เส้นทางสีหม่น

-

เขียนโดย MissP

วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 01.34 น.

  3 Chapter 1
  0 วิจารณ์
  5,396 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 02.50 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) ตอนืที่ 1 "Brother & I สามพี่น้อง"

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
เส้นทางสีหม่น
CHAPTER 1BROTHER & I…สามพี่น้อง
 
     “คยองซู คยองซูย่า เสร็จรึยัง” เสียงตะโกนของชายหนุ่มร่างเล็กผิวขาวที่เกิดก่อนเขาถึง 8 ปี เร่งเร้าอยู่ตรงชานบันได     คยองซูใช้มือข้างหนึ่งเก็บกองหนังสือยัดใส่เป้อีกข้างคว้านาฬิกามาใส่อย่างรีบเร่ง วันนี้เขาตื่นสาย เพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดงานโฆษณาโทรทัศน์วิชามหาโหดของคณะที่เขาเรียน ยิ่งตอนนี้ปีสุดท้ายแล้วงานยิ่งเยอะ ทำให้ต้องนอนดึกแล้วต้องตื่นเช้าเวลานอนก็น้อยลงไปอีก คยองซูเบื่อตัวเองที่ขี้เซาจริงๆ เป็นโรคต้องนอนให้ได้ 8 ชั่วโมง ถ้าวันไหนนอนไม่ถึง 8 ชั่วโมงนี่เหมือนจะตายให้ได้ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงหน้ามืดเวียนหัว สุดท้ายจบด้วยการอาเจียน 
     “ครับพี่มินซอก กำลังลงไปแล้วครับ" ว่าพลางปิดประตูแทบจะเหาะลงบันไดถ้าทำได้นะพี่ชายสุดหล่อยืนอยู่ตรงชานบันไดหน้าเกือบจะหงิก คยองซูได้แต่ทำตาปริบๆ พึมพำขอโทษพี่ชายเบาๆ     "คยองซูย่ามากินข้าวต้มกุ้งก่อนสิลูก อาหารเช้าสำคัญมากนะ” เสียงหญิงผู้ให้กำเนิดกล่าวเสียงเรียบโดยสายตายังจับจ้องอยู่ที่หนังสือพิมพ์ที่อยู่ตรงหน้า      "แต่มันสายมากแล้วนะครับแม่" เสียงพี่ชายคนโตแย้งขึ้นมาก่อนที่คยองซูจะหย่อนก้นลงที่เก้าอี้ประจำ     “มันจะอะไรนักหนาแค่กินข้าวเช้าหรืออยากให้น้องเป็นลม” เสียงแม่เข้มขึ้นทันทีแต่ที่น่ากลัวกว่าเสียงคงเป็นสายตาวาวที่ส่งผ่านไปยังพี่ชายของเขา เลยตัดสินใจหยิบเอาแซนวิชแฮมชีสมา 1 ชิ้นพร้อมเดินอ้อมไปเอ่ยเบาๆกับผู้เป็นแม่     “ไม่เป็นไรครับแม่ ผมมีแซนวิชแล้วมันสายจริงๆแหละ ตอนนี้รถติดอีกผมไม่อยากสายครับ...รักแม่นะครับ" ว่าแล้วก็ก้มลงหอมแก้มนิ่มๆของแม่แล้วยิ้มหวานไปอีก 1 ดอกเพื่อยุติพายุอารมณ์ของมารดา     “รักลูกเหมือนกันจ้ะ ตัวเล็กของแม่”
     ทุกการกระทำของคนข้างล่างอยู่ในสายตาของชายหนุ่มผิวขาวร่างบางที่ยืนอยู่ตรงมุมบันไดด้านบน เขาเปลี่ยนใจหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องนอน ค่อยๆปิดประตูแล้วทิ้งตัวลงที่เตียงขนาดคิงส์ไซส์ตามเดิม สายตาเหม่อมองไปบนเพดาน ภาพการแสดงความรักของน้องชายคนเล็กกับผู้เป็นแม่มันทำให้เขาเหมือนคนหายใจไม่ออก ก้อนเนื้อข้างซ้ายของอกเหมือนถูกบีบรัดด้วยคีมขนาดใหญ่ ทั้งๆที่เขาควรจะชินได้แล้วเพราะมันเป็นภาพที่เกิดขึ้นแทบจะทุกวัน ความอ่อนโยน ความอาทร ที่แม่ส่งผ่านไปให้กับน้องชายมันทำให้เขาอยากจะอาเจียน ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ทุกที เกลียดตัวเอง เกลียดความรู้สึกแบบนี้ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงความอุ่นของน้ำใสๆที่ค่อยๆไหลรินลงมาตรงหางตา...
แบคฮยอน....นายมันคนไร้ค่า
 
     รถยนต์ BMW series 5 สีดำค่อยๆแล่นมาจอดหน้าตึก คณะนิเทศศาสตร์ คยองซูเปิดประตูลงจากรถไม่ลืมก้มไปขอบคุณพี่ชาย พร้อมยิ้มตาหยี ปากสวยกลายเป็นรูปหัวใจ มันเป็นรอยยิ้มที่เพื่อนๆของเขาเรียกว่า “รอยยิ้มพิฆาต”     "ขอบคุณนะฮะพี่ ขับรถดีๆนะครับ สัญญาพรุ่งนี้ไม่สายแน่นอน” พลางชู 2 นิ้วเพื่อยืนยันคำสัญญาที่ให้ไปว่าชัวร์ไม่มั่วนิ่ม พี่ชายอดยิ้มขำในความน่าเอ็นดูไม่ได้ เอื้อมมือมายีหัวเจ้าตัวเล็ก
คนโดนยีถึงกับบ่นอุบว่าเดี๋ยวผมเสียทรงพอดี ก่อนยกมือโบกให้พี่ชายรีบไปทำงาน หลังรถสีดำคันใหญ่แล่นหายไป คยองซูกวาดตามองหาเพื่อนตัวสูง 2 คน     “เห้!!คยองซู ทางนี้ๆ” เพือนตัวขาวหน้าตาหล่อเหลาระดับไอดอลโบกมือหยอยๆ     “กินรัยยังอ่ะ” เพื่อนอีกคนที่มีผิวเข้มกว่า หน้าตาคมคาย จมูกโด่งรับกับตาคมสีนิล คยองซูยอมรับเลยว่า เพื่อน 2 ตัวเอ้ย 2 คนนี้หล่อมากกจริงๆ แถมยังฮอตปรอทแตกอีก ไม่ว่าสาวไม่ว่าหนุ่มต่างมาขายขนมจีบกันแทบจะเรียกว่าหัวกระได (ตึก)ไม่แห้งทีเดียว พูดถึงความหล่อ 2 คนนี้กินกันไม่ลงจริงๆ แต่ถ้าพูดถึงความรั่ว เขายกให้คนตัวขาวอีกคนเข้าวินแบบไม่เห็นฝุ่น    “เรียบร้อยแล้ว วันนี้ฉันตื่นสายเลยยัดแซนวิชไป 1 อันกันตาย”     “เฮ้ย!!ไอ้ดำมึงมาแย่งไก่กูทำไมเนี่ย”เสียงคีย์สูงของเซฮุนทำให้เขาตกใจ
    “แค่ไก่มัยต้องแหกปากวะ” จงอินเหลือบตามองพลางส่ายหัว
    “ทีมึงขโมยหมูกูไปจนกูเกือบต้องแดกข้าวเปล่าล่ะกูด่าสักคำมั้ย น้ำใจอ่ะสะกดเป็นมั้ยมึง”    “เอ้าไม่ด่ากูเองมาทวงบุญคุณห่ารัย กูอุดปากมึงเร้อ”
    “สัด!! ...ฟหกดก่ดสสเวว” หลังจากนั้นสงครามยามกินก็บังเกิด คยองซูได้แต่กรอกตา กับเหตุการณ์แบบนี้ทุกเช้า สาย บ่าย เย็น ไม่ผิดหรอก 4 เวลาจริงๆ กับการกัดกันของ 2 เพื่อนซี้ของเขา แต่ก่อนที่สงครามน้ำลายจะบานปลายกลายเป็นสงครามเก้าอี้ เสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น      “ได้เวลาเข้าเรียนแล้วเว้ย หยุดตีกันได้แล้ว” คยองซูว่าพลางสะพายเป้เดินนำเพื่อนขึ้นตึกไป
 
     “มึงจะไปฝึกงานที่ไหนวะ”เซฮุนถามเพื่อนพลางคีบไส้กรอกเข้าปาก     “ยังไม่รู้เลยว่ะ ว่าจะให้พ่อหาให้” จงอินตอบพร้อมพยักเพยิดหน้ามาทางเพื่อนตัวเล็กเหมือนจะถามว่าแล้วเขาล่ะ  คยอวซูไม่ได้เงยหน้ามามองเพื่อนเพราะมัวแต่สไลด์หน้าจอสมาร์ทโฟนเหมือนกำลังหาอะไรอยู่     “ทำไรอ่ะ” จงอินชะโงกหน้าข้ามโต๊ะด้วยความอยากรู้เพราะเห็นเพื่อนง่วนอยู่กับไอ้สี่เหลี่ยมนี่มาพักใหญ่ๆละ    “หาที่ฝึกงานงัยแก” เซฮุนเดินอ้อมมานั่งข้างเพื่อนตัวเล็กทันที
    “หาให้มั่งดิ ซูคนดี” ทำเสียงออดอ้อนพร้อมส่งสายตาเว้าวอนตามสไตล์เซฮุนคนขี้อ้อน
    “ไม่มีมืองั้ย” เสียงค่อนขอดจากเพื่อนผิวเข้มที่มองอย่างหมั่นไส้ เซฮุนเบ้หน้าใส่ ใครแคร์    “เจอแล้วๆๆๆ” น้ำเสียงดีอกดีใจยังกะถูกหวยเลขท้าย 3 ตัวของคยองซูทำเอาเซฮุนถึงกับ
กลอกตา    “ไหนใครให้หวยวะ หรือ เจอผู้ชายหล่อล่ำปล้ำเก่ง” คยองซูตีเพี๊ยะที่แขนเพื่อนตัวขาว 1 ที     “บ้า!! ฉันหมายถึงที่ฝึกงานโว้ย นี่ไง SM Agency ฉันจะไปฝึกงานที่นี่แหละ”
 
    “ไม่ได้!! แม่ไม่ให้ลูกไปลำบากลำบนบ้าๆอะไรแบบนั้นหรอกนะ ถ้าจำเป็นต้องฝึกงานจริง มาฝึกที่บริษัทเราสิลูกให้พี่มินซอกดูแล ทำไมต้องไปที่อื่น” แม่บ่นยาวยืดหน้าตาถมึงทึงยังกะโจรขึ้นบ้าน เดินไปเดินมาน่าเวียนหัว แบคฮยอน ที่นั่งจิบกาแฟอยู่ได้แต่ส่ายหัว ไม่รู้ทำไมพออะไรที่เกี่ยวกับน้องชาย แม่จะต้องเหมือนคนบ้าทุกที ไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ยอม จะห่วง หวงอะไรนักหนานี่มันก็โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วไหม แต่ถ้าหมาพันธ์ยักษ์อย่างอัลเซเชี่ยน หรือ เซ็นต์เบอร์นาร์ดน่าจะยังเลียถึงอยู่ แบคฮยอนได้แต่คิดในใจ พลางลอบมองน้องชายที่นั่งตัวลีบอยู่ข้างๆเธอ
    “แต่แม่ครับ ผมอยากฝึกงานที่นั่นจริงๆนะครับ ผมอยากทำ Agency แล้วที่นั่นก็เป็น Agency ใหญ่ ท้อป 5 เลยอ่ะครับ" คยองซูก้มหน้างุดพลางพูดเสียงอ่อย ใจหนึ่งก็กลัวแม่ แต่อีกใจก็อยากไปมันคือความฝันหนึ่งของเขาเลย     “แม่ไม่ให้ไป แม่จะไม่พูดซ้ำนะคยองซู ทำไมไม่เข้าใจที่แม่ห้ามนะว่าเพราะอะไร ลูกไม่เหมือนคนอื่นไม่รู้รึไง แค่ไปเรียนแม่ยังห่วงขนาดนี้ แล้วนี่ไปฝึกงาน ต้องถูกใช้ทำนู่นนี่ แล้วถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง ใจแม่ล่ะ ลูกเห็นไหม ฮึก..” เสียงที่สั่นเครือหนักของแม่ทำเอาเขาไปไม่เป็น เขาเข้าใจแม่ดีว่าเป็นห่วงเพราะเขาไม่เหมือนคนอื่น แต่ถ้าไม่ใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นแล้วมันจะทำให้เขาหายมีชีวินเหมือนคนปกติงั้นเหรอ เขาก็แค่อยากมีชีวิตที่ปกติเหมือน พี่ชาย 2 คน เหมือน เซฮุน จงอิน ก็แค่นั้นเอง
     “ผมรู้ครับว่าแม่เป็นห่วงผม เพราะผมไม่เหมือนคนอื่น แต่แม่รู้ไหมครับว่าเวลาที่แม่พยายามจะให้ผมใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในเกราะที่แม่สร้างมันมาครอบน่ะ มันทำให้ผมทรมานกว่าที่เป็นอีก” เขารู้ว่าพูดแรงแต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้อีกแล้ว เหมือนทำนบเก็บน้ำที่มันพังคำพูดที่เหมือนสายน้ำมันจึงหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย พร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบสองแก้มกลม แบคฮยอนเอื้อมไปจับมือน้องชาย เหมือนจะเตือนสติที่กำลังหลุดกระเจิงแต่น้องชายกลับสะบัดมันออกพร้อมวิ่งตึงๆขึ้นห้องพร้อมเสียงดัง “ปัง!!” แบคฮยอนยืนอึ้งเป็นหุ่นขี้ผึ้งไป 5 วิ เขาแทบไม่เคยเห็นน้องชายเป็นแบบนี้มาก่อน คยองซูเป็นเด็กร่าเริง หัวอ่อน แทบไม่เคยขัดใจแม่เลยสักครั้ง จึงทำให้ผู้เป็นแม่รักและเอ็นดูมากกว่าใคร แน่นอน มากกว่าเขา และพี่มินซอก
     ชนยหนุ่มกำลังจะก้าวเข้าไปปลอบใจผู้เป็นแม่ แต่เธอกลับยกมือขึ้นห้าม พร้อมหมุนตัวเดินหายไปที่ห้องทำงานไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้เขาได้ทำหน้าที่ลูกเลย แบคฮยอนรู้สึกน้อยใจอย่างที่สุด เขาอยากเข้าไปกอดและปลอบแม่อยากเช็ดน้ำตาให้แม่อยากบีบมือนุ่มที่เคยลูบหัวเขาเมื่อตอนเป็นเด็ก มันนานแค่ไหนแล้วนะที่สัมผัสเหล่านั้นมันหายไป 5 ปี 10 ปี ไม่สิมันนานกว่านั้นนานจนเขาลืมไปแล้ว...
 
     บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้าเป็นไปอย่างอึมครึม ไม่มีใครพูดอะไรมีแค่เสียงช้อนที่กระทบจานบ้างเป็นครั้งคราว เงียบ สงบ เหมือนทะเลไม่มีคลื่น
    “ผมอิ่มแล้วครับ ขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ" คยองซูทำลายความเงียบด้วยเสียงเรียบๆตาบวมช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ลุกขึ้นยืนก่อนจะหมุนตัวกลับมีมือเรียวดึงน้องชายให้หยุดนิ่ง        
    "คยองซูนั่งลงก่อน” เสียงพี่ชายคนโตถึงแม้จะเรียบแต่ทว่ากลับมีอำนาจประหลาดให้เขาต้องหย่อนตัวลงนั่งตามเดิม    “ซู นายควรจะขอโทษแม่ที่เมื่อคืนทำกิริยาแบบนั้นกับแม่” พี่มินซอกเอ่ยเสียงเฉียบพร้อมจ้องหน้าน้องชาย คยองซูหลุบตาลงต่ำก่อนจะพยักหน้ารับคำพี่ชายเบาๆ     "แม่ครับ ผมขอโทษที่พูดและทำแบบนั้นกับแม่” ว่าแล้วก็ก้มหน้ากลั้นสะอื้นไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าทำให้แม่เสียใจแต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาก็รู้สึกถึงแรงกอดจากด้านหลังเขาจำสัมผัสนี้ได้ดีสัมผัสที่แสนจะอบอุ่น ทำเอาน้ำตาเจ้ากรรมพาเหรดกันไหลลงตามแรงโน้มถ่วงทันที    
    “แม่ครับ ฮึก ผมขอโทษ ผมไม่ไปฝึกงานที่นั่นแล้วก็ได้ครับ ฮึก”     “ไม่เป็นรัยลูก ไม่เป็นรัย ไปเถอะ แม่ผิดเองที่ไม่รู้ว่า ซูต้องทรมานขนาดไหนที่แม่ทำแบบนั้น ไม่ร้องไห้นะคนดี” แม่กระชับกอดแน่นพร้อมก้มลงจูบกลุ่มผมสีน้ำตาลนุ่มเบาๆ
    “พี่รับปากกับแม่แล้วว่าจะฝากเพื่อนพี่ดูแลนายตอนที่ไปฝึกงานที่นั่น แม่จะได้สบายใจไม่ต้องเป็นห่วงมาก เลิกร้องได้แล้วโตเป็นหนุ่ม แล้วนะร้องไห้เป็นเด็ก 3 ขวบไปได้” ถึงจะทำเสียงดุแต่ก็อดอมยิ้มกับความไม่รู้จักโตของน้องชายไม่ได้
    “เอ่อ!! แม่ครับ แล้วนี่ แบคฮยอน ไปไหนไม่เห็นมาทานข้าว” มินซอก ถามพลางกวาดสายตามองหาน้องชายอีกคน
    “เห็นป้ายอนซุกบอกออกไปตั้งแต่ยังไม่หกโมงเลย”แม่ตอบเรื่อยๆ
    “ไอ้นี่ก็แปลก ไป-มายังกับนินจานี่อยู่บ้านเดียวกันยังแทบไม่เห็นหน้าเลย” แม่ร่ายต่อพลางส่ายหน้าอย่างเอือมๆ มินซอก อดเป็นห่วงน้องชายคนรองไม่ได้ แบคฮยอนเคยเป็นเด็กร่าเริง พูดเก่ง แต่ตั้งแต่โตมาก็เริ่มเปลี่ยนไป พูดน้อยลง เก็บตัว ทำตัวเย็นชา ไม่สนโลก ที่สำคัญไม่ค่อยจะอยู่บ้านเหมือนหนีอะไรบางอย่าง ไปไหนมาไหนคนเดียวบางทีเขาถามไป หรือเตือนสติน้องชายตัวดีก็เดินหนีไม่ฟังที่พูดเหมือนเขาไม่มีตัวตน...อืมมม ไม่มีตัวตน คำนี้มันช่างเหมาะกับเขาจริงๆ
“คิมมินซอก คนไม่มีตัวตน”
                                                    End

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา