fiction [MALFOL FAMILY] แรงรักแรงอาฆาต
เขียนโดย คุณทับทิม
วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 18.20 น.
แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 15.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เจ้าหญิงแซนดี้คะ ... เสด็จรับสั่งให้เจ้าหญิงเข้าเฝ้าค่ะ” เธซี่พูดขึ้น เมื่อเห็นเจ้าหญิงแซนดี้แห่งเวลส์เดินออกจากวังใหญ่
“ท่านทรงทราบอย่างไร ว่าฉันอยู่นี่” เจ้าหญิงแซนดี้พูด
“ดิฉันเป็นคนทูลท่านเองค่ะ ว่าเจ้าหญิงกำลังสนทนาอยู่กับคุณนายเพฟเวอเรลล์ค่ะ ... ดิฉันก็เลยมารอดักเจ้าหญิงแซนดี้ตรงนี้ละคะ”
“ขอบคุณนะ” เจ้าหญิงแซนดี้เดินผ่านเอลฟ์ประจำบ้าน ตรงไปหาคุณเพฟเวอเรลล์ โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีหม่อมเจ้าเลโกลัส เพฟเวอเรลล์ ยืนอยู่ด้วย
“จะกลับเรือนแล้วหรือ” คุณเพฟเวอเรลล์พูด
“เพคะ”
“ดึกขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวฉันให้รถไปส่ง”
“เป็นพระกรุณาเพคะ แต่ไม่เป็นไรมิได้เพคะ”
“ถ้าเป็นพระกรุณาก็ไปขึ้นรถ” คุณเพฟเวอเรลล์ทำเสียงดุ
“เพคะ” เจ้าหญิงแซนดี้รับคำแล้วเดินไปขึ้นรถแต่โดยดี หม่อมเจ้าเลโกลัสคิดในใจเพียงว่าอยากไปส่งเจ้าหญิงแซนดี้ แต่กลัวว่านั่งรถไปด้วยกันจะไม่เหมาะสม
“เธซี่” หม่อมเจ้าเลโกลัสพูด “เธอก็ไปขึ้นรถด้วยสิ”
“ดิฉันไม่เคยนั่งรถยนต์ ... ดิฉันนั่งไม่เป็นหรอกเพคะ” เธซี่รีบปฏิเสธิ
“ไม่ยากหรอก .... เดี๋ยวฉันสอนให้” หม่อมเจ้าเลโกลัสลากเธซี่ขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ เธซี่กล้าๆกลัวๆ “ขึ้นไปนั่งบนเบาะ” หม่อมเจ้าเลโกลัสสั่ง “ยกขาขึ้นไปวางบนพื้นรถด้วย ... ฉันจะปิดประตูแล้วนะ ... เอามือหลบ” เธซี่ร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ
เจ้าหญิงแซนดี้ ไม่กล้าที่จะสบสายตาของท่านชายแม้ว่าท่านชายจะยิ้มให้เธอมากเพียงไรก็ตาม “ฉันว่าฉันนั่งไปส่งเธซี่ดีกว่านะ ... จะได้ไม่กลัวรถ” ว่าแล้วหม่อมเจ้าเลโกลัสก็เดินเข้ามานั่งอยู่ที่เบาะเดียวกันกับเจ้าหญิงแซนดี้ “ฉันจะไปส่งเธอ” เขาหันไปกระซิบข้างหูพูดกับเจ้าหญิง
รถยนต์เคลื่อนที่ไปยังเรือนเล็กของเจ้าหญิงแซนดี้หม่อมเจ้าเลโกลัสอยากพูดคุยกับเจ้าหญิงเหลือเกิน แต่เจ้าหญิงแซนดี้ก็เอาแต่มองต้นไม้ใบหญ้าในยามราตรี จนรู้ตัวอีกทีหม่อมเจ้าเลโกลัสก็กำลังมองเจ้าหญิงแซนดี้อยู่ไม่วางตา เจ้าหญิงเขินอายรีบหันมองไปทางอื่น แม้ว่าในใจนั้นอยากจะพูดคุยกับหม่อมเจ้าเลโกลัสมากเหลือเกิน แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะสบตาพูดคุยหรือแสดงออก
เมื่อรถยนต์มาจอดอยู่ที่เรือนเล็กเจ้าหญิงแซนดี้กำลังจะเปิดประตูรถ
“เดี๋ยวก่อน” หม่อมเจ้าเลโกลัสสั่งแล้วก็เปิดประตูรถลงไป เพื่อจะเปิดประตูรถอีกฝั่งให้เจ้าหญิงแซนดี้หม่อมเจ้าเลโกลัสส่งยิ้มให้เจ้าหญิง “ลงมมาซิ เธซี่” หม่อมเจ้าเลโกลัสพูด
“เปิดไม่เป็นเพคะ” หม่อมเจ้าเลโกลัสเดินไปเปิดประตูรถให้เธซี่
“ตอนลงก็เอาขาลงก่อนนะ” หม่อมเจ้าเลโกลัสพูด เธซี่ลงจากรถด้วยท่าทางเก๋ๆกังๆ “เป็นอะไรเปล่า ... เธซี่”หม่อมเจ้าเลโกลัสถาม
“เหน็บกินเพคะ ... แล้ว ... แล้ว ...”
“แล้วอะไรล่ะ ...”
“ปวดเบาเพคะ ... จะราดแล้ว” เจ้าหญิงแซนดี้ขำเบาๆ
“เข้าไปที่เรือนก่อนเถอะ เธซี่ ไหวไหม”
เธซี่หันมาพูดกับเจ้าหญิงแซนดี้ “ไหวค่ะ ... แต่ถ้าช้ากว่านี้ ... ไม่ทันแน่ๆ” เธซี่รีบวิ่งไปในเรือนเล็กเพื่อหาห้องน้ำ เจ้าหญิงแซนดี้กำลังจะเดินตามเธซี่ไป
“เดี๋ยวซิ ... แซนดี้” หม่อมเจ้าเลโกลัสพูด “ฉันจะเดินไปส่งเธอที่เรือน”
“ไม่เป็นไรเพคะ ... หม่อมฉันไปเองได้”
“ทางมืดขนาดนี้ ... เป็นหน้าที่ของสุภาพบุรุษที่จะต้องดูแลสุภาพสตรี เขาสอนฉันมาแบบนี้ตอนเรียนอยู่ที่เดิร์มสแตรงก์ ... เร็วเถอะน่า ยิ่งดื้อจะยิ่งดึกนะ”
“แต่มันไม่เหมาะนะเพคะ ...” เจ้าหญิงแซนดี้พูด
“ก็มีเธซี่เดินไปก่อนหน้านั้นแล้วไง อย่าให้เธซี่ต้องเหนื่อยนั่งรถมาเป็นเพื่อนเธอฟรีๆเลยนะ” เจ้าหญิงแซนดี้ได้ยินเช่นนั้นแล้วก็รีบเดินกลับเรือนเล็กไปโดยมีท่านชายเลโกลัสเดินตามไปติดๆ ยิ่งเจ้าหญิงแซนดี้เดินเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ หม่อมเจ้าเลโกลัสก็ยิ่งเดินเข้ามาใกล้เจ้าหญิงมากขึ้นเท่านั้น
“อย่าเดินเร็วนักสิ แซนดี้” หม่อมเจ้าเลโกลัสพูด “เธอไม่เห็นหรือไร ... ว่าแสงจันทร์งามแค่ไหน หรือเธอไม่ชอบชมจันทร์”
“ดึกมากแล้วเพคะ ถ้ามีใครมาเห็นเข้าจะดูไม่งามนะเพคะ”
“สักครู่นะ ... เธซี่ มานี้เร็ว” หม่อมเจ้าเลโกลัสหันไปพูดกับเธซี่ “มีเธซี่อยู่ด้วย คงจะไม่น่าเกลียดอะไร ... เธออยู่แถวนี้สักครู่ได้ไหม ฉันมีธุระอยากจะคุยกับเจ้าหญิงแซนดี้เล็กน้อย” หม่อมเจ้าเลโกลัสชำเลืองมาทางเจ้าหญิง
“เพคะ” เธซี่รับคำ
ในขณะนั้นเหมือนบรรยากาศเป็นใจ ท้องฟ้าได้เปิด เมฆลอยหายไป เผยให้เห็นดวงจันทร์เต็มดวงทอแสงนวลตาอยู่กลางฟ้า คนทั้งสองหันไปมองดวงจันทร์ ชื่นชมกับความงาม เจ้าหญิงแซนดี้ไม่รู้เลยว่าท่านชายกำลังมองหน้าเธออยู่ไม่ว่างตา
“อุ้ยตายจริง” เจ้าหญิงแซนดี้ตกใจเมื่อหันมาสบสายตากับหม่อมเจ้าเลโกลัสพอดี ท่านชายยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากของตน เป็นเชิงบอกว่าอย่าพึ่งพูด
“ฉันชอบมองเธอ” หม่อมเจ้าเลโกลัสพูด “ฉันชอบเธอ ... แซนดี้” หม่อมเจ้าเลโกลัสบอกความรู้สึกต่อแซนดี้ ท่ามกลางแสงจันทร์ที่เป็นพยาน “ฉันไม่ได้มองเธอเป็นเพียงแค่ของเล่น ... ฉันจริงใจและอยากใช้ชีวิตกับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“ไม่นะเพคะ” เจ้าหญิงแซนดี้รีบตอบทันที
“รอฉันจัดการเรื่องทางฉันเสร็จก่อนนะ ... แล้วฉันจะไปพูดคุยกับเด็จพ่อของเธอที่เมืองเวลส์”
“ไม่นะเพคะ ... หม่อมฉันไม่ยินยอมและถ้าหากหม่อมฉันไม่ยินยอม ... เด็จพ่อก็จะไม่บังคับใจหม่อมฉันแน่นอน”
“ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ใหญ่มาบังคับใจเธอหรอก” หม่อมเจ้าเลโกลัสพูดแล้วอมยิ้ม “เพราะฉันประสบกับเรื่องนี้มาด้วยตัวเอง ฉันรู้ดีว่าคนที่ถูกบังคับเรื่องคู่ครองรู้สึกอย่างไร”
“แต่ท่านชายกำลังจะทำร้ายจิตใจ ... รวมทั้งศักดิ์ศรีและเกียรติยศของคนอีกมากมายนะเพคะ” หม่อมเจ้าเลโกลัสถอนหายใจ
“ฉันยอมรับผิดทุกอย่าง คนเราย่อมมีกรรมต้องชดใช้ ... ฉันยอมโดนประณาม ... แต่ฉันไม่ยอมที่จะไม่ได้เธอเป็นคู่ครอง ... ฉันหวังว่าเมื่อฉันจัดการกับเรื่องยุ่งทางฉันเสร็จแล้ว ... ฉันจะมาขอคำตอบจากเธอนะ” หม่อมเจ้าเลโกลัสหยุดพูด แล้วสบตากับเจ้าหญิง “แซนดี้ ... ถึงตอนนั้นเธอค่อยตอบ ... ว่าใช่ หรือไม่”
“ท่านชาย” เจ้าหญิงแซนดี้พูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“คู่ครองของฉันคือเธอคนเดียวเท่านั้น ... ฉันจะไม่ครองคู่กับหญิงอื่นใดอีก ... จะไม่รักใครอีกเลย” ทั้งสองยืนสบสายตาซึ่งกันและกัน หม่อมเจ้าเลโกลัสเอื้อมมือออกไป พยายามจะแตะพวงแก้มของเจ้าหญิงแซนดี้ แต่เจ้าหญิงหันหน้าเมินหนี ท่านชายส่งยิ้ม
“รีบขึ้นเรือนเถอะ ...” หม่อมเจ้าเลโกลัสพูด “ฉันจะกลับแล้ว”
“เพคะ” เจ้าหญิงแซนดี้รีบเดินขึ้นเรือนไป ท่านชายยังคงมองตามเจ้าหญิงอยู่และคิดแต่เพียงในใจว่าความรักครั้งนี้จะสมหวัง ก่อนจะเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม
************************************************
ที่วังใหญ่
“ทราวิส ... มาก็ดีละ” คุณนายเพฟเวอเรลล์พูด “ไปดูซิ คุณเพฟเวอเรลล์เ กับท่านชายเลโกลัส ทำอะไรอยู่ ป่านี้ยังไม่นอนอีก”
ทราวิสอ้ำอึ้ง “ท่านประทับอยู่ที่ห้องทรงงานทั้งสองพระองค์ขอรับ”
“ทรงงาน” คุณนายเพฟเวอเรลล์มีน้ำเสียงประหลาดใจ “อะไรกัน ... งานใหญ่หรือ”
“ขอรับ งานใหญ่มากเลยขอรับ ทรงรับสั่งไม่ให้รบกวนด้วยขอรับ” ทราวิสรีบพูด
“งั้นก็แล้วไป” คุณนายเพฟเวอเรลล์พูด ก่อนจะเดินขึ้นไปห้องนอนชาย ทราวิสผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่
“รอดตัวไปที นี่ถ้าหากว่าปดไม่สนิทแล้วละก็ ...ไม่อยากจะคิดเลย” แล้วทราวิสก็หายตัวไปปรากฏที่ห้องทำงานของคุณเพฟเวอเรลล์
“เป็นไง” คุณเพฟเวอเรลล์ถามเอลฟ์ประจำบ้าน
“เรียบร้อยแล้วกระหม่อม”
“ดีมาก ทราวิส ... คุณนายไม่สงสัยเลยใช่ไหม”
“ไม่สงสัยเลยกระหม่อม” ทราวิสพูด “กระหม่อมยังกลัวอยู่เลย ว่าจะทำความแตก”
“ความหนะมันต้องแตกแน่ ... แต่ให้แตกตอนที่ชายเลโกลัสกลับมาดีกว่า” คุณเพฟเวอเรลล์หัวเราะ “ปัญหาของเขา ให้เขาแก้เองเถอะ” คุณเพฟเวอเรลล์พูด ทราวิสมองด้วยความเป็นห่วง หม่อมเจ้าเลโกลัสเดินเข้ามาในห้องทรงงานพอดี เคาะประตูเสียงดังจนทำให้คุณเพฟเวอเรลล์ละสายตาจากหนังสือที่อ่านมามองลูกชาย
“เป็นไงชายเลโกลัส ... เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” คุณเพฟเวอเรลล์ถาม ท่านชายพยักหน้า “แล้วจะกินอะไรรองท้องไหม”
“ไม่กระหม่อม ... ลูกไม่หิว”
“ข้าวปลาไม่กิน ... อิ่มทิพย์หรือ”
“กระหม่อม” หม่อมเจ้าเลโกลัสพูด เมื่อทราวิสเดินออกไปจากห้องแล้ว ท่านชายก็นั่งลงที่เก้าอี้เพื่อจะพูดคุยเรื่องสำคัญกับคุณเพฟเวอเรลล์
“เด็จพ่อ” ... เขาเอ่ยขึ้น “ลูกอยากให้ระงับเรื่องสู่ขอน้องไลลากระหม่อม”
“นี้ใจคอจะทำอย่างนั้นเชียวหรือ” คุณเพฟเวอเรลล์พูด “ทำแบบนี้หม่อมเจ้าหญิงไลลา มัลฟอยจะต้องอับอายมากนะลูก”
“ไม่เช่นนั้นลูก ... จะไม่อยู่ที่อังกฤษอีกตลอดไปชั่วชีวิตกระหม่อม”
“เอาแต่ใจตัวเองมากเกินไปนะลูก”
“แต่คนเราควรมีอิสระในการเลือกคู่ครอง” คุณเพฟเวอเรลล์ส่ายหน้าอย่างไม่ถูกใจเป็นที่สุด
“แล้วคุยกับแม่หรือยัง”
“พูดบ้างแล้วกัน ... แม่ไม่ยอม แล้วแม่ไม่ได้ทูลเด็จพ่อหรือกระหม่อม”
“ยังไม่ได้คุยกัน” คุณเพฟเวอเรลล์พูดน้ำสัยงเป็นกังวล
“ถ้าเด็จพ่อไม่ได้ทรงโปรดแซนดี้อย่างที่ใครๆพูดใช่ไหมกระหม่อม”
“ชายเลโกลัส ... พ่อเอ็นดูเจ้าหญิงแซนดี้เหมือนลูกเหมือนหลาน ไม่เคยคิดเกินเลยเป็นอื่น”
“ถ้าเช่นนั้นลูกขอแต่งงานกับแซนดี้” หม่อมเจ้าเลโกลัสพูดน้ำเสียงหนักแน่น “ลูกรักเจ้าหญิงแซนดี้ ไม่รู้ทำไมถึงรักขนาดนี้ ทั้งๆที่พึ่งเคยเจอกันแท้ๆ”
“ทบทวนดูให้ดีเถอะ” คุณเพฟเวอเรลล์โมโห “คิดให้รอบคอบ ... มันเป็นเรื่องเสียหายมากนะสองตระกูลจะมองหน้ากันไม่ได้ ถึงขนาดผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกันเชียว เข้าใจใช่ไหม”
หม่อมเจ้าเลโกลัสยืนอิ้ง นิ่งคิดอยู่พักใหญ่
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ