(ฟิคโอคิคางุ)After marriage

9.6

เขียนโดย naoza

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.14 น.

  10 ตอน
  7 วิจารณ์
  25.92K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 12.48 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

6) ช่วงเวลาแห่งการหลงลืม 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                “โซโกะ”

                เสียงหวานใสเรียกชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆกันให้ตื่นขึ้น โซโกะลืมตาตื่นแล้วค่อยๆหันตะแคงข้างปรือตามองเจ้าของเสียงซึ่งเธอนั้นก็นอนอยู่ข้างเขาใบหน้าสวยยิ้มหวานให้กันจนโซโกะต้องขยับตัวชิดดึงเธอมากอดในอ้อมแขนอย่างหมั่นเขี้ยว

                “ยังเช้าอยู่เลย แปลกจังหล่อนตื่นเช้าได้ไงเนี่ยหืม?”

                “ก็ลื้อไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับอั๊วนี่น่อ อั๊วเลยต้องรีบตื่นมาจะได้มีเวลาอยู่กับลื้อมากขึ้นไงน่อ”

                คางุระบอกแล้วซุกตัวในอ้อมกอดของสามีเพื่อหาไออุ่น เพราะตั้งแต่โซโกะเข้าเวรกลางคืนแล้วทั้งสองคนต่างไม่ได้มีเวลาให้กันมากนักเนื่องจากโซโกะกลับมาในยามเช้าส่วนคางุระก็ต้องออกไปทำงานตอนสาย

                โซโกะหัวเราะกับหญิงสาวเมื่อได้ยินเธอพูดจาออดอ้อนอย่างที่นานๆทีจะเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง

                “ยังจะมาหัวเราะอีกเจ้าบ้าซาดิสม์นี่”

                คางุระพูดขึ้นอย่างงอนๆแล้วตีหลังโซโกะเบาๆหนึ่งทีให้เขารู้ตัว แต่แทนที่โซโกะจะสำนึกชายหนุ่มกลับกอดรัดเธอแน่นกว่าเดิมแล้วหอมเรือนผมสีส้มฟอดใหญ่ด้วยความชื่นใจ

                “หืม? ได้สระผมบ้างรึเปล่า?”

                “ถึงจะเข้าเดือนมีนาแล้วแต่มันก็หนาวน่อ”

                “น้ำอุ่นก็มีไม่ใช่รึไง”

                ชายหนุ่มเขกศีรษะภรรยาเบาๆด้วยความหมั่นไส้กับความขี้เกียจของเธอ แต่คางุระก็ไม่ถือสาเพราะเธอกำลังมีความสุขกับอ้อมกอดของสามี

                “โซโกะ”

                “ว่าไง?”

                “ซากุระปีนี้ลื้ออย่าลืมไปจองที่ด้วยน่อ”

                “หล่อนก็ไปจองเองสิ ฉันว่างซะที่ไหนล่ะ”

                เมื่อได้ยินคำพูดที่แสนจะขัดหูคางุระจึงดันตัวออกจากอ้อมกอดของโซโกะทันทีพร้อมทั้งมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

                “นั่นมันเป็นหน้าที่ของสามีไม่ใช่รึไงน่อ ปีนี้เป็นปีแรกที่เราจะได้ดูด้วยกันไม่ใช่รึไงน่อ”

                “ปีแรก? นี่หล่อนเมาวันเดือนปีรึไงไม่ทราบ ตอนเราได้รู้จักกันครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนฉันกับหล่อนยังฟัดกันใต้ต้นซากุระเลย”

                โซโกะพูดย้อนอดีตไปจนถึงสมัยที่คางุระกับเขาเพิ่งจะรู้จักกัน แต่คางุระแย้งอย่างไม่เห็นด้วย

                “ก็เพราะลื้อมัวแต่งี่เง่า อั๊วเลยไม่ได้ชมซากุระอย่างที่ควรจะเป็นนี่ไงน่อ”

                “หล่อนว่าใครงี่เง่ากันไม่ทราบยัยหมวย คนที่มาปลุกคนที่เพิ่งกลับจากทำงานมานอนที่บ้านแบบหล่อนต่างหากล่ะที่งี่เง่า”

                “หนอย ลื้อกล้าว่าอั๊วเรอะไอ้ซาดิสม์ คอยดูแล้วกันอั๊วจะหนีออกจากบ้าน”

                คางุระบอกอย่างโมโหแล้วทึ้งผมยาวของโซโกะไปด้วย ซึ่งโซโกะก็ไม่ยอมอ่อนให้ เขายื่นสองนิ้วยัดจมูกของหญิงสาวแล้วงัดอย่างแรงจนคางุระต้องรีบปล่อยผมที่ดึงไว้ทันที

                หญิงสาวกุมจมูกที่แดงก่ำน้ำตาเล็ดออกจากสองนัยน์ตาสีฟ้าสวย

                “ลื้อใช้ความรุนแรงกับอั๊ว อั๊วจะหนีออกจากบ้านแล้วลื้อจะรู้สึกว่าการที่ไม่มีอั๊วอยู่มันเป็นยังไงน่อ”

                “อยากไปก็ไป แต่ห้ามเอาลูกไปด้วย”

                “ลื้อบ้ารึเปล่าก็ลูกอยู่ในตัวอั๊วอยู่จะห้ามแบบนั้นได้ไงน่อ”

                “เพราะฉะนั้นหล่อนก็ไม่ต้องไป”

                โซโกะตัดบทแล้วตวัดผ้าห่มมาคลุมตัวนอนต่อโดยไม่สนใจคางุระที่โวยวายปล่อยให้เธอทุบตีแผ่นหลังของเขาอยู่อย่างนั้น

                จะให้ดีกันตลอดทั้งวัน เป็นไปไม่ได้จริง

 

                โซโกะอมยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ 3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ขณะที่กำลังวาดหมึกลงในกระดาษตามชื่อของเด็กผู้หญิงที่ตนหมายจะตั้งให้ลูกสาวทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะได้ลูกเป็นเพศไหน ชายหนุ่มหยุดเขียนชื่อต่างๆแล้วมองรอบห้องที่มีกระดาษหลายแผ่นเรียงรายด้วยความเหงาใจ ทั้งๆที่ห้องก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนักแต่เขากลับอ้างว้างและรู้สึกว่ามันกว้างเหลือเกินยามที่อยู่คนเดียว โซโกะคิดถึงเสียงเล็กๆที่แสนกวนใจนั่นมากเสียจนอยากจะร้องไห้ ตั้งแต่วันที่คางุระโดนฤทธิ์ของยาหลงลืมเธอก็ลืมความรักที่มีให้กันจนเสียสิ้นและหนีไปอยู่ร้านรับจ้างสารพัดไม่ยอมกลับมาอยู่ด้วยกันอีก

                ชายหนุ่มเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่ซึ่งก็สายมากและเป็นเวลาที่คางุระน่าจะตื่นแล้ว จึงลุกขึ้นเก็บแผ่นกระดาษให้เข้าที่เรียบร้อยก่อนจะมุ่งหน้าไปยังร้านรับจ้างสารพัดเช่นเคยอย่างทำมาตลอดเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

                ในร้านรับจ้างสารพัด

                คางุระที่ตื่นขึ้นมานานแล้วกำลังกินข้าวอยู่กับกินโทกิและชินปาจิดั่งเช่นเคยแต่สายตาเธอคอยชำเลืองมองไปที่ประตูตลอดเวลาราวกับว่ากำลังรอใครอยู่

                “ยังไงซะข้าวโปะไข่ดิบของคางุระนี่ก็อร่อยที่สุดในสามโลก”

                กินโทกิพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาแสนจะเบื่อกับเวรทำอาหารของคางุระซึ่งมันก็มีแต่ข้าวสุกร้อนๆกับไข่ดิบเท่านั้น

                “มันแตกต่างกับคนอื่นยังไงล่ะครับคุณกิน”

                ชินปาจิมองข้าวในส่วนของตนแล้วถามชายหนุ่มผมเงินอย่างไม่เข้าใจ

                “นายนี่ไม่รู้อะไรเลยนะวัตสัน รสมือของคางุระมันซึมผ่านเปลือกไข่มาตอนที่ยื่นไข่ให้กันไงล่ะ”

                “จะบอกว่าคางุระจังมีหัตถ์ตะวันสินะครับ” หนุ่มแว่นตบมุขแล้วมองคางุระที่คอยมองไปทางประตูอยู่เช่นนั้น “มีอะไรรึเปล่าครับคางุระจัง?”

                “ไม่มีน่อ”

                หญิงสาวปฏิเสธแล้วหันกลับมากินข้าวต่อ กินโทกิสบตากับชินปาจิเป็นเชิงรู้กันว่าคางุระกำลังมองหาใครอยู่

                “แล้วนี่ตกลงหล่อนยังจำไม่ได้อีกรึ เอ.....การฟื้นความทรงจำมันไม่ง่ายเลยนี่หว่า”

                กินโทกิพึมพำขณะเคี้ยวข้าวไปด้วย ซึ่งชินปาจิเองก็คิดเช่นเดียวกัน

                “ว่าแต่ว่าคุณกินครับ พวกเราพาคางุระจังกลับมาอยู่ด้วยแบบนี้มันจะดีเหรอครับ ไหนๆพวกเราก็ไม่คิดจะให้คางุระจังจำเรื่องราวได้ผมว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณโอคิตะดีไหมครับ”

                “หือ? หมายความว่าจะให้ยัยนี่กลับไปอยู่กับคุณสามีงั้นเหรอ”

                “ไม่น่อ พวกลื้อสองคนจะให้อั๊วไปอยู่กับไอ้บ้าซาดิสม์นั่นได้ไงน่อ”

                คางุระรีบค้านเมื่อได้ยินกินโทกิพูดเช่นนั้น

                ติ้งต่อง....

                เสียงกริ่งที่หน้าประตูดังขึ้น สามคนและหนึ่งตัวแห่งร้านรับจ้างสารพัดหันไปมองต้นเสียงพร้อมกันจึงพบว่ามีเงาของชายที่ยืนอยู่ประตูซึ่งก็รู้กันโดยทันทีว่าเป็นใคร

                “มาได้อะไรอยู่ทุกวัน เดี๋ยวอั๊วจัดการเองน่อ”

                คางุระวางถ้วยข้าวลงแล้วอาสาไปเปิดประตู โดยมีกินโทกิกับชินปาจิมองตามหลัง

                เมื่อประตูถูกเลื่อนเปิดออกโซโกะก็แปลกใจที่หญิงสาวมาเปิดต้อนรับเขาด้วยตัวเองทั้งๆที่ผ่านมาแค่จะเจอหน้าเธอก็ไม่อยากจะให้เจอด้วยซ้ำ คางุระมองชายหนุ่มที่สวมหน้ากากซาดาฮารุแล้วปั้นหน้านิ่งกลบเกลื่อนความดีใจที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้เช่นไรเมื่อเวลาที่เขามา

                “ลื้อมาทำไมอยู่ได้ทุกวันงานการไม่มีทำรึไงน่อ”

                “สามีมาหาภรรยาไม่เห็นแปลก”

                โซโกะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยยิ่งทำให้คางุระเดาสีหน้าภายใต้หน้ากากนั้นไม่ออก

                “คนเป็นสามีภรรยากันต้องอยู่ด้วยกันสิน่อ ลื้อกลับไปเลยไปแล้วไม่ต้องเสนอหน้ามาให้อั๊วเห็นอีกอั๊วรำคาญ”

                “งั้นก็กลับไปอยู่ด้วยกันสิ”

                “เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่น่อ อั๊วจำอะไรหลัง 5 ปีที่ผ่านมาไม่ได้เลยน่อ”

                “ก็หล่อนไม่พยายามนึกถึงมันนี่ หล่อนจงใจเอาคืนฉันที่ฉันไม่มีเวลาให้ใช่ไหม? อีกไม่กี่วันนี้ซากุระก็จะบานแล้วนะไหนเราสัญญากันว่าจะไปดูด้วยกันยังไงล่ะคางุระ”

                ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อจนคางุระหวั่นไหว เพราะไม่เคยหรือจำไม่ได้ว่าคนซาดิสม์ไม่แคร์ใครอย่างเขาจะมาพูดกับเธอเช่นนี้ได้ และอย่างที่โซโกะพูดมาเธอไม่เคยหวนคิดถึงช่วงเวลา 5 ปีที่หายไปด้วยซ้ำ

                ในขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียดจู่ๆคางุระก็เหลือบไปเห็นร่างของใครคนหนึ่งบนหลังคาของบ้านอีกฝั่ง ร่มสีแดงนั้นทำให้เธอรู้ได้ว่าเป็นใครในทันที

                โซโกะเห็นสีหน้าคางุระเหมือนตกใจอะไรบางอย่างทำให้เขาต้องหันไปมองตาม แต่ยังไม่ทันที่จะหันไปร่างของคนที่คางุระเห็นก็กระโดดมายืนอยู่ข้างๆเขาอย่างรวดเร็ว

                “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ?”

                ชายหนุ่มผมสีส้มที่ถักเปียยาวเอ่ยทักน้องสาวที่ยืนตัวแข็ง กินโทกิกับชินปาจิรีบพากันออกมาทางหน้าประตูทันทีเมื่อรู้ว่าแขกที่มาเยือนอีกคนคือใคร

                “ว่าไงล่ะคุณตำรวจ หาเรื่องทะเลาะอะไรกับน้องสาวฉันมิทราบ?”

                คามุอิหันไปถามโซโกะด้วยรอยยิ้มประจำตัว เขาพร้อมที่จะขย้ำน้องเขยได้ทุกเวลาหากทำให้น้องสาวของตนเสียใจ

                “ลื้อมาทำอะไรที่นี่คามุอิ? แล้วลื้อสองคนรู้จักกันด้วยเหรอน่อ?”

                คางุระถามพี่ชายอย่างงุนงง แต่คนที่งงกว่ากลับเป็นคามุอิ

                “พูดอะไรน่ะคางุระ พี่กับคุณตำรวจออกจะซี้กัน”

                “พวกแกเข้ามาข้างในก่อนเถอะ กะจะยืนคุยกันข้างนอกจนจบตอนเลยรึไง”

                กินโทกิตัดบท ทุกคนจึงพากันเดินเข้าไปในร้านรับจ้างสารพัดเพื่อคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

                ชินปาจิอาสาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้คามุอิฟังอย่างละเอียด จนทำให้หนุ่มยาโตะเข้าใจว่าอะไรเป็นเช่นไร

                “ไหนๆก็จำกันไม่ได้แล้ว คางุระก็กลับไปฟื้นฟูบ้านเกิดกับพี่แล้วกัน”

                คามุอิสรุปแล้วดึงมือน้องสาวให้ลุกไปด้วยกัน คางุระชักมือกลับแต่ไม่หลุดจากมือของผู้เป็นพี่ชาย

                “เอ่อ คุณคามุอิครับ รบกวนอย่ารุนแรงกับคางุระจังนะครับเพราะตอนนี้ร่างกายของคางุระจังจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างมาก”

                ชินปาจิบอกกับคามุอิที่ยังงงกับอาการหมดแรงของผู้เป็นน้องอยู่

                “หมายความว่าไง?”

                “ก็หมายความว่ายัยหมวยนี่กำลังตั้งท้องลูกของฉันอยู่ไงล่ะ”

                โซโกะที่ถอดหน้ากากออกแล้วตอบแทนชินปาจิ ซึ่งคางุระก็แย้งขึ้นมาทันที

                “ไม่ใช่น่อ นี่มันลูกของอั๊วกับกินจังต่างหาก”

                “หล่อนก็พอซะทีเถอะ ตอนนี้ฉันแทบจะขายไม่ออกอยู่แล้ว”

                กินโทกิแทรกขึ้นอย่างละอา แต่นั่นก็ทำให้คามุอิเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร

                “แหม กะว่าจะมาเยี่ยมเยียนเพราะว่าเป็นทางผ่าน แต่กลับได้มารับรู้อะไรแบบนี้ก็ถือว่ามาไม่เสียเที่ยวนะ” ชายหนุ่มผมสีส้มยิ้มแล้วยอมปล่อยมือของคางุระ “กลับไปคลอดที่บ้านเราดีกว่านะคางุระ พี่ไม่วางใจเลยว่าที่โลกนี้จะทำคลอดเด็กยาโตะที่กำลังจะกำเนิดได้ดีรึเปล่า”

                “อั๊วไม่กลับหรอกน่อ นี่ลื้อเป็นอะไรไปนะคามุอิ ทำไมคนที่เอาแต่ฆ่าคนอื่นอย่างลื้อถึงมาทำดีกับอั๊วได้น่อ”

                “เอาไว้หล่อนจำได้หล่อนก็รู้เองนั่นแหละ” โซโกะตอบ แล้วหันไปพูดกับคามุอิ “ฉันคงยอมให้นายพาคางุระกลับไปไม่ได้หรอกนะ”

                “ก็ว่ากันไป ความจริงแล้วตอนท้องก็ควรจะอยู่ที่ดาวดวงนี้นั่นแหละเพราะพลังของยาโตะจะหายไปเมื่อหญิงยาโตะตั้งครรภ์เนื่องจากพลังพวกนี้ไปรวมกันเพื่อปกป้องทารก แม่ของเราก็เป็นแบบนี้ตอนที่ท้องหล่อนนะคางุระ”

                คามุอิบอกน้องสาว ซึ่งก็ทำให้ทุกคนเข้าใจแล้วว่าเป็นเพราะอะไรคางุระจึงมีแรงแค่หญิงสาวธรรมดา จากนั้นคามุอิต้องไปหาทากาสุงิต่อเขาจำต้องบอกลาน้องสาวและสัญญาว่าจะมาหาใหม่ แม้คางุระจะไม่วางใจกับท่าทีของพี่ชายนักแต่ก็สัญญาว่าจะคอยการมาหาของเขา

                “แสดงว่า 5 ปีที่ผ่านมามันก็ไม่ได้มีเรื่องเลวร้ายอะไรแต่เป็นเรื่องราวดีๆสิน่อ”

                คางุระพึมพำกับตัวเอง เมื่อโซโกะขอตัวไปทำงานแล้ว หญิงสาวเดินมานั่งที่โซฟาของร้านอย่างครุ่นคิดแล้วถามชินปาจิถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นซึ่งหนุ่มแว่นก็ให้ความร่วมมืออย่างดีจนคางุระเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับบางเหตุการณ์

                “คางุระจังกับคุณโอคิตะฝ่าฟันอะไรกันมาเยอะจนในที่สุดก็ได้แต่งงานกัน” ชินปาจิลุกขึ้นไปหยิบอัลบั้มรูปก่อนและหลังแต่งงานของเธอกับโซโกะมาให้ดู “ความจริงพวกผมควรให้คางุระฟื้นฟูความทรงจำเร็วกว่านี้ แต่อย่างว่าล่ะครับพวกเราคิดถึงวันวานที่เคยอยู่ด้วยกันพอมีโอกาสก็เผลอทำเรื่องเห็นแก่ตัวไปซะแล้ว”

                คางุระเปิดดูภาพต่างๆในอัลบั้มคราวนี้เธอตั้งใจดูและพยายามนึกมากกว่าครั้งก่อนที่ซึคุโยะเคยเอามาให้ดู ในภาพแต่ละภาพสามารถบรรยายความรู้สึกในภาพนั้นๆได้ดี ทุกคนเติบโตไปพร้อมกันอย่างยิ้มแย้ม คางุระเปิดมาจนถึงภาพงานแต่งงานเธอเพิ่งสังเกตว่าในงานมีทั้งอุมิโบสึกับคามุอิมาร่วมงานด้วยทั้งๆที่ไม่มีวันจะเป็นไปได้ที่พ่อลูกจะดีต่อกัน หญิงสาวพลิกไปจนถึงภาพสุดท้ายที่เป็นภาพเธอกับโซโกะถ่ายด้วยกันเพียง 2 คน เธอไม่เคยเห็นรอยยิ้มกว้างขนาดนี้ของโซโกะมาก่อนและไม่เคยคิดว่าเธอจะทำหน้าได้มีความสุขขนาดนั้นจนคางุระเผลอยิ้มออกมาเอง

                “จะลองไปดูรอบเมืองหน่อยไหมล่ะ ตั้งแต่หล่อนออกจากรพ. มาก็ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลยนี่”

                กินโทกิถามซึ่งคางุระก็พยักหน้า

                “ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหมครับ?”

                ชินปาจิเสนอตัวแต่คางุระส่ายหน้า

                “อั๊วไปกับซาดาฮารุได้น่อ”

                หญิงสาวเรียกซาดาฮารุไปด้วยกัน แล้วหยิบร่มธรรมดาไปแทนร่มสีม่วงของตนเพราะในตอนนี้ร่มม่วงนั้นหนักเกินไปสำหรับเธอ

                เมื่อคางุระกับซาดาฮารุออกจากร้านไป ชินปาจิเลยหันไปมองกินโทกิที่นั่งอ่านการ์ตูนอยู่

                “ถึงเวลาคืนเจ้าของแล้วสินะครับ”

                “ถึงจะพูดอย่างนั้นก็ใช่ว่ายัยนั่นจะจำอะไรได้ภายในวันเดียวนี่”

                ชายหนุ่มบอกโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือ ชินปาจิได้แต่ถอนหายใจแล้วยิ้มออกมาอย่างเหงาหงอย หากวันใดคางุระจำได้แล้วกลับไปกับโซโกะ

 

                คางุระเดินเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเดินมาถึงอดีตสำนักงานของชินเซ็นงุมิ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นสำนักงานตำรวจสืบสวนคดีพิเศษไปแล้ว ในระหว่างทางนั้นคางุระก็เห็นแล้วว่าเมืองเอโดะเปลี่ยนไปเยอะมากจริงๆ และเธอก็ได้ทบทวนถึงโซโกะที่คอยมาหาและเอาใจเธอตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ปกติแล้วคางุระจะเกลียดขี้หน้าโซโกะมากจนไม่อยากจะเสวนาด้วย แต่ทำไมเธอกลับคิดถึงเขาโดยเฉพาะวันนี้เขามาสายกว่าทุกๆวันนั่นก็ทำให้เธอกระวนกระวายใจ

                “เอ....ชินปาจิเคยบอกว่าบ้านซาดิสม์นั่นอยู่ไม่ไกลจากนี้เท่าไร ลองไปหาดูดีกว่าน่อ”

                หญิงสาวพึมพำกับซาดาฮารุแล้วเดินตามหาบ้านลักษณะที่ชินปาจิเคยบอกจนเจอ คางุระด้อมๆมองๆบริเวณหน้าบ้านอย่างครุ่นคิดว่าจะเข้าไปได้เช่นไร แต่แล้วก็นึกออกว่ากระเป๋าสตางค์ของตนมีกุญแจห้อยอยู่ซึ่งน่าจะเป็นของที่นี่ ร่างบางมองซ้ายขวาแล้วค่อยๆไขกุญแจซึ่งนั่นก็ใช่กุญแจบ้านนี้จริงๆ

                “ลื้อรออั๊วอยู่ข้างนอกล่ะน่อ”

                คางุระสั่งซาดาฮารุที่จะเดินตามก่อนจะเข้าไปในตัวบ้าน

                ภายในบ้านที่ไม่มีใครอยู่ช่างดูวังเวงแต่คางุระก็สำรวจดูทุกห้องและนั่นก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้จริงๆว่าเธอเองเคยอยู่ที่นี่มาก่อนเพราะรูปของเธอกับโซโกะเต็มห้องไปหมด คางุระเดินมาจนถึงห้องๆหนึ่งที่มีกองกระดาษวางอยู่ เธอค่อยๆนั่งลงแล้วหยิบขึ้นมาดูแม้จะอ่านคันจิไม่เก่งแต่ข้างๆคันจิแต่ละตัวก็มีอักษรคำอ่านให้เธอเข้าใจง่ายขึ้นจึงรู้ว่าเป็นชื่อของเด็กผู้หญิง

                “นี่มันอะไรน่อ ชื่อกิ๊กของไอ้บ้าซาดิสม์เหรอน่อ”

                คางุระพึมพำแล้วหันไปมองรอบๆ พลันสายตาก็สะดุดกับรูปแต่งงานรูปใหญ่ใส่กรอบสวยที่ผนังเป็นรูปที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ในรูปนั้นเป็นเธอกำลังยืนถือดอกไม้ช่อสวยในชุดเจ้าสาวแบบญี่ปุ่นอยู่ข้างๆโซโกะที่ใส่ฮากามะ

                “มีชุดแบบนี้ด้วยเหรอน่อ?” คางุระพึมพำ “อั๊วอยากจำได้จัง”

                “ฉันอยากได้ลูกผู้หญิง”

                จู่ๆใบหน้าของโซโกะที่กำลังพูดประโยคนี้ผุดขึ้นมาในสมองของคางุระ หญิงสาวรู้สึกมึนและปวดศีรษะอย่างแรงจนต้องรีบนั่งลง จากนั้นภาพต่างๆก็ขึ้นซ้อนทับกันอย่างรวดเร็วและดับวูบไปพร้อมกับสติของเธอ

 

                “ยัยหมวยออกไปตั้งแต่ตอนสายๆแล้วยังไม่กลับเหรอครับ?”

                โซโกะถามกินโทกิที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์จากซึคุโยะหลังจากที่ไว้วานให้ช่วยตามหาคางุระให้ทีเผื่อเธอไปหาที่นั่น

                “ผมบอกจะไปด้วยแท้ๆ ผมผิดเอง”

                ชินปาจิโทษตัวเองเมื่อรอจนหัวค่ำแล้วคางุระก็ยังไม่กลับมา ส่วนโซโกะก็รีบลางานออกมาเมื่อได้รับสายจากกินโทกิว่าคางุระหายไป

                “อย่าเพิ่งคิดไปไกล ซาดาฮารุก็ไปด้วยนี่”

                กินโทกิตบไหล่ชินปาจิที่กังวลเกินไป

                “หรือเจ้านั่นจะพาตัวกลับไป?”

                โซโกะนึกถึงคามุอิที่มาหาเมื่อเช้า แต่กินโทกิส่ายหน้า

                “ฉันโทรหาทากาสุงิแล้ว หมอนั่นบอกว่าคามุอิกลับไปคนเดียว”

                เสียงก๊อกแก๊กหน้าประตูดังขึ้น ทั้งสามคนที่กำลังกังวลรีบหันไปดูก็พบว่าซาดาฮารุกลับมาเพียงลำพัง เจ้าหมายักษ์เห่าโวยวายจนทุกคนตกใจแล้ววิ่งออกจากร้าน พวกกินโทกิจึงรีบตามไปทันที

                ทั้งสามคนตามซาดาฮารุไปจนถึงบ้านของโซโกะ

                “คางุระอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”

                กินโทกิถามซาดาฮารุ แต่โซโกะไม่ได้สนใจเขารีบเข้าไปในบ้านทันที

                ชายหนุ่มมองหาร่างของภรรยาจนทั่วแล้วในที่สุดก็พบว่าคางุระกำลังนอนหมดสติอยู่ท่ามกลางแผ่นกระดาษมากมายนั่นเอง

                “คางุระ???”

                โซโกะเขย่าตัวให้ร่างบางรู้สึกตัวแต่ก็ไม่เป็นผล เขาจึงรีบอุ้มเธอแล้วพาไปรพ. โดยมีพวกกินโทกิตามไปด้วย

 

                หลังจากพาคางุระมาถึงรพ.และเข้ารับการรักษาไปได้ 2 ชม.เศษๆ พยาบาลก็เดินมาบอกว่าคางุระปลอดภัยแล้ว แต่ยังให้เยี่ยมไม่ได้เพราะหมดเวลาเยี่ยม ทุกคนที่มาด้วยจึงจำต้องกลับไปและตั้งมั่นไว้ว่าจะรีบมาเยี่ยมเธอแต่เช้าโดยไว

 

                โซโกะกลับมาที่บ้านด้วยความรู้สึกที่เกินจะทนพยายามไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายไหลเอ่อ เอาแต่โทษตัวเองว่าไม่ดูแลคางุระให้ดีจึงมีแต่เรื่องที่ทำให้หญิงสาวต้องเจ็บตัวและอันตรายบ่อยครั้ง ฮิจิคาตะกับคอนโด้ที่มาหาโซโกะถึงบ้านด้วยความเป็นห่วงได้แต่ยืนมองร่างของโซโกะอยู่ห่างๆ เห็นใจและสงสารแต่ก็ไม่รู้จะปลอบยังไงดี

 

                รุ่งเช้าคางุระตื่นขึ้นมาแล้วพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งจึงพบว่าตัวเองนอนอยู่รพ.

                “ตื่นแล้วเหรอคะ คุณโอคิตะ อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ?”

                นางพยาบาลที่เปิดประตูเพื่อมาวัดไข้ให้กับคางุระพอดีเอ่ยถามเธออย่างอ่อนโยน คางุระส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นต้นซากุระกำลังมีดอกตูมเต็มต้น

                สักพักเสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้คางุระหันไปมองก็พบว่าเป็นกินโทกิกับชินปาจิมาหา

                “อรุณสวัสดิ์ครับคางุระจัง ดีจังเลยที่ปลอดภัย”

                ชินปาจิทักทายคางุระอย่างยินดีที่เห็นเธอไม่เป็นอะไร แล้วเดินไปนั่งใกล้ๆเตียงผู้ป่วยตามด้วยกินโทกิ

                “กินจัง ชินปาจิ นี่ทำไมอั๊วถึงมานอนแอ้งแม้งที่นี่ได้ล่ะน่อ”

                “ก็หล่อนไปนอนสลบอยู่ที่บ้านโอคิตะคุงน่ะสิ เลิกซะทีเถอะเข้ารพ.เป็นว่าเล่นเลยนะไม่ไหวนะเฟ้ย”

                กินโทกิบ่นแต่ก็ลูบศีรษะคนป่วยอย่างเอ็นดู ยังไม่ทันที่คางุระจะพูดอะไรโซโกะก็เปิดประตูเข้ามา ชินปาจิจึงลุกหนีให้สามีภรรยาได้คุยกันแต่โซโกะก็ไม่ได้เข้าไปใกล้ร่างบางของคางุระอย่างที่ใจตนเองอยากจะทำได้แต่ถอดหน้ากากออกแล้วยืนอยู่ห่างๆ เพราะกลัวว่าเธอจะขับไสไล่ส่งเขาอีก

                “ทำไมลื้อไปอยู่ตรงนั้นล่ะโซโกะ แทนที่อั๊วไม่สบายแบบนี้น่าจะได้เห็นลื้อเป็นคนแรกเวลาลืมตาแท้ๆ ลื้อนี่เป็นสามีที่ใช้ไม่ได้จริงๆน่อ”

                คางุระบ่นสามีที่ไม่ได้ดั่งใจทำให้ทุกคนชะงัก โดยเฉพาะโซโกะไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

                “หล่อน....เรียกฉันว่าโซโกะเหรอ?”

                “ก็ลื้อชื่อโซโกะไม่ใช่รึไงน่อ จะให้อั๊วเรียกลื้อว่าแบรทพิตเหรอน่อ?”

                หญิงสาวถามแต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อจู่ๆโซโกะก็เข้ามากอดเธอแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

                กินโทกิสะกิดชินปาจิแล้วหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้นางพยาบาลเป็นสัญญาณให้ออกไปด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็ทำตามและปล่อยให้คางุระกับโซโกะอยู่กันตามลำพัง

                “คางุระ ฉันขอโทษที่ดูแลหล่อนไม่ดีนะ ฉันขอโทษ”

                โซโกะพร่ำขอโทษขณะที่กอดและซุกหน้ากับไหล่บางเช่นนั้น

                “อั๊วผิดเองน่อที่ไม่เชื่อลื้อ อั๊วดื้อเองน่อ” คางุระกระซิบข้างหูชายหนุ่มแล้วลูบแผ่นหลังกว้างที่สั่นไหวของโซโกะอย่างอ่อนโยน “แปลกจัง ทั้งๆที่เรากอดกันทุกวันแต่ทำไมอั๊วถึงได้คิดถึงอ้อมกอดลื้อจังน่อ”

                ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออกได้แต่กอดเธออยู่เช่นนั้น คางุระสัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นๆที่ไหล่บางของเธอแม้จะตกใจที่โซโกะร้องไห้แต่เธอก็ไม่คิดจะทักเพราะเธอเองก็น้ำตาไหลโดยที่ไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน

                “ฉันเป็นสามีหล่อนนะ หล่อนรู้ใช่ไหม?”

                โซโกะขยับตัวคลายอ้อมกอดแล้วจ้องหน้าถามคางุระด้วยสีหน้าและแววตาไม่มั่นใจ

                “ลื้อถามอะไรโง่ๆน่อ เมื่อกี้คุณพยาบาลก็เรียกอั๊วว่าคุณโอคิตะ ถ้าอั๊วไม่ใช่ภรรยาของโอคิตะ โซโกะ แล้วอั๊วจะเป็นภรรยาใครได้น่อ”

                คางุระตอบแล้วยิ้มให้ ซึ่งนั่นเป็นรอยยิ้มที่โซโกะเฝ้ารอมานาน ชายหนุ่มโน้มหน้าเข้าหาหน้าสวยของหญิงสาวแล้วประทับริมฝีปากกับปากบางสีแดงระเรื่ออย่างแนบแน่น

                “โซโกะ ที่นี่รพ.น่อ”

                หญิงสาวดันอกคนที่จูบเธอได้เรื่อยๆราวกับจะไม่หยุด จนเขาจำต้องห้ามใจอย่างช่วยไม่ได้

                “หมายความว่าถ้ากลับบ้านก็มากกว่านี้ได้งั้นสิ?”

                “ลื้ออย่ามาลามกกับอั๊วน่อ”

                “ก็ถ้าไม่ลามกจะมีตัวน้อยๆอยู่ในท้องหล่อนได้ไง จริงไหม?”

                โซโกะแกล้งถามทำให้หญิงสาวหน้าแดงก่ำตบตีสามีกลบเกลื่อนความเขิน จนกระทั่งนางพยาบาลขออนุญาตพาตัวคางุระไปเช็คอย่างละเอียดนั่นแหละ คางุระจึงหยุดตี

                “ไรว้า จู่ๆก็จำได้ซะงั้น พลังรักนี่มันน่ากลัวจริงๆ”

                กินโทกิแคะขี้มูกแล้วเปรยขึ้นอย่างเบื่อหน่าย

                “ใจคอจะให้คางุระเป็นเหมือนคุณโรคุโอะรึไงล่ะครับ ดูเหมือนคางุระจังสลบไปก่อนเลยไม่ได้รับยามากเกินไปนะครับ”

                ชินปาจิพูดอย่างยินดี แล้วมองตามโซโกะที่เดินตามคางุระเข้าห้องตรวจไปด้วย

                “อย่างน้อยครั้งนี้ก็ให้พวกเรารู้ว่าคุณโอคิตะรักคางุระจังมากจนเราหายห่วงเลยนะครับ”

                “รักกันอย่างเดียวไม่พอหรอก” กินโทกิดีดขี้มูกทิ้งแล้วเกาหัว “เอาเป็นว่าเราไปหาทำเลดีๆดูซากุระกันดีกว่า 2 คนนั่นคงไม่มีเวลาไปจองหรอกมั้ง”

                ชินปาจิยิ้มแล้วเดินตามชายหนุ่มผมเงิน ปล่อยให้โซโกะดูแลคางุระไปด้วยความสบายใจเพราะพวกเขารู้ว่าคางุระเลือกคนที่มาใช้ชีวิตคู่ด้วยได้อย่างเหมาะสมกับเธอที่สุดแล้ว

 


 

อีก 4 ตอนไรท์จะจบฟิคแล้วนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมาค่า

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา