My B [chanbaek]

-

เขียนโดย Taengkwa_tt

วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 14.24 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,861 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2559 14.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) ชวนองค์ชายโดดเรียน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

             

 

 

 

 

 

           “ห๊ะ  นายว่าอะไรนะชานยอล  ชายาอะไร”  ตอนนี้เซฮุนงงเป็นไก่ตาแตก

          “เออน่า” ไม่แม้แต่จะอธิบายให้เพื่อนตัวเองฟัง

          “.....”

          “ไปเรียน”  ชานยอลลากเซฮุนขึ้นไปบนชั้น 5 ของตึกเพื่อเรียนวิชาแรกของวัน

 

          “เอาล่ะนักศึกษา  วันนี้ผมต้องให้พวกคุณไปเรียนคณะข้างๆเพราะน้องของผมโทรมาบอกว่าแม่ผมไม่สบาย  ขอโทษด้วยนะครับ  ผมฝากอาจารย์คณะโน้นไว้แล้ว  มีอะไรโทรหาผมได้ตลอดเวลา  ห้องที่คุณต้องไปคือ 218  นะครับ” 

          เมื่อเริ่มคลาสไม่ทันไร  อาจารย์ประจำวิชาที่ชานยอลเรียนดันติดธุระไม่สามารถสอนได้  นักศึกษาจึงต้องไปเรียนอีกคณะ  ซึ่งคณะที่ต้องไปเรียนคือคณะของแบคฮยอนผู้เป็นคิงนั่นเอง  (ในไพ่สลาฟคนที่ชนะจะถูกเรียกว่าคิง)

 

          เมื่อชานยอลและเพื่อนๆขึ้นมาถึงตึกของคณะชานยอลก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งกำลังตั้งใจเรียนเป็นอย่างดี  ตอนนี้ชานยอลหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่งซึ่งบนประตูเขียนว่า  218

          “ห้องนี้สินะ”  เซฮุนเอ่ยขึ้น

          “เข้าไปกันเถอะ”  เป็นชานยอลที่ไม่รอช้าเข้าไปก่อนใครอื่น

          “คิง  ผมขอนั่งด้วยนะ”   ชานยอลไม่รอช้ารีบเดินไปหาแบคฮยอนทันที  และโชคดีที่โต๊ะข้างๆแบคฮยอนว่างอยู่

          “อื้ม  ตามสบายเลยองค์ชาย”  แบคฮยอนอนุญาต

          ชานยอลและเซฮุนเป็นที่รู้จักของทุกคนในมหาวิทยาลัย  ทุกคนต่างรู้ถึงฐานะและชนชั้นของทั้งสองคน  แต่ทั้งเซฮุนและชานยอลไม่ชอบความหวือหวา  เลยขอให้ทุกคนไม่ต้องทำตัวโอเวอร์  เพราะชานยอลและเซฮุนอยากเป็นเพื่อนกับทุกคนมากกว่า

          “อ้อ  ผมชื่อแบคฮยอนนะไม่ได้ชื่อคิง” พูดขึ้นขณะที่ชานยอลนั่งเรียบร้อยแล้ว

          “เรียกคิงไม่ได้รึไง”  ชานยอลถาม

          “ก็คิงมันมีไว้เรียกคนอย่างองค์ชายไง  มาเรียกผมคิงเดี๋ยวหัวผมก็ขาดพอ”

          “หึ” ชานยอลหัวเราะในลำคอ

          “.......”  แบคฮยอนหันมองชานยอลด้วยความสงสัย

          “แล้วชายาของผมจะเรียกผมว่าคิงหรอ”

          “..........” จากที่งงอยู่แล้วกลายเป็นงงยิ่งกว่าเดิม

          “ปล๊าว  เรียนเถอะ”  ชานยอลทำไม่รู้ไม่ชี้  ไม่แต่จะอธิบายให้แบคฮยอนฟัง  และแบคฮยอนเองก็ไม่กล้าเซ้าซี้มาก  ใครจะกล้าเซ้าซี้คนในราชวงศ์กัน

 

 

          “เห้ออออออออ”  แบคฮยอนถอนหายใจเมื่อคลาสเพิ่งเริ่มได้เพียงไม่นาน

          “เป็นอะไร  ไม่สบายรึปล่าว?”  องค์ชายได้ยินแบคฮยอนถอนใจจึงรีบถามทันที  อันที่จริงถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ถาม

          “ผมผมไม่มีสมาธิเลย”  วางปากกาและหันไปตอบ

          “........”

          “องค์ชาย”

          “หืม”

          “ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ย”  ชานยอลชะงัก  เพราะเกิดมาไม่เคยมีใครถามเค้าแบบนี้  ตั้งแต่จำความได้นอกจากเพื่อนสนิทแล้วก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรชานยอล  เพราะแค่เห็นหน้าก็แทบจะคลานลงไปที่พื้นแล้ว

          “เอาสิ” 

          “องค์ชายเคยโดดเรียนมั้ย”

          “..........”

          “คงไม่เคยหรอกโน๊ะ  ขอโทษเอ้ย  ขอประทานโทษ  ขอพระอภัยพยะค่ะที่ถาม”  เรื่องราชาศัพท์บอกเลยแบคฮยอนไม่เก่ง

          “ไม่เป็นไร  พูดกับผมเหมือนพูดกับเพื่อนเถอะ”  ชานยอลไม่ถือสาอะไร  และไม่อยากให้แบคฮยอนคิดว่าเค้าเป็นคนอื่นคนไกลที่ไหนอีกด้วย

          “.......”

          “.......”

          “ไปกับผมมั้ย ??”

          “ไปไหนหรอ”

          “โดดเรียนไง  ลองสักครั้งมั้ยองค์ชาย  ผมพาไป”  แบคฮยอนผู้เบื่อหน่ายในการเรียนกำลังชวนพระโอรสแห่งราชวงศ์ปาร์คโดดเรียน

          “เอาสิ”  คิดอยู่พักนึงถึงจะตอบตกลงไป

          “ถ้าผมโดนจับองค์ชายช่วยผมด้วยนะ”

          “ยังไง”

          “แหม่  ก็องค์ชายเป็นคนใหญ่คนโต  ใครจะกล้าหือ”  แบคฮยอนไม่รอช้า  เริ่มใช้เส้นกันเลยทีเดียว

          “ฮ่าๆ  ไหนโดดเรียนยังไง”  ชานยอลรีบถามแบคฮยอนทันที  เพราะเกิดมาเรื่องโดดเรียนชานยอลไม่เคยจริงๆ  ทำผิดมากสุดก็แค่แอบหลับในห้องเพราะอ่านหนังสือดึกนั่นเอง

          “เดี๋ยวพอผมให้สัญญาณองค์ชายวิ่งตามผมมาเลยนะ”  แบคฮยอนแนะนำ

          “แล้วไงต่อ”

          “ก็ไม่แล้วไง  ก็แค่วิ่ง”  แบคฮยอนเชื่อแล้วจริงๆว่าชานยอลไม่เคยโดดเรียน

          “........”

          “ผมนับหนึ่งถึงสามองค์ชายตามผมมาเลยนะ”

          “โอเค”

          “หนึ่ง  สอง สะ”

          “เดี๋ยว !!!”  ชานยอลห้ามแบคฮยอน

          “ไม่กล้าหรอองค์ชาย”

          “เปล่า  ผมมีวิธีง่ายกว่านั้น”

          “ยังไง”

          “อาจารย์ครับ” ชานยอลยกมือเรียกอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าห้อง

          “ทรงมีอะไรรึปล่าวพะยะค่ะ”  คำราชาศัพท์ถูกใช้ทันทีเมื่อสนทนากับผู้ที่มีชนชั้นสูงกว่า

 

 

30%

 

                “ผมขออนุญาตออกจากห้องนะครับ” ชานยอลบอกอย่างใจเย็น

          “มีเหตุอันใดรึปล่าวพะย่ะค่ะ” อาจารย์ผู้เกรงกลัวอำนาจเอ่ยอย่างระมัดระวัง

          “เสด็จพ่อทรงมีรับสั่งให้ผมไปหาพระองค์โดยด่วน”

          “...........”

          “หวังว่าอาจารย์คงอนุญาตนะครับ”  ชานยอลไม่ได้กดดันอาจารย์เลยจริงๆ

          “เชิญพระองค์เลยพะยะค่ะ”  อาจารย์เหมือนจะโดนคำสั่งว่าต้องให้ชานยอลไปนะ  ถ้าไม่ให้ไปมีหวังโดนทำโทษเจ็ดชั่วโคตรเป็นแน่

          “ไปกันเถอะแบคฮยอน” หันไปบอกคนตัวเล็กแล้วจึงลุกขึ้นจากที่นั่งโดยมีแบคฮยอนลุกตามหลังไป

          “เอ่าเฮ้ย  ไอชานไปไหนวะ” เซฮุนดูจะงุนงงที่จู่ๆเพื่อนสนิทดันยกเลิกคลาสด้วยตัวเอง  ปกติชานยอลไม่เคยออกจากห้องในระหว่างที่เรียน  จะออกก็ต่อเมื่อหมดคาบเท่านั้น

          และแล้วชานยอลกับแบคฮยอนก็ได้โดดเรียนสมใจ

          “ง่ายๆงี้เลยหรอองค์ชาย” เมื่อออกมาจากนอกห้องแบคฮยอนก็เดินเคียงข้างชานยอลถึงแม้กว่าก่อนหน้านี้จะเดินตามหลังก็ตาม

          “ก็นายบอกว่าโดดเรียนไม่ใช่เรื่องยาก”

          “ไม่นึกว่าองค์ชายจะใช้วิธีนี้  ผมนึกว่าองค์ชายจะฟ้องอาจารย์ซะอีกว่าผมชวนองค์ชายโดดเรียน”  แบคฮยอนพูดออกมาด้วยความโล่งอก  เป็นใครก็กลัวทั้งนั้น  อยู่ๆคนที่มีอำนาจมากกว่าอาจารย์ก็ยกมือขึ้นทั้งที่ก่อนหน้านี้แบคฮยอนเพิ่งชวนเขาโดดเรียน

          “ผมดูใจร้ายขนาดนั้นเลย” ชานยอลเลิกคิ้วถาม

          “ผมไม่รู้  ถ้าผมรู้ผมค่อยบอกนะ”

          “มีงี้ด้วย ?”

          “แหม่องค์ชาย  ผมเพิ่งคุยกับองค์วันนี้เองนะ  ปกติเห็นองค์ชายมาเรียนทุกวันแต่ผมไม่กล้าเข้าใกล้หรอก”  ไม่ใช่ว่าแบคฮยอนไม่อยากเป็นมิตรกับองค์ชาย  แต่การรู้จักใครสักคนแล้วรู้จักนิสัยคนๆนั้นมันต้องใจเวลา  ต้องอยู่ร่วมกันจึงจะรู้ว่านิสัยใจคอเป็นยังไง  และอีกอย่างชานยอลก็เป็นคนใหญ่คนโต  ถ้าเผลอทำอะไรผิดพลาดไปมีหวังแบคฮยอนคงตายแน่ๆ

          “แล้วเราจะไปไหนกัน”

          “ไปห้างมั้ยองค์ชาย  อากาศร๊อนร้อน” 

          “รอแป๊ปนะ”

          “รออะไรหรอองค์ชาย”  ถามด้วยความสงสัย  แต่ชานยอลไม่ตอบ  และไม่นานก็มีลิมูซีนมาเกยหน้าทั้งสองคน  คาดว่าน่าเป็นรถจากพระราชวัง

          “อะ องค์ชาย”

          “ขึ้นมาสิ” ชานยอลขึ้นมาบนรถแล้วแต่แบคฮยอนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

          “คือ คือ ผมไม่กล้า  องค์ชายไปก่อนก็ได้  เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่ตามไป” เกิดมาแบคฮยอนไม่เคยได้นั่งรถราคาแพง  และยิ่งเป็นรถของพระราชวัง  แบคฮยอนก็ยิ่งไม่กล้า  แบคฮยอนรู้ดีว่าเขาเป็นเพียงสามัญชน  ไม่สามารถนั่งรถคันนี้ได้  ที่จริงแบคฮยอนแค่อยากเที่ยว  แต่ลืมนึกไปว่าคนที่แบคฮยอนชวนมาไม่ใช่คนธรรมดา

          “เชิญเถอะ” ชายชุดดำที่เปิดประตูให้แบคฮยอนเอ่ยขึ้นหลังจากที่ชานยอลเรียกให้แบคฮยอนขึ้นรถ

          “กะ ก็ได้ครับ” และแล้วรถก็เคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยตรงไปยังห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ

          บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความกดดัน  อันที่จริงคงไม่ได้กดดันมากขนาดนี้ถ้าหากไม่มีชายสวมสูทและแว่นดำสองคนข้างหน้านั่งอยู่

          “ทำตัวตามสบายเถอะ  บอดี้การ์ดน่ะ”  ชานยอลเห็นแบคฮยอนนั่งนิ่งไม่ต่างจากหินเลยพูดให้แบคฮยอนสบายใจ  ชานยอลรู้ว่ามันอาจจะไม่ชินสำหรับสามัญชนแต่จะทำยังไงได้  ตั้งแต่เกิดมาเขาก็มีบอดี้การ์ดตามตลอด  ครั้นจะหนีก็โดนตามตัวเจอทุกที  ชานยอลเลยปล่อยเลยตามเลย

 

          “เอ่อ  องค์ชายผมว่าเรากลับกันมั้ย” แบคฮยอนเริ่มอึดอัดเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้างแต่บอดี้การ์ดก็ยังตามมาติดๆ  จะทำอะไรก็ดูเหมือนมีคนจับตามองอยู่ตลอดเวลา  แบคฮยอนไม่ชินเอาซะเลย

          “ทำตัวตามสบายเถอะเดี๋ยวก็ชิน  ต่อไปก็เป็นแบบนี้ทุกวันแหละ”

          “หมายความว่าไงหรอครับ”

          “ล้อเล่นหน่ะ  ไปหาอะไรกินกันเถอะ”

          “ครับ”

          ชานยอลคิอในใจต่อไปแบคฮยอนคงมีบอดี้การ์ดตามตัวเหมือนเค้าแหละ  ก็พระชายาของชานยอลทั้งคน  ถ้าแบคฮยอนได้เป็นเมื่อไหร่ชานยอลคงไม่ให้มีแค่สองคน  คงจะให้สัก 12 คน  ไม่รู้ว่าบอดี้การ์ดหรือบอยแบนด์กันแน่

          “องค์ชายเคยมาห้างมั้ย”  เคี้ยวไปพลางพูดไปพลาง  ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังทานอาหารอยู่ในร้านอาหารเกาหลีแห่งหนึ่งภายในห้าง

          “เคย  แต่ไม่ได้มาเที่ยวนะ  มาทำงานให้ราษฎร”  ชานยอลมักจะตามพ่อมาทำงานเสมอ  เพราะมันคือหน้าที่  และอีกอย่างไม่นานชานยอลต้องขึ้นบัลลังก์แทนพระราชาปาร์คแน่นอน

          “งั้นดีเลยเดี๋ยววันผมพาเที่ยวเอง  อ๊ะ ”  ชานยอลเอามือเช็ดปากแบคฮยอน  เพราะมีข้าวติดอยู่ที่ขอบปาก  แต่ทำไมไม่รู้แทนที่แบคฮยอนจะกลัวกลับทำให้แบคฮยอนใจสั่นแปลกๆ

          “ค่อยๆกินก็ได้  ถ้าไม่อิ่มก็สั่งมาอีก”

          “เอ่อ  ผมขอโทษครับองค์ชาย”

          ชานยอลรู้สึกว่ายิ่งอยู่กับว่าที่พระชายาเขายิ่งอยู่ไม่นิ่ง  ไม่ใช่ตัวหรือแขนขานะ  ใจนี่แหละ  ทำไมพอยิ่งเห็นแบคฮยอนทำอะไรโก๊ะๆเขายิ่งอยากเข้าหา  อยากฟัดให้จมเตียง

          ‘เย็นไว้ไอชานเย็นไว้  เดี๋ยวก็ได้กิน’

          “องค์ชายผมอิ่มแล้ว  ไปกันเถอะ” หลังจากแบคฮยอนฟาดเมนูอาหารเกือบทั้งร้านแบคฮยอนก็ได้เวลาอิ่ม  ชานยอลคงทิ่งในความสามารถการกินของแบคฮยอน  ตัวเล็กนิดเดียวแต่กินเยอะ  ต่อไปชานยอลจะเลี้ยงให้อ้วนเลย

          “ปะ” เมื่อคนตัวเล็กกินเสร็จชานยอลก็มุ่งหน้าไปยังเคาเตอร์จ่ายตัง  และยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานโดยไม่ถามราคาเลย

          “องค์ชาย !! ไม่เป็นไรครับ  ผมจ่ายเอง” แบคฮยอนคว้าบัตรเครดิตที่ชานยอลให้พนักงานและเอาเงินของตัวเองยื่นให้แทน

          “ทั้งหมด 3,450 บาทค่ะ” พนักงานบอก

          “เอ่อ  คือออออ  ผมมีแค่  3,000  ลดให้หน่อยได้มั้ยครับ”  แบคฮยอนยิ้มให้พนักงานและอ้อนให้พนักงานลดค่าอาหารให้แต่ไม่ได้ผล  ก็แบคฮยอนฟาดไปอย่างกะหิวโหยมาสามเดือน  ราคามันก็ต้องสูงเป็นธรรมดา

          “เห็นมั้ย  มาผมเลี้ยง” ชานยอลรู้อยู่แล้วว่ายังไงแบคฮยอนก็มีตังไม่พอหรอก  เล่นกินซะขนาดนี้  ชานยอลเลยอาสาเลี้ยงแบคฮยอนเอง

          ที่จริงชานยอลไม่ได้หวังแค่เลี้ยงข้าวหรอก  เลี้ยงทั้งชีวิตยังได้  สำหรับแบคฮยอนแล้วชานยอลยอม 

          “ขอโทษอีกครั้งนะฮะ  ไว้คราวหน้าผมเลี้ยงองค์ชายคืนบ้าง”  แบคฮยอนขอโทษชานยอลที่ทำให้ลำบากเพราะตัวเองกินมากไป

          “ไม่เป็นไร  ผมเต็มใจ”

          “ไม่เป็นไรครับ  ไว้คราวหน้าองค์ชายให้ผมเลี้ยงอะไรบอกผมมาได้เลยนะ”

 

 

 

 

          “เลี้ยงลูก”

          “ครับ ?”

 

 

 

 

 

 

#มายบี

@Taeng_Tattada

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา