ตำนานมหาเทพตงหัว (The Legend of DongHua Dijun)
-
เขียนโดย ตัวหงส์
วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.33 น.
7 chapter
0 วิจารณ์
16.28K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560 20.30 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5) ศึกทะเลใต้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 5: ศึกทะเลใต้
ณ โรงน้ำชาบุปผาแดง
"เอ๋! เดี๋ยวซี ท่านลุงนักเล่านิทาน ข้าอยากฟังตำนานตอนที่องค์มหาเทพออกรบทำศึกกับพวกมารปีศาจใต้พิภพ" เด็กหนุ่มน้อยคนหนึ่งพุดโพล่งขึ้นมากลางกลุ่มฝูงชนที่กำลังนั่งล้อมวงฟังเรื่องเล่าในโรงน้ำชาบุปผาแดง
“ข้าด้วย! ข้าด้วย!” เสียงฝูงชนที่นั่งล้อมวงสนับสนุน หากพูดถึงองค์มหาเทพแล้วนั่นเรื่องราวในสนามรบนั้นฟังดูน่าสนุก และน่าตื่นเต้นยิ่ง
“ฮ่าๆ ข้านึกว่าเจ้าอยากจะฟังเรื่องฝีมือการทำอาหารของมหาเทพต่อเสียอีก ก็ได้ๆ เอ... เช่นนั้นข้าจะเล่าเรื่องของศึกทะเลใต้ให้พวกเจ้าฟังแล้วกัน” เห็นทีว่าจะต้องย้อนไปถึงเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ในช่วงที่มหาเทพตงหัวเพิ่งจะขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขสวรรค์ได้ไม่นานนัก เหตุเพราะจากดับขันธ์ของบิดาแห่งเวลาทำให้ทั่วทั้งสามโลกต่างโกลาหล เหล่ามารปีศาจใต้พิภพคิดการขบถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งราชามารแห่งพื้นใต้พิภพได้ซ่องสุมกำลังปีศาจกว่าแปดแสนตนเพื่อจะก่อขบถต่อมฟาเทพตงหัว และสถาปนาตนเองและเผ่ามารใต้พิภพขึ้นเป็นผู้ปกครองสามโลก
ในยามนั้นเทพจุติศิลาอาวุโสทั้งสามองค์ล้วนดับขันธ์ไปแล้วทั้งสิ่น อีกทั้งเทพจุติศิลาที่สี่ดวงตาแห่งธรรมก็ถึงกำหนดลงไปจุติยังโลกมนุษย์อีกครา บนสวรรค์จึงเหลือเพียงแต่มหาเทพตงหัวผู้เดียวที่ต้อวรับศึกนี้
ณ ดินแดนใต้พื้นพิภพ
ทหารมารตนหนึ่งเพิ่งจะทราบข่าวรายงานสถาณการณ์จากสวรรค์ จึงรีบเร่งกลับลงไปรายงานต่อราชามาร
“รายงาน! เพลานี้ดวงตาแห่งธรรมได้ถึงกำหนดครบรอบลงไปจุติยังโลกมนุษย์แล้วขอรับ” ทหารมารรายหนึ่งกล่าวรางานแก่ราชามาร ราชามารองค์นี้สามโลกต่างสมญาว่า 'มารพยัคฆ์ดำ'
“ดี ดี! หากการณ์เป็นดั่งนี้ บนสวรรค์เห็นทีจะเหลือเพียงแต่มหาเทพตงหัวเท่านั้น โชคช่างเข้าข้างพวกเราเสียนี่กระไร!”
ราชามารพยัคฆ์ดำกล่าวอย่างยินดียิ่ง ตบเข่าดังฉาด แล้วจึงเร่งยาตราทัพออกยังทะเลใต้เพื่อเปิดศึกมหาสงคราม ในใจราชาปีศาจนั้นผูกใจเจ็บกับมหาเทพตงหัวมาตั้งแต่หลายพันปีก่อน เมื่อพันกว่าปีก่อนนั้นพระบิดาของเขา ราชามารองค์ก่อน ได้เคยก่อการขบถขึ้นครั้งหนึ่ง ซึ่งในครานั้นต้องใช้เทพจุติศิลาถึงห้าองค์จึงจะสามารถสยบราชามารองค์ก่อนลงได้ แต่สิ่งที่น่าแค้นใจที่สุดก็คือ ผู้ที่เป็นผู้สังหารราชามารองค์ก่อนนั่นคือ มหาเทพตงหัว นั่นเอง แค้นนี้ไม่ว่าอย่างไร ราชามารพยัคฆ์ดำจักต้องชำระให้ได้ แล้วครั้งนี้เหมือนฟ้าจักรวาลจะเป็นใจให้เขา ในเมื่อเหลือเทพจุติศิลาเพียงองค์เดียวเท่านั้น ไม่ว่าใครหน้าไหนก็หยุดเขาไม่ได้!
กล่าวถึงแดนสวรรค์ด้านบน ขณะนั้นมหาเทพตงหัวกำลังหารือเรื่องราวการสงครามกับเหล่าขุนพลเทพ
"มหาเทพ ข้าเกรงว่า ศึกคราวนี้ใหญ่หลวงนัก ราชามารพยัคฆ์ดำมีทหารมารมากถึงแปดแสนตน ลำพังเพียงกำลังทหารเทพบนสวรรค์ยังมิอาจแน่ใจว่าจะเอาชนะได้..." ขุนพลเทพท่านหนึ่งกล่าวรายงานต่อมหาเทพตงหัว
“อีกทั้ง ดวงตาแห่งธรรม ก็ลงไปจุติยังโลกมนุษย์แล้ว ข้าเกรงว่า ลำพังมหาเทพ อาจจะ...อาจจะ...” ขุนพลเทพอีกท่านหนึ่งกล่าวต่อ สีหน้าไม่สู้ดีนัก
เริ่มเกิดเสียงซุบซิบพูดคุยกันขึ้นในท้องพระโรงที่ประชุมนั้น
“อืม” ตงหัวรับคำ เดินกลับขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ของประมุขสวรรค์ พลางหยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง
“มหาเทพ... ราชามารพยัคฆ์ดำตนนี้ นำทัพมารมาถึงแปดแสนตน เห็นทีจะไม่ใช่รับมือได้ง่ายๆ เช่นนั้น... ข้าคิดว่า คิดว่า...” ขุนพลเทพท่านเดิมยังคงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล แต่ไม่ทันจะได้กล่าวต่อ เข้าก็ต้องเงียบไปเมื่อสบสายจาเข้ากับสายตาอันเย็นเยียบของมหาเทพที่จ้องมาทางเขา สายตานั้นหาได้มุ่งอาฆาตมาดร้าย หรือตำหนิติเตียน แต่เพียงแค่ถูกมองแวบเดียว ขุนพลเทพก็รู้แล้วว่า สมควรแล้วที่เขาจะหยุดบทสนทนาไว้เท่านั้น
“เช่นนั้นแล้ว ศึกนี้อาจจะต้องให้ดวงตาแห่งธรรมช่วย... ข้าคิดว่า สมควรที่จะให้ มหาเทพสามารถเรียก ดวงตาแห่งธรรม ให้กลับขึ้นมาบนสวรรค์ก่อนกำหนด” เทพขุนพลอีกองค์หนึ่งกล่าวต่อ
“ไม่ได้” มหาเทพกล่าว พลางยกน้ำชาขึ้นมาจิบ
ภายในท้องพระโรงที่ประชุมเริ่มเกิดเสียงซุบซิบ พูดคุยดังระงม ด้วยว่าเทพองค์หลายๆองค์ต่างไม่พอใจที่มหาเทพตงหัวไม่ยอมเรียก ดวงตาแห่งธรรม ให้ขึ้นมาช่วยในศึกนี้ เห็นทีศึกนี้คงจักเป็นจุดจบของชาวสวรรค์และสามโลกเป็นแน่แท้!
“พวกท่านทั้งหลายเงียบเสียงลงก่อน!" เทพวัยกลางคนองค์หนึ่งที่ยืนอยู่แถวหลังสุดตะโกนขึ้นมากลางท้องพระโรง ที่ประชุมพลันกลับไปสู่ความเงียบสงบอีกครา เทพวัยกลางคนองค์นั้นจึงกล่าวต่อ
"เหตุที่มหาเทพไม่เรียกดวงตาแห่งธรรมขึ้นมาก่อนกำหนด เพราะนั้นเ็นการฝืนลิขิตจักรวาล หากมหาเทพไปแทรกแซงชะตาแห่งจักรวาลของดวงตาแห่งธรรมแล้วล่ะก็ เคราะห์หนักจะตกที่มหาเทพและดวงตาแห่งธรรม หรือท่านอยากให้ทั้งสามโลกไร้ซึ่งเทพจุติศิลาคอยค้ำจุน? หืม?" เทพวัยกลางคนองค์นั้นกล่าวต่อเสียงหนักแน่น สาธยายรายละเอียดออกมา ทั้งที่ประชุมจึงเข้าใจถึงสาเหตุแจ่มแจ้ง ไม่มีผู้ใดกล้าปริปากทัดท้านใดใดอีก
เจ้านั่นดูท่าจะใช้การได้! (ตงหัว)
มหาเทพตงหัวดูจะสนอกสนใจเทพวัยกลางคนคนนั้นอยู่ไม่น้อย ก่อนจะยกน้ำชาขึ้นจิบอีกอึกหนึ่ง แล้วผายมือยกขึ้นเป็นทำนองว่าให้เทพองค์นั้นพูดต่อ
"ขอบพระทัยมหาเทพพบิดา ด้้วยว่าเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ข้าจึงอยากขอเสนอวิธีการ ประลองคู่ชิงชัย เพื่อยุติสงครมนี้" เทพวัยกลางคนกล่าวต่อจนจบ
ประลองคู่ชิงชัย? คืออะไร?
การประลองคู่ชิงชัย คือ การประลองของสองผู้นำจากทั้งสองฝ่ายที่ทำสงครามกัน มาประลองกันจนถึงแก่ชีวิตของอีกฝ่าย หากผู้ใดชนะก็จะได้ชัยชนะในสงครามนั้น ผู้พ่ายแพ้ต้องสูญเสียทั้งชีวิต และบ้านเมืองอย่างไม่มีข้อแม้ ถือเป็นวิธีการที่ดีในการไม่ต้องสูญเสียกำลังทหารมากมายในสงคราม แต่ก็น่ากลัวอยู่ไม่น้อย เพราะ ไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้กำชัยขนะ
“ตามกฎแห่งจักรวาลการประลองคู่ชิงชัย ล้วนต้องให้ผู้นำของทั้งสองทัพ ออกรบพุ่งกันเอง ผู้ใดสูญเสียแก่ชีวิตจักต้องยอมศิโรราบแก่ผู้ชนะ ในฐานะประมุขสวรรค์มหาเทพจึงต้องลงไปต่อสู้กับราชามารด้วยองค์เอง... เช่นนั้นแล้ว ก็จะ...” เทพวัยกลางคนยังไม่ทันกล่าวจบดี
"อืม ข้าเข้าใจล่ะ เช่นนั้น จงนำตราประมุขสวรรค์มาให้ข้า ในอีก7 วัน ข้าจะลงไปรับมือศึกราชามารพยัคฆ์ดำที่แดนทะเลใต้" ตงหัวประกาศก้อง เมื่อกล่าวจบก็ดื่มน้ำชาต่อจนหมดแก้ว เขาพูดประโยคเมื่อกี้ออกมาราวกับว่านี้คือการออกไปเดินเล่นเช่นนั้น มิใช่การทำมหาศึกรบพุ่งระหว่างสองดินแดนแต่อย่างใด
ไม่มีผู้ใดในที่ประชุมกล้ากล่าวทัดทานแต่อย่างไร เทพหญิงรับใช้สองนางเดินถือตราประมุขสวรรค์มาให้มหาเทพยังบัลลังก์ที่นั่ง ตราประมุขสวรรค์นั้นใช้เพื่อในการแสดงราชศักดิ์ฐานะที่แท้จริงของประมุขสวรรค์ อีกทั้งยังถือเป็นของวิเศษอีกชิ้นหนึ่งด้วย โดยสามารถจะเป็นเกราะครอบฟ้าคุ้มภัยให้กับผู้ที่ถือครองได้ ตรานี้ถูกสร้างขึ้นโดยบิดาแห่งเวลาเมื่อครั้งที่ท่านยังดำรงตำแหน่งเป็นประมุขสวรรค์อยู่เมื่อหลายพันปีก่อน
มหาเทพตงหัวเมื่อรับตรามาแล้วนั้นพลันรู้สึกถึงพลังบางอย่างอาบไล้ทั่วร่าง ราวกับเป็นครอบแก้วอยู่รอบกายเขา ครอบฟ้าสลาตันของบิดาแห่งเวลา ทรงพลังเสียนี่กระไร!
“ขอมหาเทพทรงพระเจริญ! ทรงพระเจริญ!” เสียงแซ่ซ้องดังกึกก้องทั่วห้องประชุม
“อืม” ตงหัวรับคำหนึ่งครา สายตายังจับจ้องอยู่ที่ตราประมุขสวรรค์ในมือ ถึงแม้ว่าสีหน้าเขาจะไม่แสดงอารมณ์ใดใดให้ปรากฏ แต่ภายในใจก็มีความวิตกอยู่บ้าง ถึงแม้จะเป็นประมุขสวรรค์ เขาเองก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะราชามารตนนี้ลงได้
ณ ที่ทะเลใต้ ราชามารพยัคฆ์ดำ และตงหัวยืนประจันหน้ากันบนผิวน้ำ ราชามารพยัคฆ์ดำนั้นหน้าบิดเบี้ยวโกรธเกรี้ยวไปด้วยโทสะ มือถือง้าวยักษ์ ยืนนิ่งไม่ไหวติง สายตาคอยชำเลืองการเคลื่อนไหวของตงหัว
ตงหัวนับตั้งแต่ลงมาถึงทะเลใต้ก็พบกับทัพแปดแสน เขาลงมาเพียงคนเดียว ก็แน่ละสิ ทำไมต้องพาคนอื่นมาดูด้วย แค่คนเท่านี้ก็วุ่นวายพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรมาก เพียงแค่ลงมาถึง ณ สนามรบ ราชามารพยัคฆ์ดำก็เหมือนจะเข้าใจเจตนาของเขาได้ดีว่าที่เขามาวันนี้เพื่อมาประลองคู่ชิงชัย
ตงหัวยืนนิ่งสงบอยู่บนผิวน้ำ สองมือไพล่หลัง หลับตาอย่างสงบ คล้ายจะหลับก็ไม่ปาน
“ตงหัวเอ๋ย วันนี้ตัวข้าราชามารพยัคฆ์ดำ จะสังเวยชีวิตเจ้าเพื่อชดใช้ให้แก่บิดาข้า และจะกำราบแดนสวรรค์ให้สิ้นซาก!! ฮ่าๆ”
“....” ตงหัวลืมตาขึ้นมา มองอย่างว่างเปล่าเลื่อนลอยไปที่ราชามารพยัคฆ์ดำ
“พูดจบรึยัง? จะได้เริ่มกันซักที”
“เอ๋!! เจ้านี้สามหาวนัก จงลิ้มรสความร้ายกาจของง้าวข้าซะ จงตาย!”
ราชามารพยัคฆ์ดำโจมตีอย่างรุนแรง
หึ! การเคลื่อนไหวแบบนั้นมันไม่ดูง่ายไปหน่อยเหรอ
ตงหัวเหลือบตามอง ราชามารพยัคฆ์ดำขยับง้าวฟาดฟันมาทางด้านขวา ตงหัวเพียงบิดเอวไปทางซ้ายเล็กน้อยก็เห็นจะหลบพ้นได้ไม่อยาก เพียงแต่กำลังจะขยับตัวไปเท่านั้นได้ยินเสียงดัง ฉึก! ง้าวยักษ์ฟันเข้ามาที่หัวไหล่ซ้ายของเขาอย่างจัง
อะไรกัน !! เมื่อกี้มันทางขวาชัดๆ นี้
“ฮึฮึ ตงหัวเอ๋ย นับตั้งแต่เจ้าสังหารบิดาข้า ข้าใช้เวลาเป็นพันกว่าปีศึกษาเกี่ยวกับตัวเจ้า ทุกอย่างที่เจ้าคิดจะทำข้ารู้หมด ทุกแผนการที่เจ้าคิดข้าเดาทางได้หมด”
ราชามารพยัคฆ์ดำหัวเราะชอบใจ และยิ้มอย่างหยิ่งผยอง ทัพมารแปดแสนตนด้านหลังยิ่งโห่ร้องก้องจนผืนน้ำทะเลสั่นสะเทือน
“น่าสนใจดีนี่..” ตงหัวเอ่ยเบาๆ สีหน้ายังคงไร้อารมณ์เช่นเดิม ไหล่ซ้ายที่เพิ่งถูกง้าวไปเมื่อครู่ปรากฏเหลือสีแดงเข้าไหลซึมอออกมาจนชุ่มโชก คาดว่าคงไม่อาจจะสามารถยกมือซ้ายขึ้นได้อีกเป็นอีกหลายเดือน น่ากลัวว่าจะตัดโดนเส้นเลือดสำคัญเสียหายไป ดีที่ยังมีครอบฟ้าสลาตันของประมุขสวรรค์คอยรับแรงกระแทก ไม่งั้นเขาคงได้เสียแขนซ้ายไปแน่ๆ
ตงหัวใช้อาคมกรียกกระบี่อัสนีบาทขึ้นมาตรงหน้า กระบี่เล่มยาวสีเงินปรากฏแก่สายตา เขาจับกระบี่ด้วยมือขวาจากนั้นจึงเข้าฟาดฟันกับราชามารพยัคฆ์ดำ
เช้ง เช้ง! เสียงอาวุธกระทบกับจนแผ่นดินแผ่นน้ำสะเทือน ราชามารพยัคฆ์ดำสามารถรับได้ทุกกระบี่ที่ตงหัวใช้ออกไป ตงหัวเองก็ไม่ได้หยุดจู่โจม ความเจ็บที่ไหล่ซ้ายทำให้เขาเคลื่อนที่ได้ช้ากว่าปกติ แต่ความแรงในการใช้กระบี่นั้นหาได้ลดน้อยลงไม่ แต่อย่างไรก็ตามราชามารพยัคฆ์ดำยังสามารถปัดป้องได้อย่างสมบูรณ์ ตงหัวใช้ไปเกือบ สามร้อยกระบี่ ยามนี้ไหล่ซ้ายเริ่มปวดแปลบ เลือดไหลทะลักออกมามากมายนัก ทำให้มือขวาที่ใช้กระบี่ออกไปอย่างต่อเนื่องนั้นเสียจังหวะ เปิดโอกาสให้ราชามารพยัคฆ์ดำใช้อาวุธลับลอบทำร้ายเขา มีดสั้นบินตรงเข้ามายังหัวใจตงหัว ดีทีตงหัวหันกายเบี่ยงทัน มีดเล่มนั้นจึงแค่ถากผ่านลำตัวไปเท่านั้น มิใช่เรื่องน่าตกใจอันใด ตงหัวตีลังกากลับหลังไปตั้งรับที่อีกฟากหนึ่ง เลือดจากแขนซ้ายไหลไม่หยุดเป็นสายน้ำ เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นมาบนหน้าผาก
แม้เขาจะผ่านสนามรบมาเป็นพันๆครั้ง แต่การที่ต้องเจ็บตัวตั้งแต่เริ่มต่อสู้นั้น ช่างเสียเปรียบจริงๆ อีกทั้งราชามารพยัคฆ์ดำยังสามารถเดาทางวิชากระบี่และการเคลื่อนไหวของเขาออกหมด จึงทำให้ยากที่จะเข้าถึงจู่โจม หากยิ่งยืดเยื้อ ศึกนี้เห็นทีเขาจักต้องพ่ายแพ้เป็นแน่!
ในยามนั้นตงหัวจึงหลับตาลง ใช้อาคมสลายครอบฟ้าสลาตันและนำเอามาผนวกเข้ากับร่างกายของเขาเพื่อช่วยฟื้นฟูพลังร่างกายและสมานแผลเบื้องต้น พลันหน้าตาค่อยกลับมามีเลือดฝาดอีกครา
“ตงหัวเอ๋ย หากเจ้ายอมกราบขอขมาวิญญาณบิดาของข้า ข้าจะสังหารเจ้าให้เร็ว และไม่เจ็บปวด แต่หากเจ้ายังดื้อดึงต่อไปเช่นนี้ละก็ ข้าจะค่อยๆ ทรมานเจ้าทีละบาดแผล จนเจ้าต้องขอร้องให้ข้าจบชีวิตที่น่าสมเพชของเจ้าซะ ฮ่าๆๆ”
ราชามารพยัคฆ์ดำในยามนี้ผยองในความเก่งกล้าสามารถของตน แน่ล่ะ นับตั้งแต่บิดาตายไปเข้าก็ทุ่มเททุกวินาทีไปกับการแก้แค้น ฝึกทุกอย่างทุกวันเพื่อรอวันนี้ วันที่จะได้ประมือกับศัตรูคู่อาฆาตของเขา ตงหัว ไม่ว่าอย่างไรศึกนี้เขาต้องเป็นผู้กำชัยชนะเท่านั้น!
“ขอบคุณเจ้ามากที่ให้ความสนใจในตัวข้ามาเป็นหลายพันปี หากเจ้าเป็นสตรีไม่แน่ว่าข้าอาจจะนึกว่าเจ้าแอบหลงใหลข้าอยู่มิใช่น้อย....”
ตงหัวในยามนี้แสยะยิ้มมุมปาก และกล่าววาจายั่วประสาทแก่ราชามารพยัคฆ์ดำ
“น่าเสียดายที่ ข้าไม่ได้ลงมาทีนี้เพื่อฟังเจ้าพูดพล่าม เลอะเทอะ ข้ามาทีนี้เพื่อทำศึก ฉะนั้นหุบปากซะ แล้วจงเข้ามาเถิด!” ตงหัวกล่าวเสียงแข็ง มือขวาถือกระบี่ชี้ไปยังราชามารพยัคฆ์ดำ
ราชามารพยัคฆ์ดำทำได้เพียงแต่กัดฟันกรอดในคำพูดโอหังของตงหัว ตั้งท่าพร้อมเข้าจู่โจมด้วยง้าวยักษ์ ราชามารพยัคฆ์ดำพุ่งเข้าจู่โจมตงหัวอีกครา คราวนี้กลับรุนแรงกว่าเดิม ราชามารพยัคฆ์ดำมองเห็นแล้วว่า ไม่ว่าอย่างไรง้าวนี้ต้องตัดโดนกลางลำตัวของตนหัวเป็นแน่จึงยิ่งเร่งพลังจู่โจมให้รุนแรงยิ่งขึ้น
ฉับ!! มีเสียงเนื้อถูกอาวุธจริงๆ แต่หาใช่ง้าวยักษ์ที่ฟังถูกตงหัวไม่ กลับเป็นเสียงของกระบี่อัสนีบาทที่ฟันเข้ากลางหลังของราชามารพยัคฆ์ดำเอย่างจัง
เป็นไปได้อย่างไร!
เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าอยู่ตรงนี้แท้ๆ ตงหัว เจ้าใช้วิชาแยกร่างลวงตาหรืออย่างไร?
ราชามารพยัคฆ์ดำสับสนงุนงงเป็นอย่างมากเมื่อครู่นี้เขาอ่านการเคลื่อนไหวของตงหัวออกแท้ๆ แต่เมื่อเข้ามาประชิดตัว กลับเป็นเขาเองที่ถูกจู่โจม เป็นไปได้อย่างไรกัน! ราชามารพยัคฆ์ดำหันกลับมามองตนหัวที่บัดนี้ยืนถือกระบี่อยู่ด้วยมือข้างขวา สังเกตได้ว่าตงหัวนั้นหลับตาสนิท คอยเงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวอยู่
“จะ จะ เจ้า หลับตา ทำไมนะ? ตงหัว นี้วิชาอะไรกัน? เจ้าดูถูกข้าถึงเพียงนี้เชียวเหรอ?” ราชามารพยัคฆ์ดำถามเสียงสั่น กลางหลับเจ็บปวดสาหัสจากรอยกระบี่อัสนีบาทที่บาดลึกถึงกระดูก
“คาดว่าเจ้าคงศึกษารูปแบบการต่อสู้ของข้ามาจนหมดแล้วนะซี จะให้ข้ามาคิดวิชาใหม่ตอนนี้ก็เห็นจะไม่ทันการ ข้าจึงต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น คิดว่าเจ้าคงไม่เคืองนะ ข้าเรียกรูปแบบนี้ว่า ไร้วิชา”
ตั้งแต่ครั้งบรรพกาลในทุกการต่อสู้ นักสู้ล้วนต้องใช้วิชาที่ได้ร่ำเรียนมาดัดแปลง เข้าโรมรันพันตูกับศัตรู ผู้ที่เปลี่ยนแปลงพลิกแพลงวิชาการต่อสู้เข้ากับสถานการณ์ได้ดีที่สุดจึงจะสามารถนำชัยชนะไปได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรเล่าในเมื่อศัตรูของท่านสามารถอ่านทางการต่อสู้ของท่านได้อย่างหมดจดก่อนตัวท่านเองเสียอีก....
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วนั้นตงหัวจึงหลับตาลง ปล่อยให้สัญชาตญาณพาไป และเมื่อลองทำดูแล้วปรากฏว่าได้ผลดีทีเดียว แต่ตงหัวเองก็ไม่แน่ใจว่าการทำเช่นนี้เขาจะสามารถชนะในศึกครั้งนี้ได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยเขาก็จะลองดูก่อน
“มันก็แค่โชคช่วยเท่านั้น อย่าหวังว่าจะเอาชนะข้าได้” ราชามารพยัคฆ์ดำตะโกนด้วยความโกรธก่อนจะพุ่งเข้าจู่โจมอย่างรุนแรงอีกคราครั้งนี้ ราชามารพยัคฆ์ดำพุ่งเข้าจู่โจมตรงๆ หมายเอาชีวิตโดยแท้
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังรุนแรงของง้าวที่ตรงเข้ามา ตงหัวพลันลืมตาใช้กระบี่ออกด้วยท่ามังกรเริงระบำเหนือเมฆา หลบรอดการโจมตีของง้าวได้ และหมุนตัวกลับใช้กระบี่แทงจากหลังทะลุถึงอกของราชามารพยัคฆ์ดำ
“อ้าก! ทำไม! ทำไม!” ราชามารพยัคฆ์ดำกรีดร้องโวยวาย ทรุดกายลงกับพื้น เลือดมากมายไหลหลั่งออกจากปากและอก กระบี่อัสนีบาทยังคงเสียบทะลุอกอยู่เช่นนั้น
ตงหัวกระแอมหนึ่งครั้ง พลันกล่าวว่า
“ข้าก็เป็นของข้าเช่นนี้ บางครานึกอยากใช้วิชาข้าก็ใช้ บางคราไม่นึกอยากข้าก็ไม่ใช้...”
“เจ้า....เจ้า...ตงหัว ข้าขอจองเวรกับเจ้า ไม่ว่าข้าจะต้องเกิดอีกกี่ชาติ ข้าจะขอจองเวรกับเจ้าสืบไป...แค่กๆ” ว่าจบก็สำลักเลือดมากมายออกมากองหนึ่ง
“เช่นนั้นข้าจะรำกระบี่ให้เจ้าได้จดจำ... จงอย่าลืมข้า ผู้สังหารบิดาเจ้า และผู้ที่กำลังจะเอาชีวิตเจ้า ข้าผู้นี้แหละ ตงหัว”
ตงหัวกล่าวจบพลันกระชากกระบี่กลับ ใช้เท้าขวาเตะกระบี่ขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะพลิกตัวตีลังกาไปรำกระบี่และใช้กระบี่ออกด้วยท่าพุทธองค์ปราบเฮ่งเจีย กระบี่อัสนีบาททะลุกลางศีรษะของราชามารพยัคฆ์ดำ ทะลุลงทั่วร่าง ราชามารพยัคฆ์ดำสิ้นใจตายสนิท เหล่าทัพมารทั้งแปดแสนตนล้วนตื่นตะลึงตะลาน ไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่กล้ากล่าวกระไรทั้งสิ้น...
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ