[FIC GINTAMA]AllGIN เหตุมันเกิด เพราะว่าผมเหงา
-
เขียนโดย kakaoki_ki
วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.21 น.
5 บท
0 วิจารณ์
10.66K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 21.52 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ:chapter 4:
“ปล่อยชั้นลงได้แล้ว นายไม่หนักรึไง” ผมบอกโซโกะให้เลิกอุ้มผมได้แล้ว เพราะตอนนี้เผมกับโซโกะก็เข้ามาอยู่ในสำนักงานชินเซ็นกุมิแล้ว กว่าจะเข้ามาได้ก็ลำบากอยู่เหมือนกัน แต่ดีหน่อยที่มันดึกแล้วคนเลยไม่ค่อยเพ่นพ่าน
ที่เค้าพาผมมาที่นี่เพราะอย่างแรกเลย ยัยหมวยกับชินปาจิคงจะกลับมาจากไปเที่ยวแล้ว ถ้าพวกนั้นเห็นผมในสภาพห่อผ้าผืนเดียว ลอยจูบเต็มตัว มีน้ำสีขาวขุ่นไหลตามหว่างขา มีหวัง....
ตูซวยแน่นอน...
อ่ออ แล้วก็ตอนที่ผมกับร่างสูงกำลังจะลงมาจากเขาโซโกะมันหยิบโทรสับขึ้นมาดูผมจึงเห็นว่าเราอยู่ในห้องนรกนั่นมา3วันแล้ว อะไรจะนานขนาดนั้น! ตั้งแต่เกิดมาผมมีเซ็กข้ามวันข้ามคืนเป็นครั้งแรกเลยนะ ไม่อยากเชื่อว่าจะมาลงเอยกับเจ้าเด็กบ้าปากดีแถมsสุดๆ ตลอด3วันที่อยู่ในห้องนั้นเจ้าเด็กนี่คอยหาเอาของมาทรมานผมทุกเวลา แต่ผมก็ไม่ปฎิเสธหรอกนะว่ามันสุดยอดแค่ไหนน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า
ที่หน้าตื่นเต้นกว่าก็คือมันดันพามาที่นี่ ถ้าเจ้าบ้ามายองเนสเห็นล่ะก็ผมคงไม่ตายดีแน่ ผมจะบอกฮิจิคาตะว่าไงดีนะ..
ชั่งเถอะ ตอนนี้ต้องจัดการกับสภาพที่เหมือนโดนควายป่าทั้งฝูงรุมโทรมก่อน
คิดได้ดังนั้นผมก็บอกร่างสูงทันทีว่าอยากจัดการกับสภาพตัวเอง
ร่างสูงบอกจะไปด้วยเพราะสภาพเค้าก็ไม่ต่างกันจากผมเท่าไหร่ ลอยจูบสีแดงเต็มซอกคอ ตรงหัวไหล่ก็มีลอยฟันผมกับลอยเล็บ ไม่ต้องแปลกใจ เพราะผมก็มีลอยแบบเดียวกันแต่ลอยฟันจะเยอะกว่า แล้วยังมีลอยเขียวเป็นจ้ำๆ....เฮ้ออออ
ทำไมชั้นถึงยอมให้ทำแบบนี้นะ!
หลังจากพวกผมอาบน้ำล้างตัวเส็จตอนนี้เราก็กลับมาที่ห้องของร่างสูงอีกครั้ง ผมขอโซโกะกลับไปที่ร้านรับจ้างสารพัดเพราะนี่ก็หลายวันแล้วที่ยังไม่กลับไป กลัวพวกยัยหมวยกับชินปาจิจะเป็นห่วง โซโกะพยักหน้ารับและไม่วายจะพูดจากวนทีนกลับ
“ลูกพี่ค้าบบ ไว้วันหลังเรามาสนุกด้วยกันอีกนะ หึหึ ลูกพี่น่ะร้อนแรงสุดๆ..”
“หึ ชั้นก็ชอบที่นายเป็นแบบนี้นะ แต่ว่า.....ชั้นชอบไอ่นั่นของนายมากว่า..หึหึ” ผมพูดติดตลกและยิ้มยั่วก่อนจะเดินจากมา
ผมเดินมาเลื่อยเปลื่อยเพราะจำได้ว่าไม่ได้กินอะไรมา3วันแล้ว ถึงจะบอกเจ้าเด็กนั่นว่าหิวแต่พอเห็นห้องน้ำก็ลืมเรื่องหิวไปเลย
พวกนั้นคงกินข้าวและเข้านอนกันหมดแล้ว เพราะเวลานี้มันดึกมาก ไม่น่าจะมีใครออกมาเดินด้วยซ้ำ
ผมคงต้องไปฝากท้องกับร้านข้าวขาประจำอีกแล้ว
ผมเดินไปยังร้านข้าวพร้อมเปิดประตูออกช้าๆ
ร้านข้าวร้านนี้เค้าเปิดทั้งวันเพราะงั้นไม่ต้องห่วงว่าร้านจะปิด
ผมเดินเข้าไปข้างในร้านพรางคิดอะไรเลื่อยเปื่อยโดยไม่ได้มองคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วสั่งอาหารตามแบบฉบับของผม
“เอา...”
“กินโทกิด้ง / ฮิจิคาตะสเปเชี่ยว ที่นึงครับ”
เอ้ะ...
เสียงแบบนี้….
แถมอาหารสุนัขที่สั่งไปเมื่อกี้..
ควับ!!
ผมหันไปมองคอแทบเคล็ดก็พบว่าเป็นร่างสูงของใครบางคนที่นั่งข้างกันกำลังทำหน้าเหวอไม่แพ้กับผม
“ฮิ..ฮิจิคาตะ..”ผมเรียกชื่อของอีกฝ่ายติดๆขัดๆ
ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกันเร็วขนาดนี้ ถึงจะอาบน้ำล้างกายออกแล้วแต่ก็ยังมีสิ่งที่ล้างไม่ออกอยู่เต็มตัว
ผมรีบดึงคอเสื้อขึ้นสูงเพื่อปิดบังร่องลอยที่ใครบางคนได้ทำไว้
“ไง แกหายไปไหนมาตั้ง3วัน แกไม่คิดจะบอกอะไรชั้นหน่อยหรอ” ร่างสูงทำหน้าเคลียดใส่ผม
ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายที่ตอนนี้มันเริ่มดุดันขึ้นเลื่อยๆ
“ฮ่ะ..ฮ่าฮ่าฮ่า ขอโทษนะ พอดีชั้นรับงานใหญ่มา มันใช้เวลาเยอะไปหน่อย..แหะๆ” ผมแก้ตัวน้ำขุ่นๆพรางเกาแก้มแก้เก้อ
เหมือนร่างสูงจะดูออกว่าผมโกหก เค้าช้อนตามองมาที่คอเสื้อของผมที่ปกติจะเปิดโชวคอขาวระหง
แต่ตอนนี้กลับติดกระดุมทุกเม็ด ไม่พอ ยังดึงขึ้นสูงผิดปกติ
“แล้วแกเป็นอะไร ไม่ร้อนหรอไง ติดกระดุมจำคอซะขนาดนั้น?” ใจผมกระตุกวูบ กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ว่าภายใต้เสื้อของผมมีอะไร
“ร้อนอะร้ายยยย หนาวจะตายยย ดูสิ ขนาดพี่ชายตรงนู้นยังใส่เสื้อกันหนาวทับเสื้อฮูดเลย.” ผมชี้นิ้วไปทางผู้ชายตัวใหญ่คนนึง ปากก็แถไปเลื่อยครับ
“เอ้า กินโทกิด้ง แล้วก็ ฮิจิคาตะสเปเชี่ยว ได้แล้วครับบบ!”
เหมือนเสียงสวรรค์ พออาหารมาปุ้บผมก็หันมาสนใจของตรงหน้าและทำเป็นเปลี่ยนเรื่องทันที
“นี่ๆ ฮิจจี้ ทำไมนายถึงออกมานั่งกินข้าวดึกดื่นแบบนี้อ่าา มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ รู้มั้ยยย” ผมกอดแขนแสร้งทำเป็นออเซาะอีกฝ่ายเหมือนจะได้ผลเพราะตอนนี้สายตาของร่างสูงดูจะเป็นปกติแล้ว ไม่มีแววจับผิดอีก
“ก็ป่าว พอดีชั้นคิดถึงหน้าตาปัญญาอ่อนของใครบางคน เลยออกมาร้านประจำที่ชอบนั่งกินข้าวด้วยกัน ก็แค่นั้น” ร่างสูงยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ ถึงจะเป็นคำพูดหมาไม่รับประทานแต่ในเวลานี้ผมกลับสนใจแต่รอยยิ้มของอีกฝ่าย มันช่าง...
หล่อ.... ดูดีอะไรขนาดนี้...
ชักอยากแล้วสิ...
อยากงั้นหรอ..
ห้ะ! อยากบ้าอยากบออะไรล่ะ บ้าบ้าบ้า ผมหมายถึงอยากเห็นเค้ายิ้มอีกต่างหากล่ะ!
HIJIKATA PART
“กินโทกิ”
“เฮ้..ได้ยินชั้นมั้ย”ผมเรียกเจ้าของผมสีเงินสวยน่าสัมผัสอีกครั้งพรางใช้นิ้วดีดหน้าผากเจ้าตัวเล็กที่ตอนนี้เหมือนจะอยู่ในโลกส่วนตัวไปแล้ว
“อ้ะ! เจ็บอ่าาาาาาา” กินโทกิร้องงอแงออกมาเสียงดัง มือกุมหน้าผากแล้วก้มลงซบหน้ากับแผงอกของผม
ดีนะที่ในเวลาดึกดื่นแบบนี้ ไม่มีคนเข้ามาในร้านแถมเจ้าของร้านก็หายไปไหนไม่รู้ไม่งั้นได้เป็นเป้าสายตาแน่ๆ แต่ว่าท่าทางของเจ้านี่มัน....ช่างน่ารัก ทำไมถึงออดอ้อนเค้าขนาดนี้ ปกตินานๆทีจะทำแท้ๆ หรือเพราะไม่ได้เจอกันหลายวันคนตัวเล็กอาจอยากให้ผมสนใจก็เป็นได้ ก็คงไม่พ้นเหงาอีกแน่...
“ฮิจจี้...ชั้นเจ็บ..เป่าให้หน่อยสิ...นะ..” ร่างบางละออกจากอกแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมเชิงขอร้อง
ผมจับหน้าผากมนของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ขึ้นสี พรางลูบเบาๆอย่างทนุทนอมเหมือนกลัวว่าร่างบางจะบุบสลาย
ผมเป่าลมหายใจใส่หน้าผากคนตัวเล็กกว่าแล้วก้มหน้าลงจุมพิตเบาๆที่ลอยแดง
ร่างบางหลับตาพริม มือทั้งสองกำเสื้อตรงหน้าอกของผมแน่น
ผมผละออกจากหน้าผากมน แล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
ตอนนี้ผมใส่ชุดยูคาตะธรรมดาครับ ดูเหมือนร่างบางจะกำแน่นเกินเสื้อเลยยับยู่ยี่เผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง
พอลืมตาขึ้นมา กินโทกิก็หน้าแดงแป๊ดทันที
“อายทำไม ก็เห็นกันออกจะบ่อย” ผมพรางส่งยิ้มกรุ่มกริ่มให้
“ก็ส่วนมากชั้นจะมองแต่ไอ่นั่นของนายน่ะสิ...แหม..” นั่นไง ในที่สุดก็ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าน้องชายของชั้นมันน่ากินแค่ไหน หึหึ
“นี่ก็3วันแล้วนะ ไม่คิดถึงมันรึไง.. หึหึ” ผมพูดพรางขยับขาถ่างออกเล็กน้อย เผยให้เห็นอะไรบางอย่างที่นูนอยู่ใต้ชุดยูคาตะ
ตอนนี้ร่างบางกำลังนั่งจ้องมาที่เป้าของผมครับ ดูสิ เจ้าหัวหยอยมันน่ารักขนาดไหนครับ จ้องไปหน้าก็เริ่มขึ้นสีเลื่อยๆครับ คนอะไรซื่อแล้วยังน่ารักอีก จะไม่ให้ผมหลงหัวปักหัวปำได้ไงล่ะ หึ ดีนะที่กินโทกิมันไม่ค่อยสนใจคนอื่นนอกจากผม ไม่งั้นมีหวังผมคงปวดหัวแน่ๆเลย
“ไง ทำไมไม่กินข้าวต่อ?อิ่มแล้วหรอครับ ที่รัก?” ร่างบางลอบกลืนน้ำลายดังเอื้อก แล้วหันหน้ากลับไปกินอาหารตรงหน้าต่อ
“อะ..อะไรเล่าาา คุณกินก็กำลังรับประทานอยู่นี่ไงเจ้าบ้าาาาาา” ผมยิ้มให้กับคนตรงหน้าแล้วหันมาจัดการกับอาหารของตนต่อ
แต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับรอยบางอย่างสีแดงสีเขียวตรงคอของร่างบางที่ตอนแรกติดกระดุมจำคอผิดปกติสงสัยกระดุมจะหลุดตอนที่เราหยอกล้อกันม่ะกี้
ผมเหลือบมองหลายครั้ง รอยแบบนี้มัน...
ไม่หรอกมั้ง
ไม่มีทางหรอก
สงสัยตอนทำงานจะโดนแมลงกัดไม่ก็เป็นผื่น
แต่ไม่ว่าจะมองในแง่ดีแค่ไหน..
รอยแบบนี้มันก็...
“มีอะไรหรอฮิจิคาตะ? นายเป็นอะไรรึป่าว” กินโทกิทักขึ้นเพราะเห็นผมนั่งเงียบเป็นใบ้กินไม่ยอมตักข้าวเข้าปากแถมยังนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื่อน
“ป่าว ชั้นแค่คิดอะไรเลื่อยเปื่อย” ผมตักข้าวกินอีกครั้งแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมต้องรู้ให้ได้ว่ารอยบ้านั้นมันคืออะไร!!!
To Be continued.
“ปล่อยชั้นลงได้แล้ว นายไม่หนักรึไง” ผมบอกโซโกะให้เลิกอุ้มผมได้แล้ว เพราะตอนนี้เผมกับโซโกะก็เข้ามาอยู่ในสำนักงานชินเซ็นกุมิแล้ว กว่าจะเข้ามาได้ก็ลำบากอยู่เหมือนกัน แต่ดีหน่อยที่มันดึกแล้วคนเลยไม่ค่อยเพ่นพ่าน
ที่เค้าพาผมมาที่นี่เพราะอย่างแรกเลย ยัยหมวยกับชินปาจิคงจะกลับมาจากไปเที่ยวแล้ว ถ้าพวกนั้นเห็นผมในสภาพห่อผ้าผืนเดียว ลอยจูบเต็มตัว มีน้ำสีขาวขุ่นไหลตามหว่างขา มีหวัง....
ตูซวยแน่นอน...
อ่ออ แล้วก็ตอนที่ผมกับร่างสูงกำลังจะลงมาจากเขาโซโกะมันหยิบโทรสับขึ้นมาดูผมจึงเห็นว่าเราอยู่ในห้องนรกนั่นมา3วันแล้ว อะไรจะนานขนาดนั้น! ตั้งแต่เกิดมาผมมีเซ็กข้ามวันข้ามคืนเป็นครั้งแรกเลยนะ ไม่อยากเชื่อว่าจะมาลงเอยกับเจ้าเด็กบ้าปากดีแถมsสุดๆ ตลอด3วันที่อยู่ในห้องนั้นเจ้าเด็กนี่คอยหาเอาของมาทรมานผมทุกเวลา แต่ผมก็ไม่ปฎิเสธหรอกนะว่ามันสุดยอดแค่ไหนน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า
ที่หน้าตื่นเต้นกว่าก็คือมันดันพามาที่นี่ ถ้าเจ้าบ้ามายองเนสเห็นล่ะก็ผมคงไม่ตายดีแน่ ผมจะบอกฮิจิคาตะว่าไงดีนะ..
ชั่งเถอะ ตอนนี้ต้องจัดการกับสภาพที่เหมือนโดนควายป่าทั้งฝูงรุมโทรมก่อน
คิดได้ดังนั้นผมก็บอกร่างสูงทันทีว่าอยากจัดการกับสภาพตัวเอง
ร่างสูงบอกจะไปด้วยเพราะสภาพเค้าก็ไม่ต่างกันจากผมเท่าไหร่ ลอยจูบสีแดงเต็มซอกคอ ตรงหัวไหล่ก็มีลอยฟันผมกับลอยเล็บ ไม่ต้องแปลกใจ เพราะผมก็มีลอยแบบเดียวกันแต่ลอยฟันจะเยอะกว่า แล้วยังมีลอยเขียวเป็นจ้ำๆ....เฮ้ออออ
ทำไมชั้นถึงยอมให้ทำแบบนี้นะ!
หลังจากพวกผมอาบน้ำล้างตัวเส็จตอนนี้เราก็กลับมาที่ห้องของร่างสูงอีกครั้ง ผมขอโซโกะกลับไปที่ร้านรับจ้างสารพัดเพราะนี่ก็หลายวันแล้วที่ยังไม่กลับไป กลัวพวกยัยหมวยกับชินปาจิจะเป็นห่วง โซโกะพยักหน้ารับและไม่วายจะพูดจากวนทีนกลับ
“ลูกพี่ค้าบบ ไว้วันหลังเรามาสนุกด้วยกันอีกนะ หึหึ ลูกพี่น่ะร้อนแรงสุดๆ..”
“หึ ชั้นก็ชอบที่นายเป็นแบบนี้นะ แต่ว่า.....ชั้นชอบไอ่นั่นของนายมากว่า..หึหึ” ผมพูดติดตลกและยิ้มยั่วก่อนจะเดินจากมา
ผมเดินมาเลื่อยเปลื่อยเพราะจำได้ว่าไม่ได้กินอะไรมา3วันแล้ว ถึงจะบอกเจ้าเด็กนั่นว่าหิวแต่พอเห็นห้องน้ำก็ลืมเรื่องหิวไปเลย
พวกนั้นคงกินข้าวและเข้านอนกันหมดแล้ว เพราะเวลานี้มันดึกมาก ไม่น่าจะมีใครออกมาเดินด้วยซ้ำ
ผมคงต้องไปฝากท้องกับร้านข้าวขาประจำอีกแล้ว
ผมเดินไปยังร้านข้าวพร้อมเปิดประตูออกช้าๆ
ร้านข้าวร้านนี้เค้าเปิดทั้งวันเพราะงั้นไม่ต้องห่วงว่าร้านจะปิด
ผมเดินเข้าไปข้างในร้านพรางคิดอะไรเลื่อยเปื่อยโดยไม่ได้มองคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วสั่งอาหารตามแบบฉบับของผม
“เอา...”
“กินโทกิด้ง / ฮิจิคาตะสเปเชี่ยว ที่นึงครับ”
เอ้ะ...
เสียงแบบนี้….
แถมอาหารสุนัขที่สั่งไปเมื่อกี้..
ควับ!!
ผมหันไปมองคอแทบเคล็ดก็พบว่าเป็นร่างสูงของใครบางคนที่นั่งข้างกันกำลังทำหน้าเหวอไม่แพ้กับผม
“ฮิ..ฮิจิคาตะ..”ผมเรียกชื่อของอีกฝ่ายติดๆขัดๆ
ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกันเร็วขนาดนี้ ถึงจะอาบน้ำล้างกายออกแล้วแต่ก็ยังมีสิ่งที่ล้างไม่ออกอยู่เต็มตัว
ผมรีบดึงคอเสื้อขึ้นสูงเพื่อปิดบังร่องลอยที่ใครบางคนได้ทำไว้
“ไง แกหายไปไหนมาตั้ง3วัน แกไม่คิดจะบอกอะไรชั้นหน่อยหรอ” ร่างสูงทำหน้าเคลียดใส่ผม
ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายที่ตอนนี้มันเริ่มดุดันขึ้นเลื่อยๆ
“ฮ่ะ..ฮ่าฮ่าฮ่า ขอโทษนะ พอดีชั้นรับงานใหญ่มา มันใช้เวลาเยอะไปหน่อย..แหะๆ” ผมแก้ตัวน้ำขุ่นๆพรางเกาแก้มแก้เก้อ
เหมือนร่างสูงจะดูออกว่าผมโกหก เค้าช้อนตามองมาที่คอเสื้อของผมที่ปกติจะเปิดโชวคอขาวระหง
แต่ตอนนี้กลับติดกระดุมทุกเม็ด ไม่พอ ยังดึงขึ้นสูงผิดปกติ
“แล้วแกเป็นอะไร ไม่ร้อนหรอไง ติดกระดุมจำคอซะขนาดนั้น?” ใจผมกระตุกวูบ กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ว่าภายใต้เสื้อของผมมีอะไร
“ร้อนอะร้ายยยย หนาวจะตายยย ดูสิ ขนาดพี่ชายตรงนู้นยังใส่เสื้อกันหนาวทับเสื้อฮูดเลย.” ผมชี้นิ้วไปทางผู้ชายตัวใหญ่คนนึง ปากก็แถไปเลื่อยครับ
“เอ้า กินโทกิด้ง แล้วก็ ฮิจิคาตะสเปเชี่ยว ได้แล้วครับบบ!”
เหมือนเสียงสวรรค์ พออาหารมาปุ้บผมก็หันมาสนใจของตรงหน้าและทำเป็นเปลี่ยนเรื่องทันที
“นี่ๆ ฮิจจี้ ทำไมนายถึงออกมานั่งกินข้าวดึกดื่นแบบนี้อ่าา มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ รู้มั้ยยย” ผมกอดแขนแสร้งทำเป็นออเซาะอีกฝ่ายเหมือนจะได้ผลเพราะตอนนี้สายตาของร่างสูงดูจะเป็นปกติแล้ว ไม่มีแววจับผิดอีก
“ก็ป่าว พอดีชั้นคิดถึงหน้าตาปัญญาอ่อนของใครบางคน เลยออกมาร้านประจำที่ชอบนั่งกินข้าวด้วยกัน ก็แค่นั้น” ร่างสูงยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ ถึงจะเป็นคำพูดหมาไม่รับประทานแต่ในเวลานี้ผมกลับสนใจแต่รอยยิ้มของอีกฝ่าย มันช่าง...
หล่อ.... ดูดีอะไรขนาดนี้...
ชักอยากแล้วสิ...
อยากงั้นหรอ..
ห้ะ! อยากบ้าอยากบออะไรล่ะ บ้าบ้าบ้า ผมหมายถึงอยากเห็นเค้ายิ้มอีกต่างหากล่ะ!
HIJIKATA PART
“กินโทกิ”
“เฮ้..ได้ยินชั้นมั้ย”ผมเรียกเจ้าของผมสีเงินสวยน่าสัมผัสอีกครั้งพรางใช้นิ้วดีดหน้าผากเจ้าตัวเล็กที่ตอนนี้เหมือนจะอยู่ในโลกส่วนตัวไปแล้ว
“อ้ะ! เจ็บอ่าาาาาาา” กินโทกิร้องงอแงออกมาเสียงดัง มือกุมหน้าผากแล้วก้มลงซบหน้ากับแผงอกของผม
ดีนะที่ในเวลาดึกดื่นแบบนี้ ไม่มีคนเข้ามาในร้านแถมเจ้าของร้านก็หายไปไหนไม่รู้ไม่งั้นได้เป็นเป้าสายตาแน่ๆ แต่ว่าท่าทางของเจ้านี่มัน....ช่างน่ารัก ทำไมถึงออดอ้อนเค้าขนาดนี้ ปกตินานๆทีจะทำแท้ๆ หรือเพราะไม่ได้เจอกันหลายวันคนตัวเล็กอาจอยากให้ผมสนใจก็เป็นได้ ก็คงไม่พ้นเหงาอีกแน่...
“ฮิจจี้...ชั้นเจ็บ..เป่าให้หน่อยสิ...นะ..” ร่างบางละออกจากอกแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมเชิงขอร้อง
ผมจับหน้าผากมนของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ขึ้นสี พรางลูบเบาๆอย่างทนุทนอมเหมือนกลัวว่าร่างบางจะบุบสลาย
ผมเป่าลมหายใจใส่หน้าผากคนตัวเล็กกว่าแล้วก้มหน้าลงจุมพิตเบาๆที่ลอยแดง
ร่างบางหลับตาพริม มือทั้งสองกำเสื้อตรงหน้าอกของผมแน่น
ผมผละออกจากหน้าผากมน แล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
ตอนนี้ผมใส่ชุดยูคาตะธรรมดาครับ ดูเหมือนร่างบางจะกำแน่นเกินเสื้อเลยยับยู่ยี่เผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง
พอลืมตาขึ้นมา กินโทกิก็หน้าแดงแป๊ดทันที
“อายทำไม ก็เห็นกันออกจะบ่อย” ผมพรางส่งยิ้มกรุ่มกริ่มให้
“ก็ส่วนมากชั้นจะมองแต่ไอ่นั่นของนายน่ะสิ...แหม..” นั่นไง ในที่สุดก็ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าน้องชายของชั้นมันน่ากินแค่ไหน หึหึ
“นี่ก็3วันแล้วนะ ไม่คิดถึงมันรึไง.. หึหึ” ผมพูดพรางขยับขาถ่างออกเล็กน้อย เผยให้เห็นอะไรบางอย่างที่นูนอยู่ใต้ชุดยูคาตะ
ตอนนี้ร่างบางกำลังนั่งจ้องมาที่เป้าของผมครับ ดูสิ เจ้าหัวหยอยมันน่ารักขนาดไหนครับ จ้องไปหน้าก็เริ่มขึ้นสีเลื่อยๆครับ คนอะไรซื่อแล้วยังน่ารักอีก จะไม่ให้ผมหลงหัวปักหัวปำได้ไงล่ะ หึ ดีนะที่กินโทกิมันไม่ค่อยสนใจคนอื่นนอกจากผม ไม่งั้นมีหวังผมคงปวดหัวแน่ๆเลย
“ไง ทำไมไม่กินข้าวต่อ?อิ่มแล้วหรอครับ ที่รัก?” ร่างบางลอบกลืนน้ำลายดังเอื้อก แล้วหันหน้ากลับไปกินอาหารตรงหน้าต่อ
“อะ..อะไรเล่าาา คุณกินก็กำลังรับประทานอยู่นี่ไงเจ้าบ้าาาาาา” ผมยิ้มให้กับคนตรงหน้าแล้วหันมาจัดการกับอาหารของตนต่อ
แต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับรอยบางอย่างสีแดงสีเขียวตรงคอของร่างบางที่ตอนแรกติดกระดุมจำคอผิดปกติสงสัยกระดุมจะหลุดตอนที่เราหยอกล้อกันม่ะกี้
ผมเหลือบมองหลายครั้ง รอยแบบนี้มัน...
ไม่หรอกมั้ง
ไม่มีทางหรอก
สงสัยตอนทำงานจะโดนแมลงกัดไม่ก็เป็นผื่น
แต่ไม่ว่าจะมองในแง่ดีแค่ไหน..
รอยแบบนี้มันก็...
“มีอะไรหรอฮิจิคาตะ? นายเป็นอะไรรึป่าว” กินโทกิทักขึ้นเพราะเห็นผมนั่งเงียบเป็นใบ้กินไม่ยอมตักข้าวเข้าปากแถมยังนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื่อน
“ป่าว ชั้นแค่คิดอะไรเลื่อยเปื่อย” ผมตักข้าวกินอีกครั้งแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมต้องรู้ให้ได้ว่ารอยบ้านั้นมันคืออะไร!!!
To Be continued.
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ