Conquerhearts ปฏิบัติการพิชิตหัวใจ
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.31 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 15.37 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
10) ขยับมาใกล้กัน ให้ใจเราใกล้ใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter 9 ขยับมาใกล้กัน ให้ใจเราใกล้ใจ
“นี่กระดาษบ้าอะไร” โทโมะถามพลางชูกระดาษในมือของตัวเองให้ฉันดู สายตาของเขาบอกชัดเจนว่า ต้องการคำอธิบาย
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณห้าโมงเย็นกว่าๆ ได้ ฉันมายืนรอโทโมะอยู่ที่รถเต่าสีเหลืออ่อนของเขาคันเดียวกับที่เขื่อนขับไปบ้านฉันเมื่อคืนนั่นแหละ (ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เอารถที่เขาใช้แข่งมาแล้วนะ -_-^) โชคดีที่วันนี้แฟนโทโมะไม่อยู่ เมื่อตอนบ่ายๆ ฉันจะเห็นยัยนั่นด้วยล่ะ ขึ้นรถใครไปก็ไม่รู้ฉันก็มัวแต่ดูว่าใช่ยัยพม่าหรือเปล่าเลยไม่ทันจดทะเบียนรถมา แต่ฉันรู้สึกว่าเหมือนเคยเห็นรถคันนั้นที่ไหนก็ไม่รู้อะ แต่ช่างมันเถอะ แม้แต่สีของรถฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองเห็นเป็นสีอะไร =.,=
“กฎไง ในฐานะที่ฉันเป็นเจ้านาย และนายเป็นเบ๊ นายต้องทำตามกฎที่ฉันตั้งขึ้น >_<” ฉันตอบพร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วชี้ไปที่โทโมะเพื่อเป็นท่าทางประกอบ
“ไร้ สา ระ” เขาพูดเสียงรอดไรฟันช้าๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำ แล้วทำท่าจะขยำกระดาษขนาดเอสี่ที่ฉันอุตส่าห์เขียนมันเองด้วยลายมือบรรจง อย่างสวยงาม
“อย่านะ!” ฉันแย่งกระดาษแผ่นนั้นมาถือไว้แล้วคลี่มันออกให้เต็มแผ่น
“ถ้านายขี้เกียจอ่านฉันกรุณาอ่านให้นายฟังก็ได้ อะแฮ่ม!…ข้อหนึ่ง นายต้องตามใจฉันทุกอย่าง ขีดเส้นใต้คำว่า ทุกอย่าง…ข้อสอง นายต้องตามใจฉันทุกอย่าง ขีดเส้นใต้คำว่า ทุกอย่าง…ข้อสามนายต้องตามใจฉันทุกอย่าง ขีดเส้นใต้คำว่า ทุกอย่าง…ข้อสี่ นายต้องตามใจฉันทุกอย่าง ขีดเส้นใต้คำว่า ทุกอย่าง…ข้อห้า นายต้องตามใจฉันทุกอย่าง ขีดเส้นใต้คำว่า ทุกอย่าง…ห้าข้อเองไม่เห็นมีอะไรมากมาย^O^” อ่านจบฉันก็ยิ้มร่าแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองผู้ชายตรงหน้าที่กำลังยืนกอดอกทำ หน้ายุ่งขมวดคิ้วเป็นปมอย่างไม่สบอารมณ์นักกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้
“คิดว่าเธอกำลังท่องบทอาขยานที่ตัวเองคัดลายมือมาให้อาจารย์สอนภาษาไทยฟัง เหมือนเด็กประถมหรือไงห๊ะ!” เขาแย่งกระดาษไปมองนิดหน่อย แล้วฉีกมันออกเป็นสองแผ่นทิ้งลงพื้นต่อหน้าต่อตาฉัน ทำเอาฉันอ้าปากหวอทันทีกับการกระทำที่ไม่คาดคิดนี่
“จะบ้าเหรอ! นายมาฉีกกฎของฉันทิ้งทำไม T^T” ฉันถามเสียงเขียวพลางจ้องเขม็งไปที่คนก่อเหตุฆาตกรรมกระดาษของฉัน ใจร้ายมาก ไม่ชอบใจก็พูดดีๆ ไม่ได้หรือไง
ปึกๆๆๆ!
“ฮึ! กฎ บ้าๆ ของคนประสาทอย่างเธอน่ะเหรอ คิดว่าฉันจะทำตามง่ายๆ หรือไง” ไม่พูดเปล่าแต่เขายังใช้เท้าเหยียบกระดาษที่โดนทิ้งลงพื้นเมื่อกี้แล้วยัง กระโดดเหยียบขาคู่ใส่กระดาษนั่นดังปึกๆ อีกด้วย
ทำเกินไปแล้วนะโทโมะ!
พลั่ก!
“นี่! ก็ไหนนายตกลงจะเป็นเบ๊ให้ฉันแล้วไง ทำไมทำแบบนี้ล่ะ” ฉันผลักเอาออกไปไม่ให้เขาเหยียบย่ำกระดาษนั่นมากไปกว่านี้ แต่ฉันก็ไม่ได้ก้มลงไปเก็บมันขึ้นมาหรอกนะ ก็โทโมะเล่นฝากรอยเท้าไว้จนกระดาษขาดยับยู่ยี่ไปหมดแบบนี้ -0-
“ตกลงเหรอ?…เธอ มันขี้โกง คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าเธอพยายามจะทำให้ฉันเลิกกับพิมน่ะ” เขาพูดแล้วหรี่ตามองฉันอย่างรู้ทัน ก็แล้วจะทำไมล่ะ เลิกกับยัยนั่นน่ะไม่ดีตรงไหนเหรอ ฉันไม่เห็นว่ายัยพม่านั่นจะมีอะไรดีเลยนอกจากหน้าตา!
“ใช่ฉันมันขี้โกง แล้วก็จะโกงจนกว่านายจะยอมมาเป็นแฟนฉันด้วย คอยดู!” ฉันประกาศเสียงดังจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้เริ่มหยุดเดินแล้วหันมามองที่เราสองคน ดูเหมือนโทโมะก็จะสังเกตเห็นเหมือนกัน
“พูดบ้าอะไรของเธอ…ไม่อายเขาหรือไง!” โทโมะเข้ามาประชิดตัวแล้วบีบต้นแขนฉันจนแน่นพร้อมกับเอ่ยกระชากเสียงอย่างเหลืออด
“อายทำไม คนเยอะแยะ…แล้วฉันทำสิ่งที่ถูกต้องด้วย” ฉันตอบพร้อมกับยักคิ้วให้เขาสองสามครั้งอย่างจงใจยั่วโมโห
“แย่งแฟนชาวบ้านนี่มันถูกต้องยังไง ฉันไม่เข้าใจพี่หนมเข่งจริงๆ ว่าทำไมไม่ห้ามเธอ”
“อีกไม่นานเดี๋ยวนายก็จะรู้เองแหละว่ามันถูกยังไง…แต่ว่าวันนี้นายต้องพาฉันไปเที่ยวงานวัดจำลองที่ศูนย์กีฬาหลังมหา’ลัย >_<” ฉันเปลี่ยนเรื่องทันทีโดยการบอกความต้องการของตัวเองไป ก็วันนี้น่ะเป็นวันแรกที่เขามีการจำลองงานวัดขึ้นเพื่อหารายได้ไปช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมโดยงานนี้เป็นความร่วมมือของมหาวิทยาลัยที่ฉัน เรียนอยู่แล้วก็ศูนย์กีฬาที่ตั้งอยู่ด้านหลัง จะบอกให้ว่าพี่ขนมเข่งเสนอไอเดียดีๆ มาให้ฉันด้วยล่ะ นั่นก็คือ…ฉันต้องลากโทโมะเข้าไปในบ้านผีสิงให้ได้! เพื่อเป็นการทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น อุวะฮ่าๆๆๆ พี่ชายฉันนี่มันตัวการร้ายเลย >_<
“งานวัด? บอกเหตุผลที่ฉันต้องไปกับเธอมาสิ”
“เพราะนายเป็นเบ๊ของฉันสามเดือน ^O^” แล้วภายในสามเดือนนี้รับรองเลยว่าฉันต้องต้องทำให้เขามาเป็นแฟนฉันให้ได้ หึหึ
“เหตุผลอื่นล่ะ”
“ไม่มี…อ้อ! ข้อตกลงที่โดนนายฉีกทิ้งนั่นบอกว่านายต้องตามใจฉันทุกอย่างไง” ฉันชี้ไปที่เศษกระดาษบนพื้นที่สภาพเละไม่มีชิ้นดีจากฝีมือและฝีเท้าของ โทโมะ ไอ้คนใจร้าย! โฮกกก~ TOT
“เหตุผลอื่นล่ะ” เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้นแล้วถามคำถามเดิม โว๊ะ! ไอ้บ้านี่มันเรื่องมากชะมัดเลย จะเอาเหตุผลอะไรนักหนาเยอะแยะ เอาไปถมบ้านหรือไงห๊ะ
“ไม่มีแล้ว! ถ้านายไม่ยอมทำตามที่ฉันบอก ฉันจะฟ้องพี่เข่ง”
“ฉันบอกเธอแล้วใช่มั้ยว่ายะ…”
“อย่าดึงพี่ชายเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แบะๆๆ” ฉันลอยหน้าลอยตาแกล้งดัดเสียงพูดประโยคที่กำลังจะถูกเอ่ยออกมาจากปากของเขา
“สนุกมั้ย” เขาถามเสียงเรียบ
“สนุกมาก!>_<”
“แต่เธอจำประโยคนี้ได้ก็ดีแล้ว กรุณาก็ช่วยทำตามด้วยถ้ายังมีจิตสำนึกหลงเหลืออยู่บ้าง” หมอนี่มันปากร้ายชะมัดเลย ฮึ่ย!
“ไม่ทำ! ถ้าฉันไม่ดึงพี่เข่งมาเกี่ยวข้องแล้วฉันจะไอ้แอ้มนายมั้ยล่ะ!” เอ่อ เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย มันต้องมีการเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ ฉันไม่มีเจตนาสื่อไปทางที่ไม่ดีอะไรเลยจริงๆ นะ สาบาน Y_Y
“ห๊ะ! O_O” โทโมะร้องเสียงหลงทันทีด้วยความตกใจพลางปล่อยแขนฉันแล้วเขยิบถอยออกไปสาย ตาของเขาที่มองมายังฉันตอนนี้มันเหมือนว่าเขาเห็นโรคจิตที่เพิ่งหลุดออกมา จากโรงพยาบาลบ้าก็ไม่ปาน
“เอ่อ คือฉันหมายถึง….ให้นายมาเป็นแฟนฉันน่ะ U.U”
“ไม่มีทาง…ยัยโรคจิต!” เขามองมาด้วยสายตาหวาดกลัว ฮือออ~ ฉันไม่ใช่โรคจิตนะไอ้บ้า
“ไม่รู้แหละ ถึงนายยังไม่ตกลงเป็นแฟนฉัน แต่ยังไงวันนี้นายก็ต้องไปกับฉัน…ไม่สิ นายต้องพาฉันไป” ฉันยกมือขึ้นมากอดอกเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างเอาแต่ใจพร้อมกับเอ่ยกำชับเสียงแข็ง
“ประสาท!” ว่าจบเจ้าตัวก็เดินดุ่มๆ ไปขึ้นรถ หนอย! คิดว่าจะหนีคนอย่างแก้วใจพ้นหรือไงไอ้โทโมะ
ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาพี่ชายตัวเองทันที ไม่นานนักเขาก็รับสาย แล้วเพียงแค่ฉันกรอกเสียงไปตามสายว่า จัดการเรื่องงานวัดให้ด้วย พี่ขนมเข่งก็ตัดสายไปทันทีพร้อมๆ กับที่โทโมะเลี้ยวรถออกไปจากตรงนี้แต่ฉันกลับยืนยิ้มกริ่มอยู่ที่เดิม…
เพราะเขาไปไม่ถึงสองนาทีก็เลี้ยวรถกลับมาแล้ว! ฮูเล่! >O<
“จะไปมั้ยงานวัดงานวาอะไรนั่นน่ะ!” โทโมะเปิดกระจกรถออกแล้วชะโงกหัวออกมาตวาดถามด้วยความโมโห นี่นายไม่กล้าหงุดหงิดใส่พี่ขนมเข่งก็เลยมาลงที่ฉันใช่มั้ยเนี่ย ไอ้บ้าเอ๊ย! สองมาตรฐานจริงๆ
“ไป!” ฉันขมวดคิ้วตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นักเพราะเขาไม่เคยพูดดีกับฉันเลย แบบนี้จะไปรอดมั้ยเนี่ย
“จะไปก็ขึ้นรถ ยืนโง่อยู่ทำไม!” เขาตวาดอีกแล้ว T^T ไหนพี่ขนมเข่งบอกว่าไอ้หมอนี่มันเป็นคนดีไง ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย แล้วที่ว่าฉันโง่น่ะ มันนายต่างหากเล่าที่โง่ เฮอะ!
และแล้วตอนนี้ฉันก็มานั่งเฉิดฉายเป็นตุ๊กตาหน้ารถของโทโมะเป็นที่เรียบร้อย ด้วยอานิสงค์ของพี่ชายสุดที่รักที่ทำทุกอย่างเพื่อให้น้องสาวผู้น่ารักคนนี้ มีความสุข หึหึ ภารกิจคอมพลีทเมื่อไหร่ฉันต้องพาพี่ขนมเข่งไปเลี้ยงบุพเฟ่ต์สักหน่อยแล้ว ^O^
“คิกๆ”
“เป็นบ้าอะไรนั่งยิ้มนั่งหัวเราะคนเดียว” โทโมะเอ่ยถามขึ้นจนฉันต้องเหลือบไปมองเขานิดหน่อยก่อนที่จะตอบ
“ไม่มีใครเขาทำหน้าหงิกเหมือนนายหรอกนะ เขาก็ยิ้มแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ”
“เหอะ! นี่ ถ้าไม่ติดว่าพี่หนมเข่งฝากให้ฉันดูแลเธอล่ะก็ เธอไม่มีทางได้มานั่งตรงนี้แน่ๆ” เขาบ่นอุบ ทำเป็นพูดมากไปเถอะ ถ้าฉันไม่ติดว่านายเป็นเนื้อคู่ของฉันตามที่แม่หมอนั่นบอกล่ะก็ ฉันก็ไม่มาตามจีบผู้ชายโง่ๆ อย่างนายให้เสียเวลาหรอก เอาเวลาไปนั่งเล่นหมากเก็บยังจะดีกว่าเลย เฮอะ!
“มันเป็นหน้าที่ของนายต่างหาก ความจริงควรจะรู้ด้วยตัวเองไม่เห็นต้องให้พี่เข่งฝากเลย”
“หน้าที่อะไร”
“เบ๊!” ฉันหันไปพูดเสียงดังใส่เขาก่อนจะแลบลิ้นส่งไปให้หนึ่งที จะว่าไปแล้วคนอะไรก็ไม่รู้ มองด้านข้างยังหล่อเลย…
เอ๊ะ! แล้วนี่ใช่เวลามาชมไอ้บ้านี่มั้ยล่ะเนี่ย -///-
ห้ามหวั่นไหวกับผู้ชายหน้าหล่อแต่ปากคอเราะร้ายคนนี้เด็ดขาดนะยัยแก้ว เธอต้องมองเขาเป็นเครื่องรางของขลังอะไรสักอย่างที่จะมาคอยกันเรื่องซวยๆ ออกไปเท่านั้น เนื้อคงเนื้อคู่อะไรก็แค่เรื่องไร้สาระของยัยแม่หมอนั่นแค่นั้นแหละ!
เนื่องด้วยสถานที่จัดงานมันอยู่หลังมหาวิทยาลัย และห่างออกมาแค่ประมาณกิโลเมตรเดียว ฉันกับโทโมะเลยใช่เวลาไม่ถึงห้านาทีก็มาถึงที่นี่ และสารถีของฉันก็ยังคงทำสีหน้าบูดเป็นตูดสิงแสม(?)อยู่เหมือนเดิม คิดทำแบบนี้แล้วหล่อขึ้นหรือไงยะ
แกร๊กๆ
ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าโทโมะหาอะไรบางอย่างในช่องเก็บของระหว่าง เบาะเพียงไม่กี่อึดใจเขาก็หยิบแว่นกันแดดเลนส์สีดำทึบออกจากกล่องเก็บแว่นมา สวมก่อนที่จะมองหน้าตัวเองในกระจกมองหลังพลางขยับแว่นไปมาเล็กน้อยให้เข้าที่
เป็นบ้าอะไรของเขา?
“นายบ้าหรือเปล่าเอาแว่นมาใส่ทำไม นี่มันห้าโมงกว่าจะหกโมงแล้วไม่มีแดดเลย” ฉันถามด้วยความอย่างข้องใจ
“เรื่องของฉันลงไปได้แล้วจะล็อกรถ” เขาพูดแล้วมองมาที่ฉันนิ่งเพื่อรอให้ฉันลงไป เนื่องจากแว่นที่เขาสวมอยู่มันดำสนิทฉันเลยไม่เห็นว่าแววตาของเขาเป็นอย่างไร แต่มันคงไม่ดีเท่าไหร่นักหรอกเวลามองฉันน่ะ -0-
“ไม่ลงจนกว่านายจะตอบว่าใส่แว่นทำไม” ฉันยืนกราน
“ตามใจ จะนั่งเฝ้ารถก็ตามสบาย แล้วก็เฝ้าดีๆ อย่าให้โจรมางัดรถฉันล่ะ” พูดจบเขาก็เปิดประตูลงจากรถไปทันทีโดยไม่รั้งรอจนฉันต้องรีบออกมาจากรถด้วยอีกคน
“นี่! จะให้ฉันเฝ้ารถไม่ได้นะ >O<”
“ฮะๆ ลงมาได้สักทีนะยัยตัวยุ่ง” หลังจากที่ฉันลงมาจากรถเรียบร้อยพร้อมกับปิดประตู โทโมะก็หันกลับมาแล้วหัวเราะน้อยๆ แล้วบ่นอะไรงึมงำที่ฉันได้ยินไม่ถนัดเท่าไหร่ ก่อนที่เขาจะรีบใช้กุญแจรีโมทในมือกดล็อกรถทันทีเหมือนกลัวว่าฉันจะกลับเข้าไปนั่งใหม่
ปิ๊บๆ
เจ้าเต่าสีเหลืองนวลส่งเสียงร้องพร้อมกับกระพริบไฟสองสามครั้งเป็นสัญญาณว่ารถ ถูกล็อกแล้วเรียบร้อย พร้อมกับที่เจ้าของรถเดินกลับมายืนตรงหน้าฉันซึ่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่
“-^-”
“เอาล่ะ บอกฉันมาว่าฉันต้องทำอะไรให้เธอบ้างในฐานะที่…เป็น เบ๊ให้เธอ” ประโยคนี้ทำให้ฉันหลุดยิ้มออกมาทันที ความจริงแล้วหมอนี่มันก็ทำตัวน่ารักเป็นเหมือนกันนะเนี่ย หรือว่าเขาจะเป็นคนดีอย่างที่พี่ชายฉันบอกจริงๆ…ไม่หรอกมั้ง มองโลกในแง่ร้ายไว้ก่อนดีกว่า โทโมะเขาอาจจะพูดดีตอนนี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าลึกๆ ในใจอาจจะกำลังสาปแช่งฉันอยู่ก็เป็นได้
“ทำทุกอย่างที่ฉันต้องการ >_<” ฉันตอบพร้อมกับยักคิ้วตามสไตล์ของตัวเอง
“เฮ้อ! เธอนี่มัน…” เขายกมือขึ้นมาท้าวเอวแล้วเงยหน้ากรอกตามองฟ้าทันทีเหมือนกำลังสะกดกลั้น อารมณ์ไม่ให้เหวี่ยงใส่ฉัน จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืนแล้ว ฉันพอเดาออกได้เลยว่าหมอนี่มันเป็นผู้ชายที่ขี้เหวี่ยง ขี้โวยวายพอสมควร
“มันน่ารักใช่ป้ะ!”
“เพ้อเจ้อเก่งนะ” เขาก้มหน้าลงมาจ้องฉันก่อนที่หันหมุนตัวเดินนำฉันเข้าไปในงานทำเอาฉันต้องรีบวิ่งตามไปแล้วเกาะแขนเขาไว้ทันที
พี่ชายสอนว่า…ต้องทำตัวอ่อนแอบ้าง คิกๆ
“ฉะ…ฉันเวียนหัวจังเลยอะ เสียงเพลงลูกกรุงมันดังมากจนสมองเต้นตุบๆ เลย >_<” ฉันแกล้งพูดเสียงอ่อยแล้วกอดแขนโทโมะแน่นขึ้นก่อนที่จะเอียงหัวไปสบกับท่อนแขนแกร่งของเขาเพื่อให้ยัยฟางจับภาพ…ใช่ แล้ว ความจริงฉันวางแผนกับยัยฟางไว้แล้วต่างหากล่ะว่าให้ยัยนั่นคอยตามเก็บภาพเรา สองคนเอาไว้ ก่อนที่จะส่งไปหายัยพิม ฮิฮิ แล้วเมื่อกี้ฉันก็แอบเห็นยัยฟางซ่อนตัวอยู่แถวๆ ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่เรากำลังจะเดินผ่านนี้ด้วย แผนนี้ฉันคิดเองนะ ไม่ใช่พี่ขนมเข่งหรอก เกิดเป็นน้องของผู้ชายร้ายๆ แบบนั้นทั้งที มันก็ต้องร้ายตามแบบนี้แหละ!
“สมองเต้น?” โทโมะทวนคำเสียงสูงแต่ก็ไม่ได้แกะมือฉันออกแต่อย่างใด
“เอ่อ ฉันหมายถึงมันปวดหัวตุบๆ อะ YOY” ฉันรีบแก้ทันทีเมื่อรู้ตัวว่าเผลอปล่อยไก่ตัวใหญ่ออกไป
“งั้นกลับบ้านดีกว่า…ดีเลย ฉันก็ขี้เกียจเดินเหมือนกัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงดีใจที่จะได้กลับบ้าน ไม่ได้มีความเป็นห่วงเป็นใยฉันเลยแม้แต่น้อย
“ไม่! เอ่อ…เอ๊ะ! เหมือน จะหายปวดหัว สงสัยร่างกายจะปรับตัวได้แล้วล่ะ” ฉันพูดปฏิเสธการกลับบ้านแล้วปล่อยมือออกจากแขนโทโมะทันที หวังว่าเมื่อกี้ยัยฟางคงจะเก็บภาพประทับใจ(?)ได้สักภาพสองภาพนะ
“เธอนี่มันร้ายจริงๆ”
“แกๆ ผู้ชายคนนั้นหน้าคุ้นมากเลย ใช่พี่โทโมะหรือเปล่าน่ะ”เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักศึกษาหมาวิทยาลัยเดียวกับฉันซุบซิบถามเพื่อน แต่เหมือนจะดังแข่งกับเพลงลูกกรุงประกอบงานไปหน่อยจนมันลอยมาเข้าหูฉันเลยละ
“ไหนๆ…ไม่ใช่หรอกมั้งแก เพราะแฟนพี่โมะไม่ใช่คนนี้นะ” เพื่อนของน้องคนนั้นตอบ และดูเหมือนผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างฉันจะได้ยินบทสนทนานั่นเหมือนกันเพราะฉัน เหลือบเห็นว่าเขากำลังทำท่าลุกลี้ลุกลนมองซ้ายมองขวาพลางมือก็ขยับแว่นไปด้วย
แว่น...ฉันรู้แล้วว่าเขาใส่แว่นมาทำไม! หึหึ
“โทโมะ!~ ถอดแว่นออกเถอะ ดูสิ…แสงไฟสีสวยเหมือนสลิ่มเลยอะ ใส่แว่นดำมืดบังตาแบบนี้จะเห็นสีสันได้ไง ^O^” ฉันจงใจเรียกชื่อคนข้างๆ เสียงดังจนผู้คนรอบๆ หันมามองรวมทั้งเพื่อให้เสียงไปเข้าหูของผู้หญิงสองคนเมื่อกี้ด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดเปล่านะเพราะมือก็เอื้อมขึ้นไปดึงแว่นของโทโมะออกมาถือไว้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาคือโทโมะตัวจริงเสียงจริงจนเจ้าตัวถึงกับเบิกตาโตหันขวับมาจ้องฉันเขม็ง
“แกๆ พี่โมะจริงๆ ด้วย!”
“ต๊ายยย~ แฟนใหม่พี่เขาแน่ๆ แต่ฉันว่าคนนี้เหมาะกว่ายัยพี่พิมนั่นนะ…” เสียงซุบซิบดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ฉันเดินหนีโทโมะออกมาจากตรงนั้น แต่ด้วยความที่เขาขายาวกว่าฉันมากจึงก้าวเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถตามฉันมาทันพร้อมกับมือหนาที่เอื้อมมาคว้าไหล่ฉันเอาไว้
“เอาแว่นฉันคืนมา” น้ำเสียงหงุดหงิดของเขาดังขึ้นจากเบื้องหลังจนฉันต้องหันไปยิ้มหวานทันที
“ฉันว่าไม่ต้องใส่หรอก…” ฉันบอกพร้อมกับเอาแว่นเหน็บไว้ที่คอเสื้อนักศึกษาของตัวเองจนโทโมะที่เตรียมจะแย่งไปต้องชักมือกลับทันที จุดล่อแหลมแบบนี้เขาคงไม่กล้าแย่งแว่นคืนไปหรอกนะ ถ้ากล้าจริงฉันตบคว่ำจริงๆ อะเอาดิ -_-^
“เธอนี่มันตัวปัญหาจริงๆ”
“จะถือว่าเป็นคำชม…เราไปทางโน้นกันดีกว่า” ฉันตอบกลับอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรก่อนที่จะชี้นิ้วไปทางซ้ายมือของตัวเองซึ่งมีป้ายติดเอาไว้ว่า…
บ้านผีสิง
“ฉันไม่…” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบฉันก็หันหลังให้แล้วเดินนำมาทันที
“แก้วใจ!…นี่ๆ แก้วใจ…ถ้าเธอจะเข้าไปข้างใน ฉันไม่ไปด้วยหรอกนะ” โทโมะเดินตามมาดักหน้าฉันเอาไว้ก่อนที่ฉันจะเดินมาถึงโต๊ะจำหน่ายบัตร
“นายกลัวผีเหรอ”
“เปล่า แต่มันไร้สาระ…นี่เธอกลับบ้านสักทีได้มั้ยห๊ะ ฉันจะได้ไปริกกี้”
“ไม่!” เพิ่งจะมาถึงแท้ๆ รบเร้ากลับซะแล้วไอ้หมอนี่ ทำตัวเป็นเด็กน้อยขี้งอแงไปได้ -*-
“โถ่เว้ย!” เขาขยี้หัวตัวเองอย่างหัวเสียในขณะที่ฉันมองการกระทำนั้นอย่างขำๆ แล้วเดินมาที่โต๊ะจำหน่ายบัตรเข้าบ้านผีสิง
“ซื้อบัตรสองใบค่ะ”
“เฮ้ยๆ ฉันยังไม่ได้ตกลงว่าจะเข้าไปด้วยเลย” โทโมะเดินมายืนข้างฉันแล้วโวยวาย แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกาของเขาแต่อย่างใด
“จ่ายเงินด้วยนะ…baby เบ๊ >_<” พูดจบฉันก็ยกยิ้มขึ้นอย่างผู้มีชัยแล้วเดินมารอเขาที่หน้าทางเข้าบ้านผีสิง คนขายยื่นบัตรให้โทโมะสองใบ เขามองบัตรครู่หนึ่งก่อนที่จะหันมามองฉัน แต่สิ่งที่ได้กลับไปก็คือการพยักพเยิดหน้าไปทางบัตรเท่านั้นแล้วทำปากเป็นคำ พูดว่า ‘เร็วๆ สิ’ก่อน ที่จะยักคิ้วเพื่อเสริมความ
กวนประสาทด้วย เขาแยกเขี้ยวใส่ฉันอย่างอาฆาตก่อนที่จะควักเงินจ่ายค่าบัตรอย่างไม่เต็มใจ เท่าไหร่แล้วเดินเอาบัตรตีมืออีกข้างของตัวเองเข้ามาหาฉันพร้อมกับส่งสายตาคาดโทษ
“แสบนักนะ”
“นายชมฉันบ่อยๆ อย่างนี้ ฉันก็เขินแย่สิ” ฉันจีบปากจีบคอพูดแล้วแย่งบัตรมาจากมือของเขาโดยไม่ขออนุญาต แล้วนำไปยื่นให้คนเจาะบัตรที่หน้าทางเข้าทันที
“ขอให้สนุกนะครับ” คนเจาะบัตรพูดพร้อมกับรอยยิ้มพลางยื่นบัตรที่เจาะแล้วคืนมาให้ฉัน
“สนุก แน่ๆ ค่ะ” ฉันตอบเบาๆ โดยไม่ให้โทโมะได้ยินก่อนที่จะหันไปคว้าข้อมือแล้วดึงเขามาใกล้ๆ แล้วบอกกับเขาอย่างตื่นเต้น
“ไปกันเถอะ ฉันอยากเห็นผีใจจะขาดแล้ว >_<” พูดจบก็ลากเขาเข้ามาด้านในทันที
บรรยากาศในนี้มันวังเวงชะมัดเลยอะ ด้วยคนที่เข้ามาก่อนหน้าฉันเขาเดินนำไปไกลแล้ว และก็ยังไม่มีใครเดินเข้ามาหลังจากฉันด้วย เสียงหมาหอนดังเขามากระทบโสตประสาทจนฉันเผลอสะดุ้งถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า มันเป็นแค่ซาวด์เอฟเฟคเท่านั้นแต่บวกกับบรรยากาศเสมือนจริงในนี้ที่ใครเข้ามาก็ต้องทึ่งกับความสมจริงก็เลยทำให้ฉันตกใจจนขนลุกเลยล่ะ สภาพข้างในเป็นเหมือนจะเป็นการจำลองห้องอะไรสักอย่างที่มีการฆาตกรรมเกิด ขึ้นสังเกตจากศพปลอมที่เกลื่อนกลานอยู่รอบๆ ทางเดินแล้วก็มีดรายไอซ์บางๆ ลอยปกคลุมไปทั่วสร้างความหลอนเข้าไปใหญ่ บรึ๋ย~
“เธอกลัวผีเหรอ” โทโมะที่เดินข้างฉันนิ่งๆ เหมือนเดินชมวิวอยู่ริมแม่น้ำเอ่ยถามขึ้น
“เปล่าสักหน่อย -0-” ฉันรีบแก้ตัวถึงแม้ความจริงแล้วฉันจะกลัวผีจริงๆ ก็เถอะ เมื่อเช้าพี่ขนมเข่งแนะนำอะไรฉันมาบ้างนะ ลืมไปหมดแล้วเนี่ย คิดสิ คิดๆๆ…
เขยิบเข้าไปใกล้ๆ แกล้งทำเป็นกลัวหัวใจจะวาย ผู้ชายหวั่นไหวทั้งนั้นแหละถ้าอยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงมากๆ อะ
เมื่อพยายามคิดอยู่ว่าฉันควรต้องทำยังไงบ้างเพื่อทำให้โทโมะหวั่นไหวแล้วหันมา ชอบฉันในที่สุด เสียงของพี่ชายคนเก่งก็ลอยเข้ามาในหัวทันที คำสอนของพี่ชายมันจะได้ผลหรือเปล่านะ
เขยิบเข้าไปใกล้ๆ อย่างนั้นเหรอ?
“กลัวก็บอกกว่ากลัวสิ มือสั่นขนาดนี้ -_-^” เขาบอกพร้อมกับยกแขนของตัวเองขึ้นมาโชว์หราตรงหน้าโดยที่ข้อมือมีมือของฉันจับอยู่ด้วยตั้งแต่ตอนลากเขาเข้ามา…ฉันตัวสั่นจริงๆ ด้วยอะ T_T
“แฮ่!!!”
“กรี๊ดดด! >[]<”
ปั่ก!
เสียงดังที่เกิดขึ้นพร้อมกับหัวกะโหลกที่มีผมติดอยู่สองสามกระจุกตกจากเพดานลงมา แน่นิ่งอยู่ตรงปลายเท้าของฉันทำให้ฉันเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนที่จะ ใช้เท้าเตะกะโหลกผีนั่นออกไปอย่างแรงแล้วกระโดดเข้าไปหาโทโมะพร้อมกับกอด แขนเขาแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจจนโทโมะที่ไม่ตกใจกลัวเลยแม้แต่น้อยถึงกับหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ ไหนว่าไม่กลัวไง แล้วนี่ร้องแบบผู้หญิงเขาก็เป็นเหรอ นึกว่าจะร้องเป็นแต่ เฮ้ย! ฮ่าๆๆ”
“ไม่…เอ๊ย! กลัวมากเลย โฮกกก~” ฉันรีบถอนคำพูดทันทีพร้อมกระโดดเข้าไปเอามือเกาะไหล่โทโมะพร้อมกับยื่นหน้าซุกไปที่หน้าอกของเขา แล้วสิ่งที่ทำให้ฉันตกใจกว่าหัวกะโหลกเมื่อกี้ก็คือเสียงหัวใจของเขาที่เต้นตึกตักราวกับเข้าจังหวะฮาเรมเชคจนฉันได้ยินชัดเจนแล้วก็กลัวว่ามันจะหลุดออกมาเต้นอยู่ข้างนอกด้วย เขาต้องกลัวผีเหมือนกันจนใจเต้นแรงแน่ๆ เลยแต่ทำเป็นเก็กเพื่อไม่ให้ฉันแซวเขาได้ ชิ!
“มากไปแล้ว…ออกไปนะยัยโรคจิต” เขาพูดพร้อมกับดันตัวฉันออกมาจากหน้าอกของตัวเอง ก็ท่าเมื่อกี้มันเรียกได้อีกอย่างว่าฉันกอดเขาอยู่เลยล่ะ ทำไมรู้สึกว่าความหน้าด้านของตัวเองมันไม่ขีดจำกัดแบบนี้ล่ะเนี่ยยัยแก้วเอ๊ย~-///-
“ก็ฉันกลัวอะ Y.Y”
“งั้นฉันจะจับมือเธอเอาไว้แบบนี้ โอเคมั้ย” เขาบอกพร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้ สัมผัสอุ่นๆ ที่มาจากมือของเขามันทำให้ความร้อนที่หน้าของฉันพุ่งขึ้นสูงเลยล่ะ
“ยัยบ้าเอ๊ย หน้าแดงขนาดนี้จะเป็นลมหรือเปล่าเนี่ย เข้ามาทรมานตัวเองแท้ๆ เลย…นี่ถ้าเธอกลัวจนสติแตกช็อกตายขึ้นมา ฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอพี่หนมเข่งล่ะ” เขามองหน้าฉันก่อนจะนิ่วหน้าแล้วพูดเสียงเครียด
หน้าฉันแดงเหรอ?
“ก็ในนี้อากาศมันร้อนๆ หนาวๆ ฉันก็ปรับตัวไม่ค่อยทัน” แม่นางช่างแถจริงๆ นะฉันเนี่ย ความจริงก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองหน้าแดงจริงหรือเปล่า
“งั้นรีบเดินเถอะจะได้ออกไปจากที่เด็กเล่นนี่สักที -_-^” โทโมะบอกแล้วจูงมือฉันให้เดินตามเขาไปตามทางข้างหน้าทันที
“นายไม่กลัวบ้างเลยเหรอ มันน่ากลัวมากเลยนะ” นี่ฉันไม่ได้โกหกนะเนี่ย มันน่ากลัวจริงๆ นะทุกคนขนแขนฉันพากันยืนตรงเคารพธงชาติตั้งแต่เดินเข้ามาเลยอะ
“เด็กปอสามยังไม่กลัวเลย เชื่อฉันเถอะ” เขาตอบโดยไม่หันหน้ามามองฉัน รีบเดินอย่างนี้ก็ไม่คุ้มค่าบัตรน่ะสิยะ! โถ่ แล้วแผนใกล้ชิดของฉันล่ะ มันจะล่มไม่เป็นท่าอย่างนั้นเหรอ
แต่เมื่อกี้เธอก็ได้กอดเขาแล้วนะ! แค่นี้ก็ก้าวหน้าแล้ว <<เสียงของแก้วฝ่ายธรรมะ
ไม่พอ! เธอต้องอ่อยเขาให้มากกว่านี้ <<เสียงของแก้วใจฝ่ายอธรรม
ตายล่ะ แล้วเสียงในหัวดันตีกันเฉย โอยๆ แก้วใจอยากตาย โฮกกก~ ใครก็ได้บอกให้โทโมะเก็บศพฉันออกไปจากบ้านผีสิงนี้ด้วยเถอะ TTOTT
-------------------------------------------โปรดติดตามตอนต่อไป-----------------------------------
แอ๊กกกกก!!! ฆ่านางเอกที มันอ่อยเกินไปแล้ว 555551 ตอน 1 คอมเม้นท์ = 1 กำลังใจนะคะ :)อย่าลืมให้คะแนนโหวตด้วยน้าาาาา
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ