สามเกลอ...รอรัก Fic เปลวกนก,หญิงยอ,โสมภา
7.0
เขียนโดย ณัฐพล
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.14 น.
13 ตอน
2 วิจารณ์
16.56K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561 15.30 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
11) ความรัก ความหวัง เพื่อเขาและเธอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในภาวะศึกสงคราม ก็ได้มาเกิดที่ บางกอก ตอนนี้ประสบปัญหาคือ สงครามโลกครั้งที่๒ ระหว่าง ทหารไทยกับทหารญี่ปุ่น นายฟู่ ตอนนี้ก็หนีตาย พร้อมพาแม่ปลื้มมาด้วย แต่ก็ต้องมาจบชีวิตไปเสียก่อน แม่ปลื้มจึงหาทางไปหาที่หลบภัยชั่วคราว ส่วนตอนนี้วังวรากร ก็ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นดี กลายเป็นกองเพลิง ไม่เหลือซาก
ส่วนเปลวกนก หญิงยอ และ โสมภา กำลังกินอาหารทะเลอย่างเอร็ดอร่อยกัน คนรับใช้ ยื่นโทรศัพท์มาให้คุณชายยิ่งศักดิ์
“คุณชายยิ่ง มีโทรศัพท์มาจากชลบุรีค่ะ”
“ขอบคุณมากนะ” ยิ่งศักดิ์ตอบห้วนๆ
“ฮัลโหล ว่าอะไรนะ วังวรากร ไฟไหม้หรอ ครับ เดี๋ยวจะบอกให้นะครับ”
จบบทสนทนา คุณชายยิ่งศักดิ์ตัดสายพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้คนใช้ไปเก็บ
“มีอะไรหรอคะพ่อ” โสมภาถาม
“ทุกคนตั้งใจฟังให้ดีนะ ตอนนี้บางกอกทหารไทยทำศึกสงครามกับทหารญี่ปุ่น บ้านวรากร ไฟไหม้เพราะเครื่องบินทหารญี่ปุ่นโจมตี”
“แล้วคุณย่าจะเป็นยังไงบ้างคะ” โสมภาถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณย่า เสียชีวิตแล้ว”
โสมภาเสียใจพร้อมน้ำตากลบหน้า ด้วยความเศร้า ที่ต้องสูญเสียย่าไปอย่างไม่มีวันกลับ หญิงยอรำพันพร้อมบ่นเบาๆ
“ไม่น่าเลย หม่อมย่าหยด”
เปลวกนกเองก็ไม่ต่างจากหญิงยอ ด้วยความตื่นตระหนก
“คุณชายยิ่งศักดิ์คะ แม่ของฉันจะปลอดภัยไหมคะ” เปลวกนกถามอีกฝ่าย ในขณะที่คุณชายยิ่งศักดิ์ดูเศร้าที่สูญเสียแม่ของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ทุกคนครับผมว่าเรามากินอาหารทะเลกันนะครับ” ศักดิ์ชายบอก
ภาและภูตักกุ้งใส่จานพร้อมทานโดยที่ไม่สนใจใคร โสมภาลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไปท่ามกลางสายตาคนอื่นเปลวกนกก็ลุกขึ้นและเดินตามโสมภาพร้อมคอยปลอบใจ
“เป็นอะไรของเขาละครับ คุณศักดิ์” ภาคิไนยถาม
“ยัยโสมคงเสียใจที่ย่าของเธอจากไปละมั๊งครับ”
“คุณศักดิ์ไม่เสียใจหรอครับ” ภาคิไนยถาม
“ก็เสียใจนะครับ หม่อมย่าก็รักผมนะรักอยู่ แต่ยัยโสมนี่รักย่ามากๆเลย”
“หรอครับ”
ศักดิ์ชายเห็นท่าทางของบิดาไม่ได้จึงถาม
“พ่อครับ พ่อจะไปร่วมงานศพคุณย่าหรอครับ”
“พ่อตัดสินใจว่า พ่อจะพากันกลับวันพรุ่งนี้”
“แต่ว่า”
“ไม่ต้องแต่ พ่อจะกลับบ้าน ลูกต้องกลับด้วย”
“ครับพ่อ”
สิ้นเสียงการสนทนาของพ่อลูก ศักดิ์ชายพะอึดพะอม และรีบแจ้งรายงานกับคนอื่นว่า ‘พรุ่งนี้จะพากันกลับบ้าน’
“ทุกคนครับ คือว่าผมจะมีข่าวร้ายครับ”
“ข่าวร้ายคืออะไรหรอ” เสียงเล็กเอ่ยถาม
“คือว่า พรุ่งนี้เราจะพากันกลับบ้าน ทุกคนมีใครคัดค้านกันบ้างไหมครับ”
หญิงยอกับเปลวเริ่มเข้าใจแล้วว่าการสูญเสียอีกฝ่ายเป็นยังไง
“ผมคิดเห็นด้วยไม่คัดค้านครับ” ภาคิไนยบอก
“ผมด้วย” ภูบดีบอกพร้อมเลิกคิ้วให้พี่ชายของตน
“แล้วพรุ่งนี้จะกลับกี่โมงคะ” หญิงยอชิงถาม
“คิดว่า สิบโมงดีไหม”
“ดีค่ะ” หญิงยอตอบ
ศักดิ์ชายกับโสมภา ทำสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์ เพราะหม่อมย่าต้องจากไปอย่างกะทันหัน ภาคิไนยเห็นสีหน้าทั้งสองคนก็อดสงสารทั้งสองคนไม่ได้ที่หม่อมย่าของเธอต้องมาเสีย ภาคิไนยตบไปที่บ่าของอีกฝ่าย ศักดิ์ชายแหงนหน้ามองมาที่ภาคิไนย
“เสียใจด้วยนะ ศักดิ์ ที่หม่อมย่าของนายเสีย”
“ไม่เป็นไรครับ คนเราอยู่ในธรรม มันต้องมีเวียนว่ายตายเกิด เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาครับ” ศักดิ์ชายตอบพร้อมยิ้มที่มุมปาก
เปลวกนกเดินเข้ามาเพื่อปลอบใจโสมภา แต่ก็ได้แต่น้ำตาคลอ
“อย่าเศร้าไปเลยนะ โสม ฉันเองก็ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ” เปลวเอ่ย
“ขอบคุณมากๆ นะ เปลว” โสมตอบ
เปลวโผลเข้ากอดโสมภา อย่างเป็นกันเอง ตามแบบฉบับเพื่อน
โสมภา เอามือปาดน้ำตา เจ้าหล่อนตั้งจิตว่า ‘ต่อไปนี้เธอจะต้องสู้และเข้มแข็ง’
ในคืนของวันเดียวกัน ทุกคนก็ได้กินอาหารทะเลมื้อสุดท้าย เปลวนั้นได้มาเดินอยู่ริมชายทะเล เจ้าหล่อนได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่ง หญิงยอก็เดินออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนคุยด้วย
“นี่เปลว ทะเลไม่เคยหลับใหลเลยเนอะ” หญิงยอถาม
“ใช่นะ หญิงยอ ทะเลนะ ถึงแม้ว่าจะกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด มันก็ยังมีคลื่นกระทบกับฝั่งนี่แหล่ะ” เปลวตอบ
“เพราะอะไรกันนะ”
“เพราะว่า สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับนะสิ”
“ลมเย็นดีจังเลยเนอะ ดูสิน้ำขึ้นมาอีกแล้ว ตอนกลางวันมันยังไม่เห็นขึ้นมาเลย”
“หญิงยอรู้ไหมว่าเพราะอะไร เพราะว่าน้ำนะขึ้นเพราะน้ำขึ้นน้ำลงไง ตอนกลางวันนะ น้ำทะเลจะลง ส่วนตอนกลางคืนน้ำทะเลจะขึ้น”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ถ้าแสงจากดวงจันทร์ ขึ้นส่องคงจะสวยมากๆ เลยเนอะ แบบว่าแสงจันทร์กระทบกับน้ำนะ”
“ใช่นะหญิงยอ แต่จะว่าไปก็น่าสงสารโสมภาเนอะ ที่ต้องสูญเสียหม่อมย่า”
“ใช่ เปลวเชื่อไหมว่า หญิงนะเคยส่องกล้องเพื่อดูดวงจันทร์แล้วละ ผิวบนนั้น ขรุขระมากๆ แต่หญิงสงสัยทำไมมันถึงมีแสงสว่างในตัวได้ละ”
หญิงยอถามด้วยความสงสัย
“ก็เพราะว่า แสงจากดวงจันทร์นะ ยืมจากแสงของดวงอาทิตย์ยังไงละ มันก็เลยดูสว่างสีนวล”
“ใช่เลยเนอะ แสงจากดวงจันทร์ทำให้หญิงยอชอบ”
“หญิงยอ เปลวว่า เราไปนอนกันไหมนี่มันดึกแล้วนะ”
“จริงด้วย นี่มันดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ออกจากที่นี่ไม่ทันกลับบางกอก”
“ปะ ไปกัน”
เปลวและหญิงยอเดินกลับเข้าที่พัก พร้อมตั้งหน้าตั้งตาจะเข้านอน
.........................................................................................
เวลาหกนาฬิกาของเช้าวันใหม่ เปลวกนก ลุกจากที่นอน ดูสลึมสลือ พออีกชั่วขณะหนึ่งเจ้าหล่อนก็ตั้งสติได้พร้อมชำเลืองดูนาฬิกา
“หกโมงแล้วหรอเนี่ย”
“อะไรเปลว” หญิงยอเอ่ยถาม
“ตอนนี้หกโมงเช้าแล้ว แต่เรายังไม่รู้เลยว่าจะออกเดินทางกี่โมงกันแน่”
“งั้นเราคงไปถามคุณโสมกันเถอะ”
ทั้งสองสาวก็ลุกขึ้นจากที่นอนมุ่งหน้าไปยังอีกห้องที่โสมภานอน แต่พอเปิดห้องไปดูก็พบกับความว่างเปล่าเปลวกนกจึงชะโงกหน้าไปดู ปรากฏว่า โสมภาอยู่ข้างล่างของที่พัก
“หญิงยอ โสมอยู่นั่น”
“ปะ เรารีบไปกันเร็ว”
สองสาวก็รีบเดินลงบันใด เห็นโสมภากำลังจัดแจงของใช้ที่กำลังจะพากันกลับบ้านขึ้นรถ
“โสม ว่าแต่เราจะกลับบางกอก ตอนไหนหรอ”
“ก็น่าจะประมาณสิบเอ็ดโมงละมั๊ง”
“หรองั้นพวกเราก็รีบๆ ไปอาบน้ำแล้วเก็บของขึ้นรถสินะ ขอบคุณนะพอดีฉันนะถามเวลากลับนะ”
“ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้โสมไม่เหลือใครแล้ว”
“ไม่เอาสิโสม หม่อมย่า ไปสบายแล้ว”
“ค่ะ โสมจะเข้มแข็ง โสมจะช่วยคุณพ่อ”
โสมภาเอ่ยตอบพร้อมมอง ไปยังสองคนคือ เปลวกับหญิงยอ
เปลวกับหญิงยอรีบจัดแจงของใช้ใส่ลงไปในกระเป๋าเดินทาง พร้อมขึ้นรถ พอถึงเวลาสิบเอ็ดนาฬิการถก็เคลื่อนออกไปจากบ้านพักตากอากาศ ริมทะเล
.................................................................................................................................................
รถก็เข้ามาถึงบางกอก ตอนนี้รถเคลื่อนมายังวังของวรากร คุณชายยิ่งศักดิ์หยุดรถ แล้วหันมามองอีกสามคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“ฉันคงส่งพวกเธอไว้ที่นี่แล้วละ ที่เหลือพวกเธอกลับบ้านกันเอง”
“ครับ/ค่ะ”
สิ้นเสียงเสร็จ เปลวกนกและหญิงยอ เปิดประตูรถลงมาออกจากตัวรถ มองไปรอบๆบ้าน จึงก้มหน้า เปลวเอื้อมมือไปเพื่อที่จะปิดประตูรถตามเดิม ภาคิไนยและภูบดีก็ไม่ต่างจากเปลวและหญิงยอ
“เศร้าเนอะ เปลวดูสิสภาพบ้านวรากรตอนนี้ดูไม่เหมือนก่อนเลย” หญิงยอบอก
“ใช่ ปะเรากลับบ้านกันเถอะ”
ในตอนนี้ โสมภาน้ำตากลบหน้า พร้อมกอดบิดาไว้อย่างแน่น ส่วนศักดิ์ชาย ก็โอบกอดบิดาพร้อมจับแขนน้องสาวของตน
ภาคิไนยพูดกับอีกฝ่าย
“นี่ภู วันนี้โสมภาดูเศร้ามากๆ เลยเนอะ”
“พี่ภา โสมภาเขาอาจจะเศร้าที่หม่อมย่าของเขาเสียก็เป็นได้นะพี่ โสมภากับหม่อมหยดนี่รักกันมากๆ เลย”
ภูบดีตอบ
“มันก็ใช่นะ น่าสงสารศักดิ์กับยัยโสมจังเลยเนอะ”
“ใช่พี่”
“อ้าว ตาภา ตาภูบ้านหลังนั้นเขามีอะไรกันหรือเปล่า มีแต่คนใส่ชุดสีดำ” ภาคินีถามอีกฝ่าย
“คือแบบนี้นะครับแม่ หม่อมหยด ย่าของโสมภา ถึงแก่กรรมแล้วครับ”
“หา อะไรนะลูก หม่อมหยดเสียแล้วหรอ”
“ครับแม่ เสียเพราะพวกทหารญี่ปุ่นมาทิ้งระเบิดแล้วระเบิดก็โดนบ้านของหม่อมหยดครับแม่ หม่อมหยดแกก็เลยหนีออกมาไม่ทันครับแม่”
“เห้อ นี่แหล่ะนะ คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ แม่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า หม่อมหยดจะเสียแล้วหนูโสมละ”
ภาคิไนยถอนหายใจเฮือกใหญ่
“หนูโสม ร้องไห้และเสียใจมากๆครับแม่”
เขาตอบไปตามความจริง
โสมภาโอบกอดบิดาของเขา แต่มีคู่อริมากระชากผมของเจ้าหล่อน มาจากทางด้านหลัง นั่นไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือ ‘หม่อมราชวงศ์หญิงโฉมสำอาง ศุภคุณ’ พร้อมเอาฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าของโสมภา
“แกยังมีหน้ามาเสนอหน้าให้ฉันเห็นอีกแล้วนะ”
“หยุดได้แล้ว พอซะที หญิงโฉม”
เสียงร้องห้ามของคุณชายยิ่งศักดิ์ตะเบ็ง ออกมา
“พ่อคะ นังเมียน้อยของพ่อนั่นแหล่ะ จะมาตบหนู”
คุณชายยิ่งศักดิ์ โกรธจนทนไม่ไหว
“นี่คุณจะมากเกินไปแล้วนะ ต่อไปนี้อย่ามาเสนอหน้าให้ผมเห็นอีก ถ้ามาเสนอหน้าให้เห็นอีก ผมจะไล่คุณออกจากบ้านหลังนี้เลย”
คุณชายยิ่งศักดิ์ เชิดหน้าพร้อมเดินจากไป โสมภาก็ตามพ่อไป
ในตอนนี้งานศพของหม่อมหยด คุณชายยิ่งศักดิ์ ได้แต่โศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก แขกผู้ที่เดินทางมาร่วมงานศพก็มากันอย่างเนืองแน่น โสมภาก็ต้อนรับแขกเป็นอย่างดี
“เชิญข้างในเลยครับ”
“นี่ค่ะ น้ำหลวงอาบศพ รดน้ำศพเลยนะคะ”
“ขอบคุณมากนะ โสม”
“อ้าว หญิงยอ มาร่วมรดน้ำศพหรอ”
“อืม พอดีเรานะเห็นโสมเศร้าก็เลยเป็นห่วง”
“ขอบคุณมากๆ นะเพื่อน”
โสมภาบอก พร้อมเอามือปาดน้ำตา
พองานศพของหม่อมหยดผ่านไปอย่างเรียบร้อย โสมภา เปลวกนก และหญิงยอ ก็ได้หายเศร้ากันเสียอีกโดยเฉพาะ โสมภา และศักดิ์ชาย ทุกสิ่งทุกอย่างหายเศร้าไปในพริบตา ตอนนี้สภาพจิตใจของทั้งคู่ดีมากขึ้นแล้ว
“โสมเห็นไหม ดูบ้านที่เธออยู่ดูสิ”
“บ้านเรากลับมาสงบลงอีกครั้งแล้วนี่คะ”
“ใช่แล้วละ รู้สึกสบายใจมากขึ้นใช่ไหมละ”
“ใช่ๆ ขอบคุณนะ เปลวกนก หญิงยอ”
ในตอนนี้โสมภายิ้มได้อีกครั้งไม่มีอะไรที่ต้องน่าเศร้าหรือเสียใจไปอีกแล้ว
ส่วนเปลวกนก หญิงยอ และ โสมภา กำลังกินอาหารทะเลอย่างเอร็ดอร่อยกัน คนรับใช้ ยื่นโทรศัพท์มาให้คุณชายยิ่งศักดิ์
“คุณชายยิ่ง มีโทรศัพท์มาจากชลบุรีค่ะ”
“ขอบคุณมากนะ” ยิ่งศักดิ์ตอบห้วนๆ
“ฮัลโหล ว่าอะไรนะ วังวรากร ไฟไหม้หรอ ครับ เดี๋ยวจะบอกให้นะครับ”
จบบทสนทนา คุณชายยิ่งศักดิ์ตัดสายพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้คนใช้ไปเก็บ
“มีอะไรหรอคะพ่อ” โสมภาถาม
“ทุกคนตั้งใจฟังให้ดีนะ ตอนนี้บางกอกทหารไทยทำศึกสงครามกับทหารญี่ปุ่น บ้านวรากร ไฟไหม้เพราะเครื่องบินทหารญี่ปุ่นโจมตี”
“แล้วคุณย่าจะเป็นยังไงบ้างคะ” โสมภาถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณย่า เสียชีวิตแล้ว”
โสมภาเสียใจพร้อมน้ำตากลบหน้า ด้วยความเศร้า ที่ต้องสูญเสียย่าไปอย่างไม่มีวันกลับ หญิงยอรำพันพร้อมบ่นเบาๆ
“ไม่น่าเลย หม่อมย่าหยด”
เปลวกนกเองก็ไม่ต่างจากหญิงยอ ด้วยความตื่นตระหนก
“คุณชายยิ่งศักดิ์คะ แม่ของฉันจะปลอดภัยไหมคะ” เปลวกนกถามอีกฝ่าย ในขณะที่คุณชายยิ่งศักดิ์ดูเศร้าที่สูญเสียแม่ของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ทุกคนครับผมว่าเรามากินอาหารทะเลกันนะครับ” ศักดิ์ชายบอก
ภาและภูตักกุ้งใส่จานพร้อมทานโดยที่ไม่สนใจใคร โสมภาลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไปท่ามกลางสายตาคนอื่นเปลวกนกก็ลุกขึ้นและเดินตามโสมภาพร้อมคอยปลอบใจ
“เป็นอะไรของเขาละครับ คุณศักดิ์” ภาคิไนยถาม
“ยัยโสมคงเสียใจที่ย่าของเธอจากไปละมั๊งครับ”
“คุณศักดิ์ไม่เสียใจหรอครับ” ภาคิไนยถาม
“ก็เสียใจนะครับ หม่อมย่าก็รักผมนะรักอยู่ แต่ยัยโสมนี่รักย่ามากๆเลย”
“หรอครับ”
ศักดิ์ชายเห็นท่าทางของบิดาไม่ได้จึงถาม
“พ่อครับ พ่อจะไปร่วมงานศพคุณย่าหรอครับ”
“พ่อตัดสินใจว่า พ่อจะพากันกลับวันพรุ่งนี้”
“แต่ว่า”
“ไม่ต้องแต่ พ่อจะกลับบ้าน ลูกต้องกลับด้วย”
“ครับพ่อ”
สิ้นเสียงการสนทนาของพ่อลูก ศักดิ์ชายพะอึดพะอม และรีบแจ้งรายงานกับคนอื่นว่า ‘พรุ่งนี้จะพากันกลับบ้าน’
“ทุกคนครับ คือว่าผมจะมีข่าวร้ายครับ”
“ข่าวร้ายคืออะไรหรอ” เสียงเล็กเอ่ยถาม
“คือว่า พรุ่งนี้เราจะพากันกลับบ้าน ทุกคนมีใครคัดค้านกันบ้างไหมครับ”
หญิงยอกับเปลวเริ่มเข้าใจแล้วว่าการสูญเสียอีกฝ่ายเป็นยังไง
“ผมคิดเห็นด้วยไม่คัดค้านครับ” ภาคิไนยบอก
“ผมด้วย” ภูบดีบอกพร้อมเลิกคิ้วให้พี่ชายของตน
“แล้วพรุ่งนี้จะกลับกี่โมงคะ” หญิงยอชิงถาม
“คิดว่า สิบโมงดีไหม”
“ดีค่ะ” หญิงยอตอบ
ศักดิ์ชายกับโสมภา ทำสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์ เพราะหม่อมย่าต้องจากไปอย่างกะทันหัน ภาคิไนยเห็นสีหน้าทั้งสองคนก็อดสงสารทั้งสองคนไม่ได้ที่หม่อมย่าของเธอต้องมาเสีย ภาคิไนยตบไปที่บ่าของอีกฝ่าย ศักดิ์ชายแหงนหน้ามองมาที่ภาคิไนย
“เสียใจด้วยนะ ศักดิ์ ที่หม่อมย่าของนายเสีย”
“ไม่เป็นไรครับ คนเราอยู่ในธรรม มันต้องมีเวียนว่ายตายเกิด เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาครับ” ศักดิ์ชายตอบพร้อมยิ้มที่มุมปาก
เปลวกนกเดินเข้ามาเพื่อปลอบใจโสมภา แต่ก็ได้แต่น้ำตาคลอ
“อย่าเศร้าไปเลยนะ โสม ฉันเองก็ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ” เปลวเอ่ย
“ขอบคุณมากๆ นะ เปลว” โสมตอบ
เปลวโผลเข้ากอดโสมภา อย่างเป็นกันเอง ตามแบบฉบับเพื่อน
โสมภา เอามือปาดน้ำตา เจ้าหล่อนตั้งจิตว่า ‘ต่อไปนี้เธอจะต้องสู้และเข้มแข็ง’
ในคืนของวันเดียวกัน ทุกคนก็ได้กินอาหารทะเลมื้อสุดท้าย เปลวนั้นได้มาเดินอยู่ริมชายทะเล เจ้าหล่อนได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่ง หญิงยอก็เดินออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนคุยด้วย
“นี่เปลว ทะเลไม่เคยหลับใหลเลยเนอะ” หญิงยอถาม
“ใช่นะ หญิงยอ ทะเลนะ ถึงแม้ว่าจะกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด มันก็ยังมีคลื่นกระทบกับฝั่งนี่แหล่ะ” เปลวตอบ
“เพราะอะไรกันนะ”
“เพราะว่า สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับนะสิ”
“ลมเย็นดีจังเลยเนอะ ดูสิน้ำขึ้นมาอีกแล้ว ตอนกลางวันมันยังไม่เห็นขึ้นมาเลย”
“หญิงยอรู้ไหมว่าเพราะอะไร เพราะว่าน้ำนะขึ้นเพราะน้ำขึ้นน้ำลงไง ตอนกลางวันนะ น้ำทะเลจะลง ส่วนตอนกลางคืนน้ำทะเลจะขึ้น”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ถ้าแสงจากดวงจันทร์ ขึ้นส่องคงจะสวยมากๆ เลยเนอะ แบบว่าแสงจันทร์กระทบกับน้ำนะ”
“ใช่นะหญิงยอ แต่จะว่าไปก็น่าสงสารโสมภาเนอะ ที่ต้องสูญเสียหม่อมย่า”
“ใช่ เปลวเชื่อไหมว่า หญิงนะเคยส่องกล้องเพื่อดูดวงจันทร์แล้วละ ผิวบนนั้น ขรุขระมากๆ แต่หญิงสงสัยทำไมมันถึงมีแสงสว่างในตัวได้ละ”
หญิงยอถามด้วยความสงสัย
“ก็เพราะว่า แสงจากดวงจันทร์นะ ยืมจากแสงของดวงอาทิตย์ยังไงละ มันก็เลยดูสว่างสีนวล”
“ใช่เลยเนอะ แสงจากดวงจันทร์ทำให้หญิงยอชอบ”
“หญิงยอ เปลวว่า เราไปนอนกันไหมนี่มันดึกแล้วนะ”
“จริงด้วย นี่มันดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ออกจากที่นี่ไม่ทันกลับบางกอก”
“ปะ ไปกัน”
เปลวและหญิงยอเดินกลับเข้าที่พัก พร้อมตั้งหน้าตั้งตาจะเข้านอน
.........................................................................................
เวลาหกนาฬิกาของเช้าวันใหม่ เปลวกนก ลุกจากที่นอน ดูสลึมสลือ พออีกชั่วขณะหนึ่งเจ้าหล่อนก็ตั้งสติได้พร้อมชำเลืองดูนาฬิกา
“หกโมงแล้วหรอเนี่ย”
“อะไรเปลว” หญิงยอเอ่ยถาม
“ตอนนี้หกโมงเช้าแล้ว แต่เรายังไม่รู้เลยว่าจะออกเดินทางกี่โมงกันแน่”
“งั้นเราคงไปถามคุณโสมกันเถอะ”
ทั้งสองสาวก็ลุกขึ้นจากที่นอนมุ่งหน้าไปยังอีกห้องที่โสมภานอน แต่พอเปิดห้องไปดูก็พบกับความว่างเปล่าเปลวกนกจึงชะโงกหน้าไปดู ปรากฏว่า โสมภาอยู่ข้างล่างของที่พัก
“หญิงยอ โสมอยู่นั่น”
“ปะ เรารีบไปกันเร็ว”
สองสาวก็รีบเดินลงบันใด เห็นโสมภากำลังจัดแจงของใช้ที่กำลังจะพากันกลับบ้านขึ้นรถ
“โสม ว่าแต่เราจะกลับบางกอก ตอนไหนหรอ”
“ก็น่าจะประมาณสิบเอ็ดโมงละมั๊ง”
“หรองั้นพวกเราก็รีบๆ ไปอาบน้ำแล้วเก็บของขึ้นรถสินะ ขอบคุณนะพอดีฉันนะถามเวลากลับนะ”
“ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้โสมไม่เหลือใครแล้ว”
“ไม่เอาสิโสม หม่อมย่า ไปสบายแล้ว”
“ค่ะ โสมจะเข้มแข็ง โสมจะช่วยคุณพ่อ”
โสมภาเอ่ยตอบพร้อมมอง ไปยังสองคนคือ เปลวกับหญิงยอ
เปลวกับหญิงยอรีบจัดแจงของใช้ใส่ลงไปในกระเป๋าเดินทาง พร้อมขึ้นรถ พอถึงเวลาสิบเอ็ดนาฬิการถก็เคลื่อนออกไปจากบ้านพักตากอากาศ ริมทะเล
.................................................................................................................................................
รถก็เข้ามาถึงบางกอก ตอนนี้รถเคลื่อนมายังวังของวรากร คุณชายยิ่งศักดิ์หยุดรถ แล้วหันมามองอีกสามคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“ฉันคงส่งพวกเธอไว้ที่นี่แล้วละ ที่เหลือพวกเธอกลับบ้านกันเอง”
“ครับ/ค่ะ”
สิ้นเสียงเสร็จ เปลวกนกและหญิงยอ เปิดประตูรถลงมาออกจากตัวรถ มองไปรอบๆบ้าน จึงก้มหน้า เปลวเอื้อมมือไปเพื่อที่จะปิดประตูรถตามเดิม ภาคิไนยและภูบดีก็ไม่ต่างจากเปลวและหญิงยอ
“เศร้าเนอะ เปลวดูสิสภาพบ้านวรากรตอนนี้ดูไม่เหมือนก่อนเลย” หญิงยอบอก
“ใช่ ปะเรากลับบ้านกันเถอะ”
ในตอนนี้ โสมภาน้ำตากลบหน้า พร้อมกอดบิดาไว้อย่างแน่น ส่วนศักดิ์ชาย ก็โอบกอดบิดาพร้อมจับแขนน้องสาวของตน
ภาคิไนยพูดกับอีกฝ่าย
“นี่ภู วันนี้โสมภาดูเศร้ามากๆ เลยเนอะ”
“พี่ภา โสมภาเขาอาจจะเศร้าที่หม่อมย่าของเขาเสียก็เป็นได้นะพี่ โสมภากับหม่อมหยดนี่รักกันมากๆ เลย”
ภูบดีตอบ
“มันก็ใช่นะ น่าสงสารศักดิ์กับยัยโสมจังเลยเนอะ”
“ใช่พี่”
“อ้าว ตาภา ตาภูบ้านหลังนั้นเขามีอะไรกันหรือเปล่า มีแต่คนใส่ชุดสีดำ” ภาคินีถามอีกฝ่าย
“คือแบบนี้นะครับแม่ หม่อมหยด ย่าของโสมภา ถึงแก่กรรมแล้วครับ”
“หา อะไรนะลูก หม่อมหยดเสียแล้วหรอ”
“ครับแม่ เสียเพราะพวกทหารญี่ปุ่นมาทิ้งระเบิดแล้วระเบิดก็โดนบ้านของหม่อมหยดครับแม่ หม่อมหยดแกก็เลยหนีออกมาไม่ทันครับแม่”
“เห้อ นี่แหล่ะนะ คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ แม่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า หม่อมหยดจะเสียแล้วหนูโสมละ”
ภาคิไนยถอนหายใจเฮือกใหญ่
“หนูโสม ร้องไห้และเสียใจมากๆครับแม่”
เขาตอบไปตามความจริง
โสมภาโอบกอดบิดาของเขา แต่มีคู่อริมากระชากผมของเจ้าหล่อน มาจากทางด้านหลัง นั่นไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือ ‘หม่อมราชวงศ์หญิงโฉมสำอาง ศุภคุณ’ พร้อมเอาฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าของโสมภา
“แกยังมีหน้ามาเสนอหน้าให้ฉันเห็นอีกแล้วนะ”
“หยุดได้แล้ว พอซะที หญิงโฉม”
เสียงร้องห้ามของคุณชายยิ่งศักดิ์ตะเบ็ง ออกมา
“พ่อคะ นังเมียน้อยของพ่อนั่นแหล่ะ จะมาตบหนู”
คุณชายยิ่งศักดิ์ โกรธจนทนไม่ไหว
“นี่คุณจะมากเกินไปแล้วนะ ต่อไปนี้อย่ามาเสนอหน้าให้ผมเห็นอีก ถ้ามาเสนอหน้าให้เห็นอีก ผมจะไล่คุณออกจากบ้านหลังนี้เลย”
คุณชายยิ่งศักดิ์ เชิดหน้าพร้อมเดินจากไป โสมภาก็ตามพ่อไป
ในตอนนี้งานศพของหม่อมหยด คุณชายยิ่งศักดิ์ ได้แต่โศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก แขกผู้ที่เดินทางมาร่วมงานศพก็มากันอย่างเนืองแน่น โสมภาก็ต้อนรับแขกเป็นอย่างดี
“เชิญข้างในเลยครับ”
“นี่ค่ะ น้ำหลวงอาบศพ รดน้ำศพเลยนะคะ”
“ขอบคุณมากนะ โสม”
“อ้าว หญิงยอ มาร่วมรดน้ำศพหรอ”
“อืม พอดีเรานะเห็นโสมเศร้าก็เลยเป็นห่วง”
“ขอบคุณมากๆ นะเพื่อน”
โสมภาบอก พร้อมเอามือปาดน้ำตา
พองานศพของหม่อมหยดผ่านไปอย่างเรียบร้อย โสมภา เปลวกนก และหญิงยอ ก็ได้หายเศร้ากันเสียอีกโดยเฉพาะ โสมภา และศักดิ์ชาย ทุกสิ่งทุกอย่างหายเศร้าไปในพริบตา ตอนนี้สภาพจิตใจของทั้งคู่ดีมากขึ้นแล้ว
“โสมเห็นไหม ดูบ้านที่เธออยู่ดูสิ”
“บ้านเรากลับมาสงบลงอีกครั้งแล้วนี่คะ”
“ใช่แล้วละ รู้สึกสบายใจมากขึ้นใช่ไหมละ”
“ใช่ๆ ขอบคุณนะ เปลวกนก หญิงยอ”
ในตอนนี้โสมภายิ้มได้อีกครั้งไม่มีอะไรที่ต้องน่าเศร้าหรือเสียใจไปอีกแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ