สายใยแห่งรัก
-
6)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ รอบๆปราสาทที่มีชายชุดดำเฝ้าอยู่เป็นจำนวนมาก จะมองไปทางไหนก็มีแต่รกร้างเต็มไปหมด แต่ทว่าพอถัดจากกหลังปราสาทไปอีกหน่อยกับมีสวนดอกไม้ขนาดเล็กๆ แต่ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณ จนเจ้าหญิงราณีต้องออกมาทอดพระเนตรกับนารีนางกำนัลคู่ใจ
"ไม่คิดเลยว่าที่ค่ายโจรจะปลูกดอกไม้พวกนี้ไว้ด้วย"
เจ้าหญิงตรัสพลางเก็บเก็บช่อดอกกล้วยไม้ป่าสีเหลืองใส่ลงในตะกร้า อย่างสบายพระทัย
"จริงด้วยเพค่ะ" นารีกล่าวก่อนจะตัดดอกกุหลาบสีขาวใส่ตะกร้าเช่นกัน
"ดอกไม้เริ่มบานแล้วซินะ" เจ้าหญิงเงยพระพักตร์ขึ้นมามองคนตรงหน้า แต่ก็ต้องก้มลงเก็บดอกไม้ต่อไม่สนใจคนตรงหน้าเลย
"นี่แม่นารี เจ้าหญิงของเจ้าเห็นเราเป็นตอไม้รึอย่างไร ทำไมถึงไม่พูดไม่สนทนากับเราเลย"
"อุ้ยท่านจิรา มาก็ไม่บอกไม่กล่าว นี่ๆดอกไม้พวกนี้มาจากไหนกันตอนมาอยู่ใหม่ไม่เห็นมีเลย" นารีเอ่ยถาม
"เราให้คนไปหามาปลูกตั้งแต่เมื่อวาน เผื่อว่าเจ้าหญิงทรงชอบ" จิรากล่าวก่อนจะหันมามองเจ้าหญิง
"คงไปขโมยของใครมาล่ะสิ"เจ้าหญิงตรัสโดยไม่มองคนตรงหน้าแม้แต่น้อย จิราหัวเราะในลำคอ
"เรื่องเมื่อคืนหม่อมฉันขอโทษหากทำสิ่งใดให้ทรงโกรธ"
"เมื่อคืนท่านจิรากับเจ้าหญิง" นารีตาลุกวาว
"หยุดพูดนะนารีมันไม่ใช่อย่างที่เจ้าเข้าใจ" เจ้าหญิงกล่าวพระพักตร์เริ่มแดง
"ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันขอตัวเอาดอกไม้ไปเก็บก่อนนะเพค่ะ"
นารีรีบสาวเท้าเดินออกไป แม้เจ้าหญิงจะเรียกก็ไม่หันมา
"เจ้าหญิงทรงชอบที่นี่รึเปล่า" จิราเอ่ยถาม
"ชอบไม่ชอบมันไม่สำคัญหรอก ก็เราถูกขังไว้ที่นี่นิ"
"หม่อมฉันมิบังอาจขังเจ้าหญิงไว้"
"แล้วเราจะไปไหนได้ ที่นี่มองไปก็มีแต่ป่ากับป่า"
"เจ้าหญิงคงอยากจะเข้าพิธีแต่งงานมาก เลยไม่อยากจะอยู่ที่นี่กับหม่อมฉัน" จิรากล่าวน้ำเสียงบ่งบอกถึงความน้อยใจ จนลืมนึกไปว่าตนคือเจ้าฟ้าชายจิรายุแห่งอติราชนคร
"มันไม่ใช่แบบนั้น เราจากพ่อจากแม่จากบ้านเมืองมาก็ทุกข์พออยู่แล้ว แล้วต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก"เจ้าหญิงจ้องหน้าจิราพระเนตรแดงกล่ำ
"หม่อมฉันเสียใจที่ทำให้เจ้าหญิงต้องเป็นทุกข์ แต่ขอถามอะไรหน่อยเถิด เจ้าหญิงทรงรักเจ้าชายธนารึใหม่"
เจ้าหญิงทรงเงียบไปเมื่อเจอกับคำถามนี้
"เราต้องแต่งถึงไม่รักก็ต้องแต่งเจ้าเข้าใจมั้ย"
"ก็แล้วทำไมล่ะ" จิราเอ่ยถามรู้สึกสงสารเจ้าหญิงอย่างบอกไม่ถูก
"เจ้าชายธนา มาเยี่ยมเยียนหาเสด็จพ่อของเราเป็นประจำ
เมืองดาหลามีฐานะร่ำรวยมีทองคำและเพชรนิลจินดามาก ก็เอามาถวายเสด็จพ่อมากมายนัก ช่วงนั้นกสิรานครของเราก็เกิดภัยแล้งข้าวปลาอาหารก็ขาดแคลน
เสด็จพ่อก็ใช้ของมีค่าเหล่านี้ช่วยเหลือ ซื้อสิ่งของจำเป็นเพื่อช่วยเหลือราษฏร เสด็จพ่อซึ้งใจมากจึงยกเราให้เป็นคู่หมายขององค์ชายธนา" เจ้าหญิงเล่าความแต่ครั้งหลังให้ผู้ที่พระองค์เชื่อสนิทใจว่าเป็น โจร ให้ฟัง
"เรื่องก็เป็นแบบนี้นี่เอง" จิรากล่าว เรื่องทั้งหมดกระจ่างแล้วเขามองเจ้าหญิงอย่างสงสารที่ต้องตกเป็นเครื่องมือของเมืองดาหลาโดยไม่รู้ตัว
"ถ้าเจ้าหญิงไม่รักเจ้าชายธนา ก็อย่าฝืนใจแต่งงานเลย อยู่กับหม่อมฉันที่นี่แหละ หม่อมฉันจะดูแลเจ้าหญิงอย่างดี" จิรากล่าวออกมาจากใจจริง
"ขอบใจมาก แต่หากเจ้าชายธนารู้ต้องมาตามเรากลับเป็นแน่" เจ้าหญิงกังวลพระทัย
"ข้อนั้นอย่าได้ทรงห่วง ที่นี่อยู่กลางหุบเขา ทางเข้ามาลึกลับซับซ้อนมาก" จิรากล่าวอย่างมั่นใจ พลางลอบชำเลืองมองเจ้าหญิง เจ้าหญิงยิ้มให้กับชายหนุ่มตรงหน้า ถึงแม้เขาจะเป็นโจรแต่น้ำใจช่างดีเหลือเกิน ทรงรู้สึกปลอดภัยที่ได้อยู่ใกล้เขา
"ไม่คิดเลยว่าที่ค่ายโจรจะปลูกดอกไม้พวกนี้ไว้ด้วย"
เจ้าหญิงตรัสพลางเก็บเก็บช่อดอกกล้วยไม้ป่าสีเหลืองใส่ลงในตะกร้า อย่างสบายพระทัย
"จริงด้วยเพค่ะ" นารีกล่าวก่อนจะตัดดอกกุหลาบสีขาวใส่ตะกร้าเช่นกัน
"ดอกไม้เริ่มบานแล้วซินะ" เจ้าหญิงเงยพระพักตร์ขึ้นมามองคนตรงหน้า แต่ก็ต้องก้มลงเก็บดอกไม้ต่อไม่สนใจคนตรงหน้าเลย
"นี่แม่นารี เจ้าหญิงของเจ้าเห็นเราเป็นตอไม้รึอย่างไร ทำไมถึงไม่พูดไม่สนทนากับเราเลย"
"อุ้ยท่านจิรา มาก็ไม่บอกไม่กล่าว นี่ๆดอกไม้พวกนี้มาจากไหนกันตอนมาอยู่ใหม่ไม่เห็นมีเลย" นารีเอ่ยถาม
"เราให้คนไปหามาปลูกตั้งแต่เมื่อวาน เผื่อว่าเจ้าหญิงทรงชอบ" จิรากล่าวก่อนจะหันมามองเจ้าหญิง
"คงไปขโมยของใครมาล่ะสิ"เจ้าหญิงตรัสโดยไม่มองคนตรงหน้าแม้แต่น้อย จิราหัวเราะในลำคอ
"เรื่องเมื่อคืนหม่อมฉันขอโทษหากทำสิ่งใดให้ทรงโกรธ"
"เมื่อคืนท่านจิรากับเจ้าหญิง" นารีตาลุกวาว
"หยุดพูดนะนารีมันไม่ใช่อย่างที่เจ้าเข้าใจ" เจ้าหญิงกล่าวพระพักตร์เริ่มแดง
"ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันขอตัวเอาดอกไม้ไปเก็บก่อนนะเพค่ะ"
นารีรีบสาวเท้าเดินออกไป แม้เจ้าหญิงจะเรียกก็ไม่หันมา
"เจ้าหญิงทรงชอบที่นี่รึเปล่า" จิราเอ่ยถาม
"ชอบไม่ชอบมันไม่สำคัญหรอก ก็เราถูกขังไว้ที่นี่นิ"
"หม่อมฉันมิบังอาจขังเจ้าหญิงไว้"
"แล้วเราจะไปไหนได้ ที่นี่มองไปก็มีแต่ป่ากับป่า"
"เจ้าหญิงคงอยากจะเข้าพิธีแต่งงานมาก เลยไม่อยากจะอยู่ที่นี่กับหม่อมฉัน" จิรากล่าวน้ำเสียงบ่งบอกถึงความน้อยใจ จนลืมนึกไปว่าตนคือเจ้าฟ้าชายจิรายุแห่งอติราชนคร
"มันไม่ใช่แบบนั้น เราจากพ่อจากแม่จากบ้านเมืองมาก็ทุกข์พออยู่แล้ว แล้วต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก"เจ้าหญิงจ้องหน้าจิราพระเนตรแดงกล่ำ
"หม่อมฉันเสียใจที่ทำให้เจ้าหญิงต้องเป็นทุกข์ แต่ขอถามอะไรหน่อยเถิด เจ้าหญิงทรงรักเจ้าชายธนารึใหม่"
เจ้าหญิงทรงเงียบไปเมื่อเจอกับคำถามนี้
"เราต้องแต่งถึงไม่รักก็ต้องแต่งเจ้าเข้าใจมั้ย"
"ก็แล้วทำไมล่ะ" จิราเอ่ยถามรู้สึกสงสารเจ้าหญิงอย่างบอกไม่ถูก
"เจ้าชายธนา มาเยี่ยมเยียนหาเสด็จพ่อของเราเป็นประจำ
เมืองดาหลามีฐานะร่ำรวยมีทองคำและเพชรนิลจินดามาก ก็เอามาถวายเสด็จพ่อมากมายนัก ช่วงนั้นกสิรานครของเราก็เกิดภัยแล้งข้าวปลาอาหารก็ขาดแคลน
เสด็จพ่อก็ใช้ของมีค่าเหล่านี้ช่วยเหลือ ซื้อสิ่งของจำเป็นเพื่อช่วยเหลือราษฏร เสด็จพ่อซึ้งใจมากจึงยกเราให้เป็นคู่หมายขององค์ชายธนา" เจ้าหญิงเล่าความแต่ครั้งหลังให้ผู้ที่พระองค์เชื่อสนิทใจว่าเป็น โจร ให้ฟัง
"เรื่องก็เป็นแบบนี้นี่เอง" จิรากล่าว เรื่องทั้งหมดกระจ่างแล้วเขามองเจ้าหญิงอย่างสงสารที่ต้องตกเป็นเครื่องมือของเมืองดาหลาโดยไม่รู้ตัว
"ถ้าเจ้าหญิงไม่รักเจ้าชายธนา ก็อย่าฝืนใจแต่งงานเลย อยู่กับหม่อมฉันที่นี่แหละ หม่อมฉันจะดูแลเจ้าหญิงอย่างดี" จิรากล่าวออกมาจากใจจริง
"ขอบใจมาก แต่หากเจ้าชายธนารู้ต้องมาตามเรากลับเป็นแน่" เจ้าหญิงกังวลพระทัย
"ข้อนั้นอย่าได้ทรงห่วง ที่นี่อยู่กลางหุบเขา ทางเข้ามาลึกลับซับซ้อนมาก" จิรากล่าวอย่างมั่นใจ พลางลอบชำเลืองมองเจ้าหญิง เจ้าหญิงยิ้มให้กับชายหนุ่มตรงหน้า ถึงแม้เขาจะเป็นโจรแต่น้ำใจช่างดีเหลือเกิน ทรงรู้สึกปลอดภัยที่ได้อยู่ใกล้เขา
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ