{Fic Naruto} Behind The Scene Konoha Love Story
-
เขียนโดย LadyTyrell
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.59 น.
26 ตอน
0 วิจารณ์
25.76K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 02.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
22) To night
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ คงจะจริงอย่างที่ผู้ชายคนนี้ว่า บางทีความเข้มแข็งไม่ต้องแสดงมันตลอดเวลาก็ได้แต่ทำไมเรื่องนั้นจะต้องทำให้เธอเป็นเอามากถึงขนาดนี้ด้วยนะ รู้สึกวิตกกังวลกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับหมู่บ้านแล้วก็อุซึมากิ นารุโตะ
“ตกลงเรื่องอะไร?” โจนินผมเงินเอ่ยออกมาเพื่อทำลายความเงียบที่ก่อตัวขึ้นชั่วขณะหลังจากที่เขาดึงเธอเข้ามากอด
“ขอให้เป็นแบบนี้อีกสักพักนะแล้วเดี๋ยวฉันจะเล่า…” เธอกระชับกอดให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิม ความกลัวกำลังแล่นเข้าสู่หัวใจจนทำให้อยากจะหยุดเวลานี้ไว้และไม่คิดถึงเรื่องนั้นอีก
“หาจนทั่วแล้วก็หาไม่เจอ…อาเจ๊นะอาเจ๊อย่าให้ได้เจอเชียวนะ!” เสียงเด็กหนุ่มดังอยู่หน้าห้องเตรียมพร้อมที่จะเปิดประตูเข้ามา
“ซวยละไง!” คาคาชิสบถก่อนที่ทั้งเขาและอายากะจะรีบคลายกอดออกจากกันด้วยความรวดเร็ว
หญิงสาวเจ้าของห้องรีบปีนออกไปซ่อนตัวทางหน้าต่างเป็นอันว่าให้แขกผู้บุกรุกจัดการกับนารุโตะที่กำลังจะเข้ามานอนต่อ
“อ้าว…อาเจ๊หายไปไหนมาน่ะ ผมออกไปตามหาจนทั่วเลยนะ!” นารุโตะทำหน้ามุ่ยด้วยความไม่ชอบใจ
“เอ่อ…ขอโทษนะจ๊ะนารุโตะคือว่าฉันนอนไม่ค่อยหลับเลยออกไปเดินเล่น” คนที่แปลงร่างเป็นเจ้าของห้องถึงกับต้องเหงื่อตกเพราะรู้สึกว่าท่าทางที่แสดงต่อนารุโตะนั้นดูเรียบร้อยเกินกว่าที่ตัวจริงแสดงออกมากนัก
“งั้นเหรอฮะ ถ้างั้นผมก็ขอนอนต่อก่อนนา ฮ้าวว” เด็กหนุ่มพูดจบก็รีบเอามือป้องปากหาวก่อนที่จะเดินไปทางฟูกสีขาวพร้อมล้มตัวลงนอนทันที
“นี่นารุโตะ…ไม่ต้องตามหาฉันหรอกนะ คืนนี้จะหาเวลาไปปลีกวิเวกนิดหน่อยเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็กลับ”
“โอ๊ส…” เด็กหนุ่มรับคำก่อนที่จะพลิกตัวหันไปทางอื่น ทำให้คนที่อยู่ในร่างแปลงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ขณะที่พากันเดินออกมาจนพ้นเขตของตระกูลฟูจิวาระแล้ว อายากะก็เป่าปากด้วยความโล่งอกเพราะกลัวว่าคนในตระกูลจะมาเห็นเข้าว่าเธอกำลังเดินอยู่กับคาคาชิในยามดึกดื่นค่ำคืนแบบนี้
“ที่ว่าปลีกวิเวกนี่หมายความว่ายังไงกันยะ?” หญิงสาวรีบเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อได้ยินประโยคที่ชายหนุ่มสนทนากับนารุโตะเมื่อตะกี้
“ก็ไปที่ไหนซักที่…ที่เธอสบายใจ” เขาหันมาตอบเธอด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะกลับไปทำสีหน้าเบื่อโลกแบบเดิม
“ฮื่อ…ที่ริมลำธารน่ะเหรอ ขอผ่านยิ่งกลับไปที่นั่นเดี๋ยวจะไม่สบายใจซะเปล่า…” อายากะหยุดคำพูดไว้แต่เพียงเท่านั้นเพราะเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าคำพูดของเธอมันส่อให้คิดถึงเรื่องที่เธอกำลังกลุ้มใจ
“ถ้างั้นก็คงต้องเป็นห้องฉัน” เขาหันมาพูดกับเธอด้วยแววตาเบื่อหน่าย อะไรกันนะที่ทำให้ยายนี่วิตกกังวลถึงขนาดนี้
“จะบ้าเหรอยะตาแก่ลามก!” ถึงจะรู้สึกวิตกกังวลแค่ไหนแต่เมื่อได้ยินสิ่งที่โจนินผมเงินที่เดินอยู่ข้าง ๆ เอ่ยออกมาก็ทำให้ไฟในใจเดือดปุด ๆ ขึ้นมาแทบจะทันที
“แหะ ๆ ฉันล้อเล่นน่า…งั้นคืนนี้เราไปที่ที่นึงกันดีกว่า” ว่าจบเขาก็รีบยกร่างบางขึ้นมาพาดบ่าพร้อมกับออกวิ่งด้วยความรวดเร็ว
“อะไรกันยะเนี่ย…ไม่ต้องแบกฉันก็ได้เฟ้ย!” โจนินสาวตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“ไปแบบนี้เร็วกว่าตั้งเยอะ…ไม่อยากให้คนเห็นไม่ใช่รึไง?” คาคาชิพูดพลางเร่งความเร็วให้มากกว่าเดิมเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
ต้นไม้เอนไหวไปมาเพราะสายลมยามตีหนึ่งพัดมาเอื่อย ๆ ด้วยความเย็นสบาย ทำให้คนทั้งสองที่เพิ่งจะมาถึงรู้สึกได้ถึงอากาศอันบริสุทธิ์ คาคาชิปล่อยอายากะลงจากบ่าเขาด้วยความนุ่มนวลก่อนที่จะชี้ไปยังกิ่งไม้ใหญ่เป็นสัญญาณบ่งบอกให้ขึ้นไปคุยกันบนนั้น
“อะไรกัน…แบกฉันมาถึงที่นี่แล้วทำไมไม่แบกขึ้นไปบนนั้นด้วยเล่า!” เธอทำหน้ามุ่ยใส่เขาด้วยความไม่ชอบใจ
“คือว่าฉันปวดไหล่น่ะ…รีบขึ้นไปกันเถอะ”
“นายแอบด่าฉันทางอ้อมชัด ๆ แต่ก็ช่างเถอะวันนี้ไม่มีอารมณ์จะอาละวาด” พูดจบหญิงสาวก็รีบกระโดดขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้ที่เป็นเป้าหมายด้วยความรวดเร็ว
“…” ความเงียบก่อตัวขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ทั่งสองขึ้นมานั่งบนกิ่งไม้เรียบร้อยแล้ว
อายากะไม่รู้ว่าจะพูดหรือไม่พูดดีจึงปล่อยให้เวลาผ่านไปอีกสักพักใหญ่จนตัดสินใจพร้อมที่จะพูดถึงเรื่องที่ทำให้กังวลใจแต่ก็กลับพบว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หลับตาไปเป็นที่เรียบร้อย
“อะไรกันเนี่ย…พอฉันพร้อมจะพูดก็กลับหลับไปเฉยเลยฮึ่ม!” หล่อนพึมพำออกมาด้วยความโมโห
“ยังไม่ได้หลับหรอก…แค่พักสายตาเฉย ๆ” คาคาชิตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอันหย่อนยานเป็นเชิงว่าเขาแอบงีบหลับ
“โกหกให้มันเนียนหน่อยนะยะ!”
“เอาน่า…ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ?” เขาหันไปสบตาเธอด้วยแววตาจริงจังพร้อมที่จะรับฟังทุก ๆ เรื่อง
“หลายวันก่อนฉันเจออิทาจิที่ริมลำธาร…น่าจะมาสืบข่าวเรื่องเก้าหาง”
ท่าทางเคร่งเครียดของอายากะทำให้คนที่นั่งฟังรู้สึกเครียดตามไปด้วย ไม่เคยเห็นยายเจ๊โหดนี่ทำหน้าเครียดแบบนี้มานานมากแล้ว สงสัยอุจิวะ อิทาจิคงจะมีผลต่อจิตใจของหล่อนมากทีเดียว
“แต่เธอก็ไม่ได้ปะทะกับหมอนั่นใช่มั้ย?”
“ไม่หรอก…เนี่ยแหละเรื่องที่ฉันเป็นกังวล ฉันกลัวว่าพวกนั้นจะมาถล่มหมู่บ้านแล้วอีกเรื่องก็คือ…นารุโตะ” อายากะก้มหน้ามองพื้นดินเบื้องล่างด้วยความรู้สึกหลาย ๆ อย่างที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจของเธอตอนนี้
“แน่ใจนะว่ามีแค่สองเรื่องนี้?” คาคาชิเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอายากะรู้สึกยังไงกับอิทาจิ…นั่นสินะหล่อนคงจะรักอิทาจิน่าดูเลยล่ะ นึกไปถึงตอนที่หล่อนเข้าสังกัดเป็นหน่วยลับ พอไม่ได้อยู่ทีมเดียวกับอิทาจิก็โวยวายยกใหญ่ คิดแล้วก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้
“ฮื่อแค่สองเรื่องนั่นล่ะ…” หญิงสาวตอบกลับทั้งที่สายตายังคงจดจองมองไปยังพื้นดิน
“แล้วจะให้เอาเรื่องนี้ไปบอกท่านซึนาเดะมั้ย?”
“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ…ยังไงก็ตามนายคงจะต้องเอาไปบอกอยู่แล้ว” เงยหน้าจากพื้นดินมามองคนข้าง ๆ
“ถ้าเธอไม่อยากให้บอกใครฉันก็จะไม่บอกน่ะสิ” เขาส่งยิ้มตาหยีให้กับเธอ ตอนนี้ก็คงจะมีแค่เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเท่านั้นล่ะนะที่พอจะช่วยแบ่งเบาได้
“คนมีความคิดแบบนายเนี่ยนะ!” ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะยอมปิดเรื่องนี้เป็นความลับ
คาคาชิพยักหน้าเป็นการยืนยันพร้อมกับยกมือป้องปากหาวด้วยความง่วง
"นอนกันดีกว่า" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นขณะที่จ้องมองใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางของหญิงสาวตรงหน้า
ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเมื่อไม่ได้แต่งหน้าแล้วอายากะดูหน้าเด็กลงกว่าเดิมเยอะเลย อย่างกับเด็กอายุ17-18 ถ้าหากว่ามีคนมาเห็นเขาอยู่กับหล่อนตอนนี้ล่ะก็...คงจะพากันคิดไปว่าเขาเป็นพวกชอบพรากผู้เยาว์อย่างแน่นอน
"เดี๋ยวสิ เรายังพูดเรื่องนั้นยังไม่จบเลย! ฉันตัดสินใจแล้วว่าเราควรบอกยายป้าซึนาเดะ!"
แววตาอันมุ่งมั่นของเจ้าหล่อนทำให้คาคาชิอดที่จะแปลกใจไม่ได้ ก็ดู ๆ แล้วอายากะมีความรู้สึกดีให้กับอิทาจิไม่ใช่หรือไง...แล้วทำไมจู่ ๆ ก็เกิดตัดสินใจอะไรแบบนั้น
"งั้นพรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน...นอนสักนิดเถอะมะรืนต้องไปทำภารกิจด้วยกันอยู่นะ"
"ฮื่อรู้แล้วย่ะ!"
เมื่อได้เห็นว่าอายากะดูมีท่าทีดีขึ้นมา เขาก็รู้สึกดีใจถึงแม้ว่าจะรู้สึกหงุดหงิดเล็ก ๆ เกี่ยวกับเรื่องอิทาจิก็ตาม คาคาชิจึงเอนหลังพิงกับต้นไม้พร้อมหลับตาเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทรา...
ฟูจิวาระ อายากะรู้สึกเหมือนกับยกภูเขาออกจากอกหลังจากได้พูดสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจมาหลายวันให้กับคาคาชิฟัง ไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่าเขาจะให้สัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาประหลาด ๆ เมื่อมีเขารับฟังถึงปัญหา
'หมอนี่ตอนหลับนี่หน้าตาน่าดูกว่าตอนลืมตาซะอีก!' คิดในใจพร้อมกับสงสัยว่าใบหน้าภายใต้ผ้าคาดปากนั้นจะเป็นยังไง! ความคิดซุกซนกำลังก่อตัวขึ้นในหัวสมอง รับรองว่าวันมะรืนนี้เธอจะต้องได้เห็นใบหน้าของเขาให้ได้เลยคอยดู (หล่อนแน่ใจขนาดนั้นเชียว? // ไรท์)
"คนอะไรทำแต่สายตาเบื่อโลกบางทีก็เหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลา" เธอพึมพำเบา ๆ กับตัวเองก่อนที่จะถูกแรงมหาศาลของคนที่นั่งพิงต้นไม้ดึงให้นอนลงไปที่ตักของเขา!
"หยุดเลยนะ!" พยายามประท้วงด้วยความไม่ชอบใจ
"นอนเถอะน่าอย่าพูดมากไม่ต้องกลัวใครมาเห็นหรอก"
'ไม่ได้กลัวว่าใครจะมาเห็นแต่กลัวว่าจะนึกถึงนายในสภาพล่อนจ้อนมากกว่าน่ะสิ!' ความคิดในใจที่ไม่อาจมีใครได้ยิน
"ถ้ามีคราวหน้าล่ะก็…จะอัดนายให้เละเลยตาแก่ลามก!"
โจนินผมเงินไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเขาเพียงแค่แอบยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งโวยวายจบจมเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว หลังจากนั้นเขาจึงกลับเข้าสู่ห้วงนิทราต่อด้วยความสุขใจ อย่างน้อยก็ตอนนี้ล่ะนะที่รู้สึกมีความสุขขึ้นมานิด ๆ
“ตกลงเรื่องอะไร?” โจนินผมเงินเอ่ยออกมาเพื่อทำลายความเงียบที่ก่อตัวขึ้นชั่วขณะหลังจากที่เขาดึงเธอเข้ามากอด
“ขอให้เป็นแบบนี้อีกสักพักนะแล้วเดี๋ยวฉันจะเล่า…” เธอกระชับกอดให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิม ความกลัวกำลังแล่นเข้าสู่หัวใจจนทำให้อยากจะหยุดเวลานี้ไว้และไม่คิดถึงเรื่องนั้นอีก
“หาจนทั่วแล้วก็หาไม่เจอ…อาเจ๊นะอาเจ๊อย่าให้ได้เจอเชียวนะ!” เสียงเด็กหนุ่มดังอยู่หน้าห้องเตรียมพร้อมที่จะเปิดประตูเข้ามา
“ซวยละไง!” คาคาชิสบถก่อนที่ทั้งเขาและอายากะจะรีบคลายกอดออกจากกันด้วยความรวดเร็ว
หญิงสาวเจ้าของห้องรีบปีนออกไปซ่อนตัวทางหน้าต่างเป็นอันว่าให้แขกผู้บุกรุกจัดการกับนารุโตะที่กำลังจะเข้ามานอนต่อ
“อ้าว…อาเจ๊หายไปไหนมาน่ะ ผมออกไปตามหาจนทั่วเลยนะ!” นารุโตะทำหน้ามุ่ยด้วยความไม่ชอบใจ
“เอ่อ…ขอโทษนะจ๊ะนารุโตะคือว่าฉันนอนไม่ค่อยหลับเลยออกไปเดินเล่น” คนที่แปลงร่างเป็นเจ้าของห้องถึงกับต้องเหงื่อตกเพราะรู้สึกว่าท่าทางที่แสดงต่อนารุโตะนั้นดูเรียบร้อยเกินกว่าที่ตัวจริงแสดงออกมากนัก
“งั้นเหรอฮะ ถ้างั้นผมก็ขอนอนต่อก่อนนา ฮ้าวว” เด็กหนุ่มพูดจบก็รีบเอามือป้องปากหาวก่อนที่จะเดินไปทางฟูกสีขาวพร้อมล้มตัวลงนอนทันที
“นี่นารุโตะ…ไม่ต้องตามหาฉันหรอกนะ คืนนี้จะหาเวลาไปปลีกวิเวกนิดหน่อยเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็กลับ”
“โอ๊ส…” เด็กหนุ่มรับคำก่อนที่จะพลิกตัวหันไปทางอื่น ทำให้คนที่อยู่ในร่างแปลงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ขณะที่พากันเดินออกมาจนพ้นเขตของตระกูลฟูจิวาระแล้ว อายากะก็เป่าปากด้วยความโล่งอกเพราะกลัวว่าคนในตระกูลจะมาเห็นเข้าว่าเธอกำลังเดินอยู่กับคาคาชิในยามดึกดื่นค่ำคืนแบบนี้
“ที่ว่าปลีกวิเวกนี่หมายความว่ายังไงกันยะ?” หญิงสาวรีบเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อได้ยินประโยคที่ชายหนุ่มสนทนากับนารุโตะเมื่อตะกี้
“ก็ไปที่ไหนซักที่…ที่เธอสบายใจ” เขาหันมาตอบเธอด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะกลับไปทำสีหน้าเบื่อโลกแบบเดิม
“ฮื่อ…ที่ริมลำธารน่ะเหรอ ขอผ่านยิ่งกลับไปที่นั่นเดี๋ยวจะไม่สบายใจซะเปล่า…” อายากะหยุดคำพูดไว้แต่เพียงเท่านั้นเพราะเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าคำพูดของเธอมันส่อให้คิดถึงเรื่องที่เธอกำลังกลุ้มใจ
“ถ้างั้นก็คงต้องเป็นห้องฉัน” เขาหันมาพูดกับเธอด้วยแววตาเบื่อหน่าย อะไรกันนะที่ทำให้ยายนี่วิตกกังวลถึงขนาดนี้
“จะบ้าเหรอยะตาแก่ลามก!” ถึงจะรู้สึกวิตกกังวลแค่ไหนแต่เมื่อได้ยินสิ่งที่โจนินผมเงินที่เดินอยู่ข้าง ๆ เอ่ยออกมาก็ทำให้ไฟในใจเดือดปุด ๆ ขึ้นมาแทบจะทันที
“แหะ ๆ ฉันล้อเล่นน่า…งั้นคืนนี้เราไปที่ที่นึงกันดีกว่า” ว่าจบเขาก็รีบยกร่างบางขึ้นมาพาดบ่าพร้อมกับออกวิ่งด้วยความรวดเร็ว
“อะไรกันยะเนี่ย…ไม่ต้องแบกฉันก็ได้เฟ้ย!” โจนินสาวตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“ไปแบบนี้เร็วกว่าตั้งเยอะ…ไม่อยากให้คนเห็นไม่ใช่รึไง?” คาคาชิพูดพลางเร่งความเร็วให้มากกว่าเดิมเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
ต้นไม้เอนไหวไปมาเพราะสายลมยามตีหนึ่งพัดมาเอื่อย ๆ ด้วยความเย็นสบาย ทำให้คนทั้งสองที่เพิ่งจะมาถึงรู้สึกได้ถึงอากาศอันบริสุทธิ์ คาคาชิปล่อยอายากะลงจากบ่าเขาด้วยความนุ่มนวลก่อนที่จะชี้ไปยังกิ่งไม้ใหญ่เป็นสัญญาณบ่งบอกให้ขึ้นไปคุยกันบนนั้น
“อะไรกัน…แบกฉันมาถึงที่นี่แล้วทำไมไม่แบกขึ้นไปบนนั้นด้วยเล่า!” เธอทำหน้ามุ่ยใส่เขาด้วยความไม่ชอบใจ
“คือว่าฉันปวดไหล่น่ะ…รีบขึ้นไปกันเถอะ”
“นายแอบด่าฉันทางอ้อมชัด ๆ แต่ก็ช่างเถอะวันนี้ไม่มีอารมณ์จะอาละวาด” พูดจบหญิงสาวก็รีบกระโดดขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้ที่เป็นเป้าหมายด้วยความรวดเร็ว
“…” ความเงียบก่อตัวขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ทั่งสองขึ้นมานั่งบนกิ่งไม้เรียบร้อยแล้ว
อายากะไม่รู้ว่าจะพูดหรือไม่พูดดีจึงปล่อยให้เวลาผ่านไปอีกสักพักใหญ่จนตัดสินใจพร้อมที่จะพูดถึงเรื่องที่ทำให้กังวลใจแต่ก็กลับพบว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หลับตาไปเป็นที่เรียบร้อย
“อะไรกันเนี่ย…พอฉันพร้อมจะพูดก็กลับหลับไปเฉยเลยฮึ่ม!” หล่อนพึมพำออกมาด้วยความโมโห
“ยังไม่ได้หลับหรอก…แค่พักสายตาเฉย ๆ” คาคาชิตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอันหย่อนยานเป็นเชิงว่าเขาแอบงีบหลับ
“โกหกให้มันเนียนหน่อยนะยะ!”
“เอาน่า…ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ?” เขาหันไปสบตาเธอด้วยแววตาจริงจังพร้อมที่จะรับฟังทุก ๆ เรื่อง
“หลายวันก่อนฉันเจออิทาจิที่ริมลำธาร…น่าจะมาสืบข่าวเรื่องเก้าหาง”
ท่าทางเคร่งเครียดของอายากะทำให้คนที่นั่งฟังรู้สึกเครียดตามไปด้วย ไม่เคยเห็นยายเจ๊โหดนี่ทำหน้าเครียดแบบนี้มานานมากแล้ว สงสัยอุจิวะ อิทาจิคงจะมีผลต่อจิตใจของหล่อนมากทีเดียว
“แต่เธอก็ไม่ได้ปะทะกับหมอนั่นใช่มั้ย?”
“ไม่หรอก…เนี่ยแหละเรื่องที่ฉันเป็นกังวล ฉันกลัวว่าพวกนั้นจะมาถล่มหมู่บ้านแล้วอีกเรื่องก็คือ…นารุโตะ” อายากะก้มหน้ามองพื้นดินเบื้องล่างด้วยความรู้สึกหลาย ๆ อย่างที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจของเธอตอนนี้
“แน่ใจนะว่ามีแค่สองเรื่องนี้?” คาคาชิเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอายากะรู้สึกยังไงกับอิทาจิ…นั่นสินะหล่อนคงจะรักอิทาจิน่าดูเลยล่ะ นึกไปถึงตอนที่หล่อนเข้าสังกัดเป็นหน่วยลับ พอไม่ได้อยู่ทีมเดียวกับอิทาจิก็โวยวายยกใหญ่ คิดแล้วก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้
“ฮื่อแค่สองเรื่องนั่นล่ะ…” หญิงสาวตอบกลับทั้งที่สายตายังคงจดจองมองไปยังพื้นดิน
“แล้วจะให้เอาเรื่องนี้ไปบอกท่านซึนาเดะมั้ย?”
“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ…ยังไงก็ตามนายคงจะต้องเอาไปบอกอยู่แล้ว” เงยหน้าจากพื้นดินมามองคนข้าง ๆ
“ถ้าเธอไม่อยากให้บอกใครฉันก็จะไม่บอกน่ะสิ” เขาส่งยิ้มตาหยีให้กับเธอ ตอนนี้ก็คงจะมีแค่เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเท่านั้นล่ะนะที่พอจะช่วยแบ่งเบาได้
“คนมีความคิดแบบนายเนี่ยนะ!” ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะยอมปิดเรื่องนี้เป็นความลับ
คาคาชิพยักหน้าเป็นการยืนยันพร้อมกับยกมือป้องปากหาวด้วยความง่วง
"นอนกันดีกว่า" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นขณะที่จ้องมองใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางของหญิงสาวตรงหน้า
ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเมื่อไม่ได้แต่งหน้าแล้วอายากะดูหน้าเด็กลงกว่าเดิมเยอะเลย อย่างกับเด็กอายุ17-18 ถ้าหากว่ามีคนมาเห็นเขาอยู่กับหล่อนตอนนี้ล่ะก็...คงจะพากันคิดไปว่าเขาเป็นพวกชอบพรากผู้เยาว์อย่างแน่นอน
"เดี๋ยวสิ เรายังพูดเรื่องนั้นยังไม่จบเลย! ฉันตัดสินใจแล้วว่าเราควรบอกยายป้าซึนาเดะ!"
แววตาอันมุ่งมั่นของเจ้าหล่อนทำให้คาคาชิอดที่จะแปลกใจไม่ได้ ก็ดู ๆ แล้วอายากะมีความรู้สึกดีให้กับอิทาจิไม่ใช่หรือไง...แล้วทำไมจู่ ๆ ก็เกิดตัดสินใจอะไรแบบนั้น
"งั้นพรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน...นอนสักนิดเถอะมะรืนต้องไปทำภารกิจด้วยกันอยู่นะ"
"ฮื่อรู้แล้วย่ะ!"
เมื่อได้เห็นว่าอายากะดูมีท่าทีดีขึ้นมา เขาก็รู้สึกดีใจถึงแม้ว่าจะรู้สึกหงุดหงิดเล็ก ๆ เกี่ยวกับเรื่องอิทาจิก็ตาม คาคาชิจึงเอนหลังพิงกับต้นไม้พร้อมหลับตาเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทรา...
ฟูจิวาระ อายากะรู้สึกเหมือนกับยกภูเขาออกจากอกหลังจากได้พูดสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจมาหลายวันให้กับคาคาชิฟัง ไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่าเขาจะให้สัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาประหลาด ๆ เมื่อมีเขารับฟังถึงปัญหา
'หมอนี่ตอนหลับนี่หน้าตาน่าดูกว่าตอนลืมตาซะอีก!' คิดในใจพร้อมกับสงสัยว่าใบหน้าภายใต้ผ้าคาดปากนั้นจะเป็นยังไง! ความคิดซุกซนกำลังก่อตัวขึ้นในหัวสมอง รับรองว่าวันมะรืนนี้เธอจะต้องได้เห็นใบหน้าของเขาให้ได้เลยคอยดู (หล่อนแน่ใจขนาดนั้นเชียว? // ไรท์)
"คนอะไรทำแต่สายตาเบื่อโลกบางทีก็เหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลา" เธอพึมพำเบา ๆ กับตัวเองก่อนที่จะถูกแรงมหาศาลของคนที่นั่งพิงต้นไม้ดึงให้นอนลงไปที่ตักของเขา!
"หยุดเลยนะ!" พยายามประท้วงด้วยความไม่ชอบใจ
"นอนเถอะน่าอย่าพูดมากไม่ต้องกลัวใครมาเห็นหรอก"
'ไม่ได้กลัวว่าใครจะมาเห็นแต่กลัวว่าจะนึกถึงนายในสภาพล่อนจ้อนมากกว่าน่ะสิ!' ความคิดในใจที่ไม่อาจมีใครได้ยิน
"ถ้ามีคราวหน้าล่ะก็…จะอัดนายให้เละเลยตาแก่ลามก!"
โจนินผมเงินไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเขาเพียงแค่แอบยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งโวยวายจบจมเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว หลังจากนั้นเขาจึงกลับเข้าสู่ห้วงนิทราต่อด้วยความสุขใจ อย่างน้อยก็ตอนนี้ล่ะนะที่รู้สึกมีความสุขขึ้นมานิด ๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ