(Inuyasha Fanfiction) Forever Love Sesshomaru&Rin

8.5

เขียนโดย MomijiNI

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.38 น.

  16 ตอน
  6 วิจารณ์
  36.86K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560 00.18 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

8) คืนดี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ณ หมู่บ้านของท่านคาเอเดะ

 

“ข้ามารับของ” เส็ตโชมารูพูดพลางมองไปในบ้านหลังใหม่ของอินุยาฉะและคาโงเมะที่เขาสร้างตอบแทนให้ ว่ามีคนที่เขาไม่ต้องการให้รู้ว่าเขามาอยู่หรือเปล่า

 

“อินุยาฉะไม่อยู่หรอก ไปหมู่บ้านข้างๆ นั่งรอที่นี่ก็ได้”

 

“...” คำตอบเป็นที่น่าพอใจ ก่อนจะนั่งรอของที่ต้องการอยู่หน้าบ้าน

 

“อะนี่ คุณพี่เขย” คาโงเมะพูดพลางยืนห่อผ้าที่มีห่อกระดาษมากมาย นั่นคือสมุนไพรนานาชนิด ที่เธอรวบรวมหามาได้ และบางส่วนที่ขอมาจากไร่ของจิเด็นจิ

 

“...”

 

“นี่ใช้สมานแผลนะ ส่วนนี่ใช้แก้พิษไข้ได้ ส่วนนี่ก็ใช้ห้ามเลือดได้ดี อันนี้กินแล้วจะเพิ่มกำลังวังชาได้ เผื่อนายได้ใช้ แล้วก็มีสมุนไพรอย่างอื่นอีกอยู่ในนี้ ฉันเขียนวิธีใช้ติดไว้ให้ที่ห่อแล้ว กันลืม”

 

“อืม” เขารับห่อผ้านั้นมา แล้วเหาะขึ้นฟ้าไป

 

“ทำไมถึงลงทุนมาหาสมุนไพรเอง รินจัง..เป็นอะไรรึเปล่านะ?” คาโงเมะคิดในใจ

 

         หลายวันก่อน เส็ตโชมารูมาวานให้คาโงเมะหาสมุนไพรทุกชนิดที่พอหาได้ให้เขา เพื่อเอาไปเก็บไว้ใช้ในปราสาทอะจิไซ แต่แท้จริงแล้วเขาตั้งใจเอามันไปรักษาริน ที่ตอนนี้นอนแน่นิ่งไม่ได้สติมาสามวันเต็ม เขาเองก็แอบเรียกหมอที่ปราสาทจิ้งจอกเงินให้มาดูอาการรินอยู่บ้าง แต่เนื่องจากรินไม่ฟื้น การรักษาจึงเป็นไปได้ยากนัก เขาจึงตัดสินใจลองมาหาคาโงเมะที่น่าจะพอรู้เรื่องสมุนไพร เผื่อจะนำมันไปรักษารินได้

-------------------------------------------------

ณ ปราสาทอะจิไซ

 

“รินฟื้นรึยัง?” อสูรหนุ่มถามพลางถือห่อผ้าเดินเข้ามาในห้องที่รินนอนอยู่

 

“เอ่อ..ยังขอรับท่านเส็ตโชมารู”

 

         คำถามของเส็ตโชมารูเป็นสิ่งที่จาเค็นได้ฟังบ่อยที่สุดในช่วงสามวันที่ผ่านมา ทุกครั้งที่นายมันกลับมาที่ปราสาทอะจิไซ ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อวันก็มักจะถามแบบนี้เสมอ และคำตอบของมันก็มักจะตอบแบบเดิมๆ  เพราะมันก็เป็นเรื่องจริง ตั้งแต่คืนนั้น รินก็นอนหลับแบบนี้มาได้สามวัน จนตอนนี้ก็เข้าวันที่สี่แล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่นเลย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปรินอาจจะหลับไม่ตื่นขึ้นมาจริงๆ เพราะเธอไม่ได้ดื่มกินอะไรเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้เจ้านายมันจะพยายามป้อนน้ำให้รินเรื่อยๆ แต่อาหารนั้นสำหรับมนุษย์แล้ว ถ้าไม่ได้กินก็คงต้องตายแน่ๆ ใบหน้าและร่างกายของรินซีดเซียวไร้เลือดฝาด นั่นอาจจะเป็นสัญญาณว่าอาจจะอยู่ได้อีกไม่นานก็เป็นได้

 

“ไปเอาที่บดสมุนไพรมาให้ข้า”

 

“ขอรับ!”

 

         เส็ตโชมารูนั่งลงข้างฟูกนอนของริน ก่อนจะเปิดห่อผ้าออก เพื่อเลือกดูสมุนไพรที่น่าจะพอใช้รักษารินได้ เขาหยิบห่อกระดาษขึ้นดูทีละห่อๆ จนมาหยุดอยู่ที่ห่อสมุนไพรที่ใช้เพิ่มกำลังวังชา เขาเปิดอ่านกระดาษที่แนบมาพร้อมห่อนั้น ในนั้นเขียนถึงวิธีใช้อย่างละเอียด พลางคิดว่าสมุนไพรนี้น่าจะพอช่วยได้ เพราะรินเองก็ไม่ได้มีไข้แต่อย่างใด แต่เพราะไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน อาจจะไม่มีแรง อย่างน้อยๆ ลองดูก็ไม่เสียหายอะไร ไม่นานสิ่งที่เขาต้องการก็มาถึง

 

“ข้าเอามาให้แล้วขอรับท่าน”

 

“จาเค็น ออกไปก่อน”

 

“ขอรับ!” จาเค็นออกไปจากห้องทันที เพราะรู้ว่าเจ้านายคงอยากจะป้อนยาให้ริน โดยที่ไม่อยากให้มันเห็น แบบที่ป้อนน้ำให้รินทุกครั้ง มันก็มักจะโดนไล่ออกมาเสมอ

 

         เส็ตโชมารูจัดแจงนำสมุนไพรนั้นมาบด และคั้นเอาแต่น้ำออกมาจำนวนหนึ่ง ตามวิธีที่คาโงเมะเขียนให้เขา ก่อนจะเอามันป้อนให้กับริน

 

“ริน...เจ้ากินยาซักหน่อยนะ”

 

         เส็ตโชมารูอุ้มรินขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแกร่งของเขา ก่อนจะยกถ้วยยาที่คั้นน้ำเรียบร้อยแล้วเทเข้าไปในปากของตัวเอง ใช้มือแกร่งบีบปากรินเล็กน้อย แล้วประกบปากเข้ากับรินเพื่อป้อนยาเข้าไปให้ได้มากที่สุด เมื่อป้อนยาเรียบร้อย ก็วางรินให้นอนลงบนฟูกดังเดิม นัยน์ตาสีอำพันมองร่างที่หลับไหลนั้นด้วยความเศร้าใจ พลางคิดในใจ หากเธอไม่ตื่นขึ้นมาเขาจะทำเช่นไร? จิตปกป้อง...หึ! ของบ้าๆ พรรค์นั้น ถ้าเธอไม่รอด แล้วมันจะเหลืออะไร ก็ไม่ต่างอะไรที่ปกป้องคนๆ นึงไว้ไม่ได้ มันเป็นความเสี่ยงที่ประเมินค่าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย...

         อสูรหนุ่มนั่งเฝ้ารินอยู่เช่นนั้น เนิ่นนานจนได้เวลาที่จะต้องป้อนยาให้รินอีก เขาเอาสมุนไพรมาทำวิธีต่างๆ เช่นเดิม แต่แล้วเสียงที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็ดังขึ้น

 

แค่กๆ! แค่กๆ!

 

         อสูรหนุ่มที่ประกบปากกับสาวน้อยอยู่เบิกตากว้างทันทีที่ตอนนี้ รินได้สติแล้ว!

 

“ริน!...เจ้าฟื้นแล้ว” น้ำเสียงที่ดีใจอย่างที่สุด กำลังที่จะกอดสาวน้อยผู้เป็นภรรยา แต่ทว่า…รินดิ้นและพยายามผละออกจากตัวเขาจนสำเร็จ สายตาของรินเปลี่ยนไป นัยน์ตาสีน้ำตาลนั้นมีแต่ความหวาดกลัวที่มอบให้อีกฝ่าย สาวน้อยพยายามคลานถอยหลังหนีอสูรหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า น้ำตาของรินไหลราวสายของน้ำตก ปฏิกิริยาของรินทำให้เส็ตโชมารูใจสลายทันที ภาพตรงหน้าทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งนัก แต่ก็คงจะเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของริน นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดไว้มานานแล้ว ตั้งแต่คิดได้ว่าจะใส่จิตให้ริน ว่ายังไงซะ มันก็คงจะจบแบบนี้ แต่ถ้าปกป้องรินได้ ต่อให้รินเกลียดเขาแค่ไหน เขาก็ยอม…

 

“เจ้าคงจะหิว ข้าจะให้จาเค็นเอาอาหารมาให้เจ้า” เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ก่อนจะเก็บห่อผ้าและที่บดยา แล้วเดินออกจากห้องไป

 

“...” รินนั่งเงียบ ได้แต่มองอสูรหนุ่มตรงหน้าเดินออกจากห้องไปด้วยความกลัว

 

“จาเค็น!!” เสียงเย็นชานั้นทำให้ปีศาจกบตัวจ้อยที่นั่งหลับอยู่หน้าห้องนอนของเจ้านายมันสะดุ้งตื่นทันที

 

“ขอรับ ท่านเส็ตโชมารู”

 

“รินฟื้นแล้ว”

 

“จริงรึขอรับ!!” จาเค็นที่ได้ยินประโยคนั้นก็ดีใจจนน้ำตาไหลพราก แต่มันเองก็แปลกใจที่เจ้านายของมันดูไม่รู้สึกอะไรเลย นัยน์ตาสีอำพันนั้นอ้างว้าง จนมันเองก็ตกใจไม่น้อย

 

“เจ้าไปหาอาหารให้รินด้วย รินคงหิวมากแล้ว”

 

“แล้วท่านจะไปไหนขอรับ ไม่อยู่กับรินก่อนรึขอรับ!”

 

“นางคงไม่อยากเจอข้า ข้าจะไปทำงานที่ปราสาทใหญ่ เจ้าดูแลรินด้วย ค่ำๆ จะกลับมา” พูดจบเขาก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว

 

         จาเค็นเดินเข้าไปหารินทันทีที่เส็ตโชมารูไป รินที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่มุมห้อง ทำให้เข้าใจที่เจ้านายมันพูดทันที มันค่อยๆ เดินเข้าไปหาริน ก่อนจะเอ่ยถาม

 

“เจ้าริน เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”

 

“ท่านจาเค็น ฮือๆ ข้า..ข้ากลัว…ฮือๆๆ”

 

“เจ้าไม่ต้องพูดหรอก ข้ารู้ ข้าเข้าใจ เจ้าหิวไหม? ข้าจะหาอะไรให้เจ้ากิน”

 

“หิวค่ะ”

 

“แต่จะใช้เวลานานหน่อย เจ้าดื่มน้ำไปก่อนนะ จะได้มีแรง”

 

“ค่า ท่านจาเค็น”

-------------------------------------------------

ณ ปราสาทของอาณาจักรสุนัขอสูรจิ้งจอกเงิน

 

“ไงล่ะ เส็ตโชมารู ชีวิตคู่เจ้าไม่ราบรื่นรึยังไง? ทำไมกลิ่นมนุษย์บนตัวเจ้ามันถึงได้จางมากนักล่ะ”

 

“...” เขานิ่ง เพราะมันก็เป็นเรื่องจริง นับตั้งแต่วันที่รินฟื้น จนผ่านมาจะสองเดือนแล้ว เขาไม่ได้คุยกับรินเลยซักคำ ทุกครั้งที่จะเข้าใกล้รินจะเดินหนีเขาตลอด เขาเองก็เข้าใจรินดี แต่ถึงจะมีเรื่องอะไร หลังจากเสร็จงานจากปราสาทใหญ่แล้ว เขาจะกลับไปนอนปราสาทอะจิไซทุกครั้ง เพราะเป็นห่วงริน ถึงแม้จะต้องนอนพิงประตูหน้าห้องของตัวเองก็ตาม

 

“รึเจ้าทำอะไรนาง?”

 

“...” เขาอึ้งไปเล็กน้อย

 

“หน้าแบบนั้น ใช่จริงๆ สินะ” น้ำเสียงของผู้เป็นมารดาแฝงไปด้วยความสงสัย

 

“มีสาส์นไร้สาระแบบนั้นส่งมาอีกรึเปล่าท่านแม่?”

 

“ตอนนี้ยัง เจ้าจะบอกข้าได้รึยังว่าเจ้าทำอะไรนาง?”

 

“ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

 

“เจ้าตอบไม่ตรงคำถามของข้า บอกข้ามานะเส็ตโชมารู!!” ผู้เป็นมารดาเริ่มทำเสียงเข้ม

 

“...”

 

“หรือเจ้าใส่จิตปกป้องให้นาง!”

 

“ท่านไม่ต้องห่วงหรอก เสียพลังไปแค่นั้น ข้าก็ไม่ได้อ่อนแอลงเลย”

 

“คิดว่าข้าห่วงเจ้างั้นรึ เส็ตโชมารู ที่ข้าห่วงคือเมียเจ้า!”

 

“...” เส็ตโชมารูอึ้งกับคำพูดนั้น ท่านแม่เป็นห่วงรินงั้นรึ เขาหูฝาดไปรึไงกัน

 

“เจ้าคิดจะปกป้องนางด้วยวิธีเช่นนั้น หึ! อัปยศสิ้นดี แค่แรงเจ้าธรรมดาก็มากพออยู่แล้ว นี่เจ้ากลายร่างทำกับนางเช่นนั้น โชคดีแค่ไหนแล้วที่นางยังมีชีวิตอยู่!” นางพูดอย่างผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวบนโลกนี้มานาน กลิ่นของรินที่ติดตัวลูกชายมาบางๆ ทำให้รู้ว่ารินยังมีไม่ตาย

 

“แค่ทำให้นาง กับอาณาจักรปลอดภัย ท่านก็น่าจะพอใจแล้วไม่ใช่รึ”

 

“แค่เจ้าขอร้องข้าซักนิด แค่นางคนเดียวข้าก็ปกป้องให้เจ้าได้”

 

“ข้าไม่จำเป็นต้องให้ท่านช่วยหรอกท่านแม่”

 

“กับแค่อาณาจักร กับแค่จะปกป้องนาง เจ้าถึงกับยอมทิ้งความรู้สึกของเจ้าที่รอคอยมาเป็นสิบปีเลยรึ เส็ตโชมารู…”

 

“...” น้ำเสียงที่อ่อนลง ทำให้เส็ตโชมารูเริ่มคิด เขารอที่จะได้อยู่กับรินอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้เขายอมทิ้งความสุขนั้น ความสุขอย่างเดียวของเขาไป เพื่อแลกกับศักดิ์ศรี อาณาจักร แต่คนที่เขารักต้องเจ็บปวด มันดีแล้วจริงๆ หรือ?

 

“ถ้าเจ้ายังเหลือหัวใจ หัวใจที่ไม่หยิ่งในศักดิ์ศรี ข้าแนะนำว่าเจ้า...ควรไปปรับความเข้าใจกับนางซะ เส็ตโชมารู” ผู้เป็นมารดาพูด ก่อนที่ลูกชายจะเดินหายลับเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว

 

         ผู้เป็นมารดาได้แต่คิดว่าลูกชายตนนั้นแบกรับอะไรมากไปหรือเปล่า แววตาแห่งความสุขของเส็ตโชมารูหายไป ตั้งแต่ได้รับสาส์นนั่น ทั้งที่เธอพยายามทำให้เขามีความสุข อย่างน้อยก็ให้ลูกชายได้แต่งงานกับคนที่รัก แต่ตอนนี้ดูเหมือนความสุขนั่นจะพังไปซะแล้ว เธอพอจะมีทางช่วยอะไรได้บ้างไหมนะ?

-------------------------------------------------

ณ ปราสาทอะจิไซ

 

         เส็ตโชมารูกลับมาจากปราสาทใหญ่ เขาคิดเรื่องที่ท่านแม่ของเขาพูด พลางคิดไปว่า ถ้าเขาอยากให้ความสุขนั้นกลับมา เขาต้องทำยังไงนะ? เขาเดินเข้ามาในปราสาทจนมาหยุดอยู่หน้าห้องของตนกับริน เขาเดินเข้าไปทันที เพราะกลิ่นของรินไม่ได้อยู่ในห้อง เขาเดินเข้ามานั่งอยู่ข้างฟูกของริน จะว่าไปเขายังไม่เคยเข้ามานอนจริงๆ จังๆ ในห้องนี้ซักครั้ง ส่วนใหญ่ก็นั่งหลับเสียมากกว่า คืนนี้จะเข้ามาปูฟูกนอนดีไหมนะ? ฉับพลันเสียงประตูก็เปิดขึ้น กลิ่นแบบนี้ เธอคงกลับมาแล้ว ไม่นานก็ปรากฏร่างสาวน้อยผู้เป็นภรรยาตรงหน้า

 

“ริน…”

 

“...” รินไม่พูดอะไร แต่หันหลังให้อสูรหนุ่มทันที พลางรีบเดินไปที่ประตู แต่อสูรหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

 

“ข้าไม่ได้มาทำอะไรเจ้า ข้าแค่อยากจะคุยกับเจ้าเท่านั้น”

 

“...” รินชะงัก และหันกลับมาสบนัยน์ตาของอสูรหนุ่มอย่างช้าๆ

 

“มาหาข้าจะได้ไหม?”

 

“...”

 

         หน้าตาที่นิ่งเฉยเช่นเดิมของเขา แต่น้ำเสียงที่ราวกับจะขอร้องเธอ ทำให้รินตัดสินใจเดินเข้าไปหาอสูรหนุ่มอย่างช้าๆ เธอเองก็ต้องการเขาเช่นกัน แต่เธอยังกลัว กลัวจะเป็นเหมือนคืนนั้น รินเดินเข้าไปนั่งลงตรงหน้าของอสูรหนุ่ม แต่แล้วมือแกร่งนั้นก็ยกขึ้นมาอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าของริน ทำให้รินสะดุ้งทันที เส็ตโชมารูเห็นเช่นนั้นก็ค่อยๆ เอามือออกแล้วกำมือนั้นไว้แน่น เขาเองแค่อยากจะสัมผัสพวงแก้มของเธอเพียงเท่านั้น แต่รินคงยังกลัวเขาอยู่ จากนั้นเขาก็เอ่ยขอบางอย่างจากริน ซึ่งก็ไม่ได้มั่นใจในคำตอบซักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ มันก็อาจจะทำให้เขามีความสุขได้บ้าง

 

“คืนนี้ข้า...ขอนอนหนุนตักเจ้าได้รึไม่ แบบที่เจ้าให้ข้านอนคืนนั้นในถ้ำ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเจ้ามากไปกว่านี้”

 

“...” รินพยักหน้าเบาๆ บ่งบอกว่าเธออนุญาต

 

         ในห้องนั้นมีแต่ความเงียบงัน รินที่ไม่ปริปากพูดกับอสูรหนุ่มซักคำ ก็ค่อยๆ เดินไปนั่งบนฟูกของตน ก่อนจะนั่งพิงหลังกับผนังห้อง รินสบตาสีอำพัน และพยักหน้าเบาๆ เพื่อให้รู้ว่าเธอเตรียมตัวพร้อมแล้ว เส็ตโชมารูเห็นดังนั้น ก็ค่อยๆ คลานเข้าไปนอนหนุนตักภรรยาทันที นัยน์ตาสีอำพันปิดลงทันทีหนุนตัก เขาดีใจที่รินให้โอกาสเขา มันเป็นความสุขเล็กๆ ที่เขาอยากเก็บมันไว้ให้นานที่สุด ส่วนรินเองนั้นก็ก้มลงมองผมสีเงินยาวสลวยนั้นอย่างโหยหา เธอไม่เคยโกรธเขา แต่แค่หวาดกลัวเท่านั้น เพราะยังไงเขาก็ยังเป็นสามี เป็นคนที่เธอรัก ท้ายที่สุดรินก็ปิดเปลือกตาเข้าสู้ห้วงนิทราไป

 

         เช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นอีกครั้ง เส็ตโชมารูตื่นไปทำงานที่ปราสาทใหญ่ก่อนที่รินจะตื่น เพราะกลัวเธอจะรำคาญเขา ถึงอยากจะนอนต่อก็ตาม ส่วนรินเองที่ตื่นหลังจากนั้น และรู้ดีว่าเขาไปไหน ก็จัดแจงทำกิจวัตรประจำวันของตน เพราะวันนี้เธอมีแผนที่จะไปเยี่ยมท่านคาเอเดะกับพวกจาเค็น และอะอุน ซึ่งเป็นการออกนอกเขตปราสาทครั้งแรกของเธอ ตั้งแต่ได้มาอาศัยอยู่ที่นี่

 

“ท่านจาเค็น เร็วๆ สิคะ หมู่บ้านมันไกลนะคะ เดี๋ยวก็กลับมาค่ำกันพอดี” รินเรียกจาเค็นที่ยังดูงัวเงียอยู่ พร้อมกับถือคันธนูและกระบอกใส่ลูกศรออกมาด้วย

 

“หน่าๆ ข้ารู้แล้ว อ่าว! แล้วนั่นเจ้าเอาไปทำไมรึ?” จาเค็นถามถึงของที่อยู่ในมือรินอย่างสงสัย พลางขึ้นขี่อะอุน

 

“เผื่อไว้น่ะค่ะ อะอุนไปกันเถอะ” รินตอบแล้วบังคับอะอุนทะยานขึ้นฟ้าไปทันที

 

         หลังจากทั้งสามออกจากปราสาทอะจิไซมาได้เกือบครึ่งทาง รินเริ่มรู้สึกได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังจะเข้ามาหาตั้งแต่ออกจากปราสาท แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะเข้าใกล้ขึ้นทุกที จนรินรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ที่เธอไม่ได้รู้สึกมานานตั้งแต่วางมือจากการเป็นมิโกะ

 

“ไอปีศาจ…” เธอพึมพำออกมา และเริ่มจะเห็นบางอย่างมาจากข้างหน้า

 

“เอ๊ะ? รินเจ้าว่าอะไรนะ”

 

“หมอบลงค่ะท่านจาเค็น!!” เธอตะโกนบอกจาเค็นอย่างร้อนรน

 

ตุบ! ตุบ!! ตุบ!!

 

         ทั้งสามตกลงมาจากฟ้ากันไปคนละทิศละทาง แต่ก็ไม่ไกลกันมาก รินคาดการณ์ผิดที่คิดว่ามีปีศาจมาทางข้างหน้า แต่นั่นเป็นแค่ตัวหลอก มีปีศาจอีกตัวมาจากด้านข้าง แล้วเหวี่ยงตัวมาชนกับอะอุน ทำให้ตกลงมา แต่โชคยังดีที่ตกลงมาไม่สูงมาก เพราะรินเองพอรู้ตัวว่าจะเกิดอันตราย ก็บังคับอะอุนให้อยู่ต่ำๆ ทันที

         ทั้งสามตกลงมาใกล้ๆ กับป่าแห่งหนึ่ง รินพยายามตั้งสติควานหาคันธนู และลุกขึ้นเพื่อจะไปดูทุกคน แต่ทว่า...ตรงหน้าของเธอ แต่ก็ไกลพอสมควร กลับปรากฏอสูรหนุ่ม ร่างกายกำยำ มีเรือนผมสีดำสนิท และนัยน์ตาสีแดงฉาน มองจ้องเธอเขม็ง

 

“โอ้! ความรู้สึกไวดีนี่ สาวน้อย…แต่ก็พลาดไปหน่อยนะ” เสียงทุ้มกล่าว

 

“ท่านจาเค็น กับอะอุนเป็นอะไรรึเปล่าคะ?” รินไม่ได้สนใจคำพูดของอสูรหนุ่มคนนั้นเลยแม้แต่น้อย เธอลุกขึ้นนั่ง ในมือนั้นกำคันธนูไว้แน่น แล้วเหลียวมองหาจาเค็นและอะอุนที่อยู่ด้านหลัง เพื่อถามความปลอดภัยของทั้งคู่

 

“ข้าไม่เป็นไร เจ้ารินระวัง!!!” มันตกใจที่เหล่าอีกาสีดำทมิฬจำนวนหนึ่งพุ่งเข้าใสรินจากด้านหลัง

 

ฟิ้ว!!!

 

“...” รินหันกลับมายิงธนูใส่ได้ทันท่วงที

 

“ศรปราบมารงั้นหรอ! แหม..สาวน้อยเจ้าเนี่ยไม่ธรรมดาเลยนะ สมแล้วกับที่เป็นเมียของจอมอสูรผู้ยิ่งใหญ่” มันพูดพลางเดินเข้ามาใกล้รินเรื่อยๆ

 

“เจ้าริน!!”

 

“ชิ!..” รินพยายามวิ่งหนีออกจากตรงนั้น แต่ก็ดันไปสะดุดกับเถาวัลย์หนามอย่างแรง เพราะกิโมโนของเธอไม่เหมาะกับการบุกป่าฝ่าดงซักเท่าไหร่ เท้าขวาของเธอมีแผลลึกเพราะโดนหนาม แต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาอ่อนแอ การที่เคยเป็นมิโกะมาก่อนทำให้เธอได้ความเข้มแข็ง และจะไม่แสดงความอ่อนแอให้ศัตรูเห็นเด็ดขาด เพราะถ้าแสดงออกมาสิ่งนั้นก็จะกลายเป็นจุดอ่อนของเธอทันที

 

“จะไปไหนล่ะสาวน้อย มาเป็นตัวหมากให้เผ่าคาราสุของข้าก่อนสิ” เสียงทุ้มเอ่ย

 

“ได้โปรดช่วยพวกเขาด้วย...” รินไม่ตอบอะไรอสูรหนุ่ม แต่นั่งท่องมนต์ก่อนจะขว้างนกกระดาษสองตัวที่อยู่ในกิโมโนของเธอ ไปที่จาเค็นและอะอุนอย่างละตัว

 

“เอ๊ะ? นี่เจ้าเป็นใครกัน?” จาเค็นสงสัยกับสิ่งที่ปรากฏตรงหน้ามัน

 

“ข้าชื่ออุเมะขอรับ เป็นภูตรับใช้ท่านริน ทางที่ดีข้าว่าท่านอย่าออกไปจากเขตอาคมนี่ดีกว่านะขอรับ”

 

“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้าหึ! ข้าจะออกไปช่วยเจ้าริน! เปรี๊ยะ!!!” เขตอาคมดีดจาเค็นกลับเข้ามากลางวงเช่นเดิม

 

“ก็ข้าบอกแล้วไงขอรับ ว่าอย่าออกไป”

 

“ห่วงคนของเจ้างั้นรึ ตอนนี้ข้าว่าเจ้าควรห่วงตัวเองก่อนนะสาวน้อย ถ้ามากับข้าดีๆ ข้าจะให้เจ้าเป็นชายาของจอมอสูรผู้ยิ่งใหญ่คนต่อไปดีไหมล่ะ เจ้าน่าจะชอบนะ 555” เสียงทุ้มพูดอย่างยียวน ก่อนจะหัวเราะออกมา

 

“หุบปาก!!!” รินพูดอย่างโมโห

 

“พูดกับข้าได้ซักที ปากคอเราะร้ายเหมือนมันเลยนะ ทั้งที่เจ็บขนาดนั้น ยังจะมาปากดีอีก สมุนข้า จัดการเอาตัวมันมา!!!”

 

“เจ้าริน!!!”

 

         สิ้นเสียงอสูรหนุ่ม อีกาสีดำทมิฬเป็นร้อยๆ ตัว ก็กรูกันเข้ามาทางรินอย่างบ้าคลั่ง รินที่ลุกไปไหนไม่ได้เพราะเจ็บแผล ก็ได้แต่นั่งยิงธนูอยู่จุดเดิม จนอีกาเหล่านั้นค่อยๆ บางตา แต่ทว่า...ดันมีอีกฝูงหนึ่งมาจากด้านหลังของเธอ รินที่กำลังยิงอยู่ทางด้านหน้าและด้านข้าง มองอย่างตกใจ

 

“แย่ละ ไม่ทันแน่!!” ลูกศรในมือปล่อยออกไปยิงทางด้านหน้า แต่ด้านหลังนั้นก็บินตรงดิ่งเข้ามาใกล้เธอแล้วเช่นกัน รินหลับตาปี๋ เพราะรู้ว่ายังไงก็ยิงไม่ทันแน่ พลางนึกถึงคนที่เธอรักอย่างสุดหัวใจ...ท่านเส็ตโชมารู...

 

ฉ่า!!!!!

 

“นี่มัน...อะไรกัน?!!” รินเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินเสียง อีกาที่เข้ามาหาเธอจากด้านหลังละลายสลายไปทันทีที่ชนเข้ากับแสงสีฟ้าประหลาดรอบตัวเธอ

 

“โอ้!! พลังของท่านเส็ตโชมารูออกมาแล้ว!!!” จาเค็นพูดพลางกระโดดดีใจอยู่ในเขตอาคม

 

“จิตปกป้อง! ไอ้เจ้าบ้านั่นมันทำได้งั้นรึ ยัยนี่เล่นยากซะแล้ว ต้องรีบกลับไปบอกที่เผ่าก่อนล่ะสิ…” อสูรหนุ่มคิดในใจ พลางมองรินอย่างไม่เชื่อสายตา และพยายามจะหนี แต่รินก็เอ่ยขัดขึ้นซะก่อน

 

“หึ! มันจบแล้วล่ะ แกตาย!!” รินพูดและกระตุกยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่ลูกศรดอกสุดท้ายจะยิงเข้าไปที่ร่างของอสูรหนุ่ม และสลายหายไปในอากาศ

 

         เมื่อทุกอย่างจบลง รินก็เรียกภูติรับใช้ของตนกลับมา พลางคิดไปว่าถึงเธอจะเคยล่าปีศาจ แต่ก็ไม่เคยมากมาย และจะเสี่ยงตายถึงเพียงนี้ มือของรินที่กำธนูยังคงสั่น

ใจนั้นเต้นแรงจนอึดอัด เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น ถ้าไม่มีแสงประหลาดนั่น เธอคงตายเป็นรอบที่สามแน่ จาเค็นที่ออกจากเขตอาคมได้ ก็วิ่งเข้ามาดูรินทันที

 

“แผลเจ้าลึกน่าดูเลยนะริน กลับปราสาทก่อนดีไหม?”

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะท่านจาเค็น อย่ามาลำบากใจกับมันเลย เราไปกันต่อเถอะค่ะ”

 

         คำพูดของรินทำให้จาเค็นอึ้งไป รินดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทั้งที่ตอนเด็กเอาแต่เรียกหาท่านเส็ตโชมารู แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เธอมีจิตใจที่เข้มแข็งและกล้าหาญมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก

-------------------------------------------------

ณ หมู่บ้านของท่านคาเอเดะ

 

“เจ้าไปฟัดกับใครมาล่ะริน ถึงได้เป็นสภาพแบบนี้ แล้วเจ้าเส็ตโชมารูมันไปไหนซะล่ะ ทำไมมันไม่มาช่วยเจ้า” อินุยาฉะเอ่ยถามริน

 

“นั่นปากหรอที่พูดฮะ อินุยาฉะ” ชิปโปพูด

 

“นั่งลงเดี๋ยวนี้!”

 

“อ้ากก!!”

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดูแล้วก็เหมือนไปฟัดจริงๆ” รินพูดแล้วยิ้มบางๆ

 

“ว่าแต่มันเป็นปีศาจแถวไหนล่ะครับ?” มิโรคุถาม

 

“ข้าไม่รู้หรอกคะ แต่เห็นเรียกว่า คาราสุ” รินพูด

 

“อินุยาฉะ เจ้ารู้จักรึเปล่า?” คาเอเดะถาม

 

“ข้าเคยได้ยินนะ แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกมันเป็นใคร”

 

“แต่รินจังฆ่ามันไปแล้วหนิ ข้าว่าคงไม่ต้องห่วงแล้วมั้ง” ซังโกะพูด

 

“ช่างมันเถอะๆ รินจังปลอดภัยก็ดีแล้ว” คาโงเมะพูดพลางทำแผลให้ริน

 

“นี่ก็จะเย็นแล้ว ข้าคงต้องกลับก่อนนะคะทุกคน”

 

“มาแปบเดียวเองนะเนี่ย”

 

“ไว้วันหลังข้าจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ แต่ถ้าว่างๆ พวกท่านก็แวะไปเยี่ยมข้าได้นะคะ ลาก่อนคะ”

 

“เดี๋ยวพี่ออกไปส่ง” คาโงเมะกล่าว แล้วเดินตามรินออกจากบ้านไป

 

“ค่ะ”

 

“นี่รินจัง”

 

“คะ ท่านคาโงเมะ”

 

“เมื่อเดือนที่แล้ว เส็ตโชมารูลงทุนมาขอให้พี่หาสมุนไพรให้ ช่วงนั้นรินเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ?”

 

“ข้าไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ ท่านอาจจะอยากเอาไปเก็บไว้ให้ข้าใช้ที่ปราสาทล่ะมั้งคะ” รินตกใจกับคำถามเล็กน้อย แต่ก็ไม่บอกอะไร เพราะยังไงมันก็เป็นแค่เรื่องของสามีภรรยาเท่านั้น

 

“งั้นหรอ พี่ก็นึกว่าเกิดอะไรขึ้น เส็ตโชมารูเองก็ดูเศร้าๆ ด้วย แต่ถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้วล่ะจ่ะ พี่จะได้ไม่ต้องห่วง”

 

“เจ้าริน!! ข้าไปจับปลามาได้เยอะเลยล่ะ” จาเค็นตะโกนพร้อมกับขี่อะอุนเข้ามาหาริน

 

“ดีจังเลยค่ะท่านจาเค็น งั้นข้าไปก่อนนะคะท่านคาโงเมะ”

 

“จ้า เดินทางปลอดภัยนะ” คาโงเมะกล่าวพลางมองทั้งสามทะยานขึ้นฟ้าไป

-------------------------------------------------

ทางด้านรินและจาเค็น

 

“นี่ ท่านจาเค็น” รินเอ่ยถามหลังจากออกมาจากหมู่บ้านได้ซักพัก

 

“เจ้าจะถามอะไรข้าอีกล่ะ”

 

“เอ่อ..เมื่อตอนที่สู้กันกับพวกอีกาน่ะค่ะ ตอนที่แสงสีฟ้าแวบขึ้นมา ข้าได้ยินท่านพูดว่า พลังของท่านเส็ตโชมารู มันหมายความว่ายังไงหรอคะ?”

 

“เฮ้อ..ข้าไม่อยากเล่าหรอก เพราะมันเกี่ยวกับเรื่องคืนนั้นของเจ้า เดี๋ยวจะทำให้เจ้าคิดถึงเรื่องนั่นซะเปล่าๆ”

 

“...เล่ามาเถอะค่า ข้าฟังได้”

 

“เจ้าแน่ใจรึ?”

 

“อืม”

 

“แสงนั่นน่ะ เขาเรียกว่า จิตปกป้อง แล้วจิตปกป้องของเจ้าก็เป็นพลังพิษของท่านเส็ตโชมารูไงล่ะ”

 

“จิตปกป้อง?”

 

“คือ..เอ่อ..เวลาพวกปีศาจมีอะไรกันมักจะชอบกลายร่าง แล้วเวลากลายร่างพลังของทั้งสองก็จะแลกเปลี่ยนกัน ให้มีพลังที่กล้าแข็งขึ้น แต่ถ้าปีศาจมีอะไรกับมนุษย์แล้วกลายร่าง พลังของปีศาจตนนั้นจะถูกแบ่งออกไปส่วนหนึ่งให้กับมนุษย์คนนั้น และจะทำให้พลังของปีศาจตนนั้นลดลง พลังที่มนุษย์ได้จะเหมือนกับปีศาจที่ให้พลังไป พลังมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปีศาจตนนั้นด้วย มันจะคอยเป็นโล่ป้องกัน อย่างน้อยๆ ก็การโจมตีถึงเนื้อถึงตัวล่ะนะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีปีศาจตัวไหนกล้าทำจิตปกป้องหรอกนะ เพราะมันมีความเสี่ยงสูงเกินไป…”

 

“ยังไงหรอคะ?”

 

“มนุษย์น่ะบอบบาง ความเสี่ยงที่ว่าก็คือตาย เพราะความรุนแรงที่จะได้รับมันมากมายเกินไป และถ้าปีศาจที่ให้พลังมีพลังไม่มากพอ ปีศาจนั่นก็ตายเช่นกัน เจ้าก็น่าจะพอเข้าใจนะ ก็ผ่านมันมาแล้วหนิ”

 

“...”

 

“แต่ถ้ามนุษย์คนนั้นรอด จิตปกป้องก็จะปกป้องมนุษย์คนนั้นไปตลอด จนกว่าปีศาจที่ให้พลังจะตาย นั่นก็ถือว่าคุ้ม เพราะปึศาจอายุขัยยาวนานกว่านัก”

 

“แสดงว่าข้าเป็นคนโชคดีสินะคะ”

 

“อันนั้นมันก็แล้วแต่เจ้าคิด ข้าไม่ขอออกความเห็น”

 

         หลังจบบทสนทนาทั้งหมด รินก็เข้าใจทุกอย่างทันที เหตุผลที่เส็ตโชมารูทำกับเธอเช่นนั้น เพราะอะไร ความรู้สึกของเขาตอนนี้จะเป็นเช่นไร ทุกอย่างมันถูกไขออกหมดแล้ว

-------------------------------------------------

ณ ปราสาทอะจิไซ

         เส็ตโชมารูกลับจากปราสาทใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า วันนี้เขากลับดึกกว่าทุกวัน เพราะออกไปช่วยกองทัพพันธมิตรทำศึก ถึงจะไม่มีแผลมากมาย แต่ก็สู้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ความเหนื่อยเมื่อยล้าก็ถาโถมเข้ามา เขาเดินเข้ามาจนถึงหน้าห้องเดิมที่เขามักจะนอนอยู่บ่อยๆ อสูรหนุ่มทรุดตัวลงพิงกับประตูหน้าห้อง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไป

         เสียงพิงประตู ทำให้คนข้างในห้องรู้ทันทีว่าสามีกลับมาถึงปราสาทแล้ว รินเดินออกไปเปิดประตูเบาๆ ก่อนจะมองหาอสูรหนุ่ม ซึ่งเธอกะไว้ว่าจะชวนเขาเข้าไปนอนในห้องดีๆ แต่ก็พบว่าเขาหลับไปเสียแล้ว คำพูดแรกจากรินที่ไม่พูดกับอสูรหนุ่มมาเกือบสองเดือนก็พูดขึ้น

 

“ท่านเส็ตโชมารูคะ…”

 

“เสียงของริน นี่ข้า...ฝันงั้นรึ?” เสียงคุ้นเคยทำให้อสูรหนุ่มกึ่งหลับกึ่งตื่นเพราะความเพลีย พูดพึมพำออกมาดังพอที่คนใกล้ๆ อย่างรินจะได้ยิน ก่อนจะขำเบาๆ

 

“ท่านไม่ได้ฝันค่ะ ตื่นเถอะนะคะ รินไม่อยากลากท่านเข้าห้อง…” รินกระซิบข้างหูของอสูรหนุ่มอย่างแผ่วเบา

 

“...” อสูรหนุ่มเบิกตากว้างทันที ที่สิ่งที่เขาได้ยินไม่ใช่ความฝัน รินอยู่ข้างๆ ข้า นี่ตัวจริงสินะ

 

“เข้าห้องเถอะค่ะ ข้างนอกอากาศเย็น”

 

“อืม” เขาเดินตามรินเข้าไปทันที ถึงจะรู้สึกแปลกใจ แต่ถ้าเธอยอมพูดกับเขา ก็แสดงว่าเธอคงให้อภัยบ้างแล้ว

 

         ฟูกของรินถูกปูไว้เรียบร้อย จะแปลกตาก็เพราะมีฟูกอีกผืนปูคู่กันข้างๆ เขานั่งอยู่ข้างฟูกนั้นอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ นอกจากมองภรรยาเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ก่อนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

 

“ท่านมองรินทำไมคะ?” รินหันมาสบตากับอสูรหนุ่มเพื่อถาม

 

“เท้าเจ้าไปโดนอะไรมา” เขาถามอย่างสงสัย

 

“ไว้รินจะเล่าให้ฟังนะคะ” รินยังไม่อยากเล่า เพราะตอนนี้เธอก็เพลียเช่นกัน

 

“เจ้า...หายโกรธข้าแล้วรึ?” เขาเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้ทันที

 

“รินไม่ได้โกรธอะไรท่านหนิคะ”

 

“เจ้าโกรธ”

 

“ไม่ค่ะ รินแค่กลัว”

 

“...”

 

“รินโกรธท่านไม่ลงหรอกค่ะ ก็รินรักท่านหนิคะ” รินยิ้ม แล้วเดินมาหาอสูรหนุ่ม

 

“ริน..” เขาดีใจกับคำพูดของรินจนพูดอะไรไม่ออก

 

“รินปูฟูกให้แล้ว มานอนนะคะ”

 

“ถ้าเจ้ายังกลัวข้าอยู่ ข้าออกไปนอนข้างนอกเหมือนเดิมก็ได้นะ”

 

“ไม่ค่ะ มานอนข้างๆ รินนะคะ ริน...คิดถึงท่าน”

 

“ริน...ทำไมเจ้า…” คำพูดทุกคำของริน ทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ นั่นทำให้เขารู้สึกเหมือนมีชีวิตอีกครั้ง

 

“ท่านน่าจะบอกเรื่องจิตปกป้องกับรินนะคะ”

 

“ถ้าข้าบอกเจ้าจะให้ข้าทำรึ?”

 

“ไม่อยู่แล้วค่ะ ถ้าท่านจะต้องมาเสียพลังเพราะริน ท่านยิ่งไม่จำเป็นต้องทำเลย”

 

“...” เขาฟังคำตอบแล้วพลางคิดว่า ก็เพราะแบบนี้ เขาถึงไม่บอก

 

“รินดูแลตัวเองได้ค่ะ”

 

“แต่ข้าอยากปกป้องเจ้า”

 

“...” รินยิ้ม

 

“ข้าขอโทษเรื่องคืนนั้น ข้า…” เสียงพูดถูกหยุดด้วยจุมพิตอันแสนอ่อนโยนของริน ก่อนจะค่อยๆ ผละริมฝีปากออก

 

“นอนเถอะนะคะ ท่านเหนื่อยมากแล้ว” รินพูดพลางเอนตัวนอนลงบนฟูกของตนเอง

 

         เส็ตโชมารูเอนนอนลงบนฟูกของตนอย่างมีความสุข เขามองภรรยาที่หลับอยู่ข้างเขาพลางยิ้มออกมา โดยไม่มีใครเห็น มือแกร่งอันซุกซนเอื้อมไปจับมือภรรยา แล้วกำไว้แน่นราวกับจะไม่ปล่อยให้เธอไปไหน ก่อนจะค่อยๆ เขยิบตัวเขาไปใกล้ภรรยาแล้วกระซิบข้างหูว่า…

 

“ข้ารักเจ้านะ ริน…”

-------------------------------------------------

จบตอนที่ 8 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา