รหัสรัก ROMEO and JULIET

6.4

เขียนโดย zeeto

วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.02 น.

  20 ตอน
  2 วิจารณ์
  30.82K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 21.55 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

11) อ๊าอิยาอิยา...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          “พี่ครับอเมริกาโน1แก้ว ชาเย็น1แก้ว แล้วก็สตอร์เบอรี่ชีสเค้ก2ชิ้นครับ” ผมเดินลงมาจากคอนโดเพื่อมาหาอะไรกินซักหน่อยหลังจากได้ของกินแล้วก็ไม่รอช้าที่จะรีบขึ้นห้องไป ผมคิดว่าตอนนี้ชายธีหน้าจะตื่นแล้วมั่ง  “อ้าวไอ้กันตื่นแต่เช้าเลยนะมึง” เสียงไอ้ซิงที่เดินถือถุงข้าวกล่องเข้ามาทักผม  “เออ...แล้วมึงเมื่อคืนกลับถึงคอนโดกี่โมง” “ตีสามพอดีพาสแน็คไปกินข้าวมันไก่แล้วก็ไปส่งเสร็จกว่าจะถึงคอนโดก็ดึก...ว่าแต่มึงเถอะกับJulietเป็นไงบ้างว่ะ” “มึงเรียกเขาว่าฟลุ๊คก็ได้...” “เออๆแหม๋เพื่อนเรียกJulietไม่ได้เลยนะครับRomeo” “แน่นอนขอสงวน2คำไว้ใช้พอ...” “แล้วตกลงได้บอกเขาไปไหมละว่าชอบเขา” “อือ...บอกแล้ว” “แล้ว?...” “ก็ดี...กูไปละเดี๋ยวน้ำแข็งละลาย” “อ้าวไอ้นี่...เก่งทุกเรื่องยกเว้นเรื่องแบบนี้ทำเป็นไม่กล้า” ผมรีบเดินหนีไอ้ซิงขึ้นคอนโดทันทีขืนอยู่ต่อไอ้ซิงซักยาวแน่ๆก็คนมันอายจะให้มาเล่าว่าเป็นไงก็ไม่ได้ เอาจริงๆก็อย่างที่ไอ้ซิงพูดนั้นแหล่ะครับผมไม่เคยกล้าจีบใครก่อนแล้วด้วยท่าทางแบบนี้ของผมใครเห็นก็คิดว่าเป็นเกย์เลยทำให้ผมไม่มีแฟนกับเขาซักทีไง แต่ผมว่าตอนนี้ผมกำลังจะมีแฟนแล้วละ... :)

          

          เสียงไขกุญแจเปิดห้องเข้ามาผมหันไปมองคนที่ถือแก้วกาแฟและขนมในมือตอนแรกบอกตัวเองว่าจะไม่ตื่นเต้นแต่พอต้องมาเจอหน้าแบบนี้ก็อดไม่ได้ ไม่ๆฟลุ๊คอ่านหนังสือๆนี้แดนอรัญนักเขียนคนโปรดของมึงนะ  “ฟลุ๊คอเมริกาโนอ่ะ...ซื้อมาให้” “ขอบใจเอาวางไว้ก่อนเดี๋ยวกูกิน” “อ่านหนังสืออะไรอ่ะ” “เงาสีขาวของแดนอรัญ...” “กินเค้กไหมเดี๋ยวแกะให้” “เอาไว้ก่อนก็ได้เดี๋ยวค่อยกิน...” หายใจเข้าลึกๆไอ้ฟลุ๊คยิ่งไอ้กันทำเสียงแบบนี้ทำไมใจเต้นแรงจังว่ะ... เสียงนุ่มนิ่มแบบนี้ไม่ไหวนะใจจะวายอยู่แล้วทำไมฟังแล้วมือไม้มันไม่มีแรงแม้จะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านว่ะ ตอนนี้มึงต้องสนใจแดนอรัญนะฟลุ๊คหายใจเข้าลึกๆ “เออฟลุ๊ค...เมื่อคืนกู...” “ไม่มีอะไรนี้มึงไม่ได้ทำอะไรกูแค่พามึงขึ้นคอนโดนอนเฉยๆ” “มึงเป็นอะไรเนี้ยฟลุ๊คกูแค่จะถามว่าเมื่อคืนกูเมามากหรอว่ะ” เอาอีกแล้วร่นทำไมผมหยิบที่คั้นหนังสือมาคั้นหน้าไว้ก่อนวางหนังสือแล้วตั้งสติหันไปหาคนที่ยืนดูดชาเย็นที่ยืนมองผมอยู่ข้างๆ “เมื่อคืนหรอ...มึงเมามาก” “หรอ...ว่าแต่กูทำอะไรแปลกๆไปป่ะว่ะ” “แปลกๆ...มึงหมายความว่าไง” “ก็แบบ...” อยู่ๆคนที่ยืนดูดชาเย็นในแก้วก็ก้มหน้าลงมาใกล้ๆหน้าผม สายตาที่จ้องเข้ามาทำไมมันรู้สึกแปลกๆว่ะเอาไงดี “เออ...ไอ้กันมึงจะทำอะไร” “เปล่าหรอก...กูแค่สงสัยเวลากูเมากูทำอะไรไปบ้าง...แต่กูว่ากูรู้แล้วละ” “รู้อะไรวะ...” นี้ไอ้กันมันกวนประสาทผมอีกแล้วหรอมาทำให้ใจเต้นแรงแล้วกับทิ้งคำพูดแปลกๆแบบนี้ไว้แล้วก็เดินไป  ไอ้กันนะไอ้กันสนุกนักหรือไงว่ะทำคนอื่นเป็นแบบนี้หัวใจบ้านี้ก็เต้นแรงอยู่ได้มึงจะเขินอะไรนักหนาว่ะ  เมื่อคืนไอ้กันแค่เมามันทำอะไรไปมันก็ไม่รู้เรื่องหรอกมีแต่มึงนี้แหล่ะที่บ้าสติแตกเพราะ...”กูว่ากูชอบมึงนะ” แล้วคำพูดนี้มันจะดังเข้ามาในหัวทำไมเนี้ย....

 

          ผมหยิบกีต้าร์ขึ้นมานั่งพิงบนที่นอนมองคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือไม่สนใจอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่านั้นไม่สนใจอะไรหรือกำลังปิดบังความเขินอายกันแน่เพราะทันทีที่ผมเข้าไปใกล้ๆอีกคนก็เอาแต่หลบสายตา  หรือจะเดินไปบอกว่าผมรู้สึกยังไงกับเขาตรงๆเลยดี  ไม่ซิมันห่ามเกินไปคนอย่างชายธีเดาใจยากด้วยเอาไงดีว่ะ ถ้าใช้มุขนี้จะผ่านไหมเมื่อคิดได้ดังนั้นผมค่อยๆดีดกีต้าร์เบาๆก่อนที่จะเริ่มร้องเพลง

          ท้องทะเลท้องฟ้ามีเพียงแค่เรา  ท่ามกลางหาดทรายขาว แสงดวงดาวพร่างพราว ประกายสวยงาม  ดั่งบนสวรรค์เปิดทาง ให้คนอ้างว้างอย่างฉัน บอกความในใจให้เธอฟัง โอกาสอย่างนี้ต้องพูดไป

*ว่าในหัวใจ...มีแต่เธอนั้น อยากให้เชื่อกัน พยานคือฟ้าที่เฝ้าดู แล้วเธอคิดอย่างไรเมื่อได้รู้บอกที อยากฟังจากปากเธอ....

**หากเธอก็รัก เธอก็รู้สึกดีๆเหมือนกัน แต่เธอก็เขินอายอย่างนั้น  ที่จะต้องพูดมา แค่ร้องว่าอ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยา ก็พอ  และฉันก็ขอเป็นคนนั้นที่ดูแลหัวใจ ไม่เคยบอกรักใครคนไหนเพิ่งจะมีแค่เธอ  และฉันก็อ๊าอิยาอิยา อ๊าอิยาอิยาเหมือนเธอ แค่เพียงเท่านี้เป็นอันเข้าใจ

ฉันไม่เคยพูดความในใจที่มีกับเธอเลยสักครั้ง  เพราะฉันเขินเลยกลัวที่จะพูดไป ถ้าปล่อยคืนนี้ผ่านไป เก็บความรักไว้อย่างนั้น ก็คงไม่รู้ว่าใจตรงกัน โอกาสอย่างต้องพูดไป (*,**,**)

 

          ที่เปิดหนังสืออ่านไปคิดหรอว่าผมสนใจในตัวหนังสือที่เรียงรายตรงหน้าแน่นอนซิใครจะไปมีสมาธิอ่านได้ แค่โดนอีกคนนั่งจ้องในห้องก็ทำให้ผมสติสตังไม่อยู่กับตัวเองแต่นี้ดันมาร้องเพลงอีก  แล้วเพลงนี้มันอะไรกันทำไมผมต้องเขินกับเพลงธรรมดาๆเพลงหนึ่งด้วยปกติอยู่ที่มหาลัยไอ้ปรินท์ก็เลยร้องให้ฟังนี้น่า..แต่ทำไมมันต่างกันละ ผมค่อยๆผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ “ชอบป่ะ...” “เฮ้ย!!...” อยู่ๆไอ้คนที่ผมไม่อยากอยู่ใกล้ตอนนี้ดันเดินมากระซิบถามข้างๆหูอีก ว่าแต่มันเดินมาตอนไหนเนี้ย “ไอ้กัน...ทำอะไรว่ะตกใจหมดเลย” “ก็เห็นนั่งเหม่อ...ว่าแต่ชอบป่ะ” “ห่ะ!!...ชอบอะไร” “กูหมายถึงเพลงที่กูร้องมึงชอบบป่ะ” “ก็เพราะดี...” “กูไม่ได้ถามว่าเพราะไหมแต่กูถามว่าชอบไหม...” “เออ...ชอบ” “แล้ว...เพลงกับกูชอบอันไหนมากกว่า” “ห่ะ!!...”  ไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวคนที่ยืนข้างๆก็หยิบหนังสือออกจากมือผมแล้วจับให้ผมหันมามองหน้าตรงๆที่มัน “มึงจะทำอะไรไอ้กัน...กูอ่านหนังสืออยู่”  “อ่านไปก็ไม่รู้เรื่องไม่ใช่หรอ...ตกลงมึงชอบเพลงหรือกูมากกว่ากัน” “กะ...ก็...เพลงไง” “งั้นแสดงว่ามึงไม่ชอบกู” “ไม่ใช่...” “งั้นก็แสดงว่ามึงชอบกูดิ” “เออ...เฮ้ย!!...นี้มึงแกล้งกูหรอ” “เปล่า...ก็แค่อยากดูอาการตกลงชอบกูใช่ป่ะ” จะให้ตอบได้ไงว่ะว่าชอบเล่นจ้องแบบนี้คนมันอายเป็นนะเว้ยไอ้กันแล้วไหนจะมือที่มาเท้ากับโต๊ะไม่ให้ผมหลบออกไปได้นี้อีก หน้าก็ห่างกันแค่คืบบรรยากาศแบบนี้ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการเสียตัวแน่ๆ  เฮ้ยๆๆเดี๋ยวนะนี้ผมคิดอะไรอยู่เนี้ย...  ดึงสติกลับมาก่อนไอ้ฟลุ๊คใจเย็นๆนะ “ฟลุ๊ค...” “ว่าไง” “ที่มึงบอกว่าชอบกูเมื่อคืนพูดจริงป่ะ” “นี่มึง!!!...” ผมเงยหน้าไปมองคนที่ก้มมาพูดข้างๆหูเป็นจังหวะเดียวกับที่ปลายจมูกของผมชนเข้าที่แก้มไอ้กัน  โอ้ยไม่ไหวแล้วโว้ยใครก็ได้ช่วยผมทีเมื่อกี้ผมหอมแก้มไอ้กันแต่...แก้มมันหอมมากเลยนะ  ไม่ซินั้นไม่ใช่ประเด็นไม่ใช่หรอแล้วประเด็นมันอยู่ที่ไหนละโอ้ยยยยยย...

 

          น่ารักจัง...ทำไมตอนนี้อะไรๆมันก็ชมพูไปหมดนะหรือเพราะผมชอบสีชมพูเหรอเลยเห็นทุกอย่างเป็นสีชมพู  ปลายจมูกที่ชนที่แก้มของผมจนทำให้ผมที่ยืนนิ่งพอๆกับคนที่ปลายจมูกยังคงอยู่ที่แก้มผมในตอนนี้นี้มันอะไรกัน  ความรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่างกายแบบนี้มันเกิดจากอะไร  ความรู้สึกแปลกใหม่แต่ที่เป็นความรู้สึกดีขนาดนี้เพราะอะไรกัน เหมือนสติของคนที่หอมแก้มผมจะรู้ตัวก่อนจะผละตัวเองออกห่างแล้วหันหน้าหลบไปอีกด้าน  ตอนแรกว่าจะเป็นคนที่เข้ามาแกล้งแท้ๆแต่ทำไมตอนนี้กับทำอะไรไม่ได้ละทำไมมันเขินแบบนี้ “ฟลุ๊ค..” “หื้อ...” “แก้มกู...นุ่มป่ะ” “บ้าหรอ...ถอยไปเลยกูจะไปกินน้ำ” คนที่นั่งดันตัวผมออกก่อนจะรีบลุกเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหยิบเอาขวดน้ำขึ้นมา  แต่ไม่รู้เพราะร่นหรือเพราะอะไรผมนั่งมองคนที่พยายามเปิดขวดน้ำที่เปิดไม่ออกอยู่พักใหญ่ก่อนจะเดินไปดึงมาแล้วเปิดให้ “บิดไปทางนั้นจะได้กินไหมล่ะเขาบิดทางนี้” ผมเปิดขวดน้ำก่อนส่งให้คนที่ยืนหลบหน้าอยู่ข้างๆตู้เย็น “ตกลงที่พูดเมื่อคืนมึงพูดจริงหรือเปล่า” ผมยังคงอยากได้คำตอบจากคนตรงหน้าเหมือนเคย  ชายธีค่อยๆหันมามอง “แล้วที่มึงบอกกูก่อนละพูดจริงหรือเปล่า...ถ้ามึงพูดจริง...กูก็พูดจริง” สายตาที่มองผ่านแว่นออกมานั้นมันไม่ได้โกหกใช่ไหมนั้นคือคำพูดจริงๆของชายธีที่มีต่อผมใช่ไหม ผมค่อยๆยกมือขึ้นถอดแว่นชายธีก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆสายตาที่สั่นไหวที่จ้องกลับมาค่อยหลับตาลงช้าๆ ริมฝีปากที่ดึงดูดให้ผมค่อยๆเลื่อนเข้าไปพร้อมที่จะประกบริมฝีปากแต่... “เมี๊ยวว...” “หิวหรอครับแรมโบ้” คนตรงหน้าผมย่อตัวลงไปลูบเจ้าแรมโบ้ที  แล้วผมละกลายเป็นว่าตอนนี้จูบอากาศซินะ...มันใช่เวลาหรอเนี้ย...คนกำลังจะโรแมนติกซ่ะหน่อยแรมโบ้นะแรมโบ้เอาชายธีคืนป๊ะป๊ามาเดี๋ยวนี้.... 

 

          ขอบใจนะแรมโบ้ที่มาทันเวลาไม่งั้นพี่ชายธีแย่แน่เลย...ป๊ะป๊าของหนูรังแกพี่ชายธีแน่ๆ  “กินเยอะๆนะครับแรมโบ้” ^__^

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา