ตำนานมหาเทพตงหัว (The Legend of DongHua Dijun)
-
เขียนโดย ตัวหงส์
วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.33 น.
7 chapter
0 วิจารณ์
16.27K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560 20.30 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1) เทพจุติศิลาทั้งห้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 1: เทพจุติศิลาทั้งห้า
ตั้งแต่ครั้งบรรพกาลความว่างเปล่ากลืนกินพื้นพิภพและท้องฟ้า ไร้ซึ่งวัตถุหรือชีวิตใดใด เป็นอยู่เช่นนั้นตราบนานเท่านาน จนกระทั่งคราหนึ่งเกิดอัสนีบาทครั้งรุนแรงขึ้นในความว่างเปล่านั่นเอง ครานั้นอัสนีบาทอันทรงฤทธานุภาพได้ให้กำเนิดศิลาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นกลุ่มหนึ่ง นับดูแล้วได้เป็นห้าส่วน ภายหลังชนรุ่นหลังขนานนามศิลาเหล่านี้ว่า “ห้าศิลาศักดิ์สิทธิ์”
ห้าศิลาศักดิ์สิทธิ์นั้นคงอยู่ในความว่างเปล่านั้นกี่หมื่นกี่แสนปีไม่อาจทราบได้ จนกระทั่งคราหนึ่งศิลาชิ้นที่หนึ่งได้ให้กำเนิดเทพจุติศิลาที่หนึ่ง หรือที่ชนรุ่นหลังขนานนามว่า “เทพบิดา” ผู้สร้างฟ้าสวรรค์ และหมู่ดวงดาวเพื่อประดับในจักรวาล เทพบิดานั้นอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลาสิบหมื่นปี จวบจนกระทั่งถึงคราที่ศิลาชิ้นที่สองได้กำเนิดเทพจุติศิลาที่สอง หรือที่รู้จักกันว่า “เทวีกำเนิด”
เทวีกำเนิดนั้นจุติมาในจักรวาลที่ประดับไปด้วยหมู่ดวงดาว สวยงาม หากแต่เงียบสงัด ไร้ซึ่งสรรพชีวิตใดใด มองไปทางใดล้วนเงียบเหงาวังเวงยิ่งหนัก เทวีกำเนิดจึงลงมือสร้างสรรค์สรรพชีวิตขึ้นมา พืชพรรณนานา และสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ล้วนเกิดขึ้นมาจากอิทธิฤทธิ์ของเทวีกำเนิดทั้งสิ้น ครานั้นเทวีกำเนิดใคร่ครวญดู เห็นว่านางจำเป็นต้องสร้างผู้ดูแลมาคอยปกป้องดูแลสิ่งสร้างสรรค์ของนาง นางจึงได้สร้างมนุษย์ขึ้นกลุ่มหนึ่งเพื่อให้ดูแลมัชฌิมโลก (โลกกลาง) และเหล่าอมนุษย์ในชั้นใต้พิภพ แต่สิ่งที่นางทุ่มเทเวลาสร้างมากที่สุดนั้นคือ เหล่าชาวสวรรค์บนชั้นฟ้า นางบรรจงสร้างให้ชาวสวรรค์มีอิทธิฤทธิ์เพื่อช่วยค้ำจุนมนุษย์ และกำราบเหล่ามารปีศาจในชั้นใต้พิภพ เทวีกำเนิดนางต้องสร้างทั้งเทพสวรรค์และมารปีศาจ เพื่อสร้างสมดุลแก่จักรวาลโลก อย่างไรก็ตามนางยังคงเปิดโอกาสให้ทุกสรรพชีวิตในโลกได้บำเพ็ญตบะและคุณงามความดีเพื่อมาจุติบนสวรรค์ชั้นฟ้า เสวยบุญบารมีก่อนหลุดพ้นสู่นิพพาน หากมนุษย์ผู้ใดประพฤติชั่วย่อมต้องไปรับโทษทัณฑ์ในแดนนรกใต้พิภพ ต้องจุติกำเนิดเป็นอมนุษย์ใจทราม เวียนว่ายตายเกิดในบ่วงกรรม ทุกข์ทนทรมานไม่จบไม่สิ้น
การสร้างสรรพชีวิตนั้นกินเวลานานโข จนกระทั่งศิลาที่สาม และสี่ได้ให้กำเนิดเทพจุติศิลาพร้อมกัน เทพจุติศิลาสามนั้นจุติมาเป็น “บิดาแห่งเวลา” ผู้ซึ่งมีหน้าที่กำหนดอายุขัยของสรรพชีวิตต่างๆ ที่เทวีกำเนิดได้สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อคงไว้ซึ่งกฎความสมดุลแห่งจักรวาล ส่วนเทพจุติศิลาสี่นั้นถือกำเนิดมาเพื่อเป็น "ดวงตาแห่งธรรม" เป็นผู้ชี้นำเหล่าเทพ มนุษย์ และมาร ให้รู้แจ้งเห็นจริงในรสพระธรรม เพื่อนำพาทุกสรรพสิ่งเข้าสู่นิพพาน ในทุกๆ หนึ่งพันปีดวงตาแห่งธรรมจะลงไปจุติยังโลกมนุษย์เพื่อช่วยชี้หนทางสู่นิพพานแก่เหล่ามนุษย์ หากพวกมนุษย์คนใดมีบุญวาสนาพออาจจะได้เกิดร่วมชาติกับเทพจุติศิลาที่สี่ก็เป็นได้ แต่โอกาสก็ยากเข็ญยิ่งเพียงหนึ่งในพันส่วนเท่านั้น
เทพจุติศิลาสามและสี่นั้นทำหน้าที่ของตนอย่างแข็งขัน เพื่อช่วยเทพบิดา และเทวีกำเนิด ในการปกปักษ์ดูแลโลกและจักรวาล ทว่าในยามที่แผ่นดินและทุกพื้นพิภพสงบสุขดี ได้ปรากฏมหาอัสนีบาสกลางจักรวาลขึ้นอีกครา แต่คราวนี้มหาอัสนีบาทนั้นฟาดฟันลงบนศิลาศักดิ์สิทธิ์ชิ้นที่ห้า แสงขาวสว่างอาบไล้ทั่วจักรวาล ในยามนี้เทพจุติศิลาที่ห้าได้ถือกำเนิดแล้วพระนาม “เทพจุติศิลาห้า มหาเทพตงหัว”
รูปลักษณ์ของมหาเทพตงหัวนั้นนับตั้งแต่ครั้งจุติมาก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย นับตั้งแต่ครั้งบรรพกาลเมื่อศิลาศักดิ์สิทธิ์ให้กำเนิดแก่เขา ตงหัวนั้นจุติมาด้วยรูปฉายาลักษณ์ของมนุษย์ เป็นชายหนุ่มวัยเบญจเพส รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวราวหยกเนื้องาม ดวงหน้างดงาม ดวงตาสำสนิทนิลกาลดั่งห้วงจักรวาลอันมืดมิด เส้นผมของเขานั้นเป็นสีขาวยาวสลวยพลิ้วไหวกับสายลม กลิ่นกายของเขานับแต่ถือกำเนิดมาเป็นกลิ่นหอมของไม้จันทร์สวรรค์ อาภรณ์ที่ตงหัวสวมใส่อยู่ตลอดนั่นคือ อาภรณ์สีม่วงเข้ม
ทั้งสามโลกต่างมีสุภาษิตที่น่าติดใจยิ่งนั่นคือ หากท่านพบเห็นบุรุษเกศาขาว สวมใส่อาภรณ์สีม่วงเข้ม ใบหน้างามดั่งหยก ทว่าไร้ซึ่งอารมณ์ใดใดให้ปรากฏ เมื่อนั้นท่านมิควรฝืนมองต่อไปอีก เพราะว่าท่านควรมอบกราบแสดงความเคารพสูงสุด หาไม่แล้วไม่วาผู้ใดก็ช่วยท่านไม่ได้แล้ว ช่วยไม่ได้แล้ว น่ากลัวยิ่ง น่ากลัวยิ่ง....
เหตุใดมหาเทพตงหัวจึงน่ากลัว? เรื่องนี้ต้องเล่าย้อนไปถึงเหตุแห่งการจุติเทพจุติศิลาทั้งห้า ล้วนทราบกันดีว่าเทพจุติศิลาทุกองค์ล้วนแล้วแต่จุติมาเพื่อรักษาความสงบสุข และสมดุลของโลกและจักรวาล หากแต่ท่านทราบหรือไม่ว่า งานของมหาเทพตงหัวคืออะไร?
เทพบิดาจุติศิลาที่หนึ่ง และเทวีกำเนิด ล้วนจุติมาเพื่อสร้างโลกและชีวิต บิดาแห่งเวลาจุติมาเพื่อสร้างกฎแห่งอายุขัย เทพจุติศิลาสี่จุติมาเพื่อชี้ทางธรรมให้มนุษย์สู่นิพพาน และ – เทพจุติศิลาห้า มหาเทพตงหัว จุติมาเพื่อ ‘ทำลาย’ — ใช่แล้วท่านฟังไม่ผิดหรอก มหาเทพตงหัวจุติมาเพื่อทำลาย และสังหารทุกสรรพชีวิตที่ล้ำเส้นกฎแห่งจักรวาล หากพี่ๆทั้งสี่ของเขาคือผู้สร้างและผู้รักษา ตงหัวนี้แหละคือผู้ทำลาย ไม่ว่าจะเป็น เทพบนสวรรค์ชั้นฟ้า มาร อมนุษย์ตนใดก็ตาม มหาเทพตงหัวก็พร้อมจะฟาดฟันเอาชีวิตไม่เลือกหน้า นั่นแล จึงกล่าวได้ว่าน่ากลัวยิ่ง น่ากลัวยิ่ง...
ตั้งแต่ครั้งบรรพกาลความว่างเปล่ากลืนกินพื้นพิภพและท้องฟ้า ไร้ซึ่งวัตถุหรือชีวิตใดใด เป็นอยู่เช่นนั้นตราบนานเท่านาน จนกระทั่งคราหนึ่งเกิดอัสนีบาทครั้งรุนแรงขึ้นในความว่างเปล่านั่นเอง ครานั้นอัสนีบาทอันทรงฤทธานุภาพได้ให้กำเนิดศิลาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นกลุ่มหนึ่ง นับดูแล้วได้เป็นห้าส่วน ภายหลังชนรุ่นหลังขนานนามศิลาเหล่านี้ว่า “ห้าศิลาศักดิ์สิทธิ์”
ห้าศิลาศักดิ์สิทธิ์นั้นคงอยู่ในความว่างเปล่านั้นกี่หมื่นกี่แสนปีไม่อาจทราบได้ จนกระทั่งคราหนึ่งศิลาชิ้นที่หนึ่งได้ให้กำเนิดเทพจุติศิลาที่หนึ่ง หรือที่ชนรุ่นหลังขนานนามว่า “เทพบิดา” ผู้สร้างฟ้าสวรรค์ และหมู่ดวงดาวเพื่อประดับในจักรวาล เทพบิดานั้นอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลาสิบหมื่นปี จวบจนกระทั่งถึงคราที่ศิลาชิ้นที่สองได้กำเนิดเทพจุติศิลาที่สอง หรือที่รู้จักกันว่า “เทวีกำเนิด”
เทวีกำเนิดนั้นจุติมาในจักรวาลที่ประดับไปด้วยหมู่ดวงดาว สวยงาม หากแต่เงียบสงัด ไร้ซึ่งสรรพชีวิตใดใด มองไปทางใดล้วนเงียบเหงาวังเวงยิ่งหนัก เทวีกำเนิดจึงลงมือสร้างสรรค์สรรพชีวิตขึ้นมา พืชพรรณนานา และสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ล้วนเกิดขึ้นมาจากอิทธิฤทธิ์ของเทวีกำเนิดทั้งสิ้น ครานั้นเทวีกำเนิดใคร่ครวญดู เห็นว่านางจำเป็นต้องสร้างผู้ดูแลมาคอยปกป้องดูแลสิ่งสร้างสรรค์ของนาง นางจึงได้สร้างมนุษย์ขึ้นกลุ่มหนึ่งเพื่อให้ดูแลมัชฌิมโลก (โลกกลาง) และเหล่าอมนุษย์ในชั้นใต้พิภพ แต่สิ่งที่นางทุ่มเทเวลาสร้างมากที่สุดนั้นคือ เหล่าชาวสวรรค์บนชั้นฟ้า นางบรรจงสร้างให้ชาวสวรรค์มีอิทธิฤทธิ์เพื่อช่วยค้ำจุนมนุษย์ และกำราบเหล่ามารปีศาจในชั้นใต้พิภพ เทวีกำเนิดนางต้องสร้างทั้งเทพสวรรค์และมารปีศาจ เพื่อสร้างสมดุลแก่จักรวาลโลก อย่างไรก็ตามนางยังคงเปิดโอกาสให้ทุกสรรพชีวิตในโลกได้บำเพ็ญตบะและคุณงามความดีเพื่อมาจุติบนสวรรค์ชั้นฟ้า เสวยบุญบารมีก่อนหลุดพ้นสู่นิพพาน หากมนุษย์ผู้ใดประพฤติชั่วย่อมต้องไปรับโทษทัณฑ์ในแดนนรกใต้พิภพ ต้องจุติกำเนิดเป็นอมนุษย์ใจทราม เวียนว่ายตายเกิดในบ่วงกรรม ทุกข์ทนทรมานไม่จบไม่สิ้น
การสร้างสรรพชีวิตนั้นกินเวลานานโข จนกระทั่งศิลาที่สาม และสี่ได้ให้กำเนิดเทพจุติศิลาพร้อมกัน เทพจุติศิลาสามนั้นจุติมาเป็น “บิดาแห่งเวลา” ผู้ซึ่งมีหน้าที่กำหนดอายุขัยของสรรพชีวิตต่างๆ ที่เทวีกำเนิดได้สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อคงไว้ซึ่งกฎความสมดุลแห่งจักรวาล ส่วนเทพจุติศิลาสี่นั้นถือกำเนิดมาเพื่อเป็น "ดวงตาแห่งธรรม" เป็นผู้ชี้นำเหล่าเทพ มนุษย์ และมาร ให้รู้แจ้งเห็นจริงในรสพระธรรม เพื่อนำพาทุกสรรพสิ่งเข้าสู่นิพพาน ในทุกๆ หนึ่งพันปีดวงตาแห่งธรรมจะลงไปจุติยังโลกมนุษย์เพื่อช่วยชี้หนทางสู่นิพพานแก่เหล่ามนุษย์ หากพวกมนุษย์คนใดมีบุญวาสนาพออาจจะได้เกิดร่วมชาติกับเทพจุติศิลาที่สี่ก็เป็นได้ แต่โอกาสก็ยากเข็ญยิ่งเพียงหนึ่งในพันส่วนเท่านั้น
เทพจุติศิลาสามและสี่นั้นทำหน้าที่ของตนอย่างแข็งขัน เพื่อช่วยเทพบิดา และเทวีกำเนิด ในการปกปักษ์ดูแลโลกและจักรวาล ทว่าในยามที่แผ่นดินและทุกพื้นพิภพสงบสุขดี ได้ปรากฏมหาอัสนีบาสกลางจักรวาลขึ้นอีกครา แต่คราวนี้มหาอัสนีบาทนั้นฟาดฟันลงบนศิลาศักดิ์สิทธิ์ชิ้นที่ห้า แสงขาวสว่างอาบไล้ทั่วจักรวาล ในยามนี้เทพจุติศิลาที่ห้าได้ถือกำเนิดแล้วพระนาม “เทพจุติศิลาห้า มหาเทพตงหัว”
รูปลักษณ์ของมหาเทพตงหัวนั้นนับตั้งแต่ครั้งจุติมาก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย นับตั้งแต่ครั้งบรรพกาลเมื่อศิลาศักดิ์สิทธิ์ให้กำเนิดแก่เขา ตงหัวนั้นจุติมาด้วยรูปฉายาลักษณ์ของมนุษย์ เป็นชายหนุ่มวัยเบญจเพส รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวราวหยกเนื้องาม ดวงหน้างดงาม ดวงตาสำสนิทนิลกาลดั่งห้วงจักรวาลอันมืดมิด เส้นผมของเขานั้นเป็นสีขาวยาวสลวยพลิ้วไหวกับสายลม กลิ่นกายของเขานับแต่ถือกำเนิดมาเป็นกลิ่นหอมของไม้จันทร์สวรรค์ อาภรณ์ที่ตงหัวสวมใส่อยู่ตลอดนั่นคือ อาภรณ์สีม่วงเข้ม
ทั้งสามโลกต่างมีสุภาษิตที่น่าติดใจยิ่งนั่นคือ หากท่านพบเห็นบุรุษเกศาขาว สวมใส่อาภรณ์สีม่วงเข้ม ใบหน้างามดั่งหยก ทว่าไร้ซึ่งอารมณ์ใดใดให้ปรากฏ เมื่อนั้นท่านมิควรฝืนมองต่อไปอีก เพราะว่าท่านควรมอบกราบแสดงความเคารพสูงสุด หาไม่แล้วไม่วาผู้ใดก็ช่วยท่านไม่ได้แล้ว ช่วยไม่ได้แล้ว น่ากลัวยิ่ง น่ากลัวยิ่ง....
เหตุใดมหาเทพตงหัวจึงน่ากลัว? เรื่องนี้ต้องเล่าย้อนไปถึงเหตุแห่งการจุติเทพจุติศิลาทั้งห้า ล้วนทราบกันดีว่าเทพจุติศิลาทุกองค์ล้วนแล้วแต่จุติมาเพื่อรักษาความสงบสุข และสมดุลของโลกและจักรวาล หากแต่ท่านทราบหรือไม่ว่า งานของมหาเทพตงหัวคืออะไร?
เทพบิดาจุติศิลาที่หนึ่ง และเทวีกำเนิด ล้วนจุติมาเพื่อสร้างโลกและชีวิต บิดาแห่งเวลาจุติมาเพื่อสร้างกฎแห่งอายุขัย เทพจุติศิลาสี่จุติมาเพื่อชี้ทางธรรมให้มนุษย์สู่นิพพาน และ – เทพจุติศิลาห้า มหาเทพตงหัว จุติมาเพื่อ ‘ทำลาย’ — ใช่แล้วท่านฟังไม่ผิดหรอก มหาเทพตงหัวจุติมาเพื่อทำลาย และสังหารทุกสรรพชีวิตที่ล้ำเส้นกฎแห่งจักรวาล หากพี่ๆทั้งสี่ของเขาคือผู้สร้างและผู้รักษา ตงหัวนี้แหละคือผู้ทำลาย ไม่ว่าจะเป็น เทพบนสวรรค์ชั้นฟ้า มาร อมนุษย์ตนใดก็ตาม มหาเทพตงหัวก็พร้อมจะฟาดฟันเอาชีวิตไม่เลือกหน้า นั่นแล จึงกล่าวได้ว่าน่ากลัวยิ่ง น่ากลัวยิ่ง...
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ