Hades And Persephone : ตำนานรักของเฮดีส
เขียนโดย ปลาบู่
วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 18.43 น.
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561 23.59 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
8)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ไม่มีทางที่เป็นไปได้แน่ๆ" แม่ฉันลุกขึ้นมาพร้อมทำหน้าเครียดทันทีหลังรู้ข่าว
"อาเฮอร์เมสบอกมาว่า ลุงเฮดีสได้บอกกับลุงซุสว่า เพอร์เซฯได้ยอมที่จะเป็นภรรยาของเขา ทั้งๆที.."
"ฉันไม่ได้ยอมเป็นเมียของเขาเลยด้วยซ้ำ!" ฉันโมโหขึ้นทันที
"ลุงซุสเลยต้องทำพิธีแต่งงานให้สมกับเธอด้วย เพอร์เซฯ บนเขาโอลิมปัสเริ่มวุ่นวายหลังจากลุงเฮดิสได้พูดไปแบบนั้น ลุงซุสแทบไม่มีอันจะกินเลยด้วยซ้ำ"
"แม่จะเป็นลม" ฉันเข้าไปหาแม่ใกล้ๆ พร้อมให้ยาดมแม่ได้ดมไปพร้อมๆกัน
"แจ็ค ฉันต้องขึ้นไปที่เขาโอลิมปัสแล้วละ เพื่อจะได้จบเรื่องนี้"
"ถึงจบมันก็ไม่มีประโยชน์นะเพราะเธอ ได้กินเมล็ดทับทิมไปแล้ว"
"แค่เมล็ดทับทิมสามเมล็ดเท่านั้น แต่จะทำให้ตำนานกรีกเปลื่ยนไปเอง"
"แล้วเธอจำไงเพอร์เซฯ"
"เอาเป็นว่า เธอบอกน้าเฮอร์เมสพาฉันขึ้นไปก่อนจะดีกว่า คืนนี้ก็ยังดี"
แจ็คเริ่มเก็บข้าวของเขา มาอยู่บ้านของฉันทันที ฉันจะพูดยังไงดีละแบบให้มันดูดีทั้งสองฝ่าย ย้ายมาอยู่บ้านฉันแบบถาวรเลยแล้วละตอนนี้ ฉันได้แต่นั่งว่างแผนกับการที่ฉันไม่ต้องแต่งงานกับเขา แล้วพยายามคืนความโสดของฉันกลับคืนมา ฉันเกลียดเขาเข้าเส้นเลือด แม้จะมองตาฉันก็ไม่อยากจะมอง เขาทำกับฉันเจ็บแสบ ฉันจะไม่กลายเป็นตามตำนานและจะมาเปลื่ยนประวัติศาสตร์
แจ็คติดต่อกับน้าเฮอร์เมสได้แล้ว จึงเดินมาหาฉันบอกให้เตรียมตัว เฮอร์เมสจะมีคนมารับฉันจากบ้าน ส่วนแม่ฉันจะรออยู่ที่เขาโอลิมปัส จึงไปก่อนร่วงหน้า 3 วันเพื่อรอฉัน แจ็คกับฉันไม่สามารถขึ้นเขาเหมือนกับแม่ของฉันได้ แต่ต้องผ่านประตูทั้งหมด 3 ด่านคือ ประตูแห่งปัญญา เป็นของอะธีนา ที่คนส่วนใหญ่จะมาขอพรกับอะธีกันตรงนั้น แต่เราต้องไปในเวลา เที่ยงคืนเท่านั้นและต้องไปนั่งตอบคำถาม ของนาง ซึ่งแจ็คก็ไม่รู้คำถามของนางเหมือนกันว่ามีอะไรบ้าง ส่วนใหญ่จะตอบคือพวกที่เป็นเทพเหมือนกัน ถึงสามารถผ่านไปได้
"แจ็ค ถ้าเราผ่านประตูนั้นได้ ต่อไปจะคืออะไร?"
"เอิ่ม ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ คงน่าจะลำบากน่าดู"
"มันคงจะลำบากหน่อยสินะ"
"ฉันไหวอยู่แล้วละไม่ต้องห่วง เรื่องแบบนี้ฉันยอม ดีกว่าฉันจะไปเป็นเมียของตาเฮดีสจอมเห็นแก่ตัว"
"เห้ยใจเย็นๆ พูดอะไรเฮดิสได้ยินนะ"
"ให้ได้ยินไปเลย! ฉันไม่กลัวหรอกกับคนเย็นชา!"
'ด่าข้าว่าขี้เย็นชานั้นหรือ!' เสียงในหัวเริ่มพูดขึ้น จนแจ็คมองมาทีฉันทันที
"นั้นไง พูดยังไม่จบก็พูดแล้ว"
"นายก็ได้ยินหรอ?" ฉันหันไปถามแจ็ค เขาพยักหน้า
'พยายามที่จะหาวิธีเพื่อจะไม่ได้เป็นเมียของข้านั่นหรือยัยตัวแสบ!'
"แล้วท่านจะทำไม ข้าไม่ได้รักท่านซักนิดเดียว แล้วใครสั่งให้มารักข้าละ!"
'หัวใจของข้าไง' ฉันอึ้งกับคำพูดเขาแค่ไม่กี่วิ แจ็คมองหน้าฉันแล้วยิ้ม
"ยิ้มอะไรแจ็ค ฉันไม่ยินดีหรอกนะ" แจ็คหน้าบูดไปทันที "เฮดิสถ้าท่านเล่นเกมส์แบบนี้กับข้า อย่าคิดเลยว่าพ่อของข้าจะลงโทษอะไรท่าน!"
'ข้าพ้นโทษไปเรียบร้อยแล้วที่รัก จะให้ซุสลงโทษข้าไปอยู่บนโลกก็ดีเหมือนกันนะ จะได้อยู่ข้างๆเจ้านานๆ^^' เสียงเฮดิสเริ่มทะเล้นขึ้นจนฉันแปลกใจ ต่างจากที่แรกพบเลยด้วยซ้ำ
"ไปเถอะ น้าเฮอรเมสมาแล้วละ"
ฉันนั่งรถนานถึง 12 ชั่วโมงแต่ก็ยังไม่ถึงจุดหมาย ฉันนั่งมองท้องฟ้ายามคำคืนจนเวลาตอนนี้คือ 5 ทุ่ม 55 นาที แจ็คกำลังหลับอย่างสบายใจจนฉันต้องปลุ๊กขึ้นมาเพราะฉันมีเรื่องสงสัย
"แจ็ค ตื่นก่อนได้ไหม" ฉันเขย่าตัวเขา เขามองหน้าอย่างงงๆ
"หื่มม? กำลังฝันอยู่เลย มีอะไรหรอเพอร์เซฯ"
"นายรู้ได้ไงว่านายคือคิวปิด?" ฉันถามไปอย่างงงๆ พร้อมความสงสัยนับล้านข้อ แจ็คนั่งอย่างสุภาพขึ้นมาทันที
"ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอก แต่ตอนเด็กฉันชอบกีฬาธนูจนบอกไม่ถูก แบบเหมือนเคยจับมาก่อน จนได้ถามแม่อโฟไดตี ตอนนั้นฉันอยู่กับแม่บนโลกนี้ หลังจากที่แม่ฉันเล่าให้ฟังว่าฉันเป็นเทพที่พ่อคือเทพแห่งสงครามคือเอรีส ที่แม่มาอยู่บนโลกเพราะแม่โดนพ่อทิ้งให้อยู่คนเดียวเสมอ เวลาที่พ่อไปหาผู้คนที่นับถือ เกือบทุกวันๆ จนแม่แม่ฉันต้องพาฉันหนีมายันโลก เพื่อไม่ให้พ่อต้องเป็นห่วง หลังจากนั้นไม่ได้ พ่อได้ข่าวฉันเลยมาแสดงตัวขอรับเลี้ยงฉันอย่างสมบูรณ์ที่เขาโอลิมปัส"
"แล้วปัจจุบันละ? เทพีอโฟไดตีไปอยู่ไหน?"
"อยู่กับพ่อฉันนั้นและ หลังจากที่คุยกันปรับความเข้าใจ มันก็สมบูรณ์แบบกลายเป็นครอบครัวเดียวกันเช่นเดิม"
"แล้วทำไมเธอถึงต้องลงมาช่วยฉันด้วยละ"
"เพราะเทพีดิมีเตอร์ได้ขอกับฉันไว้ไง ว่าขอให้มาปกป้องเธอจากมือของเฮดิส"
"อย่างงี้นี่เอง สิ่งที่แม่ทำเพราะไม่อยากให้ฉันไปกับเฮดิส"
"แต่มันก็ไม่ได้ ตอนที่เธอเกิด เฮดิสได้ขึ้นมาหาซุสพอดี แล้วได้เจอเธอที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดเทพีดิมีเตอร์พอดิบพอดีนั้นสิ"
"เวรกรรมของฉันชัวร์ๆ เลยจริง"
"เอาละถึงแล้วละ ประตูแห่งปัญญา" คนขับคือใครเป็นไปไม่ได้นอกจาก
"ขอบคุณคับน้าเฮอร์เมส^^" แจ็คพูดขึ้น
"คิวปิด ดูแลน้องดีๆด้วยนะ เดียวน้าจะไปทำธุระก่อน เจอกัน"
"ครับ" เราสองคนลงจากรถทันที พร้อมข้าวของไม่กี่สิ่ง ฉันเอาแค่สมุดบันทึกที่อยู่ในกระเป๋ามาเท่านั้น
พวกเราอยู่หน้าวิหารของอะธีนากลางกรุงเอเธน สถานที่แห่งนี้ดูเงียบมากจนฉันแปลกใจ มันต้องมีคนสินะ แต่ไม่มีเลย เราคงเป็นเทพมั่งเลยไม่เห็นพวกมนุษย์
"แจ็คทำไม?"
"เราอยู่ในภิพบหนึ่งสินะน้าเฮอร์มิส"
"พูดถึงอะไรหรอแจ็ค?"
"ก็พูดถึงประตูแห่งปัญญาไง ประตูแห่งปัญญาจะอยู่ในอีกภิพบหนึ่งมนุษย์หรือคนธรรมดาจะมองไม่เห็น แต่เทพเท่านั้นถึงจะเห็นเรา อะธีนาคงอยู่ในนี้"
"งั้นเราเข้าไปกันเลยดิกว่าไหม"
"ตอนนี้กี่โมงแล้วละเพอร์เซฯ" ฉันมองนาฬิกาข้อมือ
"เอิ่ม เที่ยงขึ้นแล้วละ"
"เธอพร้อมยัง" เขามองมาทีฉัน
"ฉันพร้อมาตั้งแต่เกิดแล้วละ" ฉันมองเข้ากลับทันที แจ็คเดินนำไปทันที
ฉันเดินเข้าไปในวิหาร มันดูขนลุกอย่างไงก็ไม่รู้ เหมือนมีคนพยายามจ้องมองมาที่ฉันอยู่เสมอ ฉันห้ามกลัวสิ ฉันกล้าที่จะทำแล้วต้องกล้าๆหน่อยสิ ฉันจับแขนเสื้อของแจ็คเดินเข้าไปในวิหาร มันมืดจนมองไม่เห็น แจ็คเลยหยิบตะเกียงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ เดินเข้ามาในวิหาร ฉันมองไปรอบ มันดูยิ่งใหญ่มาก
"แจ็คนายเคยมาที่นี่หรือป่าว?" ฉันถามเขาแบบเสียงสั่นๆ
"เคย แค่รอบเดียว"
"ตอนไหนอะ"
"ตอนเด็กๆ ที่แม่ฉันต้องขึ้นไปที่เขาโอลิมปัส"
"หรอ แม่เธอตอบคำถามของเทพีอะธีนาได้หรือป่าว"
"แม่ไม่ได้ตอบ แม่เดินเข้าประตูเทพเข้าไปแทน"
"โห้ ฉันละอยากได้แบบนั้นจัง แบบซุปเปอร์วีไอพีอะไรทำนองนี้"
"ไม่มีหรอกนะจะบอกให้ เทพทุกตนต้องผ่านประตูนี่อยู่เสมอ ถึงแม้จะไม่เคยผ่านก็ต้องผ่านเพราะมันคือกฏของลุงซุส"
"กฏ? เทพทุกคนต้องผ่านทุกคนเลยหรอ?"
"ใช่ เวลามาที่เขาโอลิมปัส ต้องมาที่ประตูนี่เท่านั้น สำหรับเธอ เธอไม่เคยมาเลยสักครั้งต้องผ่านก่อน คราวหน้าถึงจะผ่านเข้ามาได้"
"แบบนี้เองหรอ แล้วอยู่ไหนฉันอยากจะผ่านไปเร็วๆ"
"อย่าใจร้อนเลย ถ้าเธอตอบไม่ได้เธอก็ต้องหาทางตอบให้ได้อยู่ดี ไม่ก็ต้องอยู่แบบนั้นตลอด"
"บ้าบอเถอะแจ็ค ไม่มีทางหรอกนะ"
"งั้นก็ลองดู" แจ็คจับมือฉันออกจากแขนเสื้อแล้วแปลงกายเป็นคิวปิดรูปงามอีกครั้ง ใจฉันแทบสั่นหวั่นไหวกับความหล่อของเขาเลย "ข้าเทพแห่งความรัก บุตรของอโฟไดตี เทพแห่งความงาม และบุตรของเอรีส เทพแห่งสงคราม ข้าขออันเชิญ เทพีแห่งปัญญาโปรดมาฟังคำขอและตอบคำถามของข้าด้วยเถิด"
แสงประกายสีทองเริ่มเจิดจ้าขึ้น จนฉันต้องหลบสายตาของแสงออก ร่างผู้หญิงสง่างามปรากฏขึ้น คิวปิดโค้งคำนับต่อเธอ เธอมองมาที่ฉันพร้อมยิ้มขึ้นทันที
"คนนี้สินะที่จะมาตอบคำถามฉัน"
"ครับ นางจะมาตอบคำถามเพื่อขึ้นไปที่เขาโอลิมปัส"
"เอิ่ม ข้าคงไม่ต้องถามหรอกนะว่านางจะไปคัดค้านงานแต่งของนาง"
"ท่านรู้!" ฉันพูดขึ้น
"คงไม่ต้องเดาหรอกแม่หนู ฉันเดาใจเธอออกอยู่หรอก เธอคงเกลียดเฮดิสเต็มทน"
"ข้าไม่ชอบเขา เขาฝื้นใจข้าด้วยซ้ำ"
"เอาละ ข้าจะไม่ถามอะไรให้มากความ ถ้าต้องเช่นนั้นข้าก็จะทำประสงค์ของเจ้า" เทพีอะธีนาเริ่มตั้งคำถามขึ้นมาจนฉันยังไม่ได้ทันตั้งตัว "สิ่งที่ทำให้มนุษย์โง่เคร่ามากที่สุด เชื่อง่ายที่สุด ขาดไม่ได้ที่สุด สิ่งนั้นคืออะไร?"
เอาแล้วไงคำถามเริ่มเกิดขึ้น สิ่งที่ฉันคิดพ่อแม่เลยด้วยซ้ำ หรือการเรียน หรือตัวเอง ทำไมมันคิดไม่ออก ฉันมองไปที่แจ็ค แจ็คส่ายหน้าโดยทันทีในร่างคิดปิด
"ถึงฉันคิดได้แต่ช่วยเธอไม่ได้หรอกนะ เพอร์เซฯ"
ฉันถึงกับคิดอะไรไม่ออกเลยที่เดียว คำถามแบบนี้ฉันไม่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำไป ฉันมั่วแต่คิดแต่เรื่องบ้าๆ อย่างเช่นของกิน ถ้าขาดมันไปก็ตายสินะ
"ขอตอบคะ"
"คำตอบของเจ้าคือสิ่งใด เทพีเพอร์เซโฟนี?" พูดชื่อฉันเต็มเลย
"คือ อาหาร! มนุษย์ชอบโง่ว่าของกินมักอร่อยอยู่เสมอ และเป็นสิ่งที่หลอกกันง่ายด้วย แล้วในชีวิตประจำวันก็ขาดไม่ได้ด้วยค่ะ"
"คำตอบของเจ้า ข้าว่ามันฟังดูเข้าหูนะ แต่มันไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง เจ้าลองคิดดูดีๆสิ หลังจากที่เจ้าได้รู้ตัวตนของเจ้า"
หลังจากที่แจ็ค บอกความจริงกับฉันว่าฉันคือ เทพี เฮดีสก็เข้ามาในชีวิตทันที เข้ามาในอาการหลงรักฉันอย่างหัวบักหัวบัมราวกับถอนตัวไม่ขึ้น
"ความรักทำให้โง่เคร่ามากที่สุด และขาดไม่ได้มากที่สุดสำหรับเขา"
"เทพีเพอร์เซโฟนี ท่านพูดถูก เฮดีสหลังจากที่เจอเจ้า เขานั้นไม่เคยแลผู้ใดเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยมีใจให้กับหญิงใด ที่ข้านั้นเลือกคำถามนี้เพื่อจะมาบอกเจ้า ว่าเฮดิสได้หลงรักเจ้าจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ" เทพีอะธีนา เปิดประตูออกเพื่อให้ฉันเดินผ่านเข้าไปในที่ต่อไป "เทพีเพอร์เซโฟนี เจ้าผ่านประตูแห่งปัญญาได้แล้ว ต่อไปนี้เจ้าต้องการไปที่ใดจงใช้ประตูแห่งนี้เพื่อข้ามไปยังพิภพที่เจ้าอยากไปได้เสมอ"
"ขอบคุณท่านมากคะ เทพีอะธีนา" ฉันโค้งตัวลง แล้วมองไปทีอะธีนา อะธีนายิ้มเล็กๆ แล้วแสงประกายเริ่มพานางหายไป....
"หืมม เพื่อนฉันเก่งอะไรขนาดนี้" แจ็คยินดีในร่างคิวปิดอยู่ ฉันเลยส่งสายตาทันที "โอเค"
"ทำไมฉันต้องคิดว่าต้องเป็นอาหารนะ ทั้งๆที่คำตอบมันก็อยู่รอบตัวของฉัน" ร่างแจ็คกายเป็นปกติ
"เธออาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้นะเพอร์เซฯ"
"หือ ฉันไม่รู้นะ ฉันไม่รู้คำตอบเลยด้วยซ้ำว่าคือ ความรัก"
"ความรักทำให้คนตาบอดไง"
"มันก็ถูกนะ เอาเป็นว่าด้านแรกเราผ่านแล้วละ เราเข้าประตูเถอะ" ฉันเดินเข้าประตูตรงหน้าฉันทันที ประตูบานใหญ่เท่ากำแพงหนาๆ สีทองได้เปิดขึ้นต้อนรับฉันอย่างดี ฉันยินดีที่ผ่านประตูนี้ ฉันพร้อมแล้วละที่จะต้องผ่านประตูถัดไป...
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ