Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ

9.4

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.

  21 chapter
  861 วิจารณ์
  31.29K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) แท้ที่จริง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 4 แท้ที่จริง

 

 

 

           “สวัสดีคนมีกรรม~ วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ ทำไมถึงยังใส่ชุดนอนอยู่เนี่ย” พี่ชายตัวดีของฉันเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านอย่างอารมณ์ดีต้อนรับเช้าวันใหม่ที่มันไม่สดใสสำหรับฉันเอาซะเลย

 

 

            เมื่อคืนกว่าพี่ขนมเข่งจะทายาบริเวณแผลที่ฉันโดนต่อยเสร็จก็เข้าไปเป็นชั่วโมงๆ ก็ฉันเจ็บอะ เลยหันหน้าหนีตลอดเลย ให้ตายเถอะ วันนี้ขอโดเรียนวันนึงก็แล้วกันนะ ไหนๆ วิชานึงเขาก็ให้หยุดได้ไม่เกินสามครั้ง ใช้สิทธิ์สักครั้งคงไม่เป็นอะไร TvT

 

 

            “มีแต่ไม่ไป -0-”

 

 

           “หน้าอย่างแกโดดเรียนเป็นด้วยเหรอ” คนถามทำหน้าแปลกใจพร้อมกับเดินมาหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาข้างๆ ฉัน

 

 

           “เป็นก็คราวนี้แหละ ไม่มีอารมณ์ไปเรียนแล้วเนี่ย ปากก็เจ็บ T^T”

 

 

           “เห็นแกก็ยังพูดได้นี่หว่า”

 

 

           “บอกว่าไม่ไปไง =_=+”

 

 

           “โอเค๊~ งั้นฉันไปล่ะ เลิกเรียนแล้วจะรีบกลับมาดูแลน้องสาวนะจ๊ะ...หมั่นไส้จริงๆ ไอ้ยุ่ง!” พี่ขนมเข่งเอามือมาขยี้หัวฉันก่อนที่จะผลักเบาๆ แล้วพี่แกก็ลุกขึ้นเดินผิวปากออกจากบ้านไป ไม่นานนักฉันก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถดังขึ้นก่อนที่จะค่อยๆ เงียบหายไปเพราะเจ้าของรถได้พามันออกไปไกลจากบ้านแล้ว

 

 

       สรุปว่าวันนี้ฉันจะทำอะไรดีเนี่ย อยู่บ้านก็น่าเบื่อชะมัดเลย นายฌอนนะนายฌอน ฮึ่ย! ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งเจ็บใจ ทำไมฉันถึงได้ซวยอย่างนี้เนี่ย T^T อยากจะรู้จังเลยว่าฉันซวยจริงๆ หรือว่าเพิ่งจะมาซวยเพราะยัยแม่มดหมอดูนั่นกันแน่ ยัยเจ๊นั่นเล่นของใส่ฉันหรือเปล่าก็ไม่รู้ เฮ้อ!

 

 

            …เธอมันโง่

 

 

          ขณะ ที่ฉันนั่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียวนั้น เสียงของโทโมะที่ว่าฉันเมื่อคืนก็ลอยเข้ามาทำร้ายจิตใจฉันอีกจนได้ ฉันว่าฉันจะแกล้งลืมแล้วนะ! คอยดูเถอะโทโมะ ฉันจะต้องทำให้นายมาเป็นแฟนฉันให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!

 

           

          แล้วหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปก็อย่างรวดเร็ว ฉันไม่ได้โผล่หน้าไปที่ริกกี้เวย์เลย ตอนนี้แผลที่ปากฉันก็หายดีแล้วแหละ ก็ยังมีช้ำๆ อยู่บ้าง และที่ฉันไม่ไปริกกี้เวย์นั้นก็เพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันติดต้องเตรียมงาน ของทางคณะน่ะสิ แต่ก็ใช่ว่าชีวิตฉันจะดำเนินไปอย่างราบเรียบซะเมื่อไหร่ นั่นก็เพราะมีเรื่องซวยมาหาฉันไม่หยุดหย่อน อาทิเช่น ขณะที่ฉันกำลังเดินกินไอศกรีมโคนอย่างสบายใจอยู่ในมหาวิทยาลัยนั้น ก็มีลูกหมาจากไหนไม่รู้วิ่งมาไล่กัดฉัน จนฉันต้องทิ้งไอศกรีมแล้ววิ่งหนีป่าราบ นึกตามแล้วอาจจะตลกนะ แต่ถ้ามาอยู่ในเหตุการณ์แบบฉันมันจะไม่ตลกเลย! -3- อย่าให้รู้นะว่าใครเอาหมาเข้ามาแล้วปล่อยออกมาไล่กัดชาวบ้านเนี่ย คิดดูสิ คนอื่นมันก็ไม่วิ่งไล่นะ มาไล่ฉันคนเดียว! แสนรู้เกินไปแล้วนะยะ เรื่องนี้จบไป อีกเรื่องที่เด็ดก็คือ ฉันกำลังเดินออกมาจากตึกคณะ แล้วระหว่างทางก็ไม่มีอะไรผิดปกตินอกจากเดินผ่านป้าแม่บ้านคนหนึ่ง เป็นโชคดีของยัยฟางที่ทำหนังสือตกแล้วหยุดก้มลงไปเก็บซะก่อน ความซวยมันเลยมาตกที่ฉันคนเดียวเพราะเดินนำมาก่อน แล้วยัยป้าแม่บ้านก็สาดน้ำถูกพื้นมาโดนฉันเข้าเต็มๆ พอฉันโวยก็บอกว่าไม่ทันเห็น คือป้าแกจะสาดใส่โคนต้นไม้ที่ฉันเดินผ่านนั่นแหละค่ะ แต่ฉันก็ไม่ได้ตัวเล็กเท่ามดนะ ไม่เห็นได้ยังไง? TTvTT

 

 

           “วันนี้ไม่มีงานที่คณะแล้ว แกจะเริ่มแผนจีบโทโมะต่อเลยมั๊ยเนี่ย” ฟางถามฉันขณะที่เราสองคนกำลังนั่งกินกาแฟและของหวานอยู่ที่ร้านค็อฟฟี่ช็อปเล็กๆ ภายในมหาวิทยาลัย

 

 

            จีบโทโมะ?

 

 

           “แกใช้คำว่าจีบเหรอ ฉันอยากจะฆ่าหมอนั่นให้ตายมากกว่าจีบนะ”

 

 

            โป๊ก!

 

 

            “โอ๊ย! ใครวะ =*=” ฉันหันไปทางด้านหลังทันทีเนื่องจากจู่ๆ ก็มีลูกบอลยางของเล่นลูกประมาณกำปั้นลอยมากระแทกเข้ากับหัวของฉันเต็มๆ ถึงมันจะไม่เจ็บอะไรก็เถอะ แต่เมื่อหันไปแล้วก็พบแค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งซึ่งเป็นลูกเจ้าของร้านแต่เด็กคนนั้นก็นั่งเล่นอยู่ปกติไม่ได้สนใจ ฉันแต่อย่างใด เหมือนไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จะเป็นใครไปได้ล่ะ! แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ เด็กสมัยนี้มันร้ายกาจชะมัดเลย T^T

 

 

            “ฟางแกนั่งตรงข้ามฉัน แกเห็นใช่มั๊ยว่าเด็กคนนั้นปาลูกบอลใส่หัวฉันเนี่ย” ฉันหันไปถามเพื่อนรักด้วยความสงสัย

 

 

           “ไม่เห็นอะ ก็มัวแต่มองหน้าแกอยู่ T.T”

 

 

           “เอาเถอะๆ ว่าแต่พอมีแผนมั๊ยล่ะว่าจะทำยังไงให้โทโมะใจอ่อนน่ะ”

 

 

           “ยุ” ฟางตอบมาคำเดียวสั้นๆ ทำเอาฉันเกือบหงายเงิบทันที ยุ อะไรของมัน พูดอะไรเข้าใจยากเหมือนยัยเจ๊แม่มดหมอดูนั่นเลย

 

 

           “ห๊ะ!?”

 

 

           “เอ้า แกก็ยุให้หมอนั่นเลิกกับแฟนไง” โหย ยัยนี่แรงกว่าฉันอีกอะ แต่ฉันว่าถ้าไม่มีนิสัยคล้ายๆ กันคงเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอกมั้งเนี่ย แต่จะว่าไปฉันก็ไม่ค่อยแรงนะ(?) =*=

 

 

           “โอย แค่ไปพูดวันนั้นว่าจะทำให้เขามาเป็นแฟนฉันต่อหน้ายัยพม่าหน้าตุ๊กตานั่น ก็ไม่รู้ว่ามีนรกกี่ขุมอยู่บนหัวฉันแล้วเนี่ย” ฉันพูดอย่างเซ็งๆ นี่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ สาบานเลยว่าฉันไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่ถ้าฉันไม่เจอเจอเรื่องซวยๆ ไม่เว้นแต่ละวันอย่างกับมีคนจงใจแกล้งน่ะ

 

 

           “ฟาง…แกว่ายัยเจ๊แม่หมอนั่นจะเล่นของใส่ฉันหรือเปล่าอะ”

 

 

           “บ้า! เขาจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ” ฟางเบิกตาโตทันทีกับความคิดของฉัน ก็หรือมันไม่น่าคิดล่ะ คนบ้าอะไรจะซวยไปยี่สิบปีน่ะ มันเชื่อได้จริงๆ น่ะเหรอ ฉันรู้สึกเหมือนโดนแกล้งมากกว่า -0-

 

 

           “ก็…ไม่ถูกชะตากับฉันมั้ง”

 

 

           “แกน่ะคิดมาก ฉันว่าแกอาจจะกำลังดวงตกจริงๆ ก็ได้นะ”

 

 

           “ฉันคิดมากเพราะไอ้เรื่องดวงตกนี่แหละ”

 

 

           “แหม แต่ว่า…ไอ้ฉันจะไม่เชื่อก็ยังไงไม่รู้สิ เพราะช่วงนี้แกก็เจอเรื่องให้เจ็บตัวตลอดเลย แถมหน้าแกยังหมองๆ ด้วยนะ!” เพื่อนสาวพูดพร้อมกับจ้องหน้าฉันเขม็ง

 

 

           “หมองเพราะไม่ค่อยได้นอนมากกว่า” ยัยนี่ก็พูดไปเรื่อย จะไม่ให้หมองได้ยังไงล่ะ อาทิตย์ที่ผ่านมาเล่นทำงานกันอยู่ที่คณะยันตีหนึ่งตีสองกว่าจะได้กลับ ไหนจะต้องช่วยดูแลน้องปีหนึ่งเอย ช่วยงานในส่วนที่รุ่นตัวเองรับผิดชอบบ้างล่ะ เยอะแยะไปหมด -0-

 

 

            “แกพูดเหมือนจะกลับมาไม่เชื่อเรื่องดวงตกแล้วอย่างนั้นแหละ T^T”

 

 

           “แล้วทำไมแกต้องทำหน้าเศร้าเหมือนโดนแฟนทิ้งด้วยล่ะ”

 

 

           “ฉันโสดย่ะ! แล้วอย่างฉันไม่มีใครกล้าทิ้งหรอก ฉันจะไปทิ้งเขามากกว่า เชอะ!” เจ้าตัวพูดแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างงอนๆ แต่ก็จริงอย่างว่าแหละ ยัยนี่จะไปทิ้งเขามากกว่า เห็นมีคนมาจีบหลายต่อหลายคนแล้ว แต่ยัยนี่ก็ไม่สนใจเลย บอกแค่ว่า…ถ้าฉันไม่สวยไอ้พวกนี้จะมาชอบฉันมั๊ยเนี่ย…เออก็จริงอย่างยัยฟางว่านะ

 

 

           “โอเคๆ แกนั่นแหละจะไปทิ้งเขา”

 

 

           “นี่มาว่าเรื่องของแกต่อเถอะ”

 

 

           “เรื่องของฉัน? ฉันว่ามันบาปนะแก อีกอย่างยัยพม่านั่นก็ดูไม่ได้เลวร้ายตรงไหนนี่ ถ้าโทโมะจะตกอยู่ใต้ความชั่วจริง เห็นจะเป็นนายฌอนอะไรนั่นแหละ” แล้วถ้าฉันทำให้โทโมะมาเป็นแฟนฉันได้สำเร็จ นายฌอนนั่นจะเดือดร้อนอะไรเหรอ?

 

 

           “จริงเหรอ”

 

 

           “ไม่งั้นฉันจะโดนต่อยมาเหรอ”

 

 

           “ก็แกเสร่อเข้าไปยืนขวางคนที่เขากำลังจะมีเรื่องกันทำไมล่ะย่ะ”

 

 

           “คำนั้นใช้กับพี่เข่งเถอะ ฉันจะเข้าไปเอาตัวพี่ชายฉันออกมาต่างหาก -0-”

 

 

           “นินทาอะไรฉันห๊ะไอ้ใจแก้ว”

 

 

            ไอ้พี่ชายนี่ก็ไม่เคยเรียกชื่อฉันถูกเลยให้ตายเถอะ รักน้องจริงหรือเปล่าเนี่ยถึงจำชื่อน้องตัวเองสลับพยางค์กันแบบนี้ ชื่อฉันมันจำยากตรงไหนเหรอ

 

 

           “แหม มาได้จังหวะเหมือนรู้งานเลยนะ รู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่ =*=”

 

 

           “อ๋อ เห็นฟางเช็คอินในเฟซบุ๊คอะ =.,=” พี่ขนมเข่งพูดพลางนั่งลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะฝั่งหนึ่งซึ่งว่างอยู่ (อีกฝั่งฉันกับยัยฟางวางกระเป๋าเรียบร้อย) พร้อมกับชูโทรศัพท์ให้ฉันดู ก่อนที่เขาจะยัดมันลงกระเป๋ากางเกง

 

 

           “เออดี ต่อไปเวลาจะทำธุระหนักเบาเข้าห้องน้ำคนก็รู้กันหมดอะ” ฉันพูดอย่างประชด

 

 

           “แหม ฉันก็เช็คอินเลือกที่นะยะไอ้แก้วบ้า” ฟางพูดก่อนที่จะย่นจมูกใส่ฉันอย่างหมั่นไส้ แหม ใครจะไปรู้ล่ะ วันดีคืนดียัยนี่อาจจะโรคจิต เช็คอินไปหมดซะทุกที่ก็ได้ คนซวยคือฉันเนี่ยแหละที่อยู่กับมัน จะว่าไปแล้วช่วงนี้ฉันก็พูดคำว่า ซวย บ่อยเหมือนกันนะ ก็มันเป็นจริงๆ นี่หว่า TTvTT

 

 

           “อย่าเรียกฉันว่าไอ้ แก้ว  บ้า ได้มั๊ยอะ =0=”

 

 

           “แหมๆๆ…เออนี่พี่หนมเข่ง แฟนโทโมะน่ะนิสัยดีอย่างที่ไอ้แก้วบอกจริงเหรอ”

 

 

           “ไม่รู้ดิ พี่ก็ไม่ค่อยสนิทอะ แต่เท่าที่รู้ก็โอเคมั้ง ไอ้โมะมันชอบ…ผู้หญิง น่ารัก เรียบร้อย” พี่ขนมเข่งตอบคำถามฟางแต่ประโยคสุดท้ายกลับเหลือบตามามองฉันเหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่โทโมะชอบ

 

 

           “ไม่ต้องมามองเลย นายนั่นจะชอบแบบไหนก็เรื่องของเขาเถอะ ยังไงฉันก็ไม่สนใจอยู่แล้ว บอกเลยนะว่าฉันจะวางมือ”

 

 

           “แกไม่เชื่อแม่หมอเหรอ TOT” ฟางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทันที

 

 

           “เชื่อแล้วไม่เห็นว่าชีวิตฉันมันจะเจริญขึ้นตรงไหนเลยเนี่ย บ้าหรือเปล่าที่จะให้ตัวเองหายซวยด้วยการไปแย่งแฟนชาวบ้าน แล้วชาวบ้านก็ซวยแทนฉันน่ะ มันดูไม่สมเหตุสมผลเลยนะ”

 

 

            “บางทีชาวบ้านอาจจะสมควรรับกรรมนั้นก็ได้นะ” พี่ชายฉันพูดขึ้นมาลอยๆ ด้วยท่าทางเหม่อๆ

 

 

            ชาวบ้านรับกรรม?

 

 

           “พี่เข่งพูดเหมือนรู้อะไรมา ยัยพม่านั่นไปทำกรรมอะไรมาเหรอ”

 

 

           “ฉันจะไปรู้มั๊ยเล่า ไม่ได้ตรัสรู้เว้ยเฮ้ย =*=”

 

 

           “อ้าว”

 

 

           “แก้ว~ ฉันว่าแกเชื่อแม่หมอเถอะนะ เพื่อตัวแกเอง” ฟางพูดพลางเอื้อมมือมาเขย่าแขนฉันที่เอาขึ้นมาวางบนโต๊ะ

 

 

           “ไม่รู้ดิ อย่าเขย่าได้มั๊ยมันสั่น =*=” ฉันพูดพร้อมกับแกะมือเพื่อนตัวเองออกไป

 

 

           “เชื่อๆ ไปเหอะ แกมาขอให้ฉันรับปากแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ช่วยแกน่ะ” พี่ขนมเข่งก็ช่วยฟางเกลี้ยกล่อมฉันอีกแรง

 

 

           “เอางั้นเหรอ แต่ยัยพม่า…”

 

 

           “แกเพิ่งเจอครั้งสองครั้งเอง ยังไม่รู้จักยัยนั่นดีสักหน่อย” จะว่าไปก็จริงอย่างที่ยัยฟางพูดนะ ฉันจะสรุปว่ายัยนั่นนิสัยดีเลยก็ไม่ได้ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะร้ายตรงไหนเลยนี่ -_-^

 

 

            “นั่นสิ ฉันเจอตั้งหลายรอบยังไม่รู้เลยว่าดีหรือไม่ดี” พี่ชายตัวดีของฉันพูดบ้างก่อนที่จะหยิบแก้วของฉันไปดูดกาแฟหน้าตาเฉย

 

 

           “พี่ไม่สนใจคนอื่นมากกว่า”

 

 

           “เหอะน่า…วันนี้ ไปริกกี้มั๊ย ได้ข่าวว่าพิมไปนะ เมื่อกี้ไอ้โมะโทรมาบอกว่าวันนี้จะไปเลทหน่อยเพราะไปรับแฟนสุดที่รักก่อน เห็นว่าไปซื้อของกับเพื่อน” พี่ชายฉันนี่รู้เรื่องคนอื่นดีจังเลยแฮะ =.,=

 

 

            “คงไม่ไปนะ ไม่ชินกับที่เสียงดังแบบนั้นจริงๆ (_ _|||)” ฟางชูมือขึ้นเป็นเชิงว่างานนี้ขอลา

 

 

           “แกไปสู้รบกับไอ้ปีเตอร์ที่บ้านแกเถอะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก”

 

 

           “เอาไว้วันหลังจะพาไปเล่นบ้านแกนะ ชิ!”

 

 

            บรึ้นนน!~ บรึ้นนน!~ บรึ้นนน!~ เอี๊ยด!

 

 

            “กรี๊ดดด~ พี่โมะเท่สุดๆ ไปเลย >O<”

 

 

            “กรี๊ดดด~” เสียงสาวน้อยสาวใหญ่ รวมทั้งกระเทยเด็กยันรุ่นแก่คราวป้าพากันกรี๊ดกร๊าดทันทีที่โทโมะลงมาจากรถ แน่ล่ะ ทั้งหล่อ แถมเมื่อกี้เขายังชนะอีกต่างหาก

 

 

            “กรี๊ดดด~ เขื่อน >O<”

 

 

           “ครับๆๆ ^O^…โถ่ ไอ้โมะ อ่อนให้หน่อยก็ไม่ได้” เขื่อนซึ่งเป็นคู่แข่งของโทโมะเมื่อกี้ลงจากรถอีกคันมาก่อนที่จะหันไปส่ง ยิ้มพร้อมกับโบกไม้โบกมือให้คนที่กรี๊ดกร๊าด จากนั้นก็เดินตามโทโมะมาอย่างเซ็งๆ ทั้งสองคนเดินมายังกลุ่มฉันที่ยืนดูอยู่ ไม่ใช่กลุ่มฉันสิ กลุ่มพี่ขนมเข่งมากกว่า ฉันก็แค่มามีส่วนร่วมด้วยก็เท่านั้น

 

 

           “เป็นไงบ้างพี่ ^O^” โทโมะถามพี่ชายฉันพร้อมกับยิ้มกว้างก่อนที่จะหุบยิ้มทันทีที่หันมาเจอหน้า ฉัน เขายิ้มแบบนั้นก็ดูดีนะ หุบยิ้มทำไมก็ไม่รู้ หน้าฉันเป็นอะไรเหรอ?

 

 

           “ดีขึ้นๆ ฉันว่าแข่งรอบใหญ่ประจำเดือนครั้งหน้าแกได้ที่หนึ่งอีกชัวร์” พี่ขนมเข่งพูดพลางเอื้อมมือไปตบไหล่โทโมะสองสามที

 

 

           “ถ้าศิษย์พี่ไม่ลงแข่ง ก็อาจจะได้อยู่ครับ”

 

 

           “เฮ้ย~ ชักสงสัยแล้วสิ ที่ผ่านมาแกอ่อนให้ฉันหรือว่าฉันเก่งกันแน่วะ ฮ่าๆๆๆๆ” พี่ชายฉันพูดขำๆ ก่อนที่จะหัวเราะร่วน

 

 

           “โมะ~ พิม ไปซื้อน้ำมาให้ค่ะ ดื่มหน่อยนะจะได้หายเหนื่อย” พิมที่ไม่รู้วิ่งมาจากทางไหน เดินแทรกเข้ามาในกลุ่มทันที พร้อมกับยื่นขวดน้ำเปล่าเย็นๆ ส่งให้โทโมะ

 

 

           “เห็นหน้าพิมก็หายเหนื่อยแล้วนะครับ”

 

 

           “ฮิ้ววว~”

 

 

 

           โทโมะ รับขวดน้ำนั้นมาก่อนที่โอบไหล่แฟนตัวเองแล้วทำสิ่งที่ทำให้ทุกคนบริเวณนี้พา กันโห่ฮิ้วทันทีนั่นก็คือก้มลงไปหอมแก้มยัยพม่าหน้าตุ๊กตานั่น!

 

 

           “แหวะ! โอ๊ยคลื่นไส้ จะอ้วก!!!” ฉันพูดขึ้นเสียงดังทำให้ทุกคนพากันเงียบแล้วหันมามองที่ฉันเป็นตาเดียวด้วย สีหน้าเอือมๆ จะมีคนเดียวก็คือโทโมะที่ส่งสายตาเย็นชามาให้ฉัน เย็นมากจนฉันรู้สึกหนาวเลยแหละ (<เว่อร์ไปป้ะ)

 

 

            ( -_)-_)-_)-_)-_)-_)-_) ---> =[]=

 

 

           “มองทำไมกัน” ฉันถามหน้าตาเฉยอย่างไม่สนใจก่อนที่จะกลอกตาไปมา

 

 

           “น้องใครวะเนี่ย ไปๆ ไปนั่งคุยกันทางโน้นดีกว่าเว้ยพวกเรา” พี่ขนมเข่งพูดพลางเกาหัวแกร๊กๆ ก่อนที่จะโบกไม้โบกมือไล่ทุกคนให้เดินตามเขาไป แล้วก็เหลือแค่สามคนสุดท้ายเท่านั้นที่ยังคงเล่นสงครามสายตากันอยู่ฉัน โทโมะ แล้วก็ยัยพิม

 

 

           “มองแบบนี้ชอบฉันขึ้นมาแล้วล่ะสิ J” ฉันถามโทโมะโดยไม่สนใจผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาถึงแม้ในใจจะรู้สึกผิดอยู่ก็ตามเถอะ ผิดที่ไปแทรกแซงความรักของคนอื่นน่ะ…แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่รู้ว่าฉันจะโดนรถชนจนพิการหรือเปล่าน่ะสิ T^T

 

 

            “…” โทโมะไม่ตอบอะไร แต่กลับมองฉันด้วยสายตาที่นิ่งกว่าเดิมจนฉันเองยังแอบกลัวๆ เขาขึ้นมาเลยล่ะ

 

 

           “เอ่อ พิมว่าโมะตามพี่หนมเข่งไปดีกว่านะ พิมขอคุยธุระกับแก้วใจสักครู่นะคะแล้วจะตามไป” เมื่อได้ยินเสียงหวานของคนที่ยืนข้างๆ บอกแบบนั้นสีหน้าของโทโมะก็เปลี่ยนเป็นกังวลขึ้นมาทันทีก่อนที่จะหันไปมอง แฟนสาวของตัวเองด้วยความเป็นห่วง ฉันรับรู้ได้เลยล่ะ…รับ รู้ได้ว่าเขารักยัยนี่มากขนาดไหน และคงไม่มีทางที่เขาจะรู้สึกแบบนั้นกับฉันแน่ๆ นี่ฉันต้องดวงตกไปอีกยี่สิบปีจริงๆ ใช่มั๊ยเนี่ย เฮ้อ! คิดแล้วก็ท้อ

 

 

           “จะดีเหรอครับ ผมไม่อยากให้พิมอยู่คนผู้หญิงคนนี้ตามลำพัง”

 

 

           “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะค่ะ แก้วใจไม่ทำอะไรพิมหรอก” โอ๊ย ยัยนี่ก็คนดีซะเหลือเกิน นี่ขนาดฉันบอกไปแล้วนะว่าจะแย่งแฟนตัวเองมา ยังจะอุตส่าห์ดีกับฉันอีก ให้ตายเหอะ ฉันกลายเป็นคนชั่วไปเลยล่ะสิทีนี้ (เพิ่งรู้ตัวเหรอยะ)

 

 

            “ถึงยัยนี่จะเป็นน้องพี่หนมเข่ง แต่…”

 

 

           “นะคะ ให้พิมคุยเถอะนะ เผื่ออะไรมันจะดีขึ้นกว่าตอนนี้” เมื่อเห็นว่าพิมยืนยันแบบนั้นโทโมะจึงตวัดสายตาคมกริบของเขาที่เชือดคอคนให้ตายได้มาที่ฉันโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะยอมเดินตามพวกพี่ขนมเข่งไปในที่สุด

 

 

           “มีอะไรจะคุยกับฉันเหรอ” ฉันยกมือขึ้นมากอดอกแล้วถามผู้หญิงที่พอมองดีๆ แล้วยัยนี่เตี้ยกว่าฉันมาก

 

 

           “เรื่องโทโมะ…” พอเธอเอ่ยชื่อนั้นขึ้นมาฉันก็เลยทำหน้าเซ็งๆ แล้วหันหลังเดินหนีมาทันที ฉันคิดไว้อยู่แล้วแหละว่าคงไม่พ้นเรื่องนี้ แต่ถ้าฉันบอกไปว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วฉันจำเป็นที่ต้องทำแบบนี้จริงๆ ใครจะมาเชื่อฉันล่ะ ฉันเองยังแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองกำลังทำบ้าอะไรอยู่

 

 

           “ฉันไม่มีอะไรจะคุยเรื่องนี้”

 

 

           “แต่ฉันมีนะแก้วใจ” พิมยังคงเดินตามฉันมาติดๆ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

 

 

            “ฉันว่าวันนั้นฉันพูดไปชัดเจนแล้วนะ…ขอโทษเธอด้วยล่ะกันที่ต้องทำแบบนี้” ฉันพูดในขณะที่ขาก็ยังก้าวพาตัวเองเดินหนีไม่หยุด

 

 

           “ทำไมเธอถึงต้องทำแบบนี้ด้วย”

 

 

           “เธอไม่จำเป็นต้องรู้”

 

 

           “เธอจะให้ฉันรับรู้แค่ว่าเธอจะมาแย่งโทโมะไปจากฉัน แล้วบอกขอโทษฉันแบบนี้น่ะเหรอ” คำถามยัยนี่ตอบลำบากชะมัดเลย!

 

 

            “ฉันให้เธอรู้แค่ไหน เธอก็รู้แค่นั้นแหละน่า” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

 

 

           “แก้วใจ นี่เธอหยุดเดินแล้วหันมาคุยกันดีๆ ได้มั๊ย ขอร้องล่ะ”

 

 

           “จะร้องก็ร้องไป ไม่ต้องมาขอฉัน -0-”

 

 

           “ฉันไม่ตลกกับเธอด้วยนะ อย่ายุ่งกับเราสองคนเลย ขอร้องล่ะ”

 

 

            “…” ฉันไม่ตอบ แต่ยังคงเดินหนีอยู่เหมือนเดิม ยัยนี่ก็ตามติดจังเลยแฮะ

 

 

           “นี่! ฉันบอกให้หยุด หูหนวกหรือไงยัยบ้า!?” จู่ๆ เสียงเล็กหวานก็เปลี่ยนเป็นเล็กแหลมแสบหูขึ้นมาทันที พร้อมกับเจ้าตัวที่วิ่งขึ้นมาขวางหน้าฉันพร้อมกับจ้องมาด้วยแววตาแข็งกร้าว จนฉันแทบช็อคหัวใจจะวายขึ้นมาซะให้ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงยัยนี่บาดแก้วหูกว่าเสียงเบรครถดังเอี๊ยดอีกนะเนี่ย…

 

 

            “O_O” ฉันหยุดชะงักทันทีกับสิ่งที่เกิดขึ้น เจอของเด็ดเข้าให้แล้วไง แท้ที่จริงแล้วยัยนี่ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นตอนแรก!

 

 

           “ในเมื่อฉันขอร้องเธอดีๆ เธอไม่ให้ ถ้างั้นก็ลองแข่งกันดูสักตั้งมั๊ยล่ะว่าเธอ…จะ แย่งผู้ชายคนนั้นไปจากฉันได้หรือเปล่า” พิมเหลือบสายตาไปทางด้านหลังฉัน ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบาราวกับกระซิบ แต่ฉันได้ยินมันชัดเจนที่สุดเลยล่ะ แล้วก็รู้ทันทีว่าโทโมะกำลังเดินตามเราสองคนมา!

 

 

            “เธอ…”

 

 

            “โอ๊ย! พิมเจ็บนะคะ ปล่อยพิมเถอะแก้วใจ TT.TT” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดตอบโต้อะไร ผู้หญิงตรงหน้าก็คว้ามือฉันบังคับให้ไปจับแขนเธอพลางเจ้าตัวก็ทำเหมือน พยายามจะแกะมือฉันออก แต่ความจริงแล้วมันเป็นการกดมือฉันแน่นกว่าเดิมให้จับข้อมือยัยนี่ไว้น่ะสิ!

 

 

            ฉันขอถอนคำพูดที่บอกว่ายัยนี่ดูไม่ได้เลวร้ายตรงไหน…ฉันว่าเลวร้ายก็ตรงนี้แหละ!

 

 

            “เหอะ! อยากให้ฉันบีบนักใช่มั๊ย ได้~” ฉันยิ้มให้กับคนตรงหน้าก่อนจะออกแรงบีบข้อมือนั้นเต็มที่โดยไม่สนใจว่าจะมีเสียงวิ่งพร้อมกับตะโกนดังมาจากข้างหลัง

 

 

           “หยุด! แก้วใจ! นี่ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!!!” โทโมะวิ่งเข้ามาแยกฉันออกจากพิม เขากระชากมือฉันออกจากข้อมือยัยนั่นก่อนที่จะสะบัดแขนฉันทิ้งอย่างแรง โดยไม่สนใจว่าฉันจะเจ็บจากการกระทำของเขาหรือเปล่า

 

 

           “ผมไม่น่าให้พิมอยู่กับผู้หญิงคนนี้ตามลำพังเลย เจ็บหรือเปล่าครับ” โทโมะถามพิมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คนถูกถามก็แกล้งบีบน้ำตาเรียกความสงสาร แล้วส่ายหน้าเบาๆ

 

 

            “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิมก็แค่ขอร้องแก้วใจดีๆ ว่าให้เลิกยุ่งกับเราสองคน แต่ทำไมเขาต้องทำร้ายพิมด้วยก็ไม่รู้”

 

 

            ยะ…ยัยนี่ ร้ายมาก! O_O

 

 

            “ถ้าเธอทำอะไรพิมอีกล่ะก็…ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่! อ่อ…แล้วถ้าเธอจะไปฟ้องพี่หนมเข่งก็เชิญตามสบาย เพราะฉันจะได้บอกเหมือนกันว่าน้องสาวเขาร้ายกาจขนาดไหน!” โทโมะหันมาพูดเสียงรอดไรฟันกับฉัน ตอนนี้หน้าเขาแดงจัดเพราะความโกรธ…นี่ไม่คิดจะถามฉันบ้างเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น ฟังความข้างเดียวชัดๆ เลย

 

 

           “ฉัน…”

 

 

           “เธออย่าคิดนะว่าการที่ฉันนับถือพี่หนมเข่ง แล้วมันจะเป็นข้ออ้างให้เธอทำอะไรก็ได้นะ เพราะรู้ไว้เลยว่าฉันไม่มีวันยอมเด็ดขาด”

 

 

           “นี่! ใจคอจะไม่ฟังฉันพูดบ้างหรือไงห๊ะ! มาถึงก็ฟังแต่แฟนตัวเองแล้วก็ว่าๆๆๆ ฉัน คิดว่าฉันผิดอยู่คนเดียวหรือไง!?” ฉันพูดอย่างฉุนเฉียว

 

 

           “แค่เห็นก็รู้แล้ว….พิมสู้คนอย่างเธอไม่ได้หรอก” นายมันโง่ชะมัดเลยโทโมะ!

 

 

           “ใช่! ยัยนี่สู้ฉันไม่ได้หรอก…ระวังตัวเอาไว้ดีๆ ก็แล้วกัน” ฉันพูดพลางถลึงตาจ้องยัยพม่าหน้าตุ๊กตาราวกับจะกลืนกิน

 

 

            “…ผู้หญิงอัธพาล” โทโมะเอื้อมมือมาบีบไหล่ฉันทันทีด้วยความโมโห

 

 

           “อยากจะว่าอะไรก็ว่าให้พอใจเลย! แต่รู้ไว้ด้วยว่าถึงฉันนิสัยไม่ดีหรืออัธพาลยังไง ฉันก็ไม่เสแสร้งเหมือนใครบางคน!” คนโดนพูดกระทบถลึงตากลับใส่ฉันทันที แต่เนื่องจากโทโมะกำลังเผชิญหน้ากับฉันอยู่เขาจึงไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคน ที่เขารักและกำลังปกป้องมีสีหน้ายังไง

 

 

           “เลิกทำแบบนี้ซะ…ฉันเตือนเธอแล้วนะ…” โทโมะสะบัดไหล่ฉันอย่างไม่ยั้งมือ ก่อนจะเดินไปพยุงยัยพม่าที่แกล้งทำเป็นสำออยแล้วเดินกลับไปตามทางเดิมที่พวกเราเดินจากมาทันที

 

 

นี่เตือนเหรอ? ไหล่กับไหปลาร้าฉันจะหลุดออกมามั๊ยเนี่ย ไอ้บ้าเอ๊ย!

 

 

           “โอโห! ละครรักเรื่องนี้น่าลุ้นตอนต่อไปจริงๆ ฮ่าๆๆๆ”

 

 

            “ฌอน…” ฉันหรี่ตาลงมองคนที่เดินเข้ามาใหม่จากมุมมืดอย่างไม่ไว้ใจทันที ผู้ชายผมสีบานเย็นนั่นกำลังยืนในท่าสบายๆ เอามือล้วงกระเป๋าแล้วส่งยิ้มให้ฉัน จะว่าไปเขาเองก็หน้าตาดีไม่แพ้โทโมะเลยนะเนี่ย

 

 

            “บังเอิญฉันเดินผ่านมาน่ะ…สงสัยเรื่องที่เขาบอกว่าน้องสาวคนสวยของพี่ขนมเข่งมาชอบไอ้โมะจะเป็นเรื่องจริง ฮะๆๆ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ

 

 

            “ใครบอกว่าฉันชอบหมอนั่น” ฉันถามอย่างไม่สบอารมณ์ หมอนี่เข้ามาหาฉันต้องการอะไรกันแน่นะ ดูไม่น่าไว้ใจเลยแฮะ

 

 

            “ถ้าไม่ชอบ แล้วเธอจะอยากได้มันเป็นแฟนทำไม สติยังดีอยู่หรือเปล่า” เขาถามแล้วเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

 

 

            “จะทำไมก็ไม่เกี่ยวกับนาย”

 

 

หมับ~

 

 

             ฉันพูดอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหมุนตัวเตรียมจะเดินกลับไปหาพี่ขนมเข่ง แต่ก็ต้องชะงักด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อจู่ๆ ฌอนก็คว้าแขนฉันเอาไว้แน่น!

 

 

             “ทำไมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อไอ้โมะมันเป็นศัตรูฉัน…” 

 

------------------------------------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป------------------------------------------------------

 

1 ตอน 1 คอมเม้นท์ = 1 กำลังใจดีๆ ที่ส่งให้กันนะคะ :)

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา