Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
16) บุญหรือกรรมนำพา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความCHAPTER 15 บุญหรือกรรมนำพา
ฉันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก ไม่รู้จะตอบคำถามของโทโมะอย่างไรดี ที่ผ่านมาฉันคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องทำให้เขามาเป็นแฟนของฉันให้ได้ไม่ว่า จะต้องทำอะไรก็ตาม ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องรู้สึกอย่างอื่นกับเขาหรือเห็นเขาเป็นอย่างอื่นนอก จากเครื่องรางกันซวยเท่านั้น -_-^
“ทำไมฉันต้องชอบนายด้วย”
“แล้วทำไมฉันต้องชอบเธอด้วยล่ะ”
“ก็…”
“หยุดทำสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่เถอะ อย่าทำให้คนอื่นเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้เลยนะแก้วใจ” พูดจบเขาก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเข้าไปนั่งประจำที่คนขับเพียงไม่นานรถของเขาก็เคลื่อนตัวออกไปช้าๆ ในขณะที่ฉันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมแล้วมองตามรถของโทโมะไปจนลับตา
“ฉันทำบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย” ฉันพูดออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินเข้าบ้านมาด้วยความว่างเปล่าในสมอง สายตาของฉันก็เหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย
“เฮ้ยๆๆ! เกิดอะไรขึ้นวะไอ้แก้ว” พี่ขนมเข่งปรี่เข้ามาล็อกตัวฉันเอาไว้ก่อนจะพาเดินมานั่งบนโซฟาที่เดิมที่นั่งอยู่ก่อนจะลุกออกไปส่งโทโมะ
“พี่เข่ง ฉันว่าฉันจะเลิก…”
“เลิกอะไรวะ งง -_-^”
“เลิกยุ่งกับโทโมะ ฉันสร้างปัญหาให้เขามามากพอแล้วล่ะ คิดไปคิดมาแล้วช่วงนี้ฉันเองก็ไม่ค่อยซวยอะไรเท่าไหร่” ฉันคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่จะเลิกยุ่งกับโทโมะน่ะ ซวยยี่สิบปีมันคงไม่ร้ายแรงอะไรขนาดนั้นหรอกมั้ง คิดซะว่ามันเป็นเวรกรรมของฉันที่ต้องชดใช้ ฉันไม่อยากไปดึงใครเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วล่ะ
“แกพูดจริงเหรอ!?O_O” พี่ขนมเข่งถามเสียงหลง
“จริง”
“จะดีเหรอ”
“ดีสิ พี่ก็เห็นแล้วว่าโทโมะกับยัยพม่านั่นต้องทะเลาะกัน แล้วเขาก็ร้องไห้ ต้นเหตุที่แท้จริงมันก็มาจากฉันไม่ใช่หรือไง”
“ทำไม่แกไม่คิดอีกแง่ล่ะ” ผู้เป็นพี่ชายเสนอความเห็นที่ทำให้ฉันต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“แง่ไหน?”
“ก็แง่ที่ว่าแกช่วยไอ้โมะไงล่ะ แต่ก่อนแกก็คิดอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ”
“อย่าบอกนะว่าพี่เห็นด้วยอย่างจริงจังที่ฉันไปเป็นมือที่สามของคนอื่นเขาน่ะ” ฉันหรี่ตามองพี่ชายตัวเองอย่างไม่เข้าใจ จำได้เลยว่าตอนแรกเขาก็มีท่าทีไม่เห็นด้วยกับฉันที่ทำแบบนี้ แต่ไปๆ มาๆ ทำไมเขากลับดูเหมือนสนับสนุนฉันทำผิดอย่างนี้ล่ะ
“ฉันเองก็เป็นห่วงไอ้โมะเหมือนกันนี่หว่า เริ่มระแวงพิมแล้วเหมือนกันนั่นแหละ TOT”
“น้องนอกไส้นี่เป็นห่วงจริงๆ นะแต่น้องในไส้นี่ไม่เห็นจะสนใจเลย -0-” โทโมะน่ะชมจังเลย ชมแล้วชมอีก คนดีย่างนั้นคนดีอย่างนี้ พูดแล้วมันก็น่าน้อยใจนะ เกิดเป็นแก้วใจนอกจากจะดวงซวยยี่สิบปีแล้ว ยังโดนคนอื่นมาแย่งความรักของพี่ชายคนเดียวไปอีก โลกนี้มันอยู่ยากเกินไปแล้วสำหรับฉัน T^T
“ถ้าฉันไม่สนใจแกนะ ป่านนี้แกโดนฉุดไปข่มขืนตั้งนานแล้วล่ะไอ้แก้วเน่า”
“ชิ! เอา เถอะ ยังไงซะฉันว่าฉันจะจบเรื่องนี้สักที ทุกคนลำบากเพราะฉันมามากพอแล้ว ใครรักใครก็ปล่อยเขาไป ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว” ฉันลุกขึ้นเตรียมจะเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน แต่แล้วข้อมือน้อยๆ ก็ถูกพี่ชายตัวดีคว้าเอาไว้ซะก่อนพร้อมกับออกแรงดึงให้ฉันนั่งลงมาที่เดิม
“ใจเย็นๆ ดิเฮ้ย! ค่อยๆ คิดก็ได้ว่าจะทำยังไงต่อไป ทำไมจู่ๆ แกถึงได้มาถอดใจง่ายๆ แบบนี้ล่ะ น้องฉันที่เคยเข้มแข็งหายไปไหนแล้ววะ ทำไมทำตัวอ่อนแอแบบนี้”
“อ่อนแอ? ฉันอ่อนแออย่างนั้นเหรอ” ไม่จริง ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอ พี่ขนมเข่งใส่ร้ายฉัน TTvTT
“เออดิ -0-”
“ฉันไม่ได้อ่อนแอ T^T”
“ถ้าอย่างนั้นแกจะมาล้มเลิกได้ยังไงวะ เดินมาจะเกินครึ่งทางแล้วนะ ทำชั่วมาตั้งนานจนเขาทะเลาะกันแล้วจะมาเลิกง่ายๆ อย่างนี้น่ะเหรอ“ เขาไม่ได้ด่าฉันอยู่ใช่มั้ยพี่ชายคนนี้น่ะ -_-^
“ฉัน…ฮือๆๆๆๆ ฉันเหนื่อยจังเลยพี่เข่ง” ความท้อและความเหนื่อยใจที่สะสมอยู่ภายในของฉันเป็นแรงผลักดันอย่างดีให้ น้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ฉันโผเข้ากอดพี่ชายตัวเองอย่างคนต้องการกำลังใจ
“แกต้องเข้มแข็งนะแก้วน้อย…” พี่ขนมเข่งบอกเสียงอ่อนก่อนจะกอดฉันตอบพลางมือหนึ่งก็ลูบหัวฉันไปด้วย
ความจริงแล้วฉันอ่อนแออย่างที่พี่ชายตัวเองบอกนั่นแหละ เปลือกนอกที่แข็งแกร่งของฉันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปิดบังความอ่อนแอที่อยู่ภายใน ฉันยอมรับเลยว่าเรื่องวันนี้มันทำให้เปลือกแข็งๆ ของฉันแตกร้าว ฉันไม่ได้ทำให้คนอื่นเขาร้าวฉานกันเท่านั้น แต่ฉันกลับรู้สึกว่าทำร้ายตัวเองไปด้วยยังไงก็ไม่รู้สิหรือเป็นเพราะว่า…
นอกจากความจำเป็นที่เธอบอกไม่ได้แล้ว เธอคิดจะชอบฉันบ้างหรือเปล่า…
คำถามของโทโมะดังขึ้นมาในความคิดของฉัน รวมทั้งสีหน้าของเขาตอนถามประโยคนั้นก็ฉายชัดขึ้นมา ฉันจำได้ขึ้นใจเลยล่ะ
“พี่เข่ง…ถ้าฉันไม่ชอบโทโมะ เขาก็จะไม่ยอมเป็นแฟนฉันอย่างนั้นเหรอ”
“ฮะ!? ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ”
“ก็หมอนั่นถามว่าฉันชอบเขาบ้างหรือเปล่าถึงอยากให้เขามาเป็นแฟน” ฉันเอียงหน้าถามพี่ขนมเข่ง ตอนนี้น้ำตาของฉันเริ่มจะไหลน้อยลงแล้ว นั่นก็เพราะความรู้สึกอบอุ่นจากพี่ชายนั่นแหละที่ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรร้ายแรงมา จะร้องไห้หนักแค่ไหน แต่อ้อมกอดของพี่ชายฉันก็เปรียบเหมือนยาวิเศษที่ทำให้ฉันหายได้ทุกครั้ง
“หมอนั่น? ไอ้โมะเหรอ”
“อื้อ”
“ฮ่าๆๆ แกรู้มั้ยทำไมมันถึงถามแบบนั้น>O<” ฉันส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบ พี่ขนมเข่งจึงพูดต่อ
“อาจเป็นเพราะ มันเริ่มชอบน้องสาวของฉันขึ้นมาแล้วล่ะสิ!”
O_O!
“จะ...จริงเหรอ” หัวใจของฉันกำลังเต้นระส่ำอย่างไม่เป็นจังหวะ โทโมะน่ะเหรอจะชอบฉัน
“ไม่รู้สิ ฉันก็เดาเอาจากเหตุการณ์วันนี้ แล้วถ้ามันถามแกแบบนั้นจริงๆ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง”
“แต่หมอนั่นบอกเองว่าให้ฉันหยุดทำเรื่องพวกนี้สักที”
“มันอาจจะกลัวรู้สึกกับแกมากไปกว่านี้ก็ได้”
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก
หัวใจของฉันเริ่มเต้นดังมากขึ้นทุกทีๆ จะว่าดีใจก็ไม่เชิง แต่มันก็เป็นความรู้สึกดีอย่างประหลาดที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อนเหมือนกัน ทำไมวันนี้ร่างกายฉันถึงได้มีอาการแปลกๆ แบบนี้นะ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าเนี่ย ว่างๆ คงต้องไปหาหมอสักหน่อยแล้ว Y_Y
“พอเถอะพี่เข่ง หมอนั่นจะไปรู้สึกอะไรนอกจากเกลียดฉันเข้าเซลล์กระดูก -0-”
“=_=^”
“เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ ฉันเหนื่อย อยากพักผ่อน” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่แล้วก็โดนพี่ชายตัวดีฉุดให้นั่งลงเหมือนเดิมอีกจนได้
“เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ สรุปแกจะเอายังไง จะล้มเลิกแผนเหรอ”
“ก็…คงงั้น”
“ลองดูอีกสักหน่อยดีกว่ามั้ย ถ้าไม่สำเร็จจริงๆ ค่อยมาว่ากันอีกที” มันคงไม่สำเร็จแน่ๆ ยัยพม่าต้องหาลูกไม้มาใช้จัดการโทโมะไม่ให้หลุดมือมาหาฉันง่ายๆ หรอก มารยาล้านเล่มเกวียนซะขนาดนั้น
การที่ฉันจะล้มเลิกไม่ใช่ว่าฉันยอมแพ้ยัยนั่นนะ ฉันแค่รู้สึกสับสนขึ้นมาเสียดื้อๆ น่ะ อยู่ดีๆ ก็คิดถึงเรื่องคุณธรรมขึ้นมา ฉันไม่ควรทำให้ใครเขาเลิกกันใช่มั้ย? แทนที่จะได้แก้เวรแก้กรรมของตัวเอง มันจะเป็นการสร้างเวรกรรมเพิ่มน่ะสิไม่ว่า ยัยแม่หมอนั่นอาจจะเป็นพวกต้มตุ๋นก็ได้ใครจะไปรู้ ถึงแม้จะไม่เรียกเก็บเงินจากฉันก็เถอะ แต่นานๆ ไปอาจจะโผล่มาหาเรื่องสูบเงินออกจากกระเป๋าฉันก็เป็นได้ -_-+
ช่วงโปรโมชั่นน่ะ เคยได้ยินกันหรือเปล่า?
“ไม่เอา ไม่ลองอะไรทั้งนั้น -_-^”
“แต่ฉันไม่อยากให้แกดวงตกยี่สิบปีนะไอ้แก้ว น้องใคร ใครก็รักนะ TOT”
“ไม่ต้องบอกแล้วว่าเธอรักฉัน~”
“เดี๋ยวตบทิ่ม นี่มันความเป็นความตายเลยนะเฮ้ย! สองคนนั้นเลิกกันมันไม่ถึงตายหรอก แต่ถ้าแกแก้ดวงตกไม่ได้มันจะเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตนะ T.T” สีหน้าและน้ำเสียงเป็นห่วงของพี่ชายคนเดียวทำให้ฉันเริ่มคิดไม่ตกขึ้นมาอีกครั้ง
“บางทียัยเจ๊แม่หมออาจจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎก็ได้ คิดไปคิดมาก็ดูไม่น่าไว้ใจอย่างที่ฉันคิดตอนแรกเลยนะ”
“จริงเหรอ แล้ว…เรื่องซวยๆ ที่แกเจอมาล่ะ”
“คิดซะว่าบังเอิญก็จบแล้ว ฉันก็ใช้ชีวิตแบบเดิมตามปกติ คนเรามันก็ต้องมีโมเม้นต์ที่แบบว่าเจอเรื่องซวยบ้างแหละ” ถึงแม้สำหรับสิ่งที่ฉันเจอแล้วมันจะไม่ค่อย บ้าง แต่มันค่อนข้าง มาก ก็เถอะนะ เฮ้อ!
“เออ ถ้างั้นก็ตามใจ เชิญใช้ชีวิตปกติของแกไปเลย…ว่าแต่ แล้วเรื่องที่ไอ้โมะเป็นเบ๊แกล่ะ ยกเลิกเลยมั้ย?”
จริงสิ! ฉันลืมเรื่องนี้อีกแล้ว U_U
“ก็…เก็บ ไว้ใช้งานก่อนก็แล้วกัน” ฉันตอบรับส่งๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นหนีพี่ขนมเข่งมาด้วยความรวดเร็ว และครั้งนี้พี่ชายตัวแสบก็จับฉันเอาไว้ไม่ทันทำให้ฉันรอดพ้นมาถึงห้องนอนของ ตัวเองได้อย่างปลอดภัย ฟู่!
เบ๊อย่างนั้นเหรอ?...ต้องเก็บไว้พิจารณาอีกทีว่าจะปลดจากตำแหน่งหรือเปล่า U_U
วันต่อมา…
“หมดสภาพ! อดีตเดือนมหา’ลัยสุดหล่อของสาวๆ ทั้งมอ หลั่งน้ำตาเหตุรักร้าว เพราะเจ้าตัวนอกใจแฟนสาว…ทำตัวเองแท้ๆ จะสงสารหรือสมเพชดีล่ะครับ” ฉันอ่านประโยคบรรยายใต้ภาพสีที่คนทำลงทุนอย่างมากในการนำภาพที่มีการตกแต่ง ข้อความแล้วไปอัดแล้วแปะไปทั่วมหาวิทยาลัยแบบนี้ และภาพนั้นก็คือ…
ภาพที่โทโมะร้องไห้ ซึ่งฉันจำมันได้ดี เพราะฉันอยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืนนี้!
“ใครเป็นคนเล่นสกปรกแบบนี้กันนะ!” ฟางที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันพูดด้วยน้ำเสียงโมโห มีแต่ฉันเท่านั้นที่หลังจากอ่านประโยคซึ่งเต็มไปด้วยคำดูถูกและเย้ยหยันนั่น จบก็ยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก
“…”
โทโมะจะเห็นรูปนี้หรือยังนะ?
ถ้าเห็นแล้ว เขาจะรู้สึกยังไง?
“แกคิดว่าใครเป็นคนทำเหรอแก้ว” ฟางหันมาถามฉันที่กำลังประมวลภาพเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่พอดีเพื่อหาคนที่ต้องสงสัยที่สุด…
“พิม ” นั่นเป็นชื่อเดียวที่ฉันนึกออกตอนนี้ “ฉันคิดไว้อยู่แล้วเชียวว่ายัยนั่นต้องมีแผนอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่ชวนโทโมะทะเลาะที่ริกกี้หรอก”
“อืม น่าคิดนะ…” ฟางทำหน้าครุ่นคิดพลางพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย
“แต่ยัยพม่าต้องรวมหัวกับใครสักคน เพราะฉันมั่นใจว่ายัยนั่นไม่ได้ถ่ายรูปโทโมะแน่ๆ”
“หลบๆ!” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นก่อนที่มือหนาของใครบางคนจะจับไหล่ฉันกับฟางแล้วดันออก ไปคนละด้านจากนั้นคนมาใหม่ก็กระชากรูปของโทโมะออกจากบอร์ดทันที
“เขื่อน!” ฉันกับฟางเรียกชื่อคนที่ผลักเราสองคนพร้อมกันทันทีที่เขาหันหน้ากลับมาเตรียมจะเดินกลับออกไป
“อ้าว…เธอ สองคนเองเหรอ ขอโทษทีนะ”เขื่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดแต่สีหน้าของเขายังคงยุ่งๆ อยู่เหมือนเดิม “ฉันไปก่อนนะ ต้องรีบไปเก็บรูปนี้ให้หมด ไม่รู้หมาตัวไหนมันลอบกัดไอ้โมะ”
“เอ่อ…เดี๋ยวก่อน! แล้วโทโมะล่ะ”
“เห็น ว่าปวดหัวน่ะ วันนี้มันไม่ได้มาเรียนหรอก” ฉันพยักหน้าลงกับคำตอบที่ได้รับ หลังจากที่เขื่อนเดินออกไปแล้วฟางก็เข้ามาประชิดตัวฉันพร้อมกับเขย่าแขน น้อยๆ
“หมอนั่นดูเครียดๆ นะว่ามั้ย”
“นั่นสิ ปกติเห็นเริงร่าหน้าบาน แต่นี่ทำหน้าเป็นตูด สงสัยคงเป็นห่วงเพื่อนเขาล่ะมั้ง โดนแฟนหลอกสวมเขา ขอห่างกันสักพักแล้วยังมาโดนแกล้งแบบนี้อีก ก็น่าห่วงอยู่หรอก”
“แล้วแกจะทำยังไงต่อ”
“ทำอะไรล่ะ? ฉันต้องทำด้วยหรือไง รู้ไว้เลยนะว่าฉันจะไม่ยุ่งกับโทโมะแล้ว” พูดจบฉันก็เดินหนีออกมาทันที ถึงจะบอกออกไปแบบนั้นก็เถอะ แต่ลึกๆ ข้างในของฉันไม่ได้เป็นอย่างที่พูดหรอกนะ ถ้าโทโมะรู้เรื่องนี้เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถ้าเป็นฉันคงต้องอายมากแน่ๆ
เอ๊ะ! แล้วฉันจะมาเป็นห่วงเขาทำไมล่ะเนี่ย
เป็นห่วงเหรอ?...ไม่ๆ ไม่ใช่หรอก ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นแหละ >_<
นอกจากความจำเป็นที่เธอบอกไม่ได้แล้ว เธอคิดจะชอบฉันบ้างหรือเปล่า…
“ไอ้แก้ว!!! >[]<”
“หะ…ฮะ!? ว่าไงนะ” ฉันทำหน้าเอ๋อทันทีหลังจากที่เสียงเกินร้อยแปดสิบเดซิเบลของยัยฟางดังสนั่น หวั่นไหวจนขี้หูฉันพากันเริงระบำสามช่าปาจิงโกะอย่างครื้นเครง นี่ฉันเผลอคิดอะไรไปเรื่อยจนไม่ได้ยินเสียงของคนรอบข้างเลยเหรอเนี่ย TT_TT
“ฉันถามว่าแกจะเลิกจับโทโมะจริงๆ เหรอ”
“พูดใหม่สิ -_-^” ฉันว่าประโยคของเพื่อนสนิทของฉันมันแสลงหูแปลกๆ นะว่ามั้ย หรือฉันคิดไปเอง?
“เอ่อ…แก จะเลิกแก้ดวงตกจริงๆ เหรอ” ฟางกรอกตาไปมาแล้วพูดแก้ทันทีที่เห็นฉันจ้องตาขวางเตรียมจะเสยคางยัยนี่ได้ ตลอดเวลาถ้าเกิดคุณเธอเผลอพูดอะไรไม่เข้าหูออกมาอีกคำเดียว หึหึ
“เออ! ละ…เฮ้ยยย! O[]O”
“ว้าย! ระวัง! >_<”
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบดี เท้าที่ก้าวไปโดยปราศจากสายตาคอยสำรวจพื้นให้ก็เหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ฉันลื่นจนเกือบจะหงายหลังลงพื้นแต่โชคดีที่ยัยฟางมียังพอมีสติแล้ว ช่วยดึงแขนฉันเอาไว้ให้ทรงตัวได้
ซวยแต่เช้า!
“เป็นอะไรมั้ยแก”
“เป็นสิ…ฉันว่าฉันคงต้องดำเนินแผนต่อไปแล้วล่ะ U.U” ฉันพูดเสียงอ่อยพลางสายตาก็เหลือบไปมองเปลือกกล้วยที่พื้นซึ่งมันเป็นสาเหตุ ทำให้ฉันเกือบล้มหัวฟาดพื้นเมื่อกี้นี้เอง นี่ถ้าฉันเดินมาคนเดียวคงหัวแตกสมองเสื่อมไปแล้วแน่ๆ
“อ้าว ทำไมเปลี่ยนใจง่ายๆ แบบนี้ ฉันตามแกไม่ทันแล้วนะยะ อารมณ์แปรปรวนเหลือเกิน -*-”
“ก็เพราะไอ้เปลือกกล้วยนั่นแหละ! ถังขยะมีไม่รู้จักเอาไปทิ้ง มาโยนทิ้งขวางทางเดินได้ยังไง อย่าให้รู้นะว่าใครมันเอากล้วยมากินในมอแล้วทิ้งลงถังแบบนี้ -0-” หลังจากที่ฝากความแค้นไว้กับเปลือกกล้วยที่นอนยิ้มอยู่ที่พื้นเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันก็หันกลับมามองทางข้างหน้าแล้วเริ่มออกเดินช้าๆ
“ฉันล่ะปวดหัวกับแกจริงๆ เลยค่ะคุณเพื่อน”
“ฮึ่ย! ถ้าโทโมะยอมมาเป็นแฟนฉันดีๆ ตั้งแต่แรก ฉันคงไม่ซวยแบบนี้หรอก -3-” พูดไปอย่างนั้นแหละนะ ที่จริงแล้วสมองของฉันกำลังคิดไม่ตกเรื่องรูปนั่นต่างหาก ใครกันนะที่มันกล้าทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ ยอมรับเลยว่านี่คือสาเหตุที่แท้จริงที่ฉันยอมกลับเข้าสู่แผนอีกครั้ง
“ซะงั้นอะ ตกลงแกเชื่อเรื่องนี้หรือไม่เชื่อเนี่ย ฉันชักจะงงแล้วนะ” ฟางทำเสียงโอดครวญขณะที่เดินขนาบข้างมาคู่กับฉัน
“เชื่อบางที =.,=”
“ให้ตายสิ -_-^^”
“แก…ปวดฉี่ว่ะ แวะห้องน้ำแปปนึงนะ” พูดจบฉันก็เลี้ยวออกทางซ้ายมือแล้วเดินมายังห้องน้ำที่อยู่ข้างอาคารเรียนรวม
ซ่า~
“อื้อๆ อื้ม!”
O_O!
เสียงปริศนานั่นทำให้ฉันปิดก๊อกน้ำที่กำลังล้างมืออยู่ทันทีเพื่อจะฟังว่าฉันไม่ได้หูฟาดไป ผีหรือเปล่าเนี่ย!? แต่ผีจะมาหลอกแต่เช้าแบบนี้เลยเหรอ บรึ๋ย~
“อื้ม~” เสียงครางนั้นยังคงดังอยู่เช่นเดิมและชัดกว่าเดิมด้วยเพราะตอนนี้ฉันเดินมา แนบหูฟังที่ผนังด้านข้างใกล้ๆ กับอ่างล้างมือด้านในสุด ฉันฟังด้วยความสนใจโดยไม่สนว่าคนที่เข้ามาใช้ห้องน้ำจะมองฉันด้วยสายตา เหมือนเห็นโรคจิตก็ไม่ปาน =.,=
แคร์ที่ไหนล่ะ!
“ไอ้แก้ว! ตกส้วมหรือไง” ฟางที่เดินเข้ามาในห้องน้ำเรียกฉันเสียงดังทำให้ฉันสะดุ้งน้อยๆ พร้อมกับหันขวับไปทางต้นเสียงทันทีแล้วเอามือจุ๊ปากเป็นสัญญาณบอกให้เงียบ รายนั้นนิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉัน
“มีอะไรเหรอแก”
“ฉันได้ยินเสียงแปลกๆ”
“เสียงอะไร ผีผนังเหรอ -_-^” ฟางขมวดคิ้วแน่นทำหน้าเหมือนไม่เชื่อว่าฉันได้ยินจริงๆ
“แกก็เงียบๆ แล้วตั้งใจฟังสิ” สุดท้ายฟางก็ทำตามที่ฉันบอกจนได้ แถมยังเอาหูมาแนบที่ผนังเหมือนกับฉันด้วย
“อื้ม~”
“ข้างๆ นี่ห้องเก็บอุปกรณ์ของแม่บ้านใช่มั้ย” ฉันเลิกฟังแล้วยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับขมวดคิ้วถามฟาง
“เออใช่มั้ง ใช่แหละทำไมเหรอ อย่าบอกนะว่า…”
“เราไปดูกันดีกว่าว่ามีตัวอะไรอยู่ในนั้น>_<”
“จะบ้าเหรอ ไปเรียนกันเถอะ เสียเวลาเปล่าๆ บางทีแม่บ้านอาจจะเปิดวิทยุทิ้งไว้ก็ได้” ฟางส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย ฉันเองก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดวิทยุของมันเหมือนกัน แปลกนะ ปกติฉันก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองเท่าไหร่หรอก แต่ครั้งนี้เหมือนมีอะไรบางอยากบกให้ฉันไปดูว่าห้องข้างๆ นี้มีอะไรกันแน่ -_-^
“แปบ เดียวน่า ” ไม่รอให้ฟางตอบแต่ฉันก็คว้าข้อมือเล็กของเพื่อนสาวให้เดินตามมาทันที หลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำแล้วฉันก็ไม่ได้เดินดุ่มๆ เข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์หรอกนะแต่สิ่งที่ฉันทำก็คือ…
กุกกักๆ
“แกดูต้นทางด้วยนะ” ฉันกำชับฟางก่อนจะค่อยๆ ยืดตัวขึ้นหลังจากที่ขึ้นมายืนบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว ใช่แล้วล่ะ! ฉันไปยกเก้าอี้ที่ใต้อาคารมาเพื่อใช้เป็นฐานในการยืนขึ้นไปแอบมองภายในห้องจาก ช่องระบายอากาศขนาดสีเหลี่ยมผืนผ้ากว้างประมาณหนึ่งฟุตและสูงประมาณหนึ่งคืบ ได้ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของห้องโชคดีที่ทางนี้เป็นทางด้านหลังของตัวอาคารเลย ไม่มีคนเดินผ่านมา ถ้ามีก็นานๆ ครั้งเลยล่ะ
“เห็นอะไรมั้ยล่ะแก้วใจช่องสอดรู้สอดเห็น”ฟางแขวะฉันเข้าให้หนึ่งทีแต่ฉันก็ไม่สนใจหรอกเพราะสิ่งที่ฉันสนใจตอนนี้ก็คือ ภาพที่ฉันเห็นภายในห้องนี้ต่างหาก!
“เรื่องจริงเหรอเนี่ย…”
ถึงแม้จะดีใจแค่ไหนที่ได้เห็นชายหญิงสองคนกับลังจูบกันอย่างดูดดื่มภายใต้แสงไฟ ที่สว่างไสวภายในห้องแต่ในขณะเดียวกันฉันก็ตกใจจนเกือบจะทำอะไรไม่ถูกไป พร้อมๆ กัน
ถ่ายรูป! ใช่แล้ว ฉันต้องเก็บหลักฐานสำคัญนี้เอาไว้ >_<
“ตกลงว่าแกเห็นอะไรมั้ยแก้ว” ฟางถามอีกครั้ง
“เห็น…เยอะเลย” ฉันก้มลงไปตอบฟางก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา สงสัยภาพอย่างเดียวคงจะไม่พอแล้วล่ะมั้ง
อัดคลิปเลยก็แล้วกัน!
“โทรศัพท์แบตหมด...” ฉันพูดเสียงเบาอย่างไม่อยากจะเชื่อ บุญมีแต่กรรมบังแท้ๆ เลยเนี่ย เมื่อคืนฉันก็ลืมชาร์ตแบต ไมคิดว่ามันจะมาหมดเอาตอนเช้าแบบนี้ TOT
“ฟาง เอาโทรศัพท์แกมายืมก่อน”ฟางพยักหน้ารัวทันทีพร้อมกับรีบหยิบโทรศัพท์ยื่นมาให้ ฉันยิ้มอย่างพอใจก่อนจะปลดล็อกก่อนจะกดเข้ากล้องถ่ายรูปแล้วเปลี่ยนโหมดเป็น การถ่ายวิดีโอทันที!
ระหว่างที่ตั้งกล้องโทรศัพท์อัดคลิปอยู่นั้น ฉันแทบลืมหายใจเลยล่ะถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะเปลี่ยนเป็นมองเหตุการณ์ผ่านหน้า จอโทรศัพท์แทนแต่ก็ยังตกใจไม่หายอยู่ดีกับคนในคลิปที่กำลังประกบปากโดยไม่ กลัวว่าจะมีคนเปิดประตูเข้าไปในห้อง แต่ระดับนี้แล้วคงล็อกเอาไว้อยู่แล้วล่ะมั้ง
“มุมนี้เห็นหน้าจอมืดสุดๆ ใครอยู่ในห้องเหรอ”ฟางถามพร้อมกับพยายามเขย่งเพื่อจะดูคลิปที่ฉันกำลังแอบถ่ายหญิงร้ายกับชาย ชั่วอยู่แต่แล้วก็ต้องกลับไปยืนเฉยๆ เหมือนเดิม จะตอบยังไงดีล่ะว่าฉันเห็นใคร เพราะฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน
“คือฉันหะ…”
ติ๊ดๆ!
O_O!
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบก็ต้องหันขวับกลับไปหาโทรศัพท์ของฟางที่อยู่ในมือแทบจะทันทีเพราะเสียงสัญญาณเตือนเมื่อกี้ว่า…
แบตหมด!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย โชคเข้าข้างฉันแล้วแท้ๆ แล้วทำไมโทรศัพท์ของเราสองคนต้องมาแบตหมดเหมือนกันในเวลาแบบนี้ด้วยนะ บ้าจริง!
อัพแล้วเม้นโหวตเยอะๆ จะได้มาอัพไวๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ