สามเกลอ...รอรัก Fic เปลวกนก,หญิงยอ,โสมภา
เขียนโดย ณัฐพล
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.14 น.
แก้ไขเมื่อ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561 15.30 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
10) ไปเที่ยวทะเลกัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพวกหญิงยอกำลังทบทวนในการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ เพื่อที่จะเตรียมตัวไปปีนัง และในตอนนี้เหลืออีกไม่กี่วันแล้ว เจ้าคำฟ้าย่างก้าวเข้ามาถามวัยรุ่นสาว แต่คนที่ไม่อยากจะมาถามสามสาวก็คือ ภาคิไนยและภูบดี ศักดิ์ชายทำหน้าที่เอาหนังสือภาษาอังกฤษมาให้น้องสาวของตนอ่าน หญิงยอนั่งอย่างอารมณ์ดี พร้อมมองไปที่ศักดิ์ชายเป็นระยะๆ ในปีพ.ศ.๒๔๘๕ หญิงยอวานคนรับใช้ว่าให้ไปเปิดวิทยุ เพื่อที่จะได้ฟังข่าวสารบ้านเมือง และแล้วก็คือข่าว การทำศึกสงครามโลกครั้งที่ 2 ในประเทศไทย เพื่อหวังอยากได้ทองจากถ้ำลิเจียที่จังหวัดกาญจนบุรี หญิงยอ เปลวกนก และ โสมภาจะบินไปปีนัง พรุ่งนี้เช้า
“นี่หญิงยอ เราจะทำยังไงกันดีละ” เปลวกนกถามอีกฝ่าย
“อย่าพึ่งตกใจสิ ปีนี้ปี๒๔๘๔ นะ ปีหน้าต่างหาก” หญิงยอบอก
“แย่แน่ๆ เลย จริงสิ ปีหน้าศักดิ์ชายจะพากันไปเทียวทะเลที่ บางแสนนี่”
“ใครว่าละ เขาจะไปหัวหินต่างหาก” ศักดิ์ชายบอก
“จริงหรอพี่ศักดิ์” โสมภาถาม
อีกฝ่ายได้แต่พยักหน้าแทนคำตอบ
เจ้าคำฟ้าเดินเข้ามาที่ม้านั่งที่ทั้งสามคนนั่งอยู่
“คุยอะไรกันหรอ สาวๆ” เจ้าคำฟ้าถาม
“เปล่าแค่คุยเรื่องปีหน้านี่คะ เจ้าคะเห็นว่าปีหน้าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่๒ ในเมืองไทยหรอคะ” หญิงยอถาม
แต่อีกฝ่ายได้แต่พยักหน้ารับ ในตอนนี้หญิงยอใจคอเริ่มไม่ค่อยดีเลย
“คุณแม่ ปีหน้าจะพากันไปเที่ยวไหนหรอคะ”
“ไปหัวหินนะจ๊ะ พ่อของโสมก็ไปด้วยนะ” เยาวลักษณ์บอก
“ค่ะ โสม เปลวและหญิงคงจะกลับมาปีหน้าหน้าร้อนพอดีละมั๊งคะ”
“นี่ยัยโสมพี่นะก็จะดูแลพ่อให้เอง” ศักดิ์ชายบอก
อีกฝ่ายพยักหน้ารับเรื่องนี้เธอคงเป็นห่วงใครหลายๆ คน
พอเช้าวันถัดมา หญิงยอ เปลวกนก และโสมภา ก็กำลังเดินทางออกจากบ้านพักของเจ้าคำฟ้า พร้อมยืนรอรถที่จะมารับอีกด้วย
“เด็กๆ พร้อมหรือยัง เดี๋ยวไปไม่ทันเครื่องนะ” เยาวลักษณ์บอก
สามสาวก็เดินตรงมายังห้องโถงใหญ่
“มาแล้วค่ะ คุณแม่” ยอเกียรติบอก
“หนูโสม หลับสบายดีหรือเปล่าละลูก” เจ้าคำฟ้าเอ่ยถามอีกฝ่าย
“ค่ะ ฝันว่าแม่มาหา แม่ฝากบอกว่า คิดถึงคุณพ่อ และ เจ้าด้วยนะคะ” โสมภาบอก
“เปลวละวันนี้พร้อมหรือยัง”
“ค่ะ เปลวพร้อมแล้วค่ะ”
ในตอนนี้ทั้งสามคนกำลังเก็บข้าวของสัมภาระเพื่อที่จะออกเดินทางไปยังปีนัง โดยมี ศักดิ์ชาย คุณชายยิ่งศักดิ์ มาร่วมส่งด้วย รถที่จอดรอ ก็เคลื่อนออกไปตามถนนใหญ่ เจ้าหล่อนกำลังจะออกจากประเทศไทยไปเสียแล้ว
ภาคิไนยและภูบดีก็คิดว่า จะอยากไปเรียนที่ต่างประเทศอยู่เหมือนกัน จนคุณประภพ เห็นว่าอยากส่งภาและภูไปเรียนที่ประเทศอังกฤษเพื่อที่จะได้มีงานดีๆ ให้ทำ
ตอนนี้เส้นทางของสามสาว ก็มาถึงปีนัง และไปพักที่หอพัก ในตัวเมืองของปีนัง ทั้งสามสาวมีเวลาว่างแทบจะไม่มี หญิงยอเองก็เรียนภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสาร English or Information ส่วนเปลวกนก เรียนกฎหมาย และโสมภา เรียน การบัญชี พร้อมทั้งเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว ทั้งสามสาว ได้ส่งจดหมายหา ภาคิไนยและภูบดี ส่วนภูบดี นั้นส่งจดหมายไปให้ หญิงยอ จนหญิงยอนั้นอยากคุยทางโทรศัพท์เสียมากกว่า
“ฮัลโหลสวัสดีค่ะ คุณภูใช่ไหมคะ”
“อ้าว หญิงยอ สบายดีไหมละ”
“สบายดีค่ะ หญิงเองก็เรียนภาษาอังกฤษจนเหนื่อยแล้วตอนนี้คุณภู อยู่เมืองไทยหรอคะ”
“เปล่าหรอก เราอยู่อังกฤษต่างหาก ตอนนี้ก็กำลังจะมืดค่ำเสียแล้วที่นั่นละ”
“ตอนนี้จะแปดโมงแล้วค่ะ หญิงคิดถึงนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้น
“หรอครับ แล้วว่าแต่คุณเปลวกนกละครับสบายดีไหม”
“สบายดีค่ะ เปลวกำลังอ่านหนังสืออยู่พอดี”
หญิงยอเลียวมองมาที่อีกฝ่าย
“หรอครับ ตอนนี้ผมกำลังจะทานแซนวิชส์ แล้วหญิงยอชอบทานหรือเปล่าครับ”
อีกฝ่ายมองหน้าก่อนจะปริปากเอ่ยขึ้น
“ไม่ค่ะ หญิงชอบทานอาหารไทยๆ พวกข้าวผัดไรแบบนี้มากกว่าค่ะ”
หญิงยอมองค้อนไปที่อีกฝ่าย
“หรอครับ อากาศตอนนี้ที่นี่หนาวมากๆ เลย นี่ฝนกำลังจะตกอีกครั้งเลยนะครับ จริงสิ พี่ภามีอะไรจะคุยกับเปลวด้วย”
“หรอคะ พี่ภาจะคุยอะไรกับเปลว”
“ไม่รู้สิครับ ลองถามเขาดูสิ”
อีกฝ่ายนั้นต้องการเรียกให้ชายหนุ่มที่อยู่บนเตียงของห้องมารับโทรศัพท์
“ฮัลโหล”
“นี่นายภา มีอะไรจะคุยกับฉันหรอ” เจ้าหล่อนเอ่ยขึ้น
“นี่คุณ วันนี้ไม่มีเรียนหรือไง ถ้าวันหลังนะคุยกับผมแบบนี้ไม่ต้องมาคุยกันเลย”
“นี่คุณภา คุณเป็นใครมิทราบคะ ความสัมพันธ์ของเรายังไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ” เปลวกนกตะเบ็งเสียง
“นี่คุณ มันก็ใช่อยู่หรอกนะว่าผม ไม่ได้เป็นอะไรกันกับคุณ ผมยังไม่ได้ไปจูบปากคุณเลย”
“ไอ้..... ไอ้”
“ไอ้อะไร”
ชายหนุ่มถาม ก่อนที่จะได้รับคำตอบ
“ไอ้ กระบือ ไอ้โค จะไปไหนก็ไปเลยไม่ต้องมาคุยกันเลย”
เปลวกนกวางสายทันที ทำให้อีกฝ่าย มึนงง
“อะไรของเขาวะ นี่ภู เรางงเลยวะ อย่าให้ฉันจับตีก้นเธอนะ ยัยคนใช้ ยัยขี้ข้า ทาส” ภาคิไนยบ่น
อีกฝ่ายหัวเราะด้วยความสะใจ
“นี่พี่ภา พี่ไปทำอะไรให้เปลวกนกโกรธหรอ”
“พี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แต่พี่งง ว่าทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงมาด่าพี่นะสิ”
“ฮ่าๆ ผู้หญิงด่าแปลว่าโกรธ สงสัยวันแดงเดือดละมั๊งครับพี่” ภูบดีเสริม
ภาคิไนยงง
ณ พระนคร บางกอก ศักดิ์ชายเดินเล่น ชมนกชมไม้อยู่เสียงนกได้ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วกัน ศักดิ์ชายพ่นลมหายใจเป็นระยะ
“วันนี้ทำไมยัยโสม เปลวกนก และ หญิงยอทำไมไม่ส่งโทรเลขมาเลยนะ”
(ในสมัยนั้น มีโทรเลข โทรศัพท์และจดหมาย เอาไว้สื่อสารกันได้แค่นี้ก็บุญแล้ว ซึ่งแตกต่างกับสมัยนี้คือ ติดต่อทางแอพไลน์ Line Facebook E-mail ฯลฯ)
“อ้าว ตาศักดิ์ มาอยู่ที่นี่หรอลูก” คุณชายยิ่งศักดิ์ถามบุตรชาย
“หวัดดีครับพ่อ แล้วพ่อเองไม่เป็นห่วงยัยโสมหรอ” ศักดิ์ชายถามบิดา
“ก็เป็นห่วงสิ ยังไงก็เป็นบุตรสาวของเราอีกคนนี่” ยิ่งศักดิ์บอก
“คุณพ่อ ผมว่าน้องเขาคงจะต้องเขียนจดหมายหรือไม่ก็ส่ง โทรเลขเพื่อจะคุยกับเราให้หายคิดถึงละมั๊งครับ”
อีกสักพักก็มีเสียงของชายหนุ่มที่เป็นคนรับใช้ดังขึ้น
“คุณชายครับ มีจดหมายมาครับ”
ยิ่งศักดิ์รีบเปิดจดหมาย จ่าหน้าซอง ลงชื่อผู้เขียนคือ “ม.ล.โสมภา วรากร” เขารีบเปิดจดหมายอ่าน และได้ใจความว่า
‘สวัสดีค่ะ คุณพ่อ พี่ศักดิ์ ตอนนี้โสมสบายดี อากาศที่นี่เริ่มจะเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว ตอนนี้โสมอยู่กับ คุณหญิงยอ เปลวกนก เราทั้งสามคนกำลัง ทานข้าวกันอยู่ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงโสมนะคะ โสมดูแลตัวเองได้ ปีหน้าโสมจะบินกลับไปเมืองไทยนะคะ เพราะว่าโสมคิดถึงคุณพ่อ งั้นเอาไว้วันหลังนะคะเราถึงคุยกันและส่งโทรเลขว่าจะกลับเมืองไทยตอนไหน เดี๋ยวบอกอีกทีนะคะ
ด้วยรักและคิดถึง
โสมภา
ยิ่งศักดิ์น้ำตาไหล และอดเป็นห่วงบุตรสาวไม่ได้เขาก็เลย หม่อมย่าก็เดินตรงมายังอีกฝ่ายที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่
“ตายิ่ง ยัยโสมเขาว่ายังไงกันบ้างละ”
“ยัยโสมไปเรียนอยู่ปีนังแล้วครับแม่”
“ยัยโสมหลานย่า ตายิ่งไม่ต้องร้องไห้หรอกลูกเธอไม่ได้ไปตายซะหน่อย”
หม่อมหยดตอบกับอีกฝ่าย
“คุณแม่ไม่รู้นี่ครับ ว่าหัวอกคนเป็นพ่อนะคิดถึงลูกมากเท่าไร”
“ตายิ่ง ยัยโสมนะไปเรียนต่อที่ปีนังนะ เดี๋ยวยัยโสมก็กลับมาแล้ว” หม่อมหยดปลอบใจอีกฝ่าย
“ครับแม่”
จนระยะเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ภาคิไนยและภูบดีก็ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ
ภูบดี ส่งโทรเลขไปหา หญิงยอ ส่วนหญิงยอก็ปลาบปลื้มใจ ที่อีกฝ่ายเขียนส่งมาหากัน
“คุณภู ส่งโทรเลขมาว่า จะไปเรียนที่ลอนดอน สักปีสองปีถึงจะกลับมา”
“อะไรนะ ไปเรียนที่ลอนดอน สองปีจะกลับมาเมืองไทยหรอ”
หญิงยอพยักหน้ารับ โสมภาคอยภาคิไนย แต่ภาคิไนยได้ส่งจดหมายมาให้อีกฝ่าย ข้อความในจดหมายเขียนมาว่า
“สวัสดีครับ หญิงยอ คุณเปลว และ โสมภา ทั้งสามสาวคงสบายดีนะครับ วันนี้ผมได้เรียนภาษาอังกฤษด้วย สนุกมากหรือเปล่า คำตอบคือ สนุกมากๆ เลย ได้เพื่อนใหม่ ทั้งชาวต่างชาติและคนไทยด้วย วันนี้ภูบดีก็มาแวะหาพี่ แต่พี่ก็อมยิ้มๆ ที่ดูรูปของ เปลวกนก โสมภา และ หญิงยอ
ทั้งสามคนดูน่ารักน่าหลงใหล โสมภาจะกลับปีไหนหรอ พี่คงจะกลับไปบางกอก ก็คงอาจจะสองปีได้แล้วละมั๊งเอางี้นะ กลับไปเมืองไทยเราค่อยคุยกันนะ
ด้วยเคารพรักและคิดถึง
ภูบดี นภาธร
เมื่อหญิงยออ่านจดหมายจนจบบรรทัดแล้ว เจ้าหล่อนก็เอ่ยขึ้น
“คุณภู”
หญิงยอรีบหยิบปากกา พร้อมเขียนจดหมายเพื่อที่จะส่งไปยังอีกฝ่าย
ณ เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ภาคิไนยและภูบดี กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะไม้เก่าๆ เขาทั้งสองคนหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ในเวลานี้ เป็นเวลา สิบนาฬิกา ของเช้าวันใหม่ ในขณะที่ทั้งสองกำลังอ่านหนังสืออยู่นั้น เพื่อนรูมเมทซึ่งเป็นชาวไทย นำจดหมายมายื่นให้
“ภาคิไนย มีจดหมายมาครับ”
“ของใครหรอ”
“เห็นจ่าหน้าซองว่า ม.ร.ว เปลวกนกครับ”
เขาพูดเสร็จยื่นจดหมายมาถึงมือภาคิไนย ภาคิไนยรับจดหมาย
“ส่วนนี่ของคุณภูบดีครับ”
“ขอบคุณมากนะ”
ภูบดีกล่าวคำขอบคุณ ในตอนนี้ ที่ลอนดอนเริ่มจะเข้าสู่ฤดูหนาวเสียแล้ว
“อ้าว พี่ภา พี่ก็ได้รับจดหมายหรอครับ”
“อืม อ้าวแล้วของนายก็ได้รับหรอ”
“ครับ แต่สงสัยว่าต้องเป็นของหญิงยอแน่ๆ เลย
“หญิงยอ หรือ ม.ร.ว. ยอเกียรติ ศุภคุณ คู่หมั้นคู่หมายของ”
“หยุดเถอะพี่ภา หัวใจดวงน้อยๆนี้ ผมไม่ยกให้คนอื่นเด็ดขาด”
ภูบดียกมือขึ้นห้าม
“เอาเถอะ ไม่พูดก็ได้”
ภาคิไนยเดินไปอีกทางของภูบดีก่อนที่จะเปิดจดหมายอ่าน
“ดูสิพี่ภา หญิงยอบอกว่า จะกลับเมืองไทย ปีหน้า”
“หา จะกลับเมืองไทยปีหน้าหรอพี่เองก็จะกลับปีหน้าเหมือนกัน” ภาคิไนยตอบ
“พี่จะกลับจริงหรอครับ”
“กลับสิ ป่านนี้พ่อเราคงคิดถึงพวกเราจะแย่อยู่แล้วมั๊ง”
ภาคิไนยตอบ ส่วนภูบดีก็มองตาม
สองปีต่อมา
“อะไรนะ พี่ภาคุณภูจะกลับมาแล้วหรอคะ” เสียงหวานเอ่ย
“ใช่นะหญิงยอ เห็นเขาว่ามาแบบนั้น”
“ในที่สุดเราจะได้พบกันอีกครั้งซะที” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา
“เป็นอะไรหรอลูก” หม่อมเยาวลักษณ์ถามอีกฝ่าย
“เปล่านี่คะ ท่านพ่อเพคะ พี่ภาเขาจะกลับมาวันไหนหรอเพคะ”
“เห็นว่าจะกลับมาวันพรุ่งนี้นะ”
“พรุ่งนี้” เจ้าหล่อนเอ่ย
“ใช่วันพรุ่งนี้ทั้งสองจะกลับมาอีกครั้ง”
หญิงยอดีใจสุดขีด ที่อีกฝ่ายกำลังจะกลับมาเมืองไทยวันพรุ่งนี้
หญิงยอรีบวิ่งไปหาเปลวกนกทันที
“เปลว พรุ่งนี้พี่ภาคุณภูจะกลับมาเมืองไทยแล้ว”
“จริงหรอวะ”
“จริงสิ” หญิงยอตอบ
ในตอนนี้เปลวกนกไม่ได้อยู่ในสายตาของใครอีกแล้ว เปลวจึงเดินไปหาท่านพ่อของตน ที่ตอนนี้ท่านพ่อ อายุแค่ ห้าสิบกว่าๆ
“ท่านพ่อเพคะ”
“มีอะไรหรอลูก” ท่านชายเกียรติก้องถาม
“คือว่า คุณชายยิ่งศักดิ์บอกว่า ถ้าคุณภาคิไนยและภูบดีกลับจากอังกฤษ คุณชายบอกว่าจะพาพวกเราไปเที่ยวทะเลที่หัวหิน ท่านพ่อจะเสด็จไปไหมเพคะ”
ท่านชายเกียรติก้องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“พ่อคงไปไม่ไหวหรอกลูก พ่อแก่แล้ว”
“เปลวอดเลย เปลวอยากให้ท่านพ่อไปด้วยจัง”
“จริงสิ ถ้าลูกไปก็อย่าลืมดูแลน้องด้วยนะ”
“ค่ะท่านพ่อ”
เปลวกนกโผลกอดบิดาของตน ในขณะนี้น้องสาวต่างมารดาของเจ้าหล่อนก็เข้ามาที่ห้องโถงบ้าน
“ท่านพ่อ”
เสียงหวานเอ่ย
“อ้าวลูกหญิง ไปชมนกชมไม้หรอลูก”
“เปล่าเพคะท่านพ่อ หญิงรอคุณภูมาอยู่ค่ะ”
“ลูกเราหัดรอผู้ชายแล้วหรอเนี่ย ฮ่าๆ พ่อนึกถึงตอนสมัยวัยรุ่นนะ ตอนนั้นพ่อก็รอแม่ของหญิงยอ แต่แม่ของหญิงงอนซะงั้น”
“ท่านพ่อเพคะ เมื่อกี้นี้ยัยเอื้องเอาโทรเลขยื่นมาให้หญิงอ่าน คือว่า คุณภูจะมาวันพรุ่งนี้เพคะ”
“คุณภูจะมาแล้วหรอ ก็ดีนะ”
เสียงทุ้มของอีกฝ่ายเอ่ย
ก่อนที่ทั้งสามจะพูดคุยกันและร่ำลากันในคืนนั้น
...........................................
ในเช้าวันถัดมา ไฟท์สนามบินที่ทั้งคู่นั่งมา คือ เครื่องบินจาก ลอนดอน ไปยัง บางกอก สองหนุ่ม พูดคุยกัน วันนี้ทั้งสองสวมชุดที่ดูคุ้นตา และแล้วเครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบิน สองหนุ่ม ก้าวเดินออกมาจาก Gate ภาคินีกับประภพมายืนรอรับบุตรชาย
“ตาภู ตาภา”
“สวัสดีครับแม่ พ่อ สบายดีหรือเปล่าครับ”
“สบายดี แล้วเป็นยังไงบ้างไปเรียนที่นั่น” ภาคินีเอ่ยถาม
“ก็ดีครับ ผมโตแล้วนะครับแม่”
“ปะ แม่ว่าเราพากันกลับบ้านกันนะ”
“ครับ”
ทั้งสี่คนก็ก้าวออกมาจากสนามบิน
..........................................................
รถเคลื่อนมาจอดหน้าบ้านของภาคิไนยและภูบดี เปลวกนก หญิงยอ และ โสมภาก็มาต้อนรับอีกฝ่ายกลับบ้าน
“อ้าว หญิงยอ เปลว โสมภา พวกเธอสบายดีหรือเปล่าละ”
“สบายดีค่ะ” อีกฝ่ายตอบ
“พี่ภาคะ เป็นยังไงบ้างคะไปเรียนที่นั่น”
“พี่ก็พึ่งจะปรับตัวเข้ากับสังคมฝรั่งมังคล่าแล้วละมั๊ง”
“อ้าวคุณศักดิ์”
“คุณภา คุณภู สวัสดีครับ”
“เราเพื่อนกัน จะไหว้ทำไมละ”
“เปล่านี่ครับ” ศักดิ์ชายตอบ
“จริงสิพี่ภา พรุ่งนี้คุณพ่อบอกว่า จะพาไปเที่ยวทะเลกันจะไปหรือเปล่าคะ” โสมภาชักชวนอีกฝ่าย
“พี่ก็จะไป ภูก็จะไปอยู่เหมือนกัน วันนี้อากาศร้อนมากๆ เลยว่าไหม”
ภาคิไนยมองตาภูบดี
“ค่ะ พี่ภางั้นโสมก็จะไปเก็บเสื้อผ้ากันนะคะ”
“ครับ”
.........................................................................
เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวประกาศในวิทยุ บอกว่า
“ตอนนี้ทางทหารญี่ปุ่นบุกเมืองไทย ทางจังหวัดกาญจนบุรี ทหารญี่ปุ่นกำลังทำศึกสงครามกับทหารไทยอยู่ครับ ใครอยู่แถวบริเวณ จังหวัดชลบุรีก็ปิดบ้านช่อง เพื่อหลบภัยนะครับ”
“แย่แล้ว วันนี้เขาจะมาทำศึกสงครามบ้านเรานี่ เราต้องรีบไปเสียแล้ว” เปลวทำเสียงฮึดฮัด
“ไปกันเถอะ”
และแล้วก็มาถึงทะเล เปลวไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนนี้ทุกคนมาพักอยู่บ้านตากอากาศ ชายทะเล ทุกคนสนุกกับการกินอาหารทะเล เปลวกนกจึงสงสัยอีกเรื่องหนึ่ง
“หญิงยอ เราสงสัย”
“มีอะไรหรอ”
“ทะเลนี่กว้างใหญ่เลยเนอะ ไม่เหมือนบึงเลย”
หญิงยอยิ้มๆ ที่อีกฝ่ายไม่เคยพบเห็น
“นี่เปลว ทะเลนะมันก็กว้างใหญ่แบบนี้แหล่ะ แต่ที่นี่นะมีอาหารทะเลให้กินด้วยนะ”
หญิงยอเอ่ย
“น่ากินจังเลยเนอะว่าไหม”
“ใช่นะ อาหารที่นี่ขึ้นชื่อว่าอร่อย ถ้าไปสุราษฎร์ก็หอยนางรมตัวโต กินกับข้าวอร่อยมากๆ”
หญิงยอเสริม
“หรอ ที่นี่ดูเงียบสงบเนอะว่าไหม”
“ใช่ๆ”
หญิงยอบอกพร้อมเงยหน้าขึ้นไปมองทะเลในตอนนี้กำลังมีคลื่นกระทบฝั่ง และมีลมเย็นๆ พัดมาเสียแล้ว เจ้าหล่อนก็กางแขนเพื่อรับลมเต็มที่ก่อนจะยิ้มให้กับอีกฝ่ายว่านี่คือความสุขอย่างแท้จริง
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ