รหัสรัก ROMEO and JULIET
6.4
เขียนโดย zeeto
วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.02 น.
20 ตอน
2 วิจารณ์
30.75K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 21.55 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2) รักแรกพบของROMEO and JULIET
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ TRRRRR~ “ฮัลโลครับ” “กันใช่ไหม...ตอนนี้นายอยู่ไหน” ผมยกโทรศัพท์มาดูเบอร์อีกครั้งเสียงใครว่ะเบอร์ก็ไม่คุ้น “ใช่ครับ..ว่าแต่นี้ใครครับ” “เราฟลุ๊คเอง...วันนี้เราอยู่ที่บ้านนายจะมาต่อบทไหม” “ฟลุ๊ค?...อ๋อไปซิว่าแต่บ้านอยู่ที่ไหนละ” “เดี๋ยวแชร์โรเคชั่นไปในLineแล้วกัน” พูดจบคนโทรมากก็วางสายไปซ่ะอย่างนั้นแปลกคนจริงจะวางสายบอกก่อนก็ไม่ได้ ไม่นานเสียงข้อความLineก็ดังขึ้นพร้อมกับโรเคชั่นที่แชร์มา ว่าแต่วันนั้นผมลืมบันทึกเบอร์ของเขาหรอเมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงกดพิมพ์ชื่อเจ้าของเบอร์โทรที่โทรมา ว่าแต่จะเอาชื่อไรดีนะ...ฟลุ๊ค? ไม่ๆ ชายธี?...ไม่เอาๆ เอานี้ดีกว่า JULIET คิดได้นะผมหัวเราะให้กับตนเองเพราะแบบนี้ใครมาเห็นในโทรศัพท์จะได้ไม่รู้ว่าผมกับชายธีตอนนี้เราสองคนรู้จักกัน ผมนี้มันฉลาดสุดๆไปเลยฮาๆๆๆ....(คนอะไรชมตัวเองตลอดเวลา)
หลังจากวางสายจากพระเอกละครเวทีของผมเรียบร้อยผมก็กดแชร์โรเคชั่นไปให้ทันที แต่ใครจะรู้ละว่าในไลน์ของหมอนั้นผมใช้ชื่อว่า ROMEO ก็มันไม่รู้จะพิมพ์ว่าอะไร กันสมายหรอ?...คนบ้าอะไรชื่อแปลกๆ อีกอย่างผมรู้จักเขาในบทของ ROMEO ชื่อนี้แหล่ะเหมาะสุดละ จำง่ายดีด้วย เปล่าหรอกปกติผมเป็นคนจำหน้าคนแม่นนะแต่ผมมักจำชื่อไม่ได้เอาเป็นว่าผมเรียกเขาแบบนี้แหล่ะง่ายสุดแล้ว พ่อกับแม่ไม่อยู่ด้วยไปอาบน้ำก่อนดีกว่าไม่รู้พ่อพระเอกจะมาตอนไหน
“เลี้ยวขาวข้างหน้าอีก200เมตร” เสียงของ GPRSที่ผมตั้งบอกตำแหน่งตั้งแต่ออกจากบ้านมาเพราะถึงแม้ผมจะเป็นคนกรุงเทพฯก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่ชินทางอยู่ดี “เหมือนใกล้จะถึงแล้วนี้หว่า...JULIET JULIET...” ผมชะลอรถหยุดตรงหน้าร้านกาแฟที่เข้าซอยมาก่อนจะเลื่อนมือถือกดโทรออกหาเจ้าของบ้าน “ฟลุ๊คตอนนี้เข้าซอยXXXมาแล้วนะ” “ตอนนี้ถึงตรงไหนละ” “ตอนนี้หรออยู่หน้าร้านกาแฟชื่อร้านXXX” “โอเค..งั้นขับผ่านบ้านมาอีกสองสามหลังจะเจอประตูรั้วไม้ที่มีต้นไม้เยอะๆนั้นแหล่ะบ้านเราเอง” “โอเคๆ...” ผมวางสายกำลังจะขับรถออกแต่..ไหนๆจะไปทั้งทีตอนนี้อยู่หน้าร้านกาแฟก็ซื้อติดไม้ติดมือไปฝากเจ้าของบ้านหน่อยแล้วกัน
ผ่านไป20นาทีเสียงกริ่งหน้าบ้านผมก็ดังขึ้นซึ่งเอาจริงๆนะร้านกาแฟกับบ้านของผมมันไม่ได้ห่างกันขนาดนั้น แค่สองนาทีก็ถึงแต่คนที่บอกว่าจะถึงแล้วดันพึ่งมาถึงบ้านเนี้ยนะ “มาแล้วๆทำไมพึ่งถึงว่ะ” ผมพูดพร้อมกับเปิดประตูบ้านไปแต่ทันทีที่เห็นหน้าคนที่พึ่งมาถึงเท่านั้นแหล่ะ...นี้แน่ใจใช่ไหมว่าเขามาต่อบทกับผมเฉยๆแล้วดูชุดมันดิ “นี้มาต่อบทแน่นะ” ผมตัดสินใจพูดไป “ทำไมหรอ?” “ก็เล่นแต่งตัวอย่างกับจะไปเดินแฟชั่นโชว์” “นายก็พูดเกินไปนี้เราก็แต่งตัวสบายๆ” “สบายๆ...พูดแบบนี้ให้เกียรติกางเกงบอลกับเสื้อยืดตาห่านกันบ้างนะพวก...อ่ะเข้ามาๆแล้วนี้ถืออะไรมาเยอะแยะเลย” “อ๋อ...พอดีซื้อกาแฟกับขนมมาฝากนี้ไง อเมริกาโน” “ว้าว...” ผมยื่นมือไปรับแก้วกาแฟมาดูดอย่างมีความสุขก่อนจะเดินนำแขกที่มาเยือนไปนั่งที่ในบ้าน “เออ...แล้วได้เอาบทมาด้วยไหมเนี้ย” “แหะๆ...ลืมว่ะ” “ว่าแล้วเชียว...งั้นรอแปบเดี๋ยวไปหยิบบนห้องมาให้”
หลังจากเดินไปหยิบบทลงมาผมก็เห็นอีกคนเดินดูรูปถ่ายที่แม่ผมอัดใส่กรอบติดเต็มผนังบ้าน ซึ่งตอนแรกๆผมก็อายนะเวลามีคนมาเดินดูรูปผมตอนเด็กๆจนโตแต่แม่เล่นติดเยอะขนาดนี้ ตอนนี้ผมเลยชินไปแล้วใครมาก็ต้องมาดูเป็นเรื่องปกติ “รูปพวกนี้นายหมดเลยหรอ” “อือ...นี่ก็ไม่เข้าใจว่าแม่จะอัดมาอะไรเยอะแยะขนาดนี้เหมือนกัน” “น่ารักดีออกรูปนี้ถ่ายกับแมวด้วย” “ใช่แล้วนี่ชอบแมว...แต่ก็ไม่ได้เลี้ยงว่ะไม่ค่อยมีเวลา” “เราก็ชอบที่คอนโดมีอยู่หนึ่งตัวชื่อแรมโบ้” “แรมโบ้...ชื่อแมวตลกดีนะ” “มีแต่คนว่าแบบนั้นแหล่ะ” “พอๆนี้บท...นายจะให้เราช่วยต่อจากฉากไหนละ” “งั้นเอาฉากที่ Romeo เจอกับ Juliet เลยก็ได้เราจำบทได้นะแต่ไม่ค่อยเข้าใจตอนใส่อารมณ์ในตัวละคร” “โอเคเข้าใจละงั้นนายฟังเรานะจากนี้นายไม่ใช่กันสมาย แต่นายคือ Romeo ท่องไว้นายคือRomeo”คนถูกบอกค่อยๆพยักหน้ารับ “เออ...แล้วนายคือ” “ใช่...ตอนนี้เราคือ Juliet” ผมค่อยๆพูดเพื่อใหอีกคนผ่อนคลายและซึมซับกับบทตัวละคร “พร้อมนะ...5-4-3-2-แอ็คชั่น”
Romeo : I don’t know you are. But I have felling in love with you.
Juliet : (ทำหน้าสงสัยกับคนที่เข้ามาแนะนำตัว) Who are you?
ผมมองหน้าคนที่ช่วยสอนแอคติ่งให้ตอนนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่าคนตรงหน้าคือ Juliet จริงๆที่ถูกแม่นมดึงออกให้ไปเต้นรำกับ Count Paris สายตาที่เหมือนถูกกีดกันจากผม สายตาแบบนี้ทำเอาผมเชื่อเลยว่าตอนนี้ผมอยู่กับ Juliet “ก็แสดงได้แล้วนี้จำไว้ตอนนี้นายคือ Romeo” “เราทำได้แน่หรอ” “ใช่เมื่อกี้ตอนที่มองตามJulietที่ถูกดึงแยกจากไปสายตาที่โดนกีดกันของนายใช้ได้เลย” “ขอบใจนะ” “เอาละต่อไปฉากหลังเลิกงานเลี้ยง” ผมเพิ่งรู้ว่าละครเวทีมันไม่ได้ง่ายเหมือนเวลาที่เราไปนั่งดูเลยจริงๆ ไหนจะต้องจำบท ไหนจะความรู้สึกที่สื่อผ่านออกมาทุกอย่างมันไม่สามารถตัดต่อได้มันจะพลาดไม่ได้เลยซักตอน “พร้อมยังถ้าพร้อมแล้ว...จำไว้ว่า..” “เราคือ Romeo ส่วนนายคือ Juliet” และถ้าผมจำไม่ผิดฉากต่อไปนี้คือฉากที่ผมเห็นชายธีตอนซ้อมละครเรื่องนี้ครั้งแรก และตอนนี้ผู้ชายตรงหน้ากำลังทำให้ผมตกใจเมื่อทันทีที่ผมบอกว่าพร้อมสายตาของชายธีก็เปลี่ยนเป็นอีกคน
Romeo : Oh! Hello you?
Juliet : Hello, My name is JULIET, nice to meet you.
Romeo : My name is ROMEO MONTAGUE
Juliet : MONTAGUE? สายตาที่มองมาก่อนในบทที่จะโดนผู้เป็นแม่ลากกลับไป ผมมองผ่านสายตาที่ชายธีสื่อถึงผม ที่ค่อยๆม่นลง “เอาละเดี๋ยวพักกันก่อนนะต่อไปเป็นฉากในสวน วันนี้จะต่อบทถึงแค่ฉากในสวนพอ” “อ้าวทำไมอ่ะ” “วันนี้เอาแค่นี้แหล่ะ เดี๋ยวจะทบทวนฉากให้นายอีกนายจะได้ใส่ความรู้สึกลงไปเยอะๆ” “อ๋อ...งั้นเราขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหม” “ห้องน้ำหรอ...นายต้องเดินไปเข้าบนห้องเรานะเพราะห้องน้ำด้านล่างเสีย” “ให้เราซ้อมให้ป่ะ” “อย่างนายทำเป็นหรอ” “เป็นดิ...อย่าดูถูกเราเห็นแบบนี้เราก็ทำได้หลายอย่างนะ” “เอาเลย...ถ้านายบอกว่าทำได้” “โอเค..ว่าแต่ห้องนายอยู่ตรงไหน” “ขึ้นบันไดไปเลี้ยวซ้ายก็เจอแล้ว”
“มีอะไรกินบ้างว่ะ...” ผมเปิดถุงขนมที่กันสมายซื้อมาฝากก็เห็นมีถุงคุกกี้และเค้กสตอร์เบอรี่อีกสองชิ้น หื้อน่ากินทั้งนั้นเลย แต่ถ้าให้เลือกคงอันนี้แหละ คุกกี้กับอเมริกาโน เข้ากันสุดแล้ว จะรอช้าทำไมละครับผมเปิดถุงคุกกี้ก่อนจัดการหยิบเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อลงมาจากห้องของเจ้าของบ้านผมก็เห็นภาพตรงหน้าที่อีกคนกำลังหยิบคุกกี้กินอย่างมีความสุข ความจริงผมไม่ชอบคุกกี้หรอกแต่ว่าทุกทีที่ไปซื้อกาแฟกับคนคนนี้มักจะเห็นเขากินเลยซื้อมาให้แล้วก็เป็นอย่างที่เดาไว้คงชอบมากซินะ เห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ผมหยิบมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปที่ให้เห็นเพียงด้านข้างก่อนจะอัพโหลดลง IG “เอาแคปชั่นว่าอะไรดีว่ะ...เอางี้ดีกว่า #เมื่อJulietหิว” ข้อความสั้นๆที่กดอัพโหลดไป ไม่นานยอดไลน์และคอมเม้นก็ตามมา
Ssing : อะไรว่ะมีจูลงจูเลียต
__singto: ใครว่ะไอ้น้อง
Tumcial : หูยยยยยย....อะไรยังไงไอ้น้อง
และอีกมากมายที่ต่างพากันสงสัยว่า Juliet บางคอมเม้นก็มีถามว่าใครละที่เป็น Romeo ก็จะเป็นใครไปได้ไงถ้ามันไม่ใช่ผมบางทีนี้อาจเป็นนรหัสลับ ROMEO & JULIET ที่เหมาะกับผมและชายธีในตอนนี้ก็ได้ “อร่อยไหมเราเห็นนายชอบซื้อกินบ่อยๆเลยซื้อมา” “อร่อยดิยิ่งคุกกี้กับอเมริกาโนนะเข้ากันสุดๆไม่เชื่อนายลองชิมไหม” คนพูดยกถุงคุกกี้ยื่นให้ผม ซึ่งผมรีส่ายหัวปฏิเสธทันที “ไม่ดีกว่าเราไม่ชอบคุกกี้...ว่าแต่นายหิวไหม” “ก็หิวนะแต่ขี้เกียจออกจากบ้าน” “ในตู้เย็น...ในครัวละไม่มีอะไรกินหรอ” “ไม่รู้อ่ะเราขี้เกียจเข้าไปดู” “อะอ้าว...งั้นเราขออนุญาตได้ป่ะเผื่อมีอะไรพอทำกินได้” “ถ้าทำเป็นก็เอาเลยตามสบาย” ผมมองหน้าคนที่ยังกินคุกกี้ไม่สนใจอะไรก่อนจะเดินเข้าครัวไป
หูยยย...ผมไม่รู้หรอกว่ากลิ่นหอมๆที่ลอยออกมาจากในครัวนั้นคืออะไร แต่ที่แน่ๆมันกำลังทำให้พยาธิในกระเพาะอาหารของผมเริ่มทำงาน “มาแล้ว...ข้าวผัดไก่กับไข่ดาว” ผมมองตามคนที่เดินออกมาพร้อมกับข้าวผัดสองจานในมือ แต่...ผ้ากันเปื้อนนั้นอะไร ปกติผมจะชินกับเวลาเห็นแม่ใส่แต่นี้ผู้ชายใส่ผ้ากันเปื้อนสีฟ้าอ่อนมันดูขัดๆยังไงชอบกล...แต่โดยรวมก็ไม่ได้แย่หรอกอาจจะเพราะหน้าตาที่ดูดีของมันก็ได้ เลยทำให้ภาพตรงหน้าไม่แย่นัก ว่าแต่ผมจะมาสนใจอะไรกับเรื่องนี้ตอนนี้ข้าวผัดหอมๆวางอยู่ตรงหน้าแล้วนะฟลุ๊ค “เป็นไงฝีมือเราน่ากินป่ะ” “ก็ดูดีแต่คงต้องชิมก่อนว่ารสชาติเป็นไง” “รับรองอร่อยชัวร์” “โห่...ไม่อวยตัวเองเลยนะครับRomeo” “ก็เรื่องจริงกินเลยๆ” ผมมองคนตรงหน้าที่พยายามบอกให้ผมกินก่อนที่ผมจะค่อยๆตักข้าวเข้าปาก “อร่อยอ่ะ....ไปหัดทำมาจากไหนว่ะ” “เราก็ทำกินเอง...ปกติเราเป็นคนกินยากเลยเลือกทำเองเวลาอยู่ที่คอนโด” “เก่งเหมือนกันนะเราอ่ะ” “ขอบใจ...ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆเลย” “เออจริงด้วยมีไรจะให้ดู” ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาก่อนจะกดเลื่อนรายชื่อให้คนตรงหน้าดูว่าผมพิมพ์ชื่อเขาในโทรศัพท์ว่าอะไร ้“นี่เราพิมพ์ชื่อนายในโทรศัพท์ว่า Romeo เจ๋งปะละ” “แคกๆๆ...เดี๋ยวนะงั้นนายลองกดโทรหาเราดิ” ผมงงกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนจะกดโทรเข้าไปที่เครื่องของเขา เมื่อเสียงเรียกเข้าดังขึ้นเขาก็ยื่นมือถือมาให้ผม ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกอายขึ้นมาแบบบอกไม่ถูกก็ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆหน้าจอมือถือของเขาจะขึ้นชื่อว่า “Juliet” ใครเป็นผมไม่แอบเขินบ้างก็ให้มันรู้ไปดิ “ตกใจหมดเลยไม่คิดว่านายจะพิมพ์ชื่อเราว่า Romeo” “ก็เหมือนกันนั้นแหล่ะนายก็พิมพ์เราว่า Juliet” ผมกับคนตรงหน้าต่างพากันหัวเราะและนั่งคุยกันไปแม้บางทีเขาจะดูมึนๆพูดไม่รู้เรื่องมั่ง...หรือไงก็ไม่รู้แต่ตอนนี้ผมว่าเขาก็เห็นเพื่อนที่ดีได้แหล่ะ และเมื่อคิดดูดีๆผมก็ว่ามันแปลกนะผมกับเขาเจอกันด้วยความบังเอิญ แต่ว่าก็มีอะไรที่บังเอิญต่อจากนั้นเรื่อยๆ บางทีรหัสลับของผมกับเขาคงเหมาะที่จะใช้ว่า ROMEO & JULIET แล้วละ “อิ่มแล้วใช่ป่ะเดี๋ยวล้างเอง” ผมบอกกับคนที่นั่งรวบช้อนซ้อม “ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราล้างได้” “เฮ้ย...ได้ไงนายทำให้กินแล้วเดี๋ยวเราล้างเองนายนั่งอ่านบทไปเหอะ” “เอางั้นหรอ” “เออ...ถ้าลืมบทจะโดนลงโทษ” พูดเสร็จผมก็ดึงจานจากมือของกันสมายมาซ้อนกับจานของตัวเองก่อนจะเดินเข้าครัวไปทันที
ผมยิ้มให้กับเจ้าของบ้านที่เก็บจานไปล้าง ก่อนจะหยิบบทบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน แต่ก็แปลกนะผมไม่เข้าใจว่ากับแค่จาน2ใบทำไมเขาถึงหายไปนาน ไม่ใช่ว่าเซ่อซ่าทำจานแตกเองละ ผ่านไปซักพักเจ้าของบ้านก็เดินออกมาพร้อมกับจานผลไม้ที่ปอกเรียบร้อยเดินออกมา...แต่นั้นมือ คงไม่ใช่ว่าโดนมีดบาดมาใช่ไหม ผมก้มหน้าแอบขำก่อนจะเงยไปมองอีกรอบ “อะ...แอปเปิ้ลปลอกมาให้” “ความจริงไม่ต้องก็ได้เกรงใจ” “เออนะ...กินๆไปเหอะอุตส่าตั้งใจปลอกมาให้กิน คนแรกเลยนะเนี้ย” “มิหน้าละ..” “ทำไม....” “ก็มืออะ...มีดบาดมาไม่ใช่หรอ” “เออ..ช่างเหอะกินๆ” หลังจากที่ผมกินผลไม้ไปอ่านบทไปได้ซักพักคนที่นั่งข้างๆก็ถามขึ้นอีก “พร้อมยัง” “ห่ะ” “อ่านบทนะพร้อมจะต่อรึยัง” “ก็พร้อมนะ” “โอเคงั้นเริ่มเลย” ผมละหวั่นๆทุกครั้งที่ต้องมาเจอสายตาคนคนนี้จริงๆทุกครั้งที่เขาซ้อมทนั้นเขาเหมือนเป็นอีกคนไปเลย ทำยังไงผมถึงจะทำแบเขาได้บ้างนะ
Romeo : JULIET, I am here in the garden.
Juliet : (แสดงอาการตกใจก่อนจะหันกลัมา) It’s you? Oh I’d love you if you weren’t MONTAGUE.
Romeo : I love You
Juliet : Yes, You do. But my parents are going to make me marry with COUNT PARIS.
Romeo : With al my heart. I love you JULIET.
Juliet : Our only hope is get married in secret.
Romeo : Yes, good idea. Ok goodbye JULIET sweetheart.
Juliet : Goodbye , I love you.
“เอาละ...คราวนี้นายจำได้แล้วใช่ไหมงั้นวันนี้พอแค่นี้แล้วกัน ครั้งหน้าจะสอนการใส่ felling ให้โอเคนะ” “แค่นี้?” “เออดิ...วันนี้นายก็กลับบ้านไปเลยก็ได้” “แล้วทำไมนายไม่สอน felling ให้เลยอ่ะ” “ขี้เกียจ...วันนี้อยากนอนละ” อะไรของผู้ชายคนนี้ว่ะบทจะไล่กันก็ไล่ดื้อๆเนี้ยนะ ผมมองหน้าชายธีแบบงงๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์กับกุญแจรถ แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่า ผมรับปากว่าจะซ่อมท่อน้ำให้เขานิ “มองหน้าทำไม...ไม่กลับอะ” “คือเราบอกว่าจะซ่อมท่อน้ำให้...จะให้เราซ่อมก่อนไหม” “ไม่ต้องอ่ะ...พอดีนึกได้เมื่อวานแม่เราให้ช่างมาทำแล้ว” “ห่ะ?...” ผมนี้พูดไม่ออกเลยเจอประโยคแต่ละประโยคเวลาคนคนนี้ไม่อยากคุยขึ้นมา “อย่าลืมอ่านบทละ...อ๋อออกไปแล้วปิดประตูให้ด้วย ไม่ออกไปส่งนะแดดร้อน” “โอเค” เมื่อได้ยินคำตอบจากเจ้าของบ้านแบบนี้จะอยู่ทำไมละครับกลับซิครับ “คนอะไรเข้าใจยากชิบ...หรือเพราะท่าทางแบบนี้หรอคนที่สนใจ” พอๆเลิกคิดถึงเถอะยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดว่ะ
หลังจากวางสายจากพระเอกละครเวทีของผมเรียบร้อยผมก็กดแชร์โรเคชั่นไปให้ทันที แต่ใครจะรู้ละว่าในไลน์ของหมอนั้นผมใช้ชื่อว่า ROMEO ก็มันไม่รู้จะพิมพ์ว่าอะไร กันสมายหรอ?...คนบ้าอะไรชื่อแปลกๆ อีกอย่างผมรู้จักเขาในบทของ ROMEO ชื่อนี้แหล่ะเหมาะสุดละ จำง่ายดีด้วย เปล่าหรอกปกติผมเป็นคนจำหน้าคนแม่นนะแต่ผมมักจำชื่อไม่ได้เอาเป็นว่าผมเรียกเขาแบบนี้แหล่ะง่ายสุดแล้ว พ่อกับแม่ไม่อยู่ด้วยไปอาบน้ำก่อนดีกว่าไม่รู้พ่อพระเอกจะมาตอนไหน
“เลี้ยวขาวข้างหน้าอีก200เมตร” เสียงของ GPRSที่ผมตั้งบอกตำแหน่งตั้งแต่ออกจากบ้านมาเพราะถึงแม้ผมจะเป็นคนกรุงเทพฯก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่ชินทางอยู่ดี “เหมือนใกล้จะถึงแล้วนี้หว่า...JULIET JULIET...” ผมชะลอรถหยุดตรงหน้าร้านกาแฟที่เข้าซอยมาก่อนจะเลื่อนมือถือกดโทรออกหาเจ้าของบ้าน “ฟลุ๊คตอนนี้เข้าซอยXXXมาแล้วนะ” “ตอนนี้ถึงตรงไหนละ” “ตอนนี้หรออยู่หน้าร้านกาแฟชื่อร้านXXX” “โอเค..งั้นขับผ่านบ้านมาอีกสองสามหลังจะเจอประตูรั้วไม้ที่มีต้นไม้เยอะๆนั้นแหล่ะบ้านเราเอง” “โอเคๆ...” ผมวางสายกำลังจะขับรถออกแต่..ไหนๆจะไปทั้งทีตอนนี้อยู่หน้าร้านกาแฟก็ซื้อติดไม้ติดมือไปฝากเจ้าของบ้านหน่อยแล้วกัน
ผ่านไป20นาทีเสียงกริ่งหน้าบ้านผมก็ดังขึ้นซึ่งเอาจริงๆนะร้านกาแฟกับบ้านของผมมันไม่ได้ห่างกันขนาดนั้น แค่สองนาทีก็ถึงแต่คนที่บอกว่าจะถึงแล้วดันพึ่งมาถึงบ้านเนี้ยนะ “มาแล้วๆทำไมพึ่งถึงว่ะ” ผมพูดพร้อมกับเปิดประตูบ้านไปแต่ทันทีที่เห็นหน้าคนที่พึ่งมาถึงเท่านั้นแหล่ะ...นี้แน่ใจใช่ไหมว่าเขามาต่อบทกับผมเฉยๆแล้วดูชุดมันดิ “นี้มาต่อบทแน่นะ” ผมตัดสินใจพูดไป “ทำไมหรอ?” “ก็เล่นแต่งตัวอย่างกับจะไปเดินแฟชั่นโชว์” “นายก็พูดเกินไปนี้เราก็แต่งตัวสบายๆ” “สบายๆ...พูดแบบนี้ให้เกียรติกางเกงบอลกับเสื้อยืดตาห่านกันบ้างนะพวก...อ่ะเข้ามาๆแล้วนี้ถืออะไรมาเยอะแยะเลย” “อ๋อ...พอดีซื้อกาแฟกับขนมมาฝากนี้ไง อเมริกาโน” “ว้าว...” ผมยื่นมือไปรับแก้วกาแฟมาดูดอย่างมีความสุขก่อนจะเดินนำแขกที่มาเยือนไปนั่งที่ในบ้าน “เออ...แล้วได้เอาบทมาด้วยไหมเนี้ย” “แหะๆ...ลืมว่ะ” “ว่าแล้วเชียว...งั้นรอแปบเดี๋ยวไปหยิบบนห้องมาให้”
หลังจากเดินไปหยิบบทลงมาผมก็เห็นอีกคนเดินดูรูปถ่ายที่แม่ผมอัดใส่กรอบติดเต็มผนังบ้าน ซึ่งตอนแรกๆผมก็อายนะเวลามีคนมาเดินดูรูปผมตอนเด็กๆจนโตแต่แม่เล่นติดเยอะขนาดนี้ ตอนนี้ผมเลยชินไปแล้วใครมาก็ต้องมาดูเป็นเรื่องปกติ “รูปพวกนี้นายหมดเลยหรอ” “อือ...นี่ก็ไม่เข้าใจว่าแม่จะอัดมาอะไรเยอะแยะขนาดนี้เหมือนกัน” “น่ารักดีออกรูปนี้ถ่ายกับแมวด้วย” “ใช่แล้วนี่ชอบแมว...แต่ก็ไม่ได้เลี้ยงว่ะไม่ค่อยมีเวลา” “เราก็ชอบที่คอนโดมีอยู่หนึ่งตัวชื่อแรมโบ้” “แรมโบ้...ชื่อแมวตลกดีนะ” “มีแต่คนว่าแบบนั้นแหล่ะ” “พอๆนี้บท...นายจะให้เราช่วยต่อจากฉากไหนละ” “งั้นเอาฉากที่ Romeo เจอกับ Juliet เลยก็ได้เราจำบทได้นะแต่ไม่ค่อยเข้าใจตอนใส่อารมณ์ในตัวละคร” “โอเคเข้าใจละงั้นนายฟังเรานะจากนี้นายไม่ใช่กันสมาย แต่นายคือ Romeo ท่องไว้นายคือRomeo”คนถูกบอกค่อยๆพยักหน้ารับ “เออ...แล้วนายคือ” “ใช่...ตอนนี้เราคือ Juliet” ผมค่อยๆพูดเพื่อใหอีกคนผ่อนคลายและซึมซับกับบทตัวละคร “พร้อมนะ...5-4-3-2-แอ็คชั่น”
Romeo : I don’t know you are. But I have felling in love with you.
Juliet : (ทำหน้าสงสัยกับคนที่เข้ามาแนะนำตัว) Who are you?
ผมมองหน้าคนที่ช่วยสอนแอคติ่งให้ตอนนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่าคนตรงหน้าคือ Juliet จริงๆที่ถูกแม่นมดึงออกให้ไปเต้นรำกับ Count Paris สายตาที่เหมือนถูกกีดกันจากผม สายตาแบบนี้ทำเอาผมเชื่อเลยว่าตอนนี้ผมอยู่กับ Juliet “ก็แสดงได้แล้วนี้จำไว้ตอนนี้นายคือ Romeo” “เราทำได้แน่หรอ” “ใช่เมื่อกี้ตอนที่มองตามJulietที่ถูกดึงแยกจากไปสายตาที่โดนกีดกันของนายใช้ได้เลย” “ขอบใจนะ” “เอาละต่อไปฉากหลังเลิกงานเลี้ยง” ผมเพิ่งรู้ว่าละครเวทีมันไม่ได้ง่ายเหมือนเวลาที่เราไปนั่งดูเลยจริงๆ ไหนจะต้องจำบท ไหนจะความรู้สึกที่สื่อผ่านออกมาทุกอย่างมันไม่สามารถตัดต่อได้มันจะพลาดไม่ได้เลยซักตอน “พร้อมยังถ้าพร้อมแล้ว...จำไว้ว่า..” “เราคือ Romeo ส่วนนายคือ Juliet” และถ้าผมจำไม่ผิดฉากต่อไปนี้คือฉากที่ผมเห็นชายธีตอนซ้อมละครเรื่องนี้ครั้งแรก และตอนนี้ผู้ชายตรงหน้ากำลังทำให้ผมตกใจเมื่อทันทีที่ผมบอกว่าพร้อมสายตาของชายธีก็เปลี่ยนเป็นอีกคน
Romeo : Oh! Hello you?
Juliet : Hello, My name is JULIET, nice to meet you.
Romeo : My name is ROMEO MONTAGUE
Juliet : MONTAGUE? สายตาที่มองมาก่อนในบทที่จะโดนผู้เป็นแม่ลากกลับไป ผมมองผ่านสายตาที่ชายธีสื่อถึงผม ที่ค่อยๆม่นลง “เอาละเดี๋ยวพักกันก่อนนะต่อไปเป็นฉากในสวน วันนี้จะต่อบทถึงแค่ฉากในสวนพอ” “อ้าวทำไมอ่ะ” “วันนี้เอาแค่นี้แหล่ะ เดี๋ยวจะทบทวนฉากให้นายอีกนายจะได้ใส่ความรู้สึกลงไปเยอะๆ” “อ๋อ...งั้นเราขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหม” “ห้องน้ำหรอ...นายต้องเดินไปเข้าบนห้องเรานะเพราะห้องน้ำด้านล่างเสีย” “ให้เราซ้อมให้ป่ะ” “อย่างนายทำเป็นหรอ” “เป็นดิ...อย่าดูถูกเราเห็นแบบนี้เราก็ทำได้หลายอย่างนะ” “เอาเลย...ถ้านายบอกว่าทำได้” “โอเค..ว่าแต่ห้องนายอยู่ตรงไหน” “ขึ้นบันไดไปเลี้ยวซ้ายก็เจอแล้ว”
“มีอะไรกินบ้างว่ะ...” ผมเปิดถุงขนมที่กันสมายซื้อมาฝากก็เห็นมีถุงคุกกี้และเค้กสตอร์เบอรี่อีกสองชิ้น หื้อน่ากินทั้งนั้นเลย แต่ถ้าให้เลือกคงอันนี้แหละ คุกกี้กับอเมริกาโน เข้ากันสุดแล้ว จะรอช้าทำไมละครับผมเปิดถุงคุกกี้ก่อนจัดการหยิบเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อลงมาจากห้องของเจ้าของบ้านผมก็เห็นภาพตรงหน้าที่อีกคนกำลังหยิบคุกกี้กินอย่างมีความสุข ความจริงผมไม่ชอบคุกกี้หรอกแต่ว่าทุกทีที่ไปซื้อกาแฟกับคนคนนี้มักจะเห็นเขากินเลยซื้อมาให้แล้วก็เป็นอย่างที่เดาไว้คงชอบมากซินะ เห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ผมหยิบมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปที่ให้เห็นเพียงด้านข้างก่อนจะอัพโหลดลง IG “เอาแคปชั่นว่าอะไรดีว่ะ...เอางี้ดีกว่า #เมื่อJulietหิว” ข้อความสั้นๆที่กดอัพโหลดไป ไม่นานยอดไลน์และคอมเม้นก็ตามมา
Ssing : อะไรว่ะมีจูลงจูเลียต
__singto: ใครว่ะไอ้น้อง
Tumcial : หูยยยยยย....อะไรยังไงไอ้น้อง
และอีกมากมายที่ต่างพากันสงสัยว่า Juliet บางคอมเม้นก็มีถามว่าใครละที่เป็น Romeo ก็จะเป็นใครไปได้ไงถ้ามันไม่ใช่ผมบางทีนี้อาจเป็นนรหัสลับ ROMEO & JULIET ที่เหมาะกับผมและชายธีในตอนนี้ก็ได้ “อร่อยไหมเราเห็นนายชอบซื้อกินบ่อยๆเลยซื้อมา” “อร่อยดิยิ่งคุกกี้กับอเมริกาโนนะเข้ากันสุดๆไม่เชื่อนายลองชิมไหม” คนพูดยกถุงคุกกี้ยื่นให้ผม ซึ่งผมรีส่ายหัวปฏิเสธทันที “ไม่ดีกว่าเราไม่ชอบคุกกี้...ว่าแต่นายหิวไหม” “ก็หิวนะแต่ขี้เกียจออกจากบ้าน” “ในตู้เย็น...ในครัวละไม่มีอะไรกินหรอ” “ไม่รู้อ่ะเราขี้เกียจเข้าไปดู” “อะอ้าว...งั้นเราขออนุญาตได้ป่ะเผื่อมีอะไรพอทำกินได้” “ถ้าทำเป็นก็เอาเลยตามสบาย” ผมมองหน้าคนที่ยังกินคุกกี้ไม่สนใจอะไรก่อนจะเดินเข้าครัวไป
หูยยย...ผมไม่รู้หรอกว่ากลิ่นหอมๆที่ลอยออกมาจากในครัวนั้นคืออะไร แต่ที่แน่ๆมันกำลังทำให้พยาธิในกระเพาะอาหารของผมเริ่มทำงาน “มาแล้ว...ข้าวผัดไก่กับไข่ดาว” ผมมองตามคนที่เดินออกมาพร้อมกับข้าวผัดสองจานในมือ แต่...ผ้ากันเปื้อนนั้นอะไร ปกติผมจะชินกับเวลาเห็นแม่ใส่แต่นี้ผู้ชายใส่ผ้ากันเปื้อนสีฟ้าอ่อนมันดูขัดๆยังไงชอบกล...แต่โดยรวมก็ไม่ได้แย่หรอกอาจจะเพราะหน้าตาที่ดูดีของมันก็ได้ เลยทำให้ภาพตรงหน้าไม่แย่นัก ว่าแต่ผมจะมาสนใจอะไรกับเรื่องนี้ตอนนี้ข้าวผัดหอมๆวางอยู่ตรงหน้าแล้วนะฟลุ๊ค “เป็นไงฝีมือเราน่ากินป่ะ” “ก็ดูดีแต่คงต้องชิมก่อนว่ารสชาติเป็นไง” “รับรองอร่อยชัวร์” “โห่...ไม่อวยตัวเองเลยนะครับRomeo” “ก็เรื่องจริงกินเลยๆ” ผมมองคนตรงหน้าที่พยายามบอกให้ผมกินก่อนที่ผมจะค่อยๆตักข้าวเข้าปาก “อร่อยอ่ะ....ไปหัดทำมาจากไหนว่ะ” “เราก็ทำกินเอง...ปกติเราเป็นคนกินยากเลยเลือกทำเองเวลาอยู่ที่คอนโด” “เก่งเหมือนกันนะเราอ่ะ” “ขอบใจ...ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆเลย” “เออจริงด้วยมีไรจะให้ดู” ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาก่อนจะกดเลื่อนรายชื่อให้คนตรงหน้าดูว่าผมพิมพ์ชื่อเขาในโทรศัพท์ว่าอะไร ้“นี่เราพิมพ์ชื่อนายในโทรศัพท์ว่า Romeo เจ๋งปะละ” “แคกๆๆ...เดี๋ยวนะงั้นนายลองกดโทรหาเราดิ” ผมงงกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนจะกดโทรเข้าไปที่เครื่องของเขา เมื่อเสียงเรียกเข้าดังขึ้นเขาก็ยื่นมือถือมาให้ผม ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกอายขึ้นมาแบบบอกไม่ถูกก็ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆหน้าจอมือถือของเขาจะขึ้นชื่อว่า “Juliet” ใครเป็นผมไม่แอบเขินบ้างก็ให้มันรู้ไปดิ “ตกใจหมดเลยไม่คิดว่านายจะพิมพ์ชื่อเราว่า Romeo” “ก็เหมือนกันนั้นแหล่ะนายก็พิมพ์เราว่า Juliet” ผมกับคนตรงหน้าต่างพากันหัวเราะและนั่งคุยกันไปแม้บางทีเขาจะดูมึนๆพูดไม่รู้เรื่องมั่ง...หรือไงก็ไม่รู้แต่ตอนนี้ผมว่าเขาก็เห็นเพื่อนที่ดีได้แหล่ะ และเมื่อคิดดูดีๆผมก็ว่ามันแปลกนะผมกับเขาเจอกันด้วยความบังเอิญ แต่ว่าก็มีอะไรที่บังเอิญต่อจากนั้นเรื่อยๆ บางทีรหัสลับของผมกับเขาคงเหมาะที่จะใช้ว่า ROMEO & JULIET แล้วละ “อิ่มแล้วใช่ป่ะเดี๋ยวล้างเอง” ผมบอกกับคนที่นั่งรวบช้อนซ้อม “ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราล้างได้” “เฮ้ย...ได้ไงนายทำให้กินแล้วเดี๋ยวเราล้างเองนายนั่งอ่านบทไปเหอะ” “เอางั้นหรอ” “เออ...ถ้าลืมบทจะโดนลงโทษ” พูดเสร็จผมก็ดึงจานจากมือของกันสมายมาซ้อนกับจานของตัวเองก่อนจะเดินเข้าครัวไปทันที
ผมยิ้มให้กับเจ้าของบ้านที่เก็บจานไปล้าง ก่อนจะหยิบบทบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน แต่ก็แปลกนะผมไม่เข้าใจว่ากับแค่จาน2ใบทำไมเขาถึงหายไปนาน ไม่ใช่ว่าเซ่อซ่าทำจานแตกเองละ ผ่านไปซักพักเจ้าของบ้านก็เดินออกมาพร้อมกับจานผลไม้ที่ปอกเรียบร้อยเดินออกมา...แต่นั้นมือ คงไม่ใช่ว่าโดนมีดบาดมาใช่ไหม ผมก้มหน้าแอบขำก่อนจะเงยไปมองอีกรอบ “อะ...แอปเปิ้ลปลอกมาให้” “ความจริงไม่ต้องก็ได้เกรงใจ” “เออนะ...กินๆไปเหอะอุตส่าตั้งใจปลอกมาให้กิน คนแรกเลยนะเนี้ย” “มิหน้าละ..” “ทำไม....” “ก็มืออะ...มีดบาดมาไม่ใช่หรอ” “เออ..ช่างเหอะกินๆ” หลังจากที่ผมกินผลไม้ไปอ่านบทไปได้ซักพักคนที่นั่งข้างๆก็ถามขึ้นอีก “พร้อมยัง” “ห่ะ” “อ่านบทนะพร้อมจะต่อรึยัง” “ก็พร้อมนะ” “โอเคงั้นเริ่มเลย” ผมละหวั่นๆทุกครั้งที่ต้องมาเจอสายตาคนคนนี้จริงๆทุกครั้งที่เขาซ้อมทนั้นเขาเหมือนเป็นอีกคนไปเลย ทำยังไงผมถึงจะทำแบเขาได้บ้างนะ
Romeo : JULIET, I am here in the garden.
Juliet : (แสดงอาการตกใจก่อนจะหันกลัมา) It’s you? Oh I’d love you if you weren’t MONTAGUE.
Romeo : I love You
Juliet : Yes, You do. But my parents are going to make me marry with COUNT PARIS.
Romeo : With al my heart. I love you JULIET.
Juliet : Our only hope is get married in secret.
Romeo : Yes, good idea. Ok goodbye JULIET sweetheart.
Juliet : Goodbye , I love you.
“เอาละ...คราวนี้นายจำได้แล้วใช่ไหมงั้นวันนี้พอแค่นี้แล้วกัน ครั้งหน้าจะสอนการใส่ felling ให้โอเคนะ” “แค่นี้?” “เออดิ...วันนี้นายก็กลับบ้านไปเลยก็ได้” “แล้วทำไมนายไม่สอน felling ให้เลยอ่ะ” “ขี้เกียจ...วันนี้อยากนอนละ” อะไรของผู้ชายคนนี้ว่ะบทจะไล่กันก็ไล่ดื้อๆเนี้ยนะ ผมมองหน้าชายธีแบบงงๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์กับกุญแจรถ แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่า ผมรับปากว่าจะซ่อมท่อน้ำให้เขานิ “มองหน้าทำไม...ไม่กลับอะ” “คือเราบอกว่าจะซ่อมท่อน้ำให้...จะให้เราซ่อมก่อนไหม” “ไม่ต้องอ่ะ...พอดีนึกได้เมื่อวานแม่เราให้ช่างมาทำแล้ว” “ห่ะ?...” ผมนี้พูดไม่ออกเลยเจอประโยคแต่ละประโยคเวลาคนคนนี้ไม่อยากคุยขึ้นมา “อย่าลืมอ่านบทละ...อ๋อออกไปแล้วปิดประตูให้ด้วย ไม่ออกไปส่งนะแดดร้อน” “โอเค” เมื่อได้ยินคำตอบจากเจ้าของบ้านแบบนี้จะอยู่ทำไมละครับกลับซิครับ “คนอะไรเข้าใจยากชิบ...หรือเพราะท่าทางแบบนี้หรอคนที่สนใจ” พอๆเลิกคิดถึงเถอะยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดว่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ