแม่เจ็บปวดมากๆ แม่รอพ่อกลับมาอยู่ด้วยกันนะคะ” โสมภาบอกพร้อมเล่าเรื่องที่ฟองแขเล่าให้เจ้าหล่อนฟัง
“คุณประภพ งั้นผมขอตัวลากลับวังก่อนนะครับ สวัสดีครับ” คุณชายยิ่งศักดิ์กล่าวลา
“โสมไปก่อนนะคะ พี่ภา” โสมภากล่าวลาอีกคน
ภาคิไนย ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ที่สถานการณ์ที่บ้านกำลังจะมีความสุขได้จัดงานเลี้ยงฉลองแต่กลับต้องมีเหตุการณ์เรื่องชกต่อยกัน ภูบดีเดินมาตบบ่าภาคิไนย พี่ชายของตน
“ชั่งมันเถอะพี่ภา คนที่ผิดไม่ใช่พี่แล้วนี่”
“ก็ใช่นะสิ คนที่ผิดคือผู้ใหญ่นี่ เด็กๆอย่างเราไม่เกี่ยว” ภาคิไนยบอก
“พี่ภา ผมว่า คืนนี้เราเตรียมตัวเก็บสถานที่ดีกว่าไหมครับ” ภูบดีกล่าว
สองหนุ่มพี่น้องก็ช่วยกันเก็บ โดยมีเด็กๆ ในซอยเดียวกันมาช่วยเก็บสถานที่อีกด้วย
“ขอบคุณมากๆ นะ นิวัฒน์” ภาคิไนยกล่าวขอบคุณให้อีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรครับ เราบ้านใกล้เรือนเคียงนี่ เรามีอะไรก็ร่วมด้วยช่วยกัน” นิวัฒน์บอก
ภา ภู และเด็กๆ ในซอยเดียวกัน เก็บสถานที่จนเสร็จก็พากันแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน ภานั้นปาดเหงื่อพร้อมถอนหายใจ ภูก็ปลอบใจภา เจ้าคำฟ้า ก็เดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน เห็นภาคิไนยกับภูบดี กำลังจะขึ้นนอน
“อ้าว ภา ภู จะไปไหนหรอ” เจ้าคำฟ้าถามอย่างเป็นมิตร
“อ๋อ กำลังจะไปอาบน้ำนอนครับเจ้าคำฟ้า ว่าแต่ จะกลับแล้วหรอครับเจ้า” ภูบดีถามอีกฝ่าย
“ใช่ๆ จะกลับแล้วละ ขอโทษนะที่เกิดเรื่องเมื่อครู่นี้” เจ้าคำฟ้าบอกเรื่องชกต่อยกัน
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ เจ้าคำฟ้า” ภาคิไนยตอบ
“งั้นข้ากลับก่อนนะ” เจ้าคำฟ้าบอก
“ครับเจ้า โชคดีนะครับ” ภูบดีบอก
เจ้าคำฟ้าก็เดินออกจากที่สองหนุ่มยืนอยู่ ก่อนที่ประภพจะ ถามและย้ำว่า ให้ไปอาบน้ำแล้วเข้านอนส่วนภานั้นก็ขึ้นเรือน อาบน้ำเสร็จ ก็เห็นดวงจันทร์ สวยงดงาม เลยนั่งมองดวงจันทร์ เขาเอ่ยปากออกมา
“วันนี้พระจันทร์ ดูสวยจังเลย สวยเหมือนหญิงยอเลย” ภาตอบพร้อมเพ้อหา
“พี่ภา ดูดวงจันทร์นี่เพ้อถึงหญิงยอเลยนะ หญิงยอต้องเป็นของผมสิพี่” ภูตอบพร้อมมีสีหน้าที่ดูหวง
“เราไปถามกันตรงๆ ไหมละว่า ระหว่างแกกับฉัน หญิงยอจะเลือกใคร” ภาคิไนยบอก
“ก็ได้พี่ภา งั้นพรุ่งนี้เราไปถามหญิงยอกันเลย ว่าเขาจะเลือกใคร”
“งั้นเราไปนอนกันดีกว่า พรุ่งนี้ต้องมีสิ่งที่อยากจะทำอยู่พอดี”
ภูบดี ล้มตัวนอน ส่วนภานั้น ก็ไม่รู้ใจตัวเอง คอยเก็บหญิงยอเอามาฝัน
วันรุ่งขึ้นของเช้าวันต่อมา ภูบดี ตื่นขึ้นมาแล้วเปรยออกมา
“เช้าวันนี้อากาศดีจังเลย”
ภาคิไนยกำลังจะเดินลงไปข้างล่างของบ้าน ภูบดีเลยเอ่ยถามอีกฝ่าย
“พี่ภา จะไปไหน”
“พี่กำลังจะไปข้างล่างนะสิ เดี๋ยวพ่อก็ใช้ให้พี่ก่อฝืนหรอก” ภาคิไนยบอก
“ส่วนเรื่องก่อฝืน ให้ผมดิพี่” ภูบดีตอบ
“ทำเป็นหรอ” ภาคิไนยถามอีกฝ่าย
“เป็นสิ งั้นเราลงไปข้างล่างก่อนนะ” ทั้งสองบอก
และแล้วทั้งสองก็ลงมาไล่เลี่ยกัน ภาคิไนยก็มองไปที่นาฬิกา
“พ่อ ทำอะไรอยู่หรอ” ภาคิไนยเอ่ยถามบิดา
“อ๋อ เปล่านะ ตาภา ไปช่วยแม่ก่อฝืนสิ” ประภพตอบ
“งั้นผมออกไปข้างนอกก่อนนะครับพ่อ พอดีภูมันทำ” ภาคิไนยบอก
ภาคิไนยก็เดินไปที่สวนสาธารณะของหมู่บ้าน เด็กๆ รุ่นเดียวกันกับภาก็ออกมาเดินเล่น ในขณะนั้น หญิงยอก็ออกมาเดินเล่นเช่นเดียวกัน
“คุณภา อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เจ้าหล่อนทักทายกันตามมารยาท
“อรุณสวัสดิ์ครับ หญิงยอ ว่าแต่เปลวไม่มาหรอครับ” ภาคิไนยกล่าวทักทายให้แก่อีกฝ่าย
“ไม่นี่คะ แล้วคุณภูละคะ ไม่มาด้วยหรอ” เจ้าหล่อนตอบพร้อมถามหาภูบดี
“ไอ้ภูไม่มาหรอก พอดี ภูมันอาสาว่า จะให้ก่อไฟเพราะแม่ภาคินีใช้มันนะ” ภาบอก
“หา ! คุณภูนะหรอ ก่อไฟ เห็นครั้งก่อนยังก่อไฟไม่ติดเลย คราวที่แล้ว คุณภูใส่ถ่านไปเยอะ ส่วนใส่ฝืนก็แค่นิดเดียวจะเอาอะไรไปติด” หญิงยอบอกพร้อมหัวเราะ ที่คนที่พูดถึงทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
“ใช่ จริงเนอะ สงสัยมันไม่เคยเรียนลูกเสือ” ภาบอก
แต่อีกฝ่ายหัวเราะไม่หยุด ก่อนที่จะถามเรื่อง โสมภา
“คุณภูคะ คุณภูยังชอบคุณโสมหรือเปล่าคะ เห็นทุกครั้งไปไหนมาไหนด้วยกัน” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“พี่ไม่รู้สิ เปลวกนกก็ดูน่าสงสาร จน สมกับเป็นลูกทาสรับใช้” ภาบอกพร้อมอมยิ้มอยู่เนืองๆ
ในระหว่างที่คุยกัน ใครอีกคนก็หย่องมาทางด้านหลังสองคน
“นั่นแน่ สองคนนี้กำลังคุยเรื่องอะไรอยู่หรอ” ภูบดีถาม
“คุณภู” หญิงยอเอ่ย
“อ้าว ภู ไปก่อไฟให้แม่เสร็จแล้วหรอ เอ๊ ทำไหมหน้าของนายเป็นแบบนั้นละ ดำจนเปื้อนจมูก” ภาถาม
“อ๋อ คือพอดีว่า เราก่อไม่ติดนะ พอดีแม่เราสอนนะว่า เวลาก่อไฟ ต้องเอาฝืนใส่เยอะๆ ถ้ามีใบไม้ก็เอามาใส่แทนฝืน พอติดก็เอาถ่านใส่ลงไป เหมือนอย่างว่าเนอะ สงสัยเราคงลืมวิชาลูกเสือไปหมดแล้ว” ภูบอก
หญิงยอหัวเราะคิดคัก ที่เห็นสภาพอีกฝ่าย
“คุณภูคะ คงจะเหนื่อยมากๆ เลยนะคะ” หญิงยอถามอีกฝ่าย
“ก็นิดหน่อยนะหญิง แต่ผมเห็นหน้าหญิงก็หายเหนื่อยแล้ว” ภูบอก
“พี่ภา พ่อนะเขาให้เรามาตามพี่ไปเตรียมอาหารที่โต๊ะนะ” ภูบอกกับพี่ชายของตน
“แล้วบอกพ่อหรือยังว่า อีกสักพักจะเข้าไป”
“ยังเลยนะพี่ภา แม่เขาทำหมูสะเต๊ะพึ่งทำเสร็จไปหยกๆ นะ” ภูบอก
“หมูสะเต๊ะหรอ ชวนหญิงยอขอกินได้ไหมคุณภู”
“นั่นแน่ จะตามพี่ภาละสิท่า” คุณภูหยอดใส่อีกฝ่าย
“ไม่ใช่นะ คุณภู คือว่า หญิงไม่ได้กินหมูสะเต๊ะมานานก็เลยหิว” หญิงยอบอก
“เอาละ งั้นพี่ไปก่อนนะ บายครับหญิงยอ” ภาคิไนยกล่าวลา
“หญิงยอ มานั่งอะไรที่นี่ เข้ามาทานอาหารที่บ้านผมสิ ที่นี่แดดร้อนนะ” ภูบดีบอกพร้อมชักชวนอีกฝ่าย
“คุณภู คือว่า หญิงว่า อย่าเลยค่ะ กลัวท่านพ่อมาตาม” หญิงยอปฏิเสธ
“ถ้างั้น เอาไว้วันหลังนะครับ ผมถึงชวนหญิงยอ” ภูบดีบอก
หญิงยอมีท่าทีว่าเดินเลี่ยงหนีหน้าคุณภู เพราะไม่ค่อยกล้าที่จะสบตาเขาเพียงแค่ก้าวเดียว ภูได้แต่ยืนงง ที่อีกฝ่ายเดินหนีไป ภูตัดสินใจกลับบ้านทันที จริงๆ แล้ว หญิงยอแอบดูปฏิกิริยาของ ภูบดีว่า ‘ถ้าเจ้าหล่อนงอนเขาจะทำยังไง’ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าอีกฝ่าย สนใจเขาแต่ดูงงกับการกระทำของเจ้าหล่อน
“อ้าวภู กลับมาแล้วหรอ” ภาคินีถามอีกฝ่าย
“ครับแม่ แม่ครับ หญิงยอเขาดูงอนๆ ผม ผมไม่เข้าใจเลยว่า เขาทำไมงอน” ภูถามอย่างตรงๆ
“แล้วลูกไปทำอะไรเขาละ” ภาคินีถาม
“คือว่า ผมชวนเขามาทานข้าวบ้านผม เพราะว่าเขาบ่นว่าไม่ได้กินหมูสะเต๊ะมานาน ผมเลยชวนเขาเผื่อหิวแต่เขาปฏิเสธ ผม แล้วเขาเดินหนีไปเลยครับแม่” ภูบอก
“แม่ว่า เขาคงไม่ได้งอนนะ แม่ว่าเขาคงอาจแกล้งลูกอยู่ก็ได้นะ” ภาคินีตอบเรียบๆ
“แกล้ง อ้าวถ้างั้นผมก็เปรียบเหมือนลาตัวหนึ่งหรอครับแม่” ภูบอก
“นี่ ไอ้ภู พี่ว่า แกไม่ใช่ลาแล้วละมั๊ง” ภาคิไนยเสริม
“พ่อครับ ผมไม่เข้าใจเรื่องผู้หญิงเลย” ภูบอก
“นี่ ตอนสมัยหนุ่มๆ นะ พ่อนี่ก็ไปคุยกับแม่แก ตอนนั้นนะ แม่เขาก็งอน พ่อก็เลยหาวิธีที่จะง้อมาคุยกันต่อ จนแต่งงานพ่อก็เลยเข้าใจนะว่า ที่แม่แกทำนะ ทำเพื่อรัก” ประภพเล่าความหลังให้ภูฟัง
“นี่คุณ ยุคสมัยของเรากับ ลูกนะมันคนละยุคนะ” ภาคินีเสริม
“แหม แม่ก็ ถึงแม้ว่าจะคนละยุคแต่ มันก็คล้ายๆกันนั่นแหล่ะ” ประภพบอก
พออีกสักพักก็มีคนกดออดหน้าบ้านของภาคิไนย ขัดจังหวะในการทานข้าว
“ภา แม่ว่า ไปดูก่อนสิ ว่าใครมา” ภาคินีบอก
ภาคิไนยก็ลุกจากโต๊ะแล้วเดินออกไปนอกบ้าน ซึ่งเห็นโสมภา ยืนอยู่นอกรั้วบ้าน
“อ้าว ยัยโสม มาทำไมหรอ” ภาคิไนยถามผู้มาเยือน
“คือว่า มาหาพี่ภา น้องรบกวนพี่ภาหรือเปล่าคะ” โสมภาถามอีกฝ่าย
“พี่กำลังจะกินข้าวอยู่พอดี ถ้าโสมอยากมากินก็มากินด้วยกันสิ” ภาคิไนยตอบแบบเรียบๆ พร้อมปิดประตูรั้วเมื่อผู้มาเยือนเดินเข้ามาในบ้าน
“อ้าว นี่หนูโสมภา ใช่ไหมจ๊ะ” ภาคินีถาม
“สวัสดีค่ะ คุณน้าภาคินี คุณน้าประภพ” โสมภากล่าวทักทายผู้ใหญ่พร้อมยกมือไหว้ตามมารยาท
“อ้าว มากินข้าวด้วยกัน”
โสมภาก็นั่งลง บ้านธนากร ไม่มีคนรับใช้ ภาก็เลยเดินไปหยิบจาน ช้อนและส้อมเอง
“ขอบคุณค่ะ พี่ภา” โสมกล่าวขอบคุณ
“ว่าแต่โสมมาที่นี่คุณนายฟองแขไม่ว่าหรอ” ภาคินีถาม
“ไม่หรอกค่ะ พอดีพี่ศักดิ์เขาดูแลคุณแม่อยู่แล้ว โสมเลยมาหาพี่ภาไงคะ”
“จริงดิ ตาภา อร่อยไหมละ นี่ของโปรดลูกเลยนะ” ภาคินีถาม
“ครับแม่ จริงดิ โสมภา ไม่ได้ไปสปอร์ตคลับหรอ” ภาคิไนยถามอีกฝ่าย
“ก็ไปนะ เห็นว่า เพื่อนพี่ศักดิ์ ชื่อ ธนา มหาทรัพย์ ลูกชายเจ้าของธุรกิจใหญ่ประจำเมืองชลบุรีนี่แหล่ะมั๊ง โสมเองยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย” โสมภา บอก
“พึ่งรู้นะว่า พี่ศักดิ์มีเพื่อนแบบนั้นด้วย” ภูพูดแทรกขึ้น
“พี่ภา หมูสะเต๊ะอร่อยมากๆ เลยค่ะ”
“โสมกินพอดีอิ่มเลยนะ จริงดิโสม ก่อนหน้านั้น หญิงยอเขาก็มาคุยกับพี่ที่สวนนะ” ภาบอก
“แล้วหญิงยอ เขาว่ายังไงบ้างคะ” โสมภาถามอีกฝ่าย
“พี่ก็คุยกันหลายเรื่องนะ แต่ไอ้ภูนะดิ ชวนหญิงยอ มาทานข้าวด้วยซะงั้น แต่สุดท้ายหญิงยอเลยหลบหน้า” ภาบอก
“หรอคะ สงสารหญิงยอเนอะ ที่ไม่ได้กินข้าวมื้อเช้าๆ กับคุณภู” โสมเอ่ย
“คุณโสมครับ ผมว่าสิ่งที่หญิงยอไม่อยากมาร่วมทานข้าว คงคิดว่า ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ พี่ภามั๊ง” ภูบดีบอก
“พี่ภา พี่ทำไมหลายใจ พี่บอกมานะคะว่า ระหว่างหญิงยอ กับ โสม จะเลือกใคร” โสมถามอีกฝ่าย
“คือ ว่า คือ....” ภาอ้ำอึ้ง
“คุณโสม ผมว่าพี่ภาเขายังไม่ด่วนสรุปเลยว่าจะเลือกใคร” ภูแทรก
“ผมเลือกโสมสิครับ” ภารีบตอบทันที
“หนูโสม วันนี้อาหารอร่อยหรือเปล่าจ๊ะ น้าทำเอง”
“อร่อยมากๆ เลยค่ะ ถ้าวันหนึ่ง โสมแต่งงานกับพี่ภา จะเรียนทำอาหารแต่โสมทำเป็นแต่อาหารเหนือ” โสมตอบ
“หรอจ๊ะ”
พอครอบครัวธนากร ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว โสมก็ควงแขนภาคิไนยไม่ยอมปล่อย เจ้าหล่อนมักจะมีลูกออดอ้อนตามประสาเด็ก ภาคิไนยสัญญากับโสมภาว่า ‘ถ้าเรียนจบการศึกษาในเมืองไทยแล้วก็จะส่งเจ้าหล่อนไปเรียนต่อที่ปีนัง’เจ้าหล่อนก็เรียนเก่ง ก็เหลือแต่ หญิงยอที่ต้องเรียนอยู่ในวัง หญิงยอเก่งภาษาอังกฤษมากๆ เปลวมักจะมาเล่นกับหญิงยออยู่เสมอ และในตอนนั้น เปลวก็กำลังเดินทางกลับบ้าน แม่ปลื้มก็ดักมาอยู่หน้าบ้าน
“เป็นไงบ้าง วันนี้ ไปรับใช้คุณนายฟองแข” ปลื้มถามอีกฝ่าย
“ก็อาการก็ดูปกติอยู่นะแม่ นี่แม่ นึกยังไงให้ฉันเนี่ยไปรับใช้คุณนายฟองแขละ” เปลวถามอีกฝ่าย
“เอ็งนี่ไม่รู้อะไร คุณนายฟองแข ดูน่าสงสารจะตาย สุขภาพก็อ่อนแอ ขี้โรคขนาดนั้น ข้าเห็นคุณนายเป็นลมอยู่ที่ตลาด ข้าก็เลยเป็นหนี้บุญคุณ ก็เลยส่งเอ็งไปรับใช้ไง” ปลื้มบอก
“หรอแม่ จริงดิ แล้วอีปริกมันไปไหนละแม่” เปลวถามหาน้องสาวอีกคน
“มันไปเล่นแถวๆ นี้นี่แหล่ะ เห็นไหม น้องมันยังช่วยข้าเลยเห็นไหม”
“แม่อะ แล้วพ่อไปไหนหรอจ๊ะ”
“พ่อเอ็งมันไปกินเหล้าสิวะ ตอนไหนจะเลิกกินเนี่ย ยิ่งจนอยู่ด้วย จนข้าไม่มีอะไรจะกินแล้วเนี่ยวู้” ปลื้มบ่น
อีกสักพักก็เห็นนายฟู่เดินมา กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง
“นี่ไอ้ฟู่ มึงเมามาอีกแล้วใช่ไหม” ปลื้มถาม ด้วยอารมณ์โกรธ
“ใช่แล้วไงวะ นังเปลว เอ็งไปต้มไก่มาให้ข้ากินหน่อยสิวะ ข้าอยากกิน” ฟู่สั่งอีกฝ่าย
“จ๊ะพ่อ” เปลวบอก
“นี่จ๊ะพ่อ กินสิ”
“นังเปลว ไม่ต้องให้มันแดก ให้มันแดกแต่เหล้านี่แหล่ะ วู๊ ข้าเข้าบ้านก่อนละ” ปลื้มบอกพร้อมอารมณ์เสีย
เปลวได้แต่อดสงสารตัวเองไม่ได้ ที่ชีวิตไม่ต่างจากนางซินเดอร์เรลล่าในนิยาย มีพ่อก็พ่อขี้เมา เปลวนั่งคิดแล้วก็สงสารตัวเอง แต่ละวันได้แต่กิน ต้มไก่ ทอดไข่ หรือแม้แต่ไข่เจียวหมูสับ แต่เปลวก็ต้องทนในสิ่งที่เจ้าหล่อนต้องเจอในแต่ละวันเท่านั้นเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ