(ฟิคโอคิคางุ)After marriage

9.6

เขียนโดย naoza

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.14 น.

  10 ตอน
  7 วิจารณ์
  26.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 12.48 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5) ช่วงเวลาแห่งการหลงลืม 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                หลังจากเรื่องราวทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางสำนักงานสืบสวนพิเศษได้สอบปากคำโรคุโอะอย่างละเอียดถึงเครือข่ายวงกว้างของยาเสพติดจนได้ข้อมูลที่แน่นหนาพอจะเอาผิดกับซาวาดะหัวหน้ารายใหญ่ได้ฮิจิคาตะจึงยอมให้พวกกินโทกิเข้าพบกับโรคุโอะได้

                กินโทกิกับชินปาจิเดินตามยามาซากิเข้าไปยังห้องด้านขวาในสุดของทางเดิน ยามาซากิพาพวกเขาหยุดที่ห้องเยี่ยมโดยมีคนของสำนักงานยืนคุมอยู่ห่างๆ

                “พวกคุณเป็นใคร?”

                โรคุโอะเอ่ยถามชายสองคนที่เสนอตัวมาเยี่ยมเขา กินโทกิไม่พูดอะไรแต่ขยับเก้าอี้นั่งลงอยู่เบื้องหน้ากระจกกั้นระหว่างพวกเขาแล้วส่งรูปที่ซาซาเอะเคยให้ไว้ยื่นให้กับโรคุโอะ

                “จำได้ไหมว่าใคร?”

                กินโทกิถาม ชายหนุ่มมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันแล้วส่ายหน้าสร้างความแปลกใจให้กับชินปาจิอย่างมาก

                “สรุปแล้วคุณจำคนในรูปนี้ไม่ได้จริงๆน่ะเหรอครับ?”

                “จะบอกว่าจำไม่ได้ก็ไม่เชิง เพียงแต่ผมรู้สึกคุ้นตาว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”

                “ถ่ายรูปติดกันขนาดนี้จะบอกว่าไม่เคยเห็นก็ไม่ใช่แล้วล่ะนะ”

                กินโทกิถอนหายใจอย่างเซ็งๆเมื่อเห็นแล้วว่าโรคุโอะมีท่าทีจำซาซาเอะผู้เป็นพี่ไม่ได้จริงๆ

                “เอาไงดีล่ะครับคุณกิน”

                หนุ่มแว่นถามความเห็นจากชายหนุ่มผมเงินที่ยังคงมองหน้าของโรคุโอะอยู่

                “นี่ ฉันถามอะไรอย่างสิ” กินโทกิเรียกผู้ต้องหาที่อยู่อีกด้านของกระจก “นายจำคนที่อยู่ในรูปไม่ได้แล้วทำไมนายถึงได้ให้ปากคำกับพวกตำรวจนั่นได้ล่ะ?”

                โรคุโอะมองหน้าคนถามแล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถาม

                “ผมจำผู้หญิงในรูปนี่ไม่ได้จริงๆนะครับ ที่ผมจำเรื่องราวอื่นได้ก็เพราะว่าผมได้เห็นได้รับรู้เรื่องราวต่างๆมาหลังจากที่ผมได้เสพยาหลงลืมขนาดมากไป”

                “แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าเป็นเพราะยา?”

                “ก็เพราะว่าผมเห็นคนที่มาเสพยานี้ต่อหน้าต่อตาไงล่ะครับ” โรคุโอะตอบตามความจริงแล้วเล่าเรื่องที่นานมาแล้วให้พวกกินโทกิฟัง “ผมตื่นมาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องกับพวกผู้ชายมากมายแล้วพวกเขาก็กำลังคุยเรื่องอะไรบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ ซึ่งตอนนั้นผมเองยังไม่รู้เลยว่าผมคือใคร จนหัวหน้าซาวาดะมาบอกว่าผมคือ โรคุโอะ เป็นลูกน้องคอยส่งยาให้พวกเขา หลังจากนั้นผมก็ได้รับรู้และใช้ชีวิตแบบที่หัวหน้าบอกมาตลอด ผมเลยได้รู้ว่าคุณสมบัติของยาหลงลืมนั่นเป็นเช่นไร ผู้คนมากมายต่างใฝ่หามันเพื่อลืมสิ่งที่บอบช้ำเมื่อเสพแล้วก็จะมีอาการคล้ายๆผมในตอนแรกคือจำอะไรไม่ได้นอกจากตัวเอง บางครั้งที่ผมเหมือนจะระลึกได้ถึงอะไรบางอย่างแต่หัวหน้าก็จะคอยบอกว่าอดีตของผมไม่ได้น่าจดจำ” โรคุโอะเว้นช่วงจังหวะในการพูดเล็กน้อยเพื่อถอนหายใจแล้วพูดต่อ “พอคุณยื่นภาพนี้ให้ผมดูผมจึงบอกได้แค่ว่ารู้สึกคุ้นตาเท่านั้น”

                กินโทกิมองโรคุโอะที่เล่าเรื่องราวให้ฟังแล้วลุกขึ้นเดินไปหาชินปาจิเพื่อคุยอะไรบางอย่างสักสองสามคำจากนั้นก็หันไปหาโรคุโอะอีกครั้ง

                “เอาเป็นว่าฉันจะมาถามใหม่แล้วกันนะ”

                “ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าผมจะหาคำตอบให้คุณได้ไหม”

                “เรื่องนั้นก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของตอนนั้นเถอะ”

                กินโทกิพูดทิ้งท้ายแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับชินปาจิ ทิ้งให้โรคุโอะพยายามนั่งคิดถึงคนในรูปให้ออกว่าเป็นใครกันแน่

 


 

                ชายหนุ่มแห่งร้านรับจ้างสารพัดเดินกันมาตามทางเดินโดยไม่พูดอะไรกันสักคำ แต่แล้วชินปาจิก็อดทนเงียบต่อไปไม่ได้จึงเปิดบทสนทนาขึ้น

                “คุณกินครับ”.     

                “อะไร?”

                “แล้วคางุระจังจะเป็นอะไรไหมครับ? คุณโรคุโอะบอกว่าเสพไปปริมาณมากพอที่จะทำให้ลืมเรื่องราวในอดีต แล้วคางุระจังจะลืมพวกเราไหมครับ?”

                ชินปาจิถามถึงเรื่องที่อยู่ในใจเขา หากคางุระลืมพวกเขาจริงๆแล้วพวกเขาจะทำเช่นไร กินโทกิไม่มีคำตอบให้กับชินปาจิรวมถึงไม่มีคำตอบมาปลอบใจตัวเองอีกด้วย

 


 

                “พักบ้างเถอะนะโซโกะ”

                คอนโด้ที่มาอยู่เป็นเพื่อนกับโซโกะเมื่อรู้ข่าวว่าคางุระเกิดอุบัติเหตุจนเข้ารพ.ตบไหล่ชายหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าด้วยความเป็นห่วงจากใจ เมื่อโซโกะไม่ยอมหลับมาตลอดในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเพราะต้องไปทำงานแล้วรีบมาที่นี่เพื่อรอดูอาการของคางุระผู้เป็นภรรยา

                “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณคอนโด้”

                โซโกะบอกแต่สายตายังคงจ้องมองคางุระผ่านกระจกห้องไอซียูอยู่เช่นนั้น เนื่องจากได้รับยาหลงลืมมากเกินไปทำให้เธอเป็นอันตรายแม้จะปลอดภัยทั้งแม่และลูกแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ควรวางใจทำให้ชายหนุ่มเป็นทุกข์มาก

                เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คอนโด้จึงหันไปมองแล้วพบว่าเป็นกินโทกิกับชินปาจิกำลังเดินมาทางพวกเขา

                “ยังไม่ดีขึ้นอีกเรอะ?”

                กินโทกิถามโซโกะ ส่วนชินปาจิเดินไปเกาะกระจกดูคางุระด้วยความเป็นห่วง

                “หมอบอกว่าถ้าลืมตาตื่นแล้วชีพจรเต้นดีขึ้นกว่านี้ก็วางได้เต็มร้อยครับลูกพี่”

                “ฉันไม่ได้หมายถึงคางุระ ฉันหมายถึงนายต่างหากโอคิตะคุง”

                กินโทกิบอกแล้วนั่งลงข้างๆโซโกะที่ทำท่าทางเหมือนจะขาดใจตายให้ได้ ณ ตรงนี้

                “ยัยนั่นน่ะแข็งแกร่งจะตายไปไม่เป็นไรหรอก”

                สิ้นคำของกินโทกิ จู่ๆชินปาจิก็โวยวายออกมาด้วยความลิงโลดแล้วชี้ไปยังคางุระที่นอนอยู่อีกด้านของกระจก

                “คางุระจังลืมตาแล้วครับ!!!”

                ทุกคนรีบลุกขึ้นไปเกาะกระจกและพบว่าคางุระกำลังลืมตาอยู่จริงๆ หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับสายตาให้รับกับแสงไฟ

                “หมอคร้าบบบบ หมอ!!!!!”

                ชินปาจิตะโกนเรียกหมอแล้ววิ่งออกไปหาตามทางเดินด้วยความดีใจเกินควบคุม โซโกะยิ้มออกเมื่อสุดที่รักของตนได้สติ ส่วนคอนโด้ดีใจจนร้องไห้โฮโผเข้ากอดกินโทกิจนชายหนุ่มผมเงินต้องพยายามแกะออกอย่างรำคาญ

 


              

                เมื่อหมอเข้ามาตรวจร่างกายของคางุระอย่างละเอียดแล้ว ก็มีมติลงความเห็นว่าสามารถพาเธอออกจากห้องไอซียูไปพักห้องธรรมดาได้แล้ว คางุระที่ถูกเข็นย้ายไปยังอีกห้องหนึ่งยังมึนงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ

                “เป็นไงล่ะ ยังจะดื้ออีกไหม?”

                โซโกะเอ่ยถามภรรยาที่ลืมตามองรอบห้องและคนอื่นๆด้วยนัยน์ตาสีฟ้าใสด้วยความโมโหระคนเอ็นดู แต่ต้องแปลกใจเมื่อเห็นคางุระมองเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความประหลาดใจและทำท่าทางรังเกียจเขาอย่างเห็นได้ชัด

                “หรือจะจำไม่ได้?”

                ชินปาจิพึมพำ

                “คงเป็นผลของยาหลงลืมสินะ ช่างมันเถอะให้ยัยหมวยบ้านี่กลับมาแข็งแรงได้ก็พอ”

                โซโกะพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วยื่นมือจะไปลูบผมของคนที่นอนอยู่ด้วยความรัก แต่คางุระกลับยกศีรษะหนีไม่ยอมให้เขาแตะต้อง

                “ทำบ้าอะไรน่อ? ลื้อเป็นใครทำไมหน้าตากวนโอ๊ยเหมือนอาตี๋ซาดิสม์นั่นเลยน่อ”

                คางุระถามชายหนุ่มอย่างไม่คุ้นเคยเมื่อมองหน้าหวานของเขาและผมสีน้ำตาลที่มัดยาวเป็นหางม้าอยู่ด้านหลังแม้หน้าตาจะของชายคนนี้จะเหมือนกับคู่ปรับแสนกวนของเธอมากก็จริงแต่เขาก็ดูโตกว่ามาก

                “สงสัยเพราะยานั่นแหละนะ”

                กินโทกิสรุป ทำให้ทุกคนลงความเห็นว่าควรจะเป็นเช่นนั้น

                “นี่มันอะไรกันน่อ? ทำไมกินจังกับชินปาจิดูแก่ขึ้นเยอะแบบนี้ล่ะน่อ อั๊วบอกแล้วไม่ใช่เหรอน่อว่าพวกลื้ออย่าเอาแต่ดูสาวๆมากเกินไป ดูสิหน้าตาจะเป็นลุงแก่เลยน่อหรือพวกลื้อแอบไปเที่ยววังมังกรมาแล้วไม่บอกอั๊ว??”

                “เอ๊ะ?”

                ทุกคนอุทานพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ

                “นี่หล่อนจำฉันกับชินปาจิได้เรอะ?”

                “ทำไมอั๊วจะจำพวกลื้อไม่ได้น่อ นั่นกินจัง นั่นก็แว่นจืดชืด”

                “ใครเป็นแว่นจืดชืดไม่ทราบ!! ลองอีหรอบนี้แสดงว่าจำได้จริงๆสินะ”

                ชินปาจิโวยวายเมื่อคางุระว่าเขา แต่กินโทกิกลับรู้สึกถึงบางอย่างเกี่ยวกับคำพูดของคางุระ

                “เดี๋ยวนะหล่อน ที่หล่อนว่าพวกฉันดูแก่น่ะคืออะไร? ไหนลองพูดออกมาสิว่าในห้องนี้ใครบ้าง?”

                คางุระมองทุกคนที่ลายล้อมเธอตามที่กินโทกิพูดแล้วเริ่มตอบว่ามีใครบ้าง

                “ก็มีกินจัง ชินปาจิ แล้วก็กอริลล่าหน้าบาก เฮ้ย กอริลล่าลื้อทำไมมีแผลที่หน้าด้วยน่อ?”

                “มันก็มีมาตั้งนานแล้วนะคุณหมวย”

                คอนโด้ชี้หน้าตัวเองแล้วบอกกับคางุระ แต่หญิงสาวกลับเถียงว่าไม่ใช่ กินโทกิเดินไปยืนข้างๆโซโกะที่มีท่าทีงุนงงกับสิ่งที่เกิดขื้นแล้วจับตัวชายหนุ่มให้เธอมองชัดๆ

                “แล้วนี่ล่ะใคร?”

                คางุระจ้องหน้าโซโกะอย่างเพ่งพิจารณาแล้วเบิกตาโตเมื่อจำได้ว่าใคร “อาตี๋ซาดิสม์จริงๆน่อ ทำไมผมยาวแบบนี้ล่ะ” หญิงสาวอุทานอย่างประหลาดใจแล้วดึงผมม้าที่ยาวของโซโกะอย่างแรงเพราะนึกว่าเขาใส่วิกเปลี่ยนโฉมมาแกล้งเธอ เนื่องจากทุกคนแตกต่างไปจากเดิมที่เธอเคยเห็นเป็นประจำทุกวัน

                “นี่มันหมายความว่าไง?”

                โซโกะดันหน้าคางุระแล้วกดกับหมอนอย่างแรงเพื่อให้เธอปล่อยผมเขา ซึ่งชินปาจิเห็นการใช้ความรุนแรงในครอบครัวแล้วเหงื่อตก

                “คางุระ ฉันขอถามอะไรอีกอย่างสิว่าตอนนี้หล่อนอายุเท่าไร?”

                กินโทกิเอ่ยปากถามเธออีกครั้ง

                “14 ปีน่อ”

                “นั่นไงล่ะ ชัดเลยครับ”

                ชินปาจิเปรยอย่างเหนื่อยใจ เมื่อเห็นว่าคอนโด้กับโซโกะกำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคางุระ กินโทกิกับชินปาจิจึงอธิบายอาการของคนที่ได้รับยาหลงลืมจำนวนมากให้กับพวกนั้นฟัง

                “นี่มันหลงลืมหรือว่าความจำเสื่อมกันแน่? แล้วไอ้โรคุโอะอะไรนั่นมันได้รับขนาดไหนกันฟะถึงได้ลืมไปยันตอนแรกคลอดแบบนั้นไปได้”

                คอนโด้ถามด้วยความสงสัยซึ่งสองหนุ่มแห่งร้านรับจ้างสารพัดก็ให้คำตอบไม่ได้เช่นกัน

                “โอ้วววว อะไรกันน่อ ทำไมหน้าอกอั๊วถึงได้อวบอั๋นตูมๆแบบนี้ได้ล่ะน่อ อั๊วไม่ได้ฝันไปใช่ไหมน่อ???? ผมอั๊วก็ยาวมากเลยน่อ โอ้วววว Unbelievable”

                เสียงเล็กๆของคางุระดังขึ้นอย่างตื่นเต้นทำให้ชายหนุ่มทั้ง 4 คนหันไปมอง ก็พบว่าคางุระกำลังสำรวจตัวเองอย่างกระดี๊กระด๊า พวกเขาจึงหันมาคุยกันต่อ

                “อย่างนี้ก็หมายความว่ายัยหมวยนั่นจำไม่ได้ว่าแต่งงานกับผมแล้วสินะครับลูกพี่”

                โซโกะถามกินโทกิ ซึ่งเขาก็พยักหน้า

                “ก็คงจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ”

                ทุกคนหันมองโซโกะอย่างเห็นใจเป็นจุดเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย ส่วนโซโกะรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเมื่อรู้ว่าทุกอย่างจะต้องเริ่มจาก 0 ใหม่

 


 

                วันต่อมาคุณหมอได้บอกว่าพบคลื่นความผิดปกติที่สมองของคางุระซึ่งน่าจะเป็นผลกระทบจากยาหลงลืมที่ได้รับวิธีรักษาคือการกระตุ้นไฟฟ้าที่สมองของเธอ แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากคางุระกำลังตั้งครรภ์อยู่ ซึ่งนั่นต้องเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะกระตุ้นฟื้นฟูเรื่องเก่าๆให้เธอจำได้แทนนั่นเอง

                ทุกคนที่สนิทกับคางุระได้ทยอยกันเข้ามาเยี่ยมและช่วยทบทวนให้คางุระจำได้ถึงความทรงจำที่หายไปซึ่งคางุระสับสนมากกับสิ่งที่เธอได้ยิน

                “อั๊วน่ะเหรอน่ออายุ 19 ปีแล้วอั๊วก็แต่งงานกับอาตี๋ซาดิสม์นั่น?แถมตอนนี้ในท้องอั๊วก็ยังมีลูกไอ้บ้านั่นอีก?”

                “ใช่แล้วจ้ะ”

                โอทาเอะที่ใกล้กำหนดจะคลอดลูกคนสองอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ายืนยัน คางุระมองหน้าและท้องของโอทาเอะสลับกันอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าอาเจ๊ใหญ่ของเธอจะแต่งงานกับกอริลล่าที่ตบตีกันมาตลอดได้

                “เรื่องของอาเจ๊ใหญ่เป็นไงมาไงอั๊วไม่รู้หรอกน่อ แต่อั๊วไม่มีทางที่จะแต่งงานกับไอ้บ้านั่นเด็ดขาดน่อแล้วนี่อั๊วก็ไมได้ท้อง อั๊วแค่กินมากแล้วไม่ได้ถ่ายเท่านั้นเองน่อ”

                คางุระจับท้องที่เริ่มนูนเล็กน้อยแล้วปฏิเสธสิ่งที่ได้ยิน

                “ถึงจะหนีแค่ไหน แต่ความจริงก็เป็นความจริงนะ คางุระ” ซึคุโยะบอกแล้วยื่นซองสีน้ำตาลให้กับหญิงสาว คางุระรับมาแล้วเปิดดูอย่างงงๆ ในซองสีน้ำตาลนั้นเป็นภาพงานแต่งงานของเธอกับโซโกะซึ่งในภาพนั้นเธอกับเขานั้นยิ้มให้กันและกันอย่างมีความสุข รวมถึงมีทะเบียนสมรสแนบมาด้วย คางุระไม่ยอมรับแล้วโยนของพวกนั้นทิ้งอย่างขยะแขยง

                “พวกลื้อเลิกแกล้งอั๊วได้แล้วน่อ อั๊วแค่ 14 เองน่อจะแต่งงานกับไอ้คนที่ไม่ชอบหน้าได้ยังไงน่อ อั๊วไม่ตลกด้วยน่อ”

                ทุกคนมองคางุระอย่างเห็นใจที่จู่ๆก็ราวกับว่าตัวเธอนั้นมาอยู่ในโลกที่ไม่รู้จัก ยิ่งคุณหมอมาตรวจครรภ์และยืนยันว่าเธอท้องจริงๆแล้วยิ่งทำให้คางุระจิตตกตั้งตัวไม่ทันว่าเกิดอะไรกับตัวเอง

 


 

                “ในที่สุดก็จำกันได้นะครับ”

                ชินปาจิเอ่ยขึ้นเมื่อโรคุโอะจำพี่สาวของตนได้หลังจากได้พบกับซาซาเอะ หนุ่มแว่นตัวตบมุขมองภาพที่น้องที่จับมือร้องไห้ให้กันและกันอย่างตื้นตัน

                “ไม่รู้ว่าหมอนั่นโดนยาไปกี่ขนานถึงใช้เวลากว่า 5 ปีจะจำพี่สาวตัวเองได้ แล้วคางุระจะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีกันนะ”

                กินโทกิคุยกับชินปาจิอย่างกังวล โซโกะที่เดินมาเพื่อจะสอบปากคำโรคุโอะอีกครั้งได้ยินที่ทั้งสองคนพูดถึงคางุระพอดี ชายหนุ่มรู้สึกแย่ขึ้นมาทันทีไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรต่อไปดีในเมื่อคางุระไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้อีกเลย


 

                1 สัปดาห์ผ่านไป

                คางุระที่แข็งแรงดีแล้วจึงได้รับอนุญาตให้สามารถกลับบ้านได้ ซึ่งตลอดเวลานั้นโซโกะพยายามอดทนอธิบายสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาตลอดระยะเวลา 5 ปีกว่าของพวกเขาให้เธอฟัง แต่คางุระก็ปฏิเสธอย่างเดียวและย้ำกับเขาว่าไม่เคยเกิดขึ้น

                “นั่นหล่อนจะไปไหน?”

                โซโกะถามเมื่อเห็นคางุระเดินตามกินโทกิหลังจากออกจากรพ. ในขณะที่เขาเพิ่งสวมหน้ากากซาดาฮารุพรางหน้าตัวเองอยู่

                “อั๊วก็จะกลับบ้านน่ะสิน่อ”

                “บ้านหล่อนอยู่กับฉัน มาทางนี้ซะคางุระ”

                ชายหนุ่มเรียกเธอแต่คางุระกลับชักสีหน้าไม่พอใจใส่

                “อั๊วบอกลื้อกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาเรียกตีสนิทอั๊วแบบนี้น่อ อาตี๋สมองขี้เลื่อย”

                โซโกะสะอึกเมื่อได้ยินคางุระพูดตัดเยื่อใยเช่นนั้น กินโทกิเห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงเข้าไปไกล่เกลี่ย

                “โอคิตะคุง ในเมื่อคางุระยังจำไม่ได้นายคงต้องให้คางุระไปอยู่กับฉันก่อนล่ะนะ”

                “ถ้าปล่อยให้อยู่กับลูกพี่ แล้วเมื่อไหร่ยัยนั่นจะจำผมได้ล่ะครับ”

                โซโกะถามสิ่งที่ไร้จุดหมายปลายทาง กินโทกิเกาหัวตัวเองไม่รู้จะหาคำตอบอะไรให้กับชายหนุ่มดี

                “อีกอย่างข้าวของคางุระก็ยังอยู่ที่บ้านผม ผมให้หล่อนไปกับลูกพี่ไม่ได้หรอกครับ”

                “ถ้าข้าวของล่ะก็นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ฉันให้ชินปาจิไปขนมาไว้ที่บ้านฉันแล้ว” ชายหนุ่มผมเงินบอกแล้วไม่ยอมสบตากับโซโกะตรงๆ “ถึงแม้จะพลการไปนิดแต่พอดีฉันเห็นว่ากุญแจบ้านนายมันอยู่กับยัยนี่น่ะ”

                “หมายความว่าลูกพี่จัดบ้านเตรียมพร้อมต้อนรับยัยนั่นกลับสู่รังตัวเองสินะครับ”

                “ไม่นะ ฉันไม่ได้ดีใจเลยจริงๆที่คางุระจะกลับมาอยู่ด้วย แค่มองสถานการณ์เท่านั้นเอง”

                “แต่ลงทุนถูบ้านซักผ้าในส่วนของคางุระจังด้วยตัวเองเลยล่ะครับ”

                ชินปาจิที่พาซาดาฮารุมารับคางุระด้วยกันเอ่ยขึ้น ทำให้โซโกะหงุดหงิดกับเรื่องราวที่ไม่ได้ดั่งใจเพราะคนพวกนี้ตั้งใจพาคางุระไปอยู่กับพวกตนเองเหมือนดังเดิมไม่ได้ตั้งใจจะช่วยเขาเลยสักนิด

                “ลูกพี่ตั้งใจจะพรากเมียกับลูกผมไปจริงๆเหรอครับ?”

                “นี่ไม่ใช่ลูกลื้อน่อ อั๊วไม่มีวันท้องกับลื้อ นี่คือลูกของอั๊วกับกินจังต่างหาก”

                คางุระบอกแล้วไปเกาะแขนของกินโทกิ

                “ต๊ายยยยยย ฉันว่าแล้วว่าร้านรับจ้างสารพัดน่ะต้องแอบเป็นสมภารกินไก่วัด”

                เสียงซุบซิบที่ดังเกินกว่าจะซุบซิบดังขึ้น ทุกคนหันไปมองก็พบกับแคทเธอรีนทำมือป้องปากหันไปคุยกับหุ่นสาวใช้ทามะ ซึ่งก็ทำให้คนในบริเวณหันมามองพวกเขาเป็นตาเดียว

                “ยัยแมวยั่วพระบาทนี่อยากตายไงห๊า??”

                กินโทกิโวยวายใส่อย่างโมโห

                “เอาหน่าครับ ตกลงตามนี้นะครับคุณโอคิตะ หน้าที่การฟื้นความทรงจำของคางุระจังปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกผมเอง”

                ชินปาจิสรุปเองแล้วประคองคางุระให้ขึ้นหลังซาดาฮารุเพื่อขี่กลับบ้าน กินโทกิเองก็คว้ามอร์เตอร์ไซค์คู่ใจบึ่งหนีไปเช่นกัน ทิ้งโซโกะที่สวมหน้ากากไว้อยู่หน้ารพ.คนเดียว

                “เล่นกันอย่างนี้สินะ”

                โซโกะพึมพำแล้วกำหมัดอย่างแค้นใจที่เหตุการณ์วุ่นวายไปถึงขนาดนี้

 


 

เนื่องจากไรท์ไม่สามารถลงได้มากกว่านี้เพราะกลัวจะยาวไปเลยขอแบ่งตอนออกไปนะคะ

 

สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังทุกคนที่เข้ามานะคะ มีความสุขกันเยอะๆน้าาา

               

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา