Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
17) หญิงร้ายชายชั่วกับคนสำคัญ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter 16 หญิงร้ายชายชั่วกับคนสำคัญ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอแก้ว”
“โทรศัพท์เฮงซวย! แบตพากันมาหมดตอนนี้ทำไม่ก็ไม่รู้ -0-” ฉันบ่นอุบเสียงดังโดยลืมไปว่ากำลังแอบมองฉากเลิฟซีนในห้องเก็บอุปกรณ์ของแม่บ้านอยู่ มารู้ตัวอีกทีก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อผู้ชายที่อยู่ในห้องหันมาสบตากับฉันผ่านทางช่องระบายอากาศจนฉันต้องรีบก้มหลบทันที
“ทำอะไรกันเหรอหนู -_-^” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ฉันกับฟางหันไปยังผู้มาใหม่ซึ่งก็คือป้าแม่บ้านนั่นเอง
“เอ่อ…เรามาถ่ายรูปแมงมุมค่ะ พอดีต้องใช้ทำงานส่งอาจารย์ >_<” ฉันรีบแก้ตัวพร้อมกับลงมายืนด้านล่างข้างๆ ฟางก่อนจะชี้ไปยังใยแมงมุมที่อยู่ตรงมุมระหว่างหลังคาห้องกับตัวผนัง ป้าแกทำหน้างงๆ นิดหน่อยเพราะตรงนั้นมันมีแต่ใยแต่ไม่มีตัวแมงมุมเลยก่อนจะพึมพำๆ แล้วเดินออกไป
“เด็กเดี๋ยวนี้ทำอะไรแปลกๆ ฉันเองก็แปลกใจไม่หาย ปกติไม่ได้ล็อกห้องแล้วห้องล็อกได้ยังไงเนี่ย…” ฉันมองตามป้าแม่บ้านไปก่อนจะหันมาสบตากับฟางอย่างรู้กันว่าทำไมห้องเก็บอุปกรณ์ถึงล็อก แล้วฉันก็คืนโทรศัพท์ให้เจ้าของ ฟางทำหน้าสลดไปนิดหน่อยก่อนจะเก็บมันลงประเป๋า แต่แล้วก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
“จริงสิ! ตกลง ว่าแกเห็นใครข้างในนั้น” ฟางพยักพเยิดหน้าไปทางห้องนั้นแต่ก่อนที่ฉันจะตอบออกไป คนที่ฉันเห็นก็เดินมาทางด้านหลังของฟางซะก่อนทำให้ฉันเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อย
“เธอสองคนมาทำอะไรตรงนี้” ผู้ชายผมสีชมพูบานเย็นถามเสียงแข็งทำให้ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมๆ กับฟางที่ค่อยๆ หันกลับไปมองทางด้านหลัง
“นายต่างหากที่เข้าไปทำอะไรในนั้น…แล้วคู่รักของนายไม่ออกมาด้วยเหรอ ไม่สิ!ชู้รัก ต่างหาก” ฉันพูดอย่างไม่เกรงกลัวพลางทำสายตาสอดส่องหาผู้หญิงอีกคน ผู้หญิงที่ฉันเกลียดขี้หน้า ผู้หญิงที่โทโมะรักจนโงหัวไม่ขึ้น
พิม! เธอเลวกว่าที่ฉันคิดอีกนะ กล้าหักหลังผู้ชายดีๆ อย่างโทโมะได้ยังไง เธอยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่า!?
ใช่แล้วล่ะ ทุกคนอ่านไม่ผิดหรอก ผู้หญิงที่ฉันเห็นเมื่อกี้คือยัยพม่า แล้วผู้ชายก็คือคนเดียวกับที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้
ฌอน!
รู้มั้ยว่าตอนนี้สมองของฉันกำลังจะระเบิดเพราะมันต้องทำงานอย่างนักในการประติด ประต่อเรื่องราวว่ามันไปยังไงมายังไง สองคนนี้ถึงได้มาอยู่ด้วยกันได้แล้วก็จูบกันแบบนั้น! ทั้งๆ ที่ยัยพม่าก็รู้อยู่แก่ใจว่าโทโมะกับฌอนไม่ถูกกัน แต่ยัยนั่นก็ยังกล้าทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยแบบนี้อีก!
“ฉันจะเข้าไปทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอที่ต้องมาแอบดู” ฌอนบอกเสียงนิ่งพลางส่งสายตาเกรี้ยวกราดมาให้ฉัน นี่เขาคงไม่รู้สินะว่าฉันตั้งใจจะถ่ายคลิปเอาไว้ด้วย แต่ก็ดันโชคร้ายซะก่อน TOT
“เรื่องของนายอย่างนั้นเหรอ? เหอะ! จริงสินะ เรื่องเลวทรามแบบนี้คงมีแต่นายเท่านั้นที่ทำได้ คงไม่เป็นเรื่องของคนอื่นไปได้หรอก ^_^” ฉันบอกยิ้มๆ โดยไม่เกรงกลัวสายตาและท่าทางของผู้ชายตรงหน้าแม้แต่น้อย
“ใช่! เรื่องเลวๆ แบบนี้มันก็ต้องมาจากคนเลวๆ อย่างฉันเท่านั้นแหละ แล้วยังไงเหรอ? ฉันเลวแล้วมันหนักตรงส่วนไหนของเธอไม่ทราบ”
“มันก็ไม่หนักฉันหรอก ว่าแต่…เรื่องรูปโทโมะที่ติดไปทั่วมอ เป็นฝีมือของนายใช่มั้ย”
“หึ!” ฌอนไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยกยิ้มมุมปากขึ้นตามแบบฉบับตัวร้าย แต่แค่นี้มันก็เป็นคำตอบแล้วล่ะ
แสดงว่าสิ่งที่ฉันคิดเอาไว้ก็ไม่ผิด ยัยพม่าจงใจหาเรื่องทะเลาะกับโทโมะต่อหน้าคนอื่นจริงๆ ด้วย แล้วยัยนั่นก็ต้องให้ฌอนแอบถ่ายรูปตอนที่โทโมะร้องไห้เอาไว้แน่ๆ หึ! ร้ายกาจชะมัดเลย กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงนะ
ถ้าโทโมะรู้เรื่องนี้เขาจะทำยังไงล่ะเนี่ย เขาต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ ถ้ารู้ว่าผู้หญิงที่เขารักมากมาหักหลังโดยการแอบปันใจให้ชายอื่น แถมคนคนนั้นยังเป็นคนเดียวกับศัตรูตัวร้ายของเขาอีก ถ้าเป็นฉัน…
แค่คิดก็เจ็บเจียนตายแล้วล่ะ!
“เป็นชู้กับแฟนคนอื่นนายคงมีความสุขมากสินะ…ฉันว่าโทโมะเองก็คงจะมีความสุขเหมือนกันที่เลิกโดนสวมเขาได้”
“อย่าสะเออะเอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้โมะ เข้าใจมั้ย!?” ฉันจำเป็นต้องทำตามที่เขาบอกหรือเปล่านะ หึหึ
“ทำไม? รับไม่ได้หรือไงถ้าคนอื่นเขาจะรู้พฤติกรรมชั่วๆ ของตัวเองน่ะ…ไปกันเถอะฟาง” ฉันจูงมือฟางแล้วเตรียมจะเดินหนีออกมาจากตรงนั้น แต่แล้วมือหนาของฌอนก็เอื้อมมือบีบต้นแขนฉันเอาไว้อย่างแรงจนฉันทำหน้าเหยเก ด้วยความเจ็บจี๊ดที่แปล๊บไปทั้งแขน
“ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปล่ะก็ เธอเจ็บตัวแน่!” คนตัวสูงเอ่ยเสียงลอดไรฟันอย่างเดือดดาล ใบหน้าหวานๆ ของเขาบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ แต่ฉันว่าหมอนี่ก็ยังหน้าตาดีอยู่นะ ให้ตายสิ เสียดายความหล่อชะมัดเลย ไม่น่าเลว -0-
“คิดว่าฉันกลัวนายหรือไง -_-^” เดี๋ยวแม่ก็ตบให้ผมเปลี่ยนสีซะเลยนี่ ชิ!
“อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่น” น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่เต็มไปด้วยรังสีอำมหิตมันผ่านเข้าหูซ้ายของฉันแล้วก็ ทะลุออกหูขวาไปตามลำดับ คนอย่างฉันฟังใครง่ายๆ ซะที่ไหนล่ะ!
เรื่องแบบนี้มันต้องแฉ!!! ^O^
“เรื่อง นี้มันเกี่ยวกับโทโมะ แล้วหมอนั่นก็ไม่ใช่คนอื่นสำหรับฉัน” นี่ฉันพูดจริงๆ นะ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกกับเขายังไง รู้แต่ว่าฉันทนเห็นเขาโดนสวมเขาต่อไปไม่ได้ ฉันไม่อยากเห็นเขาโดนทำลายความเชื่อใจและไว้ใจอย่างไม่มีชิ้นดีโดยที่เจ้า ตัวไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ เธอคงอยากให้มันเสียใจสินะ บอกมันไปเลยก็ได้ หึ!” ฉันเบิกตาขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ฌอนจะปล่อยมือออกจากแขนของฉันแล้วเดินจากไป
“ไม่เป็นไรนะแก” ฟางถามพร้อมกับจับกระชับที่มือของฉัน
“ฉันควรจะบอกโทโมะใช่มั้ยฟาง” คนถูกถามทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ พยักหน้าลงช้าๆ
“ถ้าเป็นฉัน ฉันจะบอกเขา ถึงมันจะทำให้เขาเสียใจแต่ก็แค่ตอนนี้ ไม่ใช่ตลอดไป”
“แต่ถ้าเขาไม่รู้เลยมันอาจจะ…”
“เมื่อกี้ แกพูดเองไม่ใช่เหรอว่าโทโมะไม่ใช่คนอื่นสำหรับแก นั่นก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้แล้วว่าแกให้ความสำคัญกับเขา แล้วแกก็ไม่ควรปล่อยให้คนสำคัญโดนหลอกต่อไป ฉันพูดถูกมั้ย?”ฟางพูดแทรกฉันขึ้นมา และมันก็ทำให้ฉันฉุกคิดขึ้นมาได้ อีกอย่างฉันก็บอกแล้วว่าจะทำให้โทโมะรู้เองว่าอะไรมันเป็นอะไรกันแน่
มันถึงเวลานั้นแล้วสินะ!
“อื้ม เข้าใจแล้ว…”
ตอนเย็นวันเดียวกัน…
ขณะ นี้เป็นเวลาประมาณหกโมงกว่าๆ ได้ หลังจากที่ฉันเรียนเสร็จประมาณสามโมงเย็น ฉันก็รีบกลับมาที่บ้านก่อนเพื่อรอพี่ขนมเข่งและที่วันนี้ฉันไม่รอกลับพร้อมเขาก็เพราะเขาเลิกเย็นนั่นเอง
“จริงรึ!?” พี่ชายตัวดีทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อพร้อมกับถามเสียงหลง แต่ดันเข้าทำนองเพลงพ่อแง่ แม่งอน เสียอย่างนั้นแหละ
“จริงซิ”
“แน่นะ o.O?”
“อ๋อ แน่สิ…เฮ้ย! จะบ้าเหรอพี่เข่ง นี่ซีเรียสอยู่นะ -0-” ฉันก็ดันบ้าจี้ร้องเพลงคล้อยตามพี่ขนมเข่งเฉยเลย เฮ้อ!
“อะๆ สรุปว่าที่แกเล่ามาทั้งหมดมันคือเรื่องจริงใช่มั้ย” เขาถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเรื่องของยัยพม่ากับนายชอนไชที่ฉันเล่า ให้ฟังนั้นเป็นเรื่องจริงผ่านช่องระบายอากาศที่ฉันไปแอบดูมาจริงๆ
“ก็จริงน่ะสิ โทรศัพท์ฉันกับฟางไม่น่ามาแบตหมดตอนช่วงเวลาสำคัญแบบนั้นเลย ฮึ่ย!” ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งเจ็บใจ บุญมีแต่กรรมบังชัดๆ แล้วอย่างนี้ฉันจะเอาหลักฐานที่ไหนไปประกอบคำชี้แจงแถลงไขให้โทโมะยอม เชื่อล่ะว่าแฟนตัวเองสวมเขาให้ เฮ้อ! หมอนั่นยิ่งเชื่ออะไรยากๆ อยู่ด้วยสิน่า
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะ กับไอ้ชั่วฌอนน่ะเหรอ”
“หญิงก็ร้าย ชายก็เลว เข้ากันดียิ่งกว่าผีเน่ากับโรงผุ!” ภาพเหตุการณ์ในห้องเก็บอุปกรณ์เมื่อเช้าฉายชัดอยู่ในหัวจนฉันถึงกับเบะปาก ตอนนี้อยากจะเรียกหาโดราเอม่อนแล้วขอของวิเศษอะไรก็ได้ที่สามารถดึงภาพในหัว สมองของฉันออกมาเป็นคลิปวิดีโอได้น่ะ -0-
“แล้วป่านนี้ไม่รู้ว่าคนเขาล้อโทโมะเรื่องรูปนั่นไปทั่วมอหรือยัง เพราะสองคนนั้นแท้ๆ เชียว!” ถึงแม้เขื่อนจะมาเห็นรูปแล้วรีบตามเก็บตั้งแต่ตอนเช้าก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ต้องมีคนเห็นบ้างแล้ว และบางคนอาจจะเก็บรูปไปให้เพื่อนดู หรือไม่ก็ถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อแชร์ต่อๆ กัน คนสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน แล้วยิ่งรูปนั่นไม่ใช่รูปคนหน้าตาบ้านๆ ปกติทั่วไปเสียด้วย แต่มันเป็นรูปของอดีตเดือนมหาวิทยาลัย โทโมะสุดหล่อขวัญใจสาวๆ เชียวนะ!
“เป็นห่วงไอ้โมะเหรอ”
“ก็ใช่ เอ๊ย! ไม่ใช่สักหน่อย -0-”
“ฉันเก็บรูปนั้นมาด้วยแหละ…นี่ไง =.,=” พี่ขนมเข่งบอกก่อนจะเอื้อมไปค้นในกระเป๋าของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหน้าแล้วยื่นมาให้ฉัน
“พี่เข่ง! -*-” โทโมะคงเสียใจน่าดูที่พี่ขนมเข่งสุดที่รักเก็บรูปที่ตัวเองโดนประจานกลับมาดูที่บ้าน ให้ตายสิ! ฉันก็มัวแต่บ่นคนโน้นคนนี้แต่ที่ไหนได้ ไอ้ตัวการร้ายอยู่ใกล้ตัวแค่นี้เอง -_-^
“แหม ความจริงแล้วฉันเอาไปตระเวนตามร้านอัดรูปแถวๆ มอต่างหากล่ะ ว่าเป็นฝีมือของร้านไหน”
“คิดว่าเขาจะจำได้หรือไง วันนึงเขาอัดรูปตั้งไม่รู้เท่าไหร่ -3-”
“ก็ไม่คิดหรอก แต่ว่าร้านแม่งจำได้ว่ะ! ฉันตามจนเจอร้านต้นเหตุจนได้ แล้วเขาก็บอกว่าคนเอารูปมาเป็นผู้ชายผมสีชมพู มันก็คงไม่มีใครนอกจากไอ้ฌอนหรอก ก็ตามที่แกเล่ามาเมื่อกี้นั่นแหละว่าไอ้บ้านั่นเป็นคนก่อเรื่อง” พี่ขนมเข่งทำสีหน้าจริงจัง ฉันล่ะทึ่งกับความพยายามของเขาเลยแฮะ
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ พี่เข่งก็ยังเก็บรูปนี่มาดูเล่นอยู่ดี”
“ใครว่าดูเล่น จะเอาไปใส่กรอบ เอ๊ย! จะบ้าเหรอ ฉันเก็บมาให้แกนั่นแหละเผื่อแกไม่เห็นไง แต่ที่ไหนได้…น้องฉันนี่แหละตัวเห็นเลย -_-^”
“ชิ!”
“แล้วนี่แกบอกไอ้โมะไปหรือยัง”
“ยังเลย เห็นเขื่อนบอกว่าวันนี้โทโมะไม่ได้ไปเรียนเพราะปวดหัว ตอนแรกฉันก็ตั้งใจจะโทรไปบอก แต่กลัวเขาปวดหัวมากกว่าเดิมน่ะสิ TT_TT”
“บอกไอ้โมะน่ะบอกได้นะ แต่มันจะเชื่อหรือเปล่าอันนี้ก็อีกเรื่องนึง หลักฐานก็ไม่มี เฮ้อ!”
“ก็นี่แหละที่ฉันเครียดอยู่ตอนนี้ Y_Y” ฉันเดาออกเลยนะว่าถ้าฉันไปเล่าเรื่องนี้ให้โทโมะฟัง หมอนั่นจะต้องมองฉันแย่กว่าเดิมแน่ๆ บางทีอาจจะเกลียดฉันไปเลยก็ได้ ทำยังไงดีนะๆ
อ๊ะ! *O*
ราวกับหลอดไฟดวงน้อยๆ ติดพรึบส่องสว่างไปทั่วหัวสมองที่มืดทึบของฉัน เพราะทันทีที่ฉันหันไปสบตากับพี่ขนมเข่ง ความคิดเก๋ๆ ก็ผุดขึ้นมาเหมือนโชคชะตาได้เข้าข้างฉันแล้ว
“ทำไมมองฉันแบบนั้น -_-^”
“ฉันคิดออกแล้วล่ะ ก็ให้พี่เข่งเป็นคนไปบอกโทโมะว่าพี่เห็นมากับตา ไอเดียฉันเจิดใช่มั้ยล่ะ! >_<” ถ้าเป็นพี่ขนมเข่งล่ะก็นะ โทโมะจะต้องเชื่อแน่ๆ เพราะพี่ชายตัวแสบของฉันเครดิตดีกว่าฉันร้อยเท่าพันเท่า พูดแล้วก็แอบอิจฉาแต่ก็ช่างเถอะ จะใครบอกก็ไม่สำคัญหรอกถ้ามันทำให้โทโมะเลิกโง่งมงายได้ฉันก็เป็นปลื้ม แล้วล่ะ
“แกไม่เป็นห่วงฉัน ไม่กลัวว่าฉันจะโดนมันถีบออกมาเหรอ =[]=” พี่ขนมเข่งทำหน้าบอกบุญไม่รับแล้วส่ายหน้ารัวเพื่อปฏิเสธ
“ถ้าพี่เข่งไม่พูดแล้วใครจะพูดล่ะ พี่นั่นแหละน่าเชื่อถือที่สุดแล้ว”
“ถึงเป็นฉันก็ต้องมีหลักฐานอยู่ดีนั่นแหละ…ถ้า ฉันเป็นไอ้โทโมะฉันก็ไม่เชื่อหรอกต่อให้คนที่ตัวเองไว้ใจมากก็เถอะ แกไม่เคยได้ยินหรือไงว่าคนที่ไว้ใจร้ายที่สุด” ถ้าแม้แต่พี่ขนมเข่งพูดแล้วโทโมะยังไม่เชื่อ น้ำหน้าอย่างฉันก็ไม่รู้จะไปบอกหมอนั่นยังไงแล้วล่ะ และถ้าพี่ชายฉันโดนถีบออกมา แก้วใจคนนี้คงโดนเอาน้ำสาดแล้วจับโยนออกมาเป็นแน่แท้ บรึ๋ย~
“แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ โอ๊ยๆๆ! แก้วใจอยากตาย >[]<” ฉันทึ้งหัวตัวเองด้วยความที่คิดอะไรไม่ออก
เข้า ใจอารมณ์ประมาณว่าสิ่งที่เราต้องการมันอยู่ตรงหน้าห่างอีกแค่เอื้อมเดียว เท่านั้นแต่เรากลับเอื้อมไม่ถึงมั้ย หรือไม่ก็มีเงินอยู่แค่หกบาทแต่ขึ้นรถเมล์ไม่ได้เพราะขาดอีกแค่ห้าสิบสตางค์ เท่านั้น!
ความรู้สึกแบบนี้มันสุดจะทนจริงๆ นะ ฉันล่ะเพลีย Y_Y
“เอางี้มะ เดี๋ยวฉันไปเลียบๆ เคียงๆ เป่าหูมันให้ก่อน ระหว่างนี้แกก็หาหลักฐานอื่นๆ ไป”
“หลักฐานอื่นๆ? คิดว่าสองคนนั้นจะปล่อยให้ฉันแอบถ่ายมาได้ง่ายๆ หรือไง” ตอนนี้ฌอนกับพิมไหวตัวทันแล้ว และต่อไปสองคนนั้นคงต้องระวังตัวมากขึ้นแน่ๆ อีกทั้งต้องเตรียมรับมือกับเรื่องที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปหลังจากที่โทโมะรู้เรื่องนี้ และที่เลวร้ายที่สุดสองคนนั้นอาจจ้องจะเล่นงานฉันอยู่ก็เป็นได้!
“แอบถ่ายไม่ได้…ก็ลากคอไอ้โมะให้มันไปเห็นกับตาตัวเองสิ…” พี่ขนมเข่งบอกแล้วขยิบตาให้ฉันหนึ่งที ฉันจึงทำตาลุกวาวเป็นประกาย
ป้าบ!
“พี่ชาย! ฉลาดมาก!!! *O*” ฉันตบบ่าพี่ขนมเข่งไปเต็มรัก ปรึกษาผู้ชายคนนี้ทีไรได้เรื่องทุกที อยากจะกรีดร้องให้ลั่นโลก ฉันโชคดีจริงๆ ที่มีพี่ชายฉลาดเฉลียวไฉไลสุดๆ แล้วก็ราวกับสมองของฉันถูกเปิดประตูออกด้วยฝีมือของพี่ชายสุดที่รัก เพราะความคิดต่างๆ เริ่มพรั่งพรูออกมา
สวรรค์ช่างสรรค์สร้างให้เราสอองคนเกิดมาเป็นพี่น้องกันเสียจริงๆ ^O^ หลายวันต่อมา…
เชื่อมั้ยว่าเกือบๆ หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบจะไม่เจอโทโมะเลย ไม่ใช่ว่าเขาไม่มาเรียนหรืออะไรนะ แต่เป็นฉันเองที่ทิ้งเรื่องจีบเขาเอาไว้สักพักเพื่อมาทำเรื่องที่เข้าท่า กว่าด้วยการตามติดชีวิตยัยพม่า ผู้หญิงโฉดแห่งปี และด้วยเหตุที่ฉันตามติดยัยพม่านั้น ฉันจึงลืมไปชั่วขณะว่ารู้จักริกกี้เวย์ และทุกคนคงคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องของโทโมะสินะแต่เปล่าเลย ฉันรู้ความเคลื่อนไหวของเขาแทบทุกอย่างจากความช่วยเหลือของพี่ขนมเข่งคนเก่ง ของฉัน ^O^ แล้วฉันก็โทรไปกวนเขาบ้างเป็นพักๆ โดยอ้างว่าเขาเป็นเบ๊ต้องรับฟังฉันทุกอย่าง
ใช่! มันคือข้ออ้างเท่านั้นแหละ ที่จริงแล้วฉันอยากจะคุยกับเขาต่างหากล่ะแล้วก็ต้องคอยห้ามตัวเองไม่ให้เผลอหลุดเรื่องของยัยพม่าออกไปด้วย
ที่จริงแล้วพี่ขนมเข่งไปบอกโทโมะเรื่องยัยพม่าแล้วล่ะ แต่พูดในทำนองว่าแอบได้ยินว่าคุยโทรศัพท์เหมือนคุยกับแฟนเลย แต่โทโมะบอกว่าหลักจากทะเลาะกันวันนั้นก็ไม่ได้คุยโทรศัพท์กับพิมพ์อีก เพราะโทรไปเท่าไหร่ยัยนั่นก็ไม่รับ อีกทั้งยังแขวะฉันอีกว่าขยันโทรมาจังเลย TTvTT และด้วยเหตุนี้มันจึงเข้าทางฉันพอดีที่อย่างน้อยโทโมะก็เริ่มคลางแคลงใจขึ้นมา พี่ชายผู้น่ารักของฉันบอกด้วยว่าหมอนั่นถึงกับพูดว่าที่พิมชวนทะเลาะแล้ว ขอห่างอาจเป็นเพราะกำลังมีใจให้คนอื่นอยู่
เอาล่ะ! ฉันพร่ำมาตั้งนาน อยากรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ฉันเจออะไรเด็ดๆ เข้าให้ >_<
“ตามรถคันหน้าไปเลยค่ะ!” ฉันบอกลุงคนขับแท็กซี่หลังจากที่ขึ้นมานั่งอยู่บนรถแล้วเรียบร้อย ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวออกมาแล้ววิ่งไปเรื่อยตามถนนเพื่อติดตามรถยนต์คันหนึ่ง ที่ฉันคุ้นตา ไม่แปลกหรอก เพราะมันเป็นคันเดียวกับที่ฉันเคยเห็นยัยพม่าขึ้นไปนั่งยังไงล่ะ แล้วตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่ามันเป็นรถของฌอน!
หลายวันที่ผ่านมาสองคนนี้แทบไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย เท่าที่แอบแปลงกายเป็นเห็บล่องหน(แล้วทำไมฉันต้องเปรียบตัวเองเป็นเห็บด้วย ล่ะเนี่ย -_-^)เกาะติดยัยพม่าทุกวันๆ นั้น ยัยนั่นดูจะมีชีวิตปกติทุกอย่าง ฉันเกือบโดนจับได้เพราะมีครั้งหนึ่งที่บังเอิญเดินไปชนไอ้หัวสีบานเย็นเข้า แต่ฉันก็แถไปว่ารีบไปส่งงานอาจารย์ อีกทั้งบอกไปด้วยว่าฉันติดสินใจไม่บอกโทโมะเรื่องที่ฉันเห็นมา ที่สำคัญคือฉันเลิกยุ่งกับเขาเป็นการถาวรแล้วด้วย(โกหกทั้งเพ) ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันไม่ได้ไปเจอโทโมะนั่นแหละ ทุกอย่างมันเลยลงล็อค!
“ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ตามมาเกือบอาทิตย์ หึหึ” ฉันพูดกับตัวเองแล้วหัวเราะอย่างสะใจ
“ว่าไงนะหนู” ลุงคนขับส่งสีหน้าสงสัยผ่านทางกระจกมองหลังมายังฉัน ทำให้ฉันรีบส่ายหน้ารัวทันที
“เปล่า ค่ะๆ แหะๆ” ฉันหลบสายตาก่อนจะเบนกลับไปยังรถที่ฉันกำลังติดตามอยู่ แน่นอนว่าในรถคันนั้นมียัยพม่ากับฌอนอยู่ด้วยกัน ไม่รู้ว่าเป็นจังหวะเหมาะเจาะพอดีหรือเพราะแผนการของฉันกับยัยฟางนะ วันนี้ฉันไม่ได้อยู่กับฟางเลย เพราะฉันให้ยัยนั่นแกล้งทำเหมือนคุยโทรศัพท์กับฉันเสียงดังแล้วเดินผ่านก ลุ่มยัยพม่าไปโดยทำเป็นโวยวายว่าฉันทิ้งให้เจ้าตัวมาเรียนคนเดียว ถ้าเพราะเหตุนี้มันก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันเพราะดูเหมือนหญิงร้ายชายชั่ว คู่นี้จะไม่ค่อยเชื่อฉันสักเท่าไหร่ว่าฉันไม่ได้สนใจแล้วเลยอาจจะรอสบโอกาส ตอนฉันไม่อยู่ -0-
ตื้ดดด~ ตื้ดดด~ ตื้ดดด~
“ว่าไงแก” ฉันรีบรับโทรศัพท์ทันทีที่เห็นว่าเป็นฟางโทรเข้ามา
(เป็นยังไงบ้าง ตามทันมั้ย) น้ำเสียงเป็นห่วงของฟางดังมาตามสายทำให้ฉันอดยิ้มไม่ได้
“ทันสิ ขอบใจแกมากเลยที่ร่วมมือกับฉันจนมีโอกาสดีๆ แบบนี้ได้ >_<”
(ไม่เป็นไรหรอก ยังไงแกก็ระวังตัวดีๆ นะ แล้วโทรบอกโทโมะหรือยัง)
“ยังเลย ตั้งใจว่าถึงที่แล้วค่อยโทร”
(แล้วแต่แกล่ะกัน ดูแลตัวเองดีๆ นะ มีอะไรโทรหาฉันได้ตลอดเวลานะแก้ว)
“โอเคเลยเพื่อนรัก >_<”
“ฮะๆๆ” หลังจากที่ฉันวางสายจากฟางไปแล้วเสียงหัวเราะของลุงคนขับรถก็ดังขึ้นมาเบาๆ จนฉันต้องขมวดคิ้ว “ตามจับกิ๊กให้เพื่อนเหรอหนู”
“คะ? เอ่อ ก็ทำนองนั้นแหละค่ะ” ฉันยิ้มเจื่อนๆ ผ่านทางกระจกมองหลังให้ลุงคนขับก่อนที่บรรยากาศภายในรถจะเริ่มดราม่าเพราะอีตาลุงนี่แหละ
“เนี่ยนะหนู พูดถึงเรื่องกิ๊กๆ ชู้ๆ แล้วลุงก็ไม่เข้าใจสังคมสมัยนี้เลยจริงๆ ทำไมคนเรามันถึงได้ชอบมีบ้านเล็กบ้านน้อยกันนัก ลุงเองเนี่ยนะมีเมียกับเขาคนนึง ก็ไม่เคยคิดจะนอกใจเลย แต่เมียลุงกับคนข้างบ้านดันแอบเป็นชู้กัน…”
ฉันถึงกับนั่งกุมขมับเมื่ออีตาลุงเล่าเรื่องของตัวเองไม่ยอมจบสักที ถึงจบแล้วก็วนไปวนมา ไอ้ฉันจะบอกให้หยุดเล่าก็ไม่กล้า ถ้าเกิดไปพูดอะไรไม่เข้าหูแกเข้าฉันจะโดนพาไปฆ่าหมกป่าหรือเปล่าก็ไม่รู้ เลยต้องจำใจทนฟังไป เห็นฉันเป็นพี่อ้อยพี่ฉอดหรือไงนะ ให้ตายสิ!
“ลุงๆ จอดข้างหน้านี่เลยค่ะ!” ฉันรีบบอกเสียงดังลั่นรถทันทีเมื่อเห็นว่ารถของฌอนเลี้ยวเข้าไปในหอพักแห่ง หนึ่งแต่อีตาลุงนี่มัวแต่ดราม่าจนเกือบจะวิ่งเลยทางเข้าไปเฉียดไปนิดเดียวเอง ฟู่ว!
“นี่ ค่ะเงิน” ฉันยืนเงินให้ลุงคนขับหลังจากที่รถแท็กซี่จอดลงตรงหน้าทางเข้าพอดี ส่วนรถของฌอนวิ่งเข้าไปยังลานจอดรถของหอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ลุงไม่เอาหรอกหนู แค่หนูรับฟังเรื่องของลุงก็เป็นบุญคุณมากพอแล้ว ฮึก!” ลุงคนขับหันมาสบตากับฉันพร้อมกับดันมือฉันกลับ แล้วน้ำใสๆ ก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาสั่นไหวของแก เอ่อ…ฉันเริ่มสงสารขึ้นมาแล้วสิ แต่ตอนนี้ฉันต้องจัดการธุระของตัวเองก่อนนะ -_-^
“แน่ใจนะคะว่าไม่เอา -.,-”
“แน่สิหนู”
“โอเคค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง bye!” ฉันพูดอำลาจบก็ลงมาจากรถด้วยความระมัดระวังเพราะกลัวสองคนนั้นจะเห็นเข้า เนื่องจากมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ทั้งคู่ลงมาจากรถพอดี โชคดีของฉันที่สองคนนั้นมัวแต่สนใจกันเองแล้วพากันเดินเข้าในตัวอาคารไป ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของโทโมะ ก่อนจะโทรออกทันที รอสายอยู่เพียงไม่นานนักเขาก็รับสายจนได้
(มีอะไร) เสียงทุ้มแข็งกระด้างดังมาตามสาย แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาสนใจโทนเสียงของเขาหรอก
“ฉันเห็น…เอ่อ…” ถ้าบอกว่าเห็นพิมมากับฌอนเขาจะเชื่อมั้ยนะ เขาอาจจะรีบมาทันที หรือไม่ก็วางสายจากฉันทันทีก็ได้ ไม่กล้าเสี่ยงแฮะ T^T
(เห็นอะไร ถ้าเห็นผีล่ะก็โทรผิดแล้ว ฉันไม่ใช่หมอผี) โถ พ่อคุณ เขางอกยาวแล้วยังไม่รู้ตัวอีก ยังจะมาพูดตลกกับฉัน ชิ!
“เปล่าเห็น! ฉะ…ฉันหิว! >_<”
(ว่าไงนะ!?)
“ก็บออกว่าหิวไงเล่า! แท็กซี่พาฉันมาผิดทางแล้วก็ปล่อยฉันลงกลางทางเฉยเลย นายเลิกเรียนแล้วใช่มั้ย มารับฉันแล้วพาไปกินข้าวหน่อยสิ” ขอโทษนะคะลุง ถ้าหนูไม่ใส่ร้ายลุง ชีวิตหนูได้ดราม่าเป็นเพื่อนลุงแน่ๆ T^T
(เรื่องอะไรฉันต้องไปรับเธอด้วยยัยโรคจิต ไปยังไงก็กลับอย่างนั้นแหละ)
“เบ๊!-^-”
(เออ! อยู่ไหนอะ เดี๋ยวไปรับ) น้ำเสียงหมดอารมณ์ของโทโมะทำให้ฉันยิ้มแผละออกมาทันที เขาคงรู้ตัวสินะว่าถ้าไม่รีบยอมฉันตอนนี้ ยังไงก็ต้องยอมหลังจากที่ฉันโทรไปฟ้องพี่ชายสุดที่เลิฟ ฮิฮิ >_<
“หอพักชื่นใจสบายอุรา ที่มันอยู่ไม่ไกลจากมอเราน่ะ นายรู้จักหรือเปล่า” ฉันหันหลังกลับไปอ่านป้ายชื่อหอพักอย่างชัดถ้อยชัดคำ
(…รู้) ปลายสายเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนจะตอบออกมาสั้นๆ ไม่สมกับที่คิดอยู่นานสองนานเลย
“นั่นแหละๆ รีบๆ มานะ”
(เธอไปทำอะไรที่นั่น) น้ำเสียงจับผิดที่ดังมาตามสายทำให้ฉันตกใจเล็กน้อย
“เอ่อ ก็…บอกว่าแท็กซี่พามาผิดทาง แล้วก็ให้ฉันลงกลางทางไงล่ะ -0-” ฉันพยายามทำน้ำเสียงของตัวเองให้เป็นปกติที่สุด เพราะใจของฉันกำลังเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นเนื่องจากกลัวว่าเขาจะจับได้
(อืม เดี๋ยวฉันไปรับ…ติ๊ด!) โทโมะวางสายไปแล้วฉันจึงผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วก็เริ่มกลับมาหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้ง ที่เหลือหลังจากนี้ก็รอเขามาถึงแล้วบอกความจริงกับเขาก็เท่านั้นล่ะนะ
ขอให้โชคเข้าข้างฉัน…
ขอให้เรื่องดีๆ เกิดขึ้นด้วยเถอะ…
ได้โปรดล่ะ U_U
__________________________________________________________
ความจริงกำลังจะเปิดเผยแล้ว เม้นโหวตกันเยอะๆน๊า ไม่เป็นนักอ่านเงากันนะจุ้บๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ