รหัสรัก ROMEO and JULIET

6.4

เขียนโดย zeeto

วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.02 น.

  20 ตอน
  2 วิจารณ์
  30.73K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 21.55 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) จุดเริ่มต้นของ ROMEO

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          “ไอ้กัน...นี้มึงจะรีบไปไหนว่ะ” เสียงเพื่อนของผมที่นั่งอยู่เบาะข้างๆบ่นผมที่รีบไปรับมันแต่เช้า เพื่อที่ผมจะไปงานคอนเสริตของ bigbang ในวันนี้ ก็จะไม่ให้ผมรีบได้ไงละอย่างน้อยๆผมต้องไปให้ทันซื้อของ official แน่ๆขืนไปช้าได้อดพอดี  “จะบ่นกูทำไมว่ะไอ้ซิงมึงก็รู้กูต้องรีบไปซื้อแท่งไฟ” “นี้มึงต้องซื้อทุกคอนเลยป่ะว่ะ” “ก็มันไม่เหมือนกัน” “ไม่เหมือนตรงไหนว่ะกูก็เห็นเหมือนกันหมดไอ้คฑาสีเหลืองๆของมึงเนี้ย” “ก็อันนี้มันซือที่คอนปีนี้ไงมันจะเหมือนกันได้ไงว่ะ” “เออๆกูยอม” เมื่อรู้ว่าการเถียงกันในทุกๆครั้งไอ้ซิงไม่สามารถที่จะชนะผมได้มันก็เลือกตัดสินใจเงียบ และส่ายหัวไปมาเบาๆด้วยความเอือมระอากับเพื่อนอย่างผม  แต่ทุกคนที่เป็นแฟนคลับเกาหลีแบบผมจะเข้าใจใช่ไหมครับว่าการมีของที่ระลึกจากคอนเสริตในแต่ละครั้งนี้มันสำคัญมากขนาดไหน  หลังจากผมมารอเข้าคิวเพื่อซื้อของ official ตั้งแต่7โมงเช้าจนตอนนี้ผมก็สามารถซื้อมันมาได้แต่กว่าจะได้มาก็ปาเข้าไป 10โมงกว่าแล้วละ แต่ที่หน้าตื่นเต้นกว่าการรอซื้อของ official ก็ตอนที่ต้องรอรับของแจกหน้างานจากกลุ่มแฟนคลับที่บางคนทำมาเพื่อให้เล่นเกมส์ระหว่างรอเข้างานในช่วงเย็นนั้นแหล่ะครับ  แต่ระหว่างรอที่จะรับของแจกผมขอเช็ค  เรตติ้งซักหน่อยแล้วกัน “ไอ้ซิงๆมานี้ๆ อัพไอจีกัน” “โห่...นี้มึงยังมีอารมณ์อีกนะ” “เออเร็วเอาละนะ...สวัสดีVIP วันนี้กันสมายอยู่ที่อิมแพคอารีนานะครับ...อยากรู้ใช่ไหมมาหาใครงั้นมาเจอกับผมและซิงได้ที่นี้นะครับบายยยย”  “ไอ้กัน...แค่มาดูคอนเสริตมึงยังต้องอัพเดรทชีวิตอีกหรอว่ะ” “ไม่ได้ซิครับเพื่อน...ปุ๊บๆ ...อัพเสร็จเรียบร้อย”  หลังจากคลิปถูกปล่อยไปไม่นานยอดไลน์ก็ค่อยๆขยับขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับคอมเม้นจากกลุ่มคนที่ตามผมเพราะความหล่อและเก่งนั้นเอง “ไอ้กัน...กูว่ายอดไลน์มึงตกนะ” “พูดอะไรไหนยอดไลน์กูตกเอามาดูดิ” ผมแย้งมือถือจากไอ้ซิงมาดู จริงอย่างที่มันพูด ทำไมยอดไลน์ผมดูน้อยกว่าปกติละ ถ้าเป็นก่อนหน้านั้นแค่ผมอัพไม่ถึง10นาทียอดก็เกินสามพันไปแล้วแต่นี้ หนึ่งพันห้าร้อยกว่าไลน์ “เป็นไปได้ไงปกติถ้ากูอัพลงไปซักห้านาทีก็สามพันกว่าแล้วไหมว่ะ” “กูว่าแฟนคลับเขาเริ่มเบื่อมึงแล้วละ” “บ้า...ใครจะมาเบื่อกูบางทีเขายังไม่ว่างกัน...พอๆไปหาไรกินกันเถอะหิวแล้ว” เพื่อไม่อยากให้เป็นการอารมณ์เสียผมจึงตัดบทการสนทนาชวนไอ้ซิงไปหาข้าวกินแทนดีกว่า วันนี้จะมาหาGDของผม ผมจะไม่ยอมให้อะไรมาทำผมหมดสนุกแน่ๆ

 

          สายๆวันเสาว์แบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นๆอาจจะเลือกที่จะเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด ไม่ก็ไปช๊อปปิ้ง ดูหนังฟังเพลง แต่สำหรับผมหรอขอแค่มีกาแฟหอมๆซักแก้วกับหนังสือรางวัลซีไรท์อีกซักเล่มก็พอแล้วครับ สำหรับการพักผ่อน ผมตื่นขึ้นมาในตอนสายของวันหยุดแบบนี้ก่อนจะจัดแจงลุกไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วเดินไปยังร้านกาแฟใกล้ๆบ้าน ร้านประจำ พอไปถึงเพียงแค่พี่เจ้าของร้านเห็นหน้าก็ยิ้มรับก่อนจะจัดแจงทำเมนูเดิมให้กับผมโดยไม่ต้องสั่งเลย เพราะผมมักจะสั่งแบบนี้เช่นเดิมทุกวัน “อเมริกาโนเย็นได้แล้วคะน้องฟลุ๊ค” “ขอบคุณครับ...จริงซิพี่วันนี้ผมขอคุกกี้ด้วยนะครับพอดีวันนี้ว่าจะทำงานเผื่อหิว” “ได้คะ...รอแปบนะ” ระหว่างรอพี่เจ้าของร้านไปหยิบคุกกี้ใส่ถุงให้ผมก็หยิบมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปคู่กับกาแฟก่อนจะอัพเดรทชีวิตในวันหยุดบ้าง “วันหยุดที่ไม่ได้หยุดกับกรุ่นกลิ่นกาแฟที่ปลุกชีวิตในการทำงาน” เมื่อพิมพ์แคปชั่นสั้นๆเสร็จผมก็กดอัพโหลดไอจีทันที แต่แปลกทำไมช่วงนี้ยอดคนติดตามผมเพิ่มมากขึ้น แล้วดูซิยอดไลน์อีก เมื่อสองอาทิตย์ก่อนยอดติดตามผมยังเป็นตัวเลขปกติแท้ๆ มาวันนี้ขึ้น 186k แล้วไหนจะคอมเม้นในรูปนั้นอีก “พี่ฟลุ๊คหล่อจัง/ เซตผมแบบนี้เท่ห์สุดๆ/น่ารักจังเลย...” คอมเม้นพวกนี้ทำผมเกือบจะลอยได้เลยทีเดียว ผมว่าผมควรรีบกลับบ้านไปทำงานต่อหน้าจะดีกว่านะเพราะยังเหลือบทที่ต้องต่ออีกเยอะเลยผมเดินไปจ่ายเงินที่เค้าท์เตอร์ก่อนจะรับถุงคุกกี้และถือแก้วกาแฟกลับไปทำงานต่อเช่นเดิม

           

          ณ มหาวิทยาลัยที่คณะนิเทศศาสตร์ วันนี้หลังจากที่เลิกเรียนเสร็จผมก็นั่งเปิดมือถือเพื่อเช็คเรตติ้งตัวเองบ้าง ...แต่มันกับทำให้ผมยิ่งหงุดหงิดขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก ก็ไอ้ยอดไลน์ที่ตกลงทุกวันๆ คอมเม้นที่น้อยลงนี้มันเพราะอะไรกัน ผมก็ไม่ได้ทำผิด... “ไอ้กันทำหน้าอย่างกับคนหมดหวังเป็นไรว่ะมึง” ไอ้ซิงที่เดินถือแก้วนมสดคาราเมลที่ผมฝากซื้อมาวางข้างๆก่อนจะนั่งมองหน้าผมอย่างงงๆ “ไอ้ซิง...ยอดไลน์กูลดเยอะเลยว่ะ” “อ๋อ..จะไม่ลดได้ไงตอนนี้เขาพากันไปติดตามชายธีกันหมดแล้ว” “ชายธี?..ใครว่ะ” “กูก็ไม่รู้นะว่าเขาเป็นใคร  เห็นว่ากันว่าเป็นเด็กศิลปกรรมเอกการแสดงหรือไงนี้แหล่ะ” “เด็กมหาลัยเราหรอว่ะ...มึงพอมีรูปไหมกูอยากเห็นหน้าคนที่มาแย้งความนิยมไปจากกู” “เออๆเดี๋ยวกูหาไอจีเขาก่อน  นี้กูก็พึ่งไปติดตามเขามาอย่างเท่ห์” “เออๆเอามาดูหน้าดิ” “นี่ไงชายธี” ไอ้ซิงยื่นโทรศัพท์ของมันส่งให้ผม เมื่อเห็นหน้าผมก็รู้สึกเขาไม่ได้พิเศษไปมากกว่าผมแท้ๆแต่ทำไมคนฟอลได้ว่ะ ก็แค่การคุมโทนไอจี ความติสๆนิดหน่อย “เป็นไงมึงเท่ห์ใช่ไหมละ” ไอ้ซิงพูดจบก็ดึงมือถือกลับไป “ไม่เห็นจะเท่ห์ตรงไหนเลยตัวก็ดูผอมๆ หุ่นกูเท่กว่าตั้งเยอะ...แล้วไหนจะบุคลิกติสแตกนั้นอีก” “แล้วแต่มึงเลยครับเพื่อนเอาที่มึงสบายใจ” “อ้าวไอ้นึ้...แล้วมึงจะไปไหน” “ไปดูชายธีซ้อมละครเวทีดิว่ะ” นี้มันจะอะไรขนาดนี้แค่แฟนคลับเทผมก็แย่พออยู่แล้วแต่นี้ไอ้เพื่อนตัวดีของผมก็ดันมาเทผมอีกคน  แต่คิดหรอว่าผมจะยอมแค่นี้ ผมรีบเดินตามหลังไอ้ซิงไปที่ตึกศิลปกรรมทันที อยากจะเจอตัวจริงว่าจะเป็นคนแบบไหน  

                Romeo : Oh! Hello…You?

            Juliet : My name is Juliet, nice to meet you.

            Romeo : My name is Romeo Montague.

            Juliet : Montague?

            Romeo : Juliet , I am here in the garden.

            Juliet : It’s you? Oh I’d love you if you weren’t Montague.

            Romeo : I love you.

“คัท...ดีมากทุกคนวันนี้พอแค่นี้ก่อน” หลังจากเสียงไอ้ปริ้นท์ที่คอยช่วยกำกับสั่งคัท ผมและนักแสดงคนอื่นๆที่ซ้อมด้วยกันต่างก็พากันแยกย้ายเดินไปพักผ่อน “ไงว่ะไอ้ปริ้นท์กูเล่นเป็นไงบ้าง” “โถ่...ไอ้ฟลุ๊คมึงนี้มันสุดยอดแล้วเพื่อน” “มึงก็ชมเกินไป...เดี๋ยวกูไปซื้อกาแฟก่อนนะเดี๋ยวมา” ร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการซ้อมสิ่งเดียวที่พอจะทดแทนกับเวลาหลายชั่วโมงที่ผ่านมาของผมก็มี อเมริกาโน แก้วโปรดนี่แหล่ะ แต่...ผมรู้สึกว่าตั้งแต่ออกมาจากห้องซ้อมเหมือนมีคนตามมายังไงบอกไม่ถูกแต่คงไม่หรอกมั่งผมหน้าจะคิดไปเอง “พี่ครับอเมริกาโน1แก้ว” ไม่นานหลังจากสั่งกาแฟไปผมก็ได้กาแฟมาแต่อยู่ๆเมื่อผมกำลังจะจ่ายเงินเท่านั้นแหล่ะ “นี่ครับ...ค่ากาแฟแก้วนี้” ผมหันไปมองหน้าเจ้าของเงินที่จ่ายค่ากาแฟให้กับผม ผู้ชายที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อยผิวขาว ที่แก้มขวามีไฝเม็ดเล็กๆสองจุด หน้าตาหรอ...จัดว่าดีพอสมควร ว่าแต่เขามาจ่ายค่ากาแฟให้ผมทำไม “ขอโทษนะ..จ่ายค่ากาแฟให้ทำไม” “ก็เราเป็นแฟนคลับนาย” “แฟนคลับ?” “ใช่...เราพึ่งตัดสินใจเป็นแฟนคลับนายหลังจากที่ดูนายซ้อมละครเวที” “เออ...ขอบใจนะว่าแต่นายเป็นใคร” “เราหรอ?...เราชื่อกันสมาย เรียกว่ากันเฉยๆก็ได้” “โอเค...เราฟลุ๊คยินดีที่ได้รู้จักแล้วกัน แล้วก็ขอบใจสำหรับค่ากาแฟนะงั้นเราขอตัวก่อน” พูดจบผมกำลังจะกาวเดินกลับคณะแต่คนที่พึ่งแนะนำตัวก็ทักขึ้นมาอีกครั้ง “เออจริงซิ...เราเห็นหน้าห้องซ้อมติดประกาศรับนักแสดงเรื่อง Romeo and Juliet” “ใช่...ทำไมหรอ” “ถ้าเราอยากลองดูจะได้ไหม” สายตาที่จ้องตรงมาที่ผมกับท่าทางจริงจังนั้นมันก็เป็นอะไรที่ทำให้ผมสนใจขึ้นมาไม่น้อย เพราะเอาจริงๆรูปร่างหน้าตาของคนนี้ก็เข้าขั้นว่าดีใช้ได้เลย “อืม...งั้นลองดูก็ได้” พูดจบผมก็เดินนำคนที่พึ่งรู้จักกลับไปที่ห้องซ้อมของคณะทันที

     

          “ถ้าเราอยากลองดูจะได้ไหม” ผมตัดสินใจถามผู้ชายที่ชื่อฟลุ๊คหรือที่ใครๆเรียกเขาว่าชายธี เพราะหลังจากที่เห็นเขาซ้อมละครเวทีแล้วผมก็เห็นว่ามีคนมากมายที่อินไปกับผู้ชายคนนี้แถมยังชื่นชมเขามากขึ้น มันยิ่งทำให้ผมอยากลองทำดูเผื่อว่าไอ้ยอดไลน์ที่หายไปมันจะกลับมา  “ ทุกคน...นี้กันสมายเขาจะมาขอเล่นละครเวทีกับพวกเราด้วย” เมื่อมาถึงห้องซ้อมชายธีก็แนะนำให้ทุกคนรู้จักกับผม “สวัสดีนะทุกคนเรียกเราว่ากันเฉยๆก็ได้” ผมยิ้มพร้อมกับแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนข้างๆที่ยืนดูดกาแฟอย่างมีความสุข “นายชื่อกันใช่ไหม...หน่วยก้านดีนี่หว่ารูปร่างก็ดี หน้าก็หล่อ สนใจรับบท Romeo ไหม” ผู้ชายใส่แว่นตัวเล็กๆที่นั่งเซตกล้องพูดขึ้น “เราชื่อปริ้นท์เป็นเพื่อนสนิทกับไอ้ฟลุ๊ค” “อ๋อ...ยินดีที่ได้รู้จัก..ว่าแต่ที่นายพูดเมื่อกี้คืออะไรหรอ” “ก็ตอนนี้พวกเราจะทำละครเวทีเรื่อง Romeo and Juliet แต่ยังหาพระเอกไม่ได้ไงแต่เราว่านายเหมาะนะสนใจไหม” “เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้เรามาดูพวกนายซ้อมบทRomeo ฟลุ๊คเล่นไม่ใช่หรอ” “บ้า...ไอ้ฟลุ๊คมันเป็นผู้กำกับเมื่อกี้มันแค่ช่วยซ้อมให้กับแอปเปิ้ลเพราะตอนนี้เรายังไม่มีพระเอก”  นี้อะไรๆมันจะเข้าข้างผมขนาดนี้  อยู่ๆก็จะได้รับบท Romeo เลยหรอเนี้ย “ตกลงว่าไงจะเล่นไม่เล่น ถ้าไม่เล่นบทนี้คงต้องมาเป็นต้นไม้ประกอบฉากแล้ว” คราวนี้เป็นชายธีเองที่หันมาพูดกับผมหลังจากที่ผมนิ่งคิดอยู่นาน “แต่เราไม่เคยแสดงละครมาก่อนนะ” “ไม่เคยก็ลองดิเดี๋ยวให้ไอ้ฟลุ๊คสอนให้แปบเดียวเชื่อฝีมือเลย” “ตกลงจะเล่นไหม” “ลองดูก็ได้” เอาว่ะมาถึงขนาดนี้เป็นไงเป็นกัน

 

          ตอนแรกก็หนักใจว่าผมจะหาคนมารับบทเป็น Romeo ได้ไหมแต่มาตอนนี้โชคคงเข้าข้างผมแล้วละ ที่ได้ผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีถึงแม้จะดูมึนๆพูดไม่รู้เรื่องเท่าไร แต่ผมว่าแค่สอนนิดหน่อยก็คงได้ เออ...ว่าแต่มันเรียนอะไรของมันว่ะทำไมผมไม่คุ้นหน้าเลย ช่างเหอะพรุ่งนี้ค่อยถามแล้วกัน ก็ตอนนี้มันกลับไปแล้ว ไม่รู้บทที่ให้ไปมันจะอ่านรู้เรื่องหรือเปล่าเท่านั้นเอง เบอร์ก็ไม่ได้ขอ เอาว่ะ...มันคงกลับมาพรุ่งนี้ “ไอ้ฟลุ๊คเดี๋ยวกูกลับก่อนนะ” “เออๆขอบใจโว้ยวันนี้พรุ่งนี้เช้ามีสอบอย่าลืมนะมึง”

 

          เหนื่อยเป็นบ้าเลย...หลังจากตัดงานเสร็จผมก็รีบเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าด้วยท่าทางที่เร่งรีบของตัวผมเองจนไอ้ซิงเพื่อนตัวดีของผมจับสังเกตได้นั่นแหล่ะครับ “ไอ้กันมึงจะรีบไปไหนว่ะ” “ความลับ” “อ้าวไอ้นี้มีความลับกับเพื่อนนะ...เมื่อวานอีกอยู่ๆก็หายไป” “เออๆกูรีบไปละ” พูดจบผมก็รีบเดินออกจากห้องไปที่คณะศิลปกรรมทันที แต่ถึงแม้เมื่อวานผมจะได้บทไปก็จริง แต่ผมอ่านเท่าไรก็จำแทบไม่ได้นี้ไม่คิดเลยนะว่าบทมันจะเยอะขนาดนี้ แถมเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วยแต่จะให้ผมถอนตัวตอนนี้หรอไม่มีทาง นี้ใครนี้กันสมายนะครับ... “ขอโทษนะทุกคนที่มาช้าพอดีเราพึ่งตัดงานเสร็จ” “เฮ้ย...ไม่เป็นไรว่าแต่เรียนอะไรว่ะ” เสียงปริ้นท์ที่นั่งอยู่ในห้องถามผมขึ้น “เราเรียน Broadcast” ผมตอบพร้อมกับหันหน้ามองรอบๆห้องเพื่อหาอีกคนที่ตอนนี้ผมไม่เห็นเขาอยู่ในห้องนี้ “หาอะไรว่ะ” “อ๋อเปล่า...พอดีไม่เห็นฟลุ๊ค” “ไอ้ฟลุ๊คหรอมานู่นไงพอดีมันไปเอาบทเพิ่ม” “มีบทเพิ่มด้วยหรอ?” “อือ” แค่ที่เขาถ่ายเอกสารให้ผมไปปึกใหญ่นี้ผมก็ว่าเยอะแล้วนะนี้ยังมีบทเพิ่มอีกหรอเนี้ย “มาแล้วหรอ” เสียงคนที่พึ่งเดินเข้ามาถามผมขึ้น ผมได้แต่พยักหน้ารับ “ไอ้ปริ้นท์เดี๋ยวกูจะไปซื้อกาแฟก่อนมีใครจะเอาอะไรไหม” “ของกูขอลาเต้แล้วกัน” และตามด้วยคนอื่นๆที่สั่งเพิ่มอีก 5-6 คน ก่อนที่จะหันมาที่ผม “แล้วนายเอาอะไร” “ของเราหรอนมสดคาราเมล...เออเราว่าเราไปช่วยถือดีกว่าตั้งหลายแก้วไหนจะขนมอีก” “เออ...ตามใจ” เมื่อพูดจบผมก็เดินตามหลังคนที่ตัวเล็กกว่าเล็กน้อยออกจากห้องซ้อมไป ก็แปลกนะท่าทางของคนตรงหน้าก็ไม่ได้มีอะไรแต่ผมกับอยากชนะแบบบอกไม่ถูกอาจจะเพราะท่าทางนิ่งๆเย็นชาของคนคนนี้ก็ได้มั่ง “เออ...บทที่ให้ไปเมื่อวานอ่ะอ่านแล้วเป็นไงบ้าง” “เอาจริงๆนะ...เราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร” “แล้วพอจะจำบทได้ไหม” “ก็ได้นะ...แต่แค่เวลาที่มันต้องต่อบทอ่านคนเดียวเลยยากมั่ง”  “แล้ววันเสาว์ว่างไหม” “ก็ว่างนะ” “โอเคงั้นวันเสาว์จะช่วยต่อบทให้” “ได้ดิ...ว่าแต่ที่ไหนละ” “เอาเบอร์มาดิ” คนพูดยื่นมือถือให้กับผมเพื่อกดเบอร์โทรให้ “อันนี้เบอร์เรา”ผมยื่นมือถือคืนให้กับชายธีก่อนที่อีกคนจะกดโทรเข้ามาที่เครื่องของผม “นั้นอ่ะเบอร์เรา” ไม่นานมากนักขนม กาแฟและเครื่องดื่มทั้งหมดก็ได้ครบตามจำนวนที่สั่งที่สั่งไป “ทั้งหมดเท่าไรครับ” “580บาทคะ” “เดี๋ยวเราจ่ายให้” “พอเลยๆ..อย่ามาป๋าว่ะเมื่อวานก็ทีละ...นี้ครับพี่” “นายต้องเลี้ยงเพื่อนๆทุกคนเลยหรอ” “เปล่า...อันนี้เงินของคณะที่ใช้สำหรับงานนี้” “อ๋อ...” ผมพยักหน้ารับรู้และเข้าใจแล้วก่อนจะยื่นมือไปรับของจากพี่เจ้าของร้านมาช่วยถือ “แกๆ...นั้นมันพี่กันสมายไม่ใช่หรอทำไมเดินมากับชายธีได้ว่ะ” เสียงของคนที่นั่งตามโต๊ะระหว่างที่ผมกับชายธีเดินกลับคณะต่างพากันพูดถึงผมและชายธี “ท่าทางจะป๊อบหน้าดูนะนาย” เสียงชายธีที่หันมาพูดพร้อมกับมองหน้าผมก่อนจะเดินนำไป ผมก็ไม่เข้าใจท่าทางของเขาเช่นกัน ผู้ชายคนนี้ยิ่งได้คุยด้วยยิ่งทำให้งงไปใหญ่ เฮ้อ...จริงๆเลยนะ ว่าแต่ผมจะสนใจทำไมแค่มีคนจำผมได้ก็ดีแล้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา