Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ

9.4

เขียนโดย NannyCandy

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.

  21 chapter
  861 วิจารณ์
  31.83K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

13) ติดตามด้วยความอยากรู้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 12 ติดตามด้วยความอยากรู้

 

 

 

          “แกจะเล่าอะไรเหรอ ว่ามาเลยๆ”ฟางถามด้วยท่าทางกระดี้กระด้าทันทีที่เราสองคนเดินพ้นประตูห้องเรียนออกมา ฉันเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ยว่ามีเรื่องจะเล่าให้ยัยนี่ฟังด้วย

 

 

 

          “ก็เรื่องที่งานวัดเมื่อวานนั่นแหละ”

 

 

 

          “โอ๊ย! ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องเล่าเลย แกให้ฉันตามถ่ายรูปอยู่ทำไมฉันจะไม่เห็น -0-”

 

 

 

          “เอ่อ…ความ จริงมีอีกเรื่องที่แกยังไม่รู้” ฉันพูดอย่างชั่งใจพลางสมองก็กำลังทำงานอย่างหนัก ฉันควรจะบอกยัยนี่ดีหรือเปล่านะว่าความจริงแล้วโทโมะสงสัยว่าป๊อปปี้อาจจะเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออยู่น่ะ เพื่อจะได้หักลบกลบความเชื่อที่ทุกคนมองว่าโทโมะโง่ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็เคลือบแคลงใจอยู่เหมือนกัน แต่พูดไปแล้วใครจะฟังฉันเนี่ย ขนาดพี่ขนมเข่งที่เห็นด้วยกับฉันที่สุดในทุกเรื่องที่ผ่านมายังไม่เชื่อเลย U.U

 

 

 

          “เรื่องอะไรเหรอ o.O?” ฟางถามอย่างสนใจ ฉันเหลือบมองซ้ายขวาเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่านักศึกษาคนอื่นๆ เดินทิ้งช่วงห่างจากพวกเราไปกันไกลแล้วจึงค่อยๆ หันไปกระซิบที่ข้างหูเพื่อนรักทันที

 

 

 

          “ฉันว่าโทโมะไม่ได้โดนแค่แฟนสวมเขาหรอก แต่ทั้งแฟนทั้งเพื่อนเลยล่ะ”

 

 

 

          “หา!!!O[]O” ฟางเบิกตาโพลงแล้วร้องออกมาด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของฉัน

 

 

 

          “จริงๆ แก…ฉัน ว่าต้องมีเหตุการณ์เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดบ้างล่ะงานนี้ โดยเฉพาะไอ้หัวม่วงเพื่อนสนิทหมอนั่นที่ชื่อป๊อปปี้” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังจนยัยฟางเริ่มหรี่ตาลงแล้วมองฉันด้วยสี หน้าแปลกๆ

 

 

 

          “แก…คิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ”

 

 

 

          “ก็เออสิ!”

 

 

 

          “ฮ่าๆๆ ชักจะบ้าไปกันใหญ่…เท่า ที่ฉันรู้มา เพื่อนสนิทโทโมะมีสองคนใช่มั้ยล่ะ รวมโทโมะแล้วกลุ่มนั้นก็มีสามคน แล้วพวกนั้นก็รักกันมากเลยนะ คงไม่มีเรื่องอย่างที่แกคิดหรอก” ฉันไม่น่าบอกยัยนี่เลยแฮะ บอกไปแล้วก็ไม่เห็นด้วยกับฉันเหมือนพี่ขนมเข่งไม่มีผิด คอยดูเถอะ! ถ้าเรื่องนี้เป็นจริงขึ้นมาฉันคงพูดประโยคที่ว่า ก็ฉันบอกแล้ว จนเมื่อยปากเลยล่ะรับรอง

 

 

 

          “ไม่บ้านะ! นี่ฉันพูดจริงๆ”

 

 

 

          “แกนี่ท่าจะประสาทนะแก้ว”

 

 

 

 

          “แล้วแกมีอะไรรับรองหรือเปล่าล่ะว่าสิ่งที่ฉันคิดไม่มีทางเป็นไปได้น่ะ” ฉันใช้คำถามไม้ตายแล้วยักคิ้วให้ฟางอย่างเป็นต่อ

 

 

 

          “เอ่อ…หูย! เล่นแบบนี้เลยเหรอ ฉันจะไปเอาอะไรมารับรองได้ล่ะ ชิ!” ฟางเบะปากเหมือนเด็กน้อยก่อนที่จะสะบัดบ๊อบแล้วเดินจ้ำอ้าวเพื่อหนีฉัน

 

 

 

          “ฟางๆๆ แกฟังฉันก่อนสิ!” ฉันรีบก้าวฉับๆ ตามมาด้วยความว่องไวแล้วก็คว้าแขนเพื่อนรักเอาไว้ได้ในที่สุด

 

 

 

          “ก็ฟังไปแล้วไง แต่ฉันว่ามันดูไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนะแก้ว…ป๊อปปี้นั่นน่ะเหรอ เฮ้อ! YOY” ฟางทำหน้าเศร้าเหมือนไม่อยากจะยอมรับกับสิ่งที่ฉันบอก

 

 

 

          “เอาน่าๆ ฉันเองก็ยังไม่มีหลักฐานอะไรที่จะมัดตัวป๊อปปี้แบบดิ้นไม่หลุดหรอกนะ ความจริงมีแต่ข้อสันนิษฐานด้วยซ้ำ U.U” แต่เรื่องนี้โทโมะสงสัยเองเลยนะ! ว่า แต่หมอนั่นจะเชื่อได้หรือเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแฮะ หมอนั่นมองคนอื่นผิดตลอด ฉันที่เป็นผู้หญิงแสนดี(เหรอ)ก็ดันมองว่าไม่ดี แต่กับยัยพม่าแฟนสุดรักสุดหวงที่เป็นชอบตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จดันมองว่าเป็นคนดีซะงั้น มันน่าน้อยใจจริงๆ เลย

 

 

 

          “ฉันว่านะ เอาเรื่องที่แน่ๆ เลยก็คือยัยพม่านั่นแหละ”

 

 

 

          “หืม? หมายถึงอะไรเหรอ”

 

 

 

          “ก็ยัยพม่ากำลังสวมเขาให้โทโมะอยู่ไม่ใช่เหรอ เราก็เริ่มต้นที่ยัยนั่นดีกว่า แล้วเดี๋ยวก็รู้เองแหละว่ายัยนั่นมีชู้จริงหรือเปล่า -0-”

 

 

 

          “มีแน่นอน! พันเปอร์เซ็น ฉันเอาหัวโทโมะเป็นประกันเลย” ฉันพูดด้วยเสียงหนักแน่นด้วยความมั่นใจ

 

 

 

          “เดี๋ยวนะ ผิดหัวหรือเปล่า -_-^”

 

 

 

          “หัวไอ้บ้านั่นแหละถูกแล้ว อยากโง่เอง เหอะ!...อ๊ะ! นั่นมันยัยพม่านี่ O_O!” ฉันเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้เมื่อนึกถึงใบหน้าของโทโมะก่อนที่สายตาจะเลื่อน ไปยังมุมหนึ่งของอาคารโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วไม่ว่าจะบังเอิญหรืออะไรก็ตามแต่ คราวเคราะห์ของยัยพม่ามาถึงแล้วล่ะ! เพราะ ว่าฉันเห็นยั่ยนั่นทำตัวลับๆ  ล่อๆ มองซ้ายมองขวาเหมือนคนทำความผิดมาหรือไม่ก็กำลังจะทำความผิดก่อนที่จะเดิน หายเข้าไปด้านหลังอาคารเรียนรวมซึ่งเป็นอาคารเดียวกับที่ฉันกำลังเดินออกมา

 

 

 

          “ไหน!” ฟางหันซ้ายหันขวาเพื่อหาเป้าหมายของเราสองคน แต่ฉันก็คว้าข้อมือยัยนี่ไว้แน่นแล้วลากให้เดินตามมาทันที แต่ด้วยความรีบร้อนของฉันก็ทำให้เราสองคนเกือบชนกับใครบางคนที่เดินมาจากอีก ด้านของตึกและกำลังจะตรงเข้าไปทางหลังตึกเหมือนกัน

 

 

 

          “เดินยังไงวะเนี่ย!” ฉันบ่นอุบแต่ก็ไม่ทันได้ดูหรอกว่าเกือบชนใครเข้า เพราะสายตามัวแต่มองไปตรงไปตามทางนั้นเพื่อหายัยพม่าแต่ก็ไม่พบเลยหายตัวไปจนได้!

 

 

 

          “แก้วใจO_O!” ผู้ชายที่ฉันเกือบจะชนเขาเมื่อครู่เรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกทำให้ ฉันต้องหันกลับไปมองเขาทันทีแล้วก็ต้องเบิกตาโตเป็นไข่ไดโนเสาร์ไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่

 

 

 

          “ป๊อปปี้!” ฉันเอ่ยชื่อเขาแล้วบีบข้อมือยัยฟางแน่นเพื่อต้องการบอกเป็นนัยๆ ว่าสิ่งที่ฉันสงสัยบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ เพราะเมื่อกี้ยัยพิมเดินหายเข้ามาทางนี้แล้วป๊อปปี้ก็กำลังจะเดินเข้าไป อีกคน

 

 

 

          “ใช่ฉันเอง…เธอ มาทำอะไรตรงนี้เหรอ” เขาปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติแบบนิ่งๆ ตามสไตล์ของเขา และมันก็ยิ่งทำให้ฉันสงสัยหนักขึ้นกว่าเดิม อยากจะโทรไปเรียกโทโมะมาตรงนี้ และตอนนี้เสียจริงๆ เลย มันจี๊ดจนอยากจะประกาศให้เขารู้เกี่ยวกับเรื่องชู้ๆ ชั่วๆ ของแฟนกับเพื่อนของตัวเอง

 

 

 

          แต่ป๊อปปี้เนี่ยนะ? ฉันก็ไม่ได้เชื่อแบบสนิทใจหรอก เพราะเขาก็ดูเป็นคนดีอยู่ไม่น้อย แต่มันก็อดคิดไม่ได้ เฮ้อ!

 

 

 

          “ฉันก็มาตาม…ตามเพื่อนฉัน…นี่ไง!” ฉันตอบพร้อมกับยกมือที่จับข้อมือของยัยฟางอยู่ชูขึ้นให้เขาดูเพื่อเป็นหลักฐาน แต่ผู้ชายหน้านิ่งตรงหน้าถึงกับเผลอหลุดยิ้มออกมา

 

 

 

          “ยิ้มอะไรของนาย! ว่าแต่นายเถอะมาทำอะไรตรงนี้เหรอ~ หืม?=_=” ฉันลากเสียงถามด้วยความไม่ไว้ใจพร้อมกับหรี่ตาลงจับผิดอย่างไม่ปิดบัง

 

 

 

          “หึ!” เขาทำเพียงแค่เค้นเสียงหัวเราะในลำคอแล้วเหลือบมองยัยฟางเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมามองฉันแล้วส่ายหัวเบาๆ จากนั้นก็เดินหนีเข้าไปตามทางเดินเล็กๆ หลังอาคารนี้

 

 

 

          “ไปเร็วฟาง!” ฉันบอกอย่างรีบเร่งเตรียมจะเดินตามป๊อปปี้ไป แต่ยัยฟางก็ดันทำตัวแข็งขัดขืนไม่ยอมให้ความร่วมมือกับฉันซะอย่างนั้นแหละ

 

 

 

          “ไปไหน”

 

 

 

          “ก็รีบตามยัยพม่ากับไอ้หมอนั่นไปไง” ฉันนิ่วหน้าใส่เพื่อนตัวเองเมื่อเห็นว่ายัยนี่กำลังทำให้ฉันเสียเวลาอันมีค่าไป

 

 

 

          “คือฉันมีนัดประชุมของชมรมน่ะ แกไปคนเดียวได้หรือเปล่า Y_Y” ฟางพูดเสียงเศร้าแล้วก้มหน้าทิ้งสายตาลงพื้นจนฉันต้องรีบตัดสินใจให้เร็วที่สุด

 

 

 

          “เออๆ แกจะไปไหนก็ไปเลย จำไว้เลยนะ” ฉันปล่อยมือฟางแล้วเดินสะบัดก้นออกมาจากตรงนั้นเพื่อจะตามพิมกับป๊อปปี้ไป

 

 

 

จะทันมั้ยเนี่ย!

 

 

 

          ฉันเดินตามทางเดินเล็กๆ ด้านหลังอาคารมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาโผล่อยู่ที่ลานจอดรถ…อีกแล้วเหรอเนี่ย!?

 

 

 

          “โถ่เว้ย!” แล้วเมื่อไหร่ฉันจะหาหลักฐานได้สักที เมื่อไหร่จะหายซวยกันฮะยัยแก้วใจ!TOT

 

 

 

          ขวับ!

 

 

 

          “นาย!” ฉันยืนขยี้หัวตัวเองอย่างอารมณ์เสียก่อนที่จะหันขวับกลับไปทางด้านหลังแล้ว ก็พบกับไอ้หัวชมพูบานเย็นนามว่าฌอนยืนอยู่ในระยะประชิดจนปลายจมูกของเราสอง คนเฉียดกันไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ฉันผงะแล้วก้าวถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างตัวเองกับเขาทันที ไอ้โรคจิตนี่มายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ทำไมฉันไม่เห็นจะรู้ตัวเลย ถ้าเป็นงูต้องรัดคอแล้วฉกฉันตายไปแล้วแน่ๆ

 

 

 

          “ไง…มาทำอะไรเหรอ” ฌอนถามแล้วยกยิ้มมุมปาก

 

 

 

          “ฉันควรจะถามนายมากกว่าว่ามายุ่มย่ามหยุมหยิมอะไรกับฉัน โดนพี่ชายฉันเล่นงานไปเมื่อคราวที่แล้วยังไม่เข็ดใช่มั้ย” ฉันถามกลับอย่างเซ็งๆ

 

 

 

          “ถ้าเข็ดแล้วฉันจะมายืนอยู่ตรงนี้เหรอ” ฉันไม่น่าถามมันเลยเนอะว่ามั้ย -_-^

 

 

 

          “จริงสินะ…วันก่อนนายยังแอบปล่อยลมยางรถของโทโมะอยู่เลย…นาย นี่มันเลวจริงๆ เลยนะฌอน” ฉันพูดแล้วพยักหน้ากับตัวเองก่อนที่จะแอบด่าฌอนอย่างเนียนๆ ด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างแต่ความจริงก็ไม่ได้คิดอะไร อยู่หรอก

 

 

 

          “ก็ ไม่ต่างกับเธอเท่าไร่หรอกมั้ง เธอเองมันก็พวกชอบแย่งแฟนชาวบ้าน ก็ดูเลวเหมือนกันนี่” ฌอนตอกหน้าฉันกลับด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย จนฉันถึงกับถลึงตาใส่เขาด้วยความโมโห

 

 

 

          “นี่!”

 

 

 

          “ทำไม? หรือว่าไม่จริงล่ะ…เขารู้กันทั่วแล้วว่าเธออยากได้ไอ้โมะไปเป็นแฟนแค่ไหน”

 

 

 

          “จะแค่ไหนมันก็เรื่องของฉัน นายมาเกี่ยวอะไรด้วยไม่ทราบ”

 

 

 

          “ก็ไม่เกี่ยวหรอกนะ แต่ในฐานะของคนที่คอยชมละครน้ำเน่าเรื่องนี้อยู่ ฉันอยากจะบอกว่านักแสดงเรื่องนี้เล่นดีจริงๆ ทั้งพระเอกโง่ๆ ผู้หญิงแสนดี แล้วก็มือที่สาม…นี่ฉันกำลังชมเธออยู่นะแก้วใจ ยิ้มหน่อยสิ ” คำพูดเย้ยหยันแบบนั้นบ้านเขาเรียกว่า ชม อย่างนั้นเหรอ? เหอะ!

 

 

 

          “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอชมนายเหมือนกันที่เล่นสมบทบาทดีกว่าที่คิด…บทบาท ตัวประกอบ ที่เป็นหมาลอบกัด!” ฉันขึ้นเสียงใส่หน้าเขาจนเจ้าตัวเขม่นตามองมาโดยความโกรธ มีสิทธิ์อะไรมาโกรธฉันล่ะ ในเมื่อเขาเป็นคนเริ่มหาเรื่องก่อนแท้ๆ ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายโกรธเขาน่ะ ที่ไม่ยอมเลิกยุ่งกับฉันสักที 

 

 

 

          “ก็ถ้ามัวแต่เป็นคนดีแล้วโง่ ชีวิตคงหมดสนุกกันพอดี ฮะๆ” เขาพูดกลั้วหัวเราะแล้วหรี่ตาให้เล็กลงเพื่อมองมาที่ฉันเหมือนว่าเขารู้ทัน แต่ความจริงเขาไม่รู้อะไรเลยต่างหาก

 

 

 

          “เหมือนเธอไง…ดู เหมือนว่าเธอจะไม่ได้รักไอ้โมะสักเท่าไหร่หรอกนะ นอกเสียจากหาความสนุกให้ตัวเอง และคงยิ่งสะใจเข้าไปใหญ่ถ้าทำให้คนอื่นเขาเลิกกันได้” ใช่! ฉันจะสะใจมากถ้าโทโมะเลิกกับผู้หญิงตีสองหน้าคนนั้นได้ หึ! ฌอน ไม่รู้อะไรอย่างที่ฉันคิดนั่นแหละ เรื่องดวงของฉันมันคงลึกซึ้งเกินกว่าที่คนหยาบคายแบบนี้จะรับรู้แน่ๆ แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องมารู้เรื่องของฉันด้วย

 

 

 

          “ฉันจะสะใจหรือไม่สะใจมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย”

 

 

 

          “แก้วใจ…ไอ้โมะมันไม่สนใจเธอหรอก มาเป็นของฉันดีกว่าน่า” เขาบอกเสียงเย็นพร้อมกับเขยิบเข้ามาใกล้ฉันแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างหมายจะ มาล็อกไหล่ของฉันเอาไว้ เหอะ! ไปเป็นของนายให้นายมากดหัวใช้เป็นข้อต่อรองกับพี่ขนมเข่งให้เขาทำตามที่นายต้องการน่ะเหรอ ฝันไปเถอะไอ้ชอนไช! -0-

 

 

 

          “ไอ้บ้า! ออกไปเดี๋ยวนี้ >O<” ฉันแหกปากไล่พร้อมกับยกเท้าขึ้นมาหวังจะถีบผู้ชายหื่นกามคนนี้ออกไปแต่ก็ไม่ สำเร็จเพราะฌอนเบี่ยงตัวหลบได้ทันอย่างหวุดหวิด และถึงแม้โชคจะไม่เข้าข้างฉันเมื่อกี้แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ถูกใครบางคนผลักออกไปจากฉันจนได้ มีคนมาช่วยฉัน!

 

 

 

          “โทโมะ!/ไอ้โมะ!” ฉันกับฌอนเรียกชื่อผู้มาใหม่พร้อมกันทันที ฉันรู้สึกดีใจอย่างประหลาดที่เป็นเขามาช่วยฉันเอาไว้ ส่วนฌอนได้แต่ยืนกัดฟันตัวเองกรอดๆ แล้วจ้องโทโมะด้วยความโกรธที่เข้ามาขัดจังหวะอีกแล้ว

 

 

 

          “แกยังไม่เลิกยุ่งกับแก้วใจอีกเหรอ” โทโมะเอียงคอแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ พร้อมกับถามเสียงเรียบ

 

 

 

          “แล้วจะทำไมวะ! ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกับแกหรือไงถึงได้เป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้”

 

 

 

          “จะเป็นหรือไม่เป็น แกก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรบ้าๆ กับแก้วใจ”โทโมะยังคงน้ำเสียงนิ่งๆ เหมือนเดิม และสายตาคมกริบบาดใจสาวของเขานั้นก็ยังคงมองชายผู้ไม่หวังดีตรงหน้าอย่างไม่ ลดละ ฉันรู้สึกใจเต้นตึกตักยังไงก็ไม่รู้สิยามที่เขาปกป้องฉันแบบนี้มันให้รู้สึกว่าอบอุ่นและปลอดภัย

 

 

 

          “ห่วงกันเข้าไป ทำตัวติดกันเอาไว้ดีๆ ล่ะ เผลอเมื่อไหร่ฉันไม่ปล่อยแน่ หึ!” อ๊ากก! ไอ้ผู้ชายคนนี้มันชั่วที่สุดเลย T^T

 

 

 

          “แกนี่มันก็ตุ๊ดสมชื่อที่ฉันเรียกจริงๆ นั่นแหละ ลูกผู้ชายเขาไม่เล่นอะไรสกปรกกันหรอก ” คือปากโทโมะก็ไม่ได้เบาๆ เลยนะจะบอกให้ เพราะอย่างนี้ไงฌอนเลยไม่รามือจากเขาง่ายๆ น่ะ

 

 

 

          “เล่นสกปรกบ้าบออะไรของแก” ฌอนขมวดคิ้วทันทีเหมือนไม่รู้เรื่องที่โดนกล่าวหา แต่ฉันว่าเขาแกล้งทำเป็นไม่รู้มากกว่า

 

 

 

          “ฉันว่าเรายังไม่ได้คุยกันเรื่องที่แกแอบมาปล่อยลมยางรถฉันเลยนะ…ทำไม เหรอ ชีวิตแกมันไม่มีอากาศหายใจจนต้องมาเอาลมยางไปใช้หายใจเลยหรือไง แล้วนี่ลมที่แอบปล่อยแล้วเก็บไปคงหมดแล้วสินะ วันนี้เลยโผล่หัวออกมาสูดอากาศธรรมชาติได้เนี่ย…ฟึด! ฮ้า~ สดชื่น แกรู้สึกแบบนี้หรือเปล่าวะฌอน”โทโมะทำท่าทางล้อเลียนผู้ชายหัวสีบานเย็นโดยการแกล้งสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพ่นลมหายใจออกมาทางปากพร้อมกับทำหน้าตาปริ่มๆ กับอากาศที่รอบๆ ตัว ดูเหมือนตอนนี้ฌอนจะกำลังโกรธจัดเลยนะ แต่ฉันกำลังกลั้นหัวเราะกับท่าทีกวนประสาทของโทโมะอยู่ -///-

 

 

 

          “แกมันก็สกปรกไม่ต่างจากฉันหรอก…ลับหลังแฟนตัวเองก็มาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เหอะ! ฉันล่ะสงสารแฟนแกจริงๆ ว่ะ”

 

 

 

          “ไม่ต้องมาปั่นหัวฉันหรอก…แกจะคิดยังไงก็ช่าง ฉันไม่จำเป็นต้องแคร์ความรู้สึกของคนอย่างแก” ฉันขอกรี๊ดดังๆ ให้โทโมะสักครั้งเถอะ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด พระเจ้าจอร์จทอดกล้วย! ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้ยินประโยคฉลาดๆ ออกมาจากปากของผู้ชายที่ชื่อโทโมะสุดหล่อคนนี้ ให้ตายเถอะ

 

 

 

          “หึ!” ฌอนแค่นเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับมองฉันและโทโมะด้วยแววตานึกสมเพช เยาะเย้ย ดูถูกเหยียดหยามหรืออะไรก็ตามแต่ที่ไม่ใช่แววตาประสงค์ดีแน่นอน ก่อนที่เจ้าตัวก็เดินหนีออกไป

 

 

 

          “ไม่แน่จริงนี่หว่า โถ่!...เอ่อ…ขอบคุณนะที่มาช่วยฉันน่ะ” ฉันย่นจมูกใส่หลังฌอนที่เดินออกไปไกลพอสมควรแล้วก่อนที่จะรู้สึกตัวแล้วหัน ไปพูดเสียงอ่อนกับโทโมะ แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือ

 

 

 

          “อืม” เขาตอบรับอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่นักจนฉันอดไม่ได้ที่จะแกล้งปั้นหน้านิ่ง เลียนแบบเขาแล้วทำปากเป็นคำว่า อืม โดยไม่ออกเสียง ก่อนที่จะเบะปากด้วยความหมั่นไส้ผู้ชายตรงหน้า แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาจะหันมาเห็นพอดี YOY

 

 

 

          “เธอ...เป็นโรคชักเหรอ ทำไมปากเบี้ยวอย่างนั้นล่ะ! O_O” ฉันถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองทันทีที่ได้ยินคำถามของโทโมะ ให้ตายเถอะพ่อคุณ แค่เบะปากเฉยๆ มากล่าวหาว่าฉันเป็นโรคชักเลยเลย

 

 

 

          “บ้านนายสิ!”

 

 

 

          “ฮะๆ…แล้ว นี่มายืนอ่อยอีท่าไหนไอ้บ้านั่นมันถึงเขามาลวนลามน่ะ” เขาหัวเราะออกมาน้อยๆ ซึ่งฉันไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ ก่อนที่จะปรับสีหน้าเป็นนิ่งๆ เหมือนเดิมแล้วถามเสียงเรียบ รู้อย่างนี้เมื่อกี้รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปตอนเขาหลุดยิ้มแล้วหัวเราะ ก็ดีอะ…ภาพถ่ายหายาก ว่าแต่เมื่อกี้เขาถามว่าไงนะ…

 

 

 

ฮะ! อ่อย!?

 

 

 

          อ้ากกก! ไอ้ผู้ชายปากเสีย TOT นายเห็นฉันเป็นตัวอะไรกันนะโทโมะ ทำไมถึงได้พูดจาดูถูกและทำร้ายจิตใจของฉันแบบนี้ คอยดูนะ ฉันจะฟ้องพี่ขนมเข่งให้จัดการนาย ฮึ่ม!

 

 

 

          “ในชีวิตนี้ที่เกิดมา…แก้วน้อยของพี่เข่งเค้ง(?) ก็อ่อยเป็นแต่นายคนเดียวนั่นแหละ *O*” ฉันแกล้งจีบปากจีบคอพร้อมทั้งถือวิสาสะเข้าไปคล้องแขนโทโมะแล้วเอาแก้มถูต้นแขนเขาเบาๆ เหมือนลูกแมวน้อยกำลังอ้อน อยากว่าฉันดีนัก! ก็ ทำประชดชีวิตมันไปเลยไม่เห็นจะเป็นอะไร ไหนๆ ยางอายที่หน้าฉันมันก็แทบไม่เหลือตั้งแต่รู้ว่าต้องมาแก้ดวงตกยี่สิบปีของตัวเองแล้วล่ะ

 

 

 

          เฮ้อ! เกิดเป็นแก้วใจนี่มันซวยแท้ -^-

 

 

 

          “ยี๊!~ ขนลุกนะยัยโรคจิต! ออกไป!” โทโมะทำท่าสยิวพลางแงะมือของฉันออกจากแขนตัวเองพร้อมกับดันหน้าฉันให้ออก ห่างราวกับว่าฉันเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่สามารถส่งต่อเชื้อโรคได้เพียงแค่ สัมผัสโดนผิวหนังอย่างนั้นแหละ

 

 

 

          “ชิ! ว่าแต่นายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่น่ะ”

 

 

 

          “บังเอิญเดินผ่านมาเฉยๆ”

 

 

 

          “แสดงว่าดวงเราสองคนสมพงษ์กันสุดๆ เลยล่ะ เพราะนายเดินผ่านมาตอนที่ฉันมาอยู่ตรงนี้พอดี ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้แฟนนายก็มาก่อนฉันแต่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ นั่นก็คงเป็นเพราะนายกับแฟนนายดวงไม่สมพงษ์กัน ไม่ใช่คู่กันแน่ๆ อะ” ฉันพยักหน้าลงกับตัวเองแล้วมองหน้าโทโมะที่กำลังเริ่มมีอาการตากระตุกเบาๆ

 

 

 

          “เธอเห็นพิมเหรอ”

 

 

 

          “ใช่ แฟนสุดที่รักของนายนั่นแหละ -^-”

 

 

 

          “เธอจะเห็นได้ยังไงในเมื่อวันนี้เขาไม่มาเรียนน่ะ!” โทโมะเริ่มส่งเสียงเสียงดัง ดูเหมือนเริ่มจะโมโหแล้วล่ะเพราะเขาต้องกำลังคิดว่าฉันใส่ร้ายยัยพม่าป่าดงดิบ(?) นั่นแน่ๆ

 

 

 

          “ฉันจำไม่ผิดแน่! แฟน นายเล่นไม่ซื่อแล้วล่ะโทโมะ” ฉันมั่นใจมากว่ายัยนั่นมาเรียน เพราะเมื่อเช้ายังเอารูปที่ฉันยืมแฟนหล่อนไปเที่ยวมาหาเรื่องฉันอยู่เลย แต่ถ้าพูดเรื่องนี้โทโมะก็คงไม่เชื่ออีกเหมือนเดิมแน่ๆ ล่ะ

 

 

 

          “เธอนั่นแหละที่เล่นไม่ซื่อ เลิกใส่ร้ายคนที่เขาไม่ได้ทำอะไรสักทีเถอะ ฮึ่ย! ฉันไม่น่าช่วยเธอเลย น่าจะปล่อยให้ไอ้ฌอนลากไปปล้ำซะ!”

 

 

 

          “นี่นาย!” ฉันถลึงตาใส่เขาที่กำลังมองฉันด้วยหางตา

 

 

 

          “ยัยบ้าเอ๊ย!”

 

 

 

          “จริงๆ นะ! ฉันไม่ได้โกหกนาย…นายนี่น่าสงสารจังที่โดนแฟนหลอกสวมเขาน่ะ เอาแบบนี้สิ เลิกกับยัยนั่นแล้วมาคบกับฉันซะ >_<”

 

 

 

          “ตลกเหอะ!” เขาเอ่ยเสียงดังแล้วจงใจพ่นลมหายใจออกมาก่อนที่จะเดินหนีฉันไปทางอื่น ซึ่งฉันก็รีบเดินตามเขามาด้วยความว่องไว

 

 

 

          เอาว่ะ! ใน เมื่อวันนี้โชคไม่เข้าข้างเพราะความซวยและกรรมมันบังเอิญมีมากกว่าบุญก็เลย ตามไปจับผิดยัยพิมไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็มาตามก่อกวนหัวใจโทโมะแก้ขัดไปก่อนล่ะกัน เผื่อมันจะเป็นอีกทางที่ช่วยให้เขารีบเลิกกับยัยนั่นไวๆ นี่ฉันทำอะไรหวังผลนะบอกเลย หวังสูงด้วย!

 

 

 

          “เป็นปลิงหรือไง ตามติดอยู่ได้”

 

 

 

          “ก็…นายเป็นเบ๊ฉันนี่! ลืมไปแล้วเหรอ” เมื่อนึกเรื่องเบ๊ขึ้นมาได้ฉันจึงยกขึ้นมาอ้างทันทีพร้อมกับยืดตัวขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย

 

 

 

          “ชาติที่แล้วฉันทำกรรมอะไรไว้วะ ถึงได้มาเจอกับยัยโรคจิตอย่างนี้เนี่ย”โทโมะบ่นพึมพำกับตัวเองแต่มันก็ดังพอที่ฉันจะได้ยินทุกคำพูดของเขา

 

 

 

          นี่ฉันดูเหมือนโรคจิตมากเลยเหรอถามจริง?=_=

 

 

 

          “ไอ้โมะ! ฉัน ก็เดินตามหาตั้งนาน ที่แท้ก็อยู่กับแก้วใจนี่เอง”เขื่อนที่วิ่งมาจากทิศไหนไม่รู้พุ่งตรงเข้ามาประชิดตัวโทโมะแล้วพูดเสียง หอบก่อนที่จะหันมายิ้มยิงฟันให้ฉัน

 

 

 

          “หาทำไม” คือเพื่อนตามหาตัวนี่ไม่คิดจะดีใจเลยใช่มั้ยเนี่ย ไม่ดีหรือไงที่เขาสนใจน่ะ เฮ้อ! เป็นคนยังไงของเขานะ

 

 

 

          “ก็จะชวนไปกินข้าวไง -_-^”

 

 

 

          “อืม ไปสิ…แล้ว ไอ้ป๊อปล่ะ”โทโมะที่กำลังจะก้าวขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อนึกถึงเพื่อนอีกคนขึ้นมาได้ เขื่อนหันซ้ายหันขวาเหมือนต้องการจะหาป๊อปปี้ แต่เมื่อไม่พบเขาก็ยกมือขึ้นมาเกาหัวแกรกๆ ทำท่าครุ่นคิดแล้วก็ดูเหมือนจะไม่ได้คำตอบอะไรเลย

 

 

 

          “เออว่ะ ไปไหนวะ ตอนแรกยังเดินอยู่ด้วยกันเลยนี่หว่า แล้ว...มันหายไปตอนไหนไม่รู้จำไม่ได้แล้วอะ T_T” เอิ่ม…แสดงถึงความใส่ใจคนรอบข้างเป็นอย่างมากเลยนะเขื่อน(ประชด)

 

 

 

          “=_=” ฉันมองเขื่อนที่ยังทำหน้างงๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบไปมองโทโมะที่ดูจะมีสีหน้ากังวลเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันมามองฉันเหมือนกัน

 

 

 

          “ก็บอกแล้วว่าเห็น…” ฉันพูดลอยๆ แล้วกลอกตาไปมา

 

 

 

          “เธอเห็นอะไรเหรอ” เขื่อนถามอย่างสนใจ

 

 

 

          “ยัยพะ…ป๊อป เอ่อ ฉันเห็นป๊อปปี้น่ะ เมื่อกี้เหมือนจะเห็นเขาอยู่ตรงทางเดินหลังอาคารนั่น แล้วก็หายไปไหนไม่รู้” ฉันตอบพร้อมกับชี้นิ้วไปยังทางเดินเล็กๆ หลังตึกที่ฉันกับโทโมะเพิ่งเดินกลับออกมา นี่ถ้าโทโมะมาเร็วกว่านี้เขาก็อาจจะเจอเพื่อนของตัวเอง ดีไม่ดีอาจจะได้เห็นยัยพิมนั่นด้วย ฉันไม่ได้ตาฝาดจริงๆ นะบอกไว้ก่อน

 

 

 

          “สงสัยไปทำธุระล่ะมั้ง เราไปกันเถอะท้องฉันร้องนับครั้งไม่ถ้วนแล้วเนี่ย TT_TT” เขื่อนทำน้ำเสียงและสีหน้าท่าทางโอดครวญพลางเอามือกุมท้องของตัวเอง

 

 

 

          “ฉันไปด้วย!^O^” ฉันยกมือขึ้นแสดงตัวทันที

 

 

 

          “ไม่ได้เชิญ” เป็นสามคำของโทโมะที่แทงทะลุหัวใจมากๆ แต่ไม่เป็นอะไรค่ะ…แก้วใจทนได้(กัดฟัน) ^+++^

 

 

 

          “ถ้าเธอไปแล้วจะกินอร่อยเหรอ เดี๋ยวไอ้โมะก็พาพิมไปด้วย”

 

 

 

          “พิมไม่มา” โทโมะตอบสั้นๆ พลางเหลือบมามองฉันอย่างขัดใจเล็กน้อย คงเคืองเรื่องที่ฉันบอกว่าเห็นยัยนั่นล่ะสิ เฮอะ! เมื่อเช้าฉันก็เจอระยะประชิดด้วยซ้ำ ไม่อยากจะบอก อะโถ่เอ๊ย! -0-

 

 

 

          “บ้าแล้ว ฉันว่าฉันเห็นพิมแวบๆ”

 

 

 

          “แวบๆ เลยเหรอ คนหรือผีเนี่ย ฮ่าๆๆ…ฮะๆ เฮือก! อึก…หึหึหึ” ฉันแกล้งพูดแซวแล้วหัวเราะอย่างชอบใจแต่ก็ต้องหุบปากทันทีเมื่อหันไปเจอสายตาดุๆ ของโทโมะ

 

 

 

          “ไม่มาก็คือไม่มา ไปเถอะ!” โทโมะตัดบทไม่ให้ยืดเยื้อแล้วเดินตัวปลิวนำไปก่อนใครเพื่อนจนฉันกับเขื่อนหันมามองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้ แล้วระหว่างทางเดินที่เราจะออกไปกินข้าวที่หน้ามหาวิทยาลัยนั้นฉันก็โทรไปชวนพี่ขนมเข่งให้มากินด้วยกัน โชคดีที่พี่แกเลิกเรียนพอดีเลยบอกว่าเดี๋ยวจะรีบตามออกมา

 

 

 

          ฉันว่าเรื่องวันนี้มันชักจะเข้าเค้ายังไงชอบกลแล้วล่ะ!

 

 

 

          ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วสองคนนั้นกำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่ ถึงโทโมะจะไม่สนใจ แกล้งโง่! แกล้งไม่ใส่ใจ!!! ก็ช่างศีรษะของเขาไปเถอะ ฉันบอกแล้วยังไงล่ะว่าฉันจะจัดการเอง ไหนๆ ดวงก็มาซวยที่ฉัน มันก็ต้องลำบากตัวเองแบบนี้แหละ แต่เพื่อชีวิตที่สดใสรุ่งโรจน์ของตัวเองแล้ว…

 

 

 

          ฉันจะไม่ทน!...ไม่ทนให้โทโมะโดนสวมเขาไปตลอดหรอก หึหึ

 

 

 

          เกิดเป็นเนื้อคู่มันก็ต้องช่วยเหลือกันแบบนี้แหละ ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนฉันดิ้นรนอยู่คนเดียวก็เถอะ -_-^

 

 

 

อัพแล้วน๊าาเม้นโหวตกันด้วยนะงับบ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา