Fic naruto ภาค พายุโลหิต

10.0

เขียนโดย นิกซ์

วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.23 น.

  33 ตอน
  12 วิจารณ์
  54.30K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 16.43 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

11) บทที่ 11 อีกด้านของเธอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ซาสึเกะที่ไม่รู้สึกง่วง ได้แต่นอนพลิกไปมาบนฟูกขาวสะอาดแสนนุ่มนิ่ม ซึ่งที่นี่จะสะดวกสบาย แต่ใจเค้าไม่สบายเลยสักนิด
เธอช่างแข็งแกร่ง ห้าวหาญ ไม่น่าเชื่อว่า ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอจะสามารถนำทัพกำจัดกบฏแผ่นดิน ยังมีอีกหลายอย่างที่เค้ายังไม่รู้เกี่ยวกับเธออีก
หลังจากกลิ้งตัวไปมา สักพักก็หลับไป...
...
เช้าวันต่อมา สามนินจาได้รับการต้อนรับอย่างดีด้วยมื้อเช้าสุดหรู หลังจากที่กินกันเสร็จ เหล่าสาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มก็ตรงเข้ามายกสำรับไปเก็บ
แล้วจู่ๆก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามา เค้าเป็นคนที่หล่อเหลา ผมดำยาวรวบสูง ตาสีดำเรียวราวกับจิ้งจอกร้าย สวมชุดฮากามะสีเทา และทับเสื้อคลุมสีน้ำเงินอีกชั้น
“สวัสดี เด็กๆพักผ่อนสบายไหม”
ซาสึเกะจำได้ว่านี่คือใคร ทำไมหน้าถึงไม่แก่ลงเลยฟะ!!
อิโนะหน้าขึ้นสี ดูเหมือนว่าเธอจะหลงเสน่ห์ของหนุ่มรูปงามแดนซามูไรเสียแล้ว ซาอิมองอย่างไม่พอใจ
“ขอแนะนำตัว ชั้นชื่อ โชจุกิ โช เป็นเจ้าสำนักดาบโชจุนสึ อาจารย์ของไอ้สี่แสบ”
อิโนะแลดูกระดี้กระด๊า บิดไปบิดมา อย่างเอียงอาย เมื่อเจอชายหนุ่ม?รูปงาม ...อยากลูกศิษย์เลยอ๊ะ...
“ถ้าอยากเป็นลูกศิษย์ ชั้นยินดี แต่ชั้นฝึกโหดนะ แต่ได้ดีทุกคนนะ”รอยยิ้มหวานทรงเสน่ห์ถูกโปรยมาเป็นการตบท้าย ขโมยใจสาวผมทองไปโดยปริยาย...
“แล้วคุณเบนิ กับเพื่อนๆเค้าล่ะครับ”ซาอิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเรียบกว่าปกติ
“สามบ้ามันยังต้องนอนโรงพยาบาลต่อน่ะนะ แต่เบนิ ดูเหมือนจะแข็งแรงดีกว่าเพื่อน เพิ่งออกจากโรง’บาลไปเมื่อครู่นี่เอง เค้าวานให้ชั้นมาบอกกับพวกเธอว่า ให้พักที่นี่ก่อนอาทิตย์หนึ่ง ระหว่างนี้จะไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ แต่ขอให้มาพักที่นี่ก็พอ เค้ามีของบางอย่างอยากมอบให้พวกเธอน่ะนะ”
ซาสึเกะจึงลุกออกไปเสียเฉยๆ
โชหันมาหาสองหนุ่มสาว “พวกเธอก็ไปเที่ยวที่เอโดะสิ ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวเยอะนะ อยู่ที่นี่อาจจะอึดอัดก็ได้”
หญิงสาวพยักหน้า
ร่างของเจ้าของสำนักดาบก็หายไปเสียแล้ว
ทำเอาทั้งคู่สะดุ้งเล็กน้อย
ซาอิหันมาถามหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม “งั้นเราสองคนไปเที่ยวในแคว้นกันดีไหมครับ”
หญิงสาวหน้าขึ้นสี ...นี่เค้าขอเราเดตเหรอ?...”อื้ม”
...
ณ สุสาน นอกแคว้นเอโดะ
ร่างๆหนึ่งที่สวมผ้าเสื้อโค้ดสีดำยาว ร่างนั้นเลิกฮู้ดที่คลุมหัวออก เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาววัยสิบเก้า ผมตัดสั้นละต้นคอสีชมพู หน้าตางดงาม ตาสีมรกตกลมโต ผิวขาวอมชมพู สองแก้มที่ตอนนี้ไร้สีเลือด ริมฝีปากจิ้มลิ้ม รวมทุกอย่างแล้ว เธอช่างเหมือนงดงามราวกับภาพวาด
เธอวางช่อดอกไม้สีขาว บนหลุมศพที่ไม่ปรากฏนาม “สบายดีนะ มาโมรุ”
แม้จะได้เสียงที่ตอบกลับมา แต่เธอก็ยังแย้มยิ้ม “ตอนนี้ แคว้นเรา สงบสุขแล้ว ชั้นจัดการปัญหานั่นแล้วนะ อย่าได้ห่วงเลย”
สายลมเย็นๆได้พัดมา เหมือนสัญญาณการตอบรับจากใครบางคน
...อดีตเมื่อเก้าปีก่อนได้หวนเข้ามาในหัวของหญิงสาว ตอนนั้น เธอยังเป็นแค่เด็กหญิงอยู่เลย...
เก้าปีก่อน...
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!”เสียงกรี๊ดกรี๊ดของเด็กสาวดังลั่น บ้านพักของหน่วยองค์รักษ์หน่วย1ของแคว้นอโดะ
“มีอะไรเบนิ”หนุ่มทรงผมก้นเป็ดสีดำแซมเทา ในเครื่องแบบตำรวจ ร้องถาม
“พุดดิ้งแมงโก้ช้านนนนน”ร่างบอบบางของเด็กหญิง ผมชมพูตัดสั้น วัยสิบขวบในชุดเครื่องแบบองค์รักษ์ร้องอย่างขัดใจเมื่อของว่างที่แสนโปรด ไม่มีเหลือเลย
“เอาน่า อย่าคิดมาก...”
“จะไม่คิดมากได้ยังไง ชั้นไม่ได้พุดดิ้งแมงโก้ มาตั้งนานแล้ว ไปซื้อเองก็แพง”เด็กสาวทึ้งผมของตัวเองอย่างหัวเสีย
เด็กหนุ่มผมดำส่ายหน้า “ส่วนของชั้นก็ถูกแย่งไปนะ”
ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะสนทนากันต่อ ทหารนายหนึ่งก็พุ่งพรวดเข้า
ก่อนจะโค้งเคารพเด็กสาวเพียงเล็กน้อย จะไม่ให้เคารพได้ยังไง เธอคือรองหัวหน้าหน่วย องค์รักษ์ หน่วยนี้เลยนะ
“มีอะไร”
“คือ คนในหน่วย โดนวางยาครับ”
“อะไรนะ?!”
สองหนุ่มสาวรีบไปที่โรงพยาบาลก็พบว่า ไอ้เพื่อนรัก เจ้าพวกสามบ้าและคนในหน่วยเกือบทั้งหมดนอนหน้าซีดให้น้ำเกลืออยู่
“เจริญจริงๆ ไปกินอะไรมายะ”
เรมที่ตอนนี้ใบหน้าขาวซีดอยู่แล้ว ซีดกว่าเดิมเอ่ยขึ้น “พวกเราก็กินข้าวเช้า ข้าวเที่ยงเหมือนกันนะครับ ทะ..ทำไมเบนิคุง กับมาโมรุคุงถึง ดูปกติมากเลย”
“เพราะพุดดิ้งรึเปล่าครับ”
เด็กสาวมองไปที่คนเสนอความเห็นอย่างจับผิด แล้วแสร้งทำเป็นครุ่นคิด “ก็น่าคิดนะ”
ไม่นาน เบนิก็ถูกเรียกไปพบกับมิคาโดะ ผู้บังคับบัญชาการทหารของแคว้นเอโดะ
“อืม...หน่วยที่1 โดนวางยาในพุดดิ้งหมดเลยรึ”ชายวัยกลางคนร้องถาม
เด็กสาวพยักหน้าในขณะที่กำลังคุกเข่า อยู่เบื้องหน้าผู้บังคับบัญชา
“แล้วทำไมเอ็งถึงไม่โดนไปด้วยล่ะวะ ปกติเห็นชอบกินนักนิ”
หน้าหวานๆหงิกลง “โดนแย่งค่ะ”
“อ้อ คนในหน่วยหนึ่งเหลือกี่คน”
“มีหนู และคนที่ไปเข้าเวรอีกสอง และมาโมรุ ค่ะ”
“เบนิ เอ็งคิดว่า งานนี้ คนสี่คนจะสามารถไปสืบข่าวได้ไหม”
“ข่าวอะไรรึคะ”
“หน่วยข่าวกรองสืบว่า ในคืนนี้จะมีการเจรจาซื้ออาวุธเถื่อน ที่โกดังร้าง ในเขตเรา”
“ถ้าไปสืบข่าว สองคนน่าจะพอค่ะ”
“อืม...ที่จริงก็อยากให้ไปทั้งหน่วยนะ ไอ้กลุ่มนี้มันก็รอดการจับกุมมาหลายครั้งแล้ว”
“หนูว่าครั้งนี้...เราควรขอกำลังเสริมจากหน่วยสองและสามนะคะ เพราะเป็นหน่วยที่ใกล้เราที่สุด และอยากจะขออะไรสักหน่อย ช่วยเก็บเป็นความลับด้วยนะคะ...”
“ได้สิ ว่ามา”
หลังจากที่พบผู้บังคับบัญชา เด็กสาวจึงจัดการนัดแนะ คนในหน่วยที่เหลือรอดจากพุดดิ้งมหาภัยอยู่สามคน เพราะจากที่แพทย์ตรวจสอบ ก็พบว่า คนทั้งหน่วยโดนยาถ่ายชนิดร้ายแรงเข้าไป กว่าจะหายก็เป็นเดือน
ทั้งสี่อยู่ในห้องประชุมของหน่วย
เด็กสาวคลี่แผนผัง ของโกดังที่หมายออกมา แล้วจัดการอธิบายจุดสังเกตการณ์ต่างๆ
จินโซ หนึ่งในคนที่รอดจากยาถ่ายมหาภัยร้องถาม  “ทำไมไม่ไปเป็นคู่ล่ะครับ ท่านเบนิ ทำไมครั้งให้แยกไปคนเดียวด้วย”
มาโมรุ ตำรวจที่เข้ามาทำงานแลกเปลี่ยน สนับสนุนอีกคน “นั่นสิ แบบนี้มันอันตรายนะ”
“ไม่หรอก เราแค่ไปดูลาดราวนะ อย่ากลัวไปเลย อีกอย่างชั้นก็เตรียมแผนไว้แล้ว”
โอชิน ทหารอีกคนที่รอดจากยาถ่ายมหาภัยเสนอความเห็น “เราขอกำลังเสริมจาก หน่วย สองและสามก่อนดีกว่านะครับ”
“ช้า ไปกันแค่นี้แหละ คล่องตัวดี อย่าเถียง อีกสามชั่วโมงเราจะลงมือ ไปเตรียมตัวซะ”
“แต่...”โอชินกำลังจะเถียงแต่เจอสายตาพิฆาตจากร่างบาง
“ตอนนี้ ชั้นคือหัวหน้า ถ้าไม่อยากโดนปลดก็ไปเตรียมตัวซะ!”
ทหารสามนายจึงรีบแจ้นไปเตรียมตัวทันที
เมื่อทุกคนมาตามที่นัดหมาย ครั้งนี้ เด็กสาวจัดการเตรียมอาวุธเอาไปมากกว่าปกติ
สี่คนที่เหลือรอดในหน่วยหนึ่ง แยกไปตามทางที่ได้นัดแนะแล้ว
แต่ปรากฏว่า สิ่งที่เธอคาดการณ์เอาไว้จะเป็นจริงเสียแล้ว...
‘ปังๆ’
กระสุนสองนัดจาก กลุ่มพ่อค้าอาวุธเถื่อนได้ยิงมาที่ร่างของเด็กสาวในเครื่องแบบทหาร จนร่างบอบบางนั้นล้มคว่ำ
“”นี่น่ะรึ? เบนิ มันก็ไม่ต่างจากเด็กผู้หญิงธรรมดาเลยนี่หว่า หึ!”
เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบตำรวจมองร่างที่ล้มลงด้วยสายตาอันว่างเปล่า
“มาโมรุ ไม่ดีใจรึ?ที่เรากำจัดศัตรูไปได้คนหนึ่ง แถมเป็นตัวแสบที่สุดด้วย”
ยังไม่ทันที่จะได้สนทนากันต่อ
‘แกร๊กๆ’
บางสิ่งได้กลิ้งออกมาจากร่างที่ไร้ชีวิต
ควันมากมายพุ่งออกมา
“บ้าเอ๊ย!”
เมื่อควันจางลง ร่างที่นอนอยู่กลางโกดัง ก็หายไป เหลือแต่ ถุงเลือด เอาไว้ดูต่างหน้า
สายลับหนุ่มยิ้ม “ประมาทเกินไปแล้ว...”
กลุ่มพ่อค้าอาวุธเถื่อนตะโกนลั่น “หานังนั่นให้เจอ เร็วๆ แกก็ด้วยมาโมรุ”
“คร้าบๆ”...เธอจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีล่ะ  เบนิ...ตั้งแต่เค้าแทรกซึมเข้ามาในหน่วยองค์รักษ์หน่วยนี้ ดวงใจของหน่วยคือ เธอ ในตอนแรก ทุกคนรวมถึงเค้าต่างสบประมาทเธอ ‘ว่ายัยเด็กนี่น่ะรึ หน้าตาอย่างกะตุ๊กตา ลูกคุณหนูชัดๆ’ คิดว่าเธอใช้เส้นสาย แต่เธอก็พิสูจน์ให้เห็นว่า การที่เธอได้เข้ามาทำงานนั้น ไม่ได้ใช้เส้น แต่เป็นเพราะความสามารถ ความสามารถที่ทำให้เธอ ถูกเลือก ที่หน่วยของเค้าทำงานกันลำบากน่ะ ก็เพราะแผนการของเธอ
ทางด้านคนที่กำลังหลบเหล่าศัตรูที่ตามล่า โชคดีที่เธอคาดการณ์เอาไว้ได้ถูกต้อง “ที่เหลือก็ต้องรอคนจากหน่วยสองกับสามล่ะนะ...”
“ทางนั้น นังเด็กนั่นอยู่ทางนะ..”
ยังไม่ทันที่จะเอื้อนเอ่ยอะไร ซามูไรรับจ้างคนนั้น ก็ต้องหัวหลุดออกจากบ่าเพราะฝีมือของเด็กสาวผมชมพู
เด็กสาวรีบเช็ดคราบเลือดของศัตรูที่เลอะหน้า อาจารย์สอนเสมอว่า ต้องกำจัดความลังเลออกไป ถ้าอยากจะรอด ต้องเป็นผู้ฆ่า ไม่งั้นจะเป็นฝ่ายถูกฆ่าเสียเอง
ซามูไรอีกสามคนพุ่งเข้ามา  เด็กสาวรีบปาระเบิดแสงใส่
เมื่อแสงจากระเบิดดับ ก็เหลือเพียง ศพไร้หัวของซามูไรสามคน
ร่างที่ถือดาบเปื้อนเลือด เริ่มเหนื่อยล้า สมองของเธอพยายามค้นหาทางรอด ก่อนที่กำลังเสริมจะมาถึง เธอจะต้องรอด
ขณะที่มีร่างบอบบางกำลังคิด ก็มีมือปริศนาเอื้อมมาปิดปากและดึงเธอไปอีกทาง
ร่างบางพยายามดิ้นหนี
“นิ่งๆก่อน”
เมื่อพามาที่ลับตา ไม่มีคนได้แล้ว
ร่างบางก็เป็นอิสระหันหลังมามองคนที่ปิดปากเธอ
“มาโมรุ? หมายความว่ายังไง”
สายสืบหนุ่มวัยสิบห้ายิ้มแย้ม “ถ้าเป็นเรม ริวโอ หรือบันไซ ชั้นคงจะฆ่าได้โดยไม่ลังเล แต่ทำไมครั้งนี้ ถึงเป็นเธอนะ...”
“หมายความว่ายังไง เป็นชั้นแล้วทำไม”เด็กสาวตั้งท่าพร้อมรบ จับดาบในมือแน่น
“ชั้นคือเด็กกำพร้าจากสงครามกลางแคว้น เมื่อสิบปีก่อน สงครามนั้น ทำให้ชั้นสูญเสียทุกคนในครอบครัวไป ทั้งพ่อ แม่ หรือแม้แต่พี่ชาย...ท่านซุยดัน ก็เก็บชั้นมา ให้ชั้นแฝงตัวเป็นตำรวจแลกเปลี่ยนเพื่อจะจัดการกับหน่วยองครักษ์ ทุกหน่วยที่มีตำรวจแลกเปลี่ยน...ท่านซุยดัน ต้องการกำจัดพวกเธอ เพื่อแสดงความภักดีของชั้น”
“เพราะงั้นนายเลยล่อให้ชั้นออกมาคนเดียวสินะ”
เด็กหนุ่มยังคงนิ่งเงียบไม่เอื้อนเอ่ยอะไร
“นายคิดจะกำจัดชั้นที่อ่อนแอที่สุดรึ หึ! อย่าหวังเลย”
“ก็ชั้นไม่จะกำจัดตั้งแต่แรกแล้ว...”
“ต้องการใช้ชั้นเป็นเหยื่อล่อรึ?”
“ไม่...ชั้นไม่โง่พอที่จะคิดกำจัดเธอหรอก อย่างเธอน่ะมันก็ระแวงชั้นมาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ยล่ะ?”
เด็กสาวไม่ปฏิเสธ มันคือเรื่องจริงที่เธอไม่เคยไว้ใจอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
“เธอน่ะมันระวังตัวจัด...เข้าถึงยาก เธอกับบันไซ มีบางอย่างปกปิดเอาไว้”
เด็กสาวกระชับดาบในมือ “พูดเหมือนรู้จักชั้นดีเลยนะ”
เด็กหนุ่มยักไหล่“ผจญโลกมาเยอะล่ะมั๊ง ทำให้มองคนออก และทำไมเธอถึงไม่นำหลักฐานที่บอกว่าชั้นเป็นสายลับไปบอกท่านมิคาโดะล่ะ”
เด็กสาวไม่ตอบคำถาม กลับจ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง“ทำไม นายลากชั้นมาที่นี่”
“เผยความในใจ”
คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างสงสัย
“เธอนี่มัน...เย็นชาจริงๆ”
“ยังไง”
“ที่ชั้นฆ่าเธอไม่ลง ก็เพราะ...ชั้นรักเธอ ชั้นรักเธอ เบนิ...แต่เธอคงจะไม่ยินดีที่จะถูกบอกรักในสถานการณ์เจียนตายสินะ แต่เพราะ ชั้นอยู่ได้อีกไม่นาน เลยอยากจะบอกไว้น่ะ ว่าชั้นรักเธอ รักเธอสุดหัวใจ...จนไม่อาจรักใครได้อีก...”
เสียงแหบห้าวดังขึ้น “เจอตัวแล้ว มาโมรุ จัดการมันสิ!!”ศัตรูรายหนึ่งร้องสั่ง อยู่เบื้องหลังของเด็กสาว
เด็กหนุ่มปรายตามองคนสั่ง ในขณะที่เด็กสาวเตรียมตั้งรับเต็มที่
‘ฉึก’
ดาบคาตานะสั้นได้ปักลงที่ศีรษะของลูกน้องของพ่อค้าอาวุธเถื่อน
ร่างที่ไร้ชีวิตล้มลง
เด็กสาวมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ทำไมเค้าถึงได้เขวี้ยงดาบคาตานะไปปักหัวพวกเดียวกันแบบนี้
...
รอยยิ้มหวานผุดขึ้นดวงหน้างาม
“งั้นชั้นขอตัวก่อน ถ้าว่าง...จะมาหานะ”ว่าจบเธอก็ดึงฮู้ดมาคลุมหัวตามเดิมแล้วเดินจากไป
...
ซาสึเกะเดินเตร็ดเตร่ไปตามที่ต่างๆของแคว้นเอโดะ เค้าต้องยอมรับว่าแคว้นนี้มีความเจริญและสงบสุขมาก ....
เด็กๆวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน
ผู้คนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม...
ชายหนุ่มแวะมาดื่มชาที่ร้านดังโงะ ก็เผอิญ ไปได้ยินสาวๆที่นั่งเม้าท์อยู่ข้างหลัง
‘นี่ได้ยินว่าท่านเบนิกลับมาที่เอโดะแล้วนะ’
‘จริงอ่ะ ท่านเบนิยังมีชีวิตอยู่เหรอ อ๊าย...ท่านคงจะรูปหล่อน่าดู’
ซาสึเกะที่ดื่มชาก็ชะงัก...เดี๋ยวนะ รูปหล่อ?...เค้านึกถึงใบหน้าของหญิงสาวที่ถูกเอ่ยถึงก็ชักจะเห็นเค้ารางว่า รูปหล่อ หากเป็นผู้ชายคงจะหน้าสวยเอาเรื่อง...
“พี่ชาย โต๊ะอื่นเต็มแล้ว ข้าขอนั่งด้วยคนนะ”
“อ่า...หะ!”ซาสึเกะเกือบจะหลุดออกชื่อ แต่อีกฝ่ายเอนิ้มชี้แตะที่ปากของตน
...เงียบก่อนเถอะ...
“เถ้าแก่ ขอดังโงะห้าไม้และชาแดงขอรับ”
“ซากุระ ร่างกาย...”
“หายดีแล้ว ออกจากเกาะก็ใช้คาถาแพทย์รักษาน่ะ ชั้นไม่ชอบอยู่โรง’บาล”
“ปกติเป็นหมอ ก็ต้องอยู่โรง’บาลตลอดไม่ใช่รึ”
“ก็ใช่ แต่ชั้นไม่ชอบอยู่ในฐานะคนไข้”
เพียงไม่นานทั้งคู่ก็ออกจากร้านดังโงะ แล้วเดินออกนอกเมืองไปด้วยกัน
ร่างบางเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน “ขอจับดาบหน่อยได้ไหม”
“เอ่อ...”
“เร็วๆ”
ซาสึเกะดึงดาบคุซานางิออกจากฝัก ส่งให้หญิงสาว
“น้ำหนักกำลังดี ดีเยี่ยมจริงๆ อืม...แต่ไม่ค่อยบำรุงรักษาเลย ถ้ามีเวลาก็บำรุงรักษามันเสียหน่อยนะ”
“เธอพูดราวกับว่ารู้จักดาบดีเลยนะ”
“ธรรมดา จับดาบมาตั้งแต่เด็ก เรื่องแค่นี้รู้อยู่แล้ว พักที่นี่สักอาทิตย์หนึ่งนะ ทำดาบให้ เป็นการตอบแทน”
“ไม่ต้องหรอก”
“เถอะนะ ให้ชั้นได้ตอบแทนนายบ้าง”
“งั้นช่วยตอบคำถามชั้นสักคำถามหนึ่งที”
“ว่ามาสิ”
“ทำไม เธอถึงให้ทาเคโนมารุ มาเฝ้าชั้นล่ะ”
“อ๋อ เรื่องนั้น่ะเหรอ ชั้นอยากให้ท่านสบายใจน่ะ”
“สบายใจ?”
“ใช่ ท่านทาเคโนมารุไม่ชอบใจที่ชั้นให้นาย นำหลักฐานไปมอบให้นายเหนือหัว แต่ชั้นก็มีงานที่ต้องทำอีกมาก”
“ทำไมเธอต้องลงทุนขนาดนี้ เพื่อช่วยเพื่อน”
หญิงสาวยิ้มบาง“เพราะพวกเค้าไม่เคยทิ้งชั้น ชั้นก็จะไม่มีวันทิ้งพวกเค้าเด็ดขาด ต่อให้ต้องตาย ชั้นก็จะช่วยพวกเค้าให้ได้”
ทั้งคู่เดินมาด้วยกันสักพัก
“ขอแยกตรงนี้เลยก็แล้วกัน...พอดีจะไปทำธุระต่อ”
“จะไปไหน”
“ไปหาพ่อ ท่านคงจะมาที่เอโดะแล้ว ไว้เจอกันนะ”รอยยิ้มที่ส่งมาให้เค้ามันช่างงดงาม แต่หญิงสาวไม่ได้มีท่าทีเอียงอายใดๆทั้งสิ้น ผิดเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะ เธอเคยชินกับการที่ต้องอยู่กับผู้ชายเป็นฝูงก็ได้
“ไปด้วยสิ”
“ก็ได้ ถ้าไม่เหนื่อยและไม่กลัวนะ”
ซาสึเกะไม่ค่อยเข้าใจความหมายในประโยคหลังซักเท่าไหร่
ทั้งสองเดินทางไปเรื่อยๆโดยไม่มีการหยุดพัก สำหรับซาสึเกะ เค้าคิดว่า อีกฝ่ายควรจะพักเท้าได้แล้ว แต่เจ้าหล่อนกลับไม่อิดโรยเลยสักนิด ทั้งๆที่เมื่อคืนออกรบมานี่นา
ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่ามีใครเฝ้ามองอยู่
ทาเคโนะมารุรู้สึกไม่ชอบใจ ที่ไอ้หนูหัวเป็ดนั่นมาตีสนิท เด็กน้อยที่น่ารักของเค้า ...ต้องทำอะไรสักอย่าง แต่...ตอนนี้ดูๆไปก่อน...
หลังจากที่เดินทางมาสักพักใหญ่ ก็มาถึง คฤหาสน์สไตล์ญี่ปุ่นหลังใหญ่ที่ด้านหลังติดทะเล
“ที่นี่คือ...”
“บ้านชั้น ไม่สิ บ้านปู่ของชั้นเอง”
เสียงปริศนาดังขึ้น
“ยินดีต้อนรับ คุณหนู”
“คุณหนูกลับมาแล้ว”
“ฤกษ์ดี คุณชายคุณหนูกลับมาแล้ว”
เสียงชายและหญิงต่างร้องอย่างยินดี แต่ไม่เห็นตัว
ซากุระเอ่ยเสียงเรียบ“ปรากฏตัวเถอะ คนๆนี้เพื่อนชั้นเอง”
สิ้นคำ เหล่าภูตผีก็เผยโฉม ทำเอาอุจิวะหนุ่มผงะไปเล็กน้อย ที่เห็นภูตผีมากมายรายล้อมตัวเค้าและเธออยู่
“นายนี่จิตแข็งนะ ถ้าเป็นนารูโตะคงกรี๊ดแต๋วแตกแล้ว”
ร่างบางส่งเสื้อคลุมตัวยาวให้วิญญาณหญิงสาวในชุดกิโมโน “คุณพ่อล่ะ”แล้วเดินนำชายหนุ่มเข้าไปในบ้าน
ซาสึเกะมองชุดที่หญิงสาวสวมใส่ เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแล็ตสีดำ ทำให้ดูเหมือนหนุ่มน้อยมากกว่าสาวสวยอีก
วิญญาณชายแก่เอ่ยขึ้น “เล่นหมากรุกกับคุณท่านอยู่ครับ”
ซาสึเกะหันไปมองวิญญาณหญิงสาวที่ทำท่าจะแตะตัวเค้า ซากุระจึงหันไปเอ่ย “นายจะสวมผ้าคลุมต่อรึ?”
“อืม และเธอจะค้างที่นี่”
“ใช่ ชั้นทำธุระเสร็จ ก็จะค้างเลย พรุ่งนี้ค่อยไปรับไอ้สามบ้าออกจากโรง’บาล”
ทั้งคู่มาถึงห้องโถงใหญ่ ก็ได้ยินเสียงชายสองวัยหัวเราะอย่างสนุกสนาน
เมื่อวิญญาณชายชราเปิดประตูให้
“ลูกจ๋า”
“หลานรัก”
ชายสองวัยร้องทักอย่างยินดี เมื่อเห็นหญิงสาว
เจ้าหล่อนโค้งเคารพเล็กน้อย เช่นเดียวกับซาสึเกะ
ทั้งพ่อทั้งปู่ต่างโผล่กอดหญิงสาวด้วยความคิดถึง
“อ้าว แล้วเจ้าหนูนี่มาได้ไง”คิซาชิคลายอ้อมกอด แล้วถามลูกสาว
“เค้าอยากตามมา เค้าเป็นคนที่นำหลักฐานไปให้นายเหนือหัวค่ะ”
ชายชราผมสีดอกเลาท่าทางแข็งแรงในชุดฮากามะสีเลือดนกมองไปที่ซาสึเกะ“งั้นรึ ขอบใจมากนะ ไอ้หนุ่ม มาๆ ต้องขอบคุณเสียหน่อย ชั้น ชิอินะ โทชิกิ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“เช่นกันครับ เอ่อ...ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ” ซาสึเกะลอบมองชายชรา ก็พอเดาได้ว่า ซากุระคงจะได้มรดกหน้าตาดีมาจากปู่ด้วย ส่วนพ่อก็มีนะ แต่น้อย
คิซาชิยิ้ม “อย่าปฏิเสธน่า สิ่งที่เธอทำ ได้ช่วยตระกูลเราไว้ด้วยนะ มาๆ เด็กๆสุราอาหาร”
ทำเอาอุจิวะหนุ่มปฏิเสธไม่ออก
ระหว่างที่กำลังรอ สุราอาหาร ซากุระก็อาสามาเป็นคู่มือในการประลองหมากรุกกับปู่ ในขณะที่คนเป็นพ่อเล่นซามิเซ็งไปพลาง ส่วนซาสึเกะนั่งนิ่งๆ
“คุณพ่อ มานี่ที่ ไม่โดนคุณแม่แว้ดเอารึคะ”หญิงสาวเอ่ยพลางเพ่งสมาธิไปกับการเดินหมาก
คนถูกถามหัวเราะลั่น ก่อนจะตอบคำถามลูกสาวอย่างอารมณ์ดี“แว้ดไม่แว้ดไม่รู้ แต่แอบออกมาตอนแม่ยังเป็นลมน่ะนะ ฮ่าๆ”
“คุณแม่น่ะรึ?เป็นลม แมลงสาบตัวเป้งยังตีตาย อะไรทำให้คุณแม่กลัวคะ”
“ไม่ขอพูดนะลูกจ๋า”
“อะไรล่ะคะ”หญิงเดินหมากไปพลางขมวดคิ้ว “รุกฆาต!”
“หว้า นังหนูนี่เก่งเกินไปแล้ว”ชิอินะ โทชิกิ บ่นอุ้บ
“แก้มือก็ได้นะคะ คุณปู่ หนูพร้อมเสมอ” หญิงสาวเริ่มจัดกระดานหมาก
ชายชราโบกมือปฏิเสธ “ไม่เอาๆ ประลองดาบรออาหารถ้าจะดีกว่านะ”
“ก็ได้ค่ะ จะเป็นคู่มือให้”
“เอ่อ ว่าแต่เจ้าหนุ่มนี่ชื่ออะไรรึ? นั่งตั้งนานยังไม่ได้ถามชื่อเลย”
ซาสึเกะโค้งศีรษะเคารพก่อนจะแนะนำตัว “ผม ชื่อ อุจิวะ ซาสึเกะ ครับ”
“หน้าตาดีนะ มีเมียรึยังล่ะ”
เจอคำถามแบบนี้ทำเอาคนถูกถามสะดุ้ง พอหันไปมองหญิงสาว ที่นั่งนิ่งไม่แสดงอะไร
ซากุระปรายตามองอีกฝ่ายก็พอรู้ว่า อีกฝ่ายอึดอัด “คุณปู่คะ หนูว่าคำถามนี้ อย่าถามเค้าเลย มันดูละล้าบละล้วงนะคะ”
“เอ่อ โทษที แต่ นังหนู แกล่ะ เมื่อไหร่จะมีเมียกับเค้าเสียที”
เจอคำถามนี้ ทำเอาซาสึเกะหน้าหงิก...คุณปู่ นี่ผู้หญิงนะ!...ถึงการแต่งตัวจะดูดี ดูหล่อก็เถอะ...
ชายผิวเข้มหยุดเล่นซามิเซ็ง “พ่อครับ นี่ลูกสาวผม ไม่ใช่หลาน หน้ามันออกจะเหมือนกันก็เถอะ”
“นั่นแหละ ข้าอยากอุ้มเหลนก่อนตาย คาโอรุก็ไม่มีแวว ซากุระเท่านั้นที่หวังได้ สาวๆตรึมแบบนี้ น่าจะเลือกสักคนมาเป็นเมียนะ”
งานนี้ทำเอาคนที่นิ่งขรึมถึงกับตบะแตก “หนูเป็นผู้หญิงนะคะ จะมีเมียได้ยังไง!!คุณปู่ หนูเพิ่งสิบเก้านะ!”
“แต่ปู่ อายุเก้าสิบเก้าแล้ว อยากอุ้มเหลน...”คุณปู่แกล้งบีบน้ำตา
“ไม่ต้องมาแหล่ ชอบให้โกรธก่อนประลองดาบอยู่เรื่อย!”หญิงสาวเตะกระดานหมากรุกกระเด็นแล้วม้วนหลังหลบคมดาบไม้ของตาที่ฟาดมา
แรงของชายชรานับว่าไม่น้อยเลยจริงๆ แถมยังควบคุมแรงได้ดี
คิซาชิโยนดาบไม้ให้ลูกสาวซึ่งเจ้าหล่อนก็รับได้โดยไม่ต้องมอง แล้วเข้าต่อสู้กับปู่ของตน
ซาสึเกะดูอึ้งๆกับเหตุการณ์ที่สองปู่หลานห้ำหั่นกัน อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่คิซาชิกลับมองเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา
“จริงๆเลย”ชายผิวคล้ำหัวชมพูส่ายหน้า พ่อของตนถึงอายุจะร้อยหนึ่งแล้วแต่ยังแข็งแรง ฟิตปั๋ง สาเหตุที่อยากอุ้มเหลนคงเป็นเพราะ เห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันได้อุ้มเหลนกันหมดแล้วสินะ
ซาสึเกะมองการต่อสู้อย่างสนใจ จะเข้าไปห้ามก็โดนพ่ออีกฝ่ายกันไว้ ‘เดี๋ยวโดนลูกหลงขึ้นมาล่ะยุ่งเลย ’
เท่าที่ดูการต่อสู้ หญิงสาวมีทักษะฝีมือในการต่อสู้เป็นอย่างดี แต่อีกฝ่ายดูจะเหนือกว่าทั้งประสบการณ์และพละกำลัง ทำให้หญิงสาวตกเป็นรอง แต่เธอไม่ยอมแพ้กลับมาตอบโต้ปู่ได้
การต่อสู้ดำเนินต่อ จนกระทั่ง
“อาหารเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”วิญญาณแม่บ้านสาวใหญ่เอ่ยขึ้น
สองปู่หลานชะงัก ก่อนจะเก็บดาบไม้เข้าที่ แล้วมานั่งทานอาหารราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ห้องเกือบพัง  เหล่าวิญญาณคนรบใช้ต่างช่วยกันเก็บตัวหมากที่กระจัดกระจายให้เข้าที่  และช่วยกันซ่อมพื้นห้องที่พัง
อาหารที่หรูหรา สุราชั้นดี บ้านใหญ่โตติดทะเล สิ่งเหล่านี้ทำให้ซาสึเกะคิดเลยว่า ฐานะของหญิงสาวไม่ใช่น้อยๆเลย
ระหว่างที่กินข้าวนั้น
ซากุระร้องเรียก “ซาซาเอะ”
วิญญาณหญิงสาวในชุดยูกาตะขานรับ “คะ”
“ไปเตรียมน้ำที เหนียวตัว”
“รับทราบค่ะ”
ซากุระเงยหน้าถามคนที่อยู่ตรงข้ามกับเธอ “ซาสึเกะ นายจะค้างที่นี่รึเปล่า”
“เอ่อ ชั้นกลับไปที่พักก็ได้”
ผู้นำชิอินะเอ่ยขึ้น “ไอ้หนุ่ม ขืนแกกลับที่พักตอนนี้คงไม่ได้นอน พักที่นี่เถอะ จะให้คนจัดห้องไว้ให้”
“รบกวนด้วยครับ”
โทชิกิ มองเด็กหนุ่มผู้เป็นสหายของหลานสาว ด้วยประสบการณ์ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนก็พอรู้ว่า เจ้าหนุ่มนี่มีใจให้หลานสาวแต่ ตัวหลานสาวไม่รู้สึกอะไรเลย นี่สิ
“ไอ้หนุ่ม ใช้ดาบเป็นด้วยรึ”
“พอได้ครับ”
คิซาชิที่กำลังเคี้ยวข้าวก็เบิกตากว้าง...พ่อจะสู้กับใครก็ให้มันมีลิมิตหน่อย แค่นี้ห้องจะพังหมดแล้ว!...เมื่อครู่ที่สองปู่หลานประลองดาบกันก็ทำเอาห้องแทบจะพัง  เหล่าวิญญาณเพิ่งซ่อมพื้นห้องไปหมาดๆ
“น่าสนใจ ไม่ได้ประลองกับนินจานานแล้วนะ”
ซากุระเอ่ยอย่างรู้ทัน “คุณปู่คะ นี่คือแขก และเป็นคนที่มีบุญคุณกับหนู ให้เค้าพักผ่อนเถอะค่ะ”
“โถ่ เสียดาย”
“พลังจักระของหนูมันยังไม่ฟื้นเต็มที่เลย เป็นภาระหนูเปล่าๆ”
เมื่อกินเสร็จ ก็ลุกออกไปทันที
เมื่อลับร่างของหญิงสาว ผู้อาวุโสที่สุดหันไปถามลูกชายตัวเอง
“นังหนู เนี่ยท่าจะงานเยอะนะ เล่นหอบงานมาทำที่บ้านแบบนี้”
คิซาชิเอ่ยอย่างหนักใจ พลางจิบสุรา“ครับพ่อ ทั้งงานโรงพยาบาล ทั้งงานที่เอโดะนับว่าหนักหนา เมื่อคืนวานก็เพิ่งรบมาหนักๆเลย”
ซาสึเกะจิบสุรากินอาหารอย่างเงียบๆ ก่อนจะตัดสินใจถาม ชายสูงอายุ
“ขอถามอะไรหน่อยครับ”
โทกิชิหันมาถาม”อะไรรึ”
“ทำไม ท่านถึงให้ซากุระมาเป็นซามูไรล่ะครับ”
คิซาชิเอ็ด”นี่ไม่ใช่เรื่องของเธอนะ”
“แต่ผมต้องการรู้นี่ครับ”
โทชิกิ หัวเราะเบาๆ “เอาน่าๆ ถ้าเค้าอยากรู้ก็ตอบไป มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดไว้นี่นา...มันเป็นเพราะสัญญากบฏสิบตระกูล เพื่อแลกกับการปกป้องลูกหลานซามูไร ซามูไรทั้งสิบตระกูลจำต้องส่งลูกหลานมาเป็นซามูไรเป็นการแลกเปลี่ยน หนึ่งในนั้นคือตระกูลเรา ตระกูลชิอินะ ถ้าไม่ทำก็ต้องโทษคว้านท้อง”
“ไม่ฝืนใจซากุระเหรอครับ”
คิซาชิเป็นฝ่ายตอบบ้าง“ไม่เลย เด็กคนนั้นเต็มใจจะไปเป็นซามูไรด้วยตัวเอง และนั่นทำให้เค้าได้เพื่อนแท้เพื่อนที่ไม่เคยทิ้งเค้า เค้าจึงไม่ทิ้งเพื่อนของตัวเอง”
ซาสึเกะพูดไม่ออก
หลังจากนั้นวิญญาณคนรับใช้ก็นำทางชายหนุ่มไปที่ห้องพัก
เมื่อมาถึงห้องพัก อุจิวะหนุ่มนึกอยากจะเดินชมคฤหาสน์หลังนี้เสียเหลือเกิน เมื่อเวลาเที่ยงคืน ทุกอย่างเงียบ
ซาสึเกะใช้วิชานินจาเคลื่อนที่ด้วยความเงียบ เดินสำรวจคฤหาสน์ ก็บังเอิญไปเห็นซากุระในชุดยูกาตะดำลายไผ่เขียว ดูงดงาม เธอกำลังเขียนเอกสารบางอย่าง
“แอบดูคนอื่นแบบนี้มันเสียมารยาทนะ”
คนแอบดูสะดุ้ง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง “ทำอะไร”
“เขียนใบสั่งสินค้า หน้ากากของชั้นมันแตกแล้ว แย่จริงๆ แย่มากๆ”
“ทำไมต้องใส่หน้ากาก”
“จะยืนค้ำหัวใช่มั้ย”หญิงสาวเอ่ยถามเสียงขุ่น
ชายหนุ่มนั่งลง ตรงข้ามกับหญิงสาว
“ทำไมต้องใส่หน้ากากล่ะ”
“นายก็เห็น หน้าชั้นกับคาโอรุ เหมือนกันมาก ใส่หน้ากากไว้นั่นแหละ จะได้แยกออก”
“ไม่อยากให้ใครอ่านความคิดสินะ”
“ใช่ คงมีคนบอกไว้สินะ”
“ประมาณนั้น”หญิงสาวกลับก้มหน้าเขียนใบสั่งสินค้าต่อ
“ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ”
“น่ารำคาญ”
คำพูดที่เค้าเคยพูดใส่เธอเมื่อวัยเยาว์ พอลองเจอกับตัว มันเจ็บจี๊ดๆยังไงก็ไม่รู้
“ขอโทษด้วยที่ทำให้ไม่สบายใจ แต่ช่วยกลับห้องไปด้วย เพราะชั้นจะทำงานต่อ”
“ชั้นจะอยู่เป็นเพื่อน”
“ไม่ต้องการ ขออยู่เงียบๆสักพักนะ”
“แปลกดีนะ ที่เมื่อก่อนเธอกระดี้กระด๊าอยากใกล้ชั้น แต่ตอนนี้...”
เพียงชั่วพริบตา ร่างของชายหนุ่มก็ต้องนอนหงาย โดยถูกร่างบางเล็กบีบคอเค้าอยู่
“โทดที เผอิญเป็นวันนั้นของเดือนด้วย เลยโมโหง่าย”หญิงสาวเพิ่มแรงบีบที่คอของอีกฝ่ายมากขึ้นแววตาฉายแววเหี้ยม พร้อมที่จะฆ่าอีกฝ่ายมาก “และจะง่ายยิ่งกว่าเดิม เมื่ออยู่กับคนที่น่าหมั่นไส้อย่างนาย กลับไปนอนซะ แค่นี้ถือว่ารบกวนชั้นมากพอแล้ว”
ร่างบางลุกขึ้น ซาสึเกะคิดว่าเค้าคงจะเซ้าซี้จนเธอรำคาญ “ขอโทษที่รบกวนนะ”
เมื่อลับร่างของอุจิวะหนุ่ม หญิงสาวเสยผมสีชมพูที่ปรกหน้า อย่างรำคาญ “ช่างน่ารำคาญจริงๆ”
“ทำไมไม่ฆ่ามันซะล่ะ”เสียงๆหนึ่งเอ่ยขึ้น
หญิงสาวหันไปจดงานด้วยพู่กันต่อ “การฆ่าคนมันง่ายนะคะ แต่จะหาเหตุและกำจัดศพมันยาก และมันยังมีประโยชน์อยู่ เอาไว้ใช้งานได้ มันเป็นคนใจเย็นพอสมควร ท่านก็เห็นแล้วนี่คะ ถ้าหากมันทำตัวเป็นปัญหา ค่อยกำจัดมันก็ได้”
ทาเคโนะมารุโอบกอดร่างบางจากข้างหลัง “ร้ายกาจจริงๆ คนสวย”สิ้นเสียงวิญญาณสีดำก็มลายหายไป
ทันที ที่จดงานเสร็จ หญิงสาวหยิบเชิงเทียนมาแล้วตรงกลับไปที่ห้อง แต่พอออกนอกห้อง ก็ถูกใครบางคนรวบตัวเข้าไปกอด แต่มีหรือซามูไรสาวจะยอม เธอจัดการล็อคตัวอีกฝ่ายแทน
“เก่งจริงๆนะ ซากุระ”ซาสึเกะชมเปราะ
“ยังไม่นอนอีก”
“หลงทาง”
หญิงสาวพยายามข่มความหงุดหงิดกับคำโกหกของอีกฝ่าย แต่แล้วก็นึกบางอย่างออก “ไปนอนเถอะ”เธอเอ่ยเสียงเย็น หญิงสาวจัดการเอานิ้วจิ้มหน้าผากของอีกฝ่าย เหมือนเมื่อครั้งที่เค้าเคยจิ้มหน้าผากเธอตอนก่อนออกจากหมู่บ้าน
ชายหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย เค้านึกไม่ถึงเลยว่า เธอจะนำไม้นี้มาเล่นงานเค้า...แสบนัก...
เช้าวันต่อมา...
ซาสึเกะพบแต่เพียง คิซาชิและโทชิกิ นั่งรับประทานอาหารเท่านั้น แต่ไร้แววแม่ตัวดี
“ซากุระไปไหนล่ะครับ”
คิซาชิตอบ“เดี๋ยวก็มา เค้าแค่ไปสั่งของน่ะ”
“กลับมาแล้ว”ซากุระในวันนี้ สวมเครื่องแบบทหารสีดำ  เธอตรงไปประจำตำแหน่งของตัวเองก่อนจะลงมือกินข้าวเช้าของตนอย่างเงียบๆ
โทชิกิเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใย“นังหนู เพลาๆเรื่องงานบ้างก็ดีนะ เดี๋ยวสุขภาพจะแย่เอา”
หญิงสาวโค้งศีรษะเล็กน้อย “ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ แต่ช่วงนี้หนูยังต้องจัดการปัญหาที่ค้างไว้อีกมาก แต่จะหาเวลาพักนะคะ”
คิซาชิเอ่ยขึ้น “ซากุระ ตอนนี้ลูกอายุเท่าไหร่แล้ว”
“สิบเก้า เดือนหน้าครบยี่สิบค่ะ”
“งั้นคงอีกไม่นานนะ”
“ค่ะ ตอนนี้จึงต้องทำงานให้ได้มากที่สุด วันนี้จะไปรับไอ้สามบ้าจากโรง’บาล แล้วก็จะไปที่ศูนย์บังคับการ เลยค่ะ”
“โชคดีนะหลาน”
หลังจากมื้อเช้า
ซากุระสวมผ้าคลุมสีดำและสวมหน้ากากจิ้งจอกขาวดำแทน  โดยครั้งนี้ซาสึเกะได้ลาและออกจากบ้านพร้อมกัน
ระหว่างทาง
หญิงสาวเป็นฝ่ายพูดก่อน“หลับสบายไหม”
“ก็สบายดี ที่บ้านนั้นเงียบมาก พวกภูติผีนั่นคือ...”
“ข้ารับใช้ตระกูลชิอินะ เมื่อท่านเทนเซ กับท่านทาเคโนะมารุ ปราบและสะกดให้มารับใช้ครอบครัวน่ะ พวกเค้าจะไม่รบกวนคนในบ้านหรอก”
ทั้งคู่เดินทางมาเรื่อยๆจนกระทั่ง เข้าสู่เมืองหลวง
“ขอแยกตรงนี้เลยก็แล้วกัน ชั้นต้องไปทำงาน นายเที่ยวชมแคว้นและพักผ่อนเถอะ”
“ถ้าชั้นจะตามไปด้วย...”
“อย่าเลย นี่เป็นเรื่องของคนใน นายเป็นคนนอกแคว้น นายไม่เกี่ยว ถ้าว่างจะแวะไปหาเรือนรับรองนะ”
หญิงสาวที่สวมหน้ากากจิ้งจอกเดินจากไป
ซาสึเกะกลับมาที่เรือนรับรองก็พบกับอิโนะและซาอิที่กำลังกินอาหารเช้า
อิโนะทักทายอย่างอารมณ์ดี“อ้าว ซาสึเกะคุง ไปไหนมา”
“ไปบ้านชิอินะ”
ซาอิเลิกคิ้ว “คุณไปรู้จักคนตระกูลชิอินะมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ”
“นายรู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลนี้ด้วยรึ”
ซาสึเกะนั่งลงตรงข้ามกับหนุ่มผิวซีด“เล่าให้ฟังหน่อยสิ”
“เท่าที่ผมรู้ ตระกูลนี้เป็นหัวโจกในการก่อกบฏ เมื่อนานมาแล้ว เรียกว่า กบฏสิบตระกูล และมีเชื้อสายเพชฌฆาตกับองเมียวจิ น่ะครับ ว่าแต่คุณรู้จักคนในตระกูลนี้ได้ยังไง”
“ก็ซากุระไง”
ซาอิหน้าซีดแล้วก็ซีดอีก เมื่อคำพูดของซามุยก็ ลอยมา ...ถ้าคนในตระกูลชิอินะรู้ คุณจะหัวหลุดเอานะขอรับ...และตอนนั้นที่เธอบอกว่ามาแหย่เค้าน่ะ เธอเกือบจะฆ่าเค้าได้ด้วยซ้ำ
อิโนะขมวดคิ้ว “มิน่า...”
ซาสึเกะจึงเอ่ยถามสาวผมทอง “อิโนะ รู้วิธีจีบยัยนั่น”
“ยัยนั่นไหน?”
“ก็...ซากุระ ไง”
อิโนะทำตาโต ถ้าเป็นซากุระที่เธอรู้จักตอนเป็นนินจายังพอว่า แต่นี่คือซากุระที่เป็นซามูไรซึ่งเป็นตัวตนจริงๆน่ะสิ บอกได้เลยว่ายาก!!! เพราะนี่ทั้งเก่ง แกร่ง ห้าวหาญ แถมมีคนรอจีบยาวเป็นหางว่าวแน่ะ
“อืม...ขอคิดก่อน ยากนะเนี่ย ยัยนั่นไม่ได้อ่อนหวานเลย”
ซาอิหยิบบางอย่างออกมา “ลองนี่สิครับ ซาสึเกะคุง” ซาอิส่งหนังสือ How to จีบทอมให้เป็นเธอ ส่งให้
อิโนะโวยลั่น “นี่ เพื่อนชั้นไม่ใช่ทอมนะ”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงครับ แข็งแกร่งอึดทน ทระนงขนาดนั้น”
“นายว่าใครรึ?”ตาสีดำสบเข้ากับตาสีฟ้าน้ำทะเล จนซาอิผงะจะเฮดบัคใส่ แต่อีกฝ่ายรู้จึงเงยหน้าขึ้นมาก่อน
“นินทาฝาแฝดชั้นมันเลยนะ”
ซาสึเกะมองคนมาใหม่ คนที่มานั้นคือ คาโอรุแน่ เพราะเครื่องแบบที่สวม ถึงรูปแบบจะเหมือนกันแต่จะต่างกันก็ตรงที่ กางเกงที่สวม กางเกงของซากุรจะเป็นกางเกงขาสั้น ส่วนไอ้หมอนี่คือกางเกงขายาว
“ถ้าชั้นได้ยินอีก พ่อจะบั่นคอนะจ๊ะ”รอยยิ้มหวานปานน้ำตาลเคลือบยาพิษฉายบนหน้า
ทำเอาหนุ่มผิวซีดสะดุ้ง เพราะเท่าที่รู้ ตระกูลชิอินะ มีเชื้อสายเพชฌฆาตด้วย และคนๆนี้ก็เป็นญาติกับหญิงสาวเพื่อนร่วมทีมอีก
อิโนะเอ่ยถาม“เอ่อ...บันไซคุง แล้ว...”
“ถ้ายัยนั่นล่ะก็ ไปที่ศูนย์บังคับบัญชาแล้ว ชั้นแค่มาแวะทักทาย และมาเชิญไปงานเลี้ยง บนเรือที่จะจัดขึ้นในคืนนี้ก็เท่านั้น อิโนะจังมีชุดรึยัง”
“เอ่อ ยังค่ะ”
คาโอรุยิ้ม “พูดเป็นกันเองก็ได้ เราก็เคยเจอกัน บ๊อยบ่อย”
งานนี้ทำเอาสาวผมทองงุนงง แต่ซามูไรหนุ่มรีบเสเปลี่ยนเรื่อง “ช่างเถอะ ถ้าเธอยังไม่มีชุด ก็ไปซื้อเถอะ ให้ร้านไปเบิกกับเบนิได้เลย ถือซะว่าเป็นของตอบแทนที่ พวกนายช่วยพวกเราเอาไว้ ขอตัวก่อน”
ชายหนุ่มผมสีลูกกวาด นำหมวกมาสวมแล้วเดินจากไป
ซาอิขมวดคิ้ว “อันตรายจริงๆ”
ซาสึเกะพยายามจะตามไป แต่ก็ไม่พบเสียแล้ว 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา