(Inuyasha Fanfiction) Forever Love Sesshomaru&Rin
8.5
เขียนโดย MomijiNI
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.38 น.
16 ตอน
6 วิจารณ์
36.47K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560 00.18 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
12) ความจริงในใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความณ ถ้ำจอมเวท
ในห้องที่มืดมิด แสงที่เล็ดลอดเข้ามาในบานหน้าต่าง ถึงแม้จะเล็กน้อยแต่ก็ทำให้มองเห็นสภาพภายในห้อง ที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงามเป็นพิเศษ เด็กชายและเด็กหญิงทั้งสองถูกเรียกออกมาเพื่อให้กางเขตอาคมให้กับเจ้าของห้อง โดยที่เจ้าของห้องเป็นคนเรียกมาเอง รินนั่งจับเจ่ากอดเข่าอยู่มุมห้องที่ซึ่งไม่มีแสงสว่างส่องถึง เขตอาคมที่ใช้นั้นทำให้เธอแทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรจากภายนอกเลย แต่นั่นก็เป็นความมุ่งหวังของรินอยู่แล้ว
“ท่านรินเจ้าคะ ท่านวากานะเอาสำรับอาหารมาให้เจ้าค่ะ” บาระเอ่ยบอกริน
“เจ้าไปเอาเข้ามาให้ข้าก็แล้วกันนะบาระ”
“เจ้าค่ะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รินทำแบบนี้ ตั้งแต่มาอยู่ที่ถ้ำจอมเวทนี้ นี่ก็ได้เกือบสองอาทิตย์ รินก็ยังคงเก็บตัวเงียบ ไม่คุยกับใครนอกจากอุเมะ และบาระ ที่เป็นภูติรับใช้ของเธอ ทุกคนในถ้ำรู้เรื่องดีจึงปล่อยให้รินอยู่ไปแบบนั้นเพื่อให้รินทำใจ ถึงแม้จะเป็นห่วงก็ตาม และดูแลในส่วนที่พอจะดูแลได้ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของเวลา และจิตใจของรินเท่านั้น
“วากานะ ท่านรินยังไม่ทานข้าวอีกรึ?” มาซาฮิโระมองไปที่สำหรับอาหาร ที่ดูเหมือนไม่มีร่องรอยการตักอาหารแต่อย่างใด ยกเว้นแต่แก้วน้ำที่ไม่มีน้ำเหลืออยู่เลยในมือของวากานะ
“ทานแล้วค่ะท่านพี่ แต่…เฮ้อออ” วากานะถอนหายใจเบาๆ ใบหน้าของมาซาฮิโระเศร้าลงเล็กน้อย ไม่ต่างจากวากานะ พลางคิดว่าข้าวปลาอาหารหารที่แตะเพียงน้อยนิดนั้น ไม่รู้ว่าคนในห้องนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้
เช้าวันใหม่ที่สดใส ถ้ำที่เคยครึกครื้นบัดนี้กลับเงียบกริบ เพราะผู้ที่เป็นต้นเหตุแห่งความครึกครื้นนั้น ยังคงอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน เซย์เมย์ วากานะ และมาซาฮิโระก็ทำหน้าที่ตามปกติเหมือนกับทุกวัน แต่...
“อ้าว...เจ้าริน ตื่นแล้วรึ?” ชายชราตกใจเล็กน้อย แล้วเอ่ยทักสาวน้อยที่ไม่ได้เห็นหน้ามานานถึงจะอยู่ในถ้ำนี้ก็ตาม ใบหน้าที่ยังคงเศร้าหมอง และซีดเซียว ดวงตาที่แดงและบวมช้ำ บ่งบอกได้ดีว่าเธอยังทำใจไม่ได้ แต่ที่ออกมาจากห้องอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง
“ท่านริน ทานข้าวหน่อยไหมครับ…”
“ใช่ค่ะท่านริน เดี๋ยวข้าจะไปเอามาให้นะคะ…”
สองพี่น้องที่อึ้งไม่ต่างจากชายชรา ดึงสติกลับมาก่อนจะเอ่ยชวนรินทานข้าวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ข้าขอออกไปเดินเล่นได้ไหมคะ..” รินเอ่ยขออนุญาต นั่นทำให้ทุกคนที่พูดอยู่เงียบไปตามๆ กัน
“ได้สิ” ชายชราเอ่ยอนุญาต การให้รินออกไปข้างนอกบ้างอาจจะทำให้รินรู้สึกดีขึ้น
รินเดินออกจากถ้ำทันทีที่ได้รับอนุญาต มุ่งหน้าเข้าไปในป่าใกล้ๆ กับถ้ำ มาซาฮิโระเองที่รู้สึกเป็นห่วง จึงเดินตามรินเข้าไปในป่า โดยทิ้งระยะห่างเพื่อไม่ให้รินรู้ว่าเขาตามไป
ชายหนุ่มเดินตามรินมาเนิ่นนานจนรู้สึกว่ารินเดินมาไกลจากถ้ำมาก และไม่เห็นว่าจะมีที่ไหนให้เดินเล่นนอกจากป่าเขียวทึบนี้ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังคิด รินก็กลับหยุดชะงัก จนทำให้ชายหนุ่มแทบจะหาที่หลบไม่ทัน ก่อนจะเดินเปลี่ยนเส้นทาง ชายหนุ่มค่อยๆ เดินตามไปเรื่อยๆ เส้นทางที่ปรากฏอยู่หน้ามันคือ..หน้าผาสูงชัน รอบๆ นั้นมีหินน้อยใหญ่มากมาย เขามองรินที่เดินไปทางนั้น เธอเดินเขาไปใกล้ผานั้นขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่จุดสิ้นสุดของหน้าผา รินที่กำลังเอนตัวลงไป ยิ่งทำให้ชายหนุ่มตื่นตระหนก
“ท่านริน อย่าบอกนะว่าท่านจะ..”
มาซาฮิโระรีบวิ่งตรงไปหารินทันที เมื่อถึงตัวเขารีบคว้าแขนของรินให้ออกห่างจากหน้าผานั้น ชายหนุ่มดึงรินมากอดในอ้อมอกอุ่นของเขาอย่างแนบแน่น ราวกับไม่อยากจะให้จากไปไหน นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง ใบหน้าของรินซุกกับอกแกร่งนั้นอย่างตกใจ มือน้อยๆ พยายามจะดันออกจากอกแกร่งนั้น แต่ชายหนุ่มก็กอดเธอแน่นเสียจนทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยกับรินด้วยความตื่นตระหนก
“ทำไมท่านทำแบบนี้ครับ ทำไมท่านเอาชีวิตมาทิ้งแบบนี้ ท่านอย่าตายนะครับ ข้าจะไม่ให้ท่านตาย…”
“ข้าแค่..มาเก็บดอกไม้เองค่ะ”
“...” มาซาฮิโระคลายวงแขนเบาๆ ก่อนจะมองไปที่ริน ที่ในมือน้อยนั้นกำดอกซุยเซ็นสีเหลืองอ่อนไว้แน่น รู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ได้โกหกเขา
“ข้าไม่คิดสั้นขนาดนั้นหรอกค่ะ” รินดันชายหนุ่มออกอีกครั้ง ถึงจะคลายวงแขนแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังคงกอดเธออยู่
“ทำไมท่านมาเก็บดอกไม้อะไรในที่แบบนี้ล่ะครับ รู้ไหมครับว่าทำให้ข้าตกใจขนาดไหน”
“ข้ารู้แล้วค่ะ แต่ตอนนี้..ปล่อยข้าก่อนเถอะนะคะ”
“เอ่อ..คือ..ข้า..ขอโทษครับ” มาซาฮิโระรีบผละออกจากรินทันที เขาลืมตัวที่กอดเธอไว้แน่นเพียงนั้นเพราะตกใจ รินที่ถูกปลดปล่อยจากการกอดรัดรู้สึกโล่งใจ ก่อนจะล้มลงนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่แถวนั้น
“ท่านตามข้ามา..” รินเอ่ยท้วง
“ก็ข้าเป็นห่วงท่านรินหนิครับ” เขาพูดอย่างไม่ปิดบัง ด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับอยากให้เธอรู้ความรู้สึกเขา
“...” รินนิ่วหน้ามองชายหนุ่มอย่างสงสัย น้ำเสียงของเขายิ่งทำให้เธอตะขิดตะขวงในใจ ก่อนที่มาซาฮิโระจะลืมตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป
“เอ่อ..ทุกคนก็เป็นห่วงท่านครับ..ท่านอยากไปเก็บดอกไม้ที่ไหนอีกรึเปล่าครับ? ข้าจะไปเป็นเพื่อน” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องทันทีที่บรรยากาศเริ่มเงียบงัน
“ไม่แล้วล่ะค่ะ ข้าอยากกลับแล้ว”
“งั้นก็กลับกันเถอะครับ”
เขาเดินหันหลังกลับไปทางถ้ำทันทีที่พูดจบ แต่ทว่า...รินนั่งนิ่งอยู่บนหินก้อนใหญ่นั้นโดยไม่ลุกขึ้นยืน หรือเดินตามเขามาจนเขาสงสัย
“ท่านริน..”
“คือ..เมื่อกี้ที่ท่านดึงรินน่ะค่ะ เท้ามันไปฟาดกับหิน ก็เลย…” รินพูดพลางเลิกกิโมโนขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยฮ่อเลือดและรอยช้ำเขียวที่เท้า บ่งบอกถึงแรงที่ถูกฟาดได้เป็นอย่างดี มาซาฮิโระหน้าซีดเผือด ทั้งๆ ที่เขาคิดจะช่วยรินแต่กลับทำให้รินบาดเจ็บซะนี่
“ท่านริน..ข้าไม่ได้ตั้งใจ” เขาพูดอย่างรู้สึกผิด
“ข้ารู้ค่ะ” รินยิ้มบางๆ ให้
“งั้น...ข้าขออนุญาตนะครับ”
“อ๊ะ!?!”
ร่างบางลอยขึ้นเหนือพื้นทันทีที่มาซาฮิโระพูดจบ รินถูกโอบอุ้มโดยแขนแกร่งนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว มือน้อยที่กำดอกซุยเซ็นพยายามดันอกแกร่งนั้น แต่คนอุ้มคงไม่ยอมปล่อยลงโดยง่าย นัยน์ตาของทั้งคู่สบกันราวกับตั้งใจ หากแต่มาซาฮิโระเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเสียก่อนจะเอ่ยคำพูด
“เอ่อ..เรากลับไปที่ถ้ำเถอะนะครับ ถ้าปล่อยให้ท่านรินเดิน เท้าอาจจะระบมได้”
“งั้น...ก็ได้ค่ะ..”
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทอะจิไซ
ปราสาทหลังเดิม เพียงแต่มีคนอาศัยใหม่ คาโอริเดินรอบปราสาทอย่างไม่ค่อยพึงใจ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ห้องครัว เพื่อจะยกน้ำชาไปให้เส็ตโชมารู ถึงแม้ปราสาทที่นี่จะใหญ่โตโอ่อ่า แต่กลับไม่มีบ่าวรับใช้ซักคน จะทำอะไรแต่ละทีก็ต้องทำด้วยตัวเองทุกอย่างจนน่าหงุดหงิด
“มีอำนาจเมื่อไหร่ ข้าจะสั่งให้มารับใช้ซักร้อยคนคอยดูสิ!”
คาโอริยกถาดน้ำชาเดินพึมพำมาเรื่อยๆ ตามระเบียงทางเดิน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องนอนของเส็ตโชมารู
มนตร์มายาที่ได้รับสืบทอดมาโดยเฉพาะสตรีในตระกูลจิ้งจอกขาวเก้าหางนั้นใช้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจนัก ตั้งแต่เกิดเรื่องอสูรหนุ่มก็ไม่ไปที่ปราสาทใหญ่เลย นี่ก็จะเข้าอาทิตย์ที่สามแล้ว เขาได้แต่ขลุกอยู่กับคาโอริที่ปราสาทอะจิไซ หลงอสูรสาวจนไม่เป็นอันทำอะไร
แต่ถึงจะหลงเพียงใดก็ไม่ได้ทำให้คาโอริพอใจนัก เพราะเส็ตโชมารูยังไม่ได้ให้ในสิ่งที่เธอต้องการ นั่นคือการให้กำเนิดบุตรชาย ที่ผ่านมานี้ถึงอสูรหนุ่มจะพิศวาสเธอเพียงใด แต่ก็ไม่ได้ล่วงเกินเธอเลยแม้แต่น้อย มากที่สุดก็เพียงแค่จูบเธอเท่านั้น อสูรสาวรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะเธอเองก็ใช้มนตร์แรงถึงเพียงนี้ ถ้าเป็นอสูรตนอื่นป่านนี้เธอคงมีลูกเป็นโขยง แต่เพราะเป็นบัญชาว่าต้องเป็นเส็ตโชมารูเท่านั้น เธอจึงปฏิเสธไม่ได้
คาโอริที่ยืนหยุดอยู่หน้าประตูห้อง ค่อยๆ เพ่งร่ายมนตร์ที่ตั้งใจร่ายให้แรงกว่าทุกคราลงในถ้วยน้ำชาในมือก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องนอน โดยที่เส็ตโชมารูกำลังอ่านตำราอยู่
“มาแล้วค่ะท่านพี่” อสูรสาวเอ่ยพลางยกน้ำชาให้เส็ตโชมารู แต่ทว่า..
เพล้ง!!!
ถ้วยน้ำชาแตกกระจายไปทั่วบริเวณนั้น คาโอริได้แต่กัดฟันอย่างเจ็บใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่มันจะตกแตก เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น แผนของเธอคงพังไม่เป็นท่า ลมประหลาดที่พัดมาทุกครั้งที่เธอให้เส็ตโชมารูดื่มชา ราวกับจะขัดขวางเพราะรู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไร
“ลมบ้านี่อีกละ มันต้องไม่ใช่แค่ลมธรรมดาๆ แน่!” อสูรสาวคิดในใจ ก่อนจะรีบเก็บเศษถ้วยเหล่านั้น แล้วเอ่ยกับเส็ตโชมารู
“ข้าจะไปเอามาให้ใหม่นะเจ้าคะ”
“งั้นข้าไปด้วย เจ้าจะได้ไม่ต้องยกมาให้เหนื่อย”
เส็ตโชมารูเดินโอบไหล่คาโอริมาจนถึงห้องครัว ก่อนที่คาโอริจะผละออกเพื่อไปเทน้ำชาและร่ายมนตร์โดยไม่ให้เส็ตโชมารูเห็น ไม่นานอสูรหนุ่มก็เดินตามเข้าห้องครัวมา แต่ก็โชคดีที่คาโอริร่ายมนตร์ได้ทันท่วงที ก่อนจะยื่นถ้วยน้ำชาให้อสูรหนุ่มอีกครั้ง
“นี่เจ้าค่ะ”
เส็ตโชมารูรับมาแล้วยกจิบทันที นัยน์ตาสีอำพันนั้นเริ่มพล่ามัว ร่างกายรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเซล้มแต่หากอสูรสาวเข้ามาช่วยประคองร่างนั้นไว้ พลางกระตุกยิ้มเบาๆ
“ท่านพี่เจ้าคะ...”
“ข้าคงจะเพลีย” เขาพูดพลางเอามือกุมขมับ
“งั้นข้าจะพาไปที่ห้องนอนนะเจ้าคะ”
อสูรสาวประคองร่างเส็ตโชมารูมาจนถึงห้องนอน เธอเปิดประตูออก ก่อนจะพาไปที่ฟูก อสูรหนุ่มค่อยๆ นั่งลงบนฟูก ร่างกายที่เริ่มร้อนรุ่ม สติเริ่มจะเลือนหาย พลันมีความต้องการบางอย่างแทรกเข้ามาในสตินั้น อสูรหนุ่มดึงร่างอสูรสาวเข้ามาแนบกาย ก่อนจะกดร่างนั้นลงบนฟูก นัยน์ตาสีอำพันจ้องมองร่างตรงหน้าอย่างต้องการ อสูรสาวยิ้มอย่างพึงใจก่อนจะเอื้อมปลดโอบิ และค่อยๆ ดึงกิโมโนของอสูรหนุ่ม มือที่ลูบไล้สัมผัสอกแกร่งนั้นยิ่งทำให้อสูรหนุ่มสั่นสะท้านจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ก่อนจะได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น ภาพสาวน้อยชาวมนุษย์ก็พลันโผล่เข้ามาในสติอันน้อยนิดของเขา..
“ท่านเส็ตโชมารู
ได้โปรด..อย่าลืมรินแบบนี้..”
การกระทำทุกอย่างของเขาถูกหยุดลง เพียงแค่ใบหน้าของรินที่แวบเข้ามาในสมอง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงภวังค์
“มนุษย์คนนั้นอีกแล้ว.. เจ้าเป็นใคร? ทำไมข้าถึงต้องรู้สึกผิดทุกครั้งเวลาที่เห็นใบหน้าของเจ้า สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่นางแต่กลับเป็นเจ้า… ทำไมกัน?..”
มือแกร่งทั้งสองคลายออกจากข้อมือของอสูรสาว แล้วดึงกิโมโนของตนขึ้นมาสวมใส่ไว้ดังเดิม เส็ตโชมารูได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งกับฟูกพลางใช้มือแกร่งกุมขมับไว้ อสูรสาวดูท่าทีว่าคงเสียแผนอีกตามเคยได้แต่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ
“ท่านพี่..”
“ข้า...อยากจะ...แต่งงานกับเจ้าให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อน” เขาพูดบ่ายเบี่ยง
“งั้น..เมื่อไหร่ล่ะเจ้าคะ?”
“เมื่อท่านแม่ของข้ากลับมา ข้าจะไปคุยกับท่านเอง”
“เอ่อ..เจ้าค่ะ”
อสูรสาวเริ่มตระหนก เมื่อพูดถึงนายหญิงของปราสาท ผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน แถมยังเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยมไม่ต่างจากลูกชายนัก ถ้าหากเธอถูกจับได้ว่าใช้มนตร์กับเส็ตโชมารู เธออาจจะไม่รอดเป็นแน่ แผนเดียวที่จะพอช่วยอาณาจักรจิ้งจอกขาวของท่านพ่อของเธอได้ คงมีเพียงแค่รีบมีบุตรกับเส็ตโชมารูให้เร็วที่สุด ทั้งนายหญิงหรือแม้แต่เส็ตโชมารูจะได้ไม่กล้าปฏิเสธเธอ
“คืนนี้..คงจะต้องใช้มนตร์ต้องห้ามแล้วสินะ” คาโอริพึมพำพลางปรายตามองไปทางเส็ตโชมารู
-------------------------------------------------
ณ ถ้ำจอมเวท
ค่ำคืนแห่งความเงียบงันนั้น ยังคงมีเสียงสะอื้นเบาๆ ผ่านประตูออกมาจากห้องๆ หนึ่งภายในถ้ำ วากานะได้แต่ยืนพิงประตูนั้นฟังเสียงสะอื้นไห้ของรินอย่างหดหู่ ถึงรินจะยอมออกมาพูดคุย หรือทำกิจกรรมต่างๆ ตามปกติ แต่พอเข้าห้องนอนทีไรวากานะก็มักจะได้ยินเสียงเช่นนี้เสมอ
เธอสงสารและเป็นห่วงรินอย่างจับใจ พลันนึกถึงสิ่งที่ผู้เป็นพี่ชายเล่า เรื่องวันนั้น วันที่รินถูกไล่ออกจากปราสาท หากแต่สามีภรรยาคู่นี้มีปัญหากันอยู่เนืองๆ นั่นก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เส็ตโชมารูจะมีสตรีคนใหม่ แต่เท่าที่เห็นมันไม่ใช่ ทั้งคู่เขาก็รักกันดี แต่ทำไมล่ะ? อะไรทำให้เส็ตโชมารูหลงสตรีผู้นั้นจนต้องไล่รินออกจากปราสาท
วากานะเห็นดังนั้นจึงอยากจะพิสูจน์เพื่อช่วยริน ถึงแม้จะผิดต่อพี่ชายเธอก็ตาม เธอเดินออกไปนอกถ้ำอย่างเงียบๆ ก่อนจะเรียกภูติรับใช้ที่เป็นนกกระเรียนสีขาวตัวใหญ่ออกมาเพื่อใช้เป็นพาหนะ และทะยานบินขึ้นฟ้าไป
มาซาฮิโระเดินออกจากห้องเพื่อจะไปยังห้องของวากานะ หากแต่ข้างห้องของน้องสาวนั้นคือห้องของริน เสียงร่ำไห้ที่เงียบไปนั้นบ่งบอกได้ว่าคนในห้องคงหลับไปเสียแล้ว ชายหนุ่มค่อยๆ เปิดประตูและเดินเข้าไปจนพบรินที่หลับอยู่บนฟูก น้ำตาบนใบหน้านั้นยังไม่ทันจะแห้งดี เธอคงจะร้องไห้จนหลับไปอีกตามเคย ชายหนุ่มนั่งลงข้างฟูก มือแกร่งนั้นค่อยๆ ปาดซับน้ำตาอย่างเบามือ แต่ทว่า..มือน้อยนั้นคว้ากำมือแกร่งเอาไว้แน่นทั้งที่ยังคงหลับตา เสียงพึมพำที่ดังราวกับเสียงกระซิบก็ถูกเอ่ยออกมาจากปากของริน
“ไหนท่านสัญญาว่าจะไม่ลืมรินไงค่ะ…”
“...”
“ตอนรินเป็นเด็กท่านเคยสัญญาว่าจะไม่มีวันลืมรินไม่ใช่หรือคะ…”
“...”
“ทำไมล่ะคะ? ฮือๆ ทำไม? ทำไม? ฮือๆ...”
น้ำตาไหลอาบมือแกร่งนั้น แรงสะอื้นยิ่งทำให้ใจของชายหนุ่มแทบขาด เขาเกลียดภาพเช่นนี้ ภาพที่สาวน้อยตรงหน้ากำลังร้องสะอื้นอย่างน่าสงสาร มือแกร่งอีกข้างเอื้อมจับที่ไหล่ของริน ก่อนจะเขย่าร่างที่หลับไหลให้ตื่นจากห้วงภวังค์
“ท่านรินครับ ท่านริน ตื่นเถอะครับท่านริน…”
รินตื่นเพราะแรงเขย่า ก่อนจะลืมตาแล้วพบว่าชายตรงหน้าไม่ใช่สามีของเธอ
“ท่าน...มาซาฮิโระ…” รินเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะรีบปล่อยมือออกจากมือแกร่ง พลางลุกขึ้นนั่งบนฟูกอย่างรีบร้อน
“ตื่นเถอะครับ..”
“ข้าตื่นแล้วหนิคะ”
“ตื่นจากความฝันซักทีเถอะครับ”
“...” รินอึ้ง ก่อนจะเงยหน้ามองชายหนุ่ม
“อสูรตนนั้นเขาลืมท่านแล้วครับ ท่านอย่าได้เรียกร้องหาเขาอีกเลย”
“...” นัยน์ตาสีน้ำตาลมองต่ำ บ่งบอกถึงความเศร้าสร้อยในคำพูดของชายหนุ่ม
“ข้าไม่อยากเห็นท่านทรมานแบบนี้”
“ข้า...ไม่ได้ทรมานอะไรหนิคะ” รินสบตาสีไพลินนั้นอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยบอก
“ไม่ทรมาน? แล้วที่นอนร้องไห้จนหลับไปทุกคืนแบบนี้ นั่งเหม่อเวลาอ่านตำรา ข้าวปลาก็ทานไม่ลง นี่ไม่ทรมานหรือครับ!”
“...” นัยน์ตาสีน้ำตาลมองต่ำลงอีกครั้ง คำพูดนั้นทำให้เธอแปลกใจเล็กน้อยที่ชายหนุ่มสังเกตพฤติกรรมเธอละเอียดถึงเพียงนี้
“ทุกคนเป็นห่วงท่าน”
“ข้ารู้ค่ะ”
“แต่...ข้าเป็นห่วงท่านมากกว่าทุกคน”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยออกมา ทำให้สิ่งที่รินตะขิดตะขวงในใจนั้นถูกคลายออก เหตุผลที่เส็ตโชมารูกับมาซาฮิโระไม่ค่อยจะลงรอยกันนักเวลาเจอหน้า ก็ถูกคลายให้กระจ่างด้วยเช่นกัน
“นี่ท่าน…”
“ท่านริน...มีใจให้ข้าบ้างไหมครับ?”
เป็นจริงอย่างที่รินคิด ที่ผ่านมามาซาฮิโระรักเธอมาโดยตลอด รินอึ้งกับคำถามของเขา แต่ก็ไม่ใช่คำถามที่จะทำให้รินตอบยากแต่อย่างใด
“ข้ามีความรู้สึกดีๆ ให้กับท่านนะคะ แต่ข้าไม่ได้มีใจให้ท่านค่ะ”
“...”
“เวลาข้าอยู่กับท่าน ข้ารู้สึกอบอุ่นเหมือนได้อยู่กับ..พี่ชาย..เท่านั้น…” คำตอบประโยคใดๆ ก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีเลย
“บอกข้า..อีกทีเถอะครับ..ได้โปรด..คิด..คิดใหม่อีกซักที…”
มือแกร่งเอื้อมจับมือน้อยทั้งสองอย่างเบามือ ชายหนุ่มพูดพลางเขยิบกายแนบชิดกับรินให้มากขึ้น เสียงหัวใจของชายหนุ่มเต้นระรัวราวกับกลองที่ถูกตีไม่หยุด ใบหน้างามราวกับเทพบุตรโน้มเข้าหารินอย่างตั้งใจ ริมฝีปากที่กำลังจะประกบเข้าหากันนั้น กลับถูกคำพูดของรินเอ่ยออกก่อนจะหยุดชะงักไป
“ต่อให้ท่านใกล้มากกว่านี้ ข้าก็ไม่รู้สึกอะไรจริงๆ ค่ะ”
“...” นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองอย่างจริงใจ บ่งบอกว่าคำพูดของรินไม่ได้โกหก เสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะปกติของริน ยิ่งเป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับชายหนุ่มยิ่งนัก
“ข้าซื่อสัตย์กับความรักของข้า ข้า..ขอโทษนะคะ”
“ซื่อสัตย์? เพื่ออะไรกันครับ ในเมื่ออสูรตนนั้นก็ไม่ได้ซื่อสัตย์กับท่านเลย”
“ต่อให้ข้าต้องเป็นหม้าย ข้าก็จะรักท่านเส็ตโชมารูคนเดียว”
“..อย่า...ทำแบบนั้นเลยนะครับ ท่านยังมีข้า ข้าไม่สนว่าท่านจะเคยมีอดีตยังไง ถ้าท่านอยู่กับข้า ข้าสัญญาว่าจะภักดีต่อท่านผู้เดียว ข้าจะให้ท่านทุกอย่างเท่าที่ชายคนหนึ่งจะให้แก่หญิงอันเป็นที่รักได้ เราจะมีครอบครัว มีลูกๆ ที่เป็นมนุษย์ ไม่ใช่ครึ่งอสูร ลูกๆ จะไม่ลำบากในการใช้ชีวิตด้วย เราจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข ลองคิดดูสิครับ คิดดูอีกที...นะครับ..” น้ำเสียงและนัยน์ตาสีไพลินนั้นอ้อนวอน ราวกับอยากให้สาวน้อยตรงหน้าตอบตามอย่างที่ใจเขาคิด
“ข้าขอบคุณสำหรับความรักที่ท่านมีให้กับข้านะคะ ท่านดีกับข้าเหลือเกิน แต่ข้าต้องขอโทษจริงๆ ที่ข้าไม่สามารถรับความหวังดีของท่านได้...ขอโทษ..ข้าขอโทษ..นะคะ”
“ท่านริน…”
“...” รินร้องไห้มากมายราวกับสายฝน เธอรู้สึกแย่ที่ต้องปฏิเสธความหวังดีของคนที่ดีกับเธอมากที่สุด
“อย่าร้องนะครับ ข้าเคยบอกแล้วไงครับว่าน้ำตาไม่เหมาะกับท่าน” ชายหนุ่มยิ้มให้ริน ก่อนจะใช้มือแกร่งนั้นปาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“ค่ะ..ข้าจะ..ไม่ร้อง”
“ข้า..ขอถามท่านซักอย่างได้ไหมครับ”
“ค่ะ”
“ถ้าสามีท่านมาตามท่านกลับไป ท่าน..จะกลับไปไหมครับ?” รินครุ่นคิดซักพักก่อนจะตอบคำถามกลับไป
“ข้า...ยังไม่รู้..”
“งั้นหรอครับ..แต่ถ้าเขามาจริงๆ ข้าจะไม่ให้เขาได้ท่านกลับไป...โดยง่าย”
“ท่านจะทำอะไรคะ?” รินถามอย่างสงสัย
“ถ้าเขาต้องการตัวท่าน เขาต้องข้ามศพข้าไปก่อนครับ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ให้เขาได้ท่านกลับคืนไปแน่” ชายหนุ่มพูดทีเล่นทีจริง ทำเอารินอึ้งไปเล็กน้อย
“อย่านะคะ...ท่านสู้เขาไม่ไหวหรอกค่ะ ได้โปรด..อย่า..”
“ข้าจะสู้ครับ ไม่ใช่เพื่อตัวข้า แต่เพื่อท่านครับ ท่านริน”
“...”
“ท่านไม่ใช่สิ่งของ ที่คิดอยากจะทิ้งตอนไหนก็ทิ้ง วันใดอยากจะได้คืนก็มาควานหา แล้วก็เอากลับไป” ชายหนุ่มพูดเสียงเข้ม
“ข้า..ไม่รู้ว่าจะตอบแทนความจริงใจของท่านยังไง แต่..ข้าอยากจะบอกให้ท่านรู้ไว้ ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง ข้าก็จะยังเลือกท่านเส็ตโชมารูอยู่ดี…” รินพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น จนชายหนุ่มไม่กล้าที่จะโต้ตอบอะไรกลับไป
“ครับ...ข้ารู้...ข้าว่าท่านควรจะพักผ่อนได้แล้วนะครับ ข้ารบกวนเวลาท่านมามากแล้ว ข้าขอตัวนะครับ”
รินพยักหน้ารับเบาๆ ชายหนุ่มปล่อยมือแกร่งทั้งสองออกจากมือของริน ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป เขาปิดประตูห้องอย่างเบามือ ก่อนจะนั่งทรุดตรงหน้าประตูนั้นอย่างทรมาน จิตใจนั้นปวดร้าวราวกับมันกำลังจะแตกสลาย
ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่เลือกเขา
ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้แม้แต่จะเป็นตัวสำรอง...
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทอะจิไซ
ในคืนเดียวกันนั้น ม่านอาคมสีหม่นถูกกางครอบคลุมรอบปราสาท พลังชั่วร้ายรุนแรงนั้นทำให้ดอกอะจิไซรอบปราสาทแห้งตายเสียเกือบหมด อสูรสาวมองดวงจันทร์ยามค่ำคืนผ่านหน้าต่างห้องครัวแล้วแสยะยิ้ม นัยน์ตาหวานสีทองปรายตามองอสูรหนุ่มผู้ที่จะตกเป็นสามีของเธอในคืนนี้อย่างพึงใจ ลมประหลาดที่พัดชนเข้ากับเขตอาคมรอบปราสาทอยู่เนืองๆ ยิ่งทำให้คาโอริได้ใจ
“ไม่มีใครช่วยท่านได้ ข้าต้องเอาท่านกลับไปเป็นเขยของท่านพ่อข้าให้จงได้!”
ห่อกระดาษเล็กๆ ถูกหยิบออกจากอกเสื้อ ผงละเอียดสีขาวถูกเทออกจากห่อกระดาษนั้นลงไปยังถ้วยชาจนหมดห่อ พร้อมกับร่ายมนตร์ต่อเพิ่มความรุนแรงเพื่อให้แผนไม่พลาด
ไม่นานถ้วยชาก็ถูกยกไปให้อสูรหนุ่มที่ยืนรอเธออยู่หน้าห้องครัว เส็ตโชมารูยกชาขึ้นจิบจนหมดอย่างไม่ลังเล ร่างกายเริ่มร้อนผ่าวเช่นคราวก่อน หากแต่คราวนี้ร้อนราวกับจะถูกแผดเผา ปลุกสัญชาตญาณดิบในกายให้ร้อนเร่า มือแกร่งเอื้อมหาร่างเพื่อสนองตัณหาของตน หากแต่ไม่พ้นอสูรสาวตรงหน้าที่กระตุกยิ้มอย่างผู้มีชัยในความสำเร็จ อสูรสาวปลดเปลื้องกิโมโนเนื้อดีสีสวยนั้น เผยเรือนร่างอันงดงามอย่างไม่ขลาดอาย อสูรหนุ่มที่ไร้ซึ่งสติใดๆ ดึงอสูรสาวเข้าไปในห้องครัว ดันร่างนั้นติดกับผนัง แล้วจู่โจมเรือนร่างนั้นอย่างบ้าคลั่ง คาโอริยืนนิ่งไม่ขัดขืนอะไร นอกจากปล่อยให้เป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้อย่างเป็นสุข
ในขณะที่ภายในปราสาทกำลังเกิดศึกสวาท บริเวณนอกปราสาทตอนนี้ ลมประหลาดนั้นพัดชนเขตอาคมอย่างไม่หยุดหย่อน นกกระเรียนสีขาวกับสาวน้อยที่เพิ่งจะมาถึง ก็บินร่อนสำรวจอยู่เหนือเขตอาคม พร้อมกับมองการกระทำของลมประหลาดนั้นอย่างแปลกใจ แต่ก็หาได้ใส่ใจนัก
“มีแต่กลิ่นมนตร์ดำเต็มไปหมด งั้นก็คงไม่แปลกหรอกที่จะกล้าไล่ท่านรินออกมาแบบนั้น” วากานะพูดพลางเพ่งมนตร์ไปที่ฝ่ามือ มือน้อยนั้นเพียงแค่แตะเบาๆ ม่านอาคมชั่วร้ายก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
วากานะที่นั่งอยู่บนนกกระเรียนบินสำรวจรอบปราสาทอีกครั้งแต่ก็ไม่พบใคร แต่แล้ว...ลมประหลาดที่เธอเห็นกลับมาพัดวนอยู่รอบตัวเธอราวกับจะบอกอะไร ลมเบาบางพัดนำทางให้วากานะไปยังที่ที่หนึ่งในปราสาท ไม่นานลมนั้นก็กลายเป็นปิ่นขนนกสีขาวตกลงสู่เบื้องล่าง บ่งบอกถึงตำแหน่งที่เส็ตโชมารูอยู่ นกกระเรียนสีขาวบินวนเหนือตำแหน่งนั้นไปมา วากานะร่ายมนตร์ใส่ผงบางอย่างที่เธอพกมาด้วยก่อนจะเป่ามันออกไป ผงที่เป่าออกมาปรากฏเป็นผีเสื้อตัวเล็กๆ สีม่วงมากมายหลายสิบตัวบินไปมาตรงหน้าของวากานะ
“พวกเจ้าไปช่วยคลายมนตร์ให้เขาที”
สิ้นคำสั่ง ผีเสื้อตัวน้อยเหล่านั้นก็บินกรูกันเข้าไปในห้องครัว
มันบินวนไปเวียนมาอยู่บนตัวของเส็ตโชมารูซักพัก ก่อนจะเกาะไปตามร่างกายของเขา ไม่นานนักผีเสื้อสีม่วงเหล่านั้นก็เปลี่ยนถ่ายกลายเป็นสีดำสนิทก่อนจะค่อยๆ สลายหายไป ผีเสื้อนั้นไม่ได้ตัวเล็กมาก หากแต่คาโอริมองไม่เห็นเพราะกำลังหลับตาอย่างพึงใจที่อสูรหนุ่มกำลังชื่นชมเรือนร่างของตน แต่แล้วนัยน์ตาสีทองก็เบิกกว้างอย่างตกใจ เสียงของอสูรหนุ่มที่กระซิบข้างหูของเธออย่างแผ่วเบา เริ่มทำให้คาโอริสั่นกลัว
“รินอยู่ที่ไหน..”
เล็บมือแกร่งจิกลงไปที่ไหล่ขาวของคาโอริอย่างเต็มแรง ใบหน้างามที่เงยขึ้นออกจากซอกคอ เผยให้เห็นแววตาสีแดงฉานอันโกรธเกรี้ยวของอสูรหนุ่ม คาโอริตื่นตระหนก ร่างกายที่เปลือยเปล่านั้นสั่นเทา ในสมองพลันคิดมากมายจนสับสน
“อะไรกัน! ไม่จริง! มนตร์เสื่อมงั้นรึ? มนตร์มันจะคลายไปได้ยังไง? มนตร์ต้องห้ามที่สืบทอดมาโดยเฉพาะตระกูลจิ้งจอกเก้าหางของข้า ไม่มีใครสามารถคลายมันได้นอกจากคนในตระกูล! ใครหน้าไหนมันจะคลายได้!! ตายแน่! ทำยังไงล่ะ! ทำยังไงดี?!!”
“เมียข้าอยู่ที่ไหน! ตอบมา!!!”
มือแกร่งข้างซ้ายเลื่อนขึ้นไปที่ลำคอแล้วบีบไว้แน่นติดกับผนัง จนคาโอริต้องใช้มือของเธอพยายามแกะมือนั้นออกอย่างทรมาน เพราะจะขาดอากาศหายใจ แต่ก็ไม่เป็นผล มือข้างขวาตระเตรียมกางกรงเล็บพิษหมายจะปลิดชีวิตเธอได้ทุกเมื่อหากเธอไม่ตอบคำถามของเขา เสียงโวยวายของเส็ตโชมารูดังก้องไปทั่วปราสาท นั่นทำให้คนที่บินวนอยู่นอกปราสาทรับรู้ทันทีว่าภารกิจช่วยรินเสร็จสิ้นแล้ว
“หมดหน้าที่ของเราแล้ว กลับกันเถอะ” สิ้นเสียง นกกระเรียนตัวใหญ่ก็บินออกจากปราสาทอะจิไซแล้วหายลับไป
“เอาเมียข้าไปไว้ที่ไหน!! ถ้าไม่ตอบแกตาย!!!”
“หึ! ข้าไม่รู้! แต่ถึงต่อให้รู้ข้าก็ไม่บอกท่าน!” ถึงตอนนี้จะเกือบถูกฆ่าแต่ก็ยังคงใบหน้าเย่อหยิ่งนั้นปกปิดความหวาดกลัวเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
“แก!!!”
มือแกร่งทะลวงเล็บพิษหมายปลิดชีวินเข้าที่อกซ้าย หากแต่ไวไม่พออสูรสาวตรงหน้ากลับหนีหายไป เหลือไว้ซึ่งเพียงกลิ่นอันหอมเอียนที่คละคลุ้งไปทั่วปราสาท
เส็ตโชมารูพยายามนึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่กลับนึกอะไรไม่ออก ทุกอย่างดูเลือนลาง กลิ่นหอมเอียนที่ฟุ้งไปทั่วปราสาทยิ่งทำให้เขาร้อนรน สิ่งของใดหากแต่มีกลิ่นนี้ติดอยู่ เขาก็ขว้างปามันออกไปนอกปราสาทเสียหมด
“กลิ่นของริน ไม่มี ไม่มี! รินเจ้าอยู่ที่ไหน ริน! บอกข้าที!”
เขาเดินวนไปเวียนมา ขว้างปาข้าวของราวกับคนเสียสติ แม้แต่ฟูกนอนของรินที่ถูกปูเป็นประจำก็ถูกกรงเล็บฉีกทำลายมันอย่างไม่ใยดี เขาเดินไปยังเรือนหลังเล็กของจาเค็น แต่ก็ต้องชะงักเพราะกลิ่นที่สัมผัสได้นั้น บ่งบอกได้ว่าปีศาจกบตัวเขียวผู้เป็นลูกน้องคนสนิทนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่มาซักพักแล้ว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
คิ้วที่ขมวดกันเป็นปม บอกได้ทันทีว่าอสูรหนุ่มครุ่นคิดสงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน เขาตัดสินใจเหาะกลับไปที่ปราสาทใหญ่ เผื่อคำตอบทุกอย่างอาจจะอยู่ที่นั่น
ไม่นานก็ถึงที่หมาย เส็ตโชมารูรีบรุดเข้าไปยังห้องนอนของจาเค็นทันที จาเค็นที่ออกมาต้อนรับมองใบหน้าเจ้านายอย่างตกตลึง ก่อนจะโผเข้ากอด หากแต่โดนเท้าหนานั้นยันไว้ก่อนจะได้แตะเนื้อต้องตัวเขา อสูรหนุ่มเค้นถามเรื่องต่างๆ ที่สงสัยจากจาเค็นจนพอจะรู้คำตอบบ้าง เว้นแต่เพียงเรื่องของริน จึงคิดไปว่ารินอาจจะหนีเขาไปเพราะเข้าใจผิด อสูรหนุ่มเดินออกจากบริเวณนั้น แล้วเรียกบ่าวรับใช้นับสิบชีวิตให้ตามเขาลงไปยังปราสาทอะจิไซจนไม่นานก็ถึงที่หมาย บ่าวรับใช้ต่างมองข้าวของมากมายถูกปาระเนระนาดไปทั่วปราสาทอย่างสงสัย หากแต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามผู้เป็นเจ้านายที่บัดนี้ดูโกรธเกรี้ยวและหงุดหงิด
“พวกเจ้าทำความสะอาดปราสาทนี้ให้ดี อย่าให้มีกลิ่นเอียนน่าเวียนหัวเช่นนี้อยู่ในปราสาทของข้า!”
“เจ้าค่ะ!”
สิ้นคำสั่งนั้น เส็ตโชมารูก็ออกตาหารินทั้งคืนจนถึงเช้า แต่ก็ไม่มีร่องรอยของรินเลย ทั้งที่ตามหาทุกที่ที่คิดว่ารินน่าจะไปแล้วแท้ๆ เขานั่งทรุดลงบนโขดหินแถวริมลำธารเล็กๆ แห่งหนึ่ง ก่อนจะลองคิดทบทวนอีกคราว่ายังมีที่ใดที่เขาเผลอเรอไม่ได้ไปหาอีกหรือไม่
ลมโชยอ่อนๆ พัดมา กลิ่นของลมถึงแม้จะบางเบาแต่เขาก็จำมันได้ดี
“คางูระ เจ้ายังไม่ไปไหนอีกงั้นรึ?”
สายลมพัดผ่านตัวเขาราวกับจะนำทางไปหาอะไรบางอย่าง อสูรหนุ่มตามไปอย่างไม่ติดใจ ไม่นานสายลมก็แปรเปลี่ยนเป็นปิ่นขนนกตกลงสู้พื้นดิน เบื้องหน้านั้นปรากฏสถานที่ที่เขาคุ้นเคย เพราะรับส่งภรรยาสาวอยู่บ่อยครั้ง แต่เขามาตามหาที่นี่เป็นที่แรกเสียด้วยซ้ำ หากแต่ไม่มีกลิ่นของภรรยาเลยแม้แต่น้อยเขาจึงได้ไปตามหาที่อื่น
“เพราะเขตอาคมงั้นรึ?”
ณ ถ้ำจอมเวท
เพื่อหาข้อพิสูจน์ เส็ตโชมารูไม่รีรอ เขาเดินมุ่งหน้าเข้าไปในเขตอาคมของถ้ำที่ไม่เคยคิดจะย่างกรายเข้าไปนั้นทันที แรงเสียดทานของเขตอาคมทำให้เขาเจ็บและชาไปทั่วร่าง แต่ก็ไม่ได้สะทกสะท้านเสียเท่าไหร่ เมื่อพ้นจากเขตอาคมเข้ามาในถ้ำ กลิ่นต่างๆ อบอวลอยู่ภายในถ้ำเต็มไปหมด ทั้งกลิ่นอันเป็นที่รัก และกลิ่นอันน่ารังเกียจ เขารีบจ้ำอ้าวเดินก้าวเข้าไปในถ้ำทันทีที่ได้กลิ่นริน แต่ทว่า…
“แกเข้ามาได้ยังไง?!” มาซาฮิโระเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เพราะไม่เคยมีอสูรตนใดสามารถเข้ามาในเขตอาคมแห่งนี้ได้
“...” เส็ตโชมารูไม่ตอบอะไร นอกจากเดินไปตามทางที่มีกลิ่นของรินเท่านั้น แต่ก็ถูกขวางเสียก่อน
“จะไปไหน?!!”
“เอาเมียข้าคืนมา!!”
“ข้าไม่ให้!!”
“...” หมัดหนักของอสูรหนุ่มถูกปล่อยออกไปอย่างไม่ยั้งมือ หากแต่ชายหนุ่มปัดมันออกได้ทันอย่างเฉียดฉิว
“จะมาอยากได้คืนอะไรตอนนี้ ทีตอนไล่ท่านรินออกมาอย่างกับหมูกับหมาไม่เห็นจะคิดได้!!” ชายหนุ่มตวาดใส่อย่างฉุนเฉียว พลางนึกเหตุการณ์ในวันนั้นก็ยิ่งแค้นใจแทนริน หากแต่อสูรหนุ่มนั้นกลับจำได้เพียงเลือนลาง ราวกับความทรงจำนั้นหายไป
“แกพูดเรื่องอะไร!”
“เป็นอสูรความจำเสื่อมรึไงฮะ! ไล่ท่านรินออกมาเพราะอยากอยู่กับเมียใหม่อย่ามาทำเป็นจำไม่ได้สิ!!”
“...” คำพูดนั้นทำให้เส็ตโชมารูฉุกคิด รินไม่ได้เข้าใจผิดแล้วหนีเขามา แต่เขากลับเป็นคนไล่เธอออกมาเอง จิตใจของอสูรหนุ่มเริ่มร้อนรน เขาเป็นห่วงรินแทบขาดใจ พลางโทษตัวเองที่ทำให้รินต้องเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า นัยน์ตาสีอำพันจ้องมองไปยังห้องที่สัมผัสจากกลิ่นก็รู้ว่ารินอยู่ในนั้น ขานั้นก้าวเดินอย่างรีบร้อนเพราะอยากปรับความเข้าใจ ชายหนุ่มเห็นท่าว่าอสูรหนุ่มจะเดินไปทางห้องของริน ก็รีบเดินเข้าไปขวางหน้าอีกครา
“อย่ามายุ่ง!!!”
“ข้ามศพข้าไปก่อน!”
“ได้! งั้นก็เป็นเตรียมเป็นผีเฝ้าถ้ำซะ!!”
ทั้งคู่ปะทะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เส็ตโชมารูใช้เพียงแค่แซ่พิษและกรงเล็บพิษ ส่วนมาซาฮิโระนั้นใช้พลังเวทซึ่งก็รุนแรงพอที่จะสร้างรอยแผลให้อสูรหนุ่มได้ค่อนข้างมาก
วากานะที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ไกลๆ นั้นตื่นตระหนก ในสถานการณ์ที่ไม่มีท่านพ่ออยู่เช่นนี้ผู้เยาว์วัยนั้นแทบจะทำอะไรไม่ถูก จนฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าคนที่จะสามารถห้ามทั้งสองได้นั้นยังมีอยู่อีกคน
วากานะเดินเลี่ยงการต่อสู้ของทั้งสองแล้วรีบเคาะประตูห้องของริน แต่คนข้างในกลับไม่ตอบ เธอเคาะอยู่แบบนั้นเพราะไม่รู้จะทำยังไง ยิ่งมองการต่อสู้นั้นยิ่งร้อนใจ เพราะทั้งคู่ก็เลือดตกยางออกกันมากแล้ว หากช้ากว่านี้อาจจะฆ่ากันตายเสียจริงๆ
ภายในห้องอุเมะและบาระกางเขตอาคมให้รินนั่งอ่านตำราอย่างเงียบๆ พร้อมกับถูกสั่งห้ามไม่ให้ใครรบกวนเธอ หากแต่ตอนนี้รินหลับไปเสียแล้ว ทั้งคู่ตกใจที่ได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ ของวากานะราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจ จึงตัดสินใจปลุกเจ้านายที่กำลังหลับไหลอยู่ให้ตื่นจากห้วงนิทรา
“ท่านรินเจ้าคะ ท่านวากานะเรียกเจ้าค่ะ”
“ท่านรินขอรับ”
“อ่อ..อืม..ข้าจะออกไปเอง ขอบใจพวกเจ้ามาก” รินลืมตาตื่นอย่างงัวเงีย แล้วลุกออกจากฟูกเพื่อไปหาคนที่อยู่หน้าประตู
“ท่านรินคะ ช่วยข้าด้วย..”
“มีอะไรวากานะ”
“ท่านพี่กับ..สามีของท่านริน..” ดวงตาที่หรี่ลงเพราะความง่วงนั้นเบิกกว้างทันทีที่ได้ยิน ขาทั้งสองก้าวออกจากห้องอย่างรวดเร็วทั้งที่วากานะยังไม่ทันจะพูดจบดี
การต่อสู้นั้นเป็นไปอย่างดุเดือด ยิ่งฝากรอยแผลให้กันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งฮึกเหิม ทั้งคู่เริ่มเหนื่อยหอบยังคงไม่ลดละ สำหรับอสูรแล้วความเหนื่อยนี้มันไม่มากมาย หากแต่มนุษย์นั้นถึงจะแข็งแกร่งแต่ความเหนื่อยเช่นนี้ทำให้มาซาฮิโระเริ่มจะเสียท่าเส็ตโชมารูเข้าไปทุกที ไม่นานชายหนุ่มก็คุกเข่าทรุดลงกับพื้น ด้วยลมหายใจที่หอบเหนื่อย อสูรหนุ่มได้ทีจึงตัดสินใจชักดาบเขี้ยวดินระเบิดออกจากฝัก ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าเส็ตโชมารูต้องฆ่าตนแน่แต่ก็ยังนั่งอยู่แบบนั้นพร้อมรับความตาย มือแกร่งนั้นตวัดดาบหมายจะปลิดชีวิตคนข้างหน้ากลับต้องหยุดชะงัก เมื่ออ้อมกอดอุ่นที่เขาโหยหานั้นถูกมอบให้จากด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
“..ริน..”
“ท่านจำรินได้แล้วใช่ไหมคะ?”
“...” เส็ตโชมารูแปลกใจที่รินไม่โกรธเขา เขาไม่ตอบอะไร พลางเก็บดาบแล้วหันไปหาเธอ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเคยทำให้เขาใจเย็นลง แต่ร่างกายที่ดูซูบผอมลงไปนั้นกลับทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
“ถ้าจำรินได้แล้ว รินจะกลับไปกับท่านนะคะ” รินพูดแล้วยิ้มให้อีกครั้ง ประโยคนั้นทำให้มาซาฮิโระหมองลงไปทันที
“งั้นข้า..จะไปรอข้างนอก”
รินพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปประคองร่างมาซาฮิโระที่บาดเจ็บพร้อมกับวากานะเพื่อพาไปทำแผล นัยน์ตาสีอำพันจับจ้องไปคนทั้งคู่อย่างเจ็บใจ อ้อมกอดที่มอบให้เขาเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะโหยหาหรือพิศวาส หากแต่ต้องการจะช่วยชายหนุ่มตรงหน้าเท่านั้น มือแกร่งนั้นกำแน่น รินเป็นมนุษย์ที่ดีเสียจนใครๆ ก็หลงใหล แต่เขากลับทำร้ายคนดีๆ อย่างเธอได้ลงคอ
ทั้งที่ได้เธอมาครอบครอง
แต่กลับรั้งเธอไว้ไม่ได้
เขาจะต้องโทษใคร
หากไม่ใช่เพราะ...
ความโง่เง่าของตัวเขาเอง
รินและวากานะประคองมาซาฮิโระมาทำแผล เมื่อวางร่างลงเรียบร้อยวากานะก็ขอตัวออกไปทันทีอย่างรู้งาน ชายหนุ่มมองจ้องรินที่กำลังจะทำแผลให้ก่อนจะเอ่ยพูด
“ท่านรินไม่ควรมาช่วยข้า” ชายหนุ่มรู้ว่าที่รินทำไปนั้นเพราะต้องการจะช่วยไม่ให้เส็ตโชมารูฆ่าเขา รินยิ้มบางๆ และไม่ตอบคำถามของชายหนุ่ม
“อยู่นิ่งๆ นะคะ ข้าจะทำแผลให้”
“จะกลับไปจริงๆ หรือครับ?” เขาถามด้วยสีหน้าที่เศร้าลงเล็กน้อย
“ค่ะ ข้าตัดสินใจแล้ว”
“แต่ถ้าเขาทำให้ท่านรินเจ็บอีก…”
“เมื่อคืนวากานะเล่าให้ข้าฟังหมดแล้วค่ะ แค่ท่านเส็ตโชมารูกลับมาจำข้าได้เหมือนเดิม ข้าก็ดีใจมากแล้วค่ะ” รอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของรินทำให้ชายหนุ่มแปลกใจไม่น้อย
“ท่านรินไม่หึงหวงเขาหรอครับ?”
“ข้าไม่สนเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ ขอแค่ไม่ลืมข้าก็พอ”
“...” คำตอบของหญิงสาวนั้น ถ้าเขาเป็นผู้ได้รับเขาคงจะหลงรักเธอจนหมดหัวใจ คำตอบที่ประเสริฐเช่นนี้ยากที่จะหาได้จากหญิงใดบนโลก ไม่นานรินก็ทำแผลเสร็จเรียบร้อย เธอเก็บข้าวของก่อนจะลุกขึ้นจากตรงนั้น
“ข้าขอตัวก่อนนะคะ”
“ท่าน..ยังจะมาที่นี่อยู่...ใช่ไหมครับ?” เขาหวั่นใจ เกรงว่าเรื่องของเขาอาจจะทำให้เธอลำบากใจ และไม่อยากกลับมาที่นี่อีก
“...” รินยิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ชายหนุ่มที่เห็นใบหน้านั้นก็โล่งใจขึ้น วากานะเดินเข้ามาในห้องอีกครั้งเมื่อเห็นว่ารินออกไปแล้ว เพื่อมาดูแลพี่ชายต่อ พี่ชายปรายตามองเธออย่างมีเลศนัยจนสาวน้อยรู้สึกขนลุกราวกับมีเรื่องปิดบัง แต่ก็คิดว่าพี่ชายของตนคงรู้แล้ว
“ท่านพี่..ข้า..”
“เมื่อคืน..เจ้า..ออกไปช่วยเจ้านั่นมาสินะ”
“ข้าขอโทษค่ะ ข้าแค่...อยากจะช่วยท่านริน” ผู้เป็นพี่ชายถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำเอาวากานะสะดุ้ง ก่อนจะเอ่ยพูดกับน้องสาว
“เจ้า..ทำถูกแล้วล่ะ อย่าได้คิดมากเลย” เขายืนขึ้นแล้วลูบเรือนผมของวากานะเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง พลางคิดไปว่าเส็ตโชมารูไม่ใช่คนผิด โชคดีด้วยซ้ำที่วากานะไปช่วยได้ทัน หากเกิดอะไรขึ้นมากกว่านั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่า คนที่เขารักจะมีชีวิตอยู่บนความทรมานไปอีกนานแค่ไหน...
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทอะจิไซ
ปราสาทที่คุ้นตา หากแต่มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป รินลงจากหลังกระต่ายยักษ์สีขาวที่เป็นพาหนะของเธอ พลางมองไปรอบๆ ปราสาทอย่างแปลกใจ ไม่ใช่เพราะบ่าวรับใช้นับสิบที่กำลังทำความสะอาดปราสาทอย่างดีตามที่นายเหนือหัวสั่ง หากแต่เป็นสิ่งที่อยู่รอบปราสาทต่างหาก รินเดินไปพินิจมองมันอย่างหดหู่ เพราะตอนที่เธออยู่มันไม่เคยเป็นแบบนี้ เส็ตโชมารูที่เหาะตามหลังเธอมาเดินเข้าไปหารินอย่างสงสัย ไม่นานนักรินก็เอ่ยถาม
“สตรีผู้นั้นเธอไม่ชอบดอกไม้หรือคะ?”
“...” เส็ตโชมารูแปลกใจ สิ่งที่ออกจากปากแทนที่จะเป็นคำต่อว่า แต่กลับเป็นคำถามที่เขาไม่คาดคิด
“เสียดายจังนะคะ มันเคยสวยดีแท้ๆ” เธอพูดน้ำเสียงเศร้าพลางสัมผัสกลีบดอกอะจิไซที่ยังพอเหลืออยู่อย่างทะนุถนอม
“ข้าจะให้บ่าวทำความสะอาดที่นี่ เราคงจะต้องไปพักที่ปราสาทใหญ่ก่อนซักสองสามวัน เจ้าขัดข้องอะไรไหม?”
“ไม่ค่ะ ไปกันเลยไหมคะ?”
“อืม”
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทของอาณาจักรสุนัขอสูรจิ้งจอกเงิน
“เจ้ารินนนน!”
“ท่านจาเค...เอ๊ะ!” รินเรียกและกำลังจะวิ่งไปหาจาเค็นที่กำลังวิ่งเข้ามาหาตน แต่ถูกเส็ตโชมารูคว้าแขนไว้แล้วดึงเธอไปไว้ข้างหลังเขา
“จาเค็นออกไป! แล้วอย่าให้ใครเข้ามาแถวนี้!”
“ขอรับ!” จาเค็นรับคำอย่างว่าง่าย เพราะรู้ว่าเจ้านายของมันคงอยากคุยกับรินเป็นการส่วนตัว
เส็ตโชมารูจับมือน้อยนั้นพาเดินไปตามระเบียงทางเดิน โดยที่คนถูกจับมือนั้นไม่รู้ว่าอสูรหนุ่มจะพาเธอไปที่ใดจึงเอ่ยถาม
“ท่านเส็ตโชมารูจะพารินไปไหนคะ?”
“ห้องของข้า”
“เอ่อ..มันเป็นที่ส่วนตัวของท่าน รินว่ามันคงจะไม่เหมาะ..”
“ทำไมเจ้าถึงคิดว่าไม่เหมาะ?”
“...”
“เหมาะหรือไม่เหมาะ ยังไงคืนนี้เจ้าก็ต้องนอนที่นี่อยู่ดี”
พูดจบทั้งคู่ก็มาถึงหน้าห้องของเส็ตโชมารู เขาเปิดประตูออกก่อนจะพาสาวน้อยผู้เป็นภรรยาเดินเข้าไปในห้อง รินมองไปรอบๆ ห้องอย่างสนใจ ก่อนที่สายตาจะมาสะดุดอยู่ที่กล่องไม้อย่างดีที่ซ้อนกันอยู่แปดชั้น
“นี่กล่องอะไรคะ?”
“เจ้าอยากรู้รึ?”
รินพยักหน้าเบาๆ อสูรหนุ่มจึงยกกล่องที่แปดที่อยู่ด้านบนสุดลงมาวางไว้บนโต๊ะเล็กใกล้ๆ กันนั้น เขาเปิดฝากล่องออก สิ่งที่อยู่ภายในนั้นทำเอาภรรยาที่ยืนมองอยู่ต้องยกมือป้องปากอย่างตกตลึง รินค่อยๆ หยิบสิ่งนั้นออกมาจากกล่อง จดหมายของเธอทุกฉบับที่ส่งมาให้อสูรหนุ่มนั้นถูกเก็บไว้อย่างดี ทั้งที่เธอคิดมาตลอดว่าเมื่ออ่านเสร็จเขาคงจะขยำมันทิ้งลงขยะไปหมดแล้ว ความตื้นตันถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตาใสที่ไหลคลออยู่ในนัยน์ตาสีน้ำตาลนั้น มือแกร่งโอบกอดภรรยาจากด้านหลังอย่างเบามือ ก่อนจะกระซิบเสียงอันแผ่วเบาที่ข้างหูของเธอ
“ข้ารักเจ้านะริน รักแต่เพียงเจ้าผู้เดียว” อสูรหนุ่มกอดร่างภรรยาให้แน่นขึ้น ราวกับจะกักขังเธอด้วยอ้อมแขนแกร่งนี้
“...” รินได้แต่สะอื้นไห้ด้วยความดีใจ คำพูดที่จริงใจ ความอ่อนโยน และความอบอุ่นที่มอบให้ ทำให้รู้ว่าที่ผ่านมาอสูรหนุ่มไม่เคยรักใครนอกจากเธอ เส็ตโชมารูจับรินให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา ก่อนจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าภรรยา มือแกร่งนั้นจับมือน้อยเอาไว้ ก่อนจะจับมันมาทุบตีไปที่ตน จนภรรยาโอดครวญด้วยความตกใจกับการกระทำของสามี
“ทุบตีข้าสิริน หรือจะด่าทอข้า หรือจะทำอะไรก็ตามใจเจ้า ให้สาสมกับที่ข้าบังอาจนอกใจเจ้า!”
“ไม่เอานะคะ ท่านเส็ตโชมารู ลุกขึ้นเถอะค่ะ อย่าทำแบบนี้”
“ข้าทำได้มากกว่านี้ หากเจ้าจะยกโทษให้ข้า” เขาพูดพลางจับมือน้อยนั้นทุบตีตนต่อไป หากแต่มือน้อยนั้นเริ่มขัดขืน เพราะไม่อยากทำร้ายคนตรงหน้า
“ท่านไม่ได้ทำอะไรผิดหนิค่ะ อย่าโทษตัวเองเลย ท่านไม่ได้ตั้งใจไล่รินออกจากปราสาท มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิด อย่าคิดมากเลยนะคะ”
“แต่ข้านอกใจเจ้า!”
“รินไม่เคยหวงหากท่านจะมีสตรีคนอื่นนอกจากริน ถ้าหากเธอผู้นั้นจะอยู่เคียงข้างท่านได้ตลอดกาล รินก็ยินดี เพราะมันเป็นสิ่งที่รินให้ท่านไม่ได้” มือน้อยนั้นลูบไล้ใบหน้างามอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองนัยน์ตาสีอำพันเพื่อบ่งบอกถึงความสัตย์จริงในคำพูด
“ไม่! ข้าจะไม่ให้เจ้าไปจากข้าอีก” อสูรหนุ่มโผเข้ากอดภรรยาไว้แน่นทั้งที่ยังคุกเข่าอยู่
“แค่ท่านไม่ลืมริน รินก็พอใจแล้วค่ะ”
“เจ้าเชื่อใจข้าไหม..ริน..”
“...”
“ถ้าข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ลืมเจ้าอีก..เจ้าจะ..เชื่อใจข้าไหม?”
“ค่ะ..รินเชื่อใจท่าน” รินคุกเข่านั่งลงให้เสมอกับสามี จ้องมองนัยน์ตาสีอำพันนั้นก่อนจะเอ่ยตอบ
“...” จุมพิตอันนุ่มนวลถูกมอบไว้บนหน้าผากมนนั้นแทนคำสัญญาอย่างจริงใจ
“ว่าแต่..ท่านตามรินเจอได้ยังไงคะ? วันก่อนฝนตก กลิ่นของรินก็ไม่น่าจะเหลือแล้ว”
“คางูระ”
“เอ๊ะ?”
“คางูระพาข้าไปหาเจ้า”
“ท่านคางูระคงจะรักท่านมากเลยนะคะ ถึงยังไม่ยอมไปไหนซักที”
“...” เขาขมวดคิ้วกับคำพูดของเธอ
“เสียดาย หากท่านคางูระยังอยู่แล้วได้แต่งงานกับท่านเส็ตโชมารู ท่านคงจะมีความสุขน่าดู ได้อยู่กันไปจนแก่เฒ่า ดีจังเลยนะคะ เอ้อ..จะว่าไปวันแต่งงานของเราท่านคางูระก็มานะคะ แต่รินลืมเล่าให้ท่านฟัง”
“พูดจบรึยัง?” เขาพูดเสียงเรียบ ทำให้ภรรยารู้ทันทีว่าเขากำลังไม่พอใจ แต่ก็ไม่เกรงกลัวสามีเลยแม้แต่น้อย พลางยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์
“ทำไมคะ? หรือว่าแทง..ใจ..ดำ ฮิๆ”
“เรื่องเก่าเรื่องแก่แบบนั้น เลิกพูดซักที” เขาพูดออกมา ถึงแม้เขาจะรู้สึกสงสารคางูระที่ตายไปโดยที่เขาช่วยอะไรเธอไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้มีใจให้หรือรู้สึกรักเธอเลยแม้แต่น้อย
“ก็รินพูดเรื่องจริงหนิคะ” รินยิ้มให้
“ริน..เจ้าอย่าดีกับข้ามากนักจะได้ไหม..” เขาพูดอย่างรู้สึกผิดที่ทำร้ายเธอมาโดยตลอด ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ยิ่งเธอดีกับเขามากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่
“รินก็ไม่ใช่คนดีอะไรหนิค่ะ” เธอพูดพลางคิดในใจ เธอเองนั้นไม่ใช่คนดีอะไร เป็นแค่เพียงคนเห็นแก่ตัวคนนึงเท่านั้น
เป็นเพียงมนุษย์
ที่ไม่วันจะยืนเคียงคู่กับเขาได้
และสุดท้ายก็ต้องเห็นแก่ตัว
โดยการจากเขาไป..
ตลอดกาล...
“เจ้าง่วงนอนงั้นรึ?” เส็ตโชมารูถามขึ้น เพราะเห็นภรรยาเอามือป้องปากหาวเสียหลายทีจนน้ำตาเล็ด
“รินเพลียๆ น่ะค่ะ”
พูดจบอสูรหนุ่มก็ยืนขึ้น มือแกร่งค่อยๆ โอบอุ้มร่างภรรยาอย่างทะนุถนอม ก่อนจะวางลงบนฟูกใหญ่หนานุ่มของเจ้าของห้อง มือแกร่งข้างหนึ่งปัดผมที่ปกใบหน้าของภรรยา อีกข้างหนึ่งกำมือข้างหนึ่งของภรรยาไว้แน่น ก่อนจะนั่งลงข้างฟูกนั้น
“นอนซะ ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้า” รินพยักหน้ารับแล้วปิดเปลือกตาเข้าสู่ห้วงนิทราไป อสูรหนุ่มจับมือน้อยนั้นขึ้นมาจุมพิตเบาๆ แล้วพูดในใจ
“ฝันดีนะ ดวงใจของข้า”
-------------------------------------------------
จบตอนที่ 12
ในห้องที่มืดมิด แสงที่เล็ดลอดเข้ามาในบานหน้าต่าง ถึงแม้จะเล็กน้อยแต่ก็ทำให้มองเห็นสภาพภายในห้อง ที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงามเป็นพิเศษ เด็กชายและเด็กหญิงทั้งสองถูกเรียกออกมาเพื่อให้กางเขตอาคมให้กับเจ้าของห้อง โดยที่เจ้าของห้องเป็นคนเรียกมาเอง รินนั่งจับเจ่ากอดเข่าอยู่มุมห้องที่ซึ่งไม่มีแสงสว่างส่องถึง เขตอาคมที่ใช้นั้นทำให้เธอแทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรจากภายนอกเลย แต่นั่นก็เป็นความมุ่งหวังของรินอยู่แล้ว
“ท่านรินเจ้าคะ ท่านวากานะเอาสำรับอาหารมาให้เจ้าค่ะ” บาระเอ่ยบอกริน
“เจ้าไปเอาเข้ามาให้ข้าก็แล้วกันนะบาระ”
“เจ้าค่ะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รินทำแบบนี้ ตั้งแต่มาอยู่ที่ถ้ำจอมเวทนี้ นี่ก็ได้เกือบสองอาทิตย์ รินก็ยังคงเก็บตัวเงียบ ไม่คุยกับใครนอกจากอุเมะ และบาระ ที่เป็นภูติรับใช้ของเธอ ทุกคนในถ้ำรู้เรื่องดีจึงปล่อยให้รินอยู่ไปแบบนั้นเพื่อให้รินทำใจ ถึงแม้จะเป็นห่วงก็ตาม และดูแลในส่วนที่พอจะดูแลได้ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของเวลา และจิตใจของรินเท่านั้น
“วากานะ ท่านรินยังไม่ทานข้าวอีกรึ?” มาซาฮิโระมองไปที่สำหรับอาหาร ที่ดูเหมือนไม่มีร่องรอยการตักอาหารแต่อย่างใด ยกเว้นแต่แก้วน้ำที่ไม่มีน้ำเหลืออยู่เลยในมือของวากานะ
“ทานแล้วค่ะท่านพี่ แต่…เฮ้อออ” วากานะถอนหายใจเบาๆ ใบหน้าของมาซาฮิโระเศร้าลงเล็กน้อย ไม่ต่างจากวากานะ พลางคิดว่าข้าวปลาอาหารหารที่แตะเพียงน้อยนิดนั้น ไม่รู้ว่าคนในห้องนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้
เช้าวันใหม่ที่สดใส ถ้ำที่เคยครึกครื้นบัดนี้กลับเงียบกริบ เพราะผู้ที่เป็นต้นเหตุแห่งความครึกครื้นนั้น ยังคงอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน เซย์เมย์ วากานะ และมาซาฮิโระก็ทำหน้าที่ตามปกติเหมือนกับทุกวัน แต่...
“อ้าว...เจ้าริน ตื่นแล้วรึ?” ชายชราตกใจเล็กน้อย แล้วเอ่ยทักสาวน้อยที่ไม่ได้เห็นหน้ามานานถึงจะอยู่ในถ้ำนี้ก็ตาม ใบหน้าที่ยังคงเศร้าหมอง และซีดเซียว ดวงตาที่แดงและบวมช้ำ บ่งบอกได้ดีว่าเธอยังทำใจไม่ได้ แต่ที่ออกมาจากห้องอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง
“ท่านริน ทานข้าวหน่อยไหมครับ…”
“ใช่ค่ะท่านริน เดี๋ยวข้าจะไปเอามาให้นะคะ…”
สองพี่น้องที่อึ้งไม่ต่างจากชายชรา ดึงสติกลับมาก่อนจะเอ่ยชวนรินทานข้าวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ข้าขอออกไปเดินเล่นได้ไหมคะ..” รินเอ่ยขออนุญาต นั่นทำให้ทุกคนที่พูดอยู่เงียบไปตามๆ กัน
“ได้สิ” ชายชราเอ่ยอนุญาต การให้รินออกไปข้างนอกบ้างอาจจะทำให้รินรู้สึกดีขึ้น
รินเดินออกจากถ้ำทันทีที่ได้รับอนุญาต มุ่งหน้าเข้าไปในป่าใกล้ๆ กับถ้ำ มาซาฮิโระเองที่รู้สึกเป็นห่วง จึงเดินตามรินเข้าไปในป่า โดยทิ้งระยะห่างเพื่อไม่ให้รินรู้ว่าเขาตามไป
ชายหนุ่มเดินตามรินมาเนิ่นนานจนรู้สึกว่ารินเดินมาไกลจากถ้ำมาก และไม่เห็นว่าจะมีที่ไหนให้เดินเล่นนอกจากป่าเขียวทึบนี้ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังคิด รินก็กลับหยุดชะงัก จนทำให้ชายหนุ่มแทบจะหาที่หลบไม่ทัน ก่อนจะเดินเปลี่ยนเส้นทาง ชายหนุ่มค่อยๆ เดินตามไปเรื่อยๆ เส้นทางที่ปรากฏอยู่หน้ามันคือ..หน้าผาสูงชัน รอบๆ นั้นมีหินน้อยใหญ่มากมาย เขามองรินที่เดินไปทางนั้น เธอเดินเขาไปใกล้ผานั้นขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่จุดสิ้นสุดของหน้าผา รินที่กำลังเอนตัวลงไป ยิ่งทำให้ชายหนุ่มตื่นตระหนก
“ท่านริน อย่าบอกนะว่าท่านจะ..”
มาซาฮิโระรีบวิ่งตรงไปหารินทันที เมื่อถึงตัวเขารีบคว้าแขนของรินให้ออกห่างจากหน้าผานั้น ชายหนุ่มดึงรินมากอดในอ้อมอกอุ่นของเขาอย่างแนบแน่น ราวกับไม่อยากจะให้จากไปไหน นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง ใบหน้าของรินซุกกับอกแกร่งนั้นอย่างตกใจ มือน้อยๆ พยายามจะดันออกจากอกแกร่งนั้น แต่ชายหนุ่มก็กอดเธอแน่นเสียจนทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยกับรินด้วยความตื่นตระหนก
“ทำไมท่านทำแบบนี้ครับ ทำไมท่านเอาชีวิตมาทิ้งแบบนี้ ท่านอย่าตายนะครับ ข้าจะไม่ให้ท่านตาย…”
“ข้าแค่..มาเก็บดอกไม้เองค่ะ”
“...” มาซาฮิโระคลายวงแขนเบาๆ ก่อนจะมองไปที่ริน ที่ในมือน้อยนั้นกำดอกซุยเซ็นสีเหลืองอ่อนไว้แน่น รู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ได้โกหกเขา
“ข้าไม่คิดสั้นขนาดนั้นหรอกค่ะ” รินดันชายหนุ่มออกอีกครั้ง ถึงจะคลายวงแขนแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังคงกอดเธออยู่
“ทำไมท่านมาเก็บดอกไม้อะไรในที่แบบนี้ล่ะครับ รู้ไหมครับว่าทำให้ข้าตกใจขนาดไหน”
“ข้ารู้แล้วค่ะ แต่ตอนนี้..ปล่อยข้าก่อนเถอะนะคะ”
“เอ่อ..คือ..ข้า..ขอโทษครับ” มาซาฮิโระรีบผละออกจากรินทันที เขาลืมตัวที่กอดเธอไว้แน่นเพียงนั้นเพราะตกใจ รินที่ถูกปลดปล่อยจากการกอดรัดรู้สึกโล่งใจ ก่อนจะล้มลงนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่แถวนั้น
“ท่านตามข้ามา..” รินเอ่ยท้วง
“ก็ข้าเป็นห่วงท่านรินหนิครับ” เขาพูดอย่างไม่ปิดบัง ด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับอยากให้เธอรู้ความรู้สึกเขา
“...” รินนิ่วหน้ามองชายหนุ่มอย่างสงสัย น้ำเสียงของเขายิ่งทำให้เธอตะขิดตะขวงในใจ ก่อนที่มาซาฮิโระจะลืมตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป
“เอ่อ..ทุกคนก็เป็นห่วงท่านครับ..ท่านอยากไปเก็บดอกไม้ที่ไหนอีกรึเปล่าครับ? ข้าจะไปเป็นเพื่อน” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องทันทีที่บรรยากาศเริ่มเงียบงัน
“ไม่แล้วล่ะค่ะ ข้าอยากกลับแล้ว”
“งั้นก็กลับกันเถอะครับ”
เขาเดินหันหลังกลับไปทางถ้ำทันทีที่พูดจบ แต่ทว่า...รินนั่งนิ่งอยู่บนหินก้อนใหญ่นั้นโดยไม่ลุกขึ้นยืน หรือเดินตามเขามาจนเขาสงสัย
“ท่านริน..”
“คือ..เมื่อกี้ที่ท่านดึงรินน่ะค่ะ เท้ามันไปฟาดกับหิน ก็เลย…” รินพูดพลางเลิกกิโมโนขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยฮ่อเลือดและรอยช้ำเขียวที่เท้า บ่งบอกถึงแรงที่ถูกฟาดได้เป็นอย่างดี มาซาฮิโระหน้าซีดเผือด ทั้งๆ ที่เขาคิดจะช่วยรินแต่กลับทำให้รินบาดเจ็บซะนี่
“ท่านริน..ข้าไม่ได้ตั้งใจ” เขาพูดอย่างรู้สึกผิด
“ข้ารู้ค่ะ” รินยิ้มบางๆ ให้
“งั้น...ข้าขออนุญาตนะครับ”
“อ๊ะ!?!”
ร่างบางลอยขึ้นเหนือพื้นทันทีที่มาซาฮิโระพูดจบ รินถูกโอบอุ้มโดยแขนแกร่งนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว มือน้อยที่กำดอกซุยเซ็นพยายามดันอกแกร่งนั้น แต่คนอุ้มคงไม่ยอมปล่อยลงโดยง่าย นัยน์ตาของทั้งคู่สบกันราวกับตั้งใจ หากแต่มาซาฮิโระเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเสียก่อนจะเอ่ยคำพูด
“เอ่อ..เรากลับไปที่ถ้ำเถอะนะครับ ถ้าปล่อยให้ท่านรินเดิน เท้าอาจจะระบมได้”
“งั้น...ก็ได้ค่ะ..”
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทอะจิไซ
ปราสาทหลังเดิม เพียงแต่มีคนอาศัยใหม่ คาโอริเดินรอบปราสาทอย่างไม่ค่อยพึงใจ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ห้องครัว เพื่อจะยกน้ำชาไปให้เส็ตโชมารู ถึงแม้ปราสาทที่นี่จะใหญ่โตโอ่อ่า แต่กลับไม่มีบ่าวรับใช้ซักคน จะทำอะไรแต่ละทีก็ต้องทำด้วยตัวเองทุกอย่างจนน่าหงุดหงิด
“มีอำนาจเมื่อไหร่ ข้าจะสั่งให้มารับใช้ซักร้อยคนคอยดูสิ!”
คาโอริยกถาดน้ำชาเดินพึมพำมาเรื่อยๆ ตามระเบียงทางเดิน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องนอนของเส็ตโชมารู
มนตร์มายาที่ได้รับสืบทอดมาโดยเฉพาะสตรีในตระกูลจิ้งจอกขาวเก้าหางนั้นใช้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจนัก ตั้งแต่เกิดเรื่องอสูรหนุ่มก็ไม่ไปที่ปราสาทใหญ่เลย นี่ก็จะเข้าอาทิตย์ที่สามแล้ว เขาได้แต่ขลุกอยู่กับคาโอริที่ปราสาทอะจิไซ หลงอสูรสาวจนไม่เป็นอันทำอะไร
แต่ถึงจะหลงเพียงใดก็ไม่ได้ทำให้คาโอริพอใจนัก เพราะเส็ตโชมารูยังไม่ได้ให้ในสิ่งที่เธอต้องการ นั่นคือการให้กำเนิดบุตรชาย ที่ผ่านมานี้ถึงอสูรหนุ่มจะพิศวาสเธอเพียงใด แต่ก็ไม่ได้ล่วงเกินเธอเลยแม้แต่น้อย มากที่สุดก็เพียงแค่จูบเธอเท่านั้น อสูรสาวรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะเธอเองก็ใช้มนตร์แรงถึงเพียงนี้ ถ้าเป็นอสูรตนอื่นป่านนี้เธอคงมีลูกเป็นโขยง แต่เพราะเป็นบัญชาว่าต้องเป็นเส็ตโชมารูเท่านั้น เธอจึงปฏิเสธไม่ได้
คาโอริที่ยืนหยุดอยู่หน้าประตูห้อง ค่อยๆ เพ่งร่ายมนตร์ที่ตั้งใจร่ายให้แรงกว่าทุกคราลงในถ้วยน้ำชาในมือก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องนอน โดยที่เส็ตโชมารูกำลังอ่านตำราอยู่
“มาแล้วค่ะท่านพี่” อสูรสาวเอ่ยพลางยกน้ำชาให้เส็ตโชมารู แต่ทว่า..
เพล้ง!!!
ถ้วยน้ำชาแตกกระจายไปทั่วบริเวณนั้น คาโอริได้แต่กัดฟันอย่างเจ็บใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่มันจะตกแตก เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น แผนของเธอคงพังไม่เป็นท่า ลมประหลาดที่พัดมาทุกครั้งที่เธอให้เส็ตโชมารูดื่มชา ราวกับจะขัดขวางเพราะรู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไร
“ลมบ้านี่อีกละ มันต้องไม่ใช่แค่ลมธรรมดาๆ แน่!” อสูรสาวคิดในใจ ก่อนจะรีบเก็บเศษถ้วยเหล่านั้น แล้วเอ่ยกับเส็ตโชมารู
“ข้าจะไปเอามาให้ใหม่นะเจ้าคะ”
“งั้นข้าไปด้วย เจ้าจะได้ไม่ต้องยกมาให้เหนื่อย”
เส็ตโชมารูเดินโอบไหล่คาโอริมาจนถึงห้องครัว ก่อนที่คาโอริจะผละออกเพื่อไปเทน้ำชาและร่ายมนตร์โดยไม่ให้เส็ตโชมารูเห็น ไม่นานอสูรหนุ่มก็เดินตามเข้าห้องครัวมา แต่ก็โชคดีที่คาโอริร่ายมนตร์ได้ทันท่วงที ก่อนจะยื่นถ้วยน้ำชาให้อสูรหนุ่มอีกครั้ง
“นี่เจ้าค่ะ”
เส็ตโชมารูรับมาแล้วยกจิบทันที นัยน์ตาสีอำพันนั้นเริ่มพล่ามัว ร่างกายรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเซล้มแต่หากอสูรสาวเข้ามาช่วยประคองร่างนั้นไว้ พลางกระตุกยิ้มเบาๆ
“ท่านพี่เจ้าคะ...”
“ข้าคงจะเพลีย” เขาพูดพลางเอามือกุมขมับ
“งั้นข้าจะพาไปที่ห้องนอนนะเจ้าคะ”
อสูรสาวประคองร่างเส็ตโชมารูมาจนถึงห้องนอน เธอเปิดประตูออก ก่อนจะพาไปที่ฟูก อสูรหนุ่มค่อยๆ นั่งลงบนฟูก ร่างกายที่เริ่มร้อนรุ่ม สติเริ่มจะเลือนหาย พลันมีความต้องการบางอย่างแทรกเข้ามาในสตินั้น อสูรหนุ่มดึงร่างอสูรสาวเข้ามาแนบกาย ก่อนจะกดร่างนั้นลงบนฟูก นัยน์ตาสีอำพันจ้องมองร่างตรงหน้าอย่างต้องการ อสูรสาวยิ้มอย่างพึงใจก่อนจะเอื้อมปลดโอบิ และค่อยๆ ดึงกิโมโนของอสูรหนุ่ม มือที่ลูบไล้สัมผัสอกแกร่งนั้นยิ่งทำให้อสูรหนุ่มสั่นสะท้านจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ก่อนจะได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น ภาพสาวน้อยชาวมนุษย์ก็พลันโผล่เข้ามาในสติอันน้อยนิดของเขา..
“ท่านเส็ตโชมารู
ได้โปรด..อย่าลืมรินแบบนี้..”
การกระทำทุกอย่างของเขาถูกหยุดลง เพียงแค่ใบหน้าของรินที่แวบเข้ามาในสมอง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงภวังค์
“มนุษย์คนนั้นอีกแล้ว.. เจ้าเป็นใคร? ทำไมข้าถึงต้องรู้สึกผิดทุกครั้งเวลาที่เห็นใบหน้าของเจ้า สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่นางแต่กลับเป็นเจ้า… ทำไมกัน?..”
มือแกร่งทั้งสองคลายออกจากข้อมือของอสูรสาว แล้วดึงกิโมโนของตนขึ้นมาสวมใส่ไว้ดังเดิม เส็ตโชมารูได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งกับฟูกพลางใช้มือแกร่งกุมขมับไว้ อสูรสาวดูท่าทีว่าคงเสียแผนอีกตามเคยได้แต่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ
“ท่านพี่..”
“ข้า...อยากจะ...แต่งงานกับเจ้าให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อน” เขาพูดบ่ายเบี่ยง
“งั้น..เมื่อไหร่ล่ะเจ้าคะ?”
“เมื่อท่านแม่ของข้ากลับมา ข้าจะไปคุยกับท่านเอง”
“เอ่อ..เจ้าค่ะ”
อสูรสาวเริ่มตระหนก เมื่อพูดถึงนายหญิงของปราสาท ผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน แถมยังเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยมไม่ต่างจากลูกชายนัก ถ้าหากเธอถูกจับได้ว่าใช้มนตร์กับเส็ตโชมารู เธออาจจะไม่รอดเป็นแน่ แผนเดียวที่จะพอช่วยอาณาจักรจิ้งจอกขาวของท่านพ่อของเธอได้ คงมีเพียงแค่รีบมีบุตรกับเส็ตโชมารูให้เร็วที่สุด ทั้งนายหญิงหรือแม้แต่เส็ตโชมารูจะได้ไม่กล้าปฏิเสธเธอ
“คืนนี้..คงจะต้องใช้มนตร์ต้องห้ามแล้วสินะ” คาโอริพึมพำพลางปรายตามองไปทางเส็ตโชมารู
-------------------------------------------------
ณ ถ้ำจอมเวท
ค่ำคืนแห่งความเงียบงันนั้น ยังคงมีเสียงสะอื้นเบาๆ ผ่านประตูออกมาจากห้องๆ หนึ่งภายในถ้ำ วากานะได้แต่ยืนพิงประตูนั้นฟังเสียงสะอื้นไห้ของรินอย่างหดหู่ ถึงรินจะยอมออกมาพูดคุย หรือทำกิจกรรมต่างๆ ตามปกติ แต่พอเข้าห้องนอนทีไรวากานะก็มักจะได้ยินเสียงเช่นนี้เสมอ
เธอสงสารและเป็นห่วงรินอย่างจับใจ พลันนึกถึงสิ่งที่ผู้เป็นพี่ชายเล่า เรื่องวันนั้น วันที่รินถูกไล่ออกจากปราสาท หากแต่สามีภรรยาคู่นี้มีปัญหากันอยู่เนืองๆ นั่นก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เส็ตโชมารูจะมีสตรีคนใหม่ แต่เท่าที่เห็นมันไม่ใช่ ทั้งคู่เขาก็รักกันดี แต่ทำไมล่ะ? อะไรทำให้เส็ตโชมารูหลงสตรีผู้นั้นจนต้องไล่รินออกจากปราสาท
วากานะเห็นดังนั้นจึงอยากจะพิสูจน์เพื่อช่วยริน ถึงแม้จะผิดต่อพี่ชายเธอก็ตาม เธอเดินออกไปนอกถ้ำอย่างเงียบๆ ก่อนจะเรียกภูติรับใช้ที่เป็นนกกระเรียนสีขาวตัวใหญ่ออกมาเพื่อใช้เป็นพาหนะ และทะยานบินขึ้นฟ้าไป
มาซาฮิโระเดินออกจากห้องเพื่อจะไปยังห้องของวากานะ หากแต่ข้างห้องของน้องสาวนั้นคือห้องของริน เสียงร่ำไห้ที่เงียบไปนั้นบ่งบอกได้ว่าคนในห้องคงหลับไปเสียแล้ว ชายหนุ่มค่อยๆ เปิดประตูและเดินเข้าไปจนพบรินที่หลับอยู่บนฟูก น้ำตาบนใบหน้านั้นยังไม่ทันจะแห้งดี เธอคงจะร้องไห้จนหลับไปอีกตามเคย ชายหนุ่มนั่งลงข้างฟูก มือแกร่งนั้นค่อยๆ ปาดซับน้ำตาอย่างเบามือ แต่ทว่า..มือน้อยนั้นคว้ากำมือแกร่งเอาไว้แน่นทั้งที่ยังคงหลับตา เสียงพึมพำที่ดังราวกับเสียงกระซิบก็ถูกเอ่ยออกมาจากปากของริน
“ไหนท่านสัญญาว่าจะไม่ลืมรินไงค่ะ…”
“...”
“ตอนรินเป็นเด็กท่านเคยสัญญาว่าจะไม่มีวันลืมรินไม่ใช่หรือคะ…”
“...”
“ทำไมล่ะคะ? ฮือๆ ทำไม? ทำไม? ฮือๆ...”
น้ำตาไหลอาบมือแกร่งนั้น แรงสะอื้นยิ่งทำให้ใจของชายหนุ่มแทบขาด เขาเกลียดภาพเช่นนี้ ภาพที่สาวน้อยตรงหน้ากำลังร้องสะอื้นอย่างน่าสงสาร มือแกร่งอีกข้างเอื้อมจับที่ไหล่ของริน ก่อนจะเขย่าร่างที่หลับไหลให้ตื่นจากห้วงภวังค์
“ท่านรินครับ ท่านริน ตื่นเถอะครับท่านริน…”
รินตื่นเพราะแรงเขย่า ก่อนจะลืมตาแล้วพบว่าชายตรงหน้าไม่ใช่สามีของเธอ
“ท่าน...มาซาฮิโระ…” รินเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะรีบปล่อยมือออกจากมือแกร่ง พลางลุกขึ้นนั่งบนฟูกอย่างรีบร้อน
“ตื่นเถอะครับ..”
“ข้าตื่นแล้วหนิคะ”
“ตื่นจากความฝันซักทีเถอะครับ”
“...” รินอึ้ง ก่อนจะเงยหน้ามองชายหนุ่ม
“อสูรตนนั้นเขาลืมท่านแล้วครับ ท่านอย่าได้เรียกร้องหาเขาอีกเลย”
“...” นัยน์ตาสีน้ำตาลมองต่ำ บ่งบอกถึงความเศร้าสร้อยในคำพูดของชายหนุ่ม
“ข้าไม่อยากเห็นท่านทรมานแบบนี้”
“ข้า...ไม่ได้ทรมานอะไรหนิคะ” รินสบตาสีไพลินนั้นอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยบอก
“ไม่ทรมาน? แล้วที่นอนร้องไห้จนหลับไปทุกคืนแบบนี้ นั่งเหม่อเวลาอ่านตำรา ข้าวปลาก็ทานไม่ลง นี่ไม่ทรมานหรือครับ!”
“...” นัยน์ตาสีน้ำตาลมองต่ำลงอีกครั้ง คำพูดนั้นทำให้เธอแปลกใจเล็กน้อยที่ชายหนุ่มสังเกตพฤติกรรมเธอละเอียดถึงเพียงนี้
“ทุกคนเป็นห่วงท่าน”
“ข้ารู้ค่ะ”
“แต่...ข้าเป็นห่วงท่านมากกว่าทุกคน”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยออกมา ทำให้สิ่งที่รินตะขิดตะขวงในใจนั้นถูกคลายออก เหตุผลที่เส็ตโชมารูกับมาซาฮิโระไม่ค่อยจะลงรอยกันนักเวลาเจอหน้า ก็ถูกคลายให้กระจ่างด้วยเช่นกัน
“นี่ท่าน…”
“ท่านริน...มีใจให้ข้าบ้างไหมครับ?”
เป็นจริงอย่างที่รินคิด ที่ผ่านมามาซาฮิโระรักเธอมาโดยตลอด รินอึ้งกับคำถามของเขา แต่ก็ไม่ใช่คำถามที่จะทำให้รินตอบยากแต่อย่างใด
“ข้ามีความรู้สึกดีๆ ให้กับท่านนะคะ แต่ข้าไม่ได้มีใจให้ท่านค่ะ”
“...”
“เวลาข้าอยู่กับท่าน ข้ารู้สึกอบอุ่นเหมือนได้อยู่กับ..พี่ชาย..เท่านั้น…” คำตอบประโยคใดๆ ก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีเลย
“บอกข้า..อีกทีเถอะครับ..ได้โปรด..คิด..คิดใหม่อีกซักที…”
มือแกร่งเอื้อมจับมือน้อยทั้งสองอย่างเบามือ ชายหนุ่มพูดพลางเขยิบกายแนบชิดกับรินให้มากขึ้น เสียงหัวใจของชายหนุ่มเต้นระรัวราวกับกลองที่ถูกตีไม่หยุด ใบหน้างามราวกับเทพบุตรโน้มเข้าหารินอย่างตั้งใจ ริมฝีปากที่กำลังจะประกบเข้าหากันนั้น กลับถูกคำพูดของรินเอ่ยออกก่อนจะหยุดชะงักไป
“ต่อให้ท่านใกล้มากกว่านี้ ข้าก็ไม่รู้สึกอะไรจริงๆ ค่ะ”
“...” นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองอย่างจริงใจ บ่งบอกว่าคำพูดของรินไม่ได้โกหก เสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะปกติของริน ยิ่งเป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับชายหนุ่มยิ่งนัก
“ข้าซื่อสัตย์กับความรักของข้า ข้า..ขอโทษนะคะ”
“ซื่อสัตย์? เพื่ออะไรกันครับ ในเมื่ออสูรตนนั้นก็ไม่ได้ซื่อสัตย์กับท่านเลย”
“ต่อให้ข้าต้องเป็นหม้าย ข้าก็จะรักท่านเส็ตโชมารูคนเดียว”
“..อย่า...ทำแบบนั้นเลยนะครับ ท่านยังมีข้า ข้าไม่สนว่าท่านจะเคยมีอดีตยังไง ถ้าท่านอยู่กับข้า ข้าสัญญาว่าจะภักดีต่อท่านผู้เดียว ข้าจะให้ท่านทุกอย่างเท่าที่ชายคนหนึ่งจะให้แก่หญิงอันเป็นที่รักได้ เราจะมีครอบครัว มีลูกๆ ที่เป็นมนุษย์ ไม่ใช่ครึ่งอสูร ลูกๆ จะไม่ลำบากในการใช้ชีวิตด้วย เราจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข ลองคิดดูสิครับ คิดดูอีกที...นะครับ..” น้ำเสียงและนัยน์ตาสีไพลินนั้นอ้อนวอน ราวกับอยากให้สาวน้อยตรงหน้าตอบตามอย่างที่ใจเขาคิด
“ข้าขอบคุณสำหรับความรักที่ท่านมีให้กับข้านะคะ ท่านดีกับข้าเหลือเกิน แต่ข้าต้องขอโทษจริงๆ ที่ข้าไม่สามารถรับความหวังดีของท่านได้...ขอโทษ..ข้าขอโทษ..นะคะ”
“ท่านริน…”
“...” รินร้องไห้มากมายราวกับสายฝน เธอรู้สึกแย่ที่ต้องปฏิเสธความหวังดีของคนที่ดีกับเธอมากที่สุด
“อย่าร้องนะครับ ข้าเคยบอกแล้วไงครับว่าน้ำตาไม่เหมาะกับท่าน” ชายหนุ่มยิ้มให้ริน ก่อนจะใช้มือแกร่งนั้นปาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“ค่ะ..ข้าจะ..ไม่ร้อง”
“ข้า..ขอถามท่านซักอย่างได้ไหมครับ”
“ค่ะ”
“ถ้าสามีท่านมาตามท่านกลับไป ท่าน..จะกลับไปไหมครับ?” รินครุ่นคิดซักพักก่อนจะตอบคำถามกลับไป
“ข้า...ยังไม่รู้..”
“งั้นหรอครับ..แต่ถ้าเขามาจริงๆ ข้าจะไม่ให้เขาได้ท่านกลับไป...โดยง่าย”
“ท่านจะทำอะไรคะ?” รินถามอย่างสงสัย
“ถ้าเขาต้องการตัวท่าน เขาต้องข้ามศพข้าไปก่อนครับ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ให้เขาได้ท่านกลับคืนไปแน่” ชายหนุ่มพูดทีเล่นทีจริง ทำเอารินอึ้งไปเล็กน้อย
“อย่านะคะ...ท่านสู้เขาไม่ไหวหรอกค่ะ ได้โปรด..อย่า..”
“ข้าจะสู้ครับ ไม่ใช่เพื่อตัวข้า แต่เพื่อท่านครับ ท่านริน”
“...”
“ท่านไม่ใช่สิ่งของ ที่คิดอยากจะทิ้งตอนไหนก็ทิ้ง วันใดอยากจะได้คืนก็มาควานหา แล้วก็เอากลับไป” ชายหนุ่มพูดเสียงเข้ม
“ข้า..ไม่รู้ว่าจะตอบแทนความจริงใจของท่านยังไง แต่..ข้าอยากจะบอกให้ท่านรู้ไว้ ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง ข้าก็จะยังเลือกท่านเส็ตโชมารูอยู่ดี…” รินพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น จนชายหนุ่มไม่กล้าที่จะโต้ตอบอะไรกลับไป
“ครับ...ข้ารู้...ข้าว่าท่านควรจะพักผ่อนได้แล้วนะครับ ข้ารบกวนเวลาท่านมามากแล้ว ข้าขอตัวนะครับ”
รินพยักหน้ารับเบาๆ ชายหนุ่มปล่อยมือแกร่งทั้งสองออกจากมือของริน ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป เขาปิดประตูห้องอย่างเบามือ ก่อนจะนั่งทรุดตรงหน้าประตูนั้นอย่างทรมาน จิตใจนั้นปวดร้าวราวกับมันกำลังจะแตกสลาย
ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่เลือกเขา
ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้แม้แต่จะเป็นตัวสำรอง...
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทอะจิไซ
ในคืนเดียวกันนั้น ม่านอาคมสีหม่นถูกกางครอบคลุมรอบปราสาท พลังชั่วร้ายรุนแรงนั้นทำให้ดอกอะจิไซรอบปราสาทแห้งตายเสียเกือบหมด อสูรสาวมองดวงจันทร์ยามค่ำคืนผ่านหน้าต่างห้องครัวแล้วแสยะยิ้ม นัยน์ตาหวานสีทองปรายตามองอสูรหนุ่มผู้ที่จะตกเป็นสามีของเธอในคืนนี้อย่างพึงใจ ลมประหลาดที่พัดชนเข้ากับเขตอาคมรอบปราสาทอยู่เนืองๆ ยิ่งทำให้คาโอริได้ใจ
“ไม่มีใครช่วยท่านได้ ข้าต้องเอาท่านกลับไปเป็นเขยของท่านพ่อข้าให้จงได้!”
ห่อกระดาษเล็กๆ ถูกหยิบออกจากอกเสื้อ ผงละเอียดสีขาวถูกเทออกจากห่อกระดาษนั้นลงไปยังถ้วยชาจนหมดห่อ พร้อมกับร่ายมนตร์ต่อเพิ่มความรุนแรงเพื่อให้แผนไม่พลาด
ไม่นานถ้วยชาก็ถูกยกไปให้อสูรหนุ่มที่ยืนรอเธออยู่หน้าห้องครัว เส็ตโชมารูยกชาขึ้นจิบจนหมดอย่างไม่ลังเล ร่างกายเริ่มร้อนผ่าวเช่นคราวก่อน หากแต่คราวนี้ร้อนราวกับจะถูกแผดเผา ปลุกสัญชาตญาณดิบในกายให้ร้อนเร่า มือแกร่งเอื้อมหาร่างเพื่อสนองตัณหาของตน หากแต่ไม่พ้นอสูรสาวตรงหน้าที่กระตุกยิ้มอย่างผู้มีชัยในความสำเร็จ อสูรสาวปลดเปลื้องกิโมโนเนื้อดีสีสวยนั้น เผยเรือนร่างอันงดงามอย่างไม่ขลาดอาย อสูรหนุ่มที่ไร้ซึ่งสติใดๆ ดึงอสูรสาวเข้าไปในห้องครัว ดันร่างนั้นติดกับผนัง แล้วจู่โจมเรือนร่างนั้นอย่างบ้าคลั่ง คาโอริยืนนิ่งไม่ขัดขืนอะไร นอกจากปล่อยให้เป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้อย่างเป็นสุข
ในขณะที่ภายในปราสาทกำลังเกิดศึกสวาท บริเวณนอกปราสาทตอนนี้ ลมประหลาดนั้นพัดชนเขตอาคมอย่างไม่หยุดหย่อน นกกระเรียนสีขาวกับสาวน้อยที่เพิ่งจะมาถึง ก็บินร่อนสำรวจอยู่เหนือเขตอาคม พร้อมกับมองการกระทำของลมประหลาดนั้นอย่างแปลกใจ แต่ก็หาได้ใส่ใจนัก
“มีแต่กลิ่นมนตร์ดำเต็มไปหมด งั้นก็คงไม่แปลกหรอกที่จะกล้าไล่ท่านรินออกมาแบบนั้น” วากานะพูดพลางเพ่งมนตร์ไปที่ฝ่ามือ มือน้อยนั้นเพียงแค่แตะเบาๆ ม่านอาคมชั่วร้ายก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
วากานะที่นั่งอยู่บนนกกระเรียนบินสำรวจรอบปราสาทอีกครั้งแต่ก็ไม่พบใคร แต่แล้ว...ลมประหลาดที่เธอเห็นกลับมาพัดวนอยู่รอบตัวเธอราวกับจะบอกอะไร ลมเบาบางพัดนำทางให้วากานะไปยังที่ที่หนึ่งในปราสาท ไม่นานลมนั้นก็กลายเป็นปิ่นขนนกสีขาวตกลงสู่เบื้องล่าง บ่งบอกถึงตำแหน่งที่เส็ตโชมารูอยู่ นกกระเรียนสีขาวบินวนเหนือตำแหน่งนั้นไปมา วากานะร่ายมนตร์ใส่ผงบางอย่างที่เธอพกมาด้วยก่อนจะเป่ามันออกไป ผงที่เป่าออกมาปรากฏเป็นผีเสื้อตัวเล็กๆ สีม่วงมากมายหลายสิบตัวบินไปมาตรงหน้าของวากานะ
“พวกเจ้าไปช่วยคลายมนตร์ให้เขาที”
สิ้นคำสั่ง ผีเสื้อตัวน้อยเหล่านั้นก็บินกรูกันเข้าไปในห้องครัว
มันบินวนไปเวียนมาอยู่บนตัวของเส็ตโชมารูซักพัก ก่อนจะเกาะไปตามร่างกายของเขา ไม่นานนักผีเสื้อสีม่วงเหล่านั้นก็เปลี่ยนถ่ายกลายเป็นสีดำสนิทก่อนจะค่อยๆ สลายหายไป ผีเสื้อนั้นไม่ได้ตัวเล็กมาก หากแต่คาโอริมองไม่เห็นเพราะกำลังหลับตาอย่างพึงใจที่อสูรหนุ่มกำลังชื่นชมเรือนร่างของตน แต่แล้วนัยน์ตาสีทองก็เบิกกว้างอย่างตกใจ เสียงของอสูรหนุ่มที่กระซิบข้างหูของเธออย่างแผ่วเบา เริ่มทำให้คาโอริสั่นกลัว
“รินอยู่ที่ไหน..”
เล็บมือแกร่งจิกลงไปที่ไหล่ขาวของคาโอริอย่างเต็มแรง ใบหน้างามที่เงยขึ้นออกจากซอกคอ เผยให้เห็นแววตาสีแดงฉานอันโกรธเกรี้ยวของอสูรหนุ่ม คาโอริตื่นตระหนก ร่างกายที่เปลือยเปล่านั้นสั่นเทา ในสมองพลันคิดมากมายจนสับสน
“อะไรกัน! ไม่จริง! มนตร์เสื่อมงั้นรึ? มนตร์มันจะคลายไปได้ยังไง? มนตร์ต้องห้ามที่สืบทอดมาโดยเฉพาะตระกูลจิ้งจอกเก้าหางของข้า ไม่มีใครสามารถคลายมันได้นอกจากคนในตระกูล! ใครหน้าไหนมันจะคลายได้!! ตายแน่! ทำยังไงล่ะ! ทำยังไงดี?!!”
“เมียข้าอยู่ที่ไหน! ตอบมา!!!”
มือแกร่งข้างซ้ายเลื่อนขึ้นไปที่ลำคอแล้วบีบไว้แน่นติดกับผนัง จนคาโอริต้องใช้มือของเธอพยายามแกะมือนั้นออกอย่างทรมาน เพราะจะขาดอากาศหายใจ แต่ก็ไม่เป็นผล มือข้างขวาตระเตรียมกางกรงเล็บพิษหมายจะปลิดชีวิตเธอได้ทุกเมื่อหากเธอไม่ตอบคำถามของเขา เสียงโวยวายของเส็ตโชมารูดังก้องไปทั่วปราสาท นั่นทำให้คนที่บินวนอยู่นอกปราสาทรับรู้ทันทีว่าภารกิจช่วยรินเสร็จสิ้นแล้ว
“หมดหน้าที่ของเราแล้ว กลับกันเถอะ” สิ้นเสียง นกกระเรียนตัวใหญ่ก็บินออกจากปราสาทอะจิไซแล้วหายลับไป
“เอาเมียข้าไปไว้ที่ไหน!! ถ้าไม่ตอบแกตาย!!!”
“หึ! ข้าไม่รู้! แต่ถึงต่อให้รู้ข้าก็ไม่บอกท่าน!” ถึงตอนนี้จะเกือบถูกฆ่าแต่ก็ยังคงใบหน้าเย่อหยิ่งนั้นปกปิดความหวาดกลัวเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
“แก!!!”
มือแกร่งทะลวงเล็บพิษหมายปลิดชีวินเข้าที่อกซ้าย หากแต่ไวไม่พออสูรสาวตรงหน้ากลับหนีหายไป เหลือไว้ซึ่งเพียงกลิ่นอันหอมเอียนที่คละคลุ้งไปทั่วปราสาท
เส็ตโชมารูพยายามนึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่กลับนึกอะไรไม่ออก ทุกอย่างดูเลือนลาง กลิ่นหอมเอียนที่ฟุ้งไปทั่วปราสาทยิ่งทำให้เขาร้อนรน สิ่งของใดหากแต่มีกลิ่นนี้ติดอยู่ เขาก็ขว้างปามันออกไปนอกปราสาทเสียหมด
“กลิ่นของริน ไม่มี ไม่มี! รินเจ้าอยู่ที่ไหน ริน! บอกข้าที!”
เขาเดินวนไปเวียนมา ขว้างปาข้าวของราวกับคนเสียสติ แม้แต่ฟูกนอนของรินที่ถูกปูเป็นประจำก็ถูกกรงเล็บฉีกทำลายมันอย่างไม่ใยดี เขาเดินไปยังเรือนหลังเล็กของจาเค็น แต่ก็ต้องชะงักเพราะกลิ่นที่สัมผัสได้นั้น บ่งบอกได้ว่าปีศาจกบตัวเขียวผู้เป็นลูกน้องคนสนิทนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่มาซักพักแล้ว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
คิ้วที่ขมวดกันเป็นปม บอกได้ทันทีว่าอสูรหนุ่มครุ่นคิดสงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน เขาตัดสินใจเหาะกลับไปที่ปราสาทใหญ่ เผื่อคำตอบทุกอย่างอาจจะอยู่ที่นั่น
ไม่นานก็ถึงที่หมาย เส็ตโชมารูรีบรุดเข้าไปยังห้องนอนของจาเค็นทันที จาเค็นที่ออกมาต้อนรับมองใบหน้าเจ้านายอย่างตกตลึง ก่อนจะโผเข้ากอด หากแต่โดนเท้าหนานั้นยันไว้ก่อนจะได้แตะเนื้อต้องตัวเขา อสูรหนุ่มเค้นถามเรื่องต่างๆ ที่สงสัยจากจาเค็นจนพอจะรู้คำตอบบ้าง เว้นแต่เพียงเรื่องของริน จึงคิดไปว่ารินอาจจะหนีเขาไปเพราะเข้าใจผิด อสูรหนุ่มเดินออกจากบริเวณนั้น แล้วเรียกบ่าวรับใช้นับสิบชีวิตให้ตามเขาลงไปยังปราสาทอะจิไซจนไม่นานก็ถึงที่หมาย บ่าวรับใช้ต่างมองข้าวของมากมายถูกปาระเนระนาดไปทั่วปราสาทอย่างสงสัย หากแต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามผู้เป็นเจ้านายที่บัดนี้ดูโกรธเกรี้ยวและหงุดหงิด
“พวกเจ้าทำความสะอาดปราสาทนี้ให้ดี อย่าให้มีกลิ่นเอียนน่าเวียนหัวเช่นนี้อยู่ในปราสาทของข้า!”
“เจ้าค่ะ!”
สิ้นคำสั่งนั้น เส็ตโชมารูก็ออกตาหารินทั้งคืนจนถึงเช้า แต่ก็ไม่มีร่องรอยของรินเลย ทั้งที่ตามหาทุกที่ที่คิดว่ารินน่าจะไปแล้วแท้ๆ เขานั่งทรุดลงบนโขดหินแถวริมลำธารเล็กๆ แห่งหนึ่ง ก่อนจะลองคิดทบทวนอีกคราว่ายังมีที่ใดที่เขาเผลอเรอไม่ได้ไปหาอีกหรือไม่
ลมโชยอ่อนๆ พัดมา กลิ่นของลมถึงแม้จะบางเบาแต่เขาก็จำมันได้ดี
“คางูระ เจ้ายังไม่ไปไหนอีกงั้นรึ?”
สายลมพัดผ่านตัวเขาราวกับจะนำทางไปหาอะไรบางอย่าง อสูรหนุ่มตามไปอย่างไม่ติดใจ ไม่นานสายลมก็แปรเปลี่ยนเป็นปิ่นขนนกตกลงสู้พื้นดิน เบื้องหน้านั้นปรากฏสถานที่ที่เขาคุ้นเคย เพราะรับส่งภรรยาสาวอยู่บ่อยครั้ง แต่เขามาตามหาที่นี่เป็นที่แรกเสียด้วยซ้ำ หากแต่ไม่มีกลิ่นของภรรยาเลยแม้แต่น้อยเขาจึงได้ไปตามหาที่อื่น
“เพราะเขตอาคมงั้นรึ?”
ณ ถ้ำจอมเวท
เพื่อหาข้อพิสูจน์ เส็ตโชมารูไม่รีรอ เขาเดินมุ่งหน้าเข้าไปในเขตอาคมของถ้ำที่ไม่เคยคิดจะย่างกรายเข้าไปนั้นทันที แรงเสียดทานของเขตอาคมทำให้เขาเจ็บและชาไปทั่วร่าง แต่ก็ไม่ได้สะทกสะท้านเสียเท่าไหร่ เมื่อพ้นจากเขตอาคมเข้ามาในถ้ำ กลิ่นต่างๆ อบอวลอยู่ภายในถ้ำเต็มไปหมด ทั้งกลิ่นอันเป็นที่รัก และกลิ่นอันน่ารังเกียจ เขารีบจ้ำอ้าวเดินก้าวเข้าไปในถ้ำทันทีที่ได้กลิ่นริน แต่ทว่า…
“แกเข้ามาได้ยังไง?!” มาซาฮิโระเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เพราะไม่เคยมีอสูรตนใดสามารถเข้ามาในเขตอาคมแห่งนี้ได้
“...” เส็ตโชมารูไม่ตอบอะไร นอกจากเดินไปตามทางที่มีกลิ่นของรินเท่านั้น แต่ก็ถูกขวางเสียก่อน
“จะไปไหน?!!”
“เอาเมียข้าคืนมา!!”
“ข้าไม่ให้!!”
“...” หมัดหนักของอสูรหนุ่มถูกปล่อยออกไปอย่างไม่ยั้งมือ หากแต่ชายหนุ่มปัดมันออกได้ทันอย่างเฉียดฉิว
“จะมาอยากได้คืนอะไรตอนนี้ ทีตอนไล่ท่านรินออกมาอย่างกับหมูกับหมาไม่เห็นจะคิดได้!!” ชายหนุ่มตวาดใส่อย่างฉุนเฉียว พลางนึกเหตุการณ์ในวันนั้นก็ยิ่งแค้นใจแทนริน หากแต่อสูรหนุ่มนั้นกลับจำได้เพียงเลือนลาง ราวกับความทรงจำนั้นหายไป
“แกพูดเรื่องอะไร!”
“เป็นอสูรความจำเสื่อมรึไงฮะ! ไล่ท่านรินออกมาเพราะอยากอยู่กับเมียใหม่อย่ามาทำเป็นจำไม่ได้สิ!!”
“...” คำพูดนั้นทำให้เส็ตโชมารูฉุกคิด รินไม่ได้เข้าใจผิดแล้วหนีเขามา แต่เขากลับเป็นคนไล่เธอออกมาเอง จิตใจของอสูรหนุ่มเริ่มร้อนรน เขาเป็นห่วงรินแทบขาดใจ พลางโทษตัวเองที่ทำให้รินต้องเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า นัยน์ตาสีอำพันจ้องมองไปยังห้องที่สัมผัสจากกลิ่นก็รู้ว่ารินอยู่ในนั้น ขานั้นก้าวเดินอย่างรีบร้อนเพราะอยากปรับความเข้าใจ ชายหนุ่มเห็นท่าว่าอสูรหนุ่มจะเดินไปทางห้องของริน ก็รีบเดินเข้าไปขวางหน้าอีกครา
“อย่ามายุ่ง!!!”
“ข้ามศพข้าไปก่อน!”
“ได้! งั้นก็เป็นเตรียมเป็นผีเฝ้าถ้ำซะ!!”
ทั้งคู่ปะทะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เส็ตโชมารูใช้เพียงแค่แซ่พิษและกรงเล็บพิษ ส่วนมาซาฮิโระนั้นใช้พลังเวทซึ่งก็รุนแรงพอที่จะสร้างรอยแผลให้อสูรหนุ่มได้ค่อนข้างมาก
วากานะที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ไกลๆ นั้นตื่นตระหนก ในสถานการณ์ที่ไม่มีท่านพ่ออยู่เช่นนี้ผู้เยาว์วัยนั้นแทบจะทำอะไรไม่ถูก จนฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าคนที่จะสามารถห้ามทั้งสองได้นั้นยังมีอยู่อีกคน
วากานะเดินเลี่ยงการต่อสู้ของทั้งสองแล้วรีบเคาะประตูห้องของริน แต่คนข้างในกลับไม่ตอบ เธอเคาะอยู่แบบนั้นเพราะไม่รู้จะทำยังไง ยิ่งมองการต่อสู้นั้นยิ่งร้อนใจ เพราะทั้งคู่ก็เลือดตกยางออกกันมากแล้ว หากช้ากว่านี้อาจจะฆ่ากันตายเสียจริงๆ
ภายในห้องอุเมะและบาระกางเขตอาคมให้รินนั่งอ่านตำราอย่างเงียบๆ พร้อมกับถูกสั่งห้ามไม่ให้ใครรบกวนเธอ หากแต่ตอนนี้รินหลับไปเสียแล้ว ทั้งคู่ตกใจที่ได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ ของวากานะราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจ จึงตัดสินใจปลุกเจ้านายที่กำลังหลับไหลอยู่ให้ตื่นจากห้วงนิทรา
“ท่านรินเจ้าคะ ท่านวากานะเรียกเจ้าค่ะ”
“ท่านรินขอรับ”
“อ่อ..อืม..ข้าจะออกไปเอง ขอบใจพวกเจ้ามาก” รินลืมตาตื่นอย่างงัวเงีย แล้วลุกออกจากฟูกเพื่อไปหาคนที่อยู่หน้าประตู
“ท่านรินคะ ช่วยข้าด้วย..”
“มีอะไรวากานะ”
“ท่านพี่กับ..สามีของท่านริน..” ดวงตาที่หรี่ลงเพราะความง่วงนั้นเบิกกว้างทันทีที่ได้ยิน ขาทั้งสองก้าวออกจากห้องอย่างรวดเร็วทั้งที่วากานะยังไม่ทันจะพูดจบดี
การต่อสู้นั้นเป็นไปอย่างดุเดือด ยิ่งฝากรอยแผลให้กันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งฮึกเหิม ทั้งคู่เริ่มเหนื่อยหอบยังคงไม่ลดละ สำหรับอสูรแล้วความเหนื่อยนี้มันไม่มากมาย หากแต่มนุษย์นั้นถึงจะแข็งแกร่งแต่ความเหนื่อยเช่นนี้ทำให้มาซาฮิโระเริ่มจะเสียท่าเส็ตโชมารูเข้าไปทุกที ไม่นานชายหนุ่มก็คุกเข่าทรุดลงกับพื้น ด้วยลมหายใจที่หอบเหนื่อย อสูรหนุ่มได้ทีจึงตัดสินใจชักดาบเขี้ยวดินระเบิดออกจากฝัก ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าเส็ตโชมารูต้องฆ่าตนแน่แต่ก็ยังนั่งอยู่แบบนั้นพร้อมรับความตาย มือแกร่งนั้นตวัดดาบหมายจะปลิดชีวิตคนข้างหน้ากลับต้องหยุดชะงัก เมื่ออ้อมกอดอุ่นที่เขาโหยหานั้นถูกมอบให้จากด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
“..ริน..”
“ท่านจำรินได้แล้วใช่ไหมคะ?”
“...” เส็ตโชมารูแปลกใจที่รินไม่โกรธเขา เขาไม่ตอบอะไร พลางเก็บดาบแล้วหันไปหาเธอ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเคยทำให้เขาใจเย็นลง แต่ร่างกายที่ดูซูบผอมลงไปนั้นกลับทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
“ถ้าจำรินได้แล้ว รินจะกลับไปกับท่านนะคะ” รินพูดแล้วยิ้มให้อีกครั้ง ประโยคนั้นทำให้มาซาฮิโระหมองลงไปทันที
“งั้นข้า..จะไปรอข้างนอก”
รินพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปประคองร่างมาซาฮิโระที่บาดเจ็บพร้อมกับวากานะเพื่อพาไปทำแผล นัยน์ตาสีอำพันจับจ้องไปคนทั้งคู่อย่างเจ็บใจ อ้อมกอดที่มอบให้เขาเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะโหยหาหรือพิศวาส หากแต่ต้องการจะช่วยชายหนุ่มตรงหน้าเท่านั้น มือแกร่งนั้นกำแน่น รินเป็นมนุษย์ที่ดีเสียจนใครๆ ก็หลงใหล แต่เขากลับทำร้ายคนดีๆ อย่างเธอได้ลงคอ
ทั้งที่ได้เธอมาครอบครอง
แต่กลับรั้งเธอไว้ไม่ได้
เขาจะต้องโทษใคร
หากไม่ใช่เพราะ...
ความโง่เง่าของตัวเขาเอง
รินและวากานะประคองมาซาฮิโระมาทำแผล เมื่อวางร่างลงเรียบร้อยวากานะก็ขอตัวออกไปทันทีอย่างรู้งาน ชายหนุ่มมองจ้องรินที่กำลังจะทำแผลให้ก่อนจะเอ่ยพูด
“ท่านรินไม่ควรมาช่วยข้า” ชายหนุ่มรู้ว่าที่รินทำไปนั้นเพราะต้องการจะช่วยไม่ให้เส็ตโชมารูฆ่าเขา รินยิ้มบางๆ และไม่ตอบคำถามของชายหนุ่ม
“อยู่นิ่งๆ นะคะ ข้าจะทำแผลให้”
“จะกลับไปจริงๆ หรือครับ?” เขาถามด้วยสีหน้าที่เศร้าลงเล็กน้อย
“ค่ะ ข้าตัดสินใจแล้ว”
“แต่ถ้าเขาทำให้ท่านรินเจ็บอีก…”
“เมื่อคืนวากานะเล่าให้ข้าฟังหมดแล้วค่ะ แค่ท่านเส็ตโชมารูกลับมาจำข้าได้เหมือนเดิม ข้าก็ดีใจมากแล้วค่ะ” รอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของรินทำให้ชายหนุ่มแปลกใจไม่น้อย
“ท่านรินไม่หึงหวงเขาหรอครับ?”
“ข้าไม่สนเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ ขอแค่ไม่ลืมข้าก็พอ”
“...” คำตอบของหญิงสาวนั้น ถ้าเขาเป็นผู้ได้รับเขาคงจะหลงรักเธอจนหมดหัวใจ คำตอบที่ประเสริฐเช่นนี้ยากที่จะหาได้จากหญิงใดบนโลก ไม่นานรินก็ทำแผลเสร็จเรียบร้อย เธอเก็บข้าวของก่อนจะลุกขึ้นจากตรงนั้น
“ข้าขอตัวก่อนนะคะ”
“ท่าน..ยังจะมาที่นี่อยู่...ใช่ไหมครับ?” เขาหวั่นใจ เกรงว่าเรื่องของเขาอาจจะทำให้เธอลำบากใจ และไม่อยากกลับมาที่นี่อีก
“...” รินยิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ชายหนุ่มที่เห็นใบหน้านั้นก็โล่งใจขึ้น วากานะเดินเข้ามาในห้องอีกครั้งเมื่อเห็นว่ารินออกไปแล้ว เพื่อมาดูแลพี่ชายต่อ พี่ชายปรายตามองเธออย่างมีเลศนัยจนสาวน้อยรู้สึกขนลุกราวกับมีเรื่องปิดบัง แต่ก็คิดว่าพี่ชายของตนคงรู้แล้ว
“ท่านพี่..ข้า..”
“เมื่อคืน..เจ้า..ออกไปช่วยเจ้านั่นมาสินะ”
“ข้าขอโทษค่ะ ข้าแค่...อยากจะช่วยท่านริน” ผู้เป็นพี่ชายถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำเอาวากานะสะดุ้ง ก่อนจะเอ่ยพูดกับน้องสาว
“เจ้า..ทำถูกแล้วล่ะ อย่าได้คิดมากเลย” เขายืนขึ้นแล้วลูบเรือนผมของวากานะเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง พลางคิดไปว่าเส็ตโชมารูไม่ใช่คนผิด โชคดีด้วยซ้ำที่วากานะไปช่วยได้ทัน หากเกิดอะไรขึ้นมากกว่านั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่า คนที่เขารักจะมีชีวิตอยู่บนความทรมานไปอีกนานแค่ไหน...
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทอะจิไซ
ปราสาทที่คุ้นตา หากแต่มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป รินลงจากหลังกระต่ายยักษ์สีขาวที่เป็นพาหนะของเธอ พลางมองไปรอบๆ ปราสาทอย่างแปลกใจ ไม่ใช่เพราะบ่าวรับใช้นับสิบที่กำลังทำความสะอาดปราสาทอย่างดีตามที่นายเหนือหัวสั่ง หากแต่เป็นสิ่งที่อยู่รอบปราสาทต่างหาก รินเดินไปพินิจมองมันอย่างหดหู่ เพราะตอนที่เธออยู่มันไม่เคยเป็นแบบนี้ เส็ตโชมารูที่เหาะตามหลังเธอมาเดินเข้าไปหารินอย่างสงสัย ไม่นานนักรินก็เอ่ยถาม
“สตรีผู้นั้นเธอไม่ชอบดอกไม้หรือคะ?”
“...” เส็ตโชมารูแปลกใจ สิ่งที่ออกจากปากแทนที่จะเป็นคำต่อว่า แต่กลับเป็นคำถามที่เขาไม่คาดคิด
“เสียดายจังนะคะ มันเคยสวยดีแท้ๆ” เธอพูดน้ำเสียงเศร้าพลางสัมผัสกลีบดอกอะจิไซที่ยังพอเหลืออยู่อย่างทะนุถนอม
“ข้าจะให้บ่าวทำความสะอาดที่นี่ เราคงจะต้องไปพักที่ปราสาทใหญ่ก่อนซักสองสามวัน เจ้าขัดข้องอะไรไหม?”
“ไม่ค่ะ ไปกันเลยไหมคะ?”
“อืม”
-------------------------------------------------
ณ ปราสาทของอาณาจักรสุนัขอสูรจิ้งจอกเงิน
“เจ้ารินนนน!”
“ท่านจาเค...เอ๊ะ!” รินเรียกและกำลังจะวิ่งไปหาจาเค็นที่กำลังวิ่งเข้ามาหาตน แต่ถูกเส็ตโชมารูคว้าแขนไว้แล้วดึงเธอไปไว้ข้างหลังเขา
“จาเค็นออกไป! แล้วอย่าให้ใครเข้ามาแถวนี้!”
“ขอรับ!” จาเค็นรับคำอย่างว่าง่าย เพราะรู้ว่าเจ้านายของมันคงอยากคุยกับรินเป็นการส่วนตัว
เส็ตโชมารูจับมือน้อยนั้นพาเดินไปตามระเบียงทางเดิน โดยที่คนถูกจับมือนั้นไม่รู้ว่าอสูรหนุ่มจะพาเธอไปที่ใดจึงเอ่ยถาม
“ท่านเส็ตโชมารูจะพารินไปไหนคะ?”
“ห้องของข้า”
“เอ่อ..มันเป็นที่ส่วนตัวของท่าน รินว่ามันคงจะไม่เหมาะ..”
“ทำไมเจ้าถึงคิดว่าไม่เหมาะ?”
“...”
“เหมาะหรือไม่เหมาะ ยังไงคืนนี้เจ้าก็ต้องนอนที่นี่อยู่ดี”
พูดจบทั้งคู่ก็มาถึงหน้าห้องของเส็ตโชมารู เขาเปิดประตูออกก่อนจะพาสาวน้อยผู้เป็นภรรยาเดินเข้าไปในห้อง รินมองไปรอบๆ ห้องอย่างสนใจ ก่อนที่สายตาจะมาสะดุดอยู่ที่กล่องไม้อย่างดีที่ซ้อนกันอยู่แปดชั้น
“นี่กล่องอะไรคะ?”
“เจ้าอยากรู้รึ?”
รินพยักหน้าเบาๆ อสูรหนุ่มจึงยกกล่องที่แปดที่อยู่ด้านบนสุดลงมาวางไว้บนโต๊ะเล็กใกล้ๆ กันนั้น เขาเปิดฝากล่องออก สิ่งที่อยู่ภายในนั้นทำเอาภรรยาที่ยืนมองอยู่ต้องยกมือป้องปากอย่างตกตลึง รินค่อยๆ หยิบสิ่งนั้นออกมาจากกล่อง จดหมายของเธอทุกฉบับที่ส่งมาให้อสูรหนุ่มนั้นถูกเก็บไว้อย่างดี ทั้งที่เธอคิดมาตลอดว่าเมื่ออ่านเสร็จเขาคงจะขยำมันทิ้งลงขยะไปหมดแล้ว ความตื้นตันถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตาใสที่ไหลคลออยู่ในนัยน์ตาสีน้ำตาลนั้น มือแกร่งโอบกอดภรรยาจากด้านหลังอย่างเบามือ ก่อนจะกระซิบเสียงอันแผ่วเบาที่ข้างหูของเธอ
“ข้ารักเจ้านะริน รักแต่เพียงเจ้าผู้เดียว” อสูรหนุ่มกอดร่างภรรยาให้แน่นขึ้น ราวกับจะกักขังเธอด้วยอ้อมแขนแกร่งนี้
“...” รินได้แต่สะอื้นไห้ด้วยความดีใจ คำพูดที่จริงใจ ความอ่อนโยน และความอบอุ่นที่มอบให้ ทำให้รู้ว่าที่ผ่านมาอสูรหนุ่มไม่เคยรักใครนอกจากเธอ เส็ตโชมารูจับรินให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา ก่อนจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าภรรยา มือแกร่งนั้นจับมือน้อยเอาไว้ ก่อนจะจับมันมาทุบตีไปที่ตน จนภรรยาโอดครวญด้วยความตกใจกับการกระทำของสามี
“ทุบตีข้าสิริน หรือจะด่าทอข้า หรือจะทำอะไรก็ตามใจเจ้า ให้สาสมกับที่ข้าบังอาจนอกใจเจ้า!”
“ไม่เอานะคะ ท่านเส็ตโชมารู ลุกขึ้นเถอะค่ะ อย่าทำแบบนี้”
“ข้าทำได้มากกว่านี้ หากเจ้าจะยกโทษให้ข้า” เขาพูดพลางจับมือน้อยนั้นทุบตีตนต่อไป หากแต่มือน้อยนั้นเริ่มขัดขืน เพราะไม่อยากทำร้ายคนตรงหน้า
“ท่านไม่ได้ทำอะไรผิดหนิค่ะ อย่าโทษตัวเองเลย ท่านไม่ได้ตั้งใจไล่รินออกจากปราสาท มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิด อย่าคิดมากเลยนะคะ”
“แต่ข้านอกใจเจ้า!”
“รินไม่เคยหวงหากท่านจะมีสตรีคนอื่นนอกจากริน ถ้าหากเธอผู้นั้นจะอยู่เคียงข้างท่านได้ตลอดกาล รินก็ยินดี เพราะมันเป็นสิ่งที่รินให้ท่านไม่ได้” มือน้อยนั้นลูบไล้ใบหน้างามอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองนัยน์ตาสีอำพันเพื่อบ่งบอกถึงความสัตย์จริงในคำพูด
“ไม่! ข้าจะไม่ให้เจ้าไปจากข้าอีก” อสูรหนุ่มโผเข้ากอดภรรยาไว้แน่นทั้งที่ยังคุกเข่าอยู่
“แค่ท่านไม่ลืมริน รินก็พอใจแล้วค่ะ”
“เจ้าเชื่อใจข้าไหม..ริน..”
“...”
“ถ้าข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ลืมเจ้าอีก..เจ้าจะ..เชื่อใจข้าไหม?”
“ค่ะ..รินเชื่อใจท่าน” รินคุกเข่านั่งลงให้เสมอกับสามี จ้องมองนัยน์ตาสีอำพันนั้นก่อนจะเอ่ยตอบ
“...” จุมพิตอันนุ่มนวลถูกมอบไว้บนหน้าผากมนนั้นแทนคำสัญญาอย่างจริงใจ
“ว่าแต่..ท่านตามรินเจอได้ยังไงคะ? วันก่อนฝนตก กลิ่นของรินก็ไม่น่าจะเหลือแล้ว”
“คางูระ”
“เอ๊ะ?”
“คางูระพาข้าไปหาเจ้า”
“ท่านคางูระคงจะรักท่านมากเลยนะคะ ถึงยังไม่ยอมไปไหนซักที”
“...” เขาขมวดคิ้วกับคำพูดของเธอ
“เสียดาย หากท่านคางูระยังอยู่แล้วได้แต่งงานกับท่านเส็ตโชมารู ท่านคงจะมีความสุขน่าดู ได้อยู่กันไปจนแก่เฒ่า ดีจังเลยนะคะ เอ้อ..จะว่าไปวันแต่งงานของเราท่านคางูระก็มานะคะ แต่รินลืมเล่าให้ท่านฟัง”
“พูดจบรึยัง?” เขาพูดเสียงเรียบ ทำให้ภรรยารู้ทันทีว่าเขากำลังไม่พอใจ แต่ก็ไม่เกรงกลัวสามีเลยแม้แต่น้อย พลางยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์
“ทำไมคะ? หรือว่าแทง..ใจ..ดำ ฮิๆ”
“เรื่องเก่าเรื่องแก่แบบนั้น เลิกพูดซักที” เขาพูดออกมา ถึงแม้เขาจะรู้สึกสงสารคางูระที่ตายไปโดยที่เขาช่วยอะไรเธอไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้มีใจให้หรือรู้สึกรักเธอเลยแม้แต่น้อย
“ก็รินพูดเรื่องจริงหนิคะ” รินยิ้มให้
“ริน..เจ้าอย่าดีกับข้ามากนักจะได้ไหม..” เขาพูดอย่างรู้สึกผิดที่ทำร้ายเธอมาโดยตลอด ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ยิ่งเธอดีกับเขามากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่
“รินก็ไม่ใช่คนดีอะไรหนิค่ะ” เธอพูดพลางคิดในใจ เธอเองนั้นไม่ใช่คนดีอะไร เป็นแค่เพียงคนเห็นแก่ตัวคนนึงเท่านั้น
เป็นเพียงมนุษย์
ที่ไม่วันจะยืนเคียงคู่กับเขาได้
และสุดท้ายก็ต้องเห็นแก่ตัว
โดยการจากเขาไป..
ตลอดกาล...
“เจ้าง่วงนอนงั้นรึ?” เส็ตโชมารูถามขึ้น เพราะเห็นภรรยาเอามือป้องปากหาวเสียหลายทีจนน้ำตาเล็ด
“รินเพลียๆ น่ะค่ะ”
พูดจบอสูรหนุ่มก็ยืนขึ้น มือแกร่งค่อยๆ โอบอุ้มร่างภรรยาอย่างทะนุถนอม ก่อนจะวางลงบนฟูกใหญ่หนานุ่มของเจ้าของห้อง มือแกร่งข้างหนึ่งปัดผมที่ปกใบหน้าของภรรยา อีกข้างหนึ่งกำมือข้างหนึ่งของภรรยาไว้แน่น ก่อนจะนั่งลงข้างฟูกนั้น
“นอนซะ ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้า” รินพยักหน้ารับแล้วปิดเปลือกตาเข้าสู่ห้วงนิทราไป อสูรหนุ่มจับมือน้อยนั้นขึ้นมาจุมพิตเบาๆ แล้วพูดในใจ
“ฝันดีนะ ดวงใจของข้า”
-------------------------------------------------
จบตอนที่ 12
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ