รหัสรัก ROMEO and JULIET
เขียนโดย zeeto
วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.02 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 21.55 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
3) จูบแรกของ ROMEO
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“อะไรยังไงครับเพื่อนเมื่อวันเสาว์มี Juliet ซ่ะด้วย” ยังไม่ทันที่ผมจะได้วางกระเป๋าลงบนโต๊ะเสียงไอ้ซิงเพื่อนรักก็ทักขึ้นมาก่อนตัวมันที่ค่อยๆลากเก้าอี้มานั่งข้างๆผมเสียแล้ว “Juliet อะไรของมึง” “อย่าครับเพื่อน...อย่ามาทำเป็นไม่รู้ว่าแต่ตกลงJuliet ของมึงนี้ใครแต่กูว่าท่าทางคุ้นๆ” “ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหล่ะไปนั่งที่มึงไปอาจารย์มานู้นละ” “ความลับอีกแล้วนะ...ช่วงนี้มึงมีความลับกับกูตลอด” “เออ...ไปนั่งที่ไป” ไอ้ซิงทำหน้าบู้ดเบี้ยวใส่ผมก่อนจะลากเก้าอี้ของมันกลับไปนั่งที่ดังเดิม เรื่องนี้ลองให้ไอ้ซิงรู้ซิว่าผมกับชายธีเรารู้จักกันแล้ว ไอ้ซิงได้นั่งสัมภาษณ์ผมยาวแน่ๆ เพราะแบบนี้ไงเรื่องนี้ผมถึงขอเก็บบไว้เป็นความลับก่อนแล้วกันนะ
กว่าจะหมดคลาสเล่นเอาผมเกือบจะหลับอยู่แล้ว แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่วันนี้ไม่มีสอบย่อยไม่งั้นมีหวังหัวระเบิดแน่ๆ “ไปกินข้าวกันเถอะไอ้ซิงกูโคตรหิวเลย” “เออๆ...” ผมกับไอ้ซิงเดินไปโรงอาหารพร้อมกับเพื่อนอีก 2-3คนที่อยู่ในสภาพไม่ต่างจากผมเท่าไร “ไอ้ซิงมึงกินไรวะ” “ไม่รู้ว่ะพวกมึงไปซื้อก่อนเลยเดี๋ยวกูจองโต๊ะรอ” “เออๆงั้นฝากของด้วย”
หลังจากที่ไอ้กันและเพื่อนคนอื่นๆเดินไปซื้อข้าวเสียงมือถือไอ้กันก็ดังขึ้นผมเลยหยิบขึ้นมาดูตามความเคยชิน เพราะปกติไอ้กันมักจะฝากผมไว้และผมก็รับสายแทนมันบ้าง แต่... “Juliet?” เมื่อชื่อที่ขึ้นโชว์หน้าจอมือถือขนาดนี้ความอยากรู้มันก็มีมากกว่าแหล่ะ เอาว่ะถือซ่ะว่าเรื่องปกตินะที่กูรับสายมึง “ฮัลโลครับ” “เลิกเรียนรึยัง” “ขอโทษนะครับ..ผมเพื่อนไอ้กันแต่ตอนนี้ไอ้กันไม่อยู่มันไปซื้อข้าวจะให้บอกว่าใครโทรมาครับ” “งั้นฝากบอกว่า Juliet เรียก Romeoแล้วกัน” พูดจบไม่ทันให้ได้ถามอะไรก็วางสายไปซะแล้ว “ว่าแต่ใครคือ Romeo?” “ไอ้ซิงไปซื้อข้าวไป” เสียงไอ้กันที่วางจานลงตรงโต๊ะด้านหน้าผมก่อนจะมองหน้าผมแล้วยกชาเย็นของมันขึ้นดูด “เออไอ้กัน...เมื่อกี้Julietของมึงโทรมา” “แคกๆๆ...” “อะไรวะ...พูดถึงแค่นี้ถึงกับสำลัก” “มึงรับสายหรอวะ” “ก็เออดิ...ปกติกูก็รับสายของมึงอยู่แล้วป่ะว่ะ”
ผมมองหน้าเพื่อนที่นั่งข้างๆก่อนจะตักข้าวเข้าปากต่อขืนผมรีบรุกเดินออกไปคุยโทรศัพท์ตอนนี้มีหวังถูกสงสัยหนักกว่าเดิมแน่ แล้วใครจะไปคิดว่าชายธีมันจะโทรมาตอนนี้ว่ะ ดีนะที่ผมไม่ได้ใช้ชื่อจริงๆของเขาไม่งั้นความลับแตกแน่ๆ ปล่อยให้Juliet เป็นรหัสลับของผมไปแล้วกัน แต่ก็อย่างว่าความลับไม่มีในโลก วันนี้ไม่รู้วันหน้าก็ต้องรู้ผมรีบกินข้าวให้เสร็จ เพื่อจะได้หาโอกาสหนีเพื่อนๆไปโทรกลับหาคนที่โทรมาแล้วกัน “แปลกๆนะมึง” เสียงของสแน็คเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มอีกคนที่มองท่าทางรนๆของผมก่อนจะพูดขึ้นมาอีก
“เฮ้ยๆ....ฉากอันนั้นอย่าลงสีเข้มเกินละ” ผมเดินดูเพื่อนที่กำลังช่วยกันทำฉากสำหรับละครเวทีเรื่องที่กำลังจะเล่นในไม่กี่วันข้างหน้า แต่ปัญหาสำหรับมันไม่ใช่เรื่องฉากหรือตัวละครอื่นๆหรอก แต่มันอยู่ที่พระเอกของเรื่องต่างหากละ ผมไม่รู้ว่าถ้าจะให้เขามาซ้อมหนักขึ้นมันจะกระทบกับที่เขาเรียนหรือเปล่า “ไอ้ฟลุ๊คๆ...ตรงนั้นสีขาวไม่พอว่ะ” “มึงก็ไปเอามาเพิ่มซิครับไอ้ปริ้นท์” “ถ้ามีกูก็หยิบมาให้แล้วไหมมึง...สีหมดโว้ยมึงไปซื้อให้หน่อยได้ไหม” “เออๆ...เดี๋ยวกูออกไปซื้อให้ก็ได้” “เอารถกูไปก็ได้นะไอ้ฟลุ๊ค” “ไม่เอาอะเดี๋ยวกูไปเองดีกว่า..” พูดจบผมก็รีบเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์แต่พอกำลังจะออกจากห้องซ้อมเสียงไอ้ปริ้นท์ก็ตะโกนตามหลังมา “ไอ้ฟลุ๊คโทรศัพท์มึงดัง...เนี้ยๆ Romeoของมึงโทรมาละ” ผมวิ่งกลับไปเอาโทรศัพท์ก่อนจะเดินออกมาพร้อมรับสาย “ฮัลโล...กว่าจะโทรกลับมานะ” “เฮ้ยโทษทีพอดีกินข้าวพึ่งเสร็จ...ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า” “ก็จะตามให้มาซ้อมแต่ตอนนี้กำลังจะออกไปข้างนอกว่ะ” “อ้าวไปไหนอ่ะ...ตอนนี้เราอยู่หน้าคณะเนี้ย” “ไปซื้อสีเพิ่ม” “งั้นเดี๋ยวเราพาไป” “แล้วไม่ไปซ้อมกับคนอื่น” “ก็ขับรถไปให้นายต่อบทให้ไปด้วยไง” “เออๆ...เห็นแล้ว” ผมกดวางสายก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งข้างคนขับทันที “วันพุธหน้าจะแสดงจริงแล้วนายไหวแน่นะ” “ไหวดิก็นายตั้งใจสอนขนาดนี้” “แล้วนายไม่มีเรียนหรอ” “ได้ดิแต่คงต้องติวเราหนักเลยละ” “ถ้านายไม่มีปัญหาอะไรติวให้ได้แต่แน่ใจนะว่าเรื่องเรียนนายไม่เป็นไร” “ไม่ๆอาทิตย์หน้าเราโดนเลื่อนคลาสวันพุธกับพฤหัส..วันศุกร์แค่ส่งงานเราฝากเพื่อนได้” “งั้นก็ดี...เราจะซ้อมให้นายมากกว่าคนอื่นนายมีเวลาไหมอาทิตย์นี้” “ก็ถ้าเป็นหลังเลิกเรียนตอนเย็นตอนกลางคืนก็ว่าง” “ถ้าเป็นตอนเย็นคนอื่นๆเขาทำฉากที่ห้องซ้อมกัน...ไม่มีสมาธิแน่ไปซ้อมที่ไหนดีว่ะ” “คอนโดเราก็ได้...เราอยู่คนเดียว” “สะดวกแน่หรอ...แฟนนายจะไม่ว่าเอาหรือไง” “เราอยู่คนเดียวไม่มีแฟน..มีแต่แรมโบ้” “แรมโบ้...แมวที่เคยบอกอะหรอ” “ใช่ๆ...” “โอเคงั้นเลิกเรียนนายโทรหาเราทุกวันแล้วกัน....ร้านอยู่นั้นๆจอดๆๆๆ” เมื่อเจ้าของรถจอดรถสนิทผมก็รีบจัดการไปซื้อของตามที่ขาด ก่อนจะค่อยๆทยอยยกขึ้นรถแล้วรีบกลับคณะเพราะขืนผมช้าไอ้ปริ้นท์ได้บ่นหูชาแน่ๆ
แม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่คนที่เดินนำหน้าผมไปนั้นก็ตัวเล็กกว่าผมแท้ๆ..ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนยกถังสีทีเดียวสี่ถังผมแค่ยกที่เหลืออีกสองถังกับของเล็กๆน้อยๆก็ทำเอาแขนเกือบหลุด แล้วดูดิระหว่างทางขึ้นตึกมีแต่ผู้หญิงกรี๊ดเขา แล้วผมละผมก็ยกนะแต่ผู้หญิงแค่มองตามเฉยๆ ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ผมถอนหายใจก่อนจะรีบเดินตามขึ้นห้องซ้อมไป “มาแล้วๆ...เอ้าสี” คนเดินนำวางถังสีลงก่อนยกแขนบิดขึ้นนิดไปมา ซึ่งต่างกับผมที่วางลงแล้วอย่าว่าแต่แขนเลยหลังแทบจะหักด้วยซ้ำ “ไหวไหมนะ...” ชายธีหันมาถามผมที่ยืนบิดตัวไปมาเอาจริงๆจะให้บอกว่าไม่ไหวก็ไม่ได้ เลยได้แต่ยิ้มและพยักหน้ารับ “เออ...ไอ้ปริ้นท์เดี่ยวกูกับไอ้กันไปซ้อมบทที่คอนโดมันนะ” “เออ..” ไอ้กัน?...นี้ผมโดนเรียกว่าไอ้กันแล้วหรอ ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะดูสุภาพกว่านี้ซะอีกเอาจริงๆ แอบดิบเหมือนกัน ผู้ชายคนนี้มันยังไงแน่ว่ะ “ ไปดิ...ยืนบื้อไรเร็วจะซ้อมไหมบท” “โอเคๆ...”ผมเดินตามหลังชายธีออกจากห้องซ้อมไปที่รถของตนเองที่อีกคนไปยืนรอพร้อมจะเดินทางแล้วนี้ผมเหมือนโดนคนคนนี้ปั่นหัวยังไงยังงั้นแหล่ะบางทีก็ดูเข้าใจง่าย บางทีก็ไม่เข้าใจเลย “ แล้วนี้คอนโดไกลไหม” “ไม่ไกล...เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายข้างหน้าไปอีกหน่อยก็ถึงละ” “ใกล้แค่นี้เอารถมาไมว่ะ” “ก็เรามีรถไว้ใช้” “เออ...ก็จริงแล้วแถวคอนโดมีอะไรกินไหมหิวแล้วอ่ะอยากกินกาแฟด้วย” “หน้าคอนโดเรามีร้านที่เป็นคอฟฟี่ช๊อปด้วย” “เออดีๆ...วันนี้ยังไม่ได้กินกาแฟเลยว่ะ” “ดูนายชอบกาแฟมากเลยเนอะ” “ใช่ชอบที่สุด” “โดยเฉพาะอเมริกาโนเออ...แล้วชอบกินไรอ่ะ” “เรากินยากนะมีแต่คนชอบบ่น” “กินๆไปเหอะ...อย่าเลือกเลยกินทางปากก็ออกทางตูดเหมือนกันหมด” “ห่ะ?...เราว่าบางทีนายก็เหมือนจะเข้าใจง่ายนะแต่บางทีเราไม่เข้าใจเลย...อ่ะถึงแล้วนั้นไงร้านเดี๋ยวนายไปสั่งก่อนเลยแล้วกันเราเอารถไปจอดก่อน” ผมจอดให้คนข้างๆลงก่อนที่ผมจะขับรถเข้าไปจอดที่คอนโดแล้วลงมาหาอีกคน “สั่งอะไรยังอะ” “สั่งอเมริกาโน กับ นมสดคาราเมลปั่นแล้ว ว่าแต่ข้าวจะกินไร” ผมมองหน้าคนที่นั่งดูเมนูอาหารที่ตอบเมื่อกี้ นี้เขาจำที่ผมกินได้ด้วยหรอ นอกจากไอ้ซิงก็ไม่ค่อยมีใครจำได้นะว่าผมชอบกินนมสดคาราเมลปั่น แล้วทำไมต้องดีใจด้วยว่ะ “กินอะไรตกลงจะได้สั่งให้” “เอาเป็น...ข้าวมันไก่น้ำจิ้มไก่ทอดแล้วกัน” “กินอะไรว่ะไม่สร้างสรรค์เลย..รอแปบ” พูดจบชายธีก็ลุกเดินไปสั่งอาหารแต่ความจริงของผมไม่สั่งพี่เจ้าของร้านเขาก็จำได้แล้วละแค่เดินมาในร้านเขาก็เอามาเสริฟให้ละ ก็เมนูนี้ผมกินทุกวันจนไอ้ซิงมันบอกว่าผมเริ่มเหมือนไก่ ไม่นานมากนักหลังจากที่สั่งอาหารไปพี่เจ้าของร้านก็เอาอาหารที่ใส่กล่องเดินมาให้ ตามเดิมพอผมจะจ่ายเงินชายธีก็มองหน้าก่อนจะเอาเงินส่วนที่เขาบอกว่าเป็นค่ากิจกรรมจ่ายให้แล้วเดินถือถุงกับแก้วกาแฟออกจากร้านตามผมมา “คอนโดใหญ่เหมือนกันนะเนี้ย” “ใช่ด้านบนสุดมีฟิตเนทด้วย” “บอกทำไมไม่ได้อยากรู้” “อะ...อ้าว” “ว่าแต่ห้องอยู่ชั้นไหน” “ชั้น21 ห้อง 555/149” เมื่อมาถึงห้องผมก็วางของบนโต๊ะก่อนเดินไปหยิบจานกับช้อนซ้อมมาเพื่อแกะอาหารที่ซื้อมาใส่แต่อีกคนกับดึงแค่ช้อนไป “เอามาทำไมเขาใส่กล่องมาแล้วเอาแค่ช้อนซ้อมก็พอ" พูดจบชายธีก็เปิดกล่องข้าวแล้วจัดการตักข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย “ไม่เอาใส่จานหรอ” “ไอ้กัน...ฟังนะเขาใส่กล่องมาแล้วกินในกล่องก็ได้จะได้ประหยัดน้ำนี้ถ้าใส่จานต้องล้างอีกแล้วมันต้องใช้น้ำเยอะแค่ไหนนี้ถ้าตักกินในกล่องมึงไม่ต้องล้างจานล้างแค่ช้อนมันประหยัดได้นะ” “...เออ...ว่าแต่เรียกกูมึงได้หรอ” “เออ...ก็อายุเท่ากันป่ะว่ะตอนนี้มึงก็เป็นเพื่อนกู เรียกกูมึงนี้แหล่ะ” “เอางั้นก็ได้.” “กินๆ...จะได้ซ้อมกันซักทีเย็นมากแล้วเนี้ย” กู...มึง...เพื่อน เอาว่ะมาถึงขนาดนี้ผมต้องรู้ให้ได้ไอ้ผู้ชายแปลกๆคนนี้มันมีอะไรดีกว่าผมถึงมีคนหันมากรี๊ดมันเยอะกว่าผมได้ แต่คอยดูเถอะหลังจากละครเวทีผมต้องได้แฟนคลับกับมาแน่ๆ
“เมี๊ยวๆๆ...แรมโบ้หิวไหมครับ” ผมหันไปมองไอ้กันที่เดินไปเปิดกรงเล็กๆที่มีแมวพันเบอร์เซียสีเทาตัวเล็กน่ารักค่อยๆเดินออกมาพร้อมกับถูๆไถตามมือของเจ้าของห้อง “หิวไหมครับ...คิดถึงพ่อไหมลูก” “เอาใส่กรงไว้แบบนั้นหรอ” “อืม...บางวันก็เอาไปมหาลัยด้วย” “เมี๊ยวๆ...ชื่อแรมโบ้หรอครับ” ผมเรียกเจ้าแรมโบ้ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปเกาคางเบาๆเพราะด้วยนิสัยของแมวแล้วสิ่งที่ชอบที่สุดก็คือการโดนเกาคางนี้แหล่ะ “เดี๋ยวเล่นกับพี่ฟลุ๊คก่อนนะลูกเดี๋ยวพ่อไปเอาอาหารมาให้” ผมมองตามคนที่รุกเดินไปเทอาหารใส่ถาดก่อนจะเดินกลับมานั่งเหมือนเดิม “กินข้าวนะครับแรมโบ้” “มึงนี้ดูดีๆก็เหมือนแมวนะเนี้ย” ผมใช้มืออีกข้างจับคางของไอ้กันหันไปมาก่อนจะก้มไปมองแรมโบ้ที่กำลังก้มกินอาหารในถาดอย่างเอร็ดอร่อย “เออ...มึงเอามือออกจากคางกูก่อนไหม”คนถูกจับคางค่อยๆพูดกับผมที่ก้มมองแรมโบ้จนผมนึกขึ้นได้ว่า ตนเองไปจับคางไอ้กันเล่น “โทษทีๆดูเพลินไปหน่อยก็มึงเหมือนแมวนี้หว่า” “เหมือนแมว?..” “ก็เออดิ...ตาเวลามองอะไรแบบเลื่อนลอยนี้คือเหมือนแมวเหงามาก” “อ๋อ...เอาช้อนส้อมมาเดี๋ยวไปล้างให้” “เออๆ...เสร็จแล้วหยิบบทมาละจะได้ซ้อมต่อเลย” หลังจากที่จัดการทั้งให้อาหารแมวและล้างช้อนซ้อมเสร็จเรียบร้อยผมกับไอ้กันก็ต่อบทกันไปเรื่อยๆ แต่มันดูไม่ยากในฉากที่ต้องปะทะอารมณ์ในตลาดจนRomeoถูกเจ้าชายเนรเทศออกนอกเมือง แต่มันมาติดตอนถึงฉากหอคอยนี่แหล่ะครับที่ทำให้ผมมองหน้าอีกคนแล้วดูมันหนักใจอีกแล้ว ผมไม่เข้าใจว่าทุกครั้งที่เป็นฉากพระนางต้องเจอกันทำไมไอ้กันมันดูไม่เข้าใจเอาเสียเลย “ไอ้กันตอนนี้มึงคือRomeo” ผมพูดใส่ไอ้กันที่กำลังทำท่าหนักใจก่อนที่ผมจะดึงให้มันมองมาที่ผมอีกครั้ง “มองกูนะ...ตอนนี้กูคือ Julietกูกำลังร้องไห้เสียใจกูคิดถึงมึง...ตอนนี้กูเป็นJulietมึงต้องคิดถึงกูแล้วปีนมาหากูที่บนหอคอย” ผมพยายามพูดให้อีกคนอินกับบทก่อนจะค่อยๆต่อบทให้ไอ้กัน “Oh ROMEO I miss you. I love you” น้ำตาที่เริ่มค่อยๆไหลออกมาทำเอาคนที่ยืนตรงหน้าผมตกใจเล็กน้อยก่อนที่ไอ้กันจะค่อยๆ ยกปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ผม “JULIET! My sweetheart, my JULIET” “Oh! ROMEO that was you? I love you ROMEO, I love you” “JULIET, I miss you, I love you”“I love you ROMEO”
ไม่รู้ว่าเพราะตอนนี้ผมอินกับบทหรือเพราะอะไร ผมค่อยๆยกมือไปเช็ดน้ำตาที่ค่อยๆไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของชายธีก่อนจะสบตาอยู่เพียงครู่หนึ่ง ชายธีที่ยกมือทั้งสองขึ้นประคองใบหน้าของผมตอนนี้มันกับทำให้ผมรู้สึกไปกับบทของRomeo มากขึ้นหรอ หรือเพราะอะไร ผมค่อยดึงชายธีเข้ามาก่อนกดริมฝีปากทับเบาๆ จูบ!!...เมื่อสติทั้งหมดรวบรวมกลับมาได้ผมจะเด้งตัวเองออกห่างก่อนจะผละริมฝีปากออก "ขอโทษ...” “ขอโทษ?...เรื่องอะไร” ทั้งที่ผมใจเต้นโคมคามขนาดนี้ดูคนถูกผมจูบตอบกลับมาซิ “ก็...เมื่อกี้จูบ” “เออ...ก็ถูกแล้วในฉากมึงต้องจูบไงมึงจะขอโทษทำไม” “ก็...ก็....” “ทำเป็นพึ่งจูบครั้งแรกไปได้" "เฮ้ย!!!”“อย่าบอกนะว่าใช่...เอาเหอะกูยอมเป็นจูบแรกให้แล้วกัน” พูดจบชายธีก็เดินเข้าห้องน้ำไปปล่อยให้ผมนั่งช๊อคอยู่คนเดียวก็ใครจะไปรู้ว่าตัวผมเองที่อินจนไปจูบเขา แถมนั้นมันเป็นจูบแรกของผมและที่สำคัญจูบแรกกับผู้ชายแล้วยังเป็นชายธี ไอ้ผู้ชายที่แย้งความนิยมในโลกโซลเชียลไปจากผมอีก แถมมันดันมารู้ว่ามันเป็นจูบแรกของผมอีกโอ้ย...ไอ้กันมึงดึงเขามาจูบได้ไงว่ะ....
ใครว่าผมไม่ตกใจละแต่ทำไงได้ผมเป็นคนสอนแอคติ้งมันถ้าไม่อินกับบทก็ไม่ได้แต่ใครจะไปคิดละว่าไอ้กันมันจะอินขนาดดึงผมเข้าไปจูบแล้วที่สำคัญผมจูบตอบมันด้วยนี่แหล่ะ.... “ไอ้ฟลุ๊คมึงจูบตอบไปได้ไงว่ะ” ไม่ซิผมว่าผมอาจจะอินไปกับบทJulietก็ได้ แล้วไอ้กันมันก็คงอินกับบทRomeoของมันเท่านั้นเองไม่ๆผมจะไม่ยอมสติหลุดแน่ๆ มึงเรียนการแสดงนะไอ้ฟลุ๊ค การที่มึงจะจูบกับผู้หญิงหรือผู้ชายต่อให้ต้องรับบทไหนมึงต้องทำได้ และตอนนี้มึงกำลังเป็นJuliet ของไอ้กันมึงเลยจูบตอบมันแค่นั้นเอง ผมเปิดน้ำในอ่างล่างหน้าก่อนจะวักน้ำขึ้นมาล่างแล้วหยิบผ้าที่แขวนในห้องน้ำเช็ดให้แห้งก่อนเดินออกมาจากห้องน้ำ “งั้นเดี๋ยวเราซ้อมแต่แรกอีกรอบนะ” เมื่อดึงสติที่หลุดไปกลับมาครบผมก็ทำทีชวนไอ้กันซ้อมบทตั้งแต่แรกอีกครั้ง เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้แต่ที่แน่ๆผมว่าไอ้กันมันมีพรสวรรค์ในด้านการแสดงนะ แม้บางครั้งมันจะดูมึนๆงงๆไปบ้างก็ตามเถอะแต่...มันก็น่ารักดีเหมือนกันยิ่งเวลามันอยู่กับแรมโบ้ด้วยแล้ว เดี๋ยวๆๆๆ...ไอ้ฟลุ๊คมึงจะเคลิ้มไปกับไอ้กันทำไมว่ะเนี้ย...
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ