Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
14) จะเป็นนายใช่หรือเปล่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter 13 จะเป็นนายใช่หรือเปล่า
รู้มั้ยว่าบรรยากาศในระหว่างที่เราสามคน อันประกอบไปด้วย ฉัน โทโมะ และเขื่อน กำลังนั่งรออาหารที่สั่งไปอยู่นั้นมันโคตรจะเงียบเลย ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คนเดียว รวมไปถึงฉันเองด้วย ความจริงที่ฉันไม่พูดเพราะกำลังจ้องโทโมะ ที่มัวแต่ทำหน้ายุ่งๆ อยู่น่ะสิ แล้วด้วยความอยากรู้ฉันจึงตัดสินใจเอ่ยถามออกไปในที่สุด
“หิวเหรอ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“เบื่อ ขี้หน้าเธอ” คนถูกถามตอบเสียงเรียบจนเขื่อนถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ฉันขันขวับไปแยกเขี้ยวใส่เขาหนึ่งทีก่อนจะหันมาทำหน้าบึ้งใส่โทโมะ
นายกล้าเบื่อฉันอย่างนั้นเหรอ? ถ้ารู้ว่าฉันเป็นเนื้อคู่ของนายล่ะก็ แล้วนายจะหนาว! หึหึ
“ตราบใดที่นายยังไม่ยอมเปลี่ยนใจมาเป็นแฟนฉันล่ะก็นะ ฉันก็จะเกาะติดนายอยู่อย่างนี้แหละ”
“เหอะ!”
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ ถ้าเข้าไปสิงในเลือดนายได้ ฉันทำได้แล้ว >_<”
“เลือดเสียล่ะสิ!” ไม่ขัดฉันมันจะตายมั้ยฮะ!?
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ไหนๆ นายก็เป็นเบ๊ของฉันแล้ว ฉันขอสั่งให้นายเลิกกับแฟนอย่างถาวร โอเคป้ะ?=.,=”
“อย่าเอาเรื่องนี้มาอ้าง การที่ฉันยอมเป็นเบ๊ให้เธอ ไม่ใช่ว่าเธอจะได้ใจแล้วทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ”
อะไรกัน! นี่ ฉันหวังดีกับเขาแท้ๆ อยากจะช่วยให้เขาหายโง่เง่าเต่าตุ่น เลิกโดนยัยพม่านั่นหลอกสวมเขาให้สักที แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าจะเล่นตัวไปถึงไหน ฉันรู้หรอกนะว่าตอนนี้เขาต้องเริ่มกลัวว่าแฟนของตัวเองจะนอกใจบ้างแล้วแหละ โดนฉันเป่าหูทุกวันแบบนี้ไม่สะทกสะท้านบ้างก็หนักแน่นเกินไปแล้ว
“ถามอะไรหน่อยสิแก้วใจ ทำไมเธอถึงอยากให้ไอ้โมะไปเป็นแฟนล่ะ ดูเธอจะชอบหาเรื่องมันมากกว่าชอบมันนะ”เขื่อนที่นั่งฟังอยู่สักพักเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัยพลางยกแขนข้างหนึ่ง ขึ้นมาตั้งศอกกับโต๊ะแล้วเอามือเท้าคางไว้
“ฉัน…ยัง บอกไม่ได้อะ” ถ้าบอกไปเขาต้องหัวเราะเยาะฉัน หาว่าฉันบ้างมงายแน่ๆ เลย เอาไว้ค่อยบอกตอนที่แผนการของฉันสำเร็จแล้วดีกว่า เพราะถึงตอนนั้นมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ฉลาดจริงๆ เลยแก้วใจ! ^O^
“ยังบอกไม่ได้? แสดงว่าเธอมีความลับอะไรปิดบังพวกเราอยู่สินะ”
“ยัยบ้านี่จะมีความลับอะไร นอกจากเป็นโรคจิตชอบแย่งแฟนชาวบ้าน” ตาคนนี้ก็มองฉันในแง่ร้ายไม่เลิกสักทีสิน่า! แล้วนายจะเสียใจที่พูดแบบนี้ เพราะยัยโรคจิตคนนี้คือคนที่จะทำให้นายรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ตกต่ำของชีวิต(?) อุวะฮ่าๆๆ
“นายนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ”
“หึ”โทโมะ หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกหาใครบางคน ไม่นานนักเขาก็กรอกเสียงใส่โทรศัพท์ “แกอยู่ไหน ไม่กินข้าวหรือไง…อืมๆ แล้วเจอกัน”
“ไอ้ป๊อปเหรอ” เขื่อนเอียงคอหันไปถามโทโมะ
“อืม”
“มันว่าไงบ้างอะ”
“ไปทำธุระกับแม่น่ะ แต่เดี๋ยวคืนนี้จะเข้าไปที่ริกกี้” คนถามพยักหน้าลงช้าๆ หลังจากที่ได้ยินคำตอบก่อนจะใช้อีกมือที่ว่างอยู่เคาะโต๊ะเบาๆ พลางมองไปรอบๆ ร้าน ต่างกับโทโมะ ที่ขมวดคิ้วน้อยๆ ใส่โทรศัพท์ที่ยังคงถืออยู่ในมือ ฉันไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าให้เดาก็คงไม่พ้นเรื่องของคนที่เขาเพิ่งโทรไปหาเมื่อกี้นี้หรอกมั้ง
“เอ่อ…” ฉันรีบหันหน้าหนีไปทางอื่นทันทีเมื่อคนที่โดนจ้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน พร้อมกับสีหน้าสงสัยว่าจะมองอะไรเขานักหนา ก็จะไม่ให้มองได้ยังไงล่ะ ในเมื่อสิ่งที่ฉันคิดอาจจะเป็นเรื่องเดียวกับเขาก็ได้น่ะสิ!
ป๊อปปี้ไปทำธุระกับแม่?
แม่ทูนหัวหรือเปล่าบางทีเขาอาจจะบอกไม่หมดก็ได้นะ…เฮ้อ! ยังไงเรื่องนี้คงเป็นความลับได้อีกไม่นานหรอก ฉันจะต้องแฉทุกคนที่เกี่ยวข้องให้ได้! เดี๋ยวนี้คนรอบตัวฉันชอบทำตัวแปลกๆ น่าสงสัย ดูอย่างยัยฟางสิ อยู่ดีๆ วันนี้ก็เปิดติดประชุมของชมรมขึ้นมาทั้งๆ ที่…
เฮ้ย! ปกติฟางไม่เข้าชมรมนะ!!! O[]O
ยัยนั่นเองก็เหมือนกับฉันนั่นแหละที่ไม่สนใจเรื่องชมรมอะไรพวกนั้น ลงชื่อไปเพื่อให้มีชมรมอยู่เท่านั้นแหละ แต่ไม่เคยโผล่หัวเข้าไปเลยตั้งแต่เรียนมา แล้วตอนนั้นฉันหูฝาดไปหรือเปล่า หรือไม่ก็คงเป็นเพราะมัวแต่สนใจยัยพิมกับป๊อปปี้เลยลืมเอ๊ะใจไปเสียสนิท ไม่มีทางแน่ๆ ที่ยัยนั่นจะเข้าชมรมน่ะ ไม่มีทาง
ชมรมอะไรกัน!?
ยัยนั่นต้องมีอะไรปิดบังฉันอยู่แน่ๆ
“เสื้อฉันอยู่ที่เธอหรือเปล่าแก้วใจ…แก้วใจ!”
“หะ…ฮะ!? เมื่อกี้นายว่าไงนะ” จู่ๆ โทโมะก็เรียกฉันซะเสียงดังทำเหมือนเรานั่งห่างกันเป็นกิโลอย่างนั้นแหละ -0-
“เหม่อ อะไรอยู่ ฉันถามว่าเสื้อฉันอยู่กับเธอหรือเปล่า พอดีจำไม่ได้ว่าเผลอเอาไปวางไว้ที่ไหน” แสดงว่าเมื่อวานเขาลืมจริงๆ สินะ ไม่ได้จงใจเอาไว้ให้ฉันซัก แต่ยังไงฉันก็แสดงความเป็นแม่ศรีเรือนไปแล้วล่ะ ^O^
“ฉันก็คิดอะไรของฉันไปเรื่อยเปื่อย ส่วนเสื้อนายน่ะ ฉันซักให้แล้ว…เดี๋ยวเอามาคืนให้ก็แล้วกัน”
“ไม่ต้อง! เอ่อ…คือฉันหมายถึงเดี๋ยวว่างแล้วจะแวะเข้าไปเอาเอง”
“นายแอบมีใจให้ฉันแล้วใช่มั้ยถึงต้องไปเอาคืนเองที่บ้าน อยากไปหาฉันก็บอกมาเถอะ >///<”
“ไม่เพ้อเจ้อสักวันจะเป็นทุกข์มากหรือไง -_-^” คำก็โรคจิต สองคำก็เพ้อเจ้อ ชีวิตฉันมีดีในสายตาเขาบ้างมั้ยเนี่ยอยากจะรู้จริงๆ เลย
“ถ้าอย่างนั้นกลัวแฟนนายจะรู้หรือไง”
“ไม่เกี่ยวกับเธอ” สิ้นน้ำเสียงเรียบๆ เขาก็เบนสายตาไปทางอื่น จนฉันเบะปากเล็กน้อยแล้วก็หันไปอีกทางซึ่งบังเอิญไปสบตาเข้ากับเขื่อนที่นั่งฟังบทสนทนาอยู่อย่างตั้งใจและเหมือนกำลังจับผิดอะไรบางอย่างอยู่
“สองคนนี้มันชักจะยังไงๆ แล้วนะ มีลืมซ่งลืมเสื้ออะไรกันด้วย =_=” แววตาที่เคยทะเล้นเป็นปกติตอนนี้หรี่เล็กลงจนแทบจะมองไม่เห็นตาดำ เขื่อนกำลังมองฉันสลับกับคนที่นั่งข้างๆ ตัวเองอย่างสงสัย แสดงว่าโทโมะไม่ได้บอกเขาเรื่องเมื่อวานที่ไปงานวัดกับฉันสินะ และฉันก็เดาว่า เขาไม่ได้บอกใครเลย
ไปกับฉันนี่มันน่าอายนักหรือไง -_-^
“เอ่อ…”
“แค่เสื้อช็อป” โทโมะ ตอบแทนฉันที่ได้แต่นั่งอ้ำๆ อึ้งๆ อย่างคนกำลังนึกคำตอบ
“แล้วไปลืมไว้กับแก้วใจได้ไงอะ” คนช่างสงสัยยังไม่วายตั้งคำถามต่อจนโทโมะ ถึงกับหันมามองหน้าฉันเล็กน้อยแล้วถอนหายใจออกมา
“ใช้คลุมหลบฝนเมื่อคืน”
“เมื่อคืน?O_O ที่แกไปริกกี้ตอนดึกแสดงว่าแอบย่องไปหาแก้วใจมาก่อนใช่มั้ย!?>_<”
แอบ ย่อง? ดูใช้คำเข้า พูดซะฉันรู้สึกเป็นเมียเก็บของโทโมะ เลยแฮะ นี่ยังเหลือจุดยืนในสังคมให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้บ้างมั้ยเนี่ย -_-^
“ถ้าไม่รู้อะไรก็หุบปากเก็บไว้กินข้าวดีกว่า” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยรังสีอำมหิตไม่ได้ทำให้เขื่อนก็ได้หากลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย
“ฉันต้องพลาดอะไรไปแน่ๆ เลย…จะ ว่าไปช่วงนี้แกกับพิมก็ทะเลาะกันบ่อยนะ” คนตั้งข้อสงสัยพูดพลางเปลี่ยนจากมือที่เท้าคางมาเป็นลูบคางอย่างใช้ความคิด ฉันถึงกับเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อยแล้วพลางทำหูผึ่งทันทีด้วยความอยากรู้
โทโมะ ทะเลาะกับพิมอย่างนั้นเหรอ? o.O
จริงเหรอเนี่ย! ถ้าจะมีคนที่พลาดก็คงเป็นฉันนี่แหละไม่ใช่เขื่อนหรอก เมื่อคืนโทโมะไม่เห็นบอกเลยว่าเดี๋ยวนี้เขากับยัยพม่าทะเลาะกันบ่อยน่ะ
เดี๋ยวก่อนนะ! หรือว่าเขาบอกแล้ว?
…เราเคยทะเลาะกันแค่ครั้งเดียวก่อนที่จะมีเรื่องเธอเข้ามา…
คำพูดของโทโมะ ตอนที่เราสองคนติดอยู่บนชิงช้าสวรรค์เมื่อคืนลอยกลับเข้ามาในหัวของฉันอีกครั้ง ทำให้ฉันยิ้มออกมาทันที เขาบอกมันว่า ก่อน ที่ฉันจะเข้ามาในชีวิตของเขาสินะ อย่างนี้ที่เขื่อนพูดก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ
“แกจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ ยัยบ้านี่ยิงคอยจ้องจะให้ฉันกับพิมทะเลาะกันอยู่”
“ไม่ได้ยินหรอกมั้ง นั่งเหม่อแบบนี้…แก้วใจ…แก้วใจ!”
“อะไรเล่า! พวกนายนี่ยังไงนะ อยู่ใกล้แค่นี้ก็ต้องตะโกนเรียกเสียงดัง” ฉันแหวใส่เขื่อนอย่างเซ็งๆ ที่เขาเรียกซะเสียงดังจนฉันสะดุ้งตกใจหมด ทำเป็นโทโมะสองไปได้
“ก็เห็นเธอเหม่ออยู่อะ TOT”
“สะกิดก็ได้น่า…แล้วทำไมฮะ? ฉันจะเหม่อคิดอะไรของฉันบ้างไม่ได้หรือไง -*-”
“ที่คิดเนี่ย เรื่องดีหรือเรื่องชั่วล่ะฮะ” ไอ้…โทโมะ! ไอ้…ฮึ่ย! โกรธแค้น ฉันอยากจะบีบคอนายจริงๆ เลยให้ตายสิ
“แต่ดูจากสีหน้า ไม่น่าพ้นเรื่องชั่ว”
“ไอ้มะ…แกร๊ก! OxO”
“ใครดีใครชั่วอะไรกันเหรอ~” จังหวะที่ฉันกำลังจะว่าโทโมะลับไปนั้นก็เป็นนาทีเดียวกับที่เสียงของพี่ขนมเข่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน แล้วโทโมะก็ถือโอกาสนี้รีบหยิบช้อนออกมาจากกล่องที่ใส่แล้วยัดเข้ามาในปาก ของฉันด้วยความรวดเร็วจนฉันต้องรีบหุบปากแต่ก็ช้าไป T_T
“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่หนมเข่ง” โทโมะ ตอบหลังจากที่พี่ชายของฉันมานั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆ เรียบร้อยฉันแล้ว
“อ้าว! แล้วกินช้อนเล่นทำไมเนี่ย -_-^” คนมาใหม่พยักหน้ารับโทโมะพร้อมกับหันมาทางฉันแล้วก็ต้องนิ่วหน้าเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าน้องสาวของตัวเองคนนี้กำลังเอาช้อนออกจากปากของตัวเอง แต่ดูเหมือนเขาจะเข้าใจเจตนาผิดไปนะ
“สงสัยน้องพี่หนมเข่งคงจะหิวนะ ฮ่าๆๆ” เขื่อนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ได้ช่วยเข้าข้างฉันเลยแม้แต่น้อย อะไรกัน! วันก่อนยังช่วยโหวตให้โทโมะเป็นเบ๊ฉันสามเดือนอยู่เลย วันนี้ไม่ช่วยฉันแล้วเหรอ YOY
“เป็นความผิดของผมเองแหละครับ” โทโมะ พูดเสียงเศร้า หึ! สำนึกผิดใช่มั้ยล่ะที่แกล้งฉันน่ะ
“ฮะ?” พี่ชายสุดที่รักของฉันขมวดคิ้วแล้วหันไปหาคนที่ยอมรับผิด
“คือแก้วบอกให้ผมหยิบช้อนให้ในฐานะที่ผมเป็นเบ๊ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะใช้ปากรับ ผมเองก็ไม่ทันดูเพราะหันไปตอบพี่หนมเข่งก่อน U_U” เอ่อ…ใคร มีรางวัลแสดงละครยอดเยี่ยมบ้างเนี่ย เอามาให้หมอนี่ทีสิ นิสัยเหมือนยัยพิมไม่มีผิด ถึงว่าสิเลยอยู่ด้วยกันได้เนี่ย มันน่าปล่อยให้โดนหลอกต่อไปซะให้รู้แล้วรู้รอด เห็นแล้วหมั่นไส้!
“อ๋อ อย่าถือสาน้องฉันเลย มันก็บ้าๆ บอๆ ทำตัวประหลาดไม่เหมือนชาวบ้านแบบนี้แหละ” พี่ขนมเข่งพูดอย่างปลงๆ พร้อมกับเอื้อมมือมาตบหลังฉันเบาๆ
“พี่เข่ง! พี่เชื่อจริงๆ เหรอว่าฉันใช้ปากรับช้อนน่ะ -_-^”
“เออดิ” นี่ก็เชื่อคนง่ายอีกคน เฮ้อ! โลก นี้มันน่าอยู่น้อยลงจริงๆ เลย แก้วใจอยากตายอะบอกตรงๆ ทำไมเวลาฉันพูดอะไรไม่ค่อยมีคนอยากจะเชื่อเลยล่ะ แต่กับไอ้บ้าโทโมะที่มีดีแค่หล่อเนี่ยเชื่อกันจังเลย หรือเพราะฉันดวงตกอยู่เลยไม่มีคนเชื่อถือ ฉันดูไม่มีราศีจับเลยใช่มั้ยตอนนี้น่ะ โฮกกก~
“งั้นก็ตามใจ! อยากจะเชื่ออะไรก็เชื่อไป Y^Y”
“น้องฉันนี่มันประสาทขึ้นทุกวัน…แล้วนี่พวกแกสั่งข้าวกันหมดแล้วสินะ…ฉันจะกินอะไรดีเนี่ย” พี่ชายตัวดีพูดพลางหยิบใบเมนูมาเปิดดู แต่ฉันก็แย่งมาแล้วนำกลับไปเก็บที่เดิม
“ฉันสั่งให้พี่เข่งแล้ว กะเพราไก่กับไข่ดาวไม่สุก =.,=” ฉันบอกหน้าตายแต่พี่ชายของฉันกำลังทำหน้าเหมือนจะตาย
“แกจะไม่ให้สิทธิ์ฉันเลือกหน่อยเหรอ”
“ไม่ต้อง จะได้กินพร้อมๆ กัน”
“ไอ้แก้วเน่า! แม่งเริ่มจะไม่ใช่น้องแล้วล่ะ” พี่ขนมเข่งหันไปพูดกับเขื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม รายนั้นก็ได้แต่หัวเราะคิกคัก
หลังจากนั้นไม่นานอาหารที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟจนครบทั้งสี่จาน แต่ดูเหมือนว่าคนที่มีปากมีเสียงจะมีแค่พี่ชายของฉันกับเขื่อนเท่านั้น เพราะเขาสองคนนั่งจ้อไปกินไปไม่หยุด ส่วนมากเรื่องที่คุยก็จำพวกรถยนต์ อะไหล่ หรือไม่ก็วิจารณ์ผู้หญิงที่เดินผ่านโต๊ะ เรื่องเม้าส์น่ะเหรอ? หนีไม่พ้นหน้าอก สะโพก ขา -_-^ พวกผู้ชายมันเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ เฮ้อ! แต่ ดูเหมือนโทโมะคนนึงล่ะมั้งที่ไม่ใช่พวกนี้ อันนี้ฉันคิดเอาเองจากที่เห็นเขานั่งกินแล้วฟังอยู่เงียบๆ ไม่พูดอะไร หรือเพราะกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ก็ไม่รู้สินะ ตอนแรกฉันก็ตั้งใจว่าจะมาหยอดเขานั่นแหละ แต่เจอช้อนยัดปากไปก็เลยเกิดอาการเคืองๆ TTvTT
และเมื่ออิ่มหนำสำราญกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยที่ฉันไม่เสียเงินสักบาท (โทรตามพี่ชายมาก็ด้วยเหตุผลนี้แหละ ฮิฮิ ฉันมีบางอย่างแอบแฝงเสมอ =.,=) ก็ถึงเวลาแยกย้าย ฉันกับพี่ขนมเข่งตัดสินใจว่าจะกลับบ้านเพราะเราไม่มีเรียนตอนบ่ายเหมือนกันพอดี ความจริงฉันคนเดียวที่ตัดสินใจแบบนี้ เพราะพี่ชายตัวดีคัดค้านท่าเดียว ส่วนโทโมะกับเขื่อนดูเหมือนว่าจะมีเรียนตอนบ่ายต่อล่ะมั้ง
“แกจะรีบกลับบ้านทำไม นี่มันเพิ่งจะบ่ายโมงเองนะ -0-” พี่ขนมเข่งบ่นอุบพลางสายตาก็มองไปยังถนนข้างหน้าหลังจากที่ถูกฉันขอร้องแถมบังคับให้เขากลับมาด้วยกัน แน่นอนว่า ในเมื่อเขากลับแล้วก็ยากที่เขาจะออกจากบ้านอีกครั้งนอกจากไปริกกี้เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เขาก็เลยยังไม่อยากเข้าบ้านยังไงล่ะ
“ฉันมีรายงานค้างอยู่น่ะสิ ต้องส่งมะรืนแล้วยังทำไม่เสร็จเลย >_<”
“แกจะนิสัยเหมือนฉันเกินไปแล้วนะไอ้แก้ว”
“มีอย่างนึงที่ไม่เหมือน…ฉันไม่เคยเรียกพี่ชายตัวเองว่า พี่เข่งขนม -0-” ให้ตายสิ! นี่จำชื่อน้องตัวเองผิดจริงๆ หรือว่าตั้งใจเรียกกันแน่เนี่ย “เออพี่เข่ง ฉันมีเรื่องแปลกๆ จะเล่าให้ฟัง…”
“แปลก? แกนี่มีเรื่องพิลึกกึกกือตลอดเลยนะ ทำไมฉันไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นบ้างเลยวะ -0-” ตื่นเต้นงั้นเหรอ? ฉันว่ามันน่าปวดหัวซะมากกว่า ต้องมาคอยตามจับผิดคนอื่น แล้วก็ต้องระแวดระวังไม่ให้โดนไอ้ผู้ชายหัวสีบานเย็นลากไปปล้ำ มิหนำซ้ำยังโดนไอ้เนื้องอก(คู่นั่นแหละ) ของตัวเองหาว่าเป็นโรคจิตอีก ชีวิตแบบนี้มันน่าตื่นเต้นมากเลยงั้นสินะ -_-^
“อย่าเพิ่งมาอยากตื่นตงตื่นเต้นเลย…คือ งี้นะ วันนี้มีแต่คนทำตัวน่าสงสัย คนแรกคือยัยพม่าขาประจำที่ทำหลบๆ ซ่อนๆ แล้วก็หายตัวไปทางหลังอาคารเรียนรวมที่คณะเราใช้เรียนวิชานอกภาคน่ะ”
“แล้วยังไงอะ คนเขาจะเดินไปไหนมาไหนบ้างมันผิดปกติยังไงวะ”
“ประเด็นก็คือวันนี้ยัยนั่นมาเรียนไง! แต่โทโมะบอกว่าไม่มาเรียน นี่แหละที่แปลก…” ยัยพม่าหน้าวอกต้องโกหกโทโมะล้านเปอร์เซ็น แล้ววันนี้ยัยนั่นต้องไปไหนสักที่ อาจจะไปคนเดียวหรือไม่ก็…
“ก็แปลว่าพิมหลอกไอ้โมะสินะ…แล้ว ไม่กลัวจะบังเอิญมาเจอกันที่มอหรือไงวะ” พี่ขนมเข่งเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยทำให้ฉันหยุดความคิดแล้วเอี้ยวตัวหันไปทางเขาเพื่อจะได้เล่าได้ถนัดๆ
“ไม่ต้องห่วง ฉันว่ายัยนั่นเตรียมข้อแก้ตัวไว้อยู่แล้วล่ะ นี่เมื่อเช้ายังมาหาเรื่องฉันอยู่เลยเรื่องที่ไปเที่ยวกับโทโมะเมื่อคืน น่ะ”
“เหรอ…แล้วเขารู้ได้ไงอะ ไอ้โมะไม่น่าจะบอกให้ทะเลาะกันเปล่าๆ นะ” ฉันไม่ได้เล่าเรื่องที่ให้ยัยฟางถ่ายรูปให้พี่ชายตัวเองฟังเลยนี่นะ
“ก็ฉันวางแผนกับยัยฟางไว้ ให้ยัยนั่นคอยแอบตามถ่ายรูปคู่ของฉันกับโทโมะ แล้วส่งให้ยัยพม่าดูน่ะ >_<”
“มือที่สาม…ยุงแยงตะแคงรั่วสุดๆ” จะถือว่าเขาชมฉันก็แล้วกันนะ
“อยากได้ก็ต้องแย่งชิงอย่างนี้แหละ! เล่า ต่อๆ อีกเรื่องที่แปลกก็คือ ฉันเจอป๊อปปี้ แล้วเขาก็หายไปทางเดียวกับแฟนของเพื่อนตัวเอง” หมอนั่นเป็นอีกบุคคลที่น่าสงสัยอยู่ ฉันยังจำสีหน้าตกใจของเขาตอนที่เรียกชื่อฉันได้เลย แต่แค่แปบเดียวเท่านั้นก็เปลี่ยนเป็นนิ่งๆ เหมือนปกติ
“ยังไม่เลิกสงสัยไอ้ป๊อปอีกเหรอ นี่หัวสมองของแกกำลังผูกเรื่องว่าสองคนนั้นไปด้วยกันใช่มั้ย” คนถามหรี่ตาลงแล้วหันมามองฉันเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไป
“ตอนนี้ได้ข้อมูลอะไรมาฉันก็จับโยงกันหมดนั่นแหละ แต่ที่หาจุดเชื่อมต่อไม่ได้ก็คือ ฟาง” ฉันไม่ได้อยากจะระแคะระคายเพื่อนสนิทของตัวเองหรอกนะ แต่วันนี้ยัยนั่นเองก็ทำตัวแปลกๆเหมือนกัน เรื่องชมรมที่ฉันบอกยังไงล่ะ!
“ฟาง? แกหมายถึงน้องฟางอะนะ…น้องฟางเพื่อนแกอะนะ! O_O”
“นั่นแหละ วันนี้ยัยนั่นโกหกฉัน T^T”
“บ้าน่า ปกติแกสองคนเคยมีความลับต่อกันที่ไหน” นั่นน่ะสิ แล้วทำไมวันนี้ยัยฟางต้องบอกว่าติดประชุมของชมรม ฉันมั่นใจว่าไม่จริง!
ยัยนั่นไปไหน แล้วมันเป็นความลับมากจนพูดความจริงไม่ได้เลยเหรอ?
“ยัย ฟางต้องมีอะไรปิดบังฉันอยู่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นวันนี้คงไม่รีบบอกว่าติดประชุมของชมรมหรอก ปกติเราสองคนไม่เคยเข้าชมรมอะไรเลยตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแล้ว” ไม่ต้องถามหรอกว่าฉันไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหน ก็ฉันมียัยฟางเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่สุงสิงด้วย ยัยนั่นเองก็ซี้กับฉันคนเดียวเหมือนกัน พูดง่ายๆ ก็คือเราคบกันอยู่สองคนเพราะไม่มีคนคบ เอ่อ…อันหลังนี่ไม่ใช่ล่ะ -_-^
“น้องฟางรีบไปทำธุระหรือเปล่า”
“ถ้าธุระก็บอกว่าธุระสิ ยัยนั่นเคยโกหกที่ไหน -0-” คิดดูสิ แม้แต่เรื่องไอ้ปีเตอร์แมลงสาบประจำบ้านตัวเอง คุณเธอยังเล่าให้ฉันฟังเลย “พี่เข่ง…เป็นไปได้มั้ยว่ายัยฟางจะเกี่ยวข้องกับใครสักคนอย่างเช่นพิมหรือไม่ก็ป๊อปปี้ หรือ…ฌอน! จริงสิ ฉันลืมไอ้หมอนั่นไปเลย วันนี้มันโผล่มาเล่นงานฉันอีกแล้ว แต่โชคดีที่โทโมะมาช่วยทัน”…ถึงเขาจะดูไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ก็เถอะนะ แถมยังแขวะฉันอีก -_-^
ปึง!
“ไม่เจอกับฉันหน่อยวะ!...แต่ก็โชคดีแล้วที่ไอ้โมะมาช่วยไว้ ฮึ่ม! จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันให้ได้เลยใช่มั้ยไอ้ฌอน!” พี่ขนมเข่งทุบพวงมาลัยอย่างโมโห เชื่อมั้ยว่าฉันได้ยินเสียงของฟันเขากระทบกันดังกรอดๆ ด้วยล่ะ
“ไอ้นั่นคงอยากจะให้พี่ไปเป็นลูกน้องมันให้ได้นั่นแหละ จะได้เล่นงงานโทโมะง่ายขึ้น”
“จะชั่วไปถึงไหนวะ! ทุกวันนี้ยังชั่วไม่พอหรือไง” จริงสินะ แค่ทุกวันนี้ที่คอยลอบกัดโทโมะก็ไม่รู้จะด่ามันยังไงแล้ว -0-
“ถ้าอย่างนั้น…ฟางคงไม่เกี่ยวข้องกับฌอนหรอกมั้ง” ถ้ายัยนั่นเกี่ยวละก็ มันเข้าข่าย หักหลัง ฉันเลยนะ
หรือบางทีเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดจะไม่ใช่โทโมะที่โดนแต่เป็นฉันเอง?
“คบกันมาตั้งนาน แกอย่าเอาเรื่องเล็กน้อยมาตัดสินเพื่อนสิ” คนเป็นพี่ชายพูดเตือนสติที่เริ่มจะคิดอะไรฟุ้งซ่านขึ้นทุกทีๆ ของฉัน
“เฮ้อ! ฉันจะแกล้งลืมๆ เรื่องยัยฟางไปก็แล้วกัน ส่วนยัยพม่า…โอ๊ย! ฉันกำลังจะเป็นบ้า!!!YOY” ด้วยความสับสนจนปวดหัวฉันจึงทึ้งหัวตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เรื่องแบบนี้มันต้องจับให้ได้คาหนังคาเขาเท่านั้นใช่มั้ย
“ไม่ ว่าจะยังไง พี่ชายคนนี้จะอยู่ข้างๆ แกคอยช่วยเหลือแล้วก็เป็นกำลังใจเสมอ แต่แกก็ไม่ควรระแวงจนเกินไปนะ อาจทำให้ความไว้ใจ ความเชื่อใจที่มีมันพังได้ แกเป็นคนใจร้อน เพราะฉะนั้น…จะทำอะไรก็คิดให้ดีๆ ซะก่อน” น้ำเสียงเป็นห่วงบอกฉันช้าๆ ก่อนที่คนพูดจะหันมายกยิ้มน้อยๆ ให้
ฉันอยากจะร้องไห้จริงๆ เลย T_T ทั้งๆ รู้ว่าพี่ขนมเข่งก็เป็นกังวลเรื่องฉันอยู่แต่ก็ยังขยันหาเหาใส่หัวตัวเอง แล้วก็พี่ชายที่แสนดีของฉันด้วย ส่วนที่เขาพูดเมื่อกี้คงหมายถึงยัยฟางสินะ ยัยนั่นคงไม่มีอะไรปิดบังจริงๆ หรอกมั้ง บางทีอาจจะไม่ได้ตั้งใจโกหกแต่ยังไม่พร้อมที่จะบอก ที่ผ่านมาเพื่อนของฉันคนนี้ก็คอยช่วยเหลือแล้วก็เป็นห่วงฉันมาตลอด ฉันนี่มันแย่จริงๆ เลย คิดระแวงเพื่อนของตัวเองได้ยังไงนะ
“ฉันแค่อยากได้ผู้ชายคนเดียวให้มาช่วยแก้ดวงให้ แต่ทำไมต้องมาเจอเรื่องน่าปวดหัวแบบนี้ด้วย โว้ยยย!~ อารมณ์เสีย!”
“ใช้คำพูดซอฟต์ๆ หน่อยก็ได้มั้ง -_-^ ไม่ฉุดมามันขืนใจเลยล่ะแบบนี้” ถ้าทำได้ฉันไม่มานั่งกลุ้มใจอยู่แบบนี้หรอกนี่บอกเลย
“ฉันก็เป็นคนตรงๆ แบบนี้แหละพี่ก็รู้! ”
ไม่ได้การล่ะ! ฉัน จะทำเล่นๆ ไปวันๆ ไม่ได้แล้ว เมื่อคืนก็ติดอยู่บนชิงช้าสวรรค์ วันนี้ก็เจอไอ้ฌอนนั่นมาหาเรื่องอีกครั้ง ถึงเรื่องของผู้ชายจอมลอบกัดคนนั้นจะมาพร้อมกับการที่ฉันรู้จักผู้ชายอีกคน ก็เถอะ…ผู้ชายที่ตั้งแต่รู้จักกับเขาฉันก็รู้สึกปลอดภัยแล้วก็อุ่นใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ ถึงแม้เขาว่าจะปากเสียไปหน่อยก็เถอะ เอ่อ…ไม่หน่อยหรอก ชอบพูดจาแดกดันซะขนาดนั้น แถมยังคุ้มดีคุ้มร้าย เดี๋ยวผีเข้าผีออก -0-
และเพราะเขาคือ นาย ใช่หรือเปล่า? คนที่จะช่วยฉันได้จริงๆ
โทโมะ..
อัพแล้วน๊าทุกคนนน เม้นโฆวตกันหน่อยนะจ้ะ เม้นเยอะก็อัพไวคริคริ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ