(Inuyasha Fanfiction) Forever Love Sesshomaru&Rin

8.5

เขียนโดย MomijiNI

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.38 น.

  16 ตอน
  6 วิจารณ์
  36.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560 00.18 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

7) ความจำเป็นที่แสนทรมาน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         วันนี้เส็ตโชมารูได้ไปรับรินที่หมู่บ้าน เพื่อจะพามาชมปราสาทที่จะใช้เป็นเรือนหอของเขากับริน ที่ตั้งปราสาทอยู่ไม่ไกลจากอาณาจักรของเขา แต่อยู่ห่างไกลจากตัวหมู่บ้านที่รินอยู่มากพอสมควร ปราสาทถูกสร้างตามแบบปราสาทของมนุษย์ ทั้งปราสาทล้อมรอบด้วยดอกอะจิไซที่บานสะพรั่ง ลำธารสายเล็กๆ ที่ไหลผ่าน ดูสวยงามราวกับปราสาทในฝัน

 

“ว้าววว”

 

“เจ้าชอบรึเปล่า?”

 

“ค่าาา ดอกอะจิไซสวยมากเลยค่ะ”

 

“...” เส็ตโชมารูแปลกใจกับคำตอบ

 

“ท่านดูสิคะ ดอกนี้ออกสีชมพูด้วย สวยมากเลยค่ะ” รินพูดพลางเดินไปดูดอกอะจิไซที่มีสีแปลกตานั้น จนเส็ตโชมารูที่เดินตามมาเอ่ยชื่อขึ้น

 

“ริน!”

 

“คะ?”

 

“ข้าให้เจ้ามาดูปราสาท ไม่ได้ให้มาชมดอกไม้”

 

“...” รินไม่กล้าพูดอะไร เพราะวันนี้ตั้งแต่เส็ตโชมารูไปรับเธอมา สีหน้าของอสูรหนุ่มดูวิตกกังวลมาตลอดทาง รินจึงพยายามจะไม่ขัดอะไร ถ้าไม่จำเป็น

 

“รึปราสาทข้าเล็กเกินไป เจ้าจึงมองไม่เห็น ข้าจะให้คนงานมาสร้างใหม่ดีไหม?”

 

“เปล่าค่ะๆ ปราสาทก็สวยมากเลยค่ะ ไม่ต้องสร้างใหม่หรอกนะคะ นี่ก็ใหญ่โตมากแล้ว”

 

“...”

 

“รินเรียกว่าปราสาทอะจิไซได้รึเปล่าคะ?”

 

“ตามใจเจ้าสิ นี่มันปราสาทของเจ้า”

 

“เอ๊ะ?! แล้วมันไม่ใช่ของท่านด้วยหรอคะ?”

 

“ข้าทำให้เจ้า เป็นของกำนัลวันแต่งงาน”

 

“เอ่อ...รินรับไว้ไม่…” รินพยายามจะปฏิเสธ เพราะเธอได้อะไรๆ จากเขามามาก แล้วนี่ก็ดูจะให้เยอะไปด้วยซ้ำ

 

“ห้ามปฏิเสธข้านะริน”

 

“ค่า…”

 

“ที่นี่ไม่ได้มีแค่ดอกอะจิไซนะ เจ้าอยากจะเข้าไปดูรึเปล่า?”

 

“อยากไปสิคะ ท่านพารินไปชมได้ไหมคะ?”

 

“ตามข้ามาสิ”

 

         ทางเดินเข้าปราสาทมีสะพานข้ามบ่อน้ำสั้นๆ ที่ดูก็รู้ว่าทำขึ้นมา ในบ่อมีปลาต่างๆ และดอกบัวขึ้นอยู่มากมาย เธอเดินเข้ามาเรื่อยๆ ตามหลังอสูรหนุ่ม ก็เหลือบไปเห็นอสูรกบตัวจ้อยที่คุ้นเคย กำลังเดินถือของเข้าปราสาท

 

“ท่านจาเค็น!!!” รินเรียกพลางจับอสูรกบตัวจ้อยมากอดแน่น

 

“ไง เจ้าริน เบาๆๆ อย่ามากอดข้าแบบนี้นะ ข้าหายใจไม่ออก!! แอ๊กๆ” จาเค็นมองสาวน้อยหน้าตาสะสวยอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะโดนอุ้มไปกอด

 

“ก็ข้าคิดถึงหนิคะ ไม่เจอกันตั้งหลายปี ท่านเนี่ยตัวไม่สูงขึ้นเลยนะคะ คิกๆๆ”

 

“เชอะ เจ้าเนี่ยโตแต่ตัวรึไง คำพูดคำจาไม่ต่างจากเดิมซักนิด” การเติบโตของรินทำให้มันตกใจเล็กน้อยเพราะตัวมันเองก็ไม่เคยคลุกคลีกับมนุษย์ มนุษย์นั้นโตวัย แต่อายุขัยสั้นยิ่งนัก

 

“ท่านจาเค็นล่ะก็…แล้วท่านเดินดูปราสาทแล้วหรอคะ?”

 

“ข้าเดินทุกซอกทุกมุมแล้ว วันนี้ข้าขนของมาไว้ห้องของข้าเท่านั้น”

 

“เอ๊ะ? ท่านจาเค็นจะมาอยู่ที่นี่หรอคะ?”

 

“ข้าอยู่ไม่ได้รึไง รึเจ้าจะไล่ข้าออกงั้นรึ?”

 

“ข้าดีใจต่างหากล่ะคะ ดีซะอีก ข้าจะได้มีเพื่อนคุยด้วย ข้าน่ะมีเรื่องเล่าเยอะแยะไปหมดเลย”

 

“อย่าพูดให้มันมากล่ะ ข้าฟังเจ้าทีไรก็จะหลับทุกที”

 

         การสนทนาของทั้งคู่ถูกขัดขึ้นโดยอสูรหนุ่มที่ยืนฟังอยู่นาน

 

“ริน เจ้ายังอยากชมปราสาทอยู่รึเปล่า?”

 

“ค่า ท่านเส็ตโชมารู”

 

“งั้นก็ไปกันเถอะ”

 

“ท่านจาเค็นข้าไปก่อนนะคะ ไว้เจอกันค่ะ”

 

“อืม เจ้ารีบไปซะ เดี๋ยวท่านเส็ตโชมารูจะไม่รอ”

 

“ค่ะๆ”

 

         ดอกไม้นานาพันธุ์ บัดนี้บานสวยสะพรั่ง เส็ตโชมารูพารินมาที่สวนดอกไม้ภายในปราสาท ซึ่งนั่นดึงความสนใจของสาวน้อยได้เป็นอย่างดี

 

“นี่มัน...ดอกไม้..เต็มไปหมดเลย…”

 

“เจ้าชอบรึเปล่า?”

 

“รินชอบที่สุดเลยค่า ท่านทำให้รินหรอคะ?”

 

“อืม”

 

         รินจับมือแกร่งของอสูรหนุ่มขึ้นมาแนบไว้กับแก้มของเธอ นัยน์ตาสีน้ำตาลพล่าไปด้วยน้ำตาที่คลออยู่ รินซึ้งใจกับทุกอย่างที่อสูรหนุ่มทำให้กับเธอ รินยิ้มอย่างเป็นสุข ยิ้มที่เคยยิ้มให้กับเขาในวันนั้น วันที่เจอกันครั้งแรก

 

“ริน…” อสูรหนุ่มเรียกชื่ออย่างแผ่วเบา

 

“รินขอบคุณท่านมากเลยนะคะ สำหรับทุกอย่าง ทุกอย่างที่ทำเพื่อริน”

 

“...” อสูรหนุ่มก้มมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยขอบางอย่างกับเธอ

 

“ข้าขออะไรซักอย่างจะได้ไหม?”

 

“ได้สิคะ”

 

“...” เส็ตโชมารูโอบเอวของรินเขามาแนบชิดกับอกแกร่งของเขา ก่อนจะใช้สองมือกอดเธอแน่น ราวกับไม่อยากให้เธอจากเขาไปไหน

 

“ท่านเส็ตโชมารู…”

 

“ข้าขอกอดเจ้าแบบนี้ซักพักจะได้ไหม?”

 

“ค่า…”

 

         อสูรหนุ่มโอบกอดสาวน้อยท่ามกลางสวนดอกไม้ ลมที่พัด กลิ่นหอมของดอกไม้ ทำให้ใจสงบ เขาพยายามจดจำสิ่งที่กระทำอยู่ตอนนี้ ความอบอุ่นของริน… กอดของริน… กลิ่นของริน… เพราะเขากำลังกลัว กลัวว่าอีกไม่นาน สัมผัสเช่นนี้จะหายไปจากเขา ซักพักทั้งคู่ก็ผละออกจากกัน

 

“ข้าจะไปตรวจดูปราสาทอีกซักหน่อย เจ้าเดินเล่นในปราสาทไปก่อนก็แล้วกัน ตอนเย็นข้าจะไปส่งเจ้าที่หมู่บ้าน” มือแกร่งลูบไล้ผมสีนิลอย่างเบามือ ก่อนจะเดินจากไป

 

“ค่า”

 

         รินเดินชมรอบปราสาทไปซักพัก ก็ลองเดินหาห้องของจาเค็น ที่ได้ถามมาจากเส็ตโชมารู เพราะเธอมีเรื่องอยากจะถามเขา ทางเดินที่ทอดยาวมีเรือนหลังเล็กปรากฏอยู่ ซึ่งไม่ได้อยู่ไกลจากเรือนใหญ่มาก ใช้เวลาเดินไม่นานก็ถึง

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!

 

“ท่านจาเค็น ยังอยู่ไหมคะ?”

 

“เข้ามาสิ ข้าไม่ได้ล็อค”

 

         ภายในถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่ใช้สอยต่างๆ ห้องถูกปูด้วยเสื่อทาทามิอย่างดี มีโต๊ะเล็ก และเบาะรองนั่ง เพื่อไว้รับแขกอยู่ด้านหน้า รินเดินเข้าไปหาตามเสียงของเจ้าของห้อง ที่ตอนนี้อยู่ในห้องนอน กำลังจัดเตรียมฟูกนอนอยู่

 

“โห...ห้องท่านจาเค็นกว้างจังเลยค่า”

 

“เจ้าตกใจตอนนี้ยังเร็วไป ห้องของเจ้ากับท่านเส็ตโชมารูใหญ่กว่าห้องของข้าตั้งสองสามเท่า”

 

“ขนาดนั้นเลยหรอค่ะท่านจาเค็น” รินทำหน้าตกใจ เพราะแค่ห้องของจาเค็นห้องนึง ก็กว้างพอๆ กับกระท่อมของท่านคาเอเดะเสียด้วยซ้ำ

 

“ขนาดนั้นน่ะสิ วันส่งตัวเข้าหอเดี๋ยวเจ้าก็ได้เห็นเองแหละ”

 

“นี่ ท่านจาเค็น” รินนั่งลงข้างจาเค็น ก่อนเอ่ยถามเรื่องที่ตนกำลังสงสัย

 

“อะไรรึ?”

 

“ท่านเส็ตโชมารูเป็นอะไรรึเปล่าคะ? ทำไมท่านดูเหมือนจะมีเรื่องกังวลใจ ดูท่านไม่ร่าเริงเลย…”

 

“...” จาเค็นมองหน้ารินพลางคิดในใจว่า ท่านเส็ตโชมารูเนี่ยนะร่าเริง เดี๋ยวก็อ่อนโยน เดี๋ยวก็ใจดี เดี๋ยวก็ร่าเริง แต่ละคำที่รินพูดมาทำให้มันส่ายหัว เพราะไม่เคยเห็นเจ้านายมันในแบบที่รินว่าเลยแม้แต่น้อย ถึงจะเคยสัมผัสได้บ้างแต่ก็น้อยมาก

 

“ท่านรู้ใช่ไหมค่ะ ท่านจาเค็น บอกข้าหน่อยสิคะ”

 

“ถึงรู้ข้าก็ไม่บอกเจ้าหรอกริน เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยของเจ้ากับอาณาจักรเชียว!”

 

“ไหนว่าจะไม่บอกไงคะ บอกออกมาเห็นๆ เลยเนี่ย” รินหรี่ตาลงเล็กน้อยใส่จาเค็น

 

“เอ๋!! ข้าพูดออกไปแล้วงั้นรึ? งั้นเจ้าลืมซะริน ลืมที่ข้าพูดเลย ลืมเดี๋ยวนี้!!” จาเค็นพูดพลางยกไม้เท้าหัวมนุษย์เขกหัวริน แต่รินจับทันเสียก่อน

 

“ไม่ทันแล้วมั้งคะท่านจาเค็น เล่าให้ข้าฟังเถอะ…”

 

“เฮ้อ..ช่วยไม่ได้ เจ้าก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงจะเก็บความลับเป็นอยู่หรอกนะ”

 

“สัญญาเลยค่ะ”

 

“งั้นก็ตั้งใจฟัง ข้าจะเล่ารอบเดียว ห้ามถาม ห้ามขัด ขณะที่ข้าพูด ห้ามโทษตัวเอง เข้าใจไหม?”

 

“แหม สั่งจังเลยนะคะ”

 

“จะฟังไหม?”

 

“ค่าๆ” รินพูดอย่างว่าง่ายก่อนจะนั่งฟังเงียบๆ

 

“ช่วงนี้มีพวกปีศาจที่อยากจะได้ตำแหน่งอสูรผู้ยิ่งใหญ่ของท่านเส็ตโชมารู รู้ข่าวว่าท่านกำลังจะแต่งงานกับมนุษย์ พวกนั้นก็เลยไม่พอใจ คิดว่าท่านอ่อนแอ ไม่คู่ควรกับตำแหน่ง ก็เลยส่งสาส์นมาเตือนว่าถ้ายังกระทำเช่นนี้ พวกมันจะมายึดตำแหน่งของท่านซะ ลำพังตัวท่านเอง กับแค่ปีศาจกระจอกๆ แบบนั้น ท่านสู้ได้สบายอยู่แล้ว แต่ที่ท่านกังวลคือ ถ้าพวกนั้นมันเล่นสกปรกโดยการมาจับตัวเจ้าไป  ท่านน่ะกลัวเจ้าจะไม่ปลอดภัยเอาน่ะสิ แล้วถ้าเกิดว่ามีพวกปีศาจรู้เรื่องที่ท่านแต่งงานกับมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วถ้าท่านรบแพ้ขึ้นมา อาณาจักรของท่านก็อาจจะถูกรุกรานมากขึ้นอีก จนสุดท้ายก็อาจจะล่มสลาย แต่ถ้าท่านคิดแล้วว่าจะแต่งงานกับเจ้า ท่านก็คงจะหาวิธีดีๆ ที่จะให้ทั้งเจ้าแล้วก็อาณาจักรปลอดภัยได้แล้วล่ะมั้ง”

 

“งั้นแสดงว่าก่อนหน้านี้อาณาจักรของท่านก็สงบสุขดีสินะคะ?”

 

“ก็ใช่น่ะสิ ท่านเก่งกาจ และโหดเหี้ยมขนาดนั้น ปีศาจหน้าไหนมันจะไปกล้าหือล่ะ อ่าว..เอ๊ะ! ข้าบอกว่าห้ามถามไง!”

 

“งั้นทุกอย่าง...ก็เป็นเพราะข้าสินะคะ” รินพูดเสียงอ่อยลง พลางทำหน้าเศร้า

 

“ก็ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าโทษตัวเอง!”

 

“ขอบคุณที่เล่าให้ฟังนะคะท่านจาเค็น” รินพูดแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปที่ประตู

 

“แล้วนั่น เจ้าจะไปไหนล่ะริน”

 

“ได้เวลากลับหมู่บ้านแล้วค่ะ ข้าไปก่อนนะคะ” รินยิ้มให้ แล้วเดินออกจากห้องไป

 

         รินที่เดินออกมาจากห้องของจาเค็น ก็เดินมาเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ตามระเบียงทางเดิน พลางคิดเรื่องที่คุยกับจาเค็นเมื่อครู่ รินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระให้กับเส็ตโชมารูเสมอ ตั้งแต่เด็กๆ จนถึงตอนนี้ เธอเองก็อยากเป็นคนช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของอสูรหนุ่มบ้างเช่นกัน พลางคิดไปว่า..ถ้าไม่แต่งงานกับท่านคงจะดีกว่าไหมนะ? รินเดินคิดจนมาหยุดอยู่ที่สวนดอกไม้ ที่ๆ เพิ่งมาเมื่อครู่ เธอเดินเข้าไปนั่งอยู่ท่ามกลางดอกไม้เหล่านั้น ฉับพลันก็พอจะนึกอะไรได้ แต่มีเสียงคุ้นเคยเอ่ยขึ้นให้เธอต้องหันหลังไปมอง

 

“ทำไมกลับมาอยู่ที่นี่ เจ้าเดินทั่วแล้วรึ?”

 

“อ่อ..ค่า รินอยากดูดอกไม้ ก็เลยกลับมา”

 

“เย็นมากแล้ว กลับหมู่บ้านเถอะ”

 

“ค่ะ”

 

         จากเวลาเย็น บัดนี้ตกเวลาหัวค่ำ เส็ตโชมารูมาส่งรินถึงหน้ากระท่อม เพราะค่ำมากแล้ว กลัวจะเกิดอันตราย ขณะที่กำลังจะเหาะกลับ สาวน้อยก็เอ่ยถาม

 

“งานแต่งท่านจะจัดที่ปราสาทอะจิไซรึเปล่าคะ?”

 

“ใช่ รึเจ้าอยากจัดที่อื่น ข้าก็ทำให้ได้”

 

“ไม่คะๆ รินชอบที่นั่น แต่ว่ารินอยากจัดแบบงานเล็กๆ น่ะค่ะ” รินพยายามที่จะให้งานออกมาเป็นส่วนตัวที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่างน้อยๆ ปีศาจตัวอื่นที่ยังไม่รู้เรื่อง จะได้ไม่มารุกรานเส็ตโชมารู

 

“เล็กๆ” อสูรหนุ่มอยากที่จัดงานเล็กๆ แบบที่เธอว่าเช่นกัน แต่ใจก็อยากจัดใหญ่ๆ เพราะเขาอยากให้รินดูสมเกียรติกับตำแหน่งชายาที่จะได้รับ

 

“ค่ะ แบบเชิญแค่คนที่เรารู้จักไม่กี่คนก็พอน่ะค่ะ รินไม่ชอบคนเยอะๆ”

 

“ได้สิ ถ้าเจ้าต้องการ” อสูรหนุ่มไม่ขัดอะไร อะไรที่ทำให้ได้ เขาเองทำให้รินได้ทุกอย่าง ณ ตอนนี้ ถ้ามันจะพอชดใช้ความผิดที่เขากำลังจะทำกับรินได้บ้าง...

-------------------------------------------------

ณ ปราสาทอะจิไซ

 

         งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย รินกับเส็ตโชมารูเชิญเพียงบุคคลที่รู้จักเท่านั้น ราวกับเป็นงานส่วนตัว ซึ่งทั้งคู่ก็ดูจะชอบกับงานแบบนี้ เพราะไม่มีคนมากมายให้วุ่นวาย เว้นแต่ผู้เป็นมารดาของเส็ตโชมารู ที่ดูจะไม่พออกพอใจนัก เพราะยังเห็นว่าควรจัดให้ยิ่งใหญ่สมเกียรติของอสูรผู้ยิ่งใหญ่

         เส็ตโชมารูและรินในวันนี้ เข้าร่วมพิธีด้วยชุดแต่งงานแบบญี่ปุ่น หลังจากทั้งสองได้เดินไปทักทายแขกที่มาร่วมงานบ้างแล้ว ทั้งคู่ก็กลับมานั่งในพิธี เพื่อรอทำพิธีแต่งงาน สาวน้อยในชุดกิโมโน และผ้าคลุมผมสีขาว สวยราวกับนางในเทพนิยาย แต่ติดจะยิ้มน้อยกว่าทุกที เพราะอสูรหนุ่มในชุดกิโมโนสีดำที่ดูสง่างามนั้น ทั้งวันไม่พูดหรือเอ่ยปากกับใครเลย แม้แต่กับเธอเอง นัยน์ตาสีอำพันที่ฉายแววเศร้าและวิตกกังวลนั้น ยังไม่หายไป บางทีก็เหมือนจะเหม่อพูดพึมพำอะไรออกมาเบาๆ เบาจนเธอเองก็ไม่ได้ยิน

 

“รินเนี่ยจะมองมุมไหนก็สวยจริงๆ นะ” ชิปโปพูด

 

“นั่นสินะ ถ้าไม่ติดว่ารินเขามีคนจับจองแล้ว ข้าคงจะขอให้คลอดลูกให้ข้าซักคน” มิโรคุพูด ทำให้ซังโกะที่นั่งข้างๆ แผ่รังสีอำมหิตออกมาทันที

 

“ท่านนักบวช!!! นี่ก็สามคนแล้วยังไม่พออีกรึไง!!!”

 

“เชอะ ข้านึกว่างานจะใหญ่กว่านี้ซะอีก เจ้าเส็ตโชมารูมันหมดงบแล้วรึไงนะ จัดดูไม่สมกับเป็นมันเลย” อินุยาฉะพูด

 

“ข้าก็ว่างั้น” ชิปโปเสริม

 

“พวกเจ้าน่ะ ระวังปากกันซักหน่อยนะ ถ้าเส็ตโชมารูมาได้ยินเข้า จะตายไม่สวยเอา” มิโรคุพูดเตือน

 

“เส็ตโชมารูเขาไม่ได้งบหมดซักหน่อย แต่รินจังน่ะ ขอให้จัดงานเล็กๆ รินจังบอกฉันมา นายน่ะอย่าพูดไปเรื่อยสิ อินุยาฉะ” คาโงเมะพูดพลางตีไหล่สามีเบาๆ

 

“เชอะ”

 

“แต่เส็ตโชมารูก็ทุ่มเหมือนกันนะ ปราสาทเนี่ยใหญ่โตใช่เล่น แถมยังมาสร้างบ้านให้เราตั้งคนละหลัง เพื่อตอบแทนเรื่องรินจังอีก ข้าว่ารินจังแต่งงานไปคงสบายน่าดูเลยล่ะ” ซังโกะพูด

 

“ซังโกะจัง” คาโงเมะพูดพลางส่งสายตาให้ซังโกะรู้ตัวว่าน้องชายของเธอกำลังนั่งฟังอยู่

 

“เจ้าน่ะตัดใจซะเถอะโคฮาคุ อย่างน้อยๆ รินจังก็มีชีวิตที่ดี ไม่ได้ไปตกระกำลำบากที่ไหน” ซังโกะพูดปลอบใจน้องชาย

 

“ข้าตัดใจได้ตั้งนานแล้วล่ะท่านพี่ ไม่งั้นข้าไม่มางานหรอก” โคฮาคุพูดพลางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

 

“โอ้! คนน้อยกว่าที่คิดอีกแหะ” เสียงของบุคคลที่ไม่คิดว่าจะถูกเชิญมาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน

 

“ตาแก่โทโตไซ มาได้ยังไง มีคนเชิญรึไงกัน” อินุยาฉะพูด

 

“แน่นอน ถ้าไม่เชิญข้าจะมาทำไม”

 

“อย่าบอกนะว่าเส็ตโชมารูไปเชิญท่านเองเลยน่ะครับ” มิโรคุพูดขึ้นอย่างสนใจ

 

“หึ ถ้าไปเชิญเอง ข้าคงฝันร้ายน่าดู”

 

“ข้าก็มานะ กะเมียว! ท่านอินุยาฉะ!”

 

จ๊วบ!!    แป๊ะ!!!

 

“เลิกดูดเลือดข้าซักทีเถอะ ตาแก่เมียวกะ” อินุยาฉะพูดแล้วปล่อยมือที่ตบเมียวกะออก

 

“นานๆ เจอกันที เลือดอร่อยๆ แบบนี้ ก็ต้องดื่มซักหน่อยสิขอรับท่านอินุยาฉะ!”

 

“จะว่าไปเส็ตโชมารูวันนี้หน้าอมทุกข์ยังไงชอบกลนะ เขาไม่ดีใจรึไงที่ได้แต่งงานกับริน” ชิปโปกล่าวอย่างสงสัย

 

“อันนี้ข้าเห็นด้วย ถึงปกติจะทำหน้าตายประจำก็เถอะ แต่เนี่ยมันเห็นได้ชัด อย่างกับมันกำลังทุกข์ใจอะไรอยู่อย่างนั้นแหละ” อินุยาฉะเอ่ยเสริม

 

“น่าๆ พอเสร็จพิธี ส่งตัวเข้าหอแล้ว ฉันว่าเดี๋ยวเขาก็คงจะความสุขเองแหละน่า” ประโยคที่คาโงเมะพูดทำให้ทุกคนพยักหน้าเบาๆ เพราะคิดเหมือนกัน แล้วยิ้มกันออกมาอย่างเขินๆ เว้นแต่เพียงโคฮาคุเท่านั้น

 

         ไม่นานพิธีการก็เริ่มขึ้น บุคคลที่ร่วมทำพิธีทั้งมารดาของเส็ตโชมารู คาเอเดะ และคู่เจ้าบ่าวเจ้าสาว ก็ทำพิธีผ่านไปได้ด้วยดี จนถึงเวลาที่บ่าวสาวจะต้องเข้าหอแล้ว แขกในงานก็แยกย้ายกลับไปในที่ของตน ส่วนบ่าวสาวของงานก็กำลังเดินเข้าปราสาทเพื่อเสร็จสิ้นพิธี

         เส็ตโชมารูเดินนำหน้าสาวน้อยราวกับสติหลุดหาย แต่รินก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเองก็เดินตามหลังอสูรหนุ่มมาตามปกติ

 

“จิตปกป้อง ข้าจะทำดีไหมนะ…” เสียงพึมพำที่เบาเสียจนมันจะหายเข้าไปในลำคอนั้น ไม่สามารถรอดพ้นใบหูอันสอดรู้ของจาเค็นที่เดินอยู่ข้างๆ เจ้านายมันไปได้

 

“เอ๊ะ?! ท่า..ท่านว่าอะไรนะขอรับ” จาเค็นพยายามทวนถามอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจในสิ่งที่มันได้ยิน แต่ก็ไม่มีเสียงใดออกมาจากปากเจ้านายของมันอีกเลย จนมาถึงทางแยกของปราสาทเพื่อแยกย้ายเข้าห้องพัก

 

“เอ๊ะ? สายลม…” สายลมที่พัดเย็นๆ ราวกับจะให้คำอวยพรที่เป็นสุขนั้นพัดผ่านมาตรงหน้าของริน พร้อมกับปิ่นขนนก สิ่งนั้นทำให้รินรู้ว่าเธอคือใคร

 

“ท่านคางูระ... ขอบคุณที่มานะคะ” สาวน้อยกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ ก่อนจะเก็บปิ่นขนนกไว้ในกิโมโนของตน

 

         รินพยายามเรียกเส็ตโชมารู เพื่อจะเล่าเรื่องของคางูระให้ฟัง แต่ก็ไม่เป็นผล เขาไม่มีปฏิกริยาอะไรตอบกลับเธอเลยแม้แต่น้อย

 

“ท่านเส็ตโชมารูคะ?”

 

“...”

 

“เอ่อ...ท่านเส็ตโชมารูคะ?”

 

“...”

 

         เส็ตโชมารูเดินมาถึงหน้าห้องของเขากับรินเรียบร้อย เขาไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากเปิดประตูให้รินเดินเข้าไป สาวน้อยที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเดินเข้าไปทันที ในขณะที่รินกำลังตกใจกับห้องอันกว้างขวางอย่างที่จาเค็นบอกเธออยู่นั้น อสูรหนุ่มก็เลือนปิดประตูเบาๆ แล้วล็อคกลอนลงอย่างแน่นหนา คืนที่เขาไม่อยากให้มาถึง...มันได้มาถึงแล้ว

 

“ข้าจะต้องทำจริงๆ งั้นรึ?...” อสูรหนุ่มพูดพลางมองสาวน้อยที่บัดนี้สนใจของตกแต่งในห้องอยู่

 

         เส็ตโชมารูเดินเข้าไปหารินที่เดินหันหลังให้เขาอยู่ ร่างสูงค่อยๆ ใช้มือทั้งสองโอบเอวร่างบางเอาไว้ ก่อนจะค่อยจุมพิต และลูบไล้เบาๆ ไปที่ซอกคอขาวเนียนนั้น กิโมโนชั้นนอกของร่างบางถูกถอดออกอย่างเบามือ ร่างสูงค่อยๆ จูบไปที่ริมฝีปากของร่างบางอย่างอ่อนโยน และค่อยๆ ดูดดื่มขึ้น มือซุกซนนั้นปลดโอบิสีขาวของร่างบางออก ก่อนจะใช้มือทั้งสองกดตัวร่างบาง แล้วคร่อมร่างเธอลงไปบนฟูกด้านล่างที่ปูไว้อย่างดี ร่างสูงผละริมฝีปากออกจากร่างบาง แล้วค่อยๆ ใช้ริมฝีปากนั้นไซร้ซอกคอนั้นอีกครั้ง

 

“อ๊ะ! ท่านเส็ตโชมารู ริน..ยังไม่พร้อม…อ๊า!” เสียงครางเล็กๆ เล็ดรอดออกมาเพราะความไม่เคย ลมหายใจที่ร้อนผ่าวของร่างสูงทำให้เธอรู้สึกสั่นสะท้าน ถึงอยากจะขัดขืน แต่ก็อ่อนระทวยเพราะความรู้สึกของตัวเอง แต่แล้วร่างสูงก็เอ่ยขึ้นข้างหู

 

“ริน...ข้าขอโทษ…” เสียงที่แหบพล่าและเบาบางทำให้ร่างบางฟังไม่ถนัดนัก

 

“เอ่อ...ท่านว่าอะไรคะ รินไม่ได้ยินเลย” ร่างบางพยายามถามอีกครั้ง แต่แล้วมือทั้งสองของร่างสูงก็กดข้อมือของร่างบางอย่างรุนแรง

 

“โอ้ย!! ท่านเส็ตโชมารูคะ รินเจ็บนะคะ” รินร้องบอกเพื่อให้ร่างสูงรู้ว่าเธอเจ็บ ร่างสูงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วเปลี่ยนไปไซร้ซอกคออีกด้าน นัยน์ตาสีน้ำตาลสบกับนัยน์ตาของร่างสูง ซึ่งบัดนี้มันกลายเป็นสีแดงฉานราวกับเลือด เมื่อเห็นเช่นนั้นร่างบางก็เบิกตากว้างเพราะเริ่มหวาดกลัว

 

“ท..ท่า..ท่านเส็ตโช..มา..รู” ร่างบางเรียกด้วยเสียงสั่นเครือ ซึ่งตอนนี้ร่างสูงแทบจะไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว

 

กรี๊ดดดด!!!!!

 

         เสียงกรีดร้องของรินดังก้องไปทั่วปราสาท ที่บัดนี้ไม่เหลือใครนอกจากจาเค็นที่อยู่ในเรือนเล็กของตน จาเค็นที่กำลังจะเอนตัวลงฟูกนอนด้วยความเหนื่อยล้า กับการจัดงานแต่งของเจ้านาย ก็สะดุ้งจนตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงของรินที่ร้องไม่หยุด พลางคิดว่ามันคงเป็นเรื่องปกติสำหรับคืนแรกของงานแต่งอยู่แล้ว แค่เสียงร้องมันอาจจะฟังดูแปลกไปซักหน่อย

 

“ท่านเส็ตโชมารูก็อยู่ คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง แต่เอ๊ะ?” จาเค็นพลันคิดถึงสิ่งที่เจ้านายมันพึมพำตอนอยู่ที่ทางเดิน กับท่าทีของเจ้านายมันในวันนี้ ท่านว่า...จิตปกป้อง... เอ๊ะ? รึว่า! แบบนั้นเจ้ารินไม่รอดแน่เลย!?!

 

         จาเค็นรีบวิ่งออกจากห้องตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของเจ้านายมัน พลางคิดว่าขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดไว้ แต่ทว่า...พอมาหยุดอยู่หน้าห้องนั้นยิ่งทำให้มันหวั่นใจ เสียงกรีดร้องของรินที่ดังไม่หยุด และดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะความหวาดกลัวและเจ็บปวด พร้อมกับเสียงคำรามราวกับกำลังสนุกสนานนั้น ทำให้จาเค็นแทบเข่าอ่อนทันที ที่ไม่คิดว่าเจ้านายของมันจะเลือกวิธีนี้เพื่อปกป้องริน

 

ปัง!!! ปัง!!! ปัง!!!

 

         จาเค็นทุบประตูที่ถูกล็อคนั้นด้วยมือน้อยๆ ของมัน เพราะอยากให้เจ้านายรู้ตัว และหยุดกระทำกับรินเช่นนั้น

 

“ท่านเส็ตโชมารูขอรับ!!! อย่าทำแบบนั้นเลยนะขอรับ!! ได้ยินข้าไหมขอรับ ท่านเส็ตโชมารู!! ท่านเส็ตโชมารู!!...”

 

กรี๊ดดดด!!!!!

 

         จาเค็นพยายามทุบประตู และตะโกนเรียกเจ้านายของมันอยู่แบบนั้น จนเสียงกรีดร้องของรินเริ่มเบาลง จนสุดท้ายก็เงียบไป เหลือเพียงแต่เสียงคำรามอันแสนป่าเถื่อนนั้น จาเค็นรู้ทันทีว่าเสียงของมัน หรือแม้แต่เสียงของรินที่กรีดร้องตรงหน้าเพราะความหวาดกลัวและความเจ็บปวดนั้น ส่งไปไม่ถึงเส็ตโชมารูเสียแล้ว มันยิ่งกังวลใจกว่าที่เหลือแต่เสียงคำรามของเจ้านายมัน เสียงของรินหายไปแล้ว..ตอนนี้มันได้แค่ยืนรอให้เจ้านายของมันเสร็จกิจเท่านั้น แล้วซักพักเสียงคำรามก็หายไป

 

         เส็ตโชมารูในร่างเปลือยเปล่านั้น กลับมามีสติอีกครั้ง ภาพที่ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นตรงหน้า ภาพสาวน้อยที่เปลือยเปล่าเช่นเดียวกับตน แต่...แน่นิ่ง นิ่งราวกับไม่หายใจ…

 

“ริน!! ริน!! ตื่นสิ! ริน!!...” เส็ตโชมารูจับไหล่ของรินเขย่าเพื่อเรียก แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ จากสาวน้อยตรงหน้า เขาในตอนนี้ร้อนรน ทำอะไรไม่ถูก เขาเอนตัวลงไปเพื่อฟังเสียงหัวใจของริน นั่นทำให้รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่เสียงหัวใจทำไม..มันเต้นเบาเหลือเกิน อสูรหนุ่มพยายามดึงสติกลับมา ก่อนจะประกบปากกับริน เพื่อผายปอดให้อากาศ แล้วฟังเสียงหัวใจอีกครั้ง ที่อย่างน้อยก็ยังเต้นดังมากกว่าเมื่อครู่นัก

 

         สติที่กลับมาสมบูรณ์แล้ว มองภาพที่อยู่เบื้องหน้าอย่างทรมานใจ ร่างกายอันบอบบางของริน บอบช้ำจนไม่เหลือชิ้นดี หยาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างมากมายบนพวงแก้มของเธอยังไม่แห้งดี แขนเล็กทั้งสองนั้นมีรอยช้ำฮ่เลือดจากแรงกดอย่างรุนแรง ร่างกายถูกแต้มไปด้วยจุดแดงมากมาย แต่ที่หนักกว่านั้นคือ...เลือด ฟูกนอนและกิโมโนสีขาวของริน รวมถึงร่างอันเปลือยเปล่าของทั้งเธอและเขานั้นเต็มไปด้วยเลือด เลือดที่เกิดจากการฝังเขี้ยวและเล็บ..เขี้ยวของเขา เล็บของเขา... อสูรหนุ่มพยายามอดกลั้นความโกรธ โกรธตัวเองที่ทำรุนแรงถึงขนาดนี้ ทั้งที่จิตสำนึกสุดท้ายคิดไว้ว่าจะไม่รุนแรงขนาดนี้ แต่แล้ว..สัญชาตญาณดิบของเขาก็ไม่ได้ฟังใจของเขาเลย ร่ายกายที่อ่อนแรงเพราะจิตตกของเขา เดินไปหยิบกิโมโนตัวใหม่มาสวมให้ริน และตัวเขาเอง อสูรหนุ่มใช้มือแกร่งนั้นลูบเรือนผมสีนิลนั้นอย่างเบามือ ก่อนจะจุมพิตอย่างนุ่มนวลลงบนหน้าผาก

 

“ริน...ข้า..ข้าขอโทษ…” เสียงที่รู้สึกผิดอย่างถึงที่สุด ให้พูดตอนนี้มันก็คงส่งไปไม่ถึงรินแล้ว…

 

         จาเค็นที่เดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าห้องนอนของเจ้านาย ก็ยังคงรอให้เจ้านายมันออกมาอยู่แบบนั้น ถึงเสียงทุกอย่างจะเงียบไปแล้วซักพัก แต่ก็ไม่มีวี่แววของเจ้านายมันเลย

 

ปัง!

 

“ท่า..ท่า..ท่านเส็ตโชมารู…” จาเค็นหันไปเรียกเจ้านายของมันตามเสียงเปิดประตูนั้น เหงื่อที่ท่วมตัว และกลิ่นเลือดของอีกฝ่ายยิ่งทำให้มันรู้ทันทีว่าความคิดของมันถูกต้อง

 

“ท่าน...ท่านทำอะไรเจ้ารินรึขอรับ ข้าได้ยินเสียงเจ้ารินร้องก็เลย…” คำพูดถูกขัดขึ้น

 

“จาเค็น” เขาพูดเสียงเรียบ แต่ก็ตกใจอยู่ไม่น้อยที่บอกว่ารินร้อง เพราะเขาเองไม่ได้ยินเสียงของใครเลย นอกจากเสียงคำรามของตัวเอง อสูรหนุ่มรู้ว่าจาเค็นรู้ว่าเขาทำอะไร เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับปีศาจที่จะทำกับปีศาจด้วยกัน แต่ไม่ใช่กับ...มนุษย์

 

“...”

 

“เจ้าเข้าไปดูแลริน เผื่อรินตื่น นางอยากได้อะไรก็หาให้นาง ข้าจะออกไปข้างนอก”

 

“ข้าว่าท่านพักก่อนดีไหมขอรับ พลังท่านยังไม่นิ่งพอ เดี๋ยวจะ…”

 

“...” เส็ตโชมารูไม่ได้ฟังอะไร เขาเหาะออกไปจากตรงนั้นทันที

 

         จาเค็นเดินเข้ามาในห้อง จนมาถึงห้องที่รินนอนอยู่ ห้องนั้นดูดีกว่าที่คิดไว้ รินที่นอนอยู่บนฟูก ใส่กิโมโนอย่างเรียบร้อย และห่มผ้าให้อย่างดี อาจจะเพราะเจ้านายของมันเก็บของให้เข้าที่ก่อนที่มันจะเข้ามา เพราะไม่อยากให้เข้ามาเห็นสภาพอันน่าเวทนาของรินก็เป็นได้ จาเค็นนั่งลงข้างฟูก ก้มมองร่างที่หลับไหลของริน รอยเขี้ยวและรอยเล็บที่คอ รอยเลือดที่ฟูก และเสียงกรีดร้องของรินที่มันได้ยิน ถึงไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่ามันรุนแรงแค่ไหน ยิ่งเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาของรินนั้น ยิ่งทำให้มันหวั่นใจ ว่ารินอาจจะหลับไป โดยไม่ตื่นอีกเลย…

 

ทางด้านเส็ตโชมารู

         ต้นไม้ภายในป่าถูกทำลายอย่างราบคาบด้วยแซ่พิษของเส็ตโชมารู พลังทำลายที่รุนแรงเพราะระบายความโกรธ ทำให้ภูเขาลูกย่อมๆ ลูกหนึ่ง ตอนนี้แทบจะเป็นภูเขาหัวโล้นไปเสียแล้ว เขาได้แต่โมโหกับสิ่งที่ตนทำลงไป ถึงจะคิดไว้แล้วว่าจะต้องร้ายแรงแบบนี้แน่ แต่สิ่งที่เห็นมันมากกว่าที่คิดไว้เป็นร้อย เป็นพันเท่า! เพราะเขาเองก็ไม่เคยกับเรื่องแบบนี้ แม้แต่กับปีศาจด้วยกันเอง จึงไม่รู้ว่ามันจะรุนแรงมากแค่ไหน ยิ่งกับมนุษย์ที่บอบบางแบบรินแล้วล่ะก็...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาเองคงจะหาวิธีอื่น วิธีที่จะไม่ทำให้ทั้งรินและเขาเจ็บปวดทั้งร่างกาย และจิตใจเช่นนี้

         แต่แล้ว...นัยน์ตาสีอำพันก็เริ่มพล่ามัว เสียงหอบหายใจนั้นดังแทบไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่ร่างกายจะทรุดลงไปกับพื้น เส็ตโชมารูใช้พลังมากเกินไป เพราะส่วนหนึ่งการใส่จิตปกป้องก็ต้องใช้พลังปีศาจมากพออยู่แล้ว แต่อีกส่วนหนึ่งเขาก็เอาพลังมาระบายความโกรธ ตอนนี้พลังเริ่มไม่เหลือแล้ว เขารวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายเพื่อเหาะกลับไปปราสาท อย่างน้อยก็ขอให้ได้อยู่ใกล้ๆ ริน

 

“จาเค็น ออกไปได้แล้ว” เสียงเรียบนั้น ทำให้จาเค็นหันไปหาต้นเสียง พบว่าเส็ตโชมารูกลับมาแล้ว ด้วยท่าทางที่ดูเหมือนจะหมดแรงเต็มที กับถังใส่น้ำใบเล็กและผ้าเช็ดตัว

 

“ข้าทำให้ไหมขอรับ” จาเค็นกำลังเดินไปรับถังใส่น้ำกับผ้าเช็ดตัว เพื่อจะทำแทนเจ้านายที่ดูอ่อนแรง

 

“ไม่ต้อง ออกไป ข้าจะทำเอง”

 

“ขอรับ” จาเค็นเดินออกไปพลางหันมามองเจ้านายมันเป็นระยะด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

 

         เส็ตโชมารูนั่งลงข้างฟูกนอนของริน ก่อนจะค่อยถอดกิโมโนของรินออกเพื่อเช็ดตัวให้ น้ำและผ้าเช็ดตัวถูกย้อมไปด้วยสีแดงจางๆ จากรอยเลือดบนตัวริน จนเขาต้องเปลี่ยนน้ำนั้นอยู่บ่อยๆ เมื่อชำระล้างร่างกายให้รินเรียบร้อย อสูรหนุ่มก็เอนตัวลงนอนบนฟูกข้างๆ ริน ด้วยร่างกายที่อ่อนแรง นัยน์ตาสีอำพันนั้นปิดลงไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะเบิกตาขึ้นในรุ่งเช้า

-------------------------------------------------

จบตอนที่ 7

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา