Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ

9.4

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.

  21 chapter
  861 วิจารณ์
  31.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) วิธีเดียวแก้ดวง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 1 วิธีเดียวแก้ดวง

 

 

          เอี๊ยด!!! ปริ้นๆๆ!

 

 

 

            “ปัดโธ่! เดินยังไงเนี่ยไม่ดูทางเลย ถ้าฉันชนเธอเต็มๆ ฉันไม่ต้องเสียตังค์ค่าทำขวัญหรือไง”

 

 

 

            “ห๊ะ O[]O!” ฉันถึงกับอ้าปากพะงาบๆ ทันที ขณะที่ตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมแขนของยัยฟางที่ช่วยประคองฉันเอาไว้ได้ทัน

 

 

 

            ถ้าตอนนี้ถ้าใครยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ ฉันจะอธิบายให้ฟังนะคะ ย้อนไปเมื่อสามนาทีที่แล้ว ฉันกับยัยฟางเดินออกมาจากซอยบ้านแม่หมอซึ่งข้างในซอยไม่มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างซักคัน ส่วนเรื่องรถแท็กซี่นั้นตัดไปได้เลยเพราะไม่มีแม้แต่เงา หลังจากที่เดินออกมาจากซอยเราสองคนก็เดินเลาะมาตามฟุตบาทริมถนนใหญ่เรื่อยๆ ตั้งใจว่าจะเดินต่อไปอีกหน่อยค่อยเรียกรถแท็กซี่ แต่ก็ดันมีมอเตอร์ไซด์ที่ไหนไม่รู้วิ่งมาเฉี่ยวฉันจนเซถลาเกือบล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น ดีนะที่ยัยฟางช่วยเอาไว้ทัน

 

 

 

            แต่เมื่อกี้ไอ้คนขับนั่นบอกว่าฉันเดินไม่ดูทางอย่างนั้นเหรอ!?!

 

 

 

            “นี่คุณ ตรงนี้มันฟุตบาทนะคะ ถ้าฉันผิด คุณก็คงผิดมากกว่าที่ขี่รถขึ้นมาบนนี้”

 

 

 

            “โอ๊ยๆๆๆ! เสียเวลา!” ว่าจบคนผิดก็ขี่มอเตอร์ไซด์ไปต่อทันทีอย่างไม่สนใจฉัน แม้แต่คำขอโทษสักคำก็ไม่มี -*-

 

 

 

            “ฮึ่ย! ไม่ไหวเลยจริงๆ คนสมัยนี้” ยัยฟางมองตามไปแล้วสบถอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะดันตัวฉันออกแล้วมองสำรวจหาบาดแผล

 

 

 

            “แกเจ็บตรงไหนหรือเปล่าแก้ว”

 

 

 

            “ที่แขนนิดหน่อยน่ะ สงสัยจะช้ำ คนยิ่งหิวๆ อยู่ดันมาเจอเรื่องให้เจ็บตัวอีก อารมณ์เสียจริงๆ” ฉันยกแขนข้างที่โดนเฉี่ยวเมื่อกี้ขึ้นมาดูแล้วเอามืออีกข้างลูบเบาๆ ตรงรอยแดงๆ ที่อีกไม่นานมันคงกลายเป็นสีเขียวอมม่วงเนื่องจากมันช้ำนั่นเอง T^T

 

 

 

            “แก หรือว่า…” ยัยฟางทำสีหน้าตกใจแต่ก็ไม่ยอมพูดต่อให้จบ

 

 

 

            “หรือว่าอะ…”

 

 

 

            ตุ๊บ!

 

 

 

            “โอ๊ย! >O<”

 

 

 

            ฉันยกมือขึ้นมากุมไว้ที่หัวทันทีเมื่อมีลูกบอลลอยมาจากสนามบอลเล็กๆ ที่ติดกับฟุตบาทนี้ มันกระแทกเข้าที่หัวของฉันเต็มๆ

 

 

 

            อะไรมันจะซวยอย่างนี้เนี่ย!

 

 

 

…ระวังตัวดีๆ นะ ต่อจากนี้…

 

 

 

            ตอนนี้นอกจากประสาทสัมผัสของฉันจะรับรู้ความเจ็บแล้ว สมองของฉันก็ดันนึกถึงคำพูดของแม่หมอลวงโลกนั่นก่อนที่ฉันจะออกมาจากบ้านหลังนั้นด้วย คำพูดที่ลอยเข้ามาในหัวราวกับเสียงกระซิบจากนรก

 

 

 

            ใช่แล้ว…นรกมาก! อย่าบอกนะว่าที่ยัยแม่หมอนั่นพูดจะเป็นเรื่องจริงน่ะ

 

 

 

            ความเจ็บจากที่โดนรถเฉี่ยวยังไม่ทันหายไป ความเจ็บใหม่จากลูกบอลงี่เง่านั่นก็ซ้ำเติมเข้ามาอีก นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย ใครก็ได้ตอบฉันมาที T^T

 

 

 

            “ขอ โทษครับพี่ๆ” เด็กผู้ชายที่ดูท่าทางแล้วน่าจะอยู่ประมาณประถมปลายวิ่งมาเก็บลูกบอลแล้วขอ โทษฉัน ก่อนที่จะรีบวิ่งกลับไปเล่นกับเพื่อนๆ ต่อโดยไม่รอให้ฉันว่าอะไรสักคำ เฮ้อ! แต่ก็เด็กล่ะนะ ฉันเองก็ว่าอะไรไม่ลง -^-

 

 

 

            “ตายแล้วๆ เล่นแรงไปมั๊ยเนี่ย”

 

 

 

            “แกว่าไงนะฟาง -_-^” ฉันหันขวับไปถามยัยฟางที่ยืนบ่นอุบอยู่

 

 

 

            “อ๋อ ฉันหมายถึงว่าเด็กพวกนั้นน่ะสิ เล่นกันแรงนะ ตัวนิดเดียวแต่แรงเตะบอลเยอะชะมัดเลย แกไม่เป็นอะไรมากนะ” ฟางอธิบายก่อนที่จะเหลือบมองที่หัวของฉัน

 

 

 

            “นั่นสิ ตัวกระเปี๊ยกเดียว เมื่อกี้ฉันรู้สึกเหมือนไม่ใช่เด็กพวกนั้นเตะเลยอะ TvT” ฉันบ่นพลางใช้มือลูบหัวปอยๆ เจ็บจนน้ำตาจะไหล เจ็บกว่ารถเฉี่ยวเมื่อกี้นี้อีก

 

 

 

            “จะบ้าเหรอ แกแหกตาดูสิว่ามีแต่เด็กทั้งนั้น -_-^” คนพูดชี้นิ้วไปที่สนามบอล ซึ่งฉันก็หันไปมองตามนิ้วนั้น แล้วก็เห็นว่ามีแต่เด็กจริงๆ

 

 

 

            “อย่างว่าแหละ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด” ฟางพูดต่อพร้อมกับทำหน้าปลงๆ

 

 

 

            “จริงสิ เมื่อกี้แกจะพูดอะไรนะ ที่แกพูดค้างไว้ก่อนที่ฉันจะโดนลูกบอลกระแทกดังตุ๊บ T^T”

 

 

 

            “หืม ฉันพูดอะไรเหรอ…” ฟางทำหน้าคุร่นคิดก่อนที่จะเบิกตาโตออกมาเมื่อคิดอะไรบางอย่างออกแล้ว “ฉันจะบอกแกว่า แกอาจจะกำลังดวงตกอย่างที่แม่หมอบอกก็ได้นะ O_O”

 

 

 

            ตอนนี้สีหน้าของยัยฟางดูเหมือนจะตกใจมากกว่าฉันอีกนะ อย่างกับคนดวงตกซะเองอย่างนั้นแหละ ฉันเองยังไม่รู้สึกตกใจมากมายเท่ายัยนี่เลย…แต่ที่ยัยนี่พูดเมื่อกี้…ถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะ?

 

 

 

            แต่ยี่สิบปีเลยนะ มันจะเป็นไปได้เหรอ?

 

 

 

            “ฉันว่า…”

 

 

 

            “แกไม่เชื่อแต่ฉันเชื่อนะ แกว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญเหรอ ที่แกโดนรถเฉี่ยวเมื่อกี้ แถมยังลูกบอลนั่นอีก” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบยัยฟางก็พูดแทรกขึ้นซะก่อน ทำให้ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเริ่มประมวลผลเหตุการณ์เมื่อครู่อีกครั้งอย่างพิจารณา พลางสายตาก็มองตรงไปตลอดทางฟุตบาทที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งตอนนี้มอเตอร์ไซด์คันนั้นขี่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ จากนั้นฉันก็เหลียวหลังหันกลับไปก็มองฟุตบาทที่อยู่ทางด้านหลัง และมันก็ไร้เงาของมอเตอร์ไซด์โดยสิ้นเชิง ปกติคงไม่มีใครขี่รถขึ้นมาบนนี้เท่าไหร่หรอกมั้ง

 

 

 

            พวกเด็กตรงนั้นก็ดูเตะบอลไม่แรงเหมือนเมื่อกี้นี้เลยนะ…ฉันคิดขณะที่สายตาเปลี่ยนไปจับจ้องยังสนามบอลที่เด็กๆ ยังคงเตะบอลเล่นกันต่อไปอย่างสนุกสนาน

 

 

 

            ดวงตกยี่สิบปี?

 

 

 

            ซวยไปอีกยี่สิบปี?

 

 

 

            แก้วคนนี้น่ะเหรอ! -[]-!

 

 

 

            “ไปกับฉันเร็วยัยฟาง” ไม่พูดเปล่าแต่ฉันคว้าข้อมือของยัยฟางแล้วกระชากให้เดินย้อนกลับไปตามทางเดิมที่ เราสองคนเพิ่งจะเดินออกมาเมื่อกี้นี้ ฉันต้องรู้ให้ได้ว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

 

 

 

            “แกจะไปไหนยัยแก้ว” ฟางถามขณะที่ยังอยู่ในอาการตกใจที่โดนฉันลากให้เดินกลับมา

 

 

 

            “ไปคุยกับยัยแม่หมอนั่นให้รู้เรื่อง!”

 

 

 

            “=_=+” สีหน้าของฉัน

 

 

 

            “กลับมาเร็วกว่าที่คิดนะนังหนู ^^” ประโยคแรกที่แม่หมอทักฉันหลังจากที่เราสองคนนั่งเล่นสงครามจ้องตากันมานานหลายนาทีตั้งแต่ฉันกับยัยฟางกลับมาถึงที่นี่

 

 

 

            “…”

 

 

 

            “ว่าไงล่ะนังหนู เฮ้อ! สีหน้าคนดวงตกนี่ไม่สดชื่นจริงๆ เลยนะ”

 

 

 

            สดชื่นก็แย่แหละ!

 

 

 

            “ไม่ตลกนะแม่หมอ บอกฉันมาดีๆ ว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมต้องเกิดเรื่องให้ฉันเจ็บตัวในเวลาติดๆ กันด้วย”

 

 

 

            “ฮ่าๆๆๆ ข้าบอกเอ็งแล้วไงว่าเอ็งน่ะดวงตก ทีนี้เชื่อข้าแล้วใช่มั๊ยล่ะ?”

 

 

 

            “ไม่!”

 

 

 

            “แก้วใจ~” ฟางที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันกระตุกเสื้อฉันเบาๆ เป็นการเตือนสติ

 

 

 

            “เชื่อนิดนึงก็ได้ -^-”

 

 

 

            “ฮ่าๆๆๆ เด็กสมัยนี้คิดแต่ว่ามันเป็นเรื่องงมงาย”

 

 

 

            “ก็แล้วถ้าฉันดวงตกจริง งั้นก็ต้องมันต้องมีวิธีแก้สิ อย่างเช่นสะเดาะเคราะห์” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นลงกว่าเดิม

 

 

 

            “วีธีแก้น่ะมันก็พอมีอยู่หรอก”

 

 

 

            “เช่น?” ฉันเลิกคิ้วสูงพร้อมกับรีบถามด้วยคาวมอยากรู้ ปกติคนอย่างฉันไม่เชื่อเรื่องอะไรพวกนี้นะเนี่ย T^T

 

 

 

            “เช่นเหรอ? ไม่มีเช่นหรอก บังเอิญว่ามันมีทางเดียวซะด้วยสิสำหรับคนที่ยังโสดอย่างเอ็ง”

 

 

 

            O_O! หน้าตาของฉันมันบอกขนาดนั้นเลยเหรอว่าฉันยังไม่มีแฟนน่ะ! -///-

 

 

 

            “ถ้าฉันมีแฟนแล้วล่ะ”

 

 

 

            “ตัวของใคร ใครก็รู้ตัวเองดี…จริงมั๊ยนังหนู” แม่หมอหัวเราะหึในลำคอก่อนที่หันไปถามความเห็นกับยัยฟาง ซึ่งคนถูกถามก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย

 

 

 

            “โสดก็ได้ แล้วทางเดียวที่ว่าเนี่ยมันคืออะไรล่ะคะแม่หมอขา -3-”

 

 

 

            “อักษรอันดับที่ยี่สิบ”

 

 

 

            “ห๊ะ?”

 

 

 

            ใครเข้าใจที่ยัยแม่หมอนี่พูดช่วยบอกฉันทีสิว่าไอ้ ‘อักษรอันดับที่ยี่สิบ ' ที่ว่าเนี่ยมันคืออะไร แล้วมันจะช่วยให้ฉันรอดพ้นจากการดวงตกครั้งนี้ได้ยังไงไม่ทราบ

 

 

 

            “อักษรอันดับที่ยี่สิบคือชื่อเรียก เป็นที่หนึ่งแห่งความเร็ว…เอ็งต้องทำให้ที่หนึ่งมาเป็นคู่ของเอ็งให้ได้ ไม่อย่างนั้นดวงเอ็งก็จะตกอยู่อย่างนี้ไปอีกยี่สิบปี ฮ่าๆๆๆ”

 

 

 

            ที่ยี่สิบของความเร็วบ้าบออะไรกัน ไอ้ความเร็วที่ว่าเนี่ยหมายถึงอะไรน่ะ?

 

 

 

            “หมายความว่ายังไง”

 

 

 

            “หมายความตามนั้น”

 

 

 

            “ฉันว่าเขาหมายถึงให้แกไปหาแฟนนั่นแหละยัยแก้ว” ฟางกระซิบบอกฉัน ทำให้ฉันเบิกตาโตทันทีด้วยความตกใจ

 

 

 

            จริงสิ! เมื่อกี้แม่หมอบอกให้ฉันทำให้ที่หนึ่งบ้าบอนั่นมาเป็นคู่! O_O

 

 

 

            “ว่าไงนะ! ให้ฉันไปจีบผู้ชายเหรอ”

 

 

 

            “เข้าใจก็ดีแล้ว ฮ่าๆๆ”

 

 

 

            “แล้วมันเป็นใครฉันจะไปรู้เหรอ”

 

 

 

            “ถ้าคิดอะไรไม่ออก ลองกลับไปถามคนที่บ้านเอ็งดู เขารู้จักดี เพราะเขาเองก็ชอบความเร็วไม่ใช่เหรอ” คิดเหมือนฉันมั๊ยว่ายัยแม่หมอนี่กวนประสาท! แล้วคนที่บ้านฉัน? พี่เข่งเหรอ? ก็ฉันอยู่กับพี่ชายสองคนแล้วจะเป็นใครไปได้อีกล่ะเนี่ย -w-

 

 

 

            “ข้าบอกเอ็งได้เท่านี้แหละ นี่ก็ถือว่าเยอะแล้ว…เขา เองก็กำลังตกอยู่ใต้อำนาจของความชั่วอยู่เช่นกัน ถ้าเอ็งทำได้เท่ากับเอ็งช่วยเขาด้วย และเขาก็จะทำให้เอ็งรอดจากเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ เนื้อคู่…ฮ่าๆๆๆ เนื้อคู่…เอ็งมาขัดจังหวะการกินข้าวของข้า ดังนั้นข้าขอตัวก่อน ขอให้โชคดี…” ว่าจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปด้านในของบ้านเหมือนตอนแรกก่อนที่ฉันจะกลับออกไป

 

 

 

            เนื้อคู่เหรอ?

 

 

 

            ไร้สาระ -3-

 

 

 

            “แกคิดอะไรอยู่น่ะ” ฟางถามขณะที่เราสองคนกลับมาเดินอยู่ที่ฟุตบาทริมถนนใหญ่อีกครั้ง

 

 

 

            “คิดว่าจะเชื่อได้หรือเปล่าน่ะสิ แกว่ามันจะเป็นไปได้เหรอฟาง”

 

 

 

            “แกถามฉัน ฉันก็ตอบว่าเป็นไปได้นะ อะไรก็เกิดขึ้นได้แกก็รู้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกน่า” ฟางตอบพลางยกมือขึ้นมาลูบไหล่ฉันเบาๆ เป็นการปลอบใจ

 

 

 

            “…”

 

 

 

            “เอาน่ะ ยังไงฉันก็จะช่วยแกเอง”

 

 

 

            ฉันมองหันไปมองหน้าฟางโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เพราะตอนนี้สมองของฉันกำลังประมวลผลอย่างหนัก…ตั้งแต่ เกิดมาฉันไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลยนะ แล้วจะให้เปลี่ยนไปเชื่อง่ายๆ แบบนี้เลยน่ะเหรอ? แต่ถ้าฉันไม่เชื่อ ก็ไม่รู้ว่าครั้งต่อไปฉันจะโดนรถเฉี่ยวอีกหรือเปล่า หรือไม่ก็อาจจะเป็นรถสิบล้อชนเลยก็ได้  ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะแย่เลย ใครจะอยู่ดูแลพี่เข่งล่ะ พ่อแม่ก็ทำงานอยู่ต่างประเทศนานๆ จะกลับมาสักที จะโทรมาก็เวลามีเทศกาล หรือไม่ก็ตอนโอนเงินมาให้เท่านั้น เพราะพวกท่านงานยุ่งมาก TTvTT

 

 

 

            แต่เอ๊ะ! แม่หมอบอกว่ายี่สิบปี ดังนั้นฉันคงไม่ถึงตายหรอกมั้ง…แต่ก็อาจจะพิการได้! โดนรถสิบล้อชนเชียวนะ!!!

 

 

 

            แล้วนี่ฉันคิดอะไรเป็นตุเป็นตะเนี่ย -_-^

 

 

 

            “…ลองเชื่อดูก็ได้มั้ง”

 

 

 

           “จริงเหรอ! >_<”

 

 

 

           “ทำไมแกต้องทำน้ำเสียง สีหน้า แล้วก็ท่าทางดีใจขนาดนั้นด้วยฟาง =_=”

 

 

 

           “ก็ฉันเป็นห่วงแกนี่ ถ้าแกไม่เชื่อ แกอาจจะเจอเรื่องให้เจ็บตัวอีกก็ได้ TT.TT” พูดแล้วก็ทำหน้าเศร้าจับใจ “แต่ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะช่วยแกเอง ^O^”

 

 

 

           “ก่อนอื่น เรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่าไอ้ที่หนึ่งอะไรนั่นน่ะคืออะไร” คิดเรื่องนี้แล้วก็คิดไม่ตก เฮ้อ!

 

 

 

            เป๊าะ!

 

 

 

           “ไอ้ปีเตอร์หรือเปล่าแก! ถ้าเรื่องความเร็วล่ะก็มันไม่แพ้ใครเลยนะ O_O” ฟางดีดนิ้วอย่างเก็ทไอเดียแล้วหันมาพูดกับฉัน แต่ฉันอยากจะตบมันให้คว่ำจริงๆ เลย ไอ้ปีเตอร์เหรอเนื้อคู่ฉันน่ะ -*-

 

 

 

            กำลังสงสัยใช่มั๊ยค่ะว่าไอ้ปีเตอร์คือใคร มันไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ แต่มันคือแมลงสาบซึ่งใช้ท่อนำทิ้งของครัวบ้านยัยฟางเป็นที่ซุกหัวนอนทำตัวกลมกลืนเป็นสมาชิกของบ้าน -_-^ ซึ่งยัยฟางฉีดยาก็แล้ว วางยาก็แล้ว มันก็ยังไม่ตาย ในขณะที่ตัวอื่นชักดิ้นชักงอกันไปหมด มันเป็นแมลงสาบที่อายุยืนมากๆ แล้วเมื่อกี้ยัยนี่ก็เพิ่งบอกว่ามันอาจจะเป็นเนื้อคู่ของฉันตามที่ยัยแม่หมอนั่นบอก

 

 

 

            ใช้อะไรคิดเนี่ย?-3-

 

 

 

           “เอามันเก็บไว้ที่บ้านแกนั่นแหละดีแล้วไม่ต้องเอามาเผื่อแผ่ฉัน”

 

 

 

           “แต่เวลามันบินโฉบไปมา นี่อย่างไวเลยนะแก ฉันกระโดดหนีแทบไม่ทัน T^T” ยังไม่จบอีกยัยนี่

 

 

 

           “ช่วยคิดอะไรที่มันเป็นไปได้หน่อยสิยัยบ้า”

 

 

 

            “T.T”

 

 

 

           “แก…หรือว่าจะเป็นพวกนักวิ่งอะไรแบบนั้น -.,-” พูดไป ฉันก็กำลังคิดว่าที่หนึ่งแห่งความเร็วอาจจะเป็นแชมป์วิ่งแข่ง อะไรแบบนั้นหรือเปล่า

 

 

 

           “จะบ้าเหรอแก ฉันว่าเราไปถามพี่ขนมเข่งดีมั๊ย แม่หมอบอกว่าคนที่บ้านแกรู้จักไม่ใช่เหรอ”

 

 

 

           “เอางั้นเหรอ แต่นักวิ่ง…”

 

 

 

           “นี่ ลองคิดดูนะ ถ้าพี่เข่งรู้จัก แกคิดว่าพี่ชายแกจะรู้จักนักวิ่งเหรอวันๆ นอกจากเรียนแล้วพี่เขาก็อยู่แต่ที่สนามแข่งรถไม่ใช่หรือไง”

 

 

 

           O_O!

 

 

 

            ฉันคิดออกแล้ว ไม่สิ ยัยฟางคิดมากกว่า พี่ชายฉันชอบความเร็วจริงๆ นั่นแหละ เพราะเขาชอบแข่งรถเป็นประจำ แล้วที่ยี่สิบที่ว่าเนี่ย…เฮ้ย! มันก็พี่ชายฉันไม่ใช่เหรอ ก็แชมป์ประจำเดือนของสนามที่พี่ฉันสิงอยู่มันเป็นของเขามายี่สิบสมัยซ้อนแล้วนี่!

 

 

 

            “ฟาง…แก คิดว่าพี่ชายฉันจะเป็นเนื้อคู่ของฉันหรือเปล่าอะ” ฉันหันไปถามยัยฟางอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่าสิ่งที่ฉันคิดจะเป็นความจริง ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ฟ้าจะส่งให้ฉันกับเขาเกิดมาเป็นพี่น้องที่คลานตามกันออกมาทำไม? (<ฟ้าส่งมาเกิด =_=)

 

 

 

           “คิดได้ไงเนี่ย -_-^”

 

 

 

           “ก็พี่ชายฉันเป็นที่หนึ่งยี่สิบสมัยเลยนะ” ฉันพูดพลางนึกถึงหน้าแว่นๆ ของพี่ชายๆ ตัวเอง ถึงเขาจะใส่แว่นแต่เขาก็ไม่ได้ติ๋มหรือเนิร์ดอะไรนะ เรียกได้ว่า หน้ากวนตีน ด้วยซ้ำไป

 

 

 

           “แล้วอักษรอันดับที่ยี่สิบอะไรนั่นล่ะ”

 

 

 

            จริงสิ! แม่หมอบอกว่าอักษรอันดับที่ยี่สิบคือชื่อเรียก? น่าจะหมายถึงชื่อของเขาหรือเปล่า แต่พี่ชายฉันชื่อ ขนมเข่ง ขึ้นต้นด้วยขอไข่อะ ไม่ใช่กอไก่ T^T

 

 

 

            “หมายถึงชื่อล่ะมั้ง งั้นพี่เข่งก็ตัดไปได้เลยสินะ”

 

 

 

           “ก็ควรจะตัดตั้งแต่เขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของแกแล้วล่ะย่ะ ใช้ตาตุ่มคิดหรือไงเนี่ย ประสาท!” ยัยฟางได้เลยก็สวดใหญ่เลย เชอะ!

 

 

 

            สรุปแล้วฉันกับยัยฟางก็ตกลงว่าจะหยุดคิดเรื่องนั้นก่อน จากนั้นจึงไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันจนอิ่มท้อง แล้วช่วยกันนั่งคิดต่อว่าไอ้คนที่แม่หมอบอกว่าฉันต้องไปทำให้เขามาเป็นคู่ ให้ได้น่ะคือใคร T^T แต่ แล้วก็คิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ เพราะมันไม่มีความเป็นไปได้เลยอย่างไอ้ปีเตอร์ที่บ้านยัยฟาง หรือเด็กแว้นแถวๆ หลังมหาวิทยาลัย คิดไปคิดมาก็สมองตัน -.,-  สงสัยฉันก็คงต้องไปถามพี่เข่งจริงๆ แล้วล่ะมั้ง…ไม่มีทางเลือกแล้วนี่

 

 

 

            บรึ้นนนน~ บรึ้นนน~! บรึ้นนน!!!

 

 

 

            เสียงออกตัวของรถดังไปทั่วทั้งบริเวณ ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าๆ ได้แล้วล่ะฉันกับยัยฟางกำลังอยู่ที่ ริกกี้เวย์ หรือสนามแข่งรถดีๆ นี่เอง ไอ้ริกกี้นั่นมันเป็นชื่อสนามค่ะ ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมฉันถึงมาโผล่หัวที่สนามแข่งรถ นั่นก็เพราะพี่ชายตัวดีของฉันอยู่ที่นี่น่ะสิ ริกกี้เป็นบ้านหลังที่สองของพี่ขนมเข่งก็ว่าได้ บ้านช่องกว่าจะกลับก็ดึกๆ นั่นแหละ ฉันทนรอให้เรื่องนี้มันค้างคาใจไม่ไหวหรอกนะ ความจริงฉันกลัวจะถูกสิบล้อชนซะก่อนน่ะสิ -___-^

 

 

 

           “เสียงดังชะมัดเลย -3-” ยัยฟางบ่นอุบพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหูเอาไว้ “แก้วใจ แกไม่หนวกหูหรือไง”

 

 

 

           “ไม่อะ ชินแล้ว ฉันเคยมาที่นี่น่ะ เวลาเบื่อๆ ก็มาอยู่กับพี่เข่ง ตอนนี้เรามาหาพี่ชายของฉันเถอะ โทรไปก็ไม่รับ” ก่อนจะมาที่นี่ฉันก็โทรถามเขาแล้วนะ พี่แกยังรับสายอยู่เลย ฉันบอกแล้วด้วยว่าให้คอยรับโทรศัพท์ฉันอีกรอบ แต่ก็ไม่ยอมรับจนได้ T.T

 

 

 

           “อยู่ไหนของเขานะ” ฉันพึมพำกับตัวเองพลางหันซ้ายหันขวา

 

 

 

           “นั่นหรือเปล่าน่ะ หัวแดงๆ” ฟางถามพลางชี้นิ้วไปยังกลุ่มผู้ชายที่นั่งคุยจ้อกันอยู่อย่างสนุกสนาน แล้วหนึ่งในนั้นก็มีผู้ชายที่ฉันรู้จักเขามาตั้งแต่จำความได้ คนที่ท่าทางกวนตีนที่สุดในโลกกับผมสีแดงเพลิงใส่แว่น(มันเป็นแว่นแฟชั่นอัน โปรดที่เขาจะใส่มันตลอดเวลาเลยดูเหมือนเขาสายตาสั้น แต่เปล่าเลย =_= )เขาคือพี่ชายของฉันจริงๆ ไม่ผิดตัวแน่!

 

 

 

            ถ้าพี่ชายฉันช่วยได้อย่างที่ยัยแม่หมอนั่นบอกจริง ก็ได้เวลาไขปริศนาแล้วล่ะ!

 

 

 

            แล้วเจอกันนะนายเนื้อคู่! (กระดากปากชะมัดยาดเลยอะ TTvTT)

 

 

------------------------------------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป------------------------------------------------------

         ตอนหน้าพระเอกของแก้วใจน่าจะออกแล้วล่ะมั้ง

มันควรจะออกได้แล้วแหละ 55555 รับรองว่าจะได้พบกับตัวละครน่ารักๆ

ที่จะมาสร้างสีสันให้เรื่องนี้

 

เม้นโหวต = 1 กำลังใจ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา