fiction [MALFOL FAMILY] แรงรักแรงอาฆาต

-

เขียนโดย คุณทับทิม

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 18.20 น.

  2 ตอน
  1 วิจารณ์
  4,721 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 15.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
     งานมงคลสมรสเริ่มงานขึ้นอย่างสวยงามหรูหรา พ่อเจ้าบ่าว หรือคุณเพฟเวอเรลล์ แม่เจ้าบ่าว หรือคุณนายเพฟเวอเรลล์ และพ่อเจ้าสาว หรือกษัตริย์แห่งเวลส์ นั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะเดียวกัน เจ้าบ่าวเจ้าสาว หรือเลโกลัส เพฟเวอเรลล์ และ เจ้าหญิงแซนดี้แห่งเวลส์ ถ่ายรูปร่วมกันและรับคำอวยพรจากแขกอยู่ที่หน้างาน ทันใดนั้นเองคุณนายเพฟเวอเรลล์ก็มองไปยังทั้งคู่ด้วยความไม่ถูกใจ ในขณะนั้นใครคนหนึ่งได้เปลี่ยนน้ำชาในครัวโดยเทน้ำชาเก่าทิ้งและเปลี่ยนเป็นกาน้ำชาขวดใหม่ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าในนั้นคืออะไร
 
     "ใกล้จะถึงฤกษ์ส่งตัวแล้วลูก" กษัตริย์แห่งเวลส์ พูดกับเจ้าสาวเจ้าหญิงแซนดี้ ทั้งคู่นั่งกอดกันบนโซฟายาวในห้องห้องหนึ่ง "ทำไมตัวเย็นมือเย็นแบบนี้ล่ะ" 
 
     "ลูกกลัว... กลัวเพคะเสด็จพ่อ" กษัตริย์แห่งเวลส์ หัวเราะ
 
     "เด็กเอ๋ย ... หาอะไรกินเสียหน่อยเถอะ จะได้ดีขึ้น" กษัตริย์แห่งเวลส์ บอกกับเธอ พลางสวมกอด เธอก็ยิ้มอย่างคลายกังวลลง 
 
     เจ้าหญิงแซนดี้เดินไปยังห้องครัวตรงไปยังกาน้ำชาและหยิบกาน้ำชาปริศนาที่วางไว้แทนกาน้ำชาเดิมขึ้น รินน้ำชาใส่แก้ว แล้วค่อยๆจิบที่ละน้อย คงจะเป็นการดื่มน้ำชาที่ดีสินะ ... เพราะเธอยิ้มสบายใจหลังจากที่ดื่มน้ำชาหมด
 
     ในฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว พ่อเจ้าบ่าว แม่เจ้าบ่าว และพ่อเจ้าสาว มาส่งตัวทั้งสองคนในห้องนอน แม่เจ้าบ่าวลุกขึ้นไปกอดจูบลูกชายแสนรักของตน
 
     "แม่รักเลโกลัสมากนะลูก ถึงแม้ว่าวันนี้แม่จะต้องเสียลูกไปให้กับคนอื่น" เธอมองหน้าสะใภ้อย่างไม่ถูกใจคุณเพฟเวอเรลล์และกษัตริย์แห่งเวลส์มองหน้ากัน
 
     "แม่ครับ ผมเป็นลูกแม่นะครับ ผมเป็นลูกแม่เหมือนเดิม ผมแค่มีเจ้าหญิงแซนดี้เป็นภรรยา เท่านั้นเอง"
 
     ขณะนี้เจ้าหญิงแซนดี้อาการไม่ดีเลย เธอตัวสั่นและทำท่าเหมือนจะปวดท้องเป็นอย่างมาก กษัตริย์แห่งเวลส์ กำลังสวมกอดเธอแรงๆ
 
     "ได้ฤกษ์แล้วนะ ... เราไปกันเถอะ" คุณเพฟเวอเรลล์พูดขึ้น
เจ้าหญิงแซนดี้แห่งเวลส์มองผู้เป็นบิดาด้วยสายตาอันเศร้าสร้อย ขณะนี้เธออาการไม่ดีเลย 
 
     เมื่อคุณเพฟเวอเรลล์คุณนายเพฟเวอเรลล์ และกษัตริย์แห่งเวลส์ เดินออกไปจากห้อง เจ้าหญิงแซนดี้ก็ทรุดตัวลง
 
     "เแซนดี้" เลโกลัสร้องเรียกด้วยความตกใจเมื่อเห็นเจ้าสาวของตนล้มลงไปต่อหน้า "เแซนดี้" ท่านชายใหญ่เรียกด้วยความเป็นห่วง "เแซนดี้ ... เป็นอะไรหรือเปล่า"
 
     ในขณะที่เจ้าหญิงแซนดี้อยู่ในอ้อมกอดของเลโกลัส เธอก็กระอักเลือดออกมาและทรุดตัวลงไปกองกับพื้น
 
     "แซนดี้ เกิดอะไรขึ้น เธอเป็นอะไรไป แซนดี้ นี่มันเลือด" เลโกลัสประคองหัวเจ้าหญิงแซนดี้ขึ้น เลือดไหลออกมาจากปากและจมูกของเธอ
     
     "ฉันจะไปตามหมอมาช่วย" เลโกลัสกำลังจะลุกขึ้นแต่เจ้าหญิงแซนดี้ได้รั้งตัวเขาไว้
 
     "ไม่ได้ ... " เจ้าหญิงแซนดี้พูดด้วยน้ำเสียงจนเจียนจะขาดใจ "ไม่ทันแล้วเพคะ" เธอชูกำไลสีขาวขุ่นที่อยู่ที่ข้อมือขึ้น ด้วยความยากลำบาก
 
     "งาช้างเป็นสีนี้ ... หม่อมฉันโดนยาพิษ" เธอพูดพลางจ้องมองหน้าของเลโกลัส เพฟเวอเรลล์ ที่กำลังอาบไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้า "ไม่มีทางรอดแล้วเพคะ"
 
     "ไม่จริง" เลโกลัสคำราม "ฉันจะพาเธอไป" แล้วบรรจงอุ้มเจ้าหญิงแซนดี้ขึ้น แล้วออกวิ่ง "ช่วยด้วย" เลโกลัส เพฟเวอเรลล์ตะโกนสุดเสียง "ช่วยด้วยเจ้าหญิงแซนดี้ถูกพิษ ... ใครก็ได้ช่วยด้วย ... ช่วยด้วย ... ช่วยด้วย" ในค่ำคืนแห่งความสุขกลับกลายเป็นคืนแห่งความเศร้า เลโกลัส เพฟเวอเรลล์ สวมกอดร่างอาบเลือดของเจ้าหญิงแซนดี้แห่งเวลส์
 
*********************************************************
 
     6 เดือนก่อน ณ ท่าเรือเดินสมุทร อังกฤษ เสียงเรือขนส่งดังก้อง ผู้คนมองหาญาติมิตรของตนเดินลงจากเรือ
 
     "มาหรือยังหนอ ... น่าจะเสด็จมาได้แล้วนะ เรือก็จอดเทียบท่าได้ตั้งนานแล้ว" เสียงหนึ่งพูดขึ้น ในที่สุดคุณนายเพฟเวอเรลล์ก็เห็นลูกชายของตน 
 
     "แม่ครับ" หม่อมเจ้าเลโกลัส เพฟเวอเรลล์พูด แล้วเดินลงจากเรือตรงสู้อ้อมกอดของแม่ของตน ทั้งสองสวมกอดกันแน่น "แม่ครับ เด็จพ่อส่งจดหมายมาบอกว่า วันนี้ติดราชการเลยไม่ได้มารับ แล้วนี่แม่มากับใครครับ"
 
     "แม่ก็มากับเอลฟ์ประจำบ้านนั่นแหละลูก ... แต่ไม่สำคัญหรอก ... มานี่สิ" คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปิติยินดี "แม่มีคนอยากจะแนะนำให้ลูกรู้จัก" คุณนายเพฟเวอเรลล์พาหม่อมเจ้าเลโกลัส เดินไปหาสตรีสูงศักดิ์หน้าตาสะสวยคนหนึ่ง เธอคือ หม่อมเจ้าหญิงไลลา มัลฟอย ซึ่งยืนสบตาหม่อมเจ้าเลโกลัส เพฟเวอเรลล์ด้วยความรัก "เลโกลัส จำน้องได้มีลูก" หม่อมเจ้าเลโกลัส มองสบตาหม่อมเจ้าหญิงไลลา กลับด้วยความงุนงง "หม่อมเจ้าหญิงไลลา มัลฟอย ไงจ๊ะ"
 
     "ตายจริง ... " หม่อมเจ้าเลโกลัสอุทาน "น้องไลลานี่เอง" หม่อมเจ้าเลโกลัสยิ้มอย่างน่ารัก "พี่ขอโทษด้วยนะคะ พี่คุ้นหน้า แต่พี่นึกไม่ออกว่าเป็นน้องไลลา เห็นครั้งสุดท้าย ตอนนั้นน้องยังเด็กมาก ยังไม่เข้าโรงเรียนเลยกระมัง"
 
     "ไม่เป็นไรเพคะ" หม่อมเจ้าหญิงไลลาพูดด้วยท่าทางกระเหนียมอาย "ไลลาขอแสดงความยินดีกับการสำเร็จการศึกษาของท่านชายเลโกลัส ด้วยนะเพคะ" 
 
     "ขอบทัยค่ะ"
************************************************
 
     ทั้งสามนั่งรถยนต์เข้ามาในกรุงลอนดอน ผ่านเข้ามายังเมืองหลวง เลี้ยงออกไปตามทางชนบท เพื่อตรงกลับวังเพฟเวอเรลล์
 
     "วังของเราเปลี่ยนไปมาก จำได้ว่าตอนนั้นต้นไม้มันยังไม่ได้สูงใหญ่ขนาดนี้ ทุกอย่างที่นี่เปลี่ยนไปหมด ตอนนั่งรถไฟกลับลอนดอน ผมแทบจำทางไม่ได้" หม่อมเจ้าเลโกลัสพูด "เดินทางเหนื่อยไหมคะน้องไลลา ไม่น่าต้องมาลำบากไปรับพี่ไกลถึงมาลายูเลย"
 
     "ไม่ลำบากเลยค่ะ ... ไปรับท่านชายเลโกลัสแล้ว น้องยินดีไปคะ" หม่อมเจ้าหญิงไลลาพูดด้วยน้ำเสียงมีความสุข
 
     ในที่สุดก็เดินทางมาถึงวัง
 
     "มาแล้ว มาแล้ว ... รถมาแล้ว เร็วๆเข้า" เอลฟ์ประจำบ้านรีบกรูกันออกมาต้อนรับ
 
     "ยินดีต้อนรับกลับบ้านลูก" เสียงหนึ่งพูดขึ้น "เสด็จพ่อ" หม่อมเจ้าเลโกลัสรีบตรงเข้าไปสวมกอดคุณเพฟเวอเรลล์ในทันที
 
     "มาเร็ว มาเร็ว ... นาร์ซิซซา เดี๋ยวท่านจะลับองค์ไปเสียก่อน" เสียงเด็กน้อยคนหนึ่งพูดกับเพื่อน พากันแอบอยู่ที่พุ่มไม้เพื่อมองดูหม่อมเจ้าเลโกลัสจากที่ไกลๆ
 
     "ฉันเห็นไม่ค่อยถนัดเลยไฮยาซิน" เสียงเด็กอีกคนหนึ่งพูด
 
     "โอ้โห ... ท่านงามเหลือเกิน"
 
     "ท่านชายโตจนพ่อจำแทบไม่ได้" คุณเพฟเวอเรลล์พูดขึ้น เมื่อทุกคนนั่งอยู่ในห้องรับแขกของวัง
 
     "เด็จพ่อก็คงเหมือนเดิมไม่แก่ลงเลยกระหม่อม"
 
     "บ๊ะ ... ไอ้ลูกคนนี้ พูดจาหอมหูดีจริงๆเข้าท่า"
 
     "เดี๋ยวป้าจะจัดรถให้ส่งเสด็จท่านหญิงไลลานะเพคะ" คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดขึ้น หม่อมเจ้าหญิงไลลา พยักหน้ารับด้วยความสุภาพ "เอ๋ หรือท่านชายเลโกลัส จะไปส่งคู่หมั้นเองดีล่ะลูก"
 
     "อะไรนะครับแม่" หม่อมเจ้าเลโกลัสพูดขึ้นได้ต้องเสียงงงงวย
 
     "ตายจริง ... ในจดหมายแม่คงไม่ได้บอกไป ... ว่าแม่กับเสด็จพ่อ ได้ทาบทามน้องหญิงไลลาไว้ให้ลูกแล้ว เหลือแต่รอลูกกลับมา ก็จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้สมพระเกียรติ แล้วก็จะจัดพิธีเสกสมรสกันเลย" ในขณะที่คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดอย่างมีความสุขหม่อมเจ้าเลโกลัส กลับมีสีหน้าที่งุนงงและเป็นกังวลอย่างที่สุด "แม่หวังว่า ชายคงพอทัยนะลูก" หม่อมเจ้าหญิงไลลาส่งสายต่อรักใคร่กลับมาให้หม่อมเจ้าเลโกลัส
*************************************************************************************
 
     "ท่านชายมีหนังสือมากเสียเหลือเกิน ... นี่ขนาดยังส่งกลับมาไม่หมดนะ" คุณเพฟเวอเรลล์พูดไปพลางกวาดตามองหนังสือไปพลาง "นี่ท่านชายสนใจหนังสือพวกนี้ด้วยหรอลูก" คุณเพฟเวอเรลล์ชูหนังสือเกี่ยวกับการตัดเย็บเสื้อผ้าสมัยใหม่ขึ้น "ดีละ ... ทีนี้ แซนดี้จะได้มีหนังสือดีๆอ่าน ไม่เหงาเสียที"
 
     "ท่านจะใส่พระทัยแม่แซนดี้นั้นมากไปหน่อยกระมังเพคะ" คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดจาขึ้นเสียงกับคุณเพฟเวอเรลล์ ฟังดูเหมือนเป็นการชวนทะเลาะ
 
     "อะไรของหล่อนพูดจาไม่หอมหูเสียเลย" คุณเพฟเวอเรลล์หันกลับไปพูดกับคุณนายเพฟเวอเรลล์ก่อนจะกลับมาพูดกับหม่อมเจ้าเลโกลัส "แซนดี้เป็นแขกบ้านแขกเมืองของพ่อ" คุณเพฟเวอเรลล์เดินออกห่างจากคุณนายเพฟเวอเรลล์ "เป็นเจ้าหญิงมาจากเวลส์ เป็นหลานของเจ้าจอมไดอาน่าแห่งเวลส์ ซึ่งเจ้าจอมไดอาน่าเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าจอมมารดา ย่าของลูก เจ้าจอมฝากให้แซนดี้มาอยู่ที่นี่ เธอน่าสนใจเรื่องการเย็บปักถักร้อย ซึ่งฝีมือก็สวยเป็นอันดับ 1 อวดใครได้เลยนะลูก อีกอย่าง ภาษาอังกฤษกับภาษาฝรั่งเศสของเธอเนี่ย ดีถึงขั้นแปลงานได้เลยด้วยนะ" คุณเพฟเวอเรลล์พูดไปพลางยิ้มไปด้วยความเอ็นดูเจ้าหญิงแซนดี้ที่ตนกำลังพูดถึง แต่ตอนนี้หม่อมเจ้าเลโกลัสกลับโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง
 
     "เวลานี้ลูกไม่สนใจแม่นางแซนดี้อะไรทั้งนั้น ลูกอยากรู้เพียงแต่ว่าทำไมเด็จพ่อกับแม่ถึงได้หมั้นผู้หญิงให้ลูกโดยไม่ได้ถามความสมัครใจของลูกเลยแม้แต่คำเดียว"
 
     "ก็พ่อเห็นว่าท่านหญิงไลลาเหมาะสมกับลูกทุกอย่าง
 
     "แต่ ..."
 
     "อย่ามาทำหัวนอกใส่แม่" คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดขัดขึ้น "ลูกกำลังจะทูลเด็จพ่อสินะ ว่าอยากแต่งงานด้วยความรักมากกว่า" คุณนายเพฟเวอเรลล์มองหน้าหม่อมเจ้าเลโกลัส อย่างจริงจัง "อย่าลืมสิ คนอย่างลูก คนอย่างเด็จพ่อ ความเหมาะสมต้องมาก่อนเสมอ"
*************************************************************************************
 
     ที่คฤหาสน์มัลฟอย
 
     "ลูกได้พบหม่อมเจ้าเลโกลัส เพฟเวอเรลล์แล้ว ลูกคิดว่าจะให้เด็จพ่อทรงตอบตกลงหรือไม่ตกลงรับหมั้นจ๊ะ" คุณนายมัลฟอยพูด หม่อมเจ้าหญิงไลลา ได้แต่บิดไปมาด้วยความอาย
 
     "ลูกแล้วแต่เด็จพ่อกับแม่เพคะ" หม่อมเจ้าหญิงไลลาตอบ มีความปิติยินดีในน้ำเสียงทำให้คุณและคุณนายมัลฟอยรู้สึกภูมิใจในตัวของลูกสาวมาก
 
     "นั่นแหละ ... ในที่สุด ลูกก็จะได้กินขนมในงานของพี่หญิงไลลากับพี่ชายเลโกลัส เสียที" หม่อมเจ้าลูเซียส มัลฟอย โพล่งออกไป ด้วยความร่าเริง ตรงเข้านั่งข้างๆหม่อมเจ้าหญิงไลลา ผู้เป็นพี่สาว
 
     "ฟังผู้ใหญ่เขาพูดกันเนี่ย มันเสียมารยาทนะลูก ใครแถวนี้จะบอกว่าแม่ไม่อบรม" คุณนายมัลฟอยชำเลืองตามองไปยังสามี
 
     "อ้าวๆๆ ... ฉันไปก่อนละ แม่ลูกจะได้คุยกัน" พูดจบคุณมัลฟอยเสด็จออกไป หม่อมเจ้าลูเซียสก็เข้ามากอดหม่อมเจ้าหญิงไลลาอย่างสนิทสนม
 
     "พี่หญิงไลลาไปรับพี่ชายเลโกลัสเสียหลายวัน น้องคิดถึงจะแย่" หม่อมเจ้าลูเซียสพูด "แล้วพี่ชายเลโกลัส เป็นยังไงบ้างคะ เพื่อนผมที่เรียนอยู่ที่เดิร์มสแตรงก์ได้ส่งจดหมายมาเล่าให้ฟัง ว่าพี่ชายเลโกลัส ทรงโก้ที่สุดเลย ทั้งในหมู่นักเรียนต่างชาติ นักเรียนอังกฤษ และนักเรียนที่นั้น เรียนก็เก่งสอบก็ได้ที่ 1 ตลอด มีแค่ครั้งเดียวนะคะที่ได้ที่ 2 ก็คือตอนที่ท่านประชวร" หม่อมเจ้าลูเซียสพูดด้วยสีหน้าชื่นชม "แหม ... ตรัสมาเถอะค่ะ ผมรู้นะว่าพี่หญิงไลลาตกหลุมรักพี่ชายเลโกลัสเข้าให้แล้ว"
 
     "เด็กบ้า ... ปากตำแย" หม่อมเจ้าหญิงไลลาลงมือตีๆๆๆๆ หม่อมเจ้าลูเซียสด้วยความเขินอาย เขารีบวิ่งไปหลบข้างๆคุณนายมัลฟอย
 
     "แม่ครับ ... เวลาผู้หญิงอายเนี่ย เป็นแบบนี้หรอแม่"
 
     "นี่... หยุดแหย่พี่เขาได้แล้ว" หม่อมเจ้าหญิงไลลา มองหน้าน้องและมองหน้าแม่ด้วยความสุขที่สุดในชีวิต
*************************************************************************************
 
     ในวันงานเลี้ยงต้อนรับหม่อมเจ้าเลโกลัส เพฟเวอเรลล์คุณนายเพฟเวอเรลล์ตรวจงานความพร้อมไปทั่ววัง ท่านชายใหญ่จึงมีโอกาสได้ไปเดินชมสวนในวังเพฟเวอเรลล์ของตนเองและได้พบกับเจ้าหญิงแซนดี้ ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ศาลาในสวน ทันทีที่หม่อมเจ้าเลโกลัส ได้มองเจ้าหญิงแซนดี้ไกลๆก็เกิดตกหลุมรักในความน่ารักสวยงามของเจ้านางน้อยในทันที ประหนึ่งว่าสตรีนางนี้เกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน
 
     "เธอเป็นใครกันนะ" ท่านชายใหญ่รำพึงกับตัวเอง ก่อนจะมองเธอเดินลับสายตาไปกับเอลฟ์ประจำบ้านคนสนิท
     
     "เจ้าหญิงน้อย ... เจ้าหญิงน้อย เมื่อสักครู่นี่บ่าวเห็น ..." เอลฟ์ประจำบ้านคนสนิทของเจ้าหญิงไลลา ยังพูดไม่ทันจบก็มีอีกเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา 
 
     "เจ้าหญิงน้อย ... เจ้าหญิงน้อย" ไฮยาซินวิ่งเข้ามาหาเจ้าหญิงไลลา "เจ้าหญิงน้อยไม่ออกไปดูงานหรือมั้งคะ ใครๆเค้าก็แอบไปดูกันทั้งนั้น" ไฮยาซินเดินเข้ามาพูดจาฉะฉาน "ตะกี้หม่อมฉันเห็นเขาลองเปิดไฟ สวยเหลือเกินมั้งค่ะ สวยงามเหมือนเมืองสวรรค์เลย"
 
     "งั้นหรือจ๊ะ ไฮยาซิน ฮาเล็ม ถ้าเธออยากไปดูงานก็ไปดูได้เลยนะ ... ไปเถอะ ไม่ต้องอยู่คอยรับใช้ฉันหรอก คุณนายเพฟเวอเรลล์ท่านรับสั่งแล้วว่าไม่ให้ฉันไปร่วมงาน"
 
     "แกล้งกันอีกแล้วล่ะสิ ... คุณนายเพฟเวอเรลล์ท่านคงไม่อยากให้ใครพบกับเจ้าหญิงน้อย"
 
     "แต่งานฉลองการเสด็จกลับของหม่อมเจ้าเลโกลัส เพฟเวอเรลล์ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรานี่ เราไม่ใช่ญาติหรือบ่าวในวังหม่อมเจ้าเพฟเวอเรลล์เสียหน่อย"
 
     "คุณนายเพฟเวอเรลล์ท่านไม่อยากให้ใครชมเชยเจ้าหญิงน้อยต่างหาก ใจคอตั้งใจจะให้เก็บไว้ให้เหี่ยวเฉาตายคาเรือนเล็กนี่คนเดียว คนอะไรใจร้ายได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้"
     
     "ฮาเล็ม" เจ้าหญิงไลลาพูดด้วยน้ำเสียงปราม "เธออย่าพูดพล่อยๆแบบนนี้เรื่อยเปื่อย ... ถ้าใครมาได้ยิน เธอต้องถูกโบยหลังเข้าสักวันเป็นแน่ แล้วเธอจะทำให้เราถูกโบยไปด้วย" บ่าวไพร่พากันหลบสายตาเจ้าหญิงไลลา"แล้วนั่งของใครจ๊ะไฮยาซิน เห็นถืออยู่นานแล้ว"
 
     "อุ้ยลืมมั้งค่ะ ... ของเจ้าหญิงน้อย"
 
     เจ้าหญิงแซนดี้ดูจดหมายที่เด็กไฮยาซินถือมาก็ยิ้มดีใจ
 
     "ของเสด็จพ่อ"
 
     แต่ยังไม่ทันที่เจ้าหญิงไลลาจะได้อ่านจดหมายก็มีเอลฟ์ประจำบ้านของวังใหญ่เดินเข้ามาหา
 
     "เจ้าหญิงคะ"
 
     "เธซี่... ฉันขอทายว่าเสด็จมีรับสั่งให้เจ้าหญิงน้อยเข้าเฝ้าใช่ไหม"
     
     "ใช่แล้ว ฮาเล็ม ... เจ้าหญิงน้อยรีบแต่งตัวเถอะค่ะ คืนนี้กษัตริย์แห่งอังกฤษเสด็จมาด้วย เสด็จท่านก็เลยรับสั่งให้เจ้าหญิงน้อยเข้าเฝ้าสีไวโอลินถวายค่ะ แล้วเสด็จท่านก็ทรงกำชับมาให้เจ้าหญิงน้อยแต่งตามศักดิ์ของเจ้าหญิงได้เต็มยศเลยนะคะ" เจ้าหญิงไลลาพยักหน้ารับรู้
*************************************************************************************
 
     "เจ้าหญิงแซนดี้ทำไมถึงยังอยู่ที่วังนี้ล่ะ เจ้าจอมไดอาน่าแห่งเวลส์ก็กลับไปเวลส์แล้ว" หม่อมเจ้าเลโกลัสถามเอลฟ์ประจำบ้านคนสนิท "เหตุใดเจ้าจอม ถึงทิ้งหลานไว้ที่นี่”
 
     "ที่เจ้าจอมไดอาน่าต้องกลับเพราะว่าท่านป่วยมากนะกระหม่อม ท่านกล่าวว่า อยากกลับไปตายที่บ้านเมืองของท่านกระหม่อม .... แต่เจ้าหญิงน้อยก็ยังเรียนไม่จบ ก็เลยต้องอยู่ต่อกระหม่อม" ทราวิสพูด
 
     "แล้วจะจบหรือยัง"
 
     "ยังกระหม่อม"
 
     "จบแล้วก็กลับเลยล่ะสิ"
 
     "คาดว่าอย่างนั้นนะกระหม่อม"
 
     หม่อมเจ้าเลโกลัส แต่งตัวเสร็จแล้ว สวยหรูดูดี เนียบไม่มีที่ติ สมเป็นท่านชายตระกูลใหญ่ ตระกูลเลือดบริสุทธิ์ที่ศักดิ์สิทธิ์
 
     "ท่านชายเลโกลัส ทรงสนพระทัยเจ้าหญิงหรือกระหม่อม" ทราวิส เอลฟ์ประจำบ้านคนสนิทพูด
 
     หม่อมเจ้าเลโกลัส หันมายิ้มเขินๆ "ยุ่ง"
 
     "คุณนายเพฟเวอเรลล์ท่านไม่ชอบเจ้าหญิงนะกระหม่อม" ทราวิสโพล่งออกมา "ท่านชังเลยทีเดียวละกระหม่อม"
 
     "นี่นายกำลังว่าแม่ฉันเชียวนะ"
 
     "ขอประทานอภัยกระหม่อม กระหม่อมทูลเตือนไว้เฉยๆนะกระหม่อม"
 
     "นี่นายพูดใส่ฉันปวดกระหม่อมแล้วนะ" หม่อมเจ้าเลโกลัสอมยิ้ม ก่อนจะตรัสต่ออีกว่า "ทำไมแม่ถึงไม่ชอบเจ้าหญิง"
 
     "คุณนายเพฟเวอเรลล์ท่านเดียดฉันท์ว่ามาจากบ้านเมืองขึ้น แม้จะเป็นเจ้าหญิงสายเลือดบริสุทธิ์ แต่ก็เป็นคนบ้านป่า ท่านว่าต่ำศักดิ์กว่าทางคุณเพฟเวอเรลล์ท่าน ... และอีกอย่างคือ ... "
 
     เงียบไปอีกครู่หนึ่ง
 
     "อีกอย่างคืออะไร" หม่อมเจ้าเลโกลัสถาม
 
     "คุณนายเพฟเวอเรลล์ท่านระแวง เกรงว่าเจ้าหญิงจะมาเป็นคุณนายของเสด็จพ่อของท่านชายเลโกลัสอีกคน"
 
     หม่อมเจ้าเลโกลัส ได้ฟังดังนั้นก็เป่าปากออกมา ทรงคิดในใจว่า เห็นทีความรักครั้งนี้จะเป็นความรักต้องห้ามหรือเปล่านะ
*************************************************************************************
 
 
     ในงานเลี้ยงต้อนรับหม่อมเจ้าเลโกลัส เจ้าหญิงแซนดี้เดินถือไวโอลินเข้ามาในงานทุกคนต่างมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ บางคนสงสัย บางคนรังเกียจเดียดฉันท์เลยก็ว่าได้
     
     "เจ้าหญิงน้อยอยู่นี่เองหรือ" คุณนายเพฟเวอเรลล์รับสั่งขึ้น
 
     "เพคะเสด็จ"
 
     "ดีแล้ว ... ฉันมีคนอยากแนะนำให้เธอรู้จัก"
 
     "เด็จพ่อกระหม่อม" เสียงหม่อมเจ้าเลโกลัสพูดขึ้น
 
     "อ้าวท่านชาย ... ดีเลย พ่อมีคนอยากแนะนำให้ท่านชายรู้จัก"
 
     ทันทีที่เจ้าหญิงแซนดี้สบตาหม่อมเจ้าเลโกลัส เป็นครั้งแรกพระนางรู้สึกว่าชายผู้นี้ช่างดูสงศักดิ์ รูปงาม สมกับเป็นท่านชายตระกูลเลือดบริสุทธิ์เสียจริง ทั้งสองสบตากันและกัน
 
     "เจ้าหญิงน้อย นี้ท่านชายเลโกลัส ลูกชายของฉันเอง" ทั้งสองจับมือกันเป็นการทักทาย
 
     "ฝ่าบาท" ทราวิสพูดแทรกขึ้น "กษัตริย์รับสั่งให้ฝ่าบาทไปเข้าเฝ้ากระหม่อม"
 
     "งั้นหรือ ท่านชายอยู่คุยกับแซนดี้ไปก่อนนะ"
     
     เจ้าหญิงแซนดี้ยังไม่อาจละสายตาจากหม่อมเจ้าเลโกลัส ผู้นี้ได้ จนต้องหันหลังหนีแทน
 
     "เด็จพ่อเล่าให้ฟังว่าเธออ่านภาษาฝรั่งเศสได้"
 
     "เพคะ" เจ้าหญิงแซนดี้ตอบด้วยความประหม่า หม่อมเจ้าเลโกลัส เดินมาประจันหน้ากับเจ้าหญิงแซนดี้ ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้ง
 
     "ฉันมีหนังสือภาษาฝรั่งเศสเยอะเลย เดี๋ยววันหลังจะเอามาให้อ่าน"
 
     "ขอบพระทัยเพคะ"
 
     "ท่านชายเลโกลัส” เสียงคุณนายเพฟเวอเรลล์พูดขึ้น "ท่านหญิงไลลาเสด็จมาถึงแล้ว" เมื่อคุณนายได้สบตากับเจ้าหญิงแซนดี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
 
     "ลูกช่วยไปรับหน่อยนะ ... คืนนี้เธองามเหมือนเจ้าหญิงในวรรณคดีเลยล่ะ"
 
     "ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับแม่" หม่อมเจ้าเลโกลัสพูด "ไปก่อนนะเจ้าหญิงน้อย ... อันที่จริงฉันมีเรื่องอยากจะให้เธอช่วยด้วยล่ะ"
     
     "ลูกจ๋า" คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดแทรกขึ้น "ท่านหญิงไลลารออยู่ ถ้าลูกจะให้ช่วยอะไร ขอท่านหญิงไลลาไม่ดีกว่าหรือ ... คนอื่นเดี๋ยวเขาก็กลับบ้านเมืองเขาแล้ว" พูดไปก็ชำเลืองสายตาไปทางเจ้าหญิงแซนดี้ "ไปเถอะลูก อย่าให้คู่หมั้นรอนาน"
 
     หม่อมเจ้าเลโกลัส เดินจากไปพร้อมกับคุณนายเพฟเวอเรลล์ ทิ้งให้เจ้าหญิงแซนดี้ยืนใจสั่นอยู่เพียงลำพัง นี่ชายที่ทำให้หัวใจของพระนางสั่นไหวได้ถึงเพียงนี้จะมีคู่หมั้นเสียแล้ว
*************************************************************************************
 
     หม่อมเจ้าหญิงไลลา มัลฟอยแต่งองค์งามมาก
 
     "นั่นไงหม่อมเจ้าหญิงไลลา มัลฟอยดูสิงดงามไม่มีที่ติจริงๆ" คนในงานพูดขึ้น เจ้าหญิงแซนดี้แอบดูอยู่ข้างหลังได้ยินเข้า
 
     "ชุดทับทิมที่สวมเป็นเครื่องประดับทั้งชุดนั้น ฉันได้ยินว่า คุณนายเพฟเวอเรลล์มอบถวายทาบทามไว้ให้หม่อมเจ้าเลโกลัส เพฟเวอเรลล์"
 
     "แม้รู้มากซิจริงๆ นี้แค่ของทาบทามนะ ... ถ้าสู่ขอหมั้นหมายจริงจะขนาดไหน"
 
     "หญิงมาช้าไป ต้องขออภัยท่านชายเลโกลัสด้วยนะเพคะ"
 
     "ไม่ช้าหรอกค่ะ" หม่อมเจ้าเลโกลัสพูด
 
     "ท่านหญิงไลลาสวมชุดทับทิมทั้งชุดที่แม่ถวายให้ไงลูก งามมากใช่ไหม"
 
     "งามมากค่ะ" หม่อมเจ้าหญิงไลลาเขินอาย "เชิญทางนี้ดีกว่านะคะน้องไลลา" หม่อมเจ้าหญิงเดินตามไปช้าๆ
 
     "เจ้าหญิงคะ จวนได้เวลาแล้ว ขอเชิญเจ้าหญิงที่วงได้เลยค่ะ" เอลฟ์ประจำบ้านตัวหนึ่งเดินมาบอกเจ้าหญิงแซนดี้ที่ยังคงยืนมองหม่อมเจ้าหญิงไลลา มัลฟอยและหม่อมเจ้าเลโกลัส เพฟเวอเรลล์เดินจากไปกับตา
 
     เจ้าหญิงแซนดี้สีไวโอลินในงานเลี้ยงต้อนรับหม่อมเจ้าเลโกลัส เพฟเวอเรลล์ได้อย่างไพเราะมากจนทุกคนชื่นชม ในขณะนั้นเองหม่อมเจ้าเลโกลัสก็ไม่ได้ละสายตาไปจากเจ้าหญิงแซนดี้เลย มองอย่างชื่นชมจนลืมไปเลยว่ามีหม่อมเจ้าหญิงไลลายืนอยู่ข้างกาย ยิ่งเจ้าหญิงแซนดี้สบตากับหม่อมเจ้าเลโกลัสมากเพียงใด จิตใจก็ยิ่งสั่นไหวมากเท่านั้น กิริยาของทั้งสองคนนี้อยู่ในสายตาของหม่อมเจ้าหญิงไลลาตลอด หม่อมเจ้าหญิงมองตามสายตาของหม่อมเจ้าเลโกลัสด้วยความสงสัย
 
     ทุกคนชื่นชมเจ้าหญิงแซนดี้กับการสีไวโอลินเป็นการใหญ่ ทำให้คุณนายเพฟเวอเรลล์อิจฉาริษยาเป็นอย่างมาก
 
     "จวนจะได้เวลาเสด็จแล้วเพคะ" หม่อมเจ้าหญิงไลลาพูดขึ้น "เราไปรอรับเสด็จกันเถอะค่ะ"
 
     "เชิญค่ะน้องไลลา" หม่อมเจ้าเลโกลัสพูดแต่ก็ยังไม่ละสายตาไปจากเจ้าหญิงแซนดี้
 
     ในที่สุดเจ้าหญิงแซนดี้ก็สามารถปลีกตัวออกมาจากแขกในงานที่กำลังแห่ไปยังที่พรมพระราชดำเนิน เพื่อรอรับเสด็จกษัตริย์แห่งอังกฤษ
 
     "เจ้าเจ้าหญิงน้อย" ฮาเล็มพูดขึ้น "หม่อมฉันมารอรับเจ้าหญิงน้อยมั้งค่ะ"
 
     แต่อยู่ดีๆเจ้าหญิงแซนดี้ก็เกิดเป็นลมล้มพับไปเสีย หม่อมเจ้าเลโกลัสเห็นเข้าจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น หม่อมเจ้าหญิงไลลามองเหตุการณ์อยู่ หม่อมเจ้าเลโกลัสอุ้มเจ้าหญิงแซนดี้เดินจากไป เสียงเอะอะทำให้คุณนายเพฟเวอเรลล์เดินเข้ามาหาท่านชายและท่านหญิง
 
     "มีใครเป็นอะไรหรือเพคะท่านหญิงไลลา"
 
     "มีคนเป็นลมค่ะคุณนายป้า ท่านชายเลโกลัสกำลังไปช่วย"
 
     "ตายจริงทำไมต้องยุ่งมาถึงท่านชายเลโกลัสด้วย กษัตริย์กำลังจะเสด็จแท้ๆ"
 
     "ไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณนายป้า แต่เห็นท่านชายเลโกลัสเรียกว่าเจ้าหญิงน้อย"
 
     "มารยาสาไถ" คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดขึ้น "ท่านหญิงไลลารออยู่ตรงนี้ก่อนนะเพคะ หม่อมฉันจะไปตามท่านชายให้"
 
     "คะคุณนาย" แล้วคุณนายก็เดินฟึดฟัดออกไป ทิ้งไว้ให้หม่อมเจ้าหญิงไลลาคิดในใจเพียงแต่ว่าเจ้าหญิงแซนดี้คนนั้นกำลังจะมาแย่งหม่อมเจ้าเลโกลัสไปจากตน
*************************************************************************************
 
     "เดี๋ยวฉันจะเป็นคนพาเจ้าหญิงน้อยไปส่งที่เรือนเล็กเอง เธอไปตามหมอให้มาดูอาการเจ้าหญิงน้อยด่วนเลย" หม่อมเจ้าเลโกลัสพูดขึ้น
 
     "เพคะ" ฮาเล็ม เอลฟ์ประจำบ้านรับคำ
 
     หม่อมเจ้าเลโกลัสบรรจงวางเจ้าหญิงแซนดี้ลงบนเก้าอี้ยาวและพยายามปลุกให้คืนสติ
 
     "ท่านชายเลโกลัส " คุณนายเพฟเวอเรลล์เดินลงมาเห็นเข้า และฉุดให้หม่อมเจ้าเลโกลัสออกห่างจากเจ้าหญิงแซนดี้ "ท่านชายกษัตริย์กำลังจะเสด็จอยู่รอมร่อ ลูกเห็นคนอื่นสำคัญกว่าได้ยังไง" คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดด้วยความร้อนรน "แล้วนี่มัวทำอะไรอยู่"
 
     "คนเป็นลมครับแม่ เจ็บไข้อะไรหนักหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ผมแค่อยากช่วย"
 
     "ท่านชาย ... แต่คนที่กำลังจะเสด็จ คือพระเจ้าแผ่นดินและลูก ... แล้วนี่ใครกัน" คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดอย่างเหลืออด "ช่วยเขาได้เท่านี้แหละท่านชายใหญ่หมดเวลาแล้ว ... ไปได้" คุณนายเพฟเวอเรลล์พยายามฉุดหม่อมเจ้าเลโกลัส ไปยังพรมพระราชดำเนิน
 
     "คุณแม่ครับ" หม่อมเจ้าเลโกลัส ยังคงขืนตัว
 
     "ไว้เดี๋ยวแม่จะหาคนมาดูแลเอง" คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดขึ้น "ท่านชายเลโกลัส รีบดูเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเถอะ แล้วก็ไปรอรับเสด็จกับท่านหญิงไลลา ... เดี๋ยวนี้" คุณนายพูดเสียงดุและชำเลืองมองไปยังร่างอันหมดสติอยู่ของเจ้าหญิงแซนดี้ หม่อมเจ้าเลโกลัสชำเลืองดูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับคุณนาย เจ้าหญิงแซนดี้ยังคงนอนหลับไม่ได้สติ
*************************************************************************************
 
     เช้าวันรุ่งขึ้น
 
     "ฮาเล็ม ฮาเล็ม " ทราวิสเอลฟ์ประจำบ้านของท่านชายใหญ่เรียก
 
     "ทราวิส มีอะไรหรือ มาแต่เช้าเชียว" ฮาเล็มพูด
 
     "หม่อมเจ้าเลโกลัส เพฟเวอเรลล์เสด็จทรงของเยี่ยมเจ้าหญิงแซนดี้"
 
     "อุ้ยตายแล้ว" ฮาเล็มตกใจทำตัวไม่ถูก
 
     "เจ้าหญิงแซนดี้สบายดีหรือยัง" หม่อมเจ้าเลโกลัสถาม
 
     "สบายดีแล้วเพคะ" ฮาเล็มพูด
 
     "ฉันอยากจะขอเยี่ยมหน่อย"
 
     "เชิญเสด็จประทับบนเรือนเพคะ"
 
     "ลับตาไปจะไม่เหมาะ ฉันจะไปนั่งรอที่ศาลาในสวน" พูดจบแล้วหม่อมเจ้าเลโกลัสก็เดินจากไป ฮาเล็มมองหน้าทราวิสอย่างทำอะไรไม่ถูก แต่สุดท้าย ก็ต้องไปตามเจ้าหญิงแซนดี้ให้เสด็จไปพบกับหม่อมเจ้าเลโกลัสที่ศาลากลางสวน หม่อมเจ้าเลโกลัสส่งยิ้มให้กับเจ้าหญิงแซนดี้ แต่เจ้าหญิงน้อยยังคงทำหน้าบึ้ง
 
     "จะไม่พูดจาทักทายกันสักหน่อยหรือ" หม่อมเจ้าเลโกลัสพูดขึ้น
 
     "สตรีควรพูดทักทายบุรุษก่อนหรือเพคะ" เจ้าหญิงแซนดี้พูด
 
     "ที่เธอเป็นคนช่างยอกย้อน หรือเป็นคนฉลาดกันแน่ ... เธอเป็นคนฉลาดสินะ" หม่อมเจ้าเลโกลัสเห็นเจ้าหญิงแซนดี้ไม่ตอบ "สนทนากับฉันสักครู่ได้ไหม"
 
     "เพคะ"
 
     หม่อมเจ้าเลโกลัส ผายมือไปยังศาลา
 
     "เชิญท่านชายเสด็จก่อนเถอะเพคะ"
 
     "ฉันจะให้สุภาพสตรีเดินก่อน"
 
     "ท่านชายเป็นแขกผู้ใหญ่" เจ้าหญิงแซนดี้พูด
 
     "แปลว่าฉันแก่หรือไง" ท่านชายขมวดคิ้ว "ถ้าอย่างนั้นเดินเสมอบ่าเสมอไหล่กันไป อีกอย่าง ... เดี๋ยวเธอเป็นลมอีกฉันจะได้รับทำอย่างไรล่ะ"
"เพคะ" 
 
     "และก็ ... ถ้าฉันเดินนำ ฉันจะไม่เห็นเธอ ...เชิญ" หม่อมเจ้าเลโกลัสสบตากับเจ้าหญิงแซนดี้ ทั้งคู่เดินคู่กันไปยังศาลากลางสวน
 
     เจ้าหญิงแซนดี้เสริฟน้ำให้กับหม่อมเจ้าเลโกลัส "นี่น้ำอะไรหรือ" 
 
     "น้ำดอกพิกุลต้มให้เพคะ"
 
     "ฉันทำผิดอะไรถึงต้องกินน้ำดอกพิกุลต้มด้วย"
 
     "น้ำดอกพิกุล มีสรรพคุณช่วยสมานแผล แก้ปวด แก้ร้อนใน เป็นยาชูกำลังด้วยเพค่ะ หม่อมฉันถือว่าเป็นเครื่องดื่มไว้ทานเล่น เด็จพ่อจะส่งมาให้อยู่เรื่อยๆ หากเอาไปตากแห้งแล้วบดให้เป็นผง จะสามารถนำมาปรุงอาหารได้ด้วยเพคะ"
 
     "จริงหรือ" หม่อมเจ้าเลโกลัสขมวดคิ้ว"ปรุงอาหารอะไร"
 
     "พวกเราจะใช้เป็นเครื่องปรุง คล้ายผงปรุงรสใส่อาหารคาว ถือว่าเป็นเอกลักษณ์การทำอาหารของชาวเมืองเวลส์เพคะ"
 
     "น่าสนใจดีนี่" หม่อมเจ้าเลโกลัสยิ้มให้กับเจ้าหญิงแซนดี้
 
     "แล้วนี่อะไรล่ะ"
 
     "สโคนดิบเพคะ ... เป็นของว่าง"
 
     "หรอ ... ขอชิมหน่อย" ท่านชายเอื้อมมือไปหยิบขนมปังแห้งๆขึ้นมากชิม "อร่อยดีหนิ"
 
     "ก็เหมือนกับสโคนทั่วไปนั่นละเพคะ กรรมวิธีการทำเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเราจะไม่เอาไปอบ แต่เราจะเอาไปย่างกับไฟแทน ย่างจนกว่าแป้งจะสุก เป็นอันรับประทานได้เพคะ" เจ้าหญิงแซนดี้มองดูหม่อมเจ้าเลโกลัสเสวยของว่างอย่างมีความสุขก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
 
     "เธอไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม" หม่อมเจ้าเลโกลัสตรัสถาม
 
     "หลังจากที่เธอเป็นลม ... เธอสบายดีแล้วใช่ไหม"
 
     "สบายดีแล้วเพคะ"
 
     "เธอมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่าทำไมจู่ๆถึงเป็นลม"
 
     เจ้าหญิงแซนดี้หัวเราะเบาๆ
 
     "เธอหัวเราะอะไร"
 
     "เปล่าเพคะ ... เมื่อเย็นวาน หม่อมฉันมัวแต่ขึ้นสายเทียบเพลงและซ้อมไวโอลินใช้เวลาแต่งตัวก็นานมาก เลยไม่ได้รับทานอาหาร ก็เลย ..."
 
     หม่อมเจ้าเลโกลัสขำเป็นการใหญ่ "เข้าใจแล้ว ที่เธอเป็นลม ก็เป็นเพราะหิวข้าวหรือ ทำเอาใจฉันตกใจแทบแย่" ทั้งสองหัวเราะไปด้วยกัน
*************************************************************************************
 
     คุณนายยกไม้กายสิทธิ์เหนือเตาผิง ทันใดนั้นหน้าของเอลประจำบ้านก็ปรากฏขึ้น "ฉันคุณนายเพฟเวอเรลล์นะ หม่อมเจ้าหญิงไลลา มัลฟอยอยู่หรือป่าว"
 
     "ท่านหญิงไลลาเสด็จออกไปแล้วเพคะ"
 
     "ออกไปแล้วหรือ ... แค่นี้นะ" คุณนายเพฟเวอเรลล์รีบผละออกจากเตาผิง "ตายแล้วเชียว ท่านชายเลโกลัส  ... หายไปไหนเนี่ย"
 
     ในขณะที่คุณนายเพฟเวอเรลล์กำลังกระวนกระวายว่าหม่อมเจ้าเลโกลัสหายไปไหนนั้น หม่อมเจ้าเลโกลัส และเจ้าหญิงแซนดี้ ยังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานที่ศาลากลางสวน
 
     "เธอนี่พูดคุยสนุกดีนะ วันหลัง ฉันมาหาเธออีกได้ไหม" หม่อมเจ้าเลโกลัสพูดขึ้น เจ้าหญิงแซนดี้สะดุ้งเล็กน้อย "เป็นยังไง" เจ้าหญิงไม่ตอบ
 
     "ไม่ได้ ... " เธอพูด "ไม่ได้เพคะ"
 
     "ทำไมไม่ได้ ... แปลว่าอะไร ... ตกลง งั้นเธอมาหาฉันแล้วกันนะ ถ้าฉันมาหาเธอไม่ได้" หม่อมเจ้าเลโกลัสผลุดลุกขึ้น
 
     "ไม่เหมาะนะเพคะ ท่านชายมี ..." เสียงเจ้าหญิงแซนดี้ขาดห้วงไป
 
     "คู่หมั้นอยู่แล้วใช่ไหม" หม่อมเจ้าเลโกลัสตอบประโยคให้จบ แต่ท่านชายก็ยิ้มแล้วเดินไปหยิบหนังสือมายื่นให้กับเจ้าหญิงน้อย "นี่เป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็ภาษาฝรั่งเศส ฉันให้เธอ" หม่อมเจ้าเลโกลัสยิ้มอย่างเป็นมิตร
 
     "ขอบพระทัยเพคะ" เจ้าหญิงแซนดี้พูดพร้อมกับรับหนังสือ
 
     "วรรณกรรมภาษาอังกฤษ เป็นเรื่องราวความรัก สมัยวิคตอเรีย ที่นางเอกจะชอบเป็นลมเวลาที่ต้องอยู่ใกล้หรือว่าถูกเนื้อต้องตัวผู้ชาย หรือว่าแค่หิวข้าวก็เป็นลมได้แล้วกระมัง" หม่อมเจ้าเลโกลัสยื่นหน้าเข้ามาใกล้เจ้าหญิงแซนดี้ "ไปล่ะ ... ขอบใจมากที่ให้ชิมอาหารแปลกๆ อร่อยมากเลยละ วันหลังฉันจะมาลองชิมอาหารชาววังของเวลส์อีก ไปก่อนนะ" หม่อมเจ้าเลโกลัส เดินจากไปพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ ท่านชายหยุดลงที่บันไดขั้นสุดท้ายของศาลากลางสวนแล้วหันกลับมาพูดกับเจ้าหญิงแซนดี้ "เธอไปส่งฉันด้วยซิ แซนดี้ ไปส่งถึงที่สุดเขตอาณาจักรน้อยๆของเธอ ฉันไม่ได้ให้ไปส่งถึงวังใหญ่หรอก" หม่อมเจ้าเลโกลัสยิ้มและยืนรอห่างออกไปเจ้าหญิงแซนดี้ชั่งใจอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามท่านชายไป
 
     ในขณะนั้นรถยนต์ของหม่อมเจ้าหญิงไลลาก็เดินทางมาเข้าเขตวังของหม่อมเจ้าเลโกลัสพอดี ท่านหญิงไลลาที่นั่งอยู่ในรถมีจิตใจเบิกบานเต็มที่เพราะว่าวันนี้เธอจะได้เจอกับท่านชายใเลโกลัส คนที่เธอหลงรัก
 
     "เธอชอบอ่านหนังสือมากใช่ไหม แซนดี้"
 
     "เพค่ะ" หม่อมเจ้าเลโกลัส และเจ้าหญิงแซนดี้เดินไปคุยไป
 
     "ฉันก็ชอบ ... หายากทีเดียว ผู้หญิงที่อ่านได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส ญาติๆของฉันดูจะไม่มีใครเป็นเลยสักคน หญิงไลลาเองก็ไม่ชอบ เธอชอบการบ้านการเรือน และก็การปลูกสมุนไพรเพื่อปรุงยาเสียมากกว่า"
 
     "อย่าทรงเปรียบหม่อมฉันกับท่านหญิงนะเพคะ" เจ้าหญิงแซนดี้พูด "หม่อมฉันไม่ใช่ชาวอังกฤษ เรื่องงานบ้านงานเรือนคงจะเทียบกันไม่ได้"
"ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่อยากจะบอกว่า เด็จพ่อของเธอ มองการไกลมาก ที่ให้ลูกผู้หญิงได้ร่ำเรียนมากอย่างเธอ พี่น้องของเธอได้เรียนกันทุกคนหรือ"
 
     "เพคะ อันที่จริง หม่อมฉันเป็นลูกหญิงคนเดียวของเด็จพ่อเพคะ"
 
     ทันใดนั้น รถยนต์ของท่านหญิงไลลาก็ขับผ่านไปพอดี หม่อมเจ้าหญิงไลลาได้เห็นหม่อมเจ้าเลโกลัสเดินเคียงคู่มากับเจ้าหญิงแซนดี้ เธอเสียใจและตกใจมาก ที่ได้เห็นทั้งคู่อยู่คู่กัน เป็นภาพที่ทำให้เธอเกือบจะร้องไห้ออกมาในทันที แล้วท่านชายก็เหลือบไปเห็นคุณนายเพฟเวอเรลล์ที่อยู่บนตึกใหญ่มองลงมา ด้วยสายตาที่ชิงชัง
*************************************************************************************
 
     เมื่อรถยนต์ของหม่อมเจ้าหญิงไลลามาถึงหน้าวังคุณนายเพฟเวอเรลล์ก็รีบออกมารับเสด็จทันที “ท่านหญิงเสด็จมาถึงแล้วหรือเพคะ”
 
     “หญิงขออภัยคุณนายด้วยนะเพคะ ที่มาถึงแล้วก็จะขอกลับเลย”  หม่อมเจ้าหญิงไลลาพูดด้วยน้ำเสียงกลั้นน้ำตา
 
     “ท่านหญิงเพคะ” คุณนายเพฟเวอเรลล์ตกใจ “อยู่พักสักครู่ก่อนนะเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันไปตามชายเลโกลัสมาให้” แต่หม่อมเจ้าหญิงไลลาไม่ฟัง กำลังจะเดินจากไป
 
     “น้องไลลา” หม่อมเจ้าเลโกลัสพูด เดินเข้ามาพอดี
 
     “หญิงกำลังจะกลับค่ะ”
 
     “อ้าว น้องไลลาเพิ่งมาถึงนี่คะ ...”
 
     “จะกลับไปคะ ปวดศีรษะ” คุณนายเพฟเวอเรลล์สบตากับหม่อมเจ้าเลโกลัสเป็นเชิงชักชวนให้ท่านชายพาหม่อมเจ้าหญิงไลลาขึ้นไปพักในวัง แต่ท่านชายใหญ่กลับส่งยิ้มและเดินไปส่งหม่อมเจ้าหญิงไลลาถึงรถ ทำให้ท่านหญิง เสียใจมาก แต่ก็ต้องเดินตามไป
 
     “พี่จะไปเยี่ยม เสด็จพ่อและแม่ของน้องไลลาในวันสองวันนี้แหละนะคะ ฝากน้องไลลากราบทูลท่านด้วย”
 
     “ขอบภัยเพคะ หญิงทูลลา” หม่อมเจ้าหญิงไลลาขึ้นรถไป ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว คุณนายเพฟเวอเรลล์และหม่อมเจ้าเลโกลัสมองดูรถของหม่อมเจ้าหญิงไลลาจากไป
 
     “ทำอย่างนี้ได้ยังไง” คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดขึ้น
 
     “ทำอะไรครับแม่”
 
     “ก็ทำมารยาทไม่ดีกับหญิงไลลา เดินไปเปิดประตูรถให้ ก็เท่ากับไล่เธอกลับ”
 
     “ก็น้องไลลาบอกว่าจะกลับ”
 
     “นั่นแหละ ท่านหญิงไลลาอยากให้เราง้อ แต่ลูกก็ไม่ง้อ”
 
     “ลูกตีความในใจคนให้ได้ตรงข้ามกับคำพูดไม่ได้หรอกนะครับคุณแม่”
 
     “โห ... ลูกชายฉัน พ่อคนซื่อ” คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดอย่างเสียไม่ได้
 
     “แม่ครับ ใครก็ตามที่มาหาเราถึงบ้าน แสดงว่ามีจุดประสงค์ ง่ายๆแค่นี้เอง แต่ถ้ามาถึงแล้ว เจ้าตัวขอตัวกลับเลย แสดงว่ามีเหตุสำคัญมากกว่าจุดประสงค์ที่จะมาบ้านเราเกิดขึ้น เราก็ควรจะปล่อยให้กลับไม่ใช่เหรอครับ”
 
     “ก็ใช่น่ะ ลูกมีเรื่องที่ต้องปิดพิรุธหนิ”
 
     “อะไรครับแม่” หม่อมเจ้าเลโกลัสพูดเสียงเย็น “ลูกไม่มีเรื่องให้ต้องปิดพิรุธ”
 
     “ท่านชายเลโกลัสแน่ใจเหรอลูก”
 
     “ถ้าแม่กำลังหมายถึงเจ้าหญิงน้อย”
 
     “ใช่” คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดเสียงดังขึ้น “เรื่องนั้นละ”
 
     “ใครก็ตามที่มาพักพิงอยู่ในบ้านเรา เจ็บไข้หรือเป็นอะไรไป ถ้าเราเป็นเจ้าบ้านเราก็ควรจะไปเยี่ยมเยียนดูแลเขาบ้างไม่ใช่เหรอครับ”
 
     “แม่ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เห็นเดินหน้าบานเหมือนกับดอกทานตะวัน มารยาชัดๆ”
 
     “ก็เพราะว่าลูกไปเยี่ยมเขาให้ครับ ลูกถึงรู้ว่าเขาหายป่วยแล้ว”
 
     “ท่านชายเลโกลัส ทำไมลูกถึงพูดแบบนี้ กลับผิดให้เป็นถูกงั้นหรือ” คุณนายเพฟเวอเรลล์พูด หม่อมเจ้าเลโกลัสหันหน้าหนี “ขออย่าให้เรื่องเป็นอย่างที่แม่สังหรณ์เลย”
 
     “คุณแม่สังหรณ์อะไรครับ”
 
     “ท่านชายเลโกลัส ... นี่อย่าบอกนะว่าลูกมีใจให้กับ ...”
 
     “ใช่ครับ” หม่อมเจ้าเลโกลัสตอบอย่างไม่ลังเล “ผมมีใจให้กับแซนดี้ ผมไม่ได้มีใจให้กับน้องไลลา ผมเอ็นดูเธอเป็นเพียงน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น”
 
     “ท่านชาย” คุณนายเพฟเวอเรลล์พูด แทบสิ้นสติ “นี่ลูกกำลังจะฆ่าแม่นะ ... แม่ยอมตายจะดีกว่าที่จะต้องได้ร่วมวงศ์ตระกูลเดียวกับมัน สายเลือดบริสุทธิ์ของเราต้องแปดเปื้อนเลือดของมัน ... มันแสนจะต่ำต้อยด้อยค่าเทียบกับท่านหญิงไลลาไม่ได้เลยแม้นแต่เศษฝุ่น หม่อมเจ้าหญิงไลลา มัลฟอย เพรียบพร้อมทั้งชาติตระกูลสายเลือดสูงส่ง เป็นกุลสตรีที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ”
 
     “แต่ลูกต้องการคู่ครองที่เป็นคู่คิด มากกว่าคู่ครองที่เป็นเพียงแม่บ้านนะครับ”
 
     “ท่านชาย อย่ามาทำตัวเป็นคนหัวนอกกับแม่นะ เสียแรงเป็นลูกชาติลูกตระกูล แม่ผิดหวังในตัวลูกมาก หม่อมเจ้าเลโกลัส” คุณนายเพฟเวอเรลล์พูด หม่อมเจ้าเลโกลัสกำลังจะเดินหนี “ลูกกำลังทำลายสายเลือดบริสุทธิ์ของเรา ตระกูลเราต้องเสื่อมเสีย ลูกรู้ตัวมั้ย ว่ากำลังทำลายสายสกุลอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา สายเลือดอันสูงส่งของเสด็จพ่อ” คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดแทบไม่หายใจ “หม่อมเจ้าหญิงไลลา คือหญิงผู้สูงศักดิ์ แต่ถ้าลูกปฏิเสธิเธอ ท่านหญิงจะทรงเป็นอย่างไรต่อไป ลูกกำลังทำลสยเธอนะ รู้หรือป่าวท่านชาย”
 
     “แม่ ... ลูก”
 
     “ตระกูลมัลฟอย เป็นตระกูลศักดิ์สิทธิ์ สายเลือดบริสุทธิ์ แต่หม่อมเจ้าหญิงขิงตระกูล แต่กลับถูกผู้ชายทิ้ง น่าอัปยศอดสูเป็นที่สุด ต่อจากนี้จะเอาหน้าไปสู้ใครได้ อายจนตายไปอีกกี่ชาติกี่ชาติก็ไม่สิ้นอาย”
 
     “แต่เรายังไม่ได้หมั้นกันนะครับแม่”
 
     “ไม่ได้หมั้นแต่ก็เป็นคู่หมาย แม่บอกไว้ตรงนี้เลยนะ ท่านชาย หัวเดียดตีนขาดยังไง แม่ก็ไม่ยอมเอานางแซนดี้มาเป็นสะใภ้ ถึงแม้ว่าแม่ต้องตาย เพื่อมันกระเด็นไปจากลูก แม่ก็ยอม และถ้าลูกยังดื้อรั้น จะให้แม่แลกชีวิตกับมัน ... ก็เอาสิ ...” คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดเด็ดขาดกับหม่อมเจ้าเลโกลัสซึ่งยืนตะลึงงานอยู่ ท่านชายถอนหายใจ ก่อนจะเดินจากไป
 
     “ไม่มีวัน ...ไม่มีวันเลย .... แซนดี้ ... ฉันไม่มีวันยอมให้ท่านชายเลโกลัสยกแกมาเป็นเมียเด็กขาด ไม่ว่าจะเป็นเอก หรือรอง ... ข้ามศพฉันไปก่อนเท่านั้น
*************************************************************************************
 
     ที่ห้องของเจ้าหญิงแซนดี้
 
     “จริงซิ” เจ้าหญิงแซนดี้พูด “ลืมไปเลย ฮาเล็มจดหมายจากเด็จพ่อล่ะ”
 
     “บ่าวจะรีบไปหาให้มั้งค่ะ”
 
     “เจอแล้ว” เจ้าหญิงแซนดี้หยิบจดหมายเด็จพ่อออกมาอาจอย่างทะนุถนอม
 
     “เจ้าหญิงน้อยค่ะ คุณนายเพฟเวอเรลล์ท่านให้เรียกหาค่ะ” เธซี่ เอลฟ์ประจำบ้านจากวังใหญ่มาขอพบ
 
     “ให้เจ้าหญิงน้อยไปพบกลางดึกเลยหรือ” ฮาเล็มพูด
 
     “ท่านกำชับว่า ให้ไปกับดิฉันเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
 
     เจ้าหญิงแซนดี้จำต้องวางจดหมายของเสด็จพ่อลง แล้วแต่งตัวให้เรียบร้อยเพื่อไปพบกับคุณนายเพฟเวอเรลล์ ฮาเล็มมองตามด้วยสายตาเป็นห่วงอันเป็นที่สุด เจ้าหญิงแซนดี้มาพบคุณนายเพฟเวอเรลล์ที่วังใหญ่ คุณนายก็สั่งให้เอลฟ์ประจำบ้านออกไป เพื่อจะได้พูดคุยกับเจ้าหญิงแซนดี้เพียงลำพัง
 
     “กว่าจะมาได้ นึกว่าต้องส่งเสลี่ยงไปรับเสียละ”
 
     “ขออภัยค่ะ ที่ดิฉันมาช้า ดิฉันเตรียมตัวนอนแล้ว”
 
     “รู้ใช่ไหมว่าฉันเรียกมาทำไม”
 
     “ทราบค่ะ”
 
     “รู้แล้วทำไมยังกล้าทำ” คุณนายเพฟเวอเรลล์พูด “แซนดี้ หล่อนมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาว นานเกินความเหมาะสมแล้ว ที่เธอจะมาอาศัยกินในบ้านคนอื่นนะ ... เธอควรจะละอายบ้าง ... ถ้าคิดจะมีเหย้ามีเรือน ก็ควรจะไปมีคู่ทางฝั่งบ้านเมืองของเธอ มันจะได้สมน้ำสมเนื้อกัน อย่ามาหวังสูงทางนี้ มันไม่สำเร็จหรอก” คุณนายเพฟเวอเรลล์พูดจุดประสงค์ของตัวเองในทันที “บอกไว้เลยนะ ว่าฉันไม่นิยมพวกเมืองขึ้น ต่างชาติต่างสกุล ต่างสายเลือด ฉันไม่ยอมให้มันมาปะปนกับสายเลือดอันศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ของฉัน ถึงจะอ้างว่าเป็นเจ้าหญิง แต่ก็ไม่ใช่สายเลือดที่เรายอมรับ ... เธอกลับไปนั่นแหละดีที่สุดแล้ว”
 
     “เมื่อดิฉันเข้ามาอยู่ที่วังนี้ เจ้าจอมมารดาท่านกรุณารับดิฉันเอาไว้จนบัดนี้ ท่านยังไม่อนุญาตให้ดิฉันกลับบ้านเมืองของดิฉัน ถ้าหม่อมไปกราบเรียนท่าน ขอให้ดิฉันกลับได้ ดิฉันก็จะกลับโดยไวค่ะ” เจ้าหญิงแซนดี้พูด
 
     “ปากดีนักนะ ... คิดจะยกเจ้าจอมมารดามาเป็นโล่กำบัง จึงไม่ยอมกลับ ที่แท้ ... ในใจหมายตาจะครอบครองวังนี้ใช่ไหม แซนดี้ ... ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ หล่อนอย่าหวังเลยว่าจะสมใจหล่อน เจ้าจอมมารดานอนป่วยอยู่คฤหาสน์ต่างจังหวัดโน่น ฉันไมถ่อไปกราบเรียนท่านหรอก”
 
     “แต่ดิฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้หวังสิ่งใด นอกจากพึ่งบารมีของเจ้าจอมมารดาและคุณเพฟเวอเรลล์เท่านั้นนะเพคะ  ตำแหน่งการงานใดๆก็ไม่เคยต้องการ”
 
     “มารยาสาไถ ที่ถ้าเธอเป็นเอลฟ์ประจำบ้านละก็ ฉันจะเฆี่ยนให้หลังขาดไป หล่อนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าหน่อนนะหวังอะไร แต่ก่อนคงหวังจะเป็นคุณนายเพฟเวอเรลล์อีกคนละซิ แต่พอลูกชายฉันกลับมา ก็มาทอดสะพานให้ลูกชายฉัน”
 
     “ดิฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลย”
 
     “ก็ลองดูซิ ลองฉันไม่ตัดไฟเสียแต่ต้นลมซิ ฉันอาจต้องคลานเข่าเฝ้าหล่อนแล้วกระมัง”
 
     “คนเราเท่ากันค่ะที่ฉันยอมให้คุณนายด้วยเหตุที่ว่าคุณนายอาวุโสกว่า และเป็นภรรยาของคุณเพฟเวอเรลล์ที่มีพระคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมของดิฉัน ในบ้านเมืองของดิฉัน ดิฉันมีสิทธิ์ขาดและอำนาจไม่น้อยไปกว่าสายสกุลศักดิ์สิทธิ์เมืองอื่นเลย การอบรมมารยาทก็เช่นกัน ตระกูลของดิฉันก็อบรมเป็นอย่างดี ไม่ได้น้อยไปกว่าสกุลศักดิ์สิทธิ์ในอังกฤษหรอกค่ะ”
 
     คุณนายขว้างพัดเฉียดหัวเจ้าหญิงแซนดี้ไป “บังอาจยกตัวมาเทียมงั้นหรือ แซนดี้” เสียงแตรรถดังขึ้น “วันนี้เรายังไม่จบความกัน จำใส่ใจไว้นะ ... อย่านึกอย่าฝันจะได้เป็นใหญ่ในวังนี้ เพราะสะใภ้ของตระกูลนี้ คือหม่อมเจ้าหญิงไลลา มัลฟอย คนเดียวเท่านั้น” คุณนายเพฟเวอเรลล์เดินเข้ามาจ้องหน้าเจ้าหญิงแซนดี้อย่างมุ่งร้าย “ฉันหนะ มันจงอางหวงไข่ อย่ามายุ่งกับดวงใจฉัน ถ้าเธอไม่ฟัง ฉันเอาตาย ... ออกไปได้แล้ว”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา