Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
15) แล้วเธอล่ะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter14 แล้วเธอล่ะ
“พี่เข่งห้ามหนีไปริกกี้คนเดียวนะ รอฉันพิมพ์งานเสร็จก่อน” ฉันกำชับกับพี่ชายของตัวเองหลังจากที่เราสองคนกลับมาถึงบ้านเป็นที่เรียบ ร้อยแล้ว
“ฉันต้องพกน้องไปอีกแล้วเหรอเนี่ย -_-^”
“โทโมะ เสร็จฉันเมื่อไหร่ก็ไม่ต้องลำบากพี่เข่งแล้วล่ะ อย่าลืมสิว่าฉันต้องไปทำคะแนน” แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไปให้เสียคะแนนหรือเปล่า เพราะท่าทางหมอนั่นจะไม่สนใจอะไรฉันเลยแม้แต่น้อย คิดแล้วก็เหนื่อยใจ
“ฮะ!? ใครเสร็จใคร อะไรเสร็จ O_O”
“เสร็จ…การบ้านเสร็จไง ไปล่ะ! ฉันจะได้รีบๆ ทำ =.,=” พูดจบก็รีบวิ่งหนีขึ้นบันไดมาทันที นี่ฉันเผลอพูดอะไรกำกวมออกไปโดยไม่ทันคิดอีกแล้วเหรอเนี่ย เมื่อไหร่จะเลิกทำนิสัยพูดก่อนคิดแบบนี้นะแก้วใจ -0-
สามชั่วโมงต่อมา…
ฉันนั่งอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊กเพื่อหาข้อมูลแล้วพิมพ์รายงานอย่างขยันขันแข็งเป็น เวลานานพอสมควร คือถ้าไฟไม่ลนตูดฉันก็ไม่ทำหรอกนะจะบอกให้ และถึงงานนี้จะส่งมะรืนก็เถอะ แต่ถ้าพรุ่งนี้มีงานด่วนอะไรขึ้นมาหรือฉันตกบันไดคอหักตายแล้วจะเอางานที่ ไหนไปส่งอาจารย์กันล่ะ
เอ๊ะ! ถ้าฉันตายแล้วจะเอาไปส่งทำไมล่ะเนอะ โอ๊ยๆๆ บ้าไปกันใหญ่แล้วเนี่ย
หลังจากที่ปริ้นท์รายงายออกมาเป็นรูปเล่มเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือแค่รอเอาไปเข้าเล่มที่ร้านถ่ายเอกสารในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ฉันก็กลับลงมายังชั้นล่างเพื่อจะหาอะไรทำ อาทิ เช่น นั่งคุยกับพี่ชายในเรื่องไร้สาระทั่วไป หรือไม่ก็เรื่องแผนลับกระชับความสัมพันธ์ที่เขาคิดค้นขึ้นว่าจะดำเนินการ อย่างไรต่อ แต่พูดชื่อแผนนี้ทีไรแล้วกระดากปากทุกรอบเลยแฮะ เอาเถอะ ถ้ามันทำให้ฉันประสบความสำเร็จล่ะก็นะ ให้พูดทุกวันสามเวลาหลังอาหารฉันก็ยอม -_-^
“พี่ขะ…” ยังไม่ทันที่ฉันจะเอ่ยชื่อของคนที่อยากจะคุยด้วยจบ สายตาก็เหลือบไปเห็นเขานอนเลื้อยน้ำลายยืดอยู่บนโซฟา หมดสภาพความเป็น Man and Handsome สุดๆ โทรทัศน์ก็เปิดทิ้งไว้ นี่เขาคงจะดูแล้วเคลิ้มหลับไปแน่ๆ กลายเป็นว่าให้โทรทัศน์ดูคนนอนหลับแทนเฉยเลย
“งืมๆ แจ๊บๆๆ” เคี้ยวน้ำลายเล่นอีกแน่ะ ให้ตายสิ! พี่ใครวะเนี่ย
“เฮ้อ! พี่เข่งๆ” ฉันเดินเข้ามาเขย่าตัวเขาเบาๆ เพื่อเป็นการปลุก แต่คนขี้เซาก็พลิกตัวหนีไปอีกด้าน
“อืม~ แจ๊บๆ”
“พี่เข่งงง!!!” ในที่สุดฉันก็ใช้ไม้ตายโดยการก้มลงไปข้างๆ หูพี่ชายตัวดีก่อนจะแหกปากลั่นบ้านจนคนเจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งแล้ว รีบกระเด้งตัวขึ้นมาอยู่ในท่านั่งทันที
“เกิดอะไรขึ้น อะไรเจ้งเหรอ O_O”
โถ่ พี่ชาย -_-^
“ไม่มีอะไรเจ้งหรอก ฉันเรียกชื่อพี่เข่งต่างหากล่ะ”
“ไอ้แก้วเน่าเอ๊ย! ฉันก็ตกใจหมด มีอะไรล่ะ แล้วนี่ทำรายงานเสร็จแล้วเหรอ”
“เสร็จ แล้วแหละ พี่เข่งจะไปริกกี้กี่โมงอะ” ฉันถามพลางนั่งลงบนโซฟาตัวเล็ก ส่วนพี่ขนมเข่งก็เหลือบไปดูนาฬิกาแขวนผนังเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“ค่ำๆ แหละ นี่เพิ่งห้าโมงกว่าเอง” ฉันพยักหน้าลงอย่างรับรู้ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบรีโมทบนโต๊ะมากดเปลี่ยนช่อง โทรทัศน์เพื่อหาอะไรน่าสนใจดู ส่วนพี่ชายตัวแสบก็เอนหลังลงนอนต่ออย่างสบายอารมณ์
ฉันนั่งดูรายการวาไรตี้โชว์แล้วก็ข่าวไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งพี่ขนมเข่งตื่นมา อีกทีก็เป็นเวลาทุ่มกว่าๆ แล้ว เราสองคนออกมาออกมาจากบ้านตอนเกือบๆ จะสองทุ่มได้ แล้วก็แวะหาอะไรกินกันแถวๆ ที่ริกกี้ก่อนที่จะเข้ามาในอาณาเขตของสนามแข่งรถแห่งนี้
“เออใช่! แก ไม่ได้เอาเสื้อมาคืนไอ้โมะเหรอ” พี่ขนมเข่งถามหลังจากที่เรากำลังจะเดินไปยังกลุ่มเพื่อนๆ ของเขา “ฉันเห็นมันตากอยู่หลังบ้านแต่ไม่ใช่สีช็อปของคณะเรา เลยแอบไปดูชื่อน่ะ”
“เจ้าของเขาบอกว่าจะไปเอาเอง สงสัยกลัวว่าถ้าฉันเอามาคืนแล้วแฟนเขาจะรู้เรื่องล่ะมั้ง” ฉันบอกแล้วเบะปากเล็กน้อยอย่างหมั่นไส้โทโมะ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังวิ่งมาทางพวกเรา เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเขาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันกับพี่ขนมเข่งแล้ว
“โหย! มาพอดีเลยพี่หนมเข่ง แฮ่กๆ!”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอวะไอ้เขื่อน วิ่งหน้าตั้งมาเชียว -_-^” พี่ขนมเข่งเอ่ยถามคนมาใหม่ ส่วนฉันที่ก็กำลังจะถามทำนองนั้นเหมือนกันจึงเงียบไว้เพื่อรอฟังคำตอบ
“ไอ้โมะทะเลาะกับพิมอะดิพี่ ดูเหมือนคราวนี้จะเรื่องร้ายแรงมาก ร้อยวันพันปีฉันไม่เคยเห็นสองคนนั้นมาทะเลาะกันให้คนอื่นรับรู้เลย อย่างผมจะรู้ว่ามันทะเลาะกันก็ตอนไอ้โมะมาระบายเท่านั้นแหละ T^T” พูดจบเจ้าตัวก็เหลือบมาที่ฉันนิดหน่อยแล้วทำสีหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่อย่างนั้นแหละ
“ทะเลาะ กันเรื่องอะไรเหรอ” ฉันถามแล้วก็หวังอยู่ลึกๆ ว่าจะเป็นเพราะเรื่องของฉัน ไม่ได้สำคัญตัวหรืออะไรนะ แต่ด้วยปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างตอนนี้มันก็ดูจะมาจากฉันมากที่สุด ถ้ามันร้ายแรงอย่างที่เขื่อนบอกล่ะก็ มือที่สาม น่าจะพอได้อยู่นะ >_< ถ้าสองคนนั้นทะเลาะจนเลิกกันไปเลยก็ดีสิ ฉันจะได้หายซวยสักที
ไม่สิ! ฉันต้องทำให้โทโมะยอมเป็นแฟนฉันซะก่อน YOY
“เรื่องเธอนั่นแหละ เห็นมีรูปอะไรก็ไม่รู้”
รูป? หึหึ
ฉันยิ้มกริ่มทันทีก่อนจะหันไปสบตากับพี่ขนมเข่งที่หันมาทางฉันพอดี เขาทำแววตาเจ้าเล่ห์อย่างคนที่รู้ทันก่อนจะหันกลับไปหาเขื่อน
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวไอ้โมะจะลงไม้ลงมือกับผู้หญิงซะก่อน ฮ่าๆ”
“โอ้ย! ไม่มีทางแน่ๆ” เขื่อนส่ายหัวน้อยๆ แต่ก็เดินนำเราสองคนมาในที่สุด
ณ จุดเกิดเหตุ…
ตอนนี้มีผู้คนรุมล้อมอยู่ไม่น้อยทีเดียว เขื่อนพาฉันกับพี่ขนมเข่งแหวกไทยมุงเข้ามาสู่ด้านใน แล้วฉันก็เห็นว่าโทโมะกำลังร้องไห้…
ใช่แล้ว! เขากำลังร้องไห้!!! O_O
ไม่จริงใช่มั้ย!? เขารักผู้หญิงคนนี้มากจนถึงกับยอมเสียน้ำตาออกมาเลยอย่างนั้นน่ะเหรอ
“ทำไมไม่ตอบล่ะคะโมะ ไหนว่ารักพิมนักรักพิมหนาไง แล้วทำไมถึงมีรูปนี้ได้!” พิมไม่ได้ร้องไห้แต่แค่ตาแดงๆ เท่านั้น เธอยื่นไอโฟนเครื่องเดียวกับที่ให้ฉันดูรูปเมื่อเช้าให้โทโมะแต่เขาก็ไม่ ยอมรับมันไปดูและได้แต่ยืนนิ่งๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเท่านั้น
“ปกติยัยนั่นไม่เหวี่ยงแบบนี้นะ” เขื่อนหันมากระซิบบอกฉัน
“ไม่หรอก ฉันว่าที่เราเห็นตอนนี้คือปกติของยัยนั่นต่างหาก นายจับตาดูให้ดีๆ ละกัน…” ฉันยกยิ้มมุมปากขึ้นก่อนจะก้าวออกมาร่วมวงทะเลาะของสองคนนี้ด้วยท่ามกลางเสียงฮือฮาของคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่
“ไอ้แก้ว!O[]O” พี่ขนมเข่งเรียกชื่อฉันเสียงหลงแต่ก็สายไปซะแล้วสำหรับการที่เขาจะเอื้อมมือ มาดึงตัวฉันเอาไว้ ฉันเหลือบมองโทโมะที่ยกมือขึ้นมากุมขมับอย่างนึกสนุก
“รูปในนั้นน่ะ รูปฉันหรือเปล่า” ฉันเอ่ยถามพิมยิ้มๆ พร้อมกับพยักพเยิดหน้ายังไอโฟนในมือของเธอ
“ฮือฮาๆๆ” เสียงผู้คนรอบๆ เริ่มแสดงความคิดเห็นกับเรื่องนี้ดังขึ้นกว่าตอนแรกที่ฉันเดินเข้ามา แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก
“แก้วใจ” โทโมะเรียกชื่อฉันเป็นเชิงปรามพร้อมกับเอื้อมมือมาจับแขนฉันเอาไว้
“นี่ใช่มั้ยคือคำตอบของโมะ ตอนแรกก็ทำเป็นไม่ชอบยัยนี่ แต่สุดท้าย…”
“หุบปาก!” ไม่ใช่เสียงของโทโมะแต่เป็นเสียงของฉันเองที่ดังขัดขึ้น ฉันรำคาญเสียงยัยพม่าหน้าปลวกบริโภคกลูต้านี่ชะมัดเลยแฮะ
“ทุกคนฟังให้ดี!…ฉันชื่อ แก้วใจ แล้วก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้สองคนนี้ทะเลาะกัน! จริงอยู่ที่ว่าฉันผิด! แต่ที่ฉันทำไปก็เพื่อ…ไม่อยากเห็นผู้ชายคนนี้โดนหลอก!!!”
หรือจะพูดอีกแง่ก็คือฉันทำเพื่อตัวเองนั่นแหละ ใครจะมาเข้าใจเหตุผลของฉันกันล่ะ แต่ก็ใช่ว่าที่ฉันพูดไปเมื่อกี้จะไม่ใช่เรื่องจริง ยอมรับเลยว่าฉันไม่ชอบที่ต้องเห็นโทโมะมายืนร้องไห้เพราะผู้หญิงบ้าๆ คนเดียวอย่างพิม
เขาไม่ควรจะเสียน้ำตาให้ผู้หญิงคนนี้!
เมื่อกี้เขื่อนบอกว่าปกติยัยนี่ไม่เหวี่ยงแบบนี้…ใช่แล้วล่ะ และสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกก็คือ ฉันรู้สึกเหมือนยัยนี่กำลังพยายาม ชวนทะเลาะ ฉันอาจจะคิดมากไปเองนะ…แต่เรื่องอะไรต้องมาทะเลาะกันในที่สาธารณะที่คนเยอะแยะแบบนี้ล่ะถ้าไม่ได้มีแผนการอะไรบางอย่าง
ตอนนี้เสียงวิพากษ์วิจารณ์เริ่มดังระงมขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ฉันมองไปรอบๆ อย่างพอใจก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
ในเมื่อเธออยากให้คนอื่นรับรู้นัก ฉันก็จะช่วยเธอเองพิม
“หน้าไม่อาย!” พิมถลึงตาใส่ฉันอย่างเดือดดาล ฉันก้าวเข้าไปเผชิญหน้ากับหล่อนอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนที่โทโมะจะดึงตัวฉันกลับไปแล้วออกแรงบีบที่แขนจนฉันรู้สึกเจ็บขึ้นมาหน่อยๆ
“ทำบ้าอะไรของเธอ!”
“ก็ทำสิ่งที่ถูกต้องไง…ทุกคนฟังทางนี้! อีกเรื่องที่ฉันอยากจะบอกก็คือ การที่ฉันเข้ามายุ่งกับโทโมะ หรือเขาเป็นฝ่ายเข้ามายุ่งกับฉันก็ตาม! เราสองคนไม่ผิด! เพราะความจริงแล้ว…ผู้หญิงคนนี้ก็คบคนอื่นอยู่เหมือนกัน!!!” ฉันชี้ไปที่พิมที่กำลังยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ เสียงของฉันสามารถทำให้ทุกคนหยุดบทสนนาแล้วตั้งใจฟังได้
“พอได้แล้วแก้วใจ!” โทโมะตวาดเสียงดัง แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
“คนอื่นที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก! ผู้ชายคนนั้น…” ฉันหยุดพูดก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ แล้วก็เห็นเขื่อนกับพี่ขนมเข่งยืนอ้าปากพะงาบๆ อยู่ที่เดิม ห่างออกมาจากตรงนั้นระยะประมาณสามสี่คนยืนมีป๊อปปี้กำลังยืนทัชสกรีนโทรศัพท์ ในมืออยู่เหมือนไม่สนใจเหตุการณ์แต่ฉันรู้ว่าเขาได้ยินสิ่งที่ฉันพูด เมื่อกี้ทุกอย่าง เพราะก่อนที่ฉันจะหันกลับมา เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉันเหมือนรู้ตัวว่ากำลังโดนมองอยู่แล้วยกยิ้มมุมปาก ขึ้นก่อนจะก้มลงไปที่หน้าจอโทรศัพท์ตามเดิม
“ผู้ชายคนนั้น…กำลังยืนฟังอยู่ในที่นี้ด้วย!!!”
ฉัน พูดได้แค่นี้แหละ เพราะยังไม่มีหลักฐานอะไรนอกจากความสงสัยแล้วก็เรื่องราวที่ตัวเองจับโยงกัน ไปมาตามความรู้สึกและสัญชาตญาณเท่านั้น
“อย่าพูดในสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องจริง!” พิมขึ้นเสียงอย่างโกรธจัด
“ทำไมจะไม่จริง! คิดว่าเธอจะปิดเรื่องนี้ได้นานแค่…”
“ยัยบ้าเอ๊ย!!!” โทโมะที่หมดความอดทนตะคอกเสียงดังก่อนที่ฉันจะพูดจบพร้อมกับกระชากแขนฉัน อย่างแรงแล้วสะบัดออกจนฉันเซไปอีกทางแต่ก่อนที่จะล้มก็มีคนวิ่งเข้ามาช่วย เอาไว้ก่อน และคนๆ นั้นก็คือ…
“ป๊อปปี้! O_O” ฉันเบิกตาโพลงแล้วเรียกชื่อเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ก่อนที่จะรีบทรงตัวพร้อมกับเขยิบออกห่างจากเขา
“อวดเก่ง” น้ำเสียงเรียบๆ ออกมาจากปากของคนหวังดีที่เข้ามาช่วยพยุงฉันไม่ให้ลงไปกองอยู่ที่พื้น
“เป็นอะไรมั้ยไอ้แก้ว!” พี่ขนมเข่งที่วิ่งตามเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง ฉันจึงส่ายหน้าแทนคำตอบ พี่ชายฉันมองโทโมะด้วยสายตาเคืองๆ เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ทำอะไร ที่จริงโทโมะไม่ผิดหรอก ฉันเองต่างหากที่เข้ามาหาเรื่องให้เกือบเจ็บตัวแบบนี้น่ะ จะว่าไปก็ไม่เกือบนะ ฉันรู้สึกเจ็บๆ ที่แขนอยู่เหมือนกันTOT
“ทำอะไรไม่เตี๊ยมกันเลย” เขื่อนบ่นใส่ฉันเบาๆ พลางเหลือบมองไปยังโทโมะที่เหมือนจะรู้ตัวว่าเมื่อกี้เขาทำอะไรเอาไว้
“โมะ! พิมไม่อยากจะถามคำถามนี้หรอกนะ แต่มันจำเป็นจริงๆ เพื่อความแน่ใจ…ระหว่างพิมกับผู้หญิงคนนั้น โมะจะเลือกใคร!” พิมตะโกนถามผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของตัวเองจนเขาชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด
กล้ามากที่ถามแบบนั้นน่ะ ไม่กลัวหน้าแตกหรือไงนะ แต่ยังไงโทโมะคงไม่ทำให้แฟนตัวเองเสียหน้าหรอกมั้ง เพราะคนที่เขาเลือกยังไงก็ไม่ใช่ฉันอยู่แล้ว
“…”
“ทำไมไม่ตอบล่ะคะ! ปกติโมะจะไม่ลังเลไม่ใช่เหรอ แบบนี้หมายความว่ายังไง” เชื่อเขาเลยถึงจะพูดแบบนั้นแต่ยัยนี่ไม่มีน้ำตาสักหยด กลายเป็นโทโมะแทนที่เป็นฝ่ายน้ำตาไหลริน
“ผม…เลือก พิม” โทโมะพูดเสียงไม่ดังมาก แต่มันก็ดังพอที่คนในบริเวณนี้จะได้ยิน เชื่อมั้ยว่าฉันถึงกับเข่าอ่อนเลยแหละที่ได้ยินคำตอบนั้น แต่มันก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วแหละที่เขาจะตอบแบบนั้น
เขาจะมาเลือกคนที่ผ่านเข้ามาสร้างความวุ่นวายให้เขาทำไม…
ฉันมองโทโมะที่ยืนเงยหน้ามองฟ้าราวกับต้องการให้น้ำตาหยุดไหล ก่อนจะหันไปสบตาเข้ากับพิมที่มองมาอย่างเยาะเย้ยเข้าอย่างจัง ฉันอยากจะควักลูกตายัยนั่นออกมาซะให้รู้แล้วรู้รอด!
“เลือกเหรอ…แล้ว ที่ไปกับผู้หญิงคนนั้นหมายความว่ายังไงคะ” คิดเหมือนฉันมั้ยว่ายัยนี่เหมือนกำลังจะทำให้โทโมะพูดอะไรที่กระทบต่อความรู้สึกฉันออกมา
บ้าจริง! แล้วทำไมฉันต้องมาสนใจคำพูดของผู้ชายโง่ๆ อย่างเขาด้วยล่ะเนี่ย!
“จำเป็น…” เขาตอบก่อนจะหันมามองฉันด้วยสายตาที่ฉันเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้ เขาไม่ได้บอกพิมเรื่องที่มาเป็นเบ๊ให้ฉันสินะ
“จำเป็นเหรอ? แล้วถ้าพิมขอร้องให้โมะเลิกยุ่งกับเธอซะ โมะทำให้พิมได้หรือเปล่า” พิมถามด้วยเสียงที่อ่อนลงพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ๆ โทโมะ ที่ยังคงมองฉันอยู่ก่อนจะหันไปมองพี่ขนมเข่งที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ ฉัน
“ฉัน…ไม่รับปาก” คำตอบของเขาเรียกเสียงฮือฮาจากคนรอบๆ ขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนพิมก็หน้าเสียไปเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้นโมะก็ไม่ต้องมายุ่งกับพิม!” พูดจบก็หันหลังเตรียมตัวจะเดินหนี แต่โทโมะก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ก่อน
“ตอนแรกไม่เห็นพิมเป็นแบบนี้เลย”
“เพราะ พิมยอมให้ยังไงล่ะโมะเลยได้ใจแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นเราก็ห่างกันไปสักพักดีมั้ย เผื่ออะไรมันจะดีขึ้น”โทโมะไม่ตอบอะไรได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างต่อต้าน
“ปล่อย! พิมจะกลับบ้าน” พิมบอกเสียงแข็งพร้อมกับแกะมือของแฟนตัวเองออก
“เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่เข้าใจคำว่า ห่างกันสักพัก หรือไงโมะ!” พูดจบพิมก็เดินออกไป ส่วนผู้คนที่ยืนดูอยู่ก็เริ่มวงแตกแล้วพากระกระจายตัว พี่ขนมเข่งเขยิบเข้ามาใกล้ฉันแล้วลูบหัวเบาๆ เหมือนรู้ว่าฉันกำลังรู้สึกแย่อยู่ ส่วนป๊อปปี้ก็ยืนมองไปที่โทโมะด้วยสายตาที่อธิบายไม่ถูก ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“ไอ้โมะ! ใจเย็นๆ นะ…นี่ ก็มืดแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งพิมให้ละกัน”เขื่อนวิ่งออกจากบริเวณที่ยืนอยู่ข้างฉันเมื่อกี้เข้าไปหาโทโมะที่กำลังเดินเข้ามาทางพวกเราช้าๆ ก่อนจะอาสาไปส่งแฟนของเพื่อนให้ แล้วเขาก็วิ่งออกไปโดยไม่รอคำตอบ โทโมะมองตามไปเล็กน้อยก่อนจะเดินเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันพอดี เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเท้าไปยืนตรงหน้าพี่ขนมเข่ง
“ยกโทษให้ผมด้วยนะพี่หนมเข่ง เมื่อกี้ผมควบคุมอารมณ์ไม่อยู่…ฉันขอโทษ” ประโยคสุดท้ายโทโมะหันมาพูดกับฉันที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ ก็ดีนะ รู้ตัวว่าทำผิดกับน้องสาวเขาแล้วมาขอโทษกับพี่ชายด้วยแบบนี้
“ช่างเถอะ ฉันเข้าใจแก” พี่ขนมเข่งบอกพร้อมกับเอื้อมมือไปตบไหล่โทโมะเบาๆ เพื่อไม่ต้องการให้เขาคิดมาก
เพราะฉันสินะ เขาเลยต้องลำบากใจแบบนี้ ถึงเขาจะเลือกแฟนตัวเองแต่เขาก็ไม่ลืมว่าต้องเป็นเบ๊ให้ฉันก็เลยให้คำตอบที่ไม่แน่นอนแบบนั้นกับยัยนั่นไป นี่ฉันเจอเรื่องซวยเองยังไม่พอ แต่ต้องมาเป็นตัวซวยของโทโมะด้วยเหรอเนี่ย เฮ้อ! อยากหายตัวไปจากโลกนี้จริงๆ เลย อยากตายยย~
“แต่ฉันไม่เข้าใจ!” ฉันบอกพร้อมกับเบะปาก
“ไม่เข้าใจอะไร / ไม่เข้าใจอะไร” พี่ขนมเข่งกับโทโมะถามขึ้นพร้อมกับ ยกเว้นป๊อปปี้เท่านั้นที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นอีกแล้ว ไม่คิดจะสนใจสิ่งรอบข้างบ้างหรือไงนะ
“ไม่เข้าใจว่าทำไมนายไม่บอกเลิกยัยนั่นไปซะ รอให้ตัวเองเป็นคนโดนบอกเลิกหรือไง”
“-_-^”
“ห่างกันสักพัก เหอะ! น้ำเน่าอะ อีกไม่นานหรอกโทโมะเดี๋ยวยัยนั่นก็บอกเลิกนาย ฉันแนะนำนะว่าให้นายรีบชิงบอกก่อนจะดีที่สุด ดูไม่ออกหรือไงว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนยังไง ฮึ่ย! นี่โง่เบสิก หรือโง่โปรเฟสชันนอลกันแน่เนี่ย -0-” ฉันสวดออกไปชุดใหญ่ ถึงแม้ความน้อยใจที่เขาทำกับฉันเมื่อกี้จะยังคงมีอยู่แต่ความหมั่นไส้เขามันมีมากกว่า!
“อย่าเพิ่งชวนฉันทะเลาะอีกคนได้มั้ย แค่นี้ฉันก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว” โทโมะถอนหายใจออกมาเล็กน้อยพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“ก็นายไม่ยอมเชื่อฉัน”
“คำพูดลมๆ แล้งๆ ของเธอ ใครจะไปเชื่อกันล่ะ” ต้องมีหลักฐานสินะ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะหาแกเจอสักทีฮะไอ้หลักฐาน!?
“แต่นายก็เห็นแล้วว่าพิมไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด”
“แล้วเขาไม่ดีตรงไหน”
“เอ้า! ก็เมื่อกี้วีนนายซะขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ปกติทำเป็นโมะคะ โมะขา แหวะ! นี่แหละธาตุแท้ของยัยนั่นน่ะ >_<”
“คนเราเวลาอารมณ์โกรธเข้าครอบงำก็เป็นแบบนั้นทุกคนแหละ ไม่มีใครเหมือนเธอหรอกที่บ้าทุกเวลา ไม่รู้ว่าไปเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน”
“อะแฮ่ม! อื้ม! เอาล่ะๆ ฉันว่าเลิกเถียงกันดีกว่า แกไปบ้านฉันมั้ยไอ้โมะ เห็นแก้วน้อยบอกว่าแกจะไปเอาเสื้อ แล้วเดี๋ยวฉันจะช่วยแกคิดด้วยว่าจะไปง้อแฟนแกยังไง”
“พี่เข่ง! ห้ามเข้าข้างศัตรูของน้อง -0-”
“เออๆ ไปเอาเสื้ออย่างเดียวก็ได้ ไปป้ะไอ้โมะ” พี่ชายตัวแสบพูดแก้ทันทีเมื่อฉันหันขวับไปจ้องเขาตาเขียว
“ครับ…ไอ้ป๊อป ไปด้วยกันมั้ย?” โทโมะหันไปชวนเพื่อนของตัวเอง รายนั้นเงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพท์พลางทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง
“ไม่ล่ะ ฉันว่าจะกลับบ้าน…แล้ว เจอกันครับพี่หนมเข่ง”ป๊อปปี้ตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะหันมาทำท่าตะเบ๊ะใส่พี่ขนมเข่งแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมายิ้มให้ฉันแล้วเดินจากไป
หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงฉันกับพี่ขนมเข่ง พร้อมกับโทโมะที่ขับรถตามมา ก็มาถึงบ้านของฉันอย่างปลอดภัย พี่ขนมเข่งพยายามพูดปลอบใจโทโมะทุกรูปแบบซึ่งทำให้ฉันหยุดหงิดอยู่ไม่น้อย จึงหนีขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเป็นชุดนอนก่อนจะกลับลงมาชั้นล่างโดย ที่ไม่ลืมหยิบเสื้อช็อปของโทโมะที่ฉันซักรีดแล้วพับเป็นอย่างดีลงมาคืนเขาด้วย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะไปรีดให้เขาทำไม -_-^
“นี่เสื้อนาย” ฉันยื่นของในมือส่งคืนให้เจ้าของ เขารับไปพลิกๆ ดูเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มน้อยๆ ออกมา
“ฝีมือเธอเหรอ ขอบคุณนะ”
“อื้ม!” ฉันแกล้งตอบอย่างไม่ใส่ใจนักพลางนั่งลงข้างๆ พี่ชายของตัวเอง
“ทีเสื้อฉันไม่เห็นแกรีดให้มั่งเลยวะ เดี๋ยวก็น้อยใจซะหรอก T^T”
“อะไรเล่า! ก็มันติดไปกับชุดอื่นของฉันพอดี เผลอหยิบมารีดเฉยๆ” ฉันแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เมื่อเห็นว่าพี่ขนมเข่งทำแก้มป่องอย่างงอนๆ “แล้วนี่คุยอะไรกันอยู่เหรอ”
“วิธีง้อสาว” คำตอบของพี่ขนมเข่งทำให้ฉันเบ๊ปากทันที โทโมะคงกำลังคิดแต่เรื่องที่จะไปง้อพิมมี่ล่ะสินะ
“แล้วทำไมเมื่อกี้ไม่วิ่งตามไปง้อซะตอนนั้นเลยล่ะ” ฉันพูดลอยๆ แต่จงใจกระทบกระทั่งใครบางคน
“…ผมกลับก่อนดีกว่าครับพี่หนมเข่ง แล้วเจอกันนะครับ” การที่โทโมะเงียบไปไม่ยอมตอบแต่กลับร่ำลาพี่ขนมเข่งนั้นทำให้ฉันต้องหันไป มองหน้าเขาแบบเจื่อนๆ ทันที แต่ว่าเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวฉันเดินออกไปส่ง!” ฉันพูดรัวๆ พร้อมกับรีบลุกขึ้นมาบ้าง ก่อนจะจ้ำอ้าวตามเขาที่ทำเป็นไม่สนใจฉันออกมาทันที นี่ฉันมาเดินตามเขามากกว่ามาส่งนะเนี่ย -0-
“-_-^”โทโมะเหลียวหลังหันกลับมามองฉันแวบหนึ่งก่อนที่จะเปิดประตูรถออกแต่ยังไม่ ทันที่เจ้าตัวจะเข้าไปนั่งด้านในเสียงของฉันดังขึ้นซะก่อน
“ฉันขอโทษ!” เขาชะงักไปซะก่อนแล้วก็หันกลับมาด้วยสีหน้าแปลกใจอยู่ไม่น้อย
“เรื่องอะไร”
“ก็ที่ถามนายเมื่อกี้ แล้วก็…ที่เข้ามาในชีวิตของนายจนทำให้นายต้องปวดหัว ทะเลาะกับแฟน เลิกกับฟะ…เอ่อ ยังไม่เลิกก็ได้…เอาเป็นว่าขอละโทษนะ U_U” ฉันก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
ครั้งนี้ฉันรู้สึกผิดจริงๆ นะ แต่ยังไงฉันก็ยังไม่ยอมแพ้หรอก ผู้หญิงอย่างพิมไม่สมควรจะได้รับความรักและความจริงใจจากคนดีๆ อย่างโทโมะ
ใช่! ฉันยอมรับว่าเขาเป็นคนดี ดีจนตัวเองต้องลำบาก ดีจนโง่ แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาโง่จนตัวตายหรอก -0-
“ไม่เป็นไร เธอจำเป็นไม่ใช่เหรอ”
“แบบนี้แสดงว่านายจะยอมเป็นแฟนฉันแล้วใช่มั้ย!?>_<” หัวสมองของฉันตอนนี้ก็คิดได้เท่านี้ล่ะนะ
“ไม่”
“อ้าว TTvTT”
“ฉันไม่รู้ว่าเธอต้องการให้เป็นแบบนั้นเพราะอะไร…แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าคนที่ฉันคบอยู่ทำผิดอะไรถึงจะต้องมาเสียใจเพราะฉันไปคบคนอื่นด้วย”
เฮ้อ! ฉันก็ลืมไปว่าคนที่เขาเลือกไม่ใช่ฉัน
“นี่ ถามอะไรหน่อยสิ…นายไม่คิดจะชอบฉันบ้างเลยเหรอ” ฉันอยากรู้จริงๆ นะว่าทุกวันนี้ฉันมีโอกาสทำสำเร็จแค่ไหน บางทีก็เหมือนมี บางทีก็เลือนราง
“แล้วเธอล่ะ…”
“หืม?”
“นอกจากความจำเป็นที่เธอบอกไม่ได้แล้ว เธอคิดจะชอบฉันบ้างหรือเปล่า…”
แต่สุดท้าย...โทโมะก็ทิ้งคำถามให้ชวนคิดมากซะเหลือเกิน>_<
เม้นโหวตกันด้วยน๊าาา
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ