Kiss Devil (ความรักของผู้ชายขนมหวานกับซาตานเอ๋อๆ)
8.2
2) ของหวานที่ซาตานต้องกิน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ แปลกแหะวันนี้ปิดร้านหรอไม่ได้โทรมาก่อนอยู่ไหมว่ะเนี้ย ผมเดินมองอยู่หน้าร้านเบเกอรี่ของใครบางคนที่วันนี้ผมตั้งใจเอาชุดมาคืนเพราะจะได้ไม่ต้องติดต่ออะไรกันอีก อย่างน้อยๆจะได้ทำให้ผู้ชายคนนี้รู้ว่าเขาไม่สามารถทำให้ผมยอมกินขนมของเขาแน่ๆ ลองโทรดูก็ได้เผื่อไงจะได้ไม่เสียเที่ยว
“ฮัลโลนายอยู่ไหนปิดร้านหรอ”
“อืมปิดร้าน”
“ฉันเอาชุดมาคืนแต่ถ้านายปิดร้านก็...”
“เข้ามาดิฉันไม่ได้ล๊อก”
“ห่ะ?...อ๋อโอเค”
นับว่าโชคดีที่อย่างน้อยๆเขาก็อยู่ที่นี้ผมค่อยๆดันประตูเปิดเข้าไปก่อนจะเดินเข้าไปภายในร้านแต่... มันเกิดอะไรขึ้นขโมยขึ้นร้านหรือยังไงทำไมมันเละเทะขนาดนี้ พอเดินเข้ามาซักพักผมก็เห็นผู้ชายผิวขาวกำลังเก็บข้าวของทำความสะอาดร้านอยู่คนเดียวท่าทางดูไม่ดีเท่าไร
“เกิดอะไรขึ้นทำไมร้านเป็นแบบนี้...”
“เอาชุดมาคืนหรองั้นวานนายเอาไปไว้บนห้องให้หน่อยนะเสร็จแล้วก็กลับไปเลยแล้วกัน”
“เฮ้ย...เป็นไรเนี้ย”
“ฉันยุ่งๆแล้วก็ไม่รู้ว่านายจะมาเลยไม่ได้ทำเค้กไว้ให้ชิมนะ”
“ฉันไม่กินของหวาน”
“นี้ก็เละหมดเลยกระดาษที่จดสูตรเค้กสำหรับนายก็เละหมด...”
“เฮ้ยฟังอยู่ป่ะเนี้ยฉันบอกแล้วไงว่าไม่กินของหวาน”
“รู้แล้ว...แต่ก็บอกไปแล้วว่าจะทำให้นายยอมกินเค้กของฉัน”
“ตื้อจังว่ะว่าแต่สรุปแล้วนี้เกิดอะไรขึ้น”
“ฝีมือแฟนฉันเองพอดีทะเลาะกัน เขาเบื่อที่ฉันวุ่นอยู่กับการทำขนมมากไปเลยพังข้าวของ...สูตรที่ทำให้นายด้วย...ฮาๆๆ”
“ยังจะขำอีกนะ งั้นเดี๋ยวฉันเอาชุดไปเก็บให้แปบเดี๋ยวมาช่วยละกันถือซ่ะว่าขอบใจเรื่องให้ยืมชุดวันนั้น”
“ถ้าอยากขอบใจฉันง่ายนิดเดียวแค่...”
“ถ้าจะบอกว่าให้กินเค้กหยุดเลย รอแปบเดี๋ยวมา”
ทำไมผู้หญิงเวลาไม่ได้ดั่งใจนี่อันตรายยิ่งกว่าพายุทอนาโดระดับf5อีกหรอ ถึงได้ทำร้านสุดที่รักของผมพังได้ขนาดนี้สภาพไม่ต่างจากโดนพายุถล่มเสียอีก แล้วดูซิมาฉีกสมุดสูตรเค้กที่ผมคิดอีก เขาจะรู้ไหมว่าทุกรสชาดที่ผมคิดมามันยากแค่ไหนแต่เขากับใช้เวลาแค่ไม่ถึงนาทีฉีกซ่ะไม่เหลือชิ้นดี จบไม่สวยเลยแหะ ทีเมื่อก่อนตอนคบกันใหม่ๆก็บอกว่าชอบที่ผมทำขนมได้ชอบเวลาได้ชิม เดี๋ยวนี้พอทำอะไรให้ก็บ่นกลัวอ้วน ไม่อร่อย นั้นไม่ได้นี้ไม่ได้ คนในตอนนั้นหายไปไหนว่ะ เรารึก็ตั้งใจทำขนมแต่ไปมีคนอื่นแท้ๆดันไม่พอใจ ช่างเหอะ
“มีอะไรให้ฉันช่วยบ้าง”
“นายไม่กลับบ้านหรือไง”
“ยังอ่ะวันนี้ว่าง”
“ไม่ไปฟิตเนตละ”
“ไปมาแล้วเมื่อเช้า...ไหนมีตรงไหนให้ช่วย”
“ขอบใจงั้นช่วยเก็บของตรงนั้นทีพวกของที่ตกแตกเดี๋ยวพวกวัตถุดิบฉันจะเก็บเองเพราะนายคงไม่รู้เรื่องพวกนี้”
“โอเค...”
ผมหันไปมองผู้ชายที่เก็บของอยู่อีกด้านแล้วอยู่ๆก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ นี้ผมกับเขาเจอกันแต่ละทีมีแต่เรื่องเละๆ แล้วก็เกิดจากสาเหตุคล้ายๆกัน
“ฮาๆๆๆๆ...”
ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ผมหลุดขำออกมาก็จะไม่ให้ขำได้ไงคราวที่แล้วเจอกันเขาโดนแฟนปาเค้กใส่หน้า มาครั้งนี้แฟนผมก็ทำร้านผมซ่ะเละ
“ขำไรว่ะ”
“ก็ขำนายกับฉันนี่แหล่ะ”
“เรื่อง?”
“ไม่มีอะไรหรอกฉันแค่ขำที่เราสองคนเจอกันแต่ละทีมีแต่เรื่องเละๆ”
“เหอะๆ...นายเนี้ยนะแล้วไม่เฮิร์ทหรอแฟนทิ้งอ่ะ”
“ไม่นะไม่รู้ทำไมหรือบางทีอาจเพราะเขาทำร้านฉันพังมั่ง”
“โกรธแทนว่างั้น”
“ก็เออดิ...แล้วเนี้ยที่โกรธก็ตรงที่มาฉีกสมุดสูตรเค้กใหม่ที่ฉันกำลังคิดให้นายนี้แหล่ะ”
“ไม่ต้องโกรธหรอกเพราะยังไงนายทำมาฉันก็ไม่กิน”
“ทำไมอ่ะของหวานไม่ดีตรงไหน”
“ตรงที่มันจะทำให้ฉันเสียรูปร่างไงเพราะฉะนั้นฉันไม่มีทางแตะมันเด็ดขาด”
“เออก็รู้ว่ากลัวอ้วน...ถึงได้อดหลับอดนอนทั้งอาทิตย์หาพวกวัตถุดิบที่ไม่มีแคลอรี่สำหรับนายไงแต่พึ่งคิดได้ยังไม่ทันได้ทำก็โดนฉีกหมดเลย”
“นี้นายจริงจังกับเรื่องนี้มากไปป่ะ”
“เออดิการทำอาหารไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ถ้าคนกินไม่มีความสุขฉันยอมไม่ได้”
“เออ...เอาที่สบายใจเลยแต่บอกไว้ก่อนนะว่าไม่มีทางทำสำเร็จ...ดูปากฉันนะว่าไม่มีทาง” นี้ละนะผมถึงได้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เหมือนเสาวรสไม่มีผิด
ทุกอย่างภายในร้านค่อยๆจัดให้เข้าที่เข้าทางเพื่อให้กลับสภาพเดิมของร้านให้มากที่สุดแต่บางอย่างที่มันเสียหายก็ต้องหามาใหม่นั้นแหล่ะ ไม่รู้ค่าเสียหายทั้งหมดเท่าไรเหมือนกันแต่ก็คงไม่น้อยหรอก หลังจากที่ผมเก็บของช่วยเจ้าของร้านเบเกอรี่เสร็จผมก็มานั่งมองรอบๆร้าน ความจริงร้านนี้มันก็สวยดีนะออกแนวชิคๆ แต่ผมว่ามันก็เกลื่อนไปนะใครๆเขาก็แต่งร้านแบบนี้กันทั้งนั้น ทำไมเขาไม่คิดจะเปลี่ยนสไตล์หรือคิดสไตล์ของร้านใหม่ๆออกมาบ้างที่พอใครเห็นแล้วสะดุดตา พอเข้ามาแล้วเป็นอันต้องพูดถึงกันมันจะได้ดังแล้วก็คนมาเยอะๆ ทำแต่ร้านแบบนี้เดินไปที่ไหนก็เจอ
"อ่ะกาแฟ”
“ขอบใจ...”
“อือ...ฉันก็ขอบใจนายเหมือนกันนั้นแหล่ะที่มาช่วยเก็บร้าน”
“ไม่ต้องมาซึ้งหรอกฉันก็แค่ไม่อยากเห็นใครบางคนคอตกเฉยๆ ว่าแต่ร้านนี้นายออกแบบเองหรอ”
“อือ...ทำไม”
“น่าเบื่อ...เอาจริงร้านสไตล์นี้ใครๆก็ทำกันป่ะว่ะ เป็นฉันนะจะทำให้ฉีกออกจากสไตล์ทั่วไปเลย”
“ยังไงไอ้ฉีกแนวฉีกสไตล์ของนายเนี้ย”
“ก็แบบ...Ghost Coffee ไงอารมณ์แบบคาเฟ่ผีเงี้ย เพราะเดี๋ยวนี้มันจะมีพวกคาเฟ่แมว คาเฟ่หมานี้ไงร้านนายลองแบบที่ฉันบอกนะรับรองดังข้ามคืนแน่ๆ”
“คิดได้เนอะ ความละมุนของขนมฉันกลิ่นกาแฟภายในร้านพอยกแก้วจะกระดกเงยหน้าเจอผิวห้อยอยู่บนเพดานแบบนี้เนี้ยนะ คงประทับใจไม่รู้ลืม”
“นี่ไงๆเพราะคิดแบบธรรมดาอย่างนายเนี้ย ไม่ไหวเลย”
“นี้จบการตลาดออกแบบหรืออะไรมาหรือไง แล้วสมมติถ้าฉันตกแต่งร้านใหม่คิดซิว่าค่าตกแต่งมันจะเท่าไรนายจะมาทำให้ฉันฟรีหรือไง หรือจะมาเป็นหุ้นส่วนครับ”
“ไม่จบ...”
“ห่ะ?...นี้เรียนไม่จบอีกหรอ”
“ไม่ใช่ฉันหมายถึงไม่จบเนี้ยคือยังเรียนไม่จบ”
“ก็หมายความว่านายเรียนอยู่”
“ใช่...”
“นี่นายเด็กกว่าฉัน?”
“ห่ะ?...นายอายุเท่าไร”
“24...แล้วนายเรียนปีไหน”
“ปีสาม..ฉันต้องเรียกนายว่าพี่ใช่ไหมเนี้ย”
“ตามความเป็นจริงและความเหมาะสมก็ใช้ แต่ด้วยลักษณะท่าทางนายแล้วจะเรียกฉันอะไรก็เรียกเถอะ”
“พูดเหมือนฉันเป็นพวกกระด้างนักนี้ โอเคครับพี่นิว”
เด็กจริงๆด้วยผมได้แต่นั่งมองหน้าคนที่ยกแก้วกาแฟเข้าปาก แต่ไม่ยอมแตะคุกกี้ในจานที่ผมวางไว้คู่กับกาแฟให้ ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเขาถึงได้คิดว่าของหวานไม่เหมาะกับเขา ทั้งที่ผมเจอเขาครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแท้ๆแต่ผมกับรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เหมาะกับของหวาน ด้วยลักษณะการออกกำลังกายสม่ำเสมอของเขาแล้วดูยังไงก็ไม่มีทางที่จะอ้วนด้วยซ้ำ ดูอย่างผมซิอยู่กับของหวานทุกวันหุ่นผมก็ยังดีแม้จะไม่เหมือนของเขาก็ตาม ต้องทำยังไงเขาจะยอมกินขนมของผมมันจะไม่มีทางเลยหรือไง ไม่ซิมันต้องมีซักวันแหล่ะ
“ขอบใจสำหรับกาแฟนะฉันว่าฉันกลับดีกว่า”
“อือ...เหมือนกันขอบใจที่มาช่วย ว่าแต่นายจะกลับเลยไหมเพราะฉันจะออกไปข้างนอก”
“เออดิ...ว่าแต่พี่จะออกไปไหน”
“ไปซื้อพวกจานพวกแก้วใหม่ซักหน่อยแทนที่แตกไป”
“ให้ไปด้วยป่ะ”
“ถ้าอยากไปก็ไปแต่อย่ามาบ่นทีหลังแล้วกัน”
“เออนะ...”
ตั้งแต่เดินเลือกของเข้าร้านช่วยผู้ชายข้างที่ตอนนี้ผมต้องเรียกเขาว่าพี่มาได้พักใหญ่ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่เหมือนจะมีแต่คนมองเราสองคน แต่...ก็ไม่แปลกไม่ใช่หรอก็ผมหล่อ อีกอย่างพี่นิว...ก็ดีมั่งแต่น้อยกว่าผมแน่ๆผมมั่นใจเลย ความหล่อแบบผมจะหาที่ไหนเปรียบได้รูปร่างนักกีฬา เทรนผิวสีเข้มหน้าไทยก็มาแรง ใครเห็นเป็นใจละลายทั้งนั้นแหล่ะ
“เอิร์ท...ไปดูแก้วกาแฟกันตรงนั้นเหอะ”
“ไปดิ...แล้วนี้ทำไมซื้อเยอะกว่าที่มันแตกเสียหายอีกละ”
“ก็มันสวยดีก็เลยอยากซื้อ”
“เรียบๆแบบนี้เนี้ยนะสวยไม่เท่ห์เลย”
“จะให้เอาลายหน้ากากผีหรือไม่ก็พวกของสยองขวัญอย่างที่นายบอกนะไม่มีทาง”
“เอาเลยจะเอาอะไรก็เอามันร้านของพี่”
“เออรู้แล้วก็ตามมา...ตรงนั้นๆช่วยหยิบชุดชาชุดนั้นให้ทีดิ”
“ครับ...”
หลังเลือกซื้อของอยู่นานผมและเขาก็ได้ของที่เขาต้องการจะครบ ไม่ซิต้องเรียกว่าเกินครบด้วยซ้ำเสร็จผมก็เข็นรถมาเข้าคิวรอจ่ายเงินกับอีกคนที่เดินมาด้วยกันท่ามกลางสายตาของสาวๆที่ต่างพากันหันมายิ้มให้ วันนี้ก็ไม่ได้แต่งเต็มแท้ๆยังมีสาวมองขนาดนี้ถ้าเต็มกว่านี้มีหวัง
“แกๆดูผู้ชายสองคนนั้นดิเหมาะกันเนอะเป็นแฟนกันแน่เลยแก” เดี๋ยวนะที่ผู้หญิงข้างหลังผมที่รอคิดเงินพูดนั้นคงไม่ได้หมายถึงผมกับ... ใช่ไหม“
ผมหันไปยิ้มให้เจ้าของเสียงกระซิบก่อนจะหันกลับมายกของคิดเงิน
“ดูดิแกช่วยกันด้วยอิจฉาผู้ชายคนนั้นเนอะแฟนใจดีขนาดนี้”
ผมหันกลับไปมองผู้หญิงข้างหลังของผมอีกครั้งและตอนนี้ผมแน่ใจแล้วละว่า เขาหมายถึงผมกับพี่นิว
“เอิร์ทยกเร็วๆดิจะได้คิดตังเห็นไหมคนรอเยอะแยะ”
“อือ”
“กลัวแฟนด้วยแก” ทนไม่ไหวแล้วโว้ย... ผมหันหน้ากลับไปมองผู้หญิงสองคนข้างหลังอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรออกไป
“ขอโทษนะครับคือผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ”
“แต่ว่าผมได้ยิน...”
“มีอะไรครับ”
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบเสียงพี่นิวที่ยืนอยู่ก็หันมาพูดขึ้น ผมได้แต่มองหน้าคนที่กำลังจ่ายเงินก่อนจะหันกลับมามองผู้หญิงสองคนอีกครั้ง
“น้องทั้งสองคนไม่ต้องอิจฉาพี่นะครับแฟนพี่หล่อพี่เข้าใจแต่เขารักพี่มากเพราะฉะนั้น ต้องไม่อ้อยนะครับแฟนพี่ไม่กินของหวาน...ไปยกของดิจ่ายตังแล้ว” พูดจบพี่นิวก็ถือของบางส่วนใส่รถเข็นก่อนจะดึงผมให้เดินออกมา
“ไอ้พี่นิวพูดอะไรของพี่ว่ะ”
“ก็ตัดรำคราญไป นายจะไปยืนทะเลาะกับผู้หญิงหรือไง ไม่ดีมั่ง อีกอย่างพูดไปก็ไม่จบเขาอยากคิดไรก็คิดเดี๋ยวหายบ้าก็หยุดกันเอง”
“เปล่าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่ที่จะบอกนะ พี่แม่ง...พูดแรงอ่ะ อ้อยหรอป่านนี้ช๊อคตายไปแล้วมั่ง”
“ฮาๆๆๆๆๆ...ไอ้เด็กบ้าเอ้ยฉันก็คิดว่านายจะว่าอะไร นี้ยังจะมาแมนสุภาพบุรุษไม่ว่าผู้หญิงอีกหรอ”
“อ้าว...พี่นี้เป็นคนยังไงว่ะเนี้ย”
“เออ...เป็นทำขนมหวานที่อยากทำให้นายรับประทานไงครับ โอเคนะ” เอากับเขาซินี้ผมว่าความบ้าของผมจะลดในบางเรื่องแต่จะมาเพิ่มเพราะเรื่องของผู้ชายตรงหน้านี้แทนใช่ไหม เกินความคาดหมายในทุกๆอย่างจริงๆ หรือนี้ซินะที่เขาเรียกว่าคนกินของหวานมักจะดุ สงสัยจะจริง
“ฮัลโลนายอยู่ไหนปิดร้านหรอ”
“อืมปิดร้าน”
“ฉันเอาชุดมาคืนแต่ถ้านายปิดร้านก็...”
“เข้ามาดิฉันไม่ได้ล๊อก”
“ห่ะ?...อ๋อโอเค”
นับว่าโชคดีที่อย่างน้อยๆเขาก็อยู่ที่นี้ผมค่อยๆดันประตูเปิดเข้าไปก่อนจะเดินเข้าไปภายในร้านแต่... มันเกิดอะไรขึ้นขโมยขึ้นร้านหรือยังไงทำไมมันเละเทะขนาดนี้ พอเดินเข้ามาซักพักผมก็เห็นผู้ชายผิวขาวกำลังเก็บข้าวของทำความสะอาดร้านอยู่คนเดียวท่าทางดูไม่ดีเท่าไร
“เกิดอะไรขึ้นทำไมร้านเป็นแบบนี้...”
“เอาชุดมาคืนหรองั้นวานนายเอาไปไว้บนห้องให้หน่อยนะเสร็จแล้วก็กลับไปเลยแล้วกัน”
“เฮ้ย...เป็นไรเนี้ย”
“ฉันยุ่งๆแล้วก็ไม่รู้ว่านายจะมาเลยไม่ได้ทำเค้กไว้ให้ชิมนะ”
“ฉันไม่กินของหวาน”
“นี้ก็เละหมดเลยกระดาษที่จดสูตรเค้กสำหรับนายก็เละหมด...”
“เฮ้ยฟังอยู่ป่ะเนี้ยฉันบอกแล้วไงว่าไม่กินของหวาน”
“รู้แล้ว...แต่ก็บอกไปแล้วว่าจะทำให้นายยอมกินเค้กของฉัน”
“ตื้อจังว่ะว่าแต่สรุปแล้วนี้เกิดอะไรขึ้น”
“ฝีมือแฟนฉันเองพอดีทะเลาะกัน เขาเบื่อที่ฉันวุ่นอยู่กับการทำขนมมากไปเลยพังข้าวของ...สูตรที่ทำให้นายด้วย...ฮาๆๆ”
“ยังจะขำอีกนะ งั้นเดี๋ยวฉันเอาชุดไปเก็บให้แปบเดี๋ยวมาช่วยละกันถือซ่ะว่าขอบใจเรื่องให้ยืมชุดวันนั้น”
“ถ้าอยากขอบใจฉันง่ายนิดเดียวแค่...”
“ถ้าจะบอกว่าให้กินเค้กหยุดเลย รอแปบเดี๋ยวมา”
ทำไมผู้หญิงเวลาไม่ได้ดั่งใจนี่อันตรายยิ่งกว่าพายุทอนาโดระดับf5อีกหรอ ถึงได้ทำร้านสุดที่รักของผมพังได้ขนาดนี้สภาพไม่ต่างจากโดนพายุถล่มเสียอีก แล้วดูซิมาฉีกสมุดสูตรเค้กที่ผมคิดอีก เขาจะรู้ไหมว่าทุกรสชาดที่ผมคิดมามันยากแค่ไหนแต่เขากับใช้เวลาแค่ไม่ถึงนาทีฉีกซ่ะไม่เหลือชิ้นดี จบไม่สวยเลยแหะ ทีเมื่อก่อนตอนคบกันใหม่ๆก็บอกว่าชอบที่ผมทำขนมได้ชอบเวลาได้ชิม เดี๋ยวนี้พอทำอะไรให้ก็บ่นกลัวอ้วน ไม่อร่อย นั้นไม่ได้นี้ไม่ได้ คนในตอนนั้นหายไปไหนว่ะ เรารึก็ตั้งใจทำขนมแต่ไปมีคนอื่นแท้ๆดันไม่พอใจ ช่างเหอะ
“มีอะไรให้ฉันช่วยบ้าง”
“นายไม่กลับบ้านหรือไง”
“ยังอ่ะวันนี้ว่าง”
“ไม่ไปฟิตเนตละ”
“ไปมาแล้วเมื่อเช้า...ไหนมีตรงไหนให้ช่วย”
“ขอบใจงั้นช่วยเก็บของตรงนั้นทีพวกของที่ตกแตกเดี๋ยวพวกวัตถุดิบฉันจะเก็บเองเพราะนายคงไม่รู้เรื่องพวกนี้”
“โอเค...”
ผมหันไปมองผู้ชายที่เก็บของอยู่อีกด้านแล้วอยู่ๆก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ นี้ผมกับเขาเจอกันแต่ละทีมีแต่เรื่องเละๆ แล้วก็เกิดจากสาเหตุคล้ายๆกัน
“ฮาๆๆๆๆ...”
ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ผมหลุดขำออกมาก็จะไม่ให้ขำได้ไงคราวที่แล้วเจอกันเขาโดนแฟนปาเค้กใส่หน้า มาครั้งนี้แฟนผมก็ทำร้านผมซ่ะเละ
“ขำไรว่ะ”
“ก็ขำนายกับฉันนี่แหล่ะ”
“เรื่อง?”
“ไม่มีอะไรหรอกฉันแค่ขำที่เราสองคนเจอกันแต่ละทีมีแต่เรื่องเละๆ”
“เหอะๆ...นายเนี้ยนะแล้วไม่เฮิร์ทหรอแฟนทิ้งอ่ะ”
“ไม่นะไม่รู้ทำไมหรือบางทีอาจเพราะเขาทำร้านฉันพังมั่ง”
“โกรธแทนว่างั้น”
“ก็เออดิ...แล้วเนี้ยที่โกรธก็ตรงที่มาฉีกสมุดสูตรเค้กใหม่ที่ฉันกำลังคิดให้นายนี้แหล่ะ”
“ไม่ต้องโกรธหรอกเพราะยังไงนายทำมาฉันก็ไม่กิน”
“ทำไมอ่ะของหวานไม่ดีตรงไหน”
“ตรงที่มันจะทำให้ฉันเสียรูปร่างไงเพราะฉะนั้นฉันไม่มีทางแตะมันเด็ดขาด”
“เออก็รู้ว่ากลัวอ้วน...ถึงได้อดหลับอดนอนทั้งอาทิตย์หาพวกวัตถุดิบที่ไม่มีแคลอรี่สำหรับนายไงแต่พึ่งคิดได้ยังไม่ทันได้ทำก็โดนฉีกหมดเลย”
“นี้นายจริงจังกับเรื่องนี้มากไปป่ะ”
“เออดิการทำอาหารไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ถ้าคนกินไม่มีความสุขฉันยอมไม่ได้”
“เออ...เอาที่สบายใจเลยแต่บอกไว้ก่อนนะว่าไม่มีทางทำสำเร็จ...ดูปากฉันนะว่าไม่มีทาง” นี้ละนะผมถึงได้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เหมือนเสาวรสไม่มีผิด
ทุกอย่างภายในร้านค่อยๆจัดให้เข้าที่เข้าทางเพื่อให้กลับสภาพเดิมของร้านให้มากที่สุดแต่บางอย่างที่มันเสียหายก็ต้องหามาใหม่นั้นแหล่ะ ไม่รู้ค่าเสียหายทั้งหมดเท่าไรเหมือนกันแต่ก็คงไม่น้อยหรอก หลังจากที่ผมเก็บของช่วยเจ้าของร้านเบเกอรี่เสร็จผมก็มานั่งมองรอบๆร้าน ความจริงร้านนี้มันก็สวยดีนะออกแนวชิคๆ แต่ผมว่ามันก็เกลื่อนไปนะใครๆเขาก็แต่งร้านแบบนี้กันทั้งนั้น ทำไมเขาไม่คิดจะเปลี่ยนสไตล์หรือคิดสไตล์ของร้านใหม่ๆออกมาบ้างที่พอใครเห็นแล้วสะดุดตา พอเข้ามาแล้วเป็นอันต้องพูดถึงกันมันจะได้ดังแล้วก็คนมาเยอะๆ ทำแต่ร้านแบบนี้เดินไปที่ไหนก็เจอ
"อ่ะกาแฟ”
“ขอบใจ...”
“อือ...ฉันก็ขอบใจนายเหมือนกันนั้นแหล่ะที่มาช่วยเก็บร้าน”
“ไม่ต้องมาซึ้งหรอกฉันก็แค่ไม่อยากเห็นใครบางคนคอตกเฉยๆ ว่าแต่ร้านนี้นายออกแบบเองหรอ”
“อือ...ทำไม”
“น่าเบื่อ...เอาจริงร้านสไตล์นี้ใครๆก็ทำกันป่ะว่ะ เป็นฉันนะจะทำให้ฉีกออกจากสไตล์ทั่วไปเลย”
“ยังไงไอ้ฉีกแนวฉีกสไตล์ของนายเนี้ย”
“ก็แบบ...Ghost Coffee ไงอารมณ์แบบคาเฟ่ผีเงี้ย เพราะเดี๋ยวนี้มันจะมีพวกคาเฟ่แมว คาเฟ่หมานี้ไงร้านนายลองแบบที่ฉันบอกนะรับรองดังข้ามคืนแน่ๆ”
“คิดได้เนอะ ความละมุนของขนมฉันกลิ่นกาแฟภายในร้านพอยกแก้วจะกระดกเงยหน้าเจอผิวห้อยอยู่บนเพดานแบบนี้เนี้ยนะ คงประทับใจไม่รู้ลืม”
“นี่ไงๆเพราะคิดแบบธรรมดาอย่างนายเนี้ย ไม่ไหวเลย”
“นี้จบการตลาดออกแบบหรืออะไรมาหรือไง แล้วสมมติถ้าฉันตกแต่งร้านใหม่คิดซิว่าค่าตกแต่งมันจะเท่าไรนายจะมาทำให้ฉันฟรีหรือไง หรือจะมาเป็นหุ้นส่วนครับ”
“ไม่จบ...”
“ห่ะ?...นี้เรียนไม่จบอีกหรอ”
“ไม่ใช่ฉันหมายถึงไม่จบเนี้ยคือยังเรียนไม่จบ”
“ก็หมายความว่านายเรียนอยู่”
“ใช่...”
“นี่นายเด็กกว่าฉัน?”
“ห่ะ?...นายอายุเท่าไร”
“24...แล้วนายเรียนปีไหน”
“ปีสาม..ฉันต้องเรียกนายว่าพี่ใช่ไหมเนี้ย”
“ตามความเป็นจริงและความเหมาะสมก็ใช้ แต่ด้วยลักษณะท่าทางนายแล้วจะเรียกฉันอะไรก็เรียกเถอะ”
“พูดเหมือนฉันเป็นพวกกระด้างนักนี้ โอเคครับพี่นิว”
เด็กจริงๆด้วยผมได้แต่นั่งมองหน้าคนที่ยกแก้วกาแฟเข้าปาก แต่ไม่ยอมแตะคุกกี้ในจานที่ผมวางไว้คู่กับกาแฟให้ ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเขาถึงได้คิดว่าของหวานไม่เหมาะกับเขา ทั้งที่ผมเจอเขาครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแท้ๆแต่ผมกับรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เหมาะกับของหวาน ด้วยลักษณะการออกกำลังกายสม่ำเสมอของเขาแล้วดูยังไงก็ไม่มีทางที่จะอ้วนด้วยซ้ำ ดูอย่างผมซิอยู่กับของหวานทุกวันหุ่นผมก็ยังดีแม้จะไม่เหมือนของเขาก็ตาม ต้องทำยังไงเขาจะยอมกินขนมของผมมันจะไม่มีทางเลยหรือไง ไม่ซิมันต้องมีซักวันแหล่ะ
“ขอบใจสำหรับกาแฟนะฉันว่าฉันกลับดีกว่า”
“อือ...เหมือนกันขอบใจที่มาช่วย ว่าแต่นายจะกลับเลยไหมเพราะฉันจะออกไปข้างนอก”
“เออดิ...ว่าแต่พี่จะออกไปไหน”
“ไปซื้อพวกจานพวกแก้วใหม่ซักหน่อยแทนที่แตกไป”
“ให้ไปด้วยป่ะ”
“ถ้าอยากไปก็ไปแต่อย่ามาบ่นทีหลังแล้วกัน”
“เออนะ...”
ตั้งแต่เดินเลือกของเข้าร้านช่วยผู้ชายข้างที่ตอนนี้ผมต้องเรียกเขาว่าพี่มาได้พักใหญ่ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่เหมือนจะมีแต่คนมองเราสองคน แต่...ก็ไม่แปลกไม่ใช่หรอก็ผมหล่อ อีกอย่างพี่นิว...ก็ดีมั่งแต่น้อยกว่าผมแน่ๆผมมั่นใจเลย ความหล่อแบบผมจะหาที่ไหนเปรียบได้รูปร่างนักกีฬา เทรนผิวสีเข้มหน้าไทยก็มาแรง ใครเห็นเป็นใจละลายทั้งนั้นแหล่ะ
“เอิร์ท...ไปดูแก้วกาแฟกันตรงนั้นเหอะ”
“ไปดิ...แล้วนี้ทำไมซื้อเยอะกว่าที่มันแตกเสียหายอีกละ”
“ก็มันสวยดีก็เลยอยากซื้อ”
“เรียบๆแบบนี้เนี้ยนะสวยไม่เท่ห์เลย”
“จะให้เอาลายหน้ากากผีหรือไม่ก็พวกของสยองขวัญอย่างที่นายบอกนะไม่มีทาง”
“เอาเลยจะเอาอะไรก็เอามันร้านของพี่”
“เออรู้แล้วก็ตามมา...ตรงนั้นๆช่วยหยิบชุดชาชุดนั้นให้ทีดิ”
“ครับ...”
หลังเลือกซื้อของอยู่นานผมและเขาก็ได้ของที่เขาต้องการจะครบ ไม่ซิต้องเรียกว่าเกินครบด้วยซ้ำเสร็จผมก็เข็นรถมาเข้าคิวรอจ่ายเงินกับอีกคนที่เดินมาด้วยกันท่ามกลางสายตาของสาวๆที่ต่างพากันหันมายิ้มให้ วันนี้ก็ไม่ได้แต่งเต็มแท้ๆยังมีสาวมองขนาดนี้ถ้าเต็มกว่านี้มีหวัง
“แกๆดูผู้ชายสองคนนั้นดิเหมาะกันเนอะเป็นแฟนกันแน่เลยแก” เดี๋ยวนะที่ผู้หญิงข้างหลังผมที่รอคิดเงินพูดนั้นคงไม่ได้หมายถึงผมกับ... ใช่ไหม“
ผมหันไปยิ้มให้เจ้าของเสียงกระซิบก่อนจะหันกลับมายกของคิดเงิน
“ดูดิแกช่วยกันด้วยอิจฉาผู้ชายคนนั้นเนอะแฟนใจดีขนาดนี้”
ผมหันกลับไปมองผู้หญิงข้างหลังของผมอีกครั้งและตอนนี้ผมแน่ใจแล้วละว่า เขาหมายถึงผมกับพี่นิว
“เอิร์ทยกเร็วๆดิจะได้คิดตังเห็นไหมคนรอเยอะแยะ”
“อือ”
“กลัวแฟนด้วยแก” ทนไม่ไหวแล้วโว้ย... ผมหันหน้ากลับไปมองผู้หญิงสองคนข้างหลังอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรออกไป
“ขอโทษนะครับคือผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ”
“แต่ว่าผมได้ยิน...”
“มีอะไรครับ”
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบเสียงพี่นิวที่ยืนอยู่ก็หันมาพูดขึ้น ผมได้แต่มองหน้าคนที่กำลังจ่ายเงินก่อนจะหันกลับมามองผู้หญิงสองคนอีกครั้ง
“น้องทั้งสองคนไม่ต้องอิจฉาพี่นะครับแฟนพี่หล่อพี่เข้าใจแต่เขารักพี่มากเพราะฉะนั้น ต้องไม่อ้อยนะครับแฟนพี่ไม่กินของหวาน...ไปยกของดิจ่ายตังแล้ว” พูดจบพี่นิวก็ถือของบางส่วนใส่รถเข็นก่อนจะดึงผมให้เดินออกมา
“ไอ้พี่นิวพูดอะไรของพี่ว่ะ”
“ก็ตัดรำคราญไป นายจะไปยืนทะเลาะกับผู้หญิงหรือไง ไม่ดีมั่ง อีกอย่างพูดไปก็ไม่จบเขาอยากคิดไรก็คิดเดี๋ยวหายบ้าก็หยุดกันเอง”
“เปล่าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่ที่จะบอกนะ พี่แม่ง...พูดแรงอ่ะ อ้อยหรอป่านนี้ช๊อคตายไปแล้วมั่ง”
“ฮาๆๆๆๆๆ...ไอ้เด็กบ้าเอ้ยฉันก็คิดว่านายจะว่าอะไร นี้ยังจะมาแมนสุภาพบุรุษไม่ว่าผู้หญิงอีกหรอ”
“อ้าว...พี่นี้เป็นคนยังไงว่ะเนี้ย”
“เออ...เป็นทำขนมหวานที่อยากทำให้นายรับประทานไงครับ โอเคนะ” เอากับเขาซินี้ผมว่าความบ้าของผมจะลดในบางเรื่องแต่จะมาเพิ่มเพราะเรื่องของผู้ชายตรงหน้านี้แทนใช่ไหม เกินความคาดหมายในทุกๆอย่างจริงๆ หรือนี้ซินะที่เขาเรียกว่าคนกินของหวานมักจะดุ สงสัยจะจริง
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ